รีวิวฉบับที่ 2107 … เปิดตัวคอนโดสูงใหม่ในย่านพระราม 3 กับโครงการ Sapphire Luxurious Condominium Rama 3 จาก JRY Property จุดเด่นคือยอดตึกสีฟ้า เด่นสะดุดตาเลย เรียกว่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์​ของตึกที่ต้องการให้จดจำง่าย โดยโครงการตั้งอยู่ใกล้กับสะพานภูมิพล(วงแหวนอุตสาหกรรม) ภายในมี Main Facilities ครบครันที่ชั้นบน ตัวห้องมีทั้งแบบ Simplex และห้องฝ้าเพดานสูงถึง 5.9 m. สำหรับห้องเริ่มต้น 1 Bedroom 33.8 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.4 ล้านบาท ตามไปดูรายละเอียดกันค่ะ

ข้อมูลโครงการ

5 August 2020

  • Sapphire Luxurious Condominium Rama 3 (แซฟไฟร์ ลักซูเรียส คอนโด พระราม 3)
  • บริษัท เจ อาร์ วาย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2020 ได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนน พระราม3 เขต ยานนาวา
  • ที่ดินประมาณ 3-1-71.7 ไร่
  • คอนโด High Rise 44 ชั้น 1 อาคาร 697 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 18 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 344 คัน คิดเป็น 50% (Automatic Parking)
  • เริ่มก่อสร้าง : Q2 / 2563
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q2 / 2566
  • 1 Bedroom 33.8 – 42.3 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.4 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 43.4 – 61.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.5 ล้านบาท
  • Duplex 34.2 – 76.1 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท
  • Penthouse 70.1 – 121.9 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร /  ห้อง Duplex ฝ้าเพดานสูง 5.9 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.4 ล้านบาท (1 Bedroom 34.8 ตร.ม.) / หรือตร.ม.ละ 68,965 บาท
  • ช่วงราคา 2.4 – 30 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 130,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • ว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-003-9898

โปรโมชัน !! ผ่อนสบายๆเริ่มต้น 5,999บาท/เดือน แถมฟรีเครื่องฟอกอากาศ หมดเขต 31 สิงหาคม 2563

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ

ทำเลที่ตั้ง

แผนที่จากทางโครงการ Sapphire Luxurious Condominium Rama 3 ค่ะ

“ถนนพระราม 3” เป็นถนนที่มีลักษณะเฉพาะตัวสูง เนื่องจากเป็นเส้นที่วิ่งขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยาตามส่วนโค้งของแม่น้ำเลย เรียกว่าสุดเขตฝั่งพระนครตอนล่าง ก่อนที่จะข้ามไปเป็นย่านฝั่งธน โดยข้อดีของย่านนี้คือทำเลที่เชื่อมต่อเข้าใจกลางเมืองได้ง่าย ได้แก่ เจริญกรุง, สาทร, สีลม, พระราม4, อโศก, สุขุมวิท  สำหรับใครที่ใช้รถยนต์ก็มีทางด่วนให้เลือก ทั้งทางด่วนศรีรัช, ทางด่วนเฉลิมมหานคร สำหรับเข้าตัวเมืองหลีกเลี่ยงรถติด หรือจะใช้ทางด่วนกาญจนาภิเษก สำหรับออกนอกตัวเมืองไปพระราม2, สมุทรปราการ, บางนา-ตราด(หน้า Mega Bangna)

ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์ห้างเก่าแก่คงนี้ไม่พ้น เซ็นทรัลพระราม3 โลตัสพระราม3 และ Homepro พระราม3 ที่อยู่คู่กับคนย่านนี้มาอย่างยาวนาน ภายในมีร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต และฟิตเนสครบครัน ส่วนอื่นๆก็จะมีคอมมูนิตี้เปิดประปรายทั้ง The UP, Int Intersect, จตุจักรพระราม3 เป็นต้น ซึ่งในอนาคตกำลังมีห้างเปิดใหม่อย่าง Terminal21 พระราม 3 ที่จะทำให้บรรยากาศในย่านพระราม3 คึกคักมากขึ้น ^^

…ส่วนใหญ่ย่านนี้เป็นบ้านพักอาศัยแนวราบเก่าแก่ แต่ก็มีคอนโดสูงขึ้นเยอะพอสมควร เพราะเป็นทำเลที่มองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา+พื้นที่สีเขียวบางกระเจ้า ซึ่งเป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่ไม่มีตึกสูงขึ้นแน่นอน และเป็นแหล่งผลิตโอโซนติดอันดับโลก และถูกขนานนามว่าเป็นปอดของกรุงเทพด้วยนะ…

ลองเข้ามาดูพื้นที่โดยรอบใกล้กับที่ตั้งโครงการ Sapphire Luxurious Condominium Rama 3 ในระยะ 1-2 km. สำหรับเส้นนี้ใกล้ๆโครงการมีตึกสำนักงาน ทั้งธนาคารกรุงศรีสำนักงานใหญ่, ตึกศุภาลัยสำนักงานใหญ่ และตึกสำนักงานที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานอย่าง MS Office Building นอกจากนี้ก็มีทั้งตลาด ตลาดสด และคอมมูนิตี้มอลล์ให้เลือกใช้งานอีกด้วย ข้อดีของการมีออฟฟิศอยู่ในย่านนี้ คือนอกจากมีร้านอาหารชื่อดัง ยังมีร้านราคาประหยัดอีกด้วย เรียกว่ามีของกินให้เลือกไม่รู้จักเบื่อ ส่วนการเดินทางมีทั้งรถสองแถว วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และที่สำคัญมีรถบัส BRT(สถานีวัดปริวาส) ที่นั่งไปสาทรเพียง 15 นาที ปัจจุบันราคาเพียง 15 บาทตลอดสาย > <

การเดินทางของเราในวันนี้เริ่มจากถนนนราธิวาส(มาจากสาทร) วิ่งยาวจนสุดให้เลี้ยวขวาเข้าถนนพระราม 3 > หลังจากนั้นขึ้นสะพานข้ามแยกมา > มาลงบริเวณคอมมูนิตี้ Int Intersect ให้วิ่งตรงไป > รอดใต้สะพานภูมิพล(วงแหวนอุตสาหกรรม) > จนถึงแยกสาธุประดิษฐ์(กลับรถ) > ขับตามทางมาเรื่อยๆโครงการอยู่ซ้ายมือค่ะ – ระยะทางทั้งหมดประมาณ 6.7 กม.

เส้นทางการเดินทาง

Image 1/11
เริ่มจากถนนนราธิวาสฯ ฝั่งขวามือเป็นโลตัสพระราม 3

เริ่มจากถนนนราธิวาสฯ ฝั่งขวามือเป็นโลตัสพระราม 3

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

Sapphire Luxurious Condominium Rama 3 มีทางเข้า-ออกติดถนนพระราม3 บริเวณหัวมุมถนนพอดี โดยฝั่งทิศตะวันออกติดกับสะพานภูมิพล(วงแหวนอุตสาหกรรม) ที่ทำให้ห้องฝั่งนี้ถ้าต่ำกว่าชั้น 7 จะโดนบังวิวเพราะอยู่ใต้สะพาน ส่วนทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีคอนโดลุมพินีสูง 35 ชั้น ที่อาจจะบังวิวบางส่วนแต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะประชิดนะ ซึ่งสำหรับห้องฝั่งทิศตะวันออกถ้าอยู่ชั้นไม่สูงมากอาจจะมีเสียงรบกวนจากรถที่วิ่งอยู่บนทางด่วนด้วยนะคะ สำหรับทิศอื่นๆต้องบอกเลยว่าโล่งทีเดียว เพราะรายล้อมด้วยบ้านพักอาศัยแนวราบสูง 2-4 ชั้นค่ะ

  • ทิศเหนือ : ติดกับ โกดังเก็บของ และบ้านพักอาศัยแนวราบ
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ สะพานภูมิพล(วงแหวนอุตสาหกรรม) และที่ดินเปล่ารอการพัฒนา
  • ทิศใต้ : ติดกับ ถนนพระราม 3(กว้าง 50 m.)
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ ที่ดินเปล่ารอการพัฒนา และบ้านพักอาศัยแนวราบ

เดินขึ้นสะพานลอยจะเห็นมุมมองเส้นทางถนนพระราม 3 ซึ่งเป็นถนนขนาดใหญ่ 8 เลน แบ่งช่องทางจราจรฝั่งละ 4 เลน โดยจะมีเลนของ BRT ขนานอยู่ด้านในสุดทั้งสองฝั่ง (รวมทั้งหมดกว้างประมาณ 50 m.)

หน้าตาของรถโดยสาร BRT โดยจะมีสถานีสำหรับจอดรับผู้โดยสาร ทั้งหมด 12 สถานี ระยะทาง 15.9 กม. เริ่มตั้งแต่สาทร > ผ่านนราธิวาราชนครินทร์ > เข้าถนนพระราม 3 ไปสิ้นสุดที่ถนนราชพฤกษ์ โดยจะไปเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว

นอกจากนี้ยังมีรถสองแถวหมายเลข 1261 วิ่งจากถนนจันทร์ > ผ่านถนนสาธุประดิษฐ์ > ผ่านวัดปริวาส > ผ่านหน้าโครงการแล้ววนกลับไปที่เดิม

ฝั่งทิศตะวันออก: สะพานภูมิพล(วงแหวนอุตสาหกรรม) ที่ความสูงอยู่ที่ 50 m. หรือเท่ากับตึก 16 ชั้น แต่เนื่องจากโครงการอยู่ในช่วงต้นของทางขึ้นสะพาน(Slope) ทำให้ความสูงสะพานประมาณชั้นที่ 7 ของโครงการ (ซึ่งอาจจะต้องรอดูของจริงกันอีกทีนะคะ)

ด้านข้างมีวินมอเตอร์ไซค์ ที่เรียกไปไหนมาไหนก็สะดวก เช่น ถ้านั่งไปเซ็นทรัลพระราม 3 ประมาณ 50 บาทค่ะ

โครงการติดกับตึกแถว 4 ชั้น ซึ่งด้านล่างทำเป็นร้านค้า ร้านอาหาร สำหรับใครที่ขี้เกียจเดินไปไหนไกลๆ ก็มาฝากท้องที่นี่ได้นะ

กลับมาดูกันที่ Sales Gallery ตัวอาคารหน้าตาดูแปลกตาดี โดยเลือกใช้เป็นกระจกสีฟ้า แบบเดียวกับที่จะใช้ในอาคารจริง

Image 1/6
สำหรับที่จอดรถบริเวณ Sales Gallery เป็น Auto Parking ที่จะใช้เป็นแบบเดียวกับอาคารของจริง

สำหรับที่จอดรถบริเวณ Sales Gallery เป็น Auto Parking ที่จะใช้เป็นแบบเดียวกับอาคารของจริง

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ธนาคารกรุงศรี สนง.ใหญ่ – 1.7 km.
  • ตลาดครูหวี – 1.5 km.
  • INT Intersect – 1.7 km.
  • ตลาดนัดจตุจักร พระราม 3 – 2.8 km.
  • สวนสาธารณะ เฉลิมพระเกียรติ 6 – 3.0 km.
  • Central พระราม 3 – 3.6 km.
  • รร.นานาชาติ King College – 3.7 km.
  • Tesco Lotus พระราม 3 – 4.0 km.
  • ดิอัพ พระราม 3 – 4.1 km.
  • รร.สารสาทน์เอกตรา – 4.3 km.
  • Vanilla Moon – 5.0 km.
  • Homepro พระราม 3 – 5.1 km.
  • Terminal21 พระราม 3 – 6.3 km.
  • Asiatique – 7.5 km
  • โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ – 8.1 km.
  • Kbank สนง.ใหญ่ ราษฎร์บูรณะ – 8.7 km.

รายละเอียดโครงการ

ภาพจำลองโครงการ Sapphire Luxurious Condominium Rama 3 เป็นคอนโด High Rise สูง 44 ชั้น บนถนนพระราม 3 ที่ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตัวอาคารตกแต่งมาโดยโทนสีฟ้าตามชื่อโครงการ Sapphire ที่แปลว่า”อัญมณีสีน้ำเงิน” ซึ่งของจริงจะมีการติดตั้งไฟ LED เพื่อให้ตัวอาคารโดดเด่นตามคอนเซ็ปต์ของโครงการ โดยตัวอาคารจะวางขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ห้องพักอาศัยส่วนใหญ่หันออกทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ที่มีแดดแรงอยู่บ้างในช่วงบ่ายๆ นอกจากนี้ลองสังเกตจากบริบทโดยรอบ ยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิดนะ (มีแต่เยื้องๆกัน)

โมเดลจำลอง Sapphire Luxurious Condominium Rama 3 คอนโดแม้จะสูง 44 ชั้น แต่ด้วยความที่มีห้องแบบ Duplex หรือฝ้าเพดานสูงถึง 5.9 m. ทำให้มีชั้นลอยเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่ชั้นที่ 40 ขึ้นไป เช่นชั้นที่ 40 ก็จะมีชั้น Mezzanine เพิ่มขึ้นมาเป็น 40m ก่อนที่จะถัดขึ้นไปชั้น 41 โดยเป็นแบบนี้ตั้งแต่ชั้น 40-44 เลยนะคะ โดยชั้นบนสุดเป็นห้อง Penthouses ขนาดใหญ่ 8 ยูนิต ส่วนที่ชอบเลยคือ การยก Main Facilities ไปไว้ที่ชั้น 41 และชั้น 41m ทำให้เห็นวิวมุมสูงของโครงการ แม้จะไม่ได้ซื้อห้องสูงมากนัก

  • ชั้นที่ 1st : Lobby + สวนหย่อมโครงการ
  • ชั้นที่ 2nd-6th : ห้องพักอาศัย 9 ยูนิต + พื้นที่จอดรถ Auto Parking 50%
  • ชั้นที่ 7th : Golf Simulator + Putting Green + Green Area
  • ชั้นที่ 7th-39th : Typical Floor Plan (ห้องแบบ Simplex ทั้งหมด 18 ยูนิต)
  • ชั้นที่ 22th,23th : ห้องแบบ Simplex 15 ยูนิต + มีห้อง Pump & Water Tank ทดแทนที่ห้องพัก 3 ยูนิต เพื่อให้แรงดันน้ำส่งทั่วถึงทั้งอาคาร
  • ชั้นที่ 40th, 40m : ห้องพักแบบ Duplex ฝ้าเพดานสูง 5.9 m.
  • ชั้นที่ 41st, 41m : Main Facilities + ห้องพักแบบ Duplex หรือห้องฝ้าเพดานสูง 5.9 m.
  • ชั้นที่ 42nd , 42m / 43rd ,43m : ห้องพักแบบ Duplex หรือฝ้าเพดานสูง 5.9 m.
  • ชั้นที่ 44th , 44m : ห้อง Penthouses มีทั้งหมด 8 ยูนิต ปัจจุบันเหลือขายเพียง 1 ยูนิตเท่านั้น

Image 1/5
ทัศนียภาพจำลองบรรยากาศตัวอาคาร

ทัศนียภาพจำลองบรรยากาศตัวอาคาร

ทัศนียภาพจำลองตัวอาคารเป็นโทนสีน้ำเงิน สมกับชื่อโครงการ Sapphire ที่แปลว่า “อัญมณีสีน้ำเงิน”

Master Plan ลักษณะการวางอาคารกับที่ดินคือ วางอาคารตรงกลางและล้อมรอบด้วยถนนภายในโครงการ ที่เดินรถตามลูกศรสีแดง ที่จอดรถเป็นแบบ Mechanical Auto Parking ทั้งหมด 19 ตัว ที่ค่อนข้างเยอะทีเดียว ซึ่งข้อดีของการมีหลายตัวคือไม่ต้องต่อแถวรอคิวกันนาน ทั้งเวลาจอดรถและรับรถ แต่อาจจะมีค่าซ่อมแซ่มที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้นะคะ ส่วนด้านข้างมีสวนหย่อมขนาดใหญ่ให้เดินเล่นด้วย กลับเข้ามาภายใน Lobby มีจุด Sunken Seat นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ นอกจากนี้จะมี Retail Shop อยู่ 2 ร้าน ส่วนลิฟต์มีทั้งหมด 5 ตัว แบ่งเป็นลิฟต์โดยสาร 4 ตัว และ Service Lift  1 ตัว อัตราส่วนประมาณ 175:1 ที่ค่อนข้างหนาแน่นพอสมควรค่ะะ

เส้นทางการเดินรถจะเป็นแบบ One Way ควบคุมทางเข้า-ออกให้ง่ายต่อการดูแล มีไม้กั้นกระดก พร้อมป้อมรปภ.ดูแลตลอด 24 ชม. + CCTV ไว้ตรวจสอบความปลอดภัยของลูกบ้าน รอบๆมีสวนหย่อมขนาดใหญ่ ที่ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่น

ทัศนียภาพจำลองทางเข้า-ออกโครงการ พร้อมป้ายชื่อโครงการเอียงองศาเล็กน้อย เวลาขับรถมาจะเห็นป้ายชัดเจนค่ะ

สวนหย่อมดีไซน์สวยงาม ทั้งปูพื้นหญ้าสลับต้นไม้สูง และบ่อน้ำ(Pond) ที่ทำให้บรรยากาศเย็นสบายๆมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีที่นั่ง Outdoor แบบ Amphitheatre ให้นั่งเล่นรับลมชิลล์ๆ

บรรยากาศภายใน Lobby Lounge มีการใช้โทนสีน้ำเงิน ที่เป็นกิมมิคของทางโครงการ

ชั้นที่ 2-6 มีห้องพักอาศัยแบบ Simplex ทั้งหมด 9 ยูนิต ซึ่งห้องที่น่าสนใจคือตำแหน่งห้อง 205 206 และ 207 ที่ได้พื้นที่ระเบียงเพิ่ม โดยไม่นับอยู่ในโฉนด เรียกว่าได้พื้นที่ตรงนี้กันไปฟรีๆเลย เหมาะสำหรับคนที่ชอบพื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่ และไม่ซีเรียสเรื่องวิวมากนัก เนื่องจากตำแหน่งอยู่ใต้สะพานภูมิพล(วงแหวนอุตสาหกรรม) / ส่วนตำแหน่งห้อง 203 และ 204 ไม่แน่ใจว่าจะมีเสียงดังจากเครื่อง Auto Parking รบกวนรึเปล่านะคะ

ชั้นที่ 7 มีห้องพักอาศัยแบบ Simplex ทั้งหมด 18 ยูนิต และมีพื้นที่สวนหย่อมเพิ่มขึ้นมา ซึ่งเป็น Golf Simulator + Putting Green + Green Area ที่เอาใจคนชอบตีกอล์ฟเลย แต่เนื่องจากใครก็สามารถเดินมาใช้งานได้ ทำให้ห้องพักอาศัยชั้นนี้ไม่ได้ความส่วนตัวมากนัก

ซึ่งห้องที่น่าสนใจคือตำแหน่งเบอร์ 1 ได้พื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่กว่าห้องอื่นๆ(ไม่นับในโฉนด) และที่ชอบอีกจุดคือห้องหน้าสวน(เบอร์2) ที่นอกจากได้พื้นที่ระเบียงเพิ่มขึ้นแล้ว ยังมองออกไปเห็นพื้นที่สีเขียวสบายตาดีนะ แต่อาจจะไม่เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวค่ะ

ทัศนียภาพจำลองพื้นที่ Golf Simulator + Putting Green + Green Area เอาใจคนชอบตีกอล์ฟ พร้อมรายล้อมด้วยต้นไม้สูง บรรยากาศร่มรื่นดีทีเดียว

ชั้นที่ 8-21 ตำแหน่งห้องเหมือนกันทุกชั้น มีแบบห้อง Simplex 18 ยูนิต/ชั้น ที่เน้นห้อง 1 Bedroom เป็นหลัก ส่วนห้อง 2 Bedrooms จะอยู่ตำแหน่งห้องมุมที่ Take View ได้ 2 ฝั่งเลยนะคะ ทางเดินเป็นแบบ Double Corridor ที่โครงการออกแบบให้ประตูห้องไม่ตรงกับเพื่อนบ้าน เวลาเปิดใช้งานมาจะได้ไม่จ๊ะเอ๋กันค่ะ

ซึ่งห้องพักที่นี่เกือบทุกห้องจะมีพื้นที่ระเบียงแถมมาให้ซึ่งไม่นับรวมในพื้นที่โฉนดด้วยนะคะ โดยเฉพาะฝั่งทิศตะวันออกเป็นตำแหน่งห้อง 1 Bedroom 34.80-39.90 ตร.ม. และห้อง 2 Bedroom 52.80-58.80 ตร.ม. ที่เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่ระเบียงใหญ่ สามารถเอาโต๊ะออกไปนั่งเล่นรับลมชิลล์ๆริมระเบียงได้เลย ส่วนที่น่าสนใจอีกจุดคือตำแหน่งเบอร์ 2 ที่ผนังไม่ติดกับเพื่อนบ้านเลยได้ความเป็นส่วนตัวสูง

ชั้นที่ 22, 23 โครงการมีการเปลี่ยนห้องพักอาศัย 3 ยูนิต ให้เป็นตำแหน่ง ปั๊มน้ำ และแทงค์น้ำ เพื่อให้แรงดันน้ำเพียงพอในการใช้งานของทั้งอาคาร ซึ่งห้องพักด้านข้างไม่ต้องห่วง เพราะมี Gap เล็กน้อย เพื่อไม่ให้เสียงดังรบกวนภายในห้องพักอาศัย

ชั้นที่ 24-39 ห้องพักอาศัยทั้งหมด 18 ยูนิต จะเหมือนกับชั้นที่ 8-21 เลย ซึ่งถ้าใครอยากได้พื้นที่ระเบียงเยอะๆ ให้เลือกห้องฝั่งทิศตะวันออกนะคะ

Image 1/2
Model

Model

ชั้นที่ 40,40m สำหรับชั้นนี้เริ่มมีห้องแบบ Duplex หรือฝ้าเพดานสูง 5.9 m. ทำให้มีชั้น Mezzanine เพิ่มขึ้นมา ซึ่งลักษณะห้องของที่นี่ใช้ชื่อ Duplex ก็จริงแต่เป็นลักษณะห้อง Loft เพราะชั้นบนไม่นับอยู่ในพื้นที่โฉนด แต่ด้วยพื้นที่ Double Space สูง 5.9 m. ซึ่งก็เป็นห้อง Loft ที่สูงกว่าที่อื่นๆนะคะ ส่วนถ้าใครสงสัยว่าแบบห้อง Loft vs Duplex ต่างกันอย่างไร ลองอ่านบทความเพิ่มได้นะ / นอกจากนี้ชั้น 40m เหนือชั้นห้อง Simplex มีการทำห้องเครื่องใต้สระว่ายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำไหลลงมาในห้องพัก

ชั้นที่ 41 เป็นพื้นที่ Main Facilities ของโครงการ โดยมีทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 25.7 x 8 m. ขนาด Half Olympic ที่ว่ายน้ำจริงจังได้ ส่วนด้านข้างมี Kid’s Pool ขนาด 6.05 x 5.68 m. มาให้ด้วย นอกจากนี้มีห้อง Fitness และ Kid’s Room ด้วย ซึ่งชั้นนี้จะมีแบบห้องฝ้าเพดานสูง มาอีก 6 ยูนิต ที่เหมาะกับคนที่ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลาง เพราะเดินไปใช้งานได้ง่าย แต่บรรยากาศอาจจะวุ่นว่ายมากกว่าชั้นอื่นๆนะคะ

ชั้นที่ 41m พื้นที่ส่วนกลางชั้นลอยที่มีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลายทั้ง Boxing Area, Yoga Room, Meeting Room, Library และ Sky Lounge

ทัศนียภาพจำลองพื้นที่ Swimming Pool ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำแบบ Cantilever ออกมาจากตัวอาคาร แถมด้านล่างเป็นสีน้ำเงินตามคอนเซ็ปต์ของโครงการ ซึ่งทำให้มองวิวได้กว้างมากยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นลักษณะสระแบบ Infinity Edge Pool ที่ทำให้รู้สึกไร้ขอบเขตดีนะ

ทัศนียภาพจำลองพื้นที่ Fitness ดูหรูหราดี เป็นลักษณะ Double Space ต่อเนื่องกับชั้นที่ 40m นะคะ

ทัศนียภาพจำลองพื้นที่ Co-working Space หรูหราด้วยแชนเดอเรีย และชุดที่นั่งหลากหลายรูปแบบ

ทัศนียภาพจำลองพื้นที่ Library ที่ได้หน้าต่างแบบ Full Height ทำให้รับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ เห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาสวยงาม ^^

Image 1/19
Master Floor Plan

Master Floor Plan

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • 1st Floor Plan
  • สวนหย่อมของโครงการ
  • Lobby
  • Mailbox
  • 2 Retail Shop
  • 7th Floor Plan
  • Putting Green
  • Golf Simulator
  • Green Area
  • 41st Floor Plan
  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 25.7 x 8 m. ลึก 1.20 m.
  • Kid’s Pool ขนาด 6.05 x 5.68 m. ลึก 60 cm.
  • Fitness
  • Kid Room
  • 41m Floor Plan
  • Sky Lounge
  • Library
  • Co-working Space
  • Yoga Room
  • Boxing Area
  • Sauna

 

  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 175:1
  • ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 344 คัน คิดเป็น 50% (Automatic Parking)
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card

แบบห้อง

รูปแบบโครงการนี้เป็นการขายแบบ Fully Fitted โดยจะมีเฟอร์นิเจอร์ Built-In บางส่วนมาให้อย่างชุดครัว, ห้องน้ำ และแอร์แบบ Wall Type ทุกๆห้อง พร้อมติดตั้งมือจับแบบ Digital Door Lock มาให้ด้วย ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.7 m. ส่วนห้องแบบ Duplex ได้ความสูงบริเวณห้องนั่งเล่น 5.9 m.

ห้องตัวอย่างห้องแรกที่จะพาไปดูคือ 1 Bedroom ขนาด 34.80 ตร.ม. เปิดเข้ามาเป็น Common Area ขนาดใหญ่ เชื่อมต่อระหว่างส่วนรับประทานอาหาร + ห้องรับแขก ยาวจนถึงระเบียง ทำให้แสงส่องเข้ามาได้เต็มที่ ด้านข้างพื้นที่ทานข้าวมีห้องครัวปิดมาให้เป็นสัดส่วน พร้อมทั้ง Hob&Hood แบบดูดควันออกภายนอก ส่วนห้องน้ำอยู่ตรงกลางที่เข้า-ออกได้ 2 ทาง ใช้งานได้สะดวก สำหรับห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตสบายๆ พร้อมหน้าต่างแบบ Bay Window มองเห็นวิวได้กว้างขึ้นจากบนเตียงเลย นอกจากนี้สังเกตเส้นปะที่อยู่บริเวณระเบียง เป็นพื้นที่แถมจากทางโครงการที่ไม่นับรวมในโฉนดนะคะ

ประตูหน้าห้องได้บานไม้ปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้ และเหล็กสีเงิน ที่ทำให้ดูหรูหรามากขึ้น / มือจับเป็น Digital Door Lock โดยรุ่นนี้รองรับการใช้งานทั้ง 4 แบบ รหัส PIN, กุญแจ, Keycard และ Bluetooth Unlock (Application)

ส่วนธรณีประตูระดับเท่ากับทางเดินด้านนอกเลย ซึ่งฝุ่นจากภายนอกอาจจะลอดเข้ามาในห้องได้ แนะนำให้ติดผ้าดันฝุ่นตรงช่องว่างด้านล่างประตู ก็สามารถกันฝุ่นเข้าห้องได้ดีพอสมควรแล้วค่ะ

เข้ามาส่วนแรกจะเป็น Common Area (หรือโถงรวม) ที่เชื่อมฟังก์ชันหลายๆอย่างเอาไว้ด้วยกัน เพราะต้องการให้ Space บริเวณนี้ดูกว้างขวาง ประกอบไปด้วย ส่วนทานอาหาร และพื้นที่นั่งเล่น ยาวจนถึงระเบียง ที่แสงส่องเข้ามาภายในได้เต็มที่ / ความสูงพื้นถึงฝ้า 2.7 m. พร้อมฝ้าเพดานทำไฟซ่อนมาให้แบบนี้เลยค่ะ

พื้นในห้องเป็น Smart Vinyl (พื้นยางไวนิล) ที่ทนความชื้นและรอยขีดข่วนได้ดีกว่าลามิเนต แถมตัวพื้นมีความนุ่มที่เดินสบายเท้ามากขึ้น / โดยหลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้วมีระยะใช้งานกว้างถึง 1.7 m. ที่เดินใช้งานได้สบายๆ

สำหรับส่วนทานข้าววางโต๊ะขนาด 4 ที่นั่งกำลังดี พร้อมด้านข้างเหลือให้วางตู้รองเท้าเพิ่มเติมได้ด้วย ซึ่งจะช่วยไม่ให้กลิ่นกระจายฟุ้งภายในห้อง

ถัดมามีมุมให้ Built-in มุมทำงานเพิ่มเติมได้ ส่วนพื้นที่ห้องนั่งเล่นวางโซฟายาวสบายๆ แบบนั่ง 3-4 คนได้เลยนะ / ส่วนของจริงเราได้เป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาว

หลังวางเฟอร์นิเจอร์มีระยะทีวีกว้างประมาณ 2.10 m. ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ประมาณ 46″- 50″ กำลังดี แถมเหลือพอวางโต๊ะกลางเล็กๆได้อีกด้วย

ระเบียงกั้นด้วยประตูอลูมิเนียมฟ้าแบบสั่งทำพิเศษ พร้อมกระจก Tempered Glass สีฟ้า ที่ช่วยป้องกันแสง UV ได้ระดับนึง ซึ่งประตูที่นี่เลือกเปิด-ปิดได้ 2 ฝั่งเลยนะคะ / นอกจากมีการ Drop ฝ้าด้านบนด้วย สำหรับซ่อนรางม่านให้เรียบร้อย

พื้นที่ระเบียงตามโฉนดขนาด 2.90 x 0.80 m. (พื้นที่ก่อนระแนง) ส่วนพื้นที่แถมให้อีกเท่าตัวเลยขนาด 2.90 x 0.90 m. ซึ่งทำให้มีพื้นที่วางโต๊ะได้ขนาด 1.65 x 1.93 m. ที่เอาชุดเก้าอี้ออกไปนั่งเล่นรับลมชิลล์ๆ / พื้นปูกระเบื้องแกรนิตโต้สีเทาสวยงาม ส่วนระเบียงเป็นกระจกที่ทำให้มองวิวได้เต็มที่ ไม่บดบังวิวค่ะ

ก่อนพื้นที่ระแนงเป็นตำแหน่งวาง Condensing Unit แบบแขวน ส่วนด้านใต้มีพื้นที่วางเครื่องซักผ้าเพิ่มได้ด้วยนะ (กรณีถ้าไม่อยากวางไว้ในห้องครัว)

ขอบกระจกเป็นสีน้ำเงินตามคอนเซ็ปต์โครงการ โดยกว้างเต็มผนังและสูงเกือบเต็มฝ้าเพดาน เพื่อต้องการให้ภายในห้องรับแสงธรรมชาติมากที่สุด และดูโปร่งสบายตา

ถัดไปเป็นส่วนครัวและโซนพักอาศัย โดยขวามือสุดเป็นห้องครัวปิด ที่สามารถทำอาหารจริงจังได้ ตรงกลางเป็นห้องน้ำเข้า-ออกได้ 2 ทาง ส่วนซ้ายมือสุดเป็นห้องนอนที่อยู่ริมหน้าต่าง นอนมองวิวจากบนเตียงได้เลย

ชุดครัว Built-in หน้าตาแบบนี้ หน้าบานชั้นบนกระจกสีชาดูหรูหรา ส่วนด้านล่างเป็นแบบ Hi-Gloss ที่สะท้อนเงาให้ห้องครัวดูกว้างมากขึ้น / ผนังของจริงเป็นฉาบเรียบทาสีขาวนะคะ

ด้านข้างมีช่องวางตู้เย็นขนาด 8-11 คิวบิกได้ (ขนาดเท่าห้องตัวอย่าง 11.4 คิวบิก) ส่วนชั้นบนมีตู้ให้เก็บของเพิ่มเติมได้ด้วย

ตู้ชั้นบนมีช่องให้เก็บของได้เยอะดี แต่ที่น่าสนใจคือทางโครงการมีที่วางจานแบบดึงชั้นลงมาได้ ช่วยให้ผู้หญิงตัวเล็กๆหยิบใช้งานสะดวกมากขึ้น นอกจากเก็บง่ายแล้วจะได้ไม่เกิดอันตรายจากการเอื้อมไปหยิบไม่ถึงด้วยนะคะ

Top เคาน์เตอร์หินสังเคราะห์สีดำ เงา สวยงามดี พร้อม Backsplash เป็นกระจกเงาแบบนี้เลย ซึ่งทำให้ตัวห้องครัวดูกว้างมากยิ่งขึ้น

สำหรับซิงค์อ่างล้างจานขนาด 47 x 40 cm. ยี่ห้อ FRANKE และ Hob & Hood เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Electrolux แบบดูดควันออกภายนอกอาคาร

หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้วมีพื้นที่ใช้งานประมาณ 90 cm. ที่ใช้งาน 1-2 คนกำลังดี โดยพื้นตรงนี้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ เช็ดทำความสะอาดง่าย

ชุดครัวด้านล่างมีช่องวางเครื่องซักผ้ามาให้ด้วย ซึ่งถ้าใครอยากได้พื้นที่เก็บของเพิ่ม ก็เอาเครื่องซักผ้าไปไว้ที่ระเบียงแทนได้นะ บริเวณใต้ซิงค์ล้างจานมีช่องขนาดใหญ่ให้เก็บของ พร้อมถังขยะที่ติดมากับหน้าบานตู้ (เปิด-ปิดใช้งานง่าย) กลิ่นไม่ฟุ้งกระจาย นอกจากนี้ยังมีลิ้นชักที่โครงการเตรียมที่วางช้อนส้อม และจานชามมาให้เรียบร้อย

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมติดตั้งไฟ Downlight มาให้เรียบร้อยค่ะ

ห้องน้ำของห้องนี้จะมีเพียง 1 ห้องนะคะ แต่โครงการก็ออกแบบมาเผื่อให้สามารถเข้าใช้งานได้เลยทั้ง 2 ทาง คือจากส่วนห้องนอนและ Common Area เลย ดังนั้นข้อดีคือได้ความสะดวกสบายมากขึ้นอยู่ตรงไหนของห้องก็เข้าถึงได้ง่าย และแขกที่มาห้องก็สามารถเข้าห้องน้ำได้โดยไม่ต้องผ่านห้องนอน ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวอีกด้วย

ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียก-แห้งเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยพื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นมาให้ป้องกันน้ำไหลออกมาด้านนอก

สำหรับผนังของจริงเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาว มีเฉพาะตู้กระจกบริเวณอ่างล้างหน้าเท่านั้นที่ให้มา / อ่างล้างหน้ายี่ห้อ Kohler ขนาด 55 x 35 ซม.

ตู้กระจกเปิดมาเก็บของได้เยอะพอสมควร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่หยิบใช้งานง่ายมากกว่าตู้ใต้อ่าง เหมาะวางแปรงสีฟัน และยาสีฟันได้นะ

โถสุขภัณฑ์ยี่ห้อ Kohler มาพร้อมสายชำระ + ที่ใส่กระดาษทิชชู่ที่ผนังด้านหลัง ซึ่งเวลาใช้งานอาจจะหยิบไม่ค่อยถนัดมือนะคะ

พื้นที่อาบน้ำกว้าง 1.40 x 80 m. เป็นขนาดที่ใช้งาน 1 คนกำลังดี

ส่วนฝักบัวได้ทั้งแบบ Rain Shower และ Hand Shower ขนาดพอดีมือ พร้อมจุด Junction ไว้ใส่เครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มได้ รวมถึงผนังเจาะช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้ด้วย

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมเจาะช่องทำไฟซ่อนมาให้(ตามห้องตัวอย่าง) และติดตั้งไฟ Downlight + พัดลมดูดอากาศเรียบร้อยค่ะ

ห้องนอนเหมาะวางเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมพื้นที่เหลือเดินรอบเตียงได้กำลังดี

เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตไปแล้ว จะเหลือพื้นที่ปลายเตียงประมาณ 50 cm. ซึ่งเป็นระยะที่เดินได้ผ่านได้สบายๆ แนะนำให้ติดทีวีแบบแขวนนะคะ ส่วนด้านข้างเหลือประมาณ 70 cm. ที่วางโต๊ะหัวเตียงได้สบายๆ

ด้านหน้าห้องน้ำมีพื้นที่เหลือวางตู้เสื้อผ้าได้ แต่โครงการจะไม่ได้ให้มานะคะ

หน้าต่างได้สูงเกือบเต็มผนังรับแสงเต็มที่ แถมได้เป็นกระจก Bay Window  ทำให้มองเห็นวิวได้กว้างขึ้นจากบนเตียงนอนเลยนะ นอกจากนี้ยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งมาให้ระบายอากาศอีกด้วย

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมเจาะช่องทำไฟซ่อนมาให้(ตามห้องตัวอย่าง)

2 Bedroom (Duplex) ขนาด 34.20 ตร.ม. เป็นเพียงแค่พื้นที่ในโฉนดที่ดินที่เราจะได้เท่านั้นนะคะ ยังไม่รวมพื้นที่ใช้สอยของชั้นลอยอีก 22.90 ตร.ม. ซึ่งเป็นรูปแบบพื้นที่ห้อง Loft ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ห้องนี้มีพื้นที่ใช้สอยจริงๆ 57.10 ตร.ม. นั่นเอง ข้อดีคือ เวลาคิดค่าส่วนกลางคิดเฉพาะชั้นล่าง ซึ่งชั้นบนถือเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่ได้เพิ่มขึ้นมา ไม่นับเป็นค่าส่วนกลางนะคะ

ห้องนี้แปลนด้างล่างแทบไม่แตกต่างกับห้อง 1 Bedroom ห้องที่แล้ว แต่ที่เพิ่มขึ้นมาคือบันไดทางขึ้นชั้น 2 ทำให้ส่วนรับประทานอาหารมีพื้นที่จำกัดมากขึ้น ส่วนห้องนั่งเล่น เราจะได้เป็น Double Volume สูงประมาณ 5.9 m. ทำให้ภายในดูโปร่งโล่ง และต่อเนื่องกันดี ถัดขึ้นมาที่ชั้น 2 มีห้องนอนใหญ่พร้อมห้องน้ำที่ชั้นบนเลย เป็นแบบที่ใช้งานง่าย แถมมีอ่างอาบน้ำให้นอนแช่ตัวได้สบายๆเลย นอกจากนี้ภายในห้องนอนยังมองลงมาเห็นชั้นล่างได้ว่าใครทำอะไรกันอยู่ ^^

เปิดเข้ามาเจอส่วน Common Area แบบห้องที่แล้ว แต่มีบันไดทางขึ้นชั้น 2 เพิ่มขึ้นมา ทำให้พื้นที่ทานข้าวถูกจำกัด วางโต๊ะทานข้าวขนาดใหญ่แบบห้องที่แล้วไม่ได้ / ความสูงพื้นถึงฝ้า 2.7 m.

สำหรับพื้นที่ทานข้าววางโต๊ะขนาด 3 ที่นั่งกำลังดีค่ะ

ถัดเข้ามาจะเจอกับห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดระเบียง ที่เดินออกไปใช้งานได้ง่าย / หลังวางเฟอร์นิเจอร์ มีระยะทีวีกว้างประมาณ 2.10 m. ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตาอยู่ที่ประมาณ 46″- 50″ กำลังดี แถมเหลือพอวางโต๊ะกลางเล็กๆได้อีกด้วย

โดยบริเวณนี้มีฝ้าเพดานสูงถึง 5.9 m. ที่สูงกว่าห้องแบบ Loft ทั่วไปเลยนะคะ ทำให้ได้ความสูงโปร่ง และให้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลยนะคะ

สำหรับพื้นที่ระเบียงขนาดเล็กกว่าห้องที่แล้วนะคะ / พื้นที่ระเบียงตามโฉนดขนาด 2.90 x 0.70 m. (พื้นที่ก่อนระแนง) ส่วนพื้นที่แถมให้อีกเท่าตัวเลยขนาด 2.90 x 0.50 m. ซึ่งทำให้มีพื้นที่วางโต๊ะได้ขนาด 2.90 x 1.20 m. ที่เอาชุดเก้าอี้ออกไปนั่งเล่นรับลมชิลล์ๆ

สำหรับห้องนี้ภายในครัวไม่มีที่วางเครื่องซักผ้ามาให้ ต้องเอาออกมาวางใต้ Condensing Unit แบบนี้แทน

กลับมาที่หน้าห้องอีกครั้ง มาดูพื้นที่อีกฝั่งกันดูบ้าง

ชุดครัว Built-in หน้าตาแบบนี้ วัสดุต่างๆเหมือนกับห้องที่แล้ว แต่ไม่มีเสากั้นทำให้การใช้งานดูต่อเนื่องกันดี

หลังจากวางเฟอร์นิเจอร์แล้วมีพื้นที่ใช้งานประมาณ 90 cm. เหมาะใช้งาน 1-2 คนกำลังดี พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ เช็ดทำความสะอาดง่าย

สำหรับห้องน้ำเข้าได้ 2 ฝั่งเช่นเดียวกับห้องที่แล้วเลย เป็นลักษณะประตูบานเปิด กับประตูบานเลื่อน ที่ประตูไม่เปิดชนกันแน่นอนค่ะ

ภายในห้องน้ำแยกส่วนเปียก-แห้งเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยบริเวณพื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นมาให้ป้องกันน้ำไหลออกมาด้านนอก

โถสุขภัณฑ์ยี่ห้อ Kohler แบบเดียวกับห้องที่แล้ว แต่ที่เพิ่มขึ้นมาคือ Low Wall ด้านหลังกว้าง 10 cm. ไว้วางของเพิ่มเติม

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 98 x 95 cm. ที่ใช้งานได้กำลังดี

ห้องนอนขนาดไม่ใหญ่เหมือนห้องที่แล้ว ถ้าจะวางเตียง 5 ฟุต ต้องวางชิดริมหน้าต่าง หรือถ้าอยากได้พื้นที่เดินรอบเตียงสบายๆ ให้เลือกเตียงขนาด 3.5 ฟุต ดีกว่านะคะ

เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตไปแล้ว จะเหลือพื้นที่ปลายเตียงประมาณ 60 cm. ซึ่งเป็นระยะที่เดินได้ผ่านได้สบายๆ แนะนำให้ติดทีวีแบบแขวน ส่วนหน้าตู้เสื้อผ้าเหลือพื้นที่ประมาณ 51 cm. เป็นระยะที่ใช้งานได้กำลังดี แต่แนะนำให้เลือกตู้เสื้อผ้าบานเลื่อนนะ

สำหรับห้องนี้ได้ Bay Window เช่นกัน ซึ่งห้องนอนส่วนใหญ่จะได้เป็นหน้าต่างแบบ Bay Window (มองเห็นวิวกว้างขึ้น)

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีขาว พร้อมเจาะช่องทำไฟซ่อนมาให้(ตามห้องตัวอย่าง)

บันไดทางขึ้นชั้นบน ซึ่งที่นี่เลือกทำเป็นแบบโปร่ง ทำให้ดูไม่หนักจนเกินไป แถมใต้บันไดยังวางตู้เพิ่มเติมได้ด้วยนะ

ซึ่งเป็นลักษณะบันไดรูปตัว L บันไดจะอยู่ติดริมผนัง กว้าง 80 cm. เดินสวนกัน 2 คนได้อยู่นะ แต่ต้องระวังหน่อย ส่วนลูกตั้ง 17 cm. ลูกนอน 26 cm. ที่ใช้งานได้สบายๆ

ขึ้นมาชั้นบนมาพื้นที่หน้าห้องน้ำ และห้องนอน ที่จัดเป็นโซน Walk-in Closet ได้นะ หยิบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำได้ง่าย

สำหรับชั้นบนบรรยากาศไม่อึดอัดเลยนะ เพราะมีหน้าต่างรับแสงจากภายนอกได้ด้วย / แถมพื้นค่อนข้างแน่นไม่เหมือนแบบห้อง Loft ทั่วๆไป เนื่องจากเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กค่ะ

ภายในห้องน้ำชั้นบน ไม่ได้มีฉากกั้นแยกส่วนเปียกแห้งมาให้ แต่มีอ่างอาบน้ำให้นั่งแช่ตัวได้ด้วย พร้อมฝักบัวทั้งแบบ Rain Shower & Hand Shower เหมือนกับห้องที่แล้วๆ

สำหรับอ่างอาบน้ำ ขนาด 1.19 x 0.60 m. ที่เหมาะนั่งแช่ตัวมากกว่านอน ถ้าตัวสูงหน่อยอาจะยืดขาได้ไม่สุดนะคะ

ห้องนอนเหมาะวางเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมพื้นที่ด้านข้างให้วางโต๊ะทำงานเพิ่มได้ด้วย

ส่วนปลายเตียงมีกระจกที่มองลงไปให้บรรยากาศชั้นล่างได้ด้วยนะ

สำหรับห้องนี้จะมีหน้าต่าง Bay Window ให้นอนมองวิวจากบนเตียงได้ พร้อมกระจกบานกระทุ้งมาให้เช่นกันค่ะ

แบบห้อง 2 Bedrooms ขนาด 53.50 ตร.ม. ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน / 2 ห้องน้ำ / 1 ห้องนั่งเล่น / 1 ห้องครัวปิด ซึ่งตำแหน่งนี้จะเป็นแบบเดียวของโครงการ ที่ไม่มีระเบียงแถมมาให้นะคะ

Image 1/10
พื้นที่ Common Area (ทานข้าว + ห้องนั่งเล่น)

พื้นที่ Common Area (ทานข้าว + ห้องนั่งเล่น)

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

แบบแปลน

Image 1/13
1 Bedroom Floor Plan

1 Bedroom Floor Plan

ราคา

5 August 2020

  • 1 Bedroom 33.8 – 42.3 ตร.ม. ทั้งหมด 455 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.4 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 43.4 – 61.5 ตร.ม. ทั้งหมด 182 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.5 ล้านบาท
  • Duplex 34.2 – 76.1 ตร.ม. ทั้งหมด 52 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท
  • Penthouse 70.1 – 121.9 ตร.ม. ทั้งหมด 8 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 14 ล้านบาท

  • Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.7 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Electrolux
  • จอง 30,000-100,000 บาท
  • ทำสัญญา 80,000-150,000 บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล :

“พระราม 3” เป็นทำเลที่เชื่อมจากย่านธุรกิจใจกลางเมืองอย่างสีลม-สาทร กับย่านฝั่งธนบุรีที่กั้นด้วยแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตัวโครงการ Sapphire Luxurious Condominium Rama 3 ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานภูมิพล(วงแหวนอุตสาหกรรม) ที่นอกจากมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว เรายังมองเห็นพื้นที่สีเขียวบางกระเจ้าขนาดใหญ่ ที่จะไม่มีตึกสูงบดบังวิวแน่นอน รวมไปถึงย่านพระราม3 ยังเป็นย่านธุรกิจที่มีสำนักงานใหญ่หลายแห่ง ส่วนความอุดมสมบูรณ์ในภาพกว้างแล้ว บริเวณในย่านนี้ก็มีทั้งห้างสรรพสินค้า ตลาด คอมมูนิตี้มอลล์ ที่คาดว่าจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆในอนาคต

การเดินทางโดยใช้รถ :

ในแง่ของการเดินทางด้วยรถยนต์ ถนนพระราม 3 เป็นถนนที่ค่อนข้างอำนวยความสะดวกให้กับคนที่ขับรถเป็นหลัก ถนนกว้าง 8-10 เลน (นับรวมเลน BRT ด้วย) มีสะพานข้ามแยกเกือบทุกช่วง เป็นถนนที่มีทางเชื่อมต่อเข้ากับส่วนที่เป็น CBD ของกรุงเทพได้หลายจุด ตั้งแต่สาทร, พระราม 4, อโศก, สุขุมวิท หรือข้ามสะพานกรุงเทพไปฝั่งธน, เพชรเกษม, ราชพฤกษ์ เรียกว่าเป็นทำเลที่เข้า-ออกเมืองได้ง่าย พร้อมทั้งมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนให้เลือกหลากหลาย แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งของถนนพระราม 3 คือ ระยะทางของถนน ที่ถือว่ายาวพอสมควร และวิ่งอ้อมโค้งๆ เป็นรูปเกือกม้า เพราะเป็นถนนที่ตัดขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ถ้ารู้จักวิ่งโดยใช้ทางลัดต่างๆแถวนี้ ก็จะสามารถลดระยะทางได้เยอะเลย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวสะดวกก็จริง แต่ถ้าในแง่ของการเดินทางโดยไม่ใช้รถ จะสะดวกน้อยกว่าพอสมควร อย่างแรกคือ ตัวโครงการไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้า การจะใช้รถไฟฟ้าจะต้องใช้วิธีต่อรถเอา อาจจะใช้วิธีนั่งรถ BRT ไปก่อนก็ได้ (BRT ที่ใกล้โครงการสุดคือสถานีปริวาส ห่างไปประมาณ 450 m.) หรือนั่งแท็กซี่ สองแถว พี่วินมอเตอร์ไซค์ก็ได้ แล้วแต่สะดวก และตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่อยู่แล้ว ทำให้มีรถสาธารณะขับผ่านไปมาเยอะพอสมควร

วัสดุ :

โครงการขายของแบบ Fully Fitted ที่ให้ของตามมาตรฐานราคาระดับนี้ เริ่มที่ประตูทางเข้าแบบ Digital Door Lock, พื้นในห้องเป็น Smart Vinyl (พื้นยางไวนิล) ที่ทนความชื้นและรอยขีดข่วนได้ดีกว่าลามิเนต, ส่วนครัวได้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้เช็ดทำความสะอาดง่าย, ท็อปครัวหินสังเคราะห์ + Backsplash เป็นกระจก, หน้าบานกระจกสีชา + Hi-gloss ที่ดูหรูหราดี และ Hob & Hood ของ Electrolux ส่วนสุขภัณฑ์ยี่ห้อ Kohler นอกนั้นเราต้องเตรียมงบเพิ่มในการตกแต่งด้วยนะคะ

การออกแบบอาคาร :

ตัวอาคารตกแต่งมาโดยโทนสีฟ้าตามชื่อโครงการ Sapphire ที่แปลว่าอัญมณีสีฟ้า ซึ่งของจริงก็จะมีการเปิดไฟแบบนี้ เพื่อให้ดูโดดเด่น โดยตัวอาคารจะวางขนานไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้ห้องพักอาศัยส่วนใหญ่หันออกทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ที่มีแดดแรงอยู่บ้างในช่วงบ่ายๆ นอกจากนี้ลองสังเกตจากบริบทโดยรอบ ยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิดนะ (มีแต่เยื้องๆกัน) ซึ่งต้องรอดูของจริงว่าจะเป็นอย่างไร

การออกแบบตัวห้อง :

ตัวห้องเริ่มต้นขนาดใหญ่ 33.8 ตร.ม. พร้อมฝ้าเพดานสูงถึง 2.7 ม. ที่ช่วยทำให้บรรยากาศภายในดูโล่งอยู่ นอกจากนี้ยังมีแบบห้องให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ห้อง 1 Bedroom – 4 Bedrooms ที่อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ได้เลย

เริ่มที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.8 ตร.ม. จัดออกมาได้เป็นสัดส่วนดี เปิดมาเจอ Common Area ยาวต่อเนื่องจนถึงระเบียง ส่วนที่ชอบเลยคือห้องนี้ได้ระเบียงแถมเยอะมาก ซึ่งเอาชุดเก้าอี้ออกไปนั่งเล่นได้สบายๆเลย ส่วนห้องครัวปิดทำอาหารจริงจังได้เลย ถัดไปห้องน้ำเข้า-ออกได้ 2 ฝั่ง ที่เลือกใช้งานได้ ห้องนอนมีหน้าต่าง Bay Window มาให้มองวิวได้กว้างมากยิ่งขึ้น

ส่วนแบบห้อง 2 Bedroom (Duplex) ขนาด 34.20 ตร.ม. หรือห้องแบบฝ้าเพดานสูง 5.9 m. ส่วนตัวมองว่าค่อนข้างสูงทีเดียว ไม่ได้เห็นโครงการที่ให้เห็นแบบนี้บ่อยๆ แถมโครงสร้างชั้นบนเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กที่มีความแข็งแรง เดินแล้วรู้สึกแน่นดีนะ นอกจากนี้การจัด Space ภายในก็ทำได้ดีเป็นสัดส่วน แถมห้องนอนชั้นบนมีห้องน้ำในตัว ที่ไม่ต้องเดินมาใช้งานด้านล่างด้วยนะคะ

สาธารณูปโภค :

ให้มาหลากหลายดี โดยเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 มี Lobby พร้อมทั้ง Sunken Seat ไว้นั่งเล่นริมน้ำ ด้านข้างมีสวนหย่อมขนาดใหญ่ให้ใช้งาน ถัดขึ้นมาชั้นที่ 7 มี Golf Simulator + Putting Green + Green Area เอาใจคนชอบเล่นกอล์ฟโดยเฉพาะ ส่วน Main Facilities ยกมาไว้ที่ชั้น 41 และ 41m ที่ทำให้มองเห็นวิวมุมสูงของโครงการได้ โดยมีทั้งสระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ห้อง Sauna แยกชาย-หญิง, Kid Room, Sky Lounge, Library, Co-Working Space, Yoga Room และ Boxing Area


Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 130,000 บาท/ตร.ม., 5 August 2020

  • ทำเล 7.5/10 – เป็นคอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ติดถนนหลักพระราม 3
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ติดถนนใหญ่ แต่ได้ที่จอดรถมา 50% ถือว่าน้อยไปหน่อยสำหรับโครงการที่เน้นใช้รถยนต์เป็นหลัก
  • ไม่ใช้รถ 7.25/10 – ติดถนนใหญ่เรียกรถง่าย มีรถสาธารณะขับผ่านตลอดทั้งวัน
  • วัสดุ 7.25/10 – ขายแบบ Fully Fitted วัสดุได้ตามมาตรฐาน
  • แบบ 8.5/10 – มีแบบให้เลือกทั้ง Simplex และ Duplex ที่ไม่ค่อยเห็นในละแวกนี้ทำกัน พร้อมห้องเริ่มต้นขนาดใหญ่ 33.8 ตร.ม.
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – Main Facilities ยกขึ้นไปไว้ชั้นบน ทำให้เห็นวิวมุมสูงของโครงการ พร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายดี

  • UPPER CLASS
  • 7.68 / 10.00

BOTTOM LINE

Sapphire Luxurious Condominium Rama 3 เหมาะกับคนที่ชอบทำเลโซนพระราม 3 เป็นทุนเดิม เน้นเข้า-ออกตัวเมืองได้ง่าย อยากอยู่คอนโดวิวแม่น้ำเจ้าพระยา +บางกระเจ้า เดินทางใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก มองหาโครงการวิวแม่น้ำในราคาไม่แพงมาก และที่สำคัญต้องการ  Facilities หลากหลาย จัดเต็มที่ชั้นบน พร้อมแบบห้องหลากหลาย มีทั้งแบบ Simplex และห้อง Duplex หรือฝ้าเพดานสูง ราคาเริ่มต้น 2.4 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 20,000 บาทเดือน 


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving