รีวิวฉบับที่ 1098 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมคอนโดภายใต้แบรนด์พลัม จากพฤกษา กับโครงการ Plum Condo รามคำแหง สเตชั่น คอนโด High Rise สูง 33 ชั้น บนถนนรามคำแหง โดยห่างจาก Airport Rail Link ประมาณ 250 ม. โดยโครงการนี้ถือเป็น 1 ใน 4 โปรเจ็คใหม่ของ Plum Condo Station 2016 ที่เน้นทำเลเขยิบเข้ามาใกล้สถานีรถไฟฟ้ามากขึ้นค่ะ ส่วนของตัวโครงการนี้มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 1,003 ยูนิต และแบบห้องทั้งหมด 4 แบบตั้งแต่ 22.5 – 46 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้นที่ 1.69 ล้านบาท และราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.อยู่ที่ 86,000 บาท ส่วนโครงการจะเป็นอย่างไรนั้นตามไปชมกันค่ะ

 

Fact @ 31 May 2016

  • Plum Condo Ramkhamhaeng Station (พลัมคอนโด รามคำแหง สเตชั่น)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : สวนหลวง
  • คอนโด High Rise 33 ชั้น 1,003 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 38 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ n/a คันคิดเป็น 36% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 46-50%
  • ที่ดินประมาณ 5 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q3 2559
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q3 2561
  • 1 Bedroom 22.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 26 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นประมาณ 2.1 ล้านบาท
  • 1 Bedroom (พิเศษ) 39 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นประมาณ 3.5 ล้านบาท
  • 2 Bedroom 46 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นประมาณ 4.2 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท หรือ 75,111 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 86,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.744360, 100.602743

ที่ตั้งโครงการตั้งอยู่บนถนนรามคำแหงตอนต้นฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าไปทางสี่แยกคลองตัน โดยห่างจากแยกคลองตันประมาณ 250 ม. และห่างจาก Airport Rail Link รามคำแหงประมาณ 250 ม.

ทำเลโครงการตั้งอยู่บนถนนรามคำแหงช่วงต้น ระหว่างถนนเพชรบุรีตัดใหม่และถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นทำเลที่เขยิบออกมาจากทำเลบนถนนเพชรบุรีตัดใหม่หรือถนนพระราม 9 ซึ่งเป็นย่านที่มีทั้งสำนักงานใหญ่และคอนโด High Rise ราคาสูงตั้งอยู่หนาแน่นค่ะ โดยบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในแถบนี้จะไม่ได้เจริญหรือมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเมื่อเทียบกับย่านรามคำแหงที่เลยสี่แยกไปแล้วนะคะ แต่ก็ยังอยู่ในระยะที่เดินทางไปในเมืองได้สะดวก ส่วนบริเวณนี้เป็นย่านมุสลิมเก่าที่เป็นชุมชนอยู่กันมานานแล้วส่วนใหญ่ก็จะเป็นบ้านเดี่ยวที่ไม่ได้จัดสรรอยู่กันตามซอยเล็กซอยน้อย ส่วนบริเวณที่ติดริมถนนนั้นพอจะเห็นออฟฟิศขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมทั้งโชว์รูมรถยนต์เปิดกันให้เห็นอยู่ประปราย จะมีตึกใหญ่หน่อยก็อย่างตึก UM Tower ที่อยู่ใกล้ๆแยกคลองตันค่ะ โดยรวมแล้วไม่ได้เป็นทำเลที่หวือหวามากนักแต่เมื่อมีระบบรางอย่าง Airport Rail Link รามคำแหง มาลงใกล้ๆ จึงทำให้มีโครงการคอนโดทั้ง Low Rise และ High Rise เกิดขึ้นในรัศมีใกล้ๆ สถานี ซึ่งโครงการนี้ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้นเช่นกันค่ะ

สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นถือว่าสะดวกนะคะ เพราะตัวโครงการอยู่ใกล้จุดตัดที่เชื่อมไปยังถนนหลักๆ ได้หลายสาย อย่างถนนพระราม 9 ที่มุ่งหน้าไปยังดินแดงและอนุสาวรีย์ได้ ถนนรามคำแหงที่ไปยังหัวหมาก บางกะปิ ถนนเพชรบุรี วิ่งเข้าเมืองไปยังเอกมัย ทองหล่อได้สบายๆ ถนนพัฒนาการ ออกไปยังนอกเมืองมุ่งหน้าไปทางถนนศรีนครินทร์หรือสนามบินสุวรรณภูมิได้ และเข้าถนนสุขุมวิท 71 ออกไปยังพระโขนงอ่อนนุชได้เช่นกันค่ะ รวมไปถึงไม่ห่างจากจุดขึ้น-ลงทางด่วนทั้ง 2 สาย คือทางด่วนศรีรัชและทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์มากนัก

การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้น ที่เป็นอีกจุดขายนึงของโครงการนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการเดินทางโดยพึ่งพิง Airport Rail Link ซึ่งโครงการอยู่ห่างจากสถานีรามคำแหงไปประมาณ 250 ม. ถือว่าอยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ และมีฟุตบาทให้เดินได้สะดวกตลอดทางค่ะ และอีกการเดินทางเข้าเมืองไปยังอโศก-ประตูน้ำ ก็คือการเดินทางด้วยเรือด่วนคลองแสนแสบซึ่งห่างจากโครงการไปประมาณ 1 กม. ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดกับถนนเพชรบุรีค่ะ แต่ด้วยระยะเดิน 1 กม.เรียกว่าเดินไกลไปซะหน่อยซึ่งคงต้องอาศัยนั่งพี่วินอีกทีค่ะ

ด้วยทำเลโครงการนี้เมื่อเทียบกับโครงการเพื่อนบ้านเรือนเคียงที่อยู่ในรัศมีใกล้ Airport Rail Link เช่นเดียวกันที่นี่ถือว่าอยู่ใกล้กับ Airport Rail Link รามคำแหงมากที่สุด และเป็นโครงการใหม่ที่พึ่งเปิดตัวนะคะ ส่วนโครงการข้างเคียงนั้นเป็นโครงการมือสองไปหมดแล้วและปัจจุบันก็อยู่ในเรทราคาตั้งแต่ 65,000 – 110,000 บาท/ตร.ม. ค่ะ

สำหรับเรื่องความอุดมสมบูรณ์ในละแวกนี้นะคะ ส่วนใหญ่จะอยู่แถบแยกคลองตันที่มีเจ้าเด็ดๆ หลายร้านอยู่เหมือนกันค่ะซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารที่ขายในช่วงเวลากลางวัน หรือช่วงกลางวันก็มีเต้นท์อาหารใกล้ๆ กับตึก UM Tower และร้านอาหารใน A-Link ส่วนตอนกลางคืนก็จะมีร้านอาหารใต้ตึกแถวและรถเข็นข้างทางบ้างประปรายแต่ไม่มากนักนะคะ ซูมออกไปหน่อย ดูห้างสรรพสินค้าละแวกใกล้ๆ ก็ต้องเลยจากแยกรามคำแหงไปหน่อย ก็จะเป็นย่านม.ราม ที่เค้าเรียกกันจนติดปาก ในย่านนี้มีทั้งห้างสรรพสินค้า Hyper Market ที่เปิดติดๆ กันให้เลือกจับจ่ายได้สบายๆ รวมทั้งในช่วงเย็นๆไปจนถึงดึกก็จะมีตลาดนัดตรงบริเวณม.รามคำแหงที่เปิดตามทางฟุตบาทและพื้นที่หน้าสนามกีฬาให้ได้เลือกช็อปปิ้งหรือซื้อของกินได้ในราคาย่อมเยาค่ะ หรือจะเป็นแหล่งที่เที่ยว Hang Out กับเพื่อนๆ ก็ต้องเข้าไปทางในเมืองหน่อย อย่างที่ดังๆเลยก็คงจะหนีไม่พ้น RCA บนถนนพระราม 9 ค่ะ

การเดินทางของเราในวันนี้จะเริ่มจาก Airport Rail Link เดินข้ามฝั่งซึ่งมีสะพานเชื่อมมาให้เรียบร้อยและลงมาตรงหน้าโรงแรมนาซ่าเวกัส จากนั้นย้อนขึ้นไปทางแยกรามคำแหงตัดกับถนนพระราม 9 ระยะประมาณ 250 ม. ก็จะเห็นโครงการทางฝั่งขวามือค่ะ

ขอต้อนรับเข้าสู่ท้องถนนรามคำแหง บริเวณจุดตัดกับถนนกำแพงเพชร 7 ใกล้แยกคลองตัน ในช่วงที่เลยเวลาเร่งด่วนไปแล้วปริมาณรถก็เริ่มเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัดต่างจากช่วงเวลาเร่งด่วนมากๆ เพราะในช่วงเลาเร่งด่วนแถบนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีปริมาณรถเยอะมากค่ะ ส่วนด้านข้างมีอาคารสูงใกล้ๆ สถานีรามคำแหงขนาบข้างกันอยู่โดยฝั่งซ้ายเป็นโรงแรม นาซ่า เวกัส คอมเพล็กซ์ ส่วนด้านขวาเป็นอาคารสำนักงาน UM Tower ค่ะ และตึกสูงไกลๆ ก็คือ U-Delight พัฒนาการ-ทองหล่อนั่นเองค่ะ

หันกลับมาจะเป็นเส้นทางที่เราจะเดินไปยังโครงการซึ่งอยู่ในฝั่งขวามือนะคะ จะเห็นว่ามีทางฟุตบาทให้เดินได้สบายๆ ชิลๆ ในระยะ 250 ม.

เดินมาลงที่จุดลงสถานี ด้านข้างขนาบด้วย A-Link ที่เป็นคอมมูนิตี้มอลล์เล็กๆ ทรงอาคารแคบๆ เชื่อมติดกับตัวสถานีเลย สภาพบรรยากาศปัจจุบันของ A-Link นี้ยังมีร้านค้ามาเปิดไม่เต็มจึงมีบรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาพอสมควรเลยค่ะ

ส่วนด้านล่างยังพอมีพี่ Starbucks และร้านเบอร์เกอร์ Subway มาเปิดให้ใช้บริการอยู่ค่ะ โดยลูกค้าหลักๆ ก็คือพนักงานออฟฟิศตึก UM Tower ข้างๆ นี้ค่ะ

เดินออกมาหน่อยบริเวณจุด Drop Off ของ A-link จะมีพี่วินคอยให้บริการอยู่ค่ะ สำหรับใครที่ขี้เกียจเดินก็ใช้บริการพี่วินได้นะ ส่วนเราจะเดินขึ้นสะพานทางเชื่อมข้ามถนนไปยังฝั่งตรงข้ามตรงบริเวณหน้าโรงแรมนาซ่า เวกัสกัน

ทางเชื่อมเดินได้สบายๆ มี Cover Way ไม่ต้องกลัวฝนตก สุดทางเป็นบันไดเลื่อนขึ้น-ลง ด้านข้างมีบันไดธรรมดาให้เรียบร้อย ซึ่งดีมากๆ สำหรับคนขี้เกียจเดินขึ้นบันไดอย่างเราๆ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายได้มากทีเดียวยิ่งสำหรับคนที่ใช้ Airport Link ไปกลับทุกวัน

ลงบันไดเลื่อนมาจะเจอบริเวณทางเข้าโรงแรมนาซ่า เวกัสเลยค่ะ ซึ่งเดี๋ยวเราจะเดินหันหลังกลับไปยังทางเดินฟุตบาทกัน สำหรับโรงแรมนาซ่า เวกัสนี้เป็นโรงแรมชื่อดังระดับ 3 ดาว ขนาดใหญ่อีกหนึ่งที่ในย่านนี้ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนและแขกประปนกันไป

ออกมายังฟุตบาทกัน ลักษณะของฟุตบาทไม่ได้กว้างมากนักแต่ถือว่าเดินได้สบายๆ และสะอาดเรียบร้อยน่าเดินดี รอบข้างมีการปลูกต้นไม้พุ่มและไม้ยืนต้นตลอดทางดูซึ่งเพิ่มความร่มรื่นได้ดีค่ะ

ติดกับโรงแรมนาซ่า เวกัส เป็นร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ที่เปิดบริการมานานแล้ว

ฝั่งตรงข้ามเป็น Show Room Volvo และสมาคมตระกูลเลี่ยว

เดินมาอีกหน่อยเจอสะพานลอยเชื่อมไปยังอาคารสำนักงานของการไฟฟ้านครหลวง บางกะปิ

ส่วนที่ถัดจากร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างจะเป็นอาคารจอดรถของการไฟฟ้านครหลวงค่ะ

เดินตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอป้ายรถเมล์ ซึ่งเป็นป้ายรถเมล์ที่ใกล้โครงการมากที่สุดค่ะ ใครที่ใช้รถเมล์ในการเดินทางก็เดินมารอรถเมล์ตรงนี้ได้สบายๆ เพราะห่างจากหน้าโครงการประมาณ 40 ม.เอง ส่วนด้านข้างนี้เป็นตึกแถวประมาณ 5 คูหาเรียงกันไปมีร้านซ่อมรถและขายอะไหล่รถยนต์เปิดอยู่ชั้นล่างของตึกแถว

ถัดจากนั้นติดกับโครงการเลยเป็นที่จอดรถของโรงแรมนาซ่า เวกัสค่ะ

ภายในเป็นที่จอดรถโล่งๆ ติดกับเสาไฟฟ้าแรงสูง

ถัดมาก็จะถึงทางเข้าของโครงการแล้วค่ะ โดยจากทางเข้าของโครงการไปถึงคอนโดนั้นมีระยะทางประมาณ 120 ม. รวมกับทางเดินจาก Airport Rail Link มาถึงหน้าโครงการอีก 250 ม. เป็นระยะเดินทั้งหมด 370 ม. ซึ่งก็ยังถือว่าอยู่ในระยะเดินได้สบายค่ะ

ส่วนฝั่งตรงข้ามโครงการจะติดกับอาคารพาณิชย์เรียงกัน 3-4 ตึกสูงประมาณ 4 ชั้น ด้านล่างเป็นจุดรอรถ มีร้านรถเข็นขายอาหารประมาณ 3-4 ร้านและร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-11 ค่ะ

เดี๋ยวเราเข้าไปดูห้องตัวอย่างใน Sale Office กันต่อนะคะ สำหรับ Sale Office นี้ต่อไปจะถูกทุบทิ้งและทำเป็นอาคารรองรับแขกขนาดเล็กๆ

เข้ามาในส่วนของ Sale Office กันค่ะ ภายในตกแต่งแบบเรียบง่ายใช้สีสันโทนสดใสด้วยสีเขียวอ่อนและสีเหลือง

อีกมุมนึงของ Sale Office ที่จัดเป็นพื้นที่ต้อนรับไว้ค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโครงการโดยรอบเป็นพื้นที่แนวราบและอาคารที่มีความสูงประมาณ 3-4 ชั้น จึงไม่มีปัญหาในเรื่องของวิวที่จะถูกบล็อกนะคะ แต่จะมีทิศเหนือที่ติดกับที่ดินว่างเปล่าซึ่งเป็นที่ดินที่ได้มาพร้อมกับที่ดินของโครงการโดยในอนาคตจะถูกพัฒนาเป็นโครงการเช่นเดียวกันนี้แหละทำให้ในทิศนี้ต้องรอลุ้นกันต่อไปค่ะว่าจะถูกบล็อกวิวแค่ไหน ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับการจัดวางอาคารเพื่อแก้ปัญหาในเรื่องของวิวของโครงการข้างเคียง

  • ทิศเหนือ : ที่ดินเปล่า (โครงการในอนาคต)
  • ทิศตะวันออก : มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย
  • ทิศใต้ : ที่ดินการรถไฟ
  • ทิศตะวันตก : ที่จอดรถโรงแรมนาซ่า เวกัสและที่จอดรถของการไฟฟ้า

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

ซูมเข้ามาอีกนิดนะคะ จะขอพูดถึงอีกเรื่องที่ยังไม่ได้กล่าวถึงคือ ตำแหน่งของเสาไฟฟ้าแรงสูงที่อยู่ใกล้กับโครงการนะคะ สำหรับเสาไฟฟ้าแรงสูงนี้มีจำนวน 14 ชั้นของลูกถ้วย หรือมีแรงดันไฟฟ้า 230,000โวลต์ ซึ่งระยะห่างที่ปลอดภัยจากอาคาร/เฉลียง/ระเบียงมากกว่า  2.30 ม. และถูกระยะรอนสิทธิที่ไม่สามารถก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างได้ทุกประเภท รวมไปถึงการปลูกต้นไม้ก็ต้องสูงไม่เกิน 3 เมตร เพื่อความปลอดภัยสำหรับระบบไฟฟ้าเองและสิ่งที่มาเกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าค่ะ โดยเขตรอนสิทธิสำหรับแรงดันไฟฟ้า 230,000 โวลต์นี้นับจากระยะกึ่งกลางเสาด้านละ 20-25 ม. ซึ่งทางโครงการได้ร่นระยะอาคารออกจากตำแหน่งเสาไฟฟ้าแรงสูงไปประมาณ 30-38 ม. ซึ่งจัดอยู่ในระยะที่ปลอดภัยหายห่วงค่ะ

สำหรับผู้อ่านท่านไหนอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องเสาไฟฟ้าแรงสูงกับอาคาร หรือมีข้อมูลเพิ่มเติมสามารถเข้าไปพูดคุยแบ่งปันกันได้โดย  (คลิกที่นี่)

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • A Link  ~ 230 ม.
  • UM Tower ~ 300 ม.
  • โรงพยาบาลแพทย์ปัญญา ~ 600 ม.
  • สภาสถาปนิก ~ 750 ม.
  • Foodland ~ 850 ม.
  • The Mall รามฯ ~ 1.2 กม.
  • Major Cineplex ~ 1.4 กม.
  • Big C ~ 1.7 กม.
  • Major Hollywood ~2 กม.
  • มหาวิทยาลัยรามคำแหง ~ 2.8 กม.
  • โรงเรียนสาธิตรามคำแหง ~ 2.8 กม.
  • โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 2.7 กม.
  • RCA ~ 3 กม.
  • สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน ~ 3.5 กม.
  • โรงพยาบาลปิยะเวท ~ 5 กม.

 

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Plum Condo รามคำแหง สเตชั่น คอนโด High Rise สูง 33 ชั้น มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 1,003 ยูนิต ตัวอาคารเป็นรูปตัว H หันหน้าโครงการออกถนนรามคำแหง โดยรวมรูปลักษณ์อาคารออกแบบมามีความเรียบง่ายในสไตล์ Modern และใช้โทนสีน้ำตาลเข้มซึ่งทำให้มีกลิ่นอายของ Contemporary อยู่ด้วย

จาก Model ของโครงการจะเห็นว่าที่ติดกับถนนรามคำแหงนั้นจะเป็นส่วนของทางเข้าหน้าโครงการที่ในอนาคตน่าจะใช้เป็นทางเข้าร่วมกันกับโครงการข้างเคียงค่ะ แล้วค่อยเลี้ยวขวาลึกเข้าไปประมาณ 120 ม. ก็จะถึงตัวอาคาร

ตัวโครงการมีทั้งหมด 33 ชั้น โดยชั้น 1 นี้เป็นส่วน Lobby และพื้นที่จอดรถ จากนั้นชั้น 2-6 จะเป็นชั้นจอดรถทั้งหมดค่ะ เมื่อขึ้นมาที่ชั้น 6 เป็นชั้น Facilities ทั้งหมดและไม่มีห้องพักอาศัย ขึ้นมาที่ชั้น 7-32 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดและชั้นดาดฟ้ามีสวนอยู่ตรงกลางและ Sky Loung อยู่ 2 จุดทางด้านหน้าและด้านหลังค่ะ สำหรับด้านหน้าโครงการนี้อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โดยห้องที่หันหน้าไปทางทิศนี้ก็อาจจะร้อนกว่าทิศอื่นๆหน่อยเพราะจะโดนแสงอาทิตย์ในตอนบ่ายมากกว่าทิศอื่นๆ และสำหรับห้องที่หันหน้ามาทางหน้าโครงการนี้จะเป็นห้อง 1 Bedroom Type 26 ตร.ม.ทั้งหมดค่ะ ซึ่งใครเลือกชั้นล่างหน่อยก็จะได้วิวสระว่ายน้ำไป ส่วนใครที่เลือกชั้นสูงๆ วิวทิศนี้จะเป็นวิวจากถนนเพชรบุรีและถนนพระราม 9 ค่ะ ซึ่งมีตึกสูงค่อนข้างเยอะและมีสีสันในตอนกลางคืนด้วย เชื่อว่าคงได้ city view ในช่วงกลางวันและกลางคืนค่ะ

สำหรับห้องในทิศตะวันออกเฉียงเหนือนี้ข้อดีคือเรื่องทิศทางของแดดที่จะไม่ได้ส่องเข้ามาในห้องในช่วงบ่ายๆ ซึ่งทำให้ห้องไม่อมความร้อนค่ะ ส่วนในเรื่องของวิวนั้นก็มีสิทธิ์ที่จะถูกบล็อกวิวจากโครงการข้างเคียงในอนาคตได้สูง แต่หากมีการจัดผังและการวางอาคารที่ดีแล้วก็คงจะได้เห็นวิว Facilities ของโครงการเพื่อนบ้านแทนการประจันหน้ากันตรงๆ

ส่วนด้านหลังโครงการหรือทิศตะวันออกเฉียงใต้นี้ส่วนใหญ่จะเป็นห้องขนาด 22.5 ตร.ม. และจะมีห้องขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยอย่างห้อง 26 ตร.ม. อยู่ขนาบข้างค่ะ สำหรับวิวในทิศนี้จะเห็นวิวทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์และวิวฝั่งถนนพัฒนาการค่ะ

และทิศตะวันตกเฉียงใต้นี้จะมีแต่ห้องขนาดเล็กสุดคือ 22.5 ตร.ม.ค่ะ สำหรับใครที่ดูห้องทิศนี้เอาไว้ต้องอย่าลืมเช็คเรื่องความสูงของรางรถไฟ Airport Rail Link ที่วิ่งผ่านด้วยนะคะ เนื่องจากระยะห่างจากรางรถไฟและอาคารมีความห่างประมาณ 40 ม. ซึ่งชั้นที่อยู่ในระยะสายตาของรถไฟพอดี ก็อาจจะรู้สึกเสียความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องที่อยู่สูงขึ้นมาหน่อยที่เลยระยะสายตาไปแล้ว ส่วนเรื่องวิวที่ได้ของทิศนี้จะเป็นวิวโซนพัฒนาการและแถบถนนสุขุมวิท 71 ค่ะ

ทางเข้าโครงการในอนาคตจะใช้ทางเข้าร่วมกันกับโครงการข้างเคียงด้วย แต่จะแยกเลี้ยวขวาเข้าถนนของโครงการเองอีกที

เมื่อเลี้ยวขวาแล้ววิ่งตามถนนโครงการมาเรื่อยๆ ประมาณ 120 ม.จากหน้าทางเข้าโครงการที่ติดกับถนนรามคำแหง ก็จะเจอส่วน Drop Off โครงการก่อน ถัดจากนั้นด้านข้างถูกจัดเป็นส่วน Front Garden โดยจัดให้มีพื้นที่นั่งเล่นและมีทางเดินให้เดินเล่นได้ด้วยค่ะ ส่วนด้านบนของชั้น Podium ในชั้นที่ 6 ที่เป็นชั้น Facilities ทั้งหมดในฝั่งด้านหน้าโครงการนี้ก็เป็นส่วนสระว่ายน้ำยาว 30 ม. ตลอดแนว

ส่วนด้านหลังโครงการในชั้น 6 เช่นเดียวกันเป็นพื้นที่ Retreat Garden หรือสวนพักผ่อนที่มีพื้นที่นั่งเล่นรับลมชิลๆ ได้

ส่วนชั้นดาดฟ้าหรือชั้นที่ 33 นั้นจะเป็นชั้น Facilities ทั้งหมดเช่นกัน โดยจัดให้มีพื้นที่ Roof Garden อยู่ตรงกลาง และมีส่วน Sky Lounge อยู่ฝั่งขวาทั้งด้านหน้าและด้านหลังของโครงการ

บรรยากาศบริเวณ Front Garden หรือสวนบริเวณทางเข้าด้านหน้าโครงการ โดยจะมีชุดโซฟาให้นั่งเล่นได้ในช่วงเวลาเช้าๆ เย็นๆ ซึ่งจะได้ร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้เพื่อความร่มรื่นในพื้นที่สวนนี้ด้วย

ขยับเข้ามาจากส่วน Front Garden จะเป็น Deck Lobby ลักษณะคือเป็นพื้นที่ Lobby แบบ Semi-Outdoor (อยู่ในพื้นที่ร่ม) มีชุดที่นั่งไว้นั่งเล่นชิลๆ หรือจะใช้เป็นพื้นที่รับรองแขกด้านหน้าก็ได้ค่ะ

มุมมองจาก Deck Lobby ไปยัง Living Lounge ค่ะ สำหรับพื้นที่ Living Lounge นี้จัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่น พักผ่อนของลูกบ้าน ซึ่งภายในจัดชุดโซฟามาให้ค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้น Facilities หลักนะคะในส่วนของสระว่ายน้ำจะอยู่กลางแจ้ง ฝั่งที่หันหน้าไปทางถนนรามคำแหง มีขนาด 4.5 x 30 ม. ลึก 1.2 ม. ใช้ระบบน้ำเกลือ ด้านข้างมีพื้นที่ด้านข้างวางชุดโซฟาแบบ Outdoor ไว้นั่งชิลๆ ริมสระ

ติดกับสระว่ายน้ำเข้ามาภายในอาคารเป็นห้อง Fitness ขนาดใหญ่พอสมควรประมาณ 4 ช่วงเสา ส่วนผนังที่อยู่ติดกับส่วนสระว่ายน้ำจะได้เป็นกระจกบานใหญ่สูงถึงฝ้าเพดาน เพื่อรับวิวสระว่ายน้ำและวิวภายนอกได้เต็มที่

ส่วนห้องโยคะ ก็อยู่ในชั้น 6 เช่นเดียวกันค่ะ โดยจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องฟิตเนส และหันหน้าออกไปทางสวนด้านหลังโครงการ (Retreat Garden) ภายในห้องตกแต่งเรียบง่าย ด้านข้างตกแต่งเป็นกระจกเงาทั้ง 2 ด้านและด้านหน้าที่ติดกับสวนให้เป็นกระจกบานใหญ่ ซึ่งช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่ง เพราะแสงธรรมชาติเข้ามาได้ดี สำหรับขนาดของห้องคิดว่าน่าจะรองรับคนใช้งานได้ประมาณ 4-5 คนค่ะ

และนอกจากนี้ยังมีห้องปิงปองให้ลูกบ้านได้ใช้เล่นออกกำลังกายกันด้วย ภายในห้องจะมีโต๊ะปิงปองให้ 1 โต๊ะ และมีเก้าอี้สนามด้านข้าง

ในชั้นบนสุดคือชั้น 33 จัดเป็น Sky Lounge มีชุดโซฟาและที่นั่งไว้สำหรับลูกบ้านมานั่งเล่นพักผ่อนชมวิวภายนอกอาคารในมุมสูงได้

มาดู Master Plan โครงการกันบ้างนะคะ จากทางเข้าโครงการที่อยู่บนถนนรามคำแหงลึกเข้ามาประมาณ 120 ม. จะเป็นส่วนพื้นที่โครงการที่มีที่ดินประมาณ 5 ไร่กว่า ลักษณะการจัดวางอาคารกับที่ดินคือ วางอาคารอยู่ตรงกลางและล้อมรอบด้วยถนนภายในโครงการค่ะ การจัดสภาพแวดล้อมภายในโครงการนั้นเน้นให้มีบรรยากาศร่มรื่นโดยจัดพื้นที่สวนให้ 3 จุดด้วยกันค่ะ สำหรับลักษณะการเดินรถในโครงการนั้นเป็นการเดินรถแบบ 2 เลนสวนกันอ้อมตัวอาคาร ขับวนไปจอดรถในอาคารที่มีจุดเข้า-ออกอยู่ 2 ฝั่งหรือจะจอดรถกลางแจ้งที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลังโครงการได้ สำหรับที่จอดรถนี้มีประมาณ 46% รวมจอดซ้อนคัน ซึ่งถือว่าให้มาพอประมาณกับโครงการใน Segment นี้ และเป็นโครงการที่เน้นการเดินทางที่ใกล้กับ Airport Rail Link ด้วย เข้ามาในอาคารจากจุด Drop-Off จะเป็นส่วน Deck Lobby ที่มีความยาวตลอดแนวจากนั้นต้องสแกนบัตรเข้าสู่ภายในอาคารในส่วนโถงทางเดินด้านในและลิฟต์โดยสาร 2 ฝั่ง ที่แบ่งออกเป็น 2 ฝั่งนี้เพื่อความสะดวกของลูกบ้านที่อยู่คนละฝั่งจะได้ขึ้นลิฟต์จากฝั่งที่เราพักอาศัยเลยค่ะ

 

จากชั้น 1-5 จะเป็นส่วนพื้นที่จอดรถ ขึ้นมาในชั้น 6 เป็นส่วน Facilities หลักของโครงการซึ่งจะจัดให้ทั้งชั้นเลยค่ะ โดยสามารถขึ้นมาในส่วนนี้จากลิฟต์ทั้ง 2 ฝั่งอาคาร สำหรับ Facilities ของโครงการในชั้นนี้ประกอบด้วย สระว่ายน้ำกลางแจ้งยาว 30 ม., ห้อง Fitness, ห้องปิงปอง, Boxing Room, ห้องโยคะ,Relax Garden ที่อยู่ด้านหลังโครงการ และภายในห้องน้ำทั้งหญิงและชายจะมีห้อง Sauna ให้ด้วยนะคะ ส่วนห้องซักรีดจะอยู่ใกล้ๆกับลิฟต์ Service มีไว้สำหรับลูกบ้านมาหยอดเหรียญซักผ้ากันได้ด้วย

 

ชั้น 7-32 เป็นชั้น Typical Floor โดยมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 38 ยูนิต ตำแหน่งการจัดวางอาคารเป็นรูปตัว H แบ่งเป็น 3 ส่วน โดยปีกอาคารฝั่งด้านบนหรือทิศตะวันออกเฉียงเหนือเน้นไปที่ห้องแบบ 26 ตร.ม. มีห้องมุมด้านในเป็นห้องขนาดใหญ่ 46 ตร.ม. ส่วนปีกอาคารอีกด้านหรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ด้านนอกเป็นห้องขนาดเล็ก 22.5 ตร.ม. ส่วนด้านในที่หันไปทางทิศเหนือนั้นเป็นห้องขนาดใหญ่ 46 และ 39 ตร.ม. ส่วนด้านหลังมีขนาด 26 ตร.ม.ค่ะ

สำหรับตรงกลางนั้นมีห้องขนาด 26 ตร.ม. หันไปทางด้านหน้าโครงการและด้านหลังเป็นห้องขนาด 22.5 ตร.ม. ทั้งหมดค่ะ สำหรับการจัดตำแหน่งอาคารที่แบ่งออกเป็น 3 โซนและวางตำแหน่งลิฟต์โดยสาร 2 จุดอยู่ระหว่างโซนทำให้ช่วยร่นระยะการเดินให้ไม่ต้องเดินไกลมากนักและยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวในแต่ละโซนให้มากขึ้น จากจำนวนยูนิตในแต่ละชั้นที่มีความหนาแน่นพอสมควร เพราะลูกบ้านโซนอื่นไม่ต้องมาเดินผ่านหน้าห้องมากนักค่ะ ในส่วนความหนาแน่นของลิฟต์นั้นอยู่ที่ 250.75 : 1 ถือว่ามีความหนาแน่นค่อนข้างมากค่ะ

ในชั้น 33 หรือชั้นบนสุดของอาคารจะเหลือห้องพักอาศัยฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือฝั่งเดียว โดยมีจำนวนยูนิตในชั้นนี้ทั้งหมด 15 ยูนิตค่ะ และในชั้นดาดฟ้านี้ก็จะมี Faciliites ด้วยคือ Roof Garden, BBQ Deck และ Sky Lounge 2 จุดด้านหน้าและด้านหลังโครงการค่ะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1

  • Front Garden
  • Deck Lobby
  • Living Lounge

  • ชั้น 6
    • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 30 เมตร ลึก 1.2 เมตร
    • Fitness
    • Suana
    • Yoga Room
    • Boxing Room
    • Ping Pong Room
    • Laundry
    • สวน

  • ชั้นดาดฟ้า
    • สวน
    • Sky Lounge
    • BBQ Deck

  • ลิฟท์โดยสาร 4 ตัวต่อหนึ่งอาคาร 250.75 : 1
  • ที่จอดรถไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 36% รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 46-50%
  • ระบบ CCTV / Access Card
  •  


    Product Walkthrough

    มาดูห้องตัวอย่างกันต่อนะคะ สำหรับแบบห้องของโครงการจะมีทั้งหมด 4 แบบด้วยกัน คือ

    • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 22.5 ตร.ม.
    • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 26 ตร.ม.
    • 1 Bedroom (ขนาดพิเศษ) ขนาด 39 ตร.ม.
    • 2 Bedroom (ห้องชุดรวมกัน) ขนาด 46 ตร.ม.

    ในส่วนของรูปแบบการตกแต่งนั้นจะให้มาแบบ Fully Fitted นะคะ โดยสิ่งที่ได้คือ

    • ชุดครัว + Sink
    • Wallpaper
    • ห้องน้ำสำเร็จรูป

    สำหรับรีวิวฉบับนี้จะขอพาไปดูห้องตัวอย่าง 2 Type ด้วยกันค่ะ เริ่มจากห้อง 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. กันก่อน ซึ่งเชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตาแปลนนี้บ้างแล้ว จากโครงการแบรนด์พลัมอื่นๆ ค่ะ แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยดูห้อง type นี้ เดี๋ยวเราไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ

    สำหรับแปลนห้อง ขนาด 26 ตร.ม.นี้เป็นห้องที่มีจำนวนยูนิตมากที่ในโครงการค่ะ ด้วยขนาดพื้นที่ใช้สอยนี้ถือว่าเป็นขนาดห้องไซส์เล็กที่สามารถอยู่ได้ 2 คนค่ะ เนื่องจากขนาดและฟังก์ชั่นต่างๆนั้นลงตัวสำหรับการอยู่ 2 คนมากกว่าห้องขนาด 22.5 ตร.ม.พอสมควร เริ่มจากห้องนั่งเล่นที่แยกส่วนออกมาพร้อมกับพื้นที่โต๊ะกินข้าว ชุดครัวที่ไม่ต้องไปเบียดเสียดกันเท่าไร เน้นพื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนพอสมควร สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ ด้านข้างมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องสำอางค์เล็กๆ ได้ค่ะ ส่วนห้องน้ำเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปมีขนาดเท่ากันทุกห้องแบ่งพื้นที่โซนเปียกและแห้งเรียบร้อย

    เริ่มจากทางเข้าห้องกันเลยนะคะ พื้นภายในห้องเป็นลามิเนต จบขอบด้วยไม้สำเร็จรูป

    เข้ามาภายในจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่นก่อนที่เชื่อมกับพื้นที่ส่วนครัวด้านใน จากห้องตัวอย่างจะเห็นฉากกั้นกระจกเล็กๆ ที่กั้นระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่ครัว ซึ่งในห้องจริงจะไม่ได้แบบนี้นะคะ เป็นการตกแต่งเพื่อเป็นไอเดียในการแต่งห้องเฉยๆ หากใครที่ต้องการได้พื้นที่เป็นสัดส่วนขึ้นมาหน่อยก็แนะนำให้กั้นฉากแบบนี้เลยค่ะ ส่วนเรื่องความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.55 ม. เพิ่มมาจากความสูงฝ้ามาตรฐานขึ้นมาหน่อย ช่วยให้ห้องดูโปร่งขึ้นค่ะ

    หันกลับมาส่วนพื้นที่นั่งเล่น มีขนาดประมาณ 2.3 x 2.3 ม. เป็นขนาดพื้นที่นั่งเล่นกระทัดรัด สำหรับอยู่อาศัยกัน 2 คนค่ะ ในส่วนของระยะระหว่างทีวีกับโซฟานี้มีระยะประมาณ 1.8 ม. เหมาะกับการวางทีวีขนาด 32″ จะเป็นขนาดที่พอดีกับระยะสายตาค่ะ

    ด้วยความกว้างประมาณ 2.3 ม. สามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้ค่ะ ด้านข้างเหลือพื้นที่นิดหน่อยสำหรับวางโต๊ะเล็กๆ ข้างโซฟาหรือจะตั้งเป็นโคมไฟจากพื้นก็ได้ตามใจชอบค่ะ

    ฝั่งที่วางทีวีสามารถทำ Built – in ชั้นวางได้ค่ะ แต่ความกว้างของชั้นวางต้องไม่เกิน 30 ซม.นะคะ เพราะอาจจะเกินขอบวงกบแล้วทำให้ยากต่อการเปิด-ปิดประตูได้

    เข้ามาที่ส่วนพื้นที่ครัวกันต่อค่ะ สำหรับพื้นที่ครัวนี้จะใช้พื้นที่เดียวกับพื้นที่รับประทานอาหารนะคะ โดยแบ่งเป็น 2 ฝั่งชัดเจน สำหรับฝั่งนี้เป็นพื้นที่วางชุดครัวและมีพื้นที่ด้านข้างกว้างประมาณ 65 ซม. สำหรับวางตู้เย็นและด้วยขนาดพื้นที่กว้างเท่านี้ก็สามารถวางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้

    ชุดครัวเป็นอีกส่วนที่โครงการแถมมาให้พร้อมกับห้องนี้ ประกอบด้วยเคาน์เตอร์ Top Particle และชั้นวางของด้านบน ติดตั้งซิงก์น้ำมาให้ชุดหนึ่งและช่องวางไมโครเวฟ ถ้าใครชอบทำอาหารก็ให้ซื้อเตาลอยมาตั้งได้ค่ะ ส่วนชั้นวางด้านบนนี้ที่ติดตั้งมาให้นั้นค่อนข้างบางมาก ความแข็งแรงน้อยหน่อย วางของกระจุกกระจิกเช่นขวดโหลต่างๆ แก้วน้ำหรือพวกแก้วกาแฟได้ค่ะ แต่ถ้าใครจะวางหม้อ กระทะ จานชามหนักๆ ซ้อนกันมากๆ ก็ควรไปหาตู้แขวนมาติดตั้งเพิ่มเติมนะคะ ส่วนผนังด้านนี้จะไม่ได้กระจกแบบห้องตัวอย่างนะคะ ห้องจริงจะได้เป็นผนังฉาบเรียบธรรมดา ใครที่จะทำอาหารหน่อยก็ควรจะกรุกระเบื้องหรือกระจกด้านหลังนะคะ ช่วยไม่ให้เป็นคราบน้ำมันและง่ายต่อการทำความสะอาดดีค่ะ

    ลิ้นชักมีให้ 2 ชั้น ด้านบนวางอุปกรณ์ช้อน-ส้อม ด้านล่างเก็บจานได้เล็กน้อยค่ะ สำหรับหน้าบานเปิดได้เป็นลามิเนต บานเปิดแบบ Soft Closed

    Sink สแตนเลสหลุมเดี่ยวจาก Hafele

    ถัดมาด้านข้างเป็นพื้นที่รับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งค่ะ ส่วนพื้นที่ทางเดินด้านข้างกว้างประมาณ 1 ม. ถือเป็นระยะที่เดินได้สบายๆ และทำกับข้าวล้างจานได้สะดวก ไม่แคบเกินไป

    ถัดจากพื้นที่ครัวจะเป็นส่วนระเบียงซักล้างด้านหลังกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกรอบบานอลูมิเนียมสีธรรมชาติ

    มือจับเป็นแบบมาตรฐาน ด้านข้างติดผ้าสักหลาดให้ช่วยกันเสียงกันฝุ่นค่ะ

    จากส่วนครัวไปที่ส่วนระเบียงมีการยกธรณีขึ้นสูงเล็กน้อยตามแบบมาตรฐาน ส่วนพื้นที่ระเบียงมีขนาด 1.7 x 1 ม. ซึ่งเมื่อวางเครื่องซักผ้าไปแล้วก็จะเหลือพื้นที่ซักล้างอยู่ประมาณ 1 x 1 ม. (ตามรอยเส้นประ) ค่ะ ด้วยขนาดเท่านี้คิดว่าคงมีพื้นที่ไม่พอสำหรับการซักล้างต่างๆ และไม่มีพื้นที่วางที่แขวนเสื้อผ้าแบบตั้งพื้นด้วย ซึ่งจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีตากผ้าเป็นการขึงลวดหรือติดตั้งราวบาร์ด้านบนเพื่อใช้ตากผ้าแทนค่ะ

    รั้วระเบียงมีการก่อผนังยกสูงขึ้นมาก่อนจะเป็นรั้วเหล็กพ่นสีดำ

    ด้านข้างแปะสติกเกอร์จำลองที่ตั้งเครื่องซักผ้าและ compressor ที่หันเป่าลมร้อนมาทางด้านข้าง ซึ่งเมื่อเป็นระเบียงที่ไม่ได้ใช้งานสำหรับนั่งชมวิวแต่เป็นระเบียงที่ตั้งใจไว้ใช้งานเป็นหลัก การติดกริลเพื่อเบี่ยงทิศทางลมก็ไม่จำเป็นและยังทำให้ผ้าแห้งเร็วด้วย ส่วนตำแหน่งใกล้ๆ ที่วางเครื่องซักผ้าก็ติดตั้งปลั๊กไฟมาให้เรียบร้อย

    ด้านบนฝั่งประตูบานเลื่อนติดดวงโคมส่องสว่างให้เรียบร้อยค่ะ

    หน้าตาสวิชต์ไฟเป็นแบบนี้นะคะ จาก Schneider

    เข้ามาในส่วนห้องนอนกันค่ะ สำหรับห้องจริงจะมีประตู HDF กั้นสัดส่วนไว้ให้นะคะ ส่วนพื้นห้องนอนก็เป็นลามิเนตปูเป็นผืนเดียวกับด้านนอกค่ะ

    เข้ามาจะเจอส่วนแต่งตัวก่อน เนื่องจากแปลนห้องนอนเป็นลักษณะแปลนแนวยาว ซึ่งจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง ด้านซ้ายเป็นส่วนเตียงนอนและขวาเป็นห้องน้ำในห้องนอนค่ะ

    พื้นที่ด้านข้างเตียงหากวางเตียงขนาด 5 ฟุต ก็จะมีพื้นที่เหลือสำหรับวางโต๊ะเล็กๆ และตู้เสื้อขนาดความกว้างประมาณ 1.5 ม.

    ในส่วนของขนาดเตียงที่วางได้นั้นคือไซส์ 5-6 ฟุตค่ะ หากใครชอบเตียงใหญ่ๆ ก็ต้องยอมแลกกับพื้นที่ด้านข้างที่เป็นที่วางตู้เสื้อผ้าโต๊ะเครื่องแป้งที่จะมีพื้นที่น้อยลงไปด้วยนะ ส่วนทางเดินปลายเตียงนี้มีความกว้างอยู่ที่ 47 ซม. เดินได้สบายค่ะ แต่อย่าทำ Built-in ชั้นวางทีวีหรืออะไรเพิ่มเติมส่วนผนังนะคะ เพราะจะไม่เหลือพื้นที่ทางเดินเลย หากจะดูทีวีก็ใช้แบบแขวนไปจะเหมาะกว่าค่ะ

    ด้านข้างมีพื้นที่หลุมมุมด้านในลึกประมาณ 60 ซม. สามารถ built-in เป็นชั้นวางของ ตั้งโชว์ได้ หรือใครจะใช้พื้นที่นี้เป็นมุมทำงานเล็กๆก็ได้นะคะ

    มาที่ทางเดินข้างเตียงด้านซ้ายที่ติดกับกระจกมีความกว้างอยู่ที่ 30 ซม. ค่อนข้างแคบไปหน่อยสำหรับทางเดิน

    บานกระจกนี้ให้เป็นกระจกบานใหญ่ มีช่องแสงลงไปแทบจะถึงพื้น ช่วยให้แสงธรรมชาติภายนอกเข้ามาในห้องได้มากกว่าปกติ ส่งผลให้ห้องดูโปร่งมากขึ้น ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับห้องขนาดเล็กค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามเตียงนอนจะเป็นส่วนห้องน้ำค่ะ ซึ่งห้องน้ำของโครงการจะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปทั้งหมดค่ะ ข้อดีของห้องน้ำสำเร็จรูปนี้คือเรื่องของความเนี้ยบของงาน เช่น เรื่องงานรอยต่อกันน้ำรั่วซึมและงานลาดเอียงที่จะเนี้ยบมากกว่าเมื่อเทียบกับช่างหน้างานค่ะ เนื่องจากถูกผลิตมาจากโรงงานเลยแล้วยกมาติดตั้งที่ไซต์ และอีกนึงข้อดีคือการซ่อมแซมห้องน้ำที่มีความสะดวกและง่ายดายกว่าห้องน้ำปกติ เพราะใช้วิธีการเจาะท่อลงไปใต้ฝ้าห้องด้านล่างซึ่งเราสามารถซ่อมท่อภายในห้องได้เลย แต่ว่าจะต้องเป็นช่างเฉพาะทางของบริษัทผู้ผลิตเท่านั้นนะคะ ส่วนข้อจำกัดของห้องน้ำสำเร็จรูปก็คือเรื่องขนาดที่ไม่มีให้เลือกได้หลากหลายส่วนใหญ่จะออกแบบมาแบบกระทัดรัด และขยับขยายต่อไปไม่ได้ค่ะ ซึ่งสำหรับห้องน้ำโครงการนี้ก็จะมีน่าตาแบบนี้ทุกห้องทุก type ค่ะ ใครที่อยากทราบข้อมูลห้องน้ำสำเร็จรูปเพิ่มเติมสามารถคลิกไปชมกันต่อได้ (คลิกที่นี่)

    พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ไซส์ 30 cm. ผิวด้าน ตามภาพ พื้นกั้นเป็นธรณีก่อขึ้นมาช่วยไม่ให้น้ำกระเด็นออกมา

    ภายในห้องน้ำแบ่งส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน สำหรับส่วนแห้งนี้จะได้กระจกบานใหญ่ ก่อ Low Wall สำหรับวางของได้เล็กน้อย และด้านล่างของ Low Wall นี้แหละค่ะ ที่เป็นส่วนติดตั้งท่อ หากมีการซ่อมก็สามารถยก Top ของ Low Wall นี้แล้วซ่อมแซมได้เลยไม่ยาก

    สุขภัณฑ์ต่างๆ และอุปกรณ์ห้องน้ำจาก Cotto ขนาดของสุขภัณฑ์ก็จะกระทัดรัดตามที่เห็น ส่วนที่แปลกและใช้งานยากไปหน่อยคือส่วนอ่างล่างมือที่มีความสูงจากพื้นเพียง 75 ซม. ถือว่าเตี้ยไปหน่อยกับการใช้งานนะคะ ขนาดผู้หญิงสูง 150-160 ซม. ยังต้องก้มเลย

    ขนาดอ่างล้างมือขนาดกระทัดรัดตามภาพค่ะ

    ในส่วนพื้นที่อาบน้ำไม่ได้มีฉากกั้นมาให้และก็ไม่ควรกั้นด้วยเนื่องจากขนาดที่ค่อนข้างเล็กพอสมควร หากใครไม่อยากให้ส่วนแห้งในห้องน้ำต้องเปียกแนะนำให้ใช้ราวแขวนม่านพลาสติกแทนค่ะ ส่วนขนาดพื้นที่อาบน้ำนี้อยู่ที่ 1 x 1 ม. ยกธรณีขึ้นมาเล็กน้อยกันน้ำไหลย้อน

    ฝักบัวสายอ่อนจาก Preme ด้านข้างติดตั้งปลั๊กและท่อเรียบร้อยสำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น

    ขนาดหัวฝักบัวใหญ่ดีค่ะ และมือจับก็จับได้ถนัดมือ

    มาดูห้อง 2 Bedroom ขนาด 46 ตร.ม. กันต่อค่ะ ลักษณะจะเป็นห้อง Type นี้จะเป็นห้อง Combine เหมือนเอาห้องขนาด 22.5 + 22.5 ตร.ม. และทุบผนังออกให้เชื่อมกันค่ะ แต่ตัวแปลนภายในจะค่อนข้างแปลกใหม่กว่าโครงการพลัมที่อื่นนะคะ ตรงที่มีส่วนซักล้างเพียงจุดเดียวแต่ที่อื่นจะมีพื้นที่ซักล้าง 2 จุดอยู่ติดกันเหมือนเป็นห้อง 2 ห้องรวมกันปกติ และเนื่องจากพื้นที่ซักล้างที่หายไป 1 จุดก็จะไปเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องให้มากขึ้นค่ะ

    ลักษณะแปลนห้องเป็นห้องแบบหน้ากว้าง ข้อดีของห้องแบบนี้คือมีช่องเปิดรับแสงธรรมชาติหรือเห็นวิวได้มากกว่าห้องหน้าแคบลึก ซึ่งส่งผลให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น การจัดวางห้อง เมื่อเข้ามาในห้องจะเป็นพื้นที่ส่วนรวมประกอบด้วยพื้นที่รับประทานอาหารเชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่น มีพื้นที่ครัวเปิดติดกับพื้นที่รับประทานอาหารและมุมโต๊ะทำงานเล็กๆ ใกล้ระเบียงซักล้าง จากนั้นจะแบ่งห้องนอนเป็น 2 ฝั่ง โดยห้องนอนใหญ่จะได้ห้องน้ำในตัว ส่วนอีกด้านที่มีพื้นที่ใช้สอยเท่ากันกับห้องนอนใหญ่จะถูกซอยย่อยออกมาเป็น 3 ฟังก์ชันคือห้องนอนเล็ก พื้นที่วางเครื่องซักผ้าและห้องน้ำค่ะ

    จากทางเข้าห้อง เข้ามาจะเจอกับพื้นที่รับประทานอาหาร ด้านในเป็นพื้นที่นั่งเล่น ด้านขวาเป็นส่วนพื้นที่ครัวและมุมทำงานเล็กๆ ส่วนด้านขวาเป็นห้องนอนใหญ่ค่ะ

    พื้นที่รับประทานอาหารสามารถวางโต๊ะและเก้าอี้สำหรับ 4 ที่นั่งได้ค่ะ ด้านข้างมีพื้นที่เล็กๆ สามารถทำ Built-in ชั้นวางของได้ ส่วนผนังตกแต่งนี้จะไม่ได้ตามแบบห้องตัวอย่างนะ คือจะได้ Wallpaper สีมาตรฐาน

    พื้นที่นั่งเล่นขนาดประมาณ 2.6 x 2.5 ม. มีระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีประมาณ 1.8 ม. ซึ่งขนาดทีวีที่เหมาะกับระยะสายตานี้คือไซส์ประมาณ 32″

    มุมพื้นที่นั่งเล่นจะได้หน้าต่างบานใหญ่ ขนาดเดียวกันกับห้องแรก

    พื้นที่นั่งเล่นนี้สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้สบายค่ะ

    เข้ามาในส่วนห้องนอนใหญ่กันต่อ ที่เป็นห้องเดียวกันกับพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น

    ขนาดห้องนอนใหญ่สามารถวางขนาดเตียง 5 ฟุตได้พอดีๆ และได้หน้าต่างบานใหญ่เห็นวิวได้ดีทีเดียวค่ะ

    ทางเดินปลายเตียงกว้างประมาณ 35 ซม. เป็นขนาดที่พอเดินได้ค่ะ ใครจะดูทีวีในห้องนอนก็ต้องแขวนทีวีอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนด้านข้างเตียงจะชิดกับผนังไม่มีทางเดินค่ะ

    ด้านข้างอีกด้านมีพื้นที่เล็กน้อยสำหรับวางตู้เสื้อผ้าและไม่มีพื้นที่เหลือสำหรับวางโต๊ะเครื่องสำอางค์นะคะ อาจจะขัดใจคุณผู้หญิงไปหน่อย แต่ก็ปรับเปลี่ยนเป็นการติดตั้งกระจกและชั้นวางลอยด้านข้างผนังใกล้ตู้เสื้อผ้าแทนและยืนแต่งตัวเอา ซึ่งตู้เสื้อผ้าก็ควรจะใช้เป็นบานเลื่อนแทนบานเปิดนะคะจะได้ไม่บังกัน

    ถัดมาเป็นห้องน้ำสำเร็จรูปเช่นเดิม

    ภายในหน้าตา ขนาด และสเป็คเหมือนกับห้องแรกทั้งหมดค่ะ

    ถัดมาไปดูอีกห้องนึงกันนะคะ อย่างที่บอกไปว่าห้อง Type นี้เป็นห้องแบบ Combine ซึ่งเพียงเจาะผนังให้ทะลุถึงกันได้ค่ะ สำหรับส่วนนี้จะเปิดโล่งแบบนี้เลยนะคะ ใครเปิดแอร์โซนพื้นที่นั่งเล่นไว้แล้วไม่อยากเปลืองแอร์ก็สามารถทำประตูบานเลื่อนเปิด-ปิดได้ หรือจะเป็นประตูเปิดบานคู่แบบทึบก็ได้ค่ะ แล้วแต่ความชอบและกำลังทรัพย์

    ส่วนครัวจะได้ชุดครัวขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีพื้นที่สามารถติดตั้ง Hob & Hood ได้ ค่ะ ส่วนเสป็คได้เหมือนกันกับห้องแรก มีพื้นที่เหลือด้านข้างวางตู้เย็นกว้างประมาณ 0.8 ม. วางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้

    ฝั่งตรงข้ามพื้นที่ครัวมีพื้นที่มุมเล็กๆ สำหรับจัดเป็นพื้นที่ทำงานได้ หรือใครจะทำเป็นชั้นวางของโชว์ก็ได้ค่ะ

    ระเบียงซักล้างมีระเบียงนี้ระเบียงเดียวค่ะ ขนาดประมาณ 2.35 x 1 ม. ซึ่งเป็นระเบียงที่มีขนาดที่ใช้งานได้จริง

    ด้านข้างแขวน Compressor แอร์รวมกันทุกห้องทั้งหมด 3 ตัว ลมร้อนแรงดีแน่นอน ผ้าแห้งเร็วแน่ๆ

    ถัดจากนั้นจะเป็นโถงทางเดินกว้างประมาณ 0.85 ม. ซึ่งเดินได้สบายๆ นะคะ ไม่ได้ติดอะไร เพราะประตูห้องน้ำและประตูห้องนอนก็เป็นแบบเปิดเข้าทั้งหมด

    สุดทางเดินจะเป็นพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าขนาดประมาณ 7 กิโลกรัมได้ โดยมีพื้นที่ประมาณ 0.85 x 0.85 ม. ด้านในปูพื้นกระเบื้องเซรามิกสีเทาขนาด 30 x 30 ม. ซึ่งบานเปิดที่ได้จะเป็นบานเปิดธรรมดาสีขาวเรียบตามมาตรฐานโครงการให้มานะคะ ไม่ได้ให้มาเหมือนในห้องตัวอย่างค่ะ การที่ให้บานเปิดมาด้วยนี้ช่วยให้ดูเรียบร้อยและเป็นสัดส่วนดีค่ะ

    เข้ามาส่วนห้องนอนเล็กขนาดประมาณ 2.5 x 2.1 ม. วางเตียงแบบ Single Bed จะลงตัวสุดและมีพื้นที่เหลือด้านข้างวางตู้เสื้อผ้าขนาดกระทัดรัดได้ และห้องนี้ก็ได้บานหน้าต่างขนาดใหญ่เหมือนกันกับทุกห้อง นอนชมวิวได้สบายค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กเป็นห้องน้ำห้องที่ 2 ของห้อง Type นี้

    น่าตาเหมือนเดิมเป๊ะค่ะ

    ส่วนห้องอื่นๆ ของโครงการนี้ก็จะมีห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 22.5 ตร.ม. เป็นขนาดเล็กสุดของโครงการและเป็นแปลนสัญลักษณ์ของแบรนด์พลัมเลยก็ว่าได้ค่ะ ลักษณะห้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตตุรัส ไซส์ compact (กระทัดรัด) ซึ่งเป็นขนาดที่อยู่คนเดียวได้สบายๆ แต่ถ้าอยู่ 2 คนแนะนำให้เลือกห้องขนาด 26 ตร.ม. จะสบายตัวกว่าค่ะ สำหรับแปลนนี้ถือว่าจัดวางฟังก์ชันได้ลงตัวและได้ครบครันตามความต้องการ โดยเข้ามาก็จะเป็นส่วนนั่งเล่นวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้และเหลือพื้นที่ด้านข้างเล็กน้อยสำหรับวางโต๊ะโคมไฟหรือจะแทรกโต๊ะทำงานเล็กๆ ก็ได้ค่ะ

    ถัดมาเป็นพื้นที่รับประทานอาหารที่เข้ามุมและหันหน้าเก้าอี้ชนกำแพง สำหรับพื้นที่แบบนี้แนะนำว่าควรเลือกโต๊ะรับประทานอาหารไซส์เป๊ะๆ กับพื้นที่หน่อยนะคะ และถ้าเป็นไปได้โต๊ะควรเป็นโต๊ะ 3 ขาเข้ามุมเพื่อเวลานั่งจะได้ไม่เกะกะ ส่วนเตียงนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ และมีพื้นที่ทางเดินปลายเตียงพอสมควรสามารถเดินได้สะดวกค่ะ สำหรับตู้เสื้อผ้าควรใช้หน้าบานเป็นบานเลื่อนนะคะ จะได้ไม่ไปกินพื้นที่ทางเดินค่ะ

    และแบบห้องสุดท้ายคือห้อง 1 Bedroom ขนาด 39 ตร.ม. ลักษณะจะเป็นห้องแบบหน้ากว้าง ได้วิวและแสงธรรมชาติในทุกห้องค่ะ สำหรับห้องนี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 2 คนหรือเป็นครอบครัวขยายขนาดเล็กได้ เมื่อเข้ามาจะเจอพื้นที่ส่วนกลางที่รวมฟังก์ชันทั้ง 3 ฟังก์ชันไว้ร่วมกันทั้งพื้นที่ครัว พื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นค่ะ เมื่อเป็นพื้นที่รวมแบบนี้ข้อดีคือห้องจะดูกว้างและโปร่งโล่งมากขึ้นเนื่องจากไม่มีผนังมากั้นเป็นสัดส่วน และมีอิสระให้การจัดการพื้นที่ได้ ส่วนห้องนอนเล็กนั้นวางเตียงแบบ Single Bed ได้และมีมุมเล็กๆ สำหรับวางตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ส่วนใครที่อยู่อาศัยเพียง 2 คน จะปรับเปลี่ยนห้องนอนเล็กนี้เป็นห้องเอนกประสงค์ อย่างห้องทำงานก็ได้ค่ะ ในส่วนของห้องนอนใหญ่นี้จะไม่มีห้องน้ำในตัวเหมือนห้องอื่นๆ นะคะ ห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำเดียวที่ใช้รวมกัน แต่จะได้พื้นที่ Walk-in Closet เล็กๆ เพิ่มขึ้นมา ซึ่งสาวๆคนไหนที่ชอบแต่งตัวหน่อยก็สามารถ Built-in Walk in Closet เป็นตัว L แทนที่ตำแหน่งโต๊ะเครื่องสำอางค์ได้

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

     

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 31 May 2016

    • Fully Fitted

    • ชุดครัว
    • Wallpaper

  • เพดานสูง 2.55 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • จอง 15,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 42 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
    • เปิดลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ส่วนลดวัน Pre-Sale สูงสุด 20,000 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 8 ก.ค. 59 ใกล้ซอยรามคำแหง 2
    • ห้องตัวอย่างเปิดให้ชมแล้ววันนี้ พร้อมลุ้นรับทองทุกสัปดาห์
    • Pre-Sale ที่สำนักงานขายโครงการ ในวันที่ 9 ก.ค. 59 นี้

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเลโครงการ Plum Condo รามคำแหง สเตชั่น ตั้งอยู่ติดถนนรามคำแหงตอนต้นฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าไปทางสี่แยกคลองตัน สภาพแวดล้อมและบรรยากาศบริเวณโดยรอบเป็นชุมชนเก่าแก่ของชาวมุสลิมและชุมชนที่อยู่อาศัยริมคลองที่อยู่กันมานานตามซอยเล็กซอยน้อย และส่วนที่ติดริมถนนจะเป็นออฟฟิศเล็กๆ โซว์รูมรถไปจนถึงอาคารสำนักงานตึกสูง ส่วนเรื่องความอุดมสมบูรณ์นี้ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์พอประมาณนะคะ ในรัศมีที่เดินได้ก็จะมีเต้นท์อาหารที่ใกล้ตึก UM Tower หรือร้านอาหารใน A-Link เลยไปจนถึงร้านอาหารแถบแยกคลองตันที่จะเปิดในช่วงเวลากลางวันเป็นส่วนใหญ่ ส่วนตอนกลางคืนค่อนข้างหายากหน่อยค่ะ จะพอมีร้านอาหารใต้ตึกแถวเปิดบ้างประปราย สำหรับห้างสรรพสินค้าในละแวกนี้ส่วนใหญ่ถ้าไม่ตรงไปในเมืองเลยก็จะมีแถบมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่มีทั้งห้างสรรพสินค้า Hyper Market และโรงหนังเปิดกันคึกคัก รวมทั้งตลาดนัดในตอนเย็นขนาดใหญ่เปิดแถบหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงทั้งริมฟุตบาทและพื้นที่หน้าสนามกีฬาให้ได้เลือกช็อปปิ้งหรือซื้อของกินได้ในราคาย่อมเยาค่ะ ซึ่งไม่ได้อยู่ในระยะเดินนะคะ แต่อยู่ในระยะที่ขับรถได้สบายๆ ค่ะ

    สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นถือว่าสะดวกพอสมควรค่ะ เนื่องจากตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้จุดตัดกับถนนหลักๆ หลายสายทำให้ง่ายต่อการเข้า-ออกนอกเมือง รวมไปถึงทางด่วนทั้ง 2 สายคือทางด่วนศรีรัชและทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ที่จุดขึ้น-ลงไม่ได้ไกลมากนักสำหรับระยะขับรถค่ะ แต่ข้อเสียคือเรื่องรถติดค่ะ ยังไงก็ควรเผื่อเวลาในการเดินทางด้วยนะคะ

    การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้น ที่เป็นจุดเด่นของโครงการอย่างนึงคือใกล้กับ Airport Rail Link ประมาณ 250 ม. และบวกกับเดินจากหน้าทางเข้าโครงการเข้าไปด้านในโครงการอีกประมาณ 120 ม. รวมระยะทางทั้งหมดประมาณ 370 ม.ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ระยะเดินได้สบายๆค่ะ และสภาพทางเดินไป-กลับ Airport Link ถือว่าสะดวกดีค่ะมีฟุตบาทให้เดินเรียบร้อยตลอดทาง ส่วนอีกทางเลือกนึงในการเดินทางเข้าเมืองไปอโศก-ประตูน้ำ-สะพานหัวช้าง คือการโดยสารทางเรือที่ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ดีมากๆ  โดยท่าเรือที่อยู่ใกล้ที่สุดคือท่าเรือสะพานคลองตัน ซึ่งห่างจากโครงการไปประมาณ 1 กม. ต้องอาศัยพึ่งพาพี่วินอีกที

    การออกแบบโครงการถือว่าทำออกมาค่อนข้างหนาแน่นกับยูนิตต่อชั้นที่ 38 ยูนิตและอัตราส่วนลิฟต์ 250.75 : 1 แต่ก็มีการจัดวางแบ่งเป็น 3 โซนและวางตำแหน่งลิฟต์แบ่งเป็น 2 ฝั่ง เพื่อร่นระยะทางในการเดินมากขึ้น และช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเพราะแบ่งเป็นโซนค่อนข้างชัดเจนถึงแม้จะไม่ได้กั้นประตูสแกนบัตร ซึ่งการแบ่งโซนนี้ก็ถือว่าช่วยลดความพลุ่กพล่านต่อชั้นได้ดีค่ะ ส่วนการออกแบบห้องพักอาศัยนั้นก็จะมีรูปแบบแปลนคล้ายกับโครงการพลัม คอนโดอื่นๆ โดยมีพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 22.5-46 ตร.ม. ภายในห้องจัดวางฟังก์ชันได้ลงตัวดี และใช้พื้นที่ใช้สอยได้ค่อนข้างคุ้มค่า

    วัสดุที่ได้อยู่ในระดับมาตรฐานของแบรนด์พลัม คือ พื้นลามิเนตหนา 8 มม. พื้นภายนอกเป็นกระเบื้องเซรามิก 30×30 ซม. ชุดครัวพร้อม Sink จาก Hafele ท็อป Particle และห้องน้ำสำเร็จรูปใช้ยี่ห้อ Cotto ทั้งหมด และจะได้เพิ่มมาจากโครงการพลัมอื่นๆ ที่อยู่ใน Segment ที่ต่ำกว่า คือฝ้าเพดานที่มีความสูง 2.55 ม. ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ย 86,000 บาท/ตร.ม. แล้วถือว่าให้มาน้อยกว่าเพื่อนบ้านไปสักหน่อยแต่ก็ถือว่า Trade-off  กับทำเลที่ใกล้ ARL มากกว่านะคะ

    สุดท้ายในเรื่องของสาธารณูปโภคถือว่าให้มาเยอะพอสมควรนะคะ เมื่อเทียบกับโครงการใกล้เคียงก็ถือว่าให้ไม่ได้แพ้กัน โดยชั้น Facilities หลักจะอยู่ในชั้น 6 ทั้งชั้น และชั้น 33 อีก ซึ่งจะได้สระว่ายน้ำขนาด 4.5 x 30 ม. ระบบเกลือ, Fitness, Suana แยกชายหญิง, Boxing Room, Yoga Room, Laundry, Retreat Garden และชั้นบนมี Roof Garden, BBQ Deck และ Sky Lounge อีก 2 ที่ ส่วนในชั้นล่างก็จัดพื้นที่สวนให้ค่อนข้างเยอะพอสมควรดูแล้วน่าจะมีบรรยากาศที่ร่มรื่นดีค่ะ ส่วนที่จอดรถนั้นอยู่ที่ 46% รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าให้มาพอประมาณและเทียบกับความสะดวกในการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะนั้นก็พอหักลบให้มีพื้นที่จอดรถเพียงพออยู่ค่ะ

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 86,000 บาท/ตร.ม., 31 May 2016

    • ทำเล 7.75/10 – ทางเข้าติดถนนใหญ่ มีความอุดมสมบูรณ์พอประมาณ
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – สะดวก เข้า-ออกเมืองง่าย สามารถเชื่อมเข้าถนนได้หลายสาย
    • ไม่ใช้รถ 8.25/10 – ใกล้ Airport Link รามคำแหง 250+120 ม.
    • วัสดุ 7/10 – มาตรฐานแบรนด์พลัม แต่เมื่อเทียบกับราคาแล้วถือว่าราคาสูง
    • แบบ 7.25/10 – จัดวางฟังก์ชันในห้องได้ดี ใช้พื้นที่คุ้มค่า ส่วนอาคารมีความหนาแน่นสูง
    • สาธารณูปโภค 8/10 – ให้มาครบครันและเยอะพอสมควร

    • MAIN CLASS
    • 7.73 / 10.00

    BOTTOM LINE

    Plum Condo รามคำแหง สเตชั่น เหมาะกับคนที่ทำงานในละแวกนี้ หรือทำงานในเมืองแถบเพชรบุรี พระราม 9 มองหาคอนโด High Rise ในราคาที่หยิบจับได้ เน้นการเดินทางด้วย Airport Rail Link ชอบใช้ Facilities มีงบในมือสามารถตกแต่งห้องเพิ่มเติมได้ และมีงบประมาณตั้งแต่ 1.69 – 4.2 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 12,000 – 34,000 บาท

     

    ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )