รีวิวฉบับที่ 1794 … สวัสดีค่ะ หลังจากโครงการนี้มีทั้งพาชมทำเล และพาชมห้องตัวอย่างกันไปแล้ว ครั้งนี้เรามาพร้อมกับรีวิวเจาะลึกฉบับเต็มกันแล้วนะคะ สำหรับโครงการ Siamese Exclusive Ratchada เรียกได้ว่าออกแบบโครงการมาได้น่าสนใจและมีดีเทลโครงการเยอะทีเดียว

เริ่มจากตัวโครงการที่เป็นรูปแบบ Mixed Use มี Service Residence พร้อมการนำบริษัท Chain โรงแรมมาบริหาร รวมไปถึง Technology ในการอยู่อาศัยที่ทางไซมิสออกแบบค่อนข้างหลากหลายทีเดียว ปิดท้ายด้วยทำเลติดรัชดา+ใกล้ MRT รัชดาเพียง 90 ม. โดยโครงการนี้จะเป็นอย่างไรเราไปอ่านรีวิวกันค่ะ 🙂

Fact @ 1 February 2019

  • อาคาร A 4 ชั้น : อาคารของไซมิส (Siamese Asset)
  • อาคาร B 7 ชั้น : อาคารของไซมิส (Siamese Asset)
  • อาคาร C 37 ชั้น : ห้องพักอาศัย 560 ยูนิต และ ร้านค้า 3 ยูนิต
  • อาคาร D 10 ชั้น+ชั้นใต้ดิน 2 ชั้น : อาคารจอดรถ (Automatic Parking)

  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 16 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 281 คันคิดเป็น 45% แบ่งเป็น
    • ที่จอดรถอัตโนมัติ
    • ที่จอดรถส่วนกลาง

  • ที่ดินประมาณ 2-2-94 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : พฤษภาคม 2562
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ  : กุมภาพันธ์ 2565
  • UPDATE 09/09/19 : คาดว่าแล้วเสร็จ มกราคม 2563 
  • 1 Bedroom 31-36 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.3 ล้านบาท*
  • 2 Bedroom 50-57 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.7 ล้านบาท*
  • ฝ้าเพดานสูง
    • ห้องพักอาศัยธรรมดา 2.85 เมตร
    • Loft 4.5 เมตร

  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.3 ล้านบาท (โปรโมชั่น)*
  • UPDATE 14/09/19 : ราคาห้องเริ่มต้น 3.9 ล้านบาท (ราคาโปรโมชั่น)
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 144,000 บาท/ตร.ม.
  • UPDATE 09/09/19 :  ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 120,000 – 180,000 บาท/ตร.ม. 
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center  : 1306
  • *หมายเหตุ ข้อมูล Fact เป็นข้อมูลที่ได้รับก่อนการ Presale ในช่วงเวลาที่ทำรีวิว ซึ่งปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงตามข้อมูลดังกล่าว

    เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

    สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด : 13.800667, 100.575120

    โครงการ Siamese Exclusive Ratchada ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าไปทางสุทธิสาร ตรงไปยังพระราม 9 โดยทำเลบริเวณนี้จะอิงกับทำเลข้างเคียงอยู่ 2 ทำเลด้วยกันคือ ลาดพร้าว และสุทธิสาร นะคะ ซึ่งทั้ง 2 ทำเลนี้เด่นในเรื่องความอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว อย่างบริเวณแยกลาดพร้าว-รัชดาเองก็จะมีสวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาภิเษก ใต้ MRT มี Gourme Market ไว้ซื้อของกินของใช้เข้าบ้านได้ หรืออีกโซนอย่างสุทธิสารก็ไม่น้อยหน้านะคะ มีร้านค้า ร้านอาหารเปิดเรียงรายตามถนนเยอะพอสมควรเลย และคึกคักในช่วงกลางวัน-กลางคืนเลย

    ด้วยความที่โครงการตั้งอยู่ริมถนนรัชดาภิเษก บริเวณใกล้ๆกับซอยรัชดาภิเษก 28 ใกล้กับ MRT รัชดาภิเษก ในระยะที่เดินได้สบายๆ เพียง 90 ม. ถ้าใครเคยผ่านแถวๆนี้จุดสังเกตคือโครงการจะอยู่ติดกับอาคารโอลิมเปีย

    สำหรับการเดินทางโดยใช้รถยนต์ถือว่าสะดวกสามารถออกไปทางถนนหลักต่างๆได้ ทั้งไปยังย่านรัชดาฯ-พระราม 9 ที่มีแหล่งอาคารสำนักงานอยู่หลายแห่ง หรือวิ่งตรงไปยังเส้นเพชรบุรี อโศก เชื่อมต่อไปจนถึง ทองหล่อ เอกมัยได้ และสามารถเดินทางไปยังถนนลาดพร้าว ถนนวิภาวดี – รังสิต ซึ่งก็เป็นอีกแหล่งอาคารสำนักงานที่อยู่ใกล้กับที่ตั้งโครงการเช่นกัน การจราจรช่วงหน้าโครงในช่วงเวลาเร่งด่วนอาจจะติดขัดเล็กน้อย ตอนเช้า-เย็นต้องเผื่อเวลากันหน่อย แต่เนื่องจากที่ตั้งโครงการใกล้ MRT จึงสามารถใช้เป็นตัวเลือกได้

    ส่วนอีกฝั่งหนึ่งถ้าขับรถตรงขึ้นไปทางทิศเหนือสามารถไปออกรัชโยธิน, สะพานใหม่, คูคต, ลำลูกกาได้ หรือจะไปทางห้าแยกลาดพร้าวเลยไปจนถึงดอนเมือง บางบัวทองก็ได้ หรืออีกเส้นทางจากถนนลาดพร้าวก็สามารถเดินทางฝั่งตะวันออกไปยังรามอินทรา, รามคำแหง, บางกะปิ ก็ไปได้เช่นกัน ถือเป็นจุดเชื่อมต่อที่เดินทางได้สะดวก ซึ่งจากโครงการก็สามารถไปขึ้นทางด่วนได้หลายเส้นทางทำให้ออกเมืองและสามารถเลี่ยงรถติดได้ค่ะ

    อย่างที่กล่าวไปข้างต้นแล้วนะคะว่าใกล้กับ MRT รัชดาเพียง 90 ม. และนอกจากนี้ก็ยังอยู่ห่างจาก MRT ลาดพร้าวประมาณ 1 กม. ซึ่งในอนาคตสถานีนี้จะเป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองวิ่งไปทางบางกะปิ-ศรีนครินทร์อีกด้วย หากใครจะใช้รถไฟฟ้าสายสีเหลืองนี้ก็สามารถเรียกรถหรือมอเตอร์ไซค์ต่อไปขึ้นได้นะคะ ถือว่าอยู่ในระยะที่ไม่ไกลมาก และหากดูจากกำหนดการณ์แล้วเสร็จของรถไฟฟ้าสายนี้แล้วก็มีแนวโน้มจะได้ใช้กันอีก 3 ปีหน้า ซึ่งก็เป็นระยะเวลาที่โครงการสร้างเสร็จไปแล้วไม่นานค่ะ

    สำหรับทำเลโครงการทางทีม Think of Living เราเคยได้ไปรีวิวทำเลแบบเจาะลึกกันมาแล้วนะคะ สามารถอ่านข้อมูลแบบละเอียดและเจาะลึกกันได้โดย (คลิกที่นี่)


    เจาะลึกตัวโครงการ

    ตัวโครงการ Siamese Exclusive Ratchada เป็นโครงการ Mixed Use นะคะ ที่ประกอบด้วย 4 โครงการด้วยกัน

    • อาคาร A : เป็นอาคารของ Siamese Asset สูง 4 ชั้น มีร้านค้า ร้านอาหาร และห้องประชุมสัมมนา
    • อาคาร B : เป็นอาคารของ Siamese Asset สูง 7 ชั้น เป็นที่ทำการบริหารของบริษัท Greenland ที่เป็น Chain โรงแรมเข้ามาบริหารส่วน Service Residence

    ___________________________

    ส่วนอาคาร C และ D นี้จะเป็นอาคารในส่วนพักอาศัย ครึ่งนึงเป็นนิติบุคคลดูแลและอีกครึ่งนึงเป็นทาง Greenland บริหารจัดการนะคะ

    • อาคาร C : เป็นอาคารส่วนพักอาศัย สูง 37 ชั้น โดยแบ่งเป็น ชั้น 2-19 เป็นส่วนคอนโดมิเนียมอยู่อาศัย 288 ยูนิต และชั้น 20-36 เป็น Service Residence 272 ยูนิตที่มี บริษัท Greenland เป็นผู้บริหารจัดการ
    • อาคาร D : เป็นอาคารจอดรถสูง 10 ชั้น และมีชั้นใต้ดินอีก 5 ชั้น เป็นระบบจอดรถอัตโนมัติทั้งหมด รวมที่จอดรถทั้งโครงการประมาณ 50 %

    และด้วยความที่เป็นอาคารพักอาศัยแบบ Mixed Use นะคะ ทางโครงการจะมีการแย่งชั้นในการใช้งานไว้ชัดเจนทั้งพื้นที่ส่วนกลางและชั้นพักอาศัย เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้สะดวกและเป็นระเบียบชัดเจน

    • Residence (ซื้อเพื่อการพักอาศัย)

    • ชั้นพักอาศัยจะอยู่ช่วง Low Zone เริ่มต้นที่ชั้น 2-19 นะคะ ช่วงราคาของห้องพักอาศัยเมื่อเทียบกับส่วน Service Residence จะเป็นราคาช่วงเดียวกันนะคะ เพียงแต่ราคาจะขึ้นตามระดับของชั้นเท่านั้นค่ะ
    • ส่วนกลางของโซน Residence นั้นอยู่ที่ชั้น 1 และชั้นลอยเท่านั้นนะคะ ซึ่งจะมี Lobby, Fitness และ Co-Working Space

  • Service Residence (ซื้อลงทุนปล่อยเช่าให้ Greenland บริหาร)
    • ชั้นพักอาศัยจะอยู่ช่วง High Zone เริ่มต้นที่ชั้น 20-36
    • ส่วนกลางของโซน Residence นั้นอยู่ที่ชั้น 37 หรือชั้นสูงสุดของโครงการ ซึ่งประกอบด้วยสระว่ายน้ำ, Fitness, Sky Lounge และสวน โดยจะสงวนสิทธิ์ให้ใช้เฉพาะผู้เช่าอยู่เท่านั้น กรณีลูกบ้านส่วน Residence ต้องการใช้งานจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเป็นครั้งๆ ไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทาง Greenland พิจารณาค่าใช้จ่ายนะคะ ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีกำหนดราคาค่ะ

    สำหรับบริษัท Greenland ที่จะมาบริหารงานส่วน Service Residence นี้ สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เซียงไฮ้ ประเทศจีน (สาธารณรัฐประชาชนจีน) จัดเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ในการบริหารดูแลในด้านนี้มาร่วม 25 ปี โดยทรัพย์สินรวมบริษัทอยู่ที่ราวๆ 740 พันล้านหยวน หรือเทียบเท่ากับประมาณ 3,400 พันล้านบาท ซึ่งปัจจุบัน Greenland ได้มีการขยายฐานธุรกิจข้ามประเทศในหลายประเทศด้วยกัน เช่น อเมริกา อังกฤษ แคนนาดา ออสเตรเลีย เป็นต้น

    สำหรับผู้ซื้อห้องพักอาศัยในโซน Service Residence นี้จะมีการันตีผลตอบแทนให้ใน 2 ปีแรก อยู่ที่ 5% และปีถัดไปจะเป็นการแบ่งผลกำไรกัน โดยเจ้าของจะได้ 65% และอีก 35% แบ่งให้เป็นค่าบริหารจัดการผู้เช่าของทาง Greenland นะคะ

    ซึ่งทั้งนี้ผู้ซื้อเองจะไม่ได้มีสิทธิพักอาศัยเหมือนที่เราเห็นกันในบางโครงการ โดยเฉพาะโครงการตากอากาศนะคะ หากผู้ซื้อจะอยู่เองจะต้องเช่าผ่านทาง Greenland เท่านั้น

    ภาพด้านบนนี้เป็นการแจกแจงรายละเอียดในการคิดค่าใช้จ่ายด้านการบริหารงานของทาง Greenland และผลตอบแทนของผู้ซื้อ ซึ่งลองสมมติตัวเลขขึ้นมาคร่าวๆ นะคะ

    อย่าง 2 ปีแรกนี้จะเป็นการ Fix ผลตอบแทน 5% แน่นอน ส่วนปีถัดไปนั้นจะมีการคิดรายได้และการหักค่าใช้จ่าย ดังนี้

    • รายรับจากผู้เช่ารายวัน โดย 1 Bedroom ราคาประมาณการณ์ อยู่ที่ 2,500 บาท/วัน และ 2 Bedroom ราคาประมาณการณ์ อยู่ที่ 4,800 บาท/วัน x จำนวนวันที่มีผู้เช่า = รายได้ทั้งหมด/ยูนิต
    • จากนั้นนำรายได้ทั้งหมด หักค่าบริการจัดการทั้งหมด 12% ของรายได้ทั้งหมด/ยูนิต
    • เมื่อได้ราคาสุทธิแล้วจึงค่อยมาแบ่งรายรับ โดยทางเจ้าของห้องจะได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 65% และแบ่งให้ทางโรงแรม 35%
    • เมื่อแบ่งมารายรับมาแล้ว 65% ของรายได้สุทธิแล้ว ในแต่ละปีก็จะมีการเก็บค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม หรือดูแลรักษาห้องอีกประมาณ 2.5% – 4.5% ขึ้นอยู่กับการประเมิน

    เรามาดูในส่วน Perspective เพื่อดูบรรยากาศโครงการจริงกันนะคะ ลักษณะการออกแบบ Exterior โครงการจะเน้นความเรียบหรู โดยวัสดุหลักๆ จะเป็นกระจกแบบ Full Height

    สำหรับด้านหน้าโครงการนี้จะเป็นพื้นที่เปิดนะคะ เนื่องจากอาคาร A และ B นี้จัดเป็นทรัพย์สินของทาง Siamese Asset เป็นผู้บริหาร หลักๆ จะเป็นอาคารสำนักงาน และมี Commercial อยู่ด้านล่างด้วย ดังนั้นก็จะได้บรรยากาศคึกคัก หาของกินง่าย

    เรามาดูส่วน Facilities ในส่วนคอนโดมิเนียมกัน เริ่มต้นจาก Facilities ส่วน Residence ซึ่งจะอยู่ในชั้นลอยนะคะ ประกอบด้วย Co-Working Space ซึ่งภายในจัดให้มีพื้นที่นั่งทำงาน ประชุมงาน และคุยงานได้

    และอีกห้องคือฟิตเนส ซึ่งจะอยู่ในชั้นลอยนี้เช่นกันค่ะ ภายในแบ่งเป็นทั้งหมด 2 โซนด้วยกันคือโซน Active วางเครื่องออกกำลังกายให้ประมาณ 7-8 เครื่อง และอีกโซนคือ Weight Training + Activity ที่มีพื้นที่สำหรับโยคะ หรือทำกิจกรรมต่างๆ พร้อมเครื่อง Weight Training เสริมสร้างกล้ามเนื้อ

    ขึ้นมาที่ชั้น 37 นั้นจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางสำหรับผู้พักอาศัยโซน Service Residence เท่านั้นนะคะ ในชั้นนี้จะมี Sky Lounge เป็นพื้นที่นั่งเล่น พร้อมชมวิวเมืองในมุมสูงได้

    ห้องฟิตเนสที่ออกแบบมาให้สามารถออกกำลังกายไปพร้อมชมวิวมุมสูงได้เช่นเดียวกัน

    และปิดท้ายที่โซน Facilities outdoor ของชั้น 37 ที่มีทั้งมุมนั่งเล่นในสวน และสระว่ายน้ำ

    มาดูในส่วน Master Plan โครงการกันต่อนะคะ อย่างที่บอกไปว่าอาคาร A+B จะเป็นทรัพย์สินของ Siamese ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ ส่วนโซนพักอาศัยของโครงการจะเป็นอาคาร C และอาคาร D ที่เป็นอาคารจอดรถของลูกบ้านโครงการโดยเฉพาะ

    ซึ่งต้องบอกว่าลักษณะโครงการที่มี Commercial หรือสำนักงานด้านหน้านั้นก็จะมีความคึกคักและมีคนนอกเดินเข้า-ออกเป็นปกตินะคะ ทำให้รูปแบบโครงการแบบนี้จะตอบโจทย์กับคนที่ยอมรับความคึกคักได้ และชอบความสะดวกสบายในการหาของกินต่างๆ เพราะในอาคาร A+B นี้จะมีการจัดพื้นที่บางส่วนเป็นร้านค้าแน่ๆ

    จากนั้นเดี๋ยวเราจะมาเจาะลึกในอาคาร C ซึ่งเป็นอาคารพักอาศัยกันนะคะ เริ่มจากชั้นล่างสุดนี้มีการแยกทางเข้า Lobby เป็น 2 โซนชัดเจน คือส่วน Hotel (Service Residence) และส่วน Residence ทำให้ลูกบ้านมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนะคะ

    อีกทั้งส่วนโถงลิฟต์นั้นก็แยกการใช้งานเป็น Low Zone ที่เป็นชั้นของ Residence และ High Zone ที่เป็นชั้นของ Service Residence

    ในชั้นลอยที่เชื่อมกับชั้น 1 นั้นจะมีห้อง Co-Working Space และ ฟิตเนสของลูกบ้านส่วน Residence แต่ตำแหน่งของ Co-Working Space นั้นกลับอยู่บนโซน Lobby ของ Service Residence แทน อาจจะไม่สะดวกในการใช้งานเท่าไหร่ และควรมีจุดสแกนบัตรให้เฉพาะลูกบ้านส่วน Residence เข้าใช้งานได้

    ขึ้นมาชั้น Typical Floor Plan ของชั้น Residence กันนะคะ จะสังเกตว่าตำแหน่งทิศห้องส่วนใหญ่หันไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก โดยฝั่งทิศตะวันออกจะได้วิวทางจตุจักร ส่วนทิศตะวันตกหันไปทางลาดพร้าว-โชคชัย 4 ซึ่งฝั่งนี้จะรับแดดยามบ่ายอยู่ด้วยนะคะ

    สำหรับจำนวนยูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 16 ยูนิตเท่านั้นก็ถือว่าไม่มาก มีความเป็นส่วนตัว ประกอบกับได้ Single Corridor อีกด้วย แต่การวางผัง Single Corridor ของที่นี่จะมีข้อด้อยหน่อยตรงที่ไม่มีช่องแสงเข้ามามากนัก ทำให้โถงทางเดินมืดจำเป็นต้องพึ่งพาไฟส่องสว่างในตอนกลางวันด้วยนะคะ

    ตำแหน่งห้องที่น่าสนใจมีอยู่หลายห้องนะคะ อย่าง Eden C (มุมซ้ายบน) Eden B (มุมขวาล่าง)เพราะห้องมุมอาคารที่มีส่วนยืดออกมาเล็กน้อยทำให้ได้วิวทั้งหมด 3 ทิศด้วยกันและมีผนังเพียงด้านเดียวที่ติดกับเพื่อนบ้าน ส่วนห้อง Bliss B ฝั่งทิศเหนือก็จะเป็นห้องเดียวของ 1 Bedroom ที่ได้ทิศทางแดดที่ดีที่สุดในอาคาร

    ขึ้นมาที่ชั้น 20-36 โซน Service Residence นี้มีการจัดวางเหมือนกับโซน Residence เลยนะคะ แตกต่างกันตรงตำแหน่งของลิฟต์โดยสารเล็กน้อยเท่านั้น

    และสุดท้ายคือชั้น 37 ชั้นนี้เป็นชั้น Main Facilities ของ Service Residence แบ่งเป็น Indoor ได้แก่ Sky Lounge, Fitness ได้วิวหันไปทางลาดพร้าว-โชคชัย 4 ส่วน Outdoor ได้แก่ สระว่ายน้ำ และพื้นที่นั่งเล่นในสวนจะได้วิวหันไปทางจตุจักร ซึ่งคิดว่าใครที่อยู่ในชั้นสูงๆ น่าจะพอเห็นวิวสวนบ้างนะคะ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • Residence

    • Concierge Services
    • Lobby Lounge
    • Co-Working Space
    • Fitness

  • Service Residence
    • International Branded Hotel Operation
    • Concierge Services
    • Daily Maid Service
    • Room Service
    • Free Wifi-Cable
    • Fitness
    • Swimming Pool
    • Sky Lounge
    • Garden

  • ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร
    • Low Zone
    • High Zone

  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 281 คันคิดเป็น 45%
  • ระบบ CCTV / Access Card

  • Product Walkthrough

    ก่อนไปชมห้องตัวอย่างกัน จะขอเกริ่นจุดเด่นของห้องพักอาศัยของ Siamese Exclusive Ratchada ที่จะมีในทุกห้องเป็นมาตรฐานเลยคือ การนำ Technology เข้ามาช่วยส่งเสริมการอยู่อาศัยให้น่าอยู่มากขึ้นนะคะ โดยจะมีดังนี้ค่ะ

    • Smart Ventilation Fresh Air : ระบบหมุนเวียนอากาศภายในห้องพักอาศัย ซึ่งจะมีการเดินท่อและงานระบบที่จะปล่อยอากาศภายนอก (Fresh Air) เข้ามาภายในห้องโดยผ่านการกรองจาก Smart Ventilation Fresh Air สามารถช่วยลดปริมาณ C02 กำจัดแบคทีเรีย และกรองฝุ่นละอองได้ถึงระดับ PM 2.5 พร้อมทั้งมีการดูดอากาศในห้องพักออก ช่วยให้อากาศในห้องถ่ายเท + ลดกลิ่นต่างๆ ในห้อง เช่น กลิ่นอับ เป็นต้น
    • Individual Vent : มีการออกแบบให้แยกท่อน้ำเสียจากชักโครก กับท่อน้ำเสียจากอ่างล้างหน้าและท่อระบายน้ำออกจากกัน จะช่วยป้องกันไม่ให้มีกลิ่นเหม็นเกิดขึ้นได้ เพราะปกติโครงการทั่วไปในงานระบบก่อสร้างจะใช้ท่อระบายน้ำเสียจากชักโครก อ่างล้างมือและท่อระบายน้ำเป็นท่อเดียวกัน
    • Acoustic Door : ประตูหน้าห้องจัดให้เป็นประตูกันเสียง ซึ่งจะใช้วัสดุเป็นแผ่นไฟเบอร์บอร์ด ที่มีความทนความชื้น และบุด้วยวัสดุลดทอนเสียงและวัสดุดูดซับเสียง ที่สามารถกันเสียง STC33 (Sound Transmission Class Rating)
    • Energy Saving

    • Low-E Glass : กระจกกันความร้อนแบบการแผ่รังสีความร้อนต่ำ คุณสมบัติของกระจกชนิดนี้คือจะมีการเคลือบสารฉนวนกันรังสีอินฟาเรดหรือรังสีความร้อนในด้านในของกระจกฉนวน และรูปแบบนี้จะเป็นกระจก 2 ชิ้น ประกบกันโดยมีช่องว่างอากาศตรงกลาง ช่วยลดความร้อนต่างๆ เข้าสู่ภายในห้องได้ดีมากขึ้น
    • หลอดไฟ LED : ประหยัดค่าไฟมากกว่า และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าหลอดไฟ Incandescent และ Fluorescent ทั่วไป

    ห้องพักอาศัยของโครงการ Siamese Exclusive Ratchada มีแบบให้เลือกหลากหลายนะคะ ทั้ง 1 Bedroom, 2 Bedroom และ Loft โดยจะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom ประมาณ 75% ของยูนิตทั้งหมด

    ส่วนรูปแบบการตกแต่งที่นี่จะเป็น Fully Fitted มีให้ในส่วนเคาน์เตอร์ครัว ชุดตู้ Built-in ต่างๆ และห้องน้ำที่ตกแต่งและสเป็คสุขภัณฑ์ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    สำหรับวันนี้เราพามาชมห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะห้อง Bliss C 1 Bedroom ขนาด 36 ตร.ม. ห้องนี้มีความน่าสนใจคือเป็นห้องกึ่ง Studio และกึ่ง 1 Bedroom เพราะระหว่างห้อง Common Area และห้องนอน ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกทรงสูง ทำให้ห้องนี้ค่อนข้าง Flexible จะปรับเป็นห้อง 1 Bedroom เพื่อให้ห้องนอนมีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น หรืออยากได้พื้นที่โปร่งโล่งก็เปิดเลื่อนบานเลื่อนเป็นรูปแบบ Studio ได้เช่นกัน ตอบโจทย์คนที่ชอบห้องขนาดอยู่ 1-2 คนกำลังดี ชอบความโปร่งโล่งและการจัดพื้นที่ใช้สอยเองเพิ่มเติมได้

    ส่วนห้องน้ำทุก Type ห้องของโครงการนี้จะมีการออกแบบโดยเพิ่มอ่างอาบน้ำมาให้เป็นมาตรฐานอีกด้วยนะคะ

    เริ่มต้นกันที่หน้าประตูทางเข้าโครงการเลยนะคะ ต้องบอกว่าไม่ใช่เดินมาถึงห้องแล้วจะเจอประตูทางเข้าห้องธรรมดาทั่วไปอย่างที่เห็นในโครงการอื่นๆ แต่ที่นี่มีการ Set พื้นที่ด้านหน้าเข้าไปเล็กน้อยจากส่วนโถงทางเดิน เพื่อให้เกิดพื้นที่เป็น Foryer ขนาดกะทัดรัด ได้ความเป็นสัดส่วนมากขึ้น พร้อมทั้งด้านข้างมีการ Built-in ชั้นเก็บของพร้อมซ่อนไฟให้ด้วยนะคะ ซึ่งต้องบอกว่าพื้นที่ในส่วนนี้จริงๆ จะยังเป็นพื้นที่ส่วนกลางนะ แต่ทางโครงการมีทำไว้ให้ลูกบ้านได้ใช้ด้วย โดยส่วนตัวเราว่าดีนะคะ เพราะทำให้เราประหยัดพื้นที่ในการเก็บของในห้องได้ เพียงแต่ของที่จะเก็บนั้นต้องเป็นของที่ไม่ได้มีค่ามาก เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านในชั้นเดียวกันเดินผ่านไปมาได้อยู่แล้ว

    ลักษณะช่องเก็บของที่ได้จะเป็นชั้นประมาณนี้นะคะ ช่องกำลังพอดีสำหรับวางร่มขนาดใหญ่ได้ หรือหากใครจะเก็บรองเท้านั้นเราแนะนำให้นำรองเท้าใส่กล่องแล้ววางซ้อนกันได้ค่ะ

    สำหรับพื้นห้องภายในปูด้วย Engineering Wood หนา 14 มม. ถือว่าให้วัสดุมาโอเคนะคะ มาตรฐานกับราคา

    เข้ามาภายในห้องแล้วเราจะเจอกับส่วนครัวด้านข้างก่อนนะคะ และค่อยเข้าไปยังส่วน Common Area ด้านในที่ประกอบด้วยพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น

    เรามาดูส่วนครัวกันก่อนนะคะ สำหรับครัวของห้องนี้จะเป็นครัวแบบเปิดซึ่งเหมาะกับการทำอาหารเบาๆ ไม่เน้นอาหารหนักมากนัก เนื่องจากไม่ได้เป็นห้องปิดนะคะ ก็อาจจะมีกลิ่นอาหารในห้องบ้าง แต่ทางโครงการก็มีการจัดการปัญหาส่วนนี้ด้วยการให้ Hood ดูดควันแบบส่งท่อออกด้านนอก (Exhausted) และมี Smart Ventilation Fresh Air ช่วยดูดอากาศออกด้านนอกด้วยส่วนนึงค่ะ

    สำหรับชุดเคาน์เตอร์ครัวที่ลูกค้าจะได้นั้นจะเหมือนกับห้องตัวอย่างเลยค่ะ ซึ่งจะเป็นชุดเคาน์เตอร์ Built-in และตู้เก็บของด้านบน เชื่อมไปยังตู้เก็บของด้านบนที่เว้นว่างด้านล่างที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นค่ะ

    เรามาดูดีเทลกันนะคะ สำหรับตู้เก็บของด้านบนได้ขนาดค่อนข้างใหญ่และซอยชั้นให้ถึง 3 ชั้นด้วยกัน ซึ่งที่ซอยได้เยอะนี้ก็เพราะว่าทางโครงการ Built-in ชั้นเต็มถึงฝ้าเพดาน บวกกับฝ้าเพดานที่มีความสูงถึง 3.85 ม.ด้วยค่ะ ส่วนหน้าบานจะปิดผิวด้วยลามิเนตเคลือบเมลามีน และเป็น Soft Close

    ถัดมาที่ส่วนบริเวณ Top เคาน์เตอร์นี้ทำมาได้ดีนะคะ เพราะปิดผิวด้วยหินสังเคราะห์เชื่อมทั้งส่วน Top และผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ (Back Splash) ซึ่งหินสังเคราะห์นี้มีคุณสมบัติในเรื่องความคงทนในการใช้งานกันน้ำกันความชื้นได้ดี และทำความสะอาดง่ายค่ะ

    ส่วนบน Top เคาน์เตอร์ก็จะมีเตาเซรามิค 2 หัวให้ จาก Teka

    Sink เป็นแบบหลุมเดี่ยวจาก Teka เช่นกัน

    มีดีเทลเพิ่มเติมอีกหน่อยในส่วนของ Sink คือจะมีฝากรองมาด้วย แต่ช่องกรองจะค่อนข้างใหญ่หน่อยจะกรองอาหารได้บ้างส่วน แต่ถ้าเป็นเศษอาหารขนาดเล็กมากก็น่าจะผ่านได้นะคะ

    ส่วนด้านล่างเคาน์เตอร์ฝั่งอ่างล้างมือเป็นช่องวางของขนาดใหญ่ได้เช่น หม้อ กะทะ ต่างๆ ส่วนอีกฝั่งเป็นลิ้นชักวางอุปกรณ์กินข้าวอย่างช้อนส้อม เป็นต้น ตรงกลางเว้นว่างไว้สำหรับวางไมโครเวฟได้ และลิ้นชักด้านล่างก็สามารถวางจานได้อยู่ค่ะ

    สำหรับดีเทลของเคาน์เตอร์นี้มีการตัดขอบด้วยโลหะสี Metalic Gold ดูสวยงาม

    มาต่อกันที่ส่วน Common Area พื้นที่ตรงนี้จะเห็นว่าบรรยากาศโปร่งโล่งทีเดียวนะคะ เนื่องจากฝ้าเพดานที่ได้สูง 2.85 ม. และกระจกทรงสูงจากพื้นถึงฝ้า

    ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารจะอยู่เข้ามุม โดยสามารถวางชุดรับประทานอาหารได้ 2 ที่นั่ง กำลังพอดี

    เงยหน้าขึ้นไปยังส่วนฝ้าเพดานจะเห็นว่าแอร์ที่ได้เป็นแบบ Conceal นะคะ ส่วนภายในเป็นแอร์แบบ Multi-Split Type ซึ่งจะมีความพิเศษที่น่าสนใจกว่า Split ทั่วไปนะคะ แต่เราจะขอยกไปอธิบายในพาร์ท CDU แอร์แทน เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น

    สำหรับพื้นที่นั่งเล่นนี้มีระยะความกว้างอยู่ประมาณ 1.8 ม. นะคะ ซึ่งก็จะเหมาะกับทีวีขนาดประมาณ 40-42 นิ้ว นะคะ และด้วยความกว้างของพื้นที่ประมาณนี้เมื่อวางโต๊ะกลางไปแล้วก็จะไม่มีพื้นที่ทางเดินได้สะดวกมากนักนะคะ แนะนำให้เลือกโต๊ะกลางแบบพับเก็บได้ หรือแบบที่มีล้อเลื่อนสามารถเลื่อนเข้ามาใกล้โซฟาได้มากขึ้นจะไม่กินพื้นที่ทางเดินมากนักค่ะ

    ส่วนพื้นที่วางโซฟาจะสามารถวางขนาด 2-3 ที่นั่งได้นะคะ หากวางแบบ 2 ที่นั่งก็จะมีพื้นที่ด้านข้างมากขึ้น เหมือนห้องตัวอย่าง

    ส่วนบริเวณชั้นวางทีวีจัดพื้นที่ให้ชัดเจน สามารถ Built-in ชั้นวางทีวีขนาดใหญ่ได้ค่ะ

    ถัดมาก็จะเป็นส่วนกระจกที่ได้สูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดานแบบจริงจัง ที่ต้องบอกว่าจริงจังก็เพราะว่า เฟรมกระจกด้านล่างเสมอกับพื้นเลย ซึ่ง effect จริงจะแตกต่างกับเฟรมที่ตั้งอยู่บนพื้นพอสมควร

    ส่วนอีกฝั่งที่เป็นระเบียงนั้นก็จะได้เป็นประตูกระจกด้วยช่วงเพิ่มช่องแสงให้เข้าถึงภายในห้องได้มากขึ้น

    สำหรับระเบียงนี้ต้องบอกว่ามีขนาดกะทัดรัดนะคะ วางเครื่องซักผ้าขนาด 8 kg ก็จะเต็มพื้นที่แล้ว ไม่มีพื้นที่ไว้ซักล้างหรือตากผ้าขนาดใหญ่มากนัก อาจจะต้องเตรียมเครื่องอบผ้าเพิ่มด้วยก็จะสะดวกในการใช้งานจริงได้มากขึ้นค่ะ

    ส่วน CDU แอร์วางแบบหันออกนอกอาคาร ซึ่งถือว่าดีนะคะ ลมร้อนไม่เปาเข้าห้อง และที่พิเศษคือรูปแบบ Multi-Split Type คือมีคอยด์เย็น 2 ตัว (วางในส่วน Common Area และห้องนอน) แต่ใช้แค่ CDU ตัวเดียว แทนที่จะเป็น 2 ตัวเหมือนปกติทั่วไปนะคะ ช่วยให้ไม่กินพื้นที่ใช้งานส่วนระเบียงได้ดี

    และสุดท้ายที่เห็นเป็นแท่งทรงกระบอกใกล้กับ CDU นั้นคือระบบ Boiler หรือระบบทำน้ำร้อนนั่นเองค่ะ โดยระบบนี้ทางโครงการไม่ได้ติดตั้งให้เป็นมาตรฐานนะคะ เพียงแต่เดินงานระบบรองรับไว้ให้ และหากถามว่าถ้าเราไม่ใช้ระบบนี้ได้ไหม แต่เปลี่ยนเป็นเครื่องทำน้ำอุ่นแทน คำตอบคือไม่ได้นะคะ จำเป็นต้องติดตั้งระบบทำน้ำร้อนเท่านั้น

    ถัดมาส่วนประตูบานเลื่อนกระจกกั้นระหว่าง Common Area และห้องนอนนะคะ ชุดประตูบานเลื่อนนี้ถือว่าทำมาให้ค่อนข้างดีเลยนะคะ โดยเป็นกระจกสูงถึงฝ้าเพดานพร้อมกรอบบานประตูเป็นโลหะสี Metalic Gold ให้ความรู้สึกค่อนข้าง Lady พอสมควรอยู่เหมือนกัน

    นอกจากเรื่องกระจกใหญ่เต็มบานแล้วอีกข้อดีคือการเดินรางไว้ด้านบนนะคะ เพราะทำให้พื้นด้านล่างเชื่อมกับส่วน Common Area เลย ทำให้พื้นไม่มีวงกบมาคั่นกลาง เดินได้สะดวก

    ภายในห้องนอนนี้มีขนาดใหญ่ทีเดียวนะคะ และโปร่งโล่งพอสมควรเลย โดยฟังก์ชันภายในห้องนี้แบ่งได้เป็น 3 โซนด้วยกัน เริ่มจากส่วนเตียงนอนที่วางขนาด 5 ฟุต ตามห้องตัวอย่างจะกำลังพอดีกับพื้นที่นะคะ เพราะจะมีทางเดินรอบเตียงให้เดินได้ง่าย วางโต๊ะข้างเตียงได้อีกด้วย

    หันมาด้านข้างเตียงจะเห็นว่าได้กระจกแบบเต็มบานเช่นเดียวกันกับกระจกส่วน Common Area นะคะ แต่เพิ่มเติมที่มีหน้าต่างบานกระทุ้งช่วยระบายอากาศให้ด้วย

    อีกโซนของในห้องนอนนี้ทางโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าตามห้องตัวอย่างให้เป็นมาตรฐานเลยนะคะ โดยจะเป็นชุดตู้เสื้อผ้าที่เป็นบานเปิดกระจกสีชา ส่วนกรอบใช้สี Metalic Gold เหมือนเฟรมประตูบานเลื่อนเลยค่ะ ภายในตู้เสื้อผ้าแบ่งโซนการจัดเก็บเสื้อผ้าได้เป็นสัดส่วนดี พร้อมทั้งมีไฟส่องสว่างด้านในด้วย เมื่อเปิดบานเปิดตู้มาไฟก็จะเปิดโดยอัตโนมัติด้วยค่ะ

    ถัดมาที่โซนสุดท้ายของห้องคือมีพื้นที่สำหรับจัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้ และมุมด้านบนฝ้าเพดานของโต๊ะเครื่องแป้งจะเป็นช่อง Smart Ventilation Fresh Air ที่นำอากาศดีพร้อมกรองอากาศมาเรียบร้อยปล่อยเข้าในห้อง และดูดอากาศเสียออกผ่านห้องน้ำค่ะ

    เข้ามาภายในห้องน้ำแบ่งโซนเปียกและแห้งชัดเจนเป็นสัดส่วน เข้ามาก็จะเจอกับอ่างล้างมือก่อน และแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ซ้ายของรูปคือพื้นที่อาบน้ำ ส่วนฝั่งขวานั้นเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์

    สำหรับกระจกที่ได้ในห้องน้ำจะเป็นตู้กระจกที่ภายในมีช่องสำหรับเก็บของได้ด้วยนะคะ

    ถัดมาในส่วนอ่างล้างมือวัสดุอ่างจะเป็นไฟเบอร์นะคะ มีขนาดใหญ่ระดับนึง พร้อมกับด้านในอ่างจะทำพื้นแบบลาดเอียงลง Drain ด้านข้างแทน และมีการซ่อน Drain เพื่อความสวยงามมากขึ้น ส่วนด้านล่างอ่าง Built-in เป็นชั้นเก็บของด้านล่างให้ค่ะ สำหรับอ่างนี้จากยี่ห้อ Lavenz

    ถัดมาในส่วนโถสุขภัณฑ์ที่นี่ให้ของดีนะคะ โดยให้เป็น Washlet จาก TOTO ติดผนังเดินท่อภายใน Low Wall และสังเกตที่ด้านบนของโถสุขภัณฑ์จะมีช่องดูดอากาศซึ่งช่องนี้นี่แหละค่ะ ที่จะเป็นตัวดูดอากาศภายในห้องออกไปด้านนอก เพื่อให้เกิดการหมุนเวียนอากาศใหม่เข้ามาภายนอก + ระบายกลิ่นต่างๆ ภายในห้องได้อีกด้วย

    อีกฝั่งเป็นพื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อย

    สำหรับพื้นอาบน้ำจะกั้นด้วยขอบอลูมิเนียมและภายในปูด้วยกระเบื้องด้านลายหินอ่อน ในส่วนฟังก์ชันการใช้งานส่วนพื้นที่อาบน้ำนี้แบ่งออกเป็น 2 โซนคือโซนยืนอาบน้ำ และแช่ในอ่างอาบน้ำนะคะ

    สำหรับส่วนยืนอาบน้ำจะมีให้ทั้ง Rain Shower แบบฝังฝ้าเพดานและฝักบัวสายอ่อน จาก Grohe

    ส่วนอ่างอาบน้ำลักษณะจะเป็นอ่างทรงสี่เหลี่ยมจตุรัสนะคะ การใช้งานก็จะนอนแช่ไม่ได้ แต่นั่งแช่ได้สบายๆ อยู่ค่ะ ส่วนวัสดุอ่างเป็นไฟเบอร์เหมือนกับอ่างล้างมือนะคะ และจาก Lavenz เช่นเดียวกัน

    ถัดมาคือห้อง 2 Bedroom ขนาด 57 ตร.ม.  ห้องนี้จะอยู่ตำแหน่งมุมอาคารนะคะ ข้อดีคือได้วิวจากทั้ง 2 ฝั่งทำให้ฟังก์ชันหลักภายในห้องเช่น ห้องนอนทั้ง 2 และพื้นที่นั่งเล่นได้วิวจากภายนอก

    ส่วนการจัดวางฟังก์ชันภายในทำออกมาได้น่าสนใจและแปลกใหม่ดีนะคะ หลักๆ คือแบ่งโซนห้องนอนไปฝั่งนอกอาคารฝั่งทิศเหนือทำให้ห้องไม่ร้อน แต่ก็วางห้องนอนใหญ่ไม่ได้อยู่มุมในสุดนะคะ กลับวางห้องนอนเล็กอยู่ด้านในสุดแทน ซึ่งตรงนี้เป็นจุดที่แตกต่างจากทั่วไปพอสมควรนะ ซึ่งก็ทำให้ทั้ง 2 ห้องมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน กรณี Master Bedroom ก็จะมีห้องใหญ่กว่าและมีห้องน้ำส่วนตัว ส่วนห้องนอนเล็กได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า

    สำหรับ Common Area จัดมาได้เป็นสัดส่วนมากขึ้นนะคะ จะสังเกตว่าพื้นที่นั่งเล่นนี้จะไม่ได้อยู่ตรงกับทางเดินเข้าห้องโดยตรง ดังนั้นเวลาเราเดินเข้าห้องมาก็จะไม่เห็นส่วนพื้นที่นั่งเล่น ส่วนครัวเป็นครัวเปิดตามเดิม เพิ่มเติมคือได้ขนาดใหญ่มากขึ้น และพื้นที่รับประทานอาหารก็มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถวาง 4 ที่นั่งได้สบายๆ

    บริเวณด้านหน้าทางเข้าห้องก็จะมีการ Set พื้นที่เป็น Foyer ขนาดกะทัดรัด พร้อม Built-in ตู้เก็บของด้านข้างให้เหมือนห้อง 1 Bedroom

    เข้ามาภายในจะเห็นเคาน์เตอร์ครัวฝั่งขวาและพื้นที่รับประทานอาหารฝั่งซ้ายนะคะ ในส่วนทางเดินมีความกว้างกำลังดีเลย สามารถเดินได้สะดวกและมีพื้นที่สำหรับยืนทำอาหารได้ดี

    สำหรับส่วนเคาน์เตอร์ครัวนี้หลักๆ แล้วจะได้ Spec เดียวกับห้องที่แล้วนะคะ แต่แตกต่างตรงที่ส่วนบานเปิดปรับจากลามิเนตเป็นแบบ Hi-Gloss สีขาวแทน ซึ่งจะดูสะอาดและทำความสะอาดต่างๆ ได้ง่ายกว่า

    ส่วน Top และ Back Splash เป็นหินสังเคราะห์ตามเดิมนะคะ และบานเปิดด้านล่างเคาน์เตอร์มีขนาดเท่าเดิม เพิ่มเติมคือด้านข้างจะมีพื้นที่ว่างสำหรับวางเครื่องซักผ้าขนาด 8 kg มาด้วย ทำให้ห้องนี้มีพื้นที่ส่วนระเบียงในการซักล้างหรือตากผ้าได้มากขึ้น

    ส่วนเตาเซรามิกที่ได้จะเป็นแบบ 4 หัวเตาเพิ่มขึ้นมาจากห้อง 1 Bedroom นะคะ

    รวมไปถึงช่องวางตู้เย็นก็เพิ่มขนาดความกว้างที่สามารถรองรับตู้เย็นขนาด Side by Side ได้ด้วย

    และด้านข้างส่วนตู้เย็นมีพื้นที่สำหรับ Built-in หรือวางโต๊ะทำงานขนาดกำลังดีได้เลยนะคะ หรือใครจะปรับให้เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ตาม Lifestyle ของตัวเองก็ได้ค่ะ

    ซึ่งด้านบนของพื้นที่โต๊ะทำงานนี้ก็จะมี Smart Ventilation Fresh Air ให้ด้วยนะคะ และอีกจุดนึงจะอยู่ที่ห้อง Master Bedroom โดยจะมากกว่าห้อง 1 Bedroom มา 1 จุด เนื่องจากห้อง 1 Bedroom นี้มีให้เฉพาะส่วน Master Bedroom เท่านั้นค่ะ

    หันมาอีกฝั่งเป็นพื้นที่รับประทานอาหารนะคะ โดยสามารถวางโต๊ะเก้าอี้สำหรับ 4 ที่นั่งได้กำลังดีเลย

    มาดูใกล้ๆ จะเห็นว่าระยะเก้าอี้ของทั้ง 2 ฝั่งนะคะ เลื่อนเข้า-ออกได้ง่ายอยู่นะคะ แต่อาจจะกินพื้นที่ทางเดินบางส่วนหน่อย

    ด้านหลังพื้นที่รับประทานอาหารเป็นทางเข้าห้องน้ำฝั่งซ้ายมือและตรงไปจะเป็นทางเข้าห้อง Master Bedroom

    สำหรับห้องน้ำส่วนกลางนี้จะเน้นไว้สำหรับให้คนที่อยู่บริเวณ Common Area เดินมาใช้งานได้ง่ายนะคะ แต่ห้องนอนเล็กจะเดินไกลหน่อย ภายในห้องแบ่งโซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วน โดยกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อย

    สำหรับโซนแห้งนี้ด้านหลังมีการทำ Low Wall ไว้ให้วางของและด้านในของผนังจะเดินท่องานระบบต่างๆ ของสุขภัณฑ์ให้ ลักษณะสุขภัณฑ์จะเป็นแบบฝังผนังดูเรียบร้อยสวยงามนะคะ ส่วน Spec จะเป็นแบบเดียวกับห้อง 1 Bedroom แตกต่างหน่อยตรงหน้าบานของตู้ Built-in ด้านล่างอ่างที่ได้เป็น Hi-Gloss ธีมเดียวกับชุดครัว

    ส่วนตู้กระจกมีขนาดใหญ่ดีทีเดียวค่ะ ด้านในมีช่องสำหรับเก็บของตามเดิม

    ถัดมาที่พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจก พื้นที่ภายในมีขนาดประมาณ 1.1 x 1 ม. มีฝักบัวทั้ง 2 แบบให้เลยคือสายอ่อนและ Rain Shower ค่ะ

    ถัดมาในส่วนพื้นที่นั่งเล่นกันต่อนะคะ บริเวณพื้นที่นั่งเล่นค่อนข้างใหญ่ทีเดียวและเด็ดตรงที่ได้กระจกเต็มผนัง เปิดรับวิวได้ดี

    พื้นที่ส่วนนี้สามารถรองรับชุดโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้กำลังดีนะคะ และจะวางโต๊ะกลางขนาดใหญ่ก็ได้ ไม่ต้องกังวลว่าจะขวางทางเดิน เหมือนกับห้อง 1 Bedroom นะคะ เพราะพื้นที่ส่วนนี้ทำมาเป็นสัดส่วน อยู่ด้านในสุด และมีทางเดินอยู่ด้านหลังโซฟา และด้านข้างแทนแล้วด้วย

    โดยด้านหลังโซฟานี้จะเป็นประตูกระจกออกไปยังระเบียงซักล้าง

    หลังจากที่วางเครื่องซักผ้าไว้ตรงส่วนเคาน์เตอร์แล้วก็จะมีพื้นที่เหลือให้ใช้งานได้มากขึ้นในส่วนระเบียงแทนนะคะ

    ถัดมาภายในห้องนอนเล็กเป็นห้องที่ได้วิวจากทั้ง 2 ฝั่งเลยนะคะ แต่หัวเตียงจะหันหลังให้วิวฝั่งนึงไป ไม่ได้นอนชมวิวได้ 2 ฝั่งแบบเต็มที่นะ ส่วนจุดเด่นเรามองว่าเป็นห้องนอนเล็กที่ไม่ได้เล็กเหมือนห้องนอนเล็กอื่นๆ (ในขนาดพื้นที่ห้องเท่าๆ กัน) ปกติจะเป็นเตียง Single Bed แต่ที่นี่จัดให้เป็น Queen Size หรือ 5 ฟุตได้ สำหรับใครที่ชอบนอนเตียงใหญ่ๆ แต่ก็จะชิดติดผนังนะคะ ลุกขึ้น-ลงเตียงได้แค่ด้านข้างด้านเดียวของเตียง

    ส่วนติดกับเตียง Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าให้นะคะ ซึ่งหน้าบานของตู้เสื้อผ้านี้ออกแบบมาได้สวยทีเดียวเป็นกระจกเงาสีทอง พร้อมตัดขอบด้วยโลหะ Metalic Gold ตามธีม

    ภายในแบ่งชั้นวางของให้เป็นสัดส่วนดี พร้อมมีไฟส่องสว่างให้เป็นมาตรฐานด้วยค่ะ

    เข้ามาดูภายในห้องนอนใหญ่หรือ Master Bedroom กันต่อนะคะ

    ภายในห้องนอนใหญ่นี้บริเวณหลังหัวเตียงนั้นหากอิงตามในแปลนจะได้เป็นกระจกชมวิวได้ 2 ฝั่งเช่นเดียวกับห้องนอนเล็กด้วยนะคะ ซึ่งทำให้ห้องจริงที่ได้นั้นมีความโปร่งโล่งมากกว่าห้องตัวอย่างที่เราเห็นกัน และสำหรับขนาดห้องที่ค่อนข้างใหญ่ จริงๆ สามารถวางเตียง 6 ฟุต (king size) ได้เลย หรือใครอยากได้พื้นที่ทางเดินด้านข้าง หรือวางโต๊ะข้างเตียงขนาดใหญ่หน่อยก็ต้องเลือกวางเตียง 5 ฟุตแทนนะคะ

    สำหรับด้านบนฝ้าเพดานของห้องนี้ก็จะได้แอร์แบบ Conceal เช่นเดียวกับส่วนอื่นในห้องนะคะ ทำให้ฝ้าเพดานดูเรียบร้อยสวยงามดี บวกกับด้านข้างก็มี Smart Ventilation Fresh Air ติดตั้งในห้องนอนอีกด้วยค่ะ

    บริเวณปลายเตียงนี้มีพื้นที่สำหรับวางชั้นวางทีวีได้นะคะ และยังเหลือทางเดินให้เดินได้ง่ายอยู่

    และอีกด้านข้างของเตียงนั้น Built-in ตู้เสื้อผ้าให้เป็นมาตรฐาน แต่มีการปรับเปลี่ยนจากตู้เสื้อผ้าของห้องนอนเล็กมาหน่อยคือจากบานเปิดเป็นบานเลื่อนแทน เพื่อไม่ให้กินพื้นที่ทางเดินเตียงค่ะ

    เข้ามาในห้องน้ำแบ่งโซนเป็นสัดส่วนโดยเปิดเข้ามาจะเจอกับอ่างล้างมือก่อนนะคะ ฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่อาบน้ำที่กั้นด้วยฉากกั้นกระจก และฝั่งขวาเป็นโถสุขภัณฑ์ โดยลักษณะการจัดวางแบบนี้จะเหมือนกับห้องน้ำในห้อง 1 Bedroom นะคะ

    สำหรับ Spec สุขภัณฑ์ได้เช่นเดิมคือ Washlet TOTO ด้านบนมีช่องดูดอากาศออกด้านนอกให้เช่นเดียวกัน

    พื้นที่อาบน้ำแยกโซนเป็นพื้นที่ยืนอาบที่มีฝักบัวทั้ง Rain Show และสายอ่อน ส่วนถัดไปเป็นอ่างอาบน้ำจาก Lavenz เช่นเดิมค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 1 February 2019

    • 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.3 ล้านบาท หรือประมาณ 106,451 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom ขนาด 50 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.7 ล้านบาท หรือประมาณ 94,000 บาท/ตร.ม.

    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 2.85 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง 20,000 + 50,000 บาท
    • ทำสัญญา 4% (คนไทย) และ 30% (คนต่างชาติ)
    • ผ่อนดาวน์ 30+6 งวด (6 งวดบอลลูน)
    • ค่ากองทุน

    • Residence 900 บาท/ตร.ม.
    • Service Residence 900 + 5 บาท/ตร.ม.
    • UPDATE : กองทุนแรกเข้า 900 บาท/ตร.ม. และ กองทุนรายเดือน 5 บาท/ตร.ม. (09/09/19)

  • ค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.ม./เดือน
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล

    โครงการ Siamese Exclusive Ratchada เป็นโครงการ Mixed Use บนถนนรัชดาภิเษกที่ติดกับถนนใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ระยะใกล้ก็มีบ้างพอสมควร สามารถเดินทางไปยังแหล่งความอุดมสมบูรณ์เช่น สุทธิสาร-ห้วยขวาง หรือลาดพร้าวได้สะดวก โดยรอบมีห้างสรรพสินค้า แหล่งของกินของใช้ รวมถึงสาธารณูปโภคต่างๆครบครัน เหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ย่านรัชดา หรือลาดพร้าวค่ะ

    การเดินทางโดยใช้รถ

    การเดินทางโดยใช้รถยนต์ถือว่าสะดวกสามารถออกไปทางถนนหลักต่างๆได้ ทั้งไปยังย่านรัชดาฯ-พระราม 9 ที่มีแหล่งอาคารสำนักงานอยู่หลายแห่ง หรือเดินทางไปยังถนนลาดพร้าว ถนนวิภาวดี – รังสิตก็ไม่ยากนะคะ และเป็นอีกโซนอาคารสำนักงานที่อยู่ใกล้กับที่ตั้งโครงการเช่นกัน นอกจากนี้ที่ตั้งโครงการเองก็ถือว่ามีทางด่วนให้พอเลือกใช้ได้หลายเส้นทางทำให้ออกเมืองและสามารถเลี่ยงรถติดได้นะคะ ส่วนในแง่ของที่จอดรถที่ได้นั้นจะเป็น Automatic Parking เกือบทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 45% ซึ่งถือว่าให้มาไม่มากเท่าไหร่นะคะ แต่ก็ยังสามารถ Trade off กับทำเลที่เลือกใช้รถสาธารณะอื่นๆ ได้ง่ายมากๆ เช่นเดียวกัน

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ

    จัดว่าสะดวกและเป็นตัวชูโรงโครงการเลยก็ว่าได้นะคะ เริ่มจากตัวโครงการที่อยู่ติดถนนใหญ่จะเรียกรถสาธารณะต่างๆ เช่น แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ หรือรถประจำทางต่างๆ ก็ง่าย และที่สำคัญคือใกล้ MRT รัชดา เพียง 90 ม. เท่านั้นนะคะ ซึ่งต่ออีกสถานีเดียวก็จะเป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองวิ่งเข้าบางกะปิ-ศรีนครินทร์อีกด้วย

    วัสดุ

    เรื่องวัสดุกับความคุ้มค่าที่จ่ายไปเทียบกับราคาเฉลี่ยต่อตาราเมตรทั้งโครงการ 144,000 บาท ถือว่าให้มาดีทีเดียวนะคะ โดยโครงการขายในรูปแบบ Fully Fitted สิ่งที่ได้จะเป็นเคาน์เตอร์ครัว ท็อปหินสังเคราะห์พร้อม Hob & Hood แบบ Exhausted ตู้เสื้อผ้า Built-in กระจก สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำใช้ Washlet TOTO, Lavenz และ Grohe ส่วนอื่นๆ ก็ให้มาน่าสนใจเช่นเดียวกันทั้งพื้น Engineering Wood กระจกประตูบานเลื่อนและกระจกภายนอกที่ได้แบบ Full Height

    และสุดท้ายคือการทำ Technology เข้ามาใช้ภายในห้องพักอาศัย ซึ่งได้เป็นมาตรฐานในทุกยูนิตทั้ง Smart Ventilation Fresh Air, Individual Vent, Acoustic Door, Low-E Glass และ LED

    การออกแบบ

    การออกแบบโครงการนี้จะแตกต่างจากโครงการทั่วไปพอสมควรนะคะ เพราะไม่ได้เป็นเพียงคอนโดมิเนียมอย่างเดียว แต่เป็นโครงการ Mixed Use ที่มีทั้งอาคารของ Siamese เอง และโซนพักอาศัยในด้านหลัง รวมไปถึงในโซนพักอาศัยนั้นยังแยกเป็นโซน Residence หรือลูกบ้านที่ซื้ออยู่เอง กับโซน Service Residence ที่ผู้ซื้อตั้งใจซื้อเพื่อลงทุนโดยให้ทาง Greenland เป็นผู้บริหารดูแล ดังนั้นกลุ่มคนซื้อจึงแบบออกเป็น 2 กลุ่มชัดเจนนะคะ

    1. กลุ่มที่ซื้ออยู่เอง : โครงการนี้ตอบโจทย์คนที่ต้องการคอนโด High Rise ทำเลติดถนนใหญ่ มีความคึกคัก ไม่ซีเรียสเรื่องความเป็นส่วนตัว ไม่เน้นการใช้ Facilities ที่ต้องหวือหวา
    2. กลุ่มที่ซื้อเพื่อลงทุน : สำหรับใครที่มองหาการลงทุนโดยการซื้ออสังหาริมทรัพย์แบบปล่อยเช่า แต่ไม่อยากต้องมานั่งดูแลเอง หาผู้เช่าเอง หรือแม้กระทั่งต้องมาเปิดห้องเพื่อให้ลูกค้าเข้ามาดูห้องเอง โครงการนี้จะค่อนข้างตอบโจทย์นะคะ เพราะให้ทาง Greenland เป็นผู้บริหารจัดการทั้งหมด แลกกับการเสียค่าบริหารอยู่ที่ 35% ของรายได้ ทั้งนี้ยังมีการันตีผลตอบแทน 2 ปี แรก 5% ซึ่งในเรื่องของผลตอบแทนนี้เราอยากให้ผู้ลงทุนพิจารณาเองว่าค่า Rental Yield ที่เราจะได้รับประมาณนี้เราพอใจไหม เนื่องจากแต่ละคนมีความพอใจในด้านผลตอบแทนที่ไม่เท่ากันนะคะ โดยส่วนตัวสำหรับ 2 ปีแรก 5% ก็ถือว่าอยู่ในระดับโอเคค่ะ

    สาธารณูปโภค

    ในส่วน Facilities เราขอแยกสรุประหว่างโซน Residence และ Service Residence นะคะ เนื่องจาก 2 กลุ่มนี้มีสิทธิในการใช้พื้นที่ส่วนกลางแตกต่างกันชัดเจน สำหรับเรามองว่าลูกบ้านโซน Residence ได้ Facilities ในการใช้งานไม่มาก และไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่กับการอยู่คอนโดแบบ High Rise เนื่องจากตำแหน่ง Main Facilities ของกลุ่ม Residence อยู่แค่ชั้น 1 และชั้นลอยนะคะ รวมไปถึงยังไม่มีสระว่ายน้ำให้ด้วย หากต้องการไปใช้ Facilities ของโซน Service Residence ในชั้น 37 จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแยกต่างหาก

    และส่วนโซน Service Residence นั้นคือว่าให้ Facilities มาโอเค ครบครันในระดับมาตรฐาน มี Sky Lounge, Fitness, Swimming Pool และพื้นที่นั่งเล่นในสวนชั้นดาดฟ้า

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคา AVG 144,000 บาท/ตร.ม., 1 February 2019

    • ทำเล 8/10 – ติดถนนรัชดาภิเษก มีความคึกคักและความอุดสมบูรณ์โดยรอบพอสมควร
    • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ติดถนนใหญ่ มีตัวเลือกในการเดินทางหลากหลาย และมีทางด่วนให้ใช้ได้ หักเรื่องที่จอดรถที่ได้มาไม่เยอะมาก
    • ไม่ใช้รถ 8/10 – ใกล้ MRT รัชดา 90ม. และห่างจากสถานี Interchange 1 สถานี
    • วัสดุ 9/10 – ให้มาคุ้มค่ากับราคาที่จ่าย
    • แบบ 7.5/10 – รูปแบบ Mixed Use ส่วนการจัดวางฟังก์ชันในห้องโดยรวมลงตัว อาจจะมีบางดีเทลเล็กน้อยที่น่าจะจัดได้ดีกว่านี้
    • สาธารณูปโภค

    • Residence 6.5/10 – มีให้ไม่เยอะ อยู่ชั้นล่าง
    • Service Residence 7.5/10 – มีให้ครบครัน ตามมาตรฐาน

    • HIGH CLASS
    • Residence 7.91 / 10.00
    • Service Residence 8.01 / 10.00

    BOTTOM LINE

    โครงการ Siamese Exclusive Ratchada เหมาะกับคนที่มองหาที่อยู่อาศัยติดถนนใหญ่รัชดา ใกล้ MRT ได้วัสดุดี จัดเต็มพร้อมกับมี Technology ต่างๆ เข้ามาใช้ในการอยู่อาศัย และด้วยลักษณะโครงการเป็น Mixed Use มีทั้ง Residence และ Service Residence จึงตอบโจทย์ทั้งกลุ่มผู้อยู่อาศัยเอง และนักลงทุนที่ไม่อยากเสียเวลาดูแลห้องและหาผู้เช่าเอง