รีวิวโครงการ

The Sneak แอบย่องส่องอสังหาฯ EP.13 – Park Origin ทองหล่อ ตึกสูงที่สุดในย่านทองหล่อ

20 ตุลาคม 2018

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1706… ปีนี้คอนโดย่านทองหล่อ-เอกมัยค่อนข้างคึกคัก มีโครงการใหม่ๆมาเปิดตัวกันหลายโครงการเลย วันนี้เราจะพาไปชม PARK ORIGIN THONGLOR  (พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ) คอนโด High Rise ตัวใหม่ที่มีดีไซน์โดดเด่นด้วยการออกแบบจาก Tandam , DWP และ Trop ที่จัดให้มี Facilities เชื่อมต่อกันได้ทั้ง 3 อาคาร และอาคาร C ที่มีความสูง 59 ชั้นปัจจุบันถือว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดในย่านนี้ด้วยนะ สำหรับห้องพักมีให้เลือกทั้ง Simplex, Duo Space และ Penthouse มาพร้อมกับ Technology Home Automation ในราคาเริ่มต้น 6.90 ล้านบาท โครงการจะเป็นอย่างไร เราไปชมกันเลยค่ะ

อ่านรีวิวตึกเสร็จฉบับอัปเดทเดือนกุมภาพันธ์ 2023 ได้ที่นี่ค่ะ >> รีวิวตึกเสร็จ Park Origin Thonglor[รีวิวฉบับที่ 2492]

Fact @ 11 October 2018

  • TOWER A จำนวน 375 ยูนิต สูง 39 ชั้น
  • TOWER B จำนวน 478 ยูนิต สูง 53 ชั้น
  • TOWER C จำนวน 329 ยูนิต สูง 59 ชั้น

  • ที่จอดรถ 643 คัน ประมาณ 54 % (Auto Parking)
  • ที่ดินประมาณ 5-3-90.9  ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q2/2562
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q2/2565
    • Tower A 1

    • 1 Bedroom : 31.50 – 34.50 SQ.M ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
    • 2 Bedroom : 44.50 – 67.50 SQ.M ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท

  • Tower B 1
    • 1 Bedroom : 30.00 – 36.0 0 SQ.M ราคาเริ่มต้น 6.90 ล้านบาท
    • 2 Bedroom : 40.50 – 45.00 SQ.M ราคาเริ่มต้น 11.90 ล้านบาท

  • Tower C
    • 1 Bedroom : 32.50 – 33.50 SQ.M ราคาเริ่มต้น 7.84 ล้านบาท
    • 2 Bedroom : 45.50 – 51.50 SQ.M ราคาเริ่มต้น 12.38 ล้านบาท
    • 2 Bed Duo Space : 32.50 – 46.00 SQ.M ราคาเริ่มต้น 10.59 ล้านบาท
    • 2 Bed plus Duo Space : 47.50 – 51.50 SQ.M ราคาเริ่มต้น 15.50 ล้านบาท
    • 2 Bed Penthouse : 55.00 – 66.50 SQ.M ราคาเริ่มต้น 18.08 ล้านบาท
    • 3 Bed Penthouse : 97.00 SQ.M ราคาเริ่มต้น 33.90 ล้านบาท

    • ฝ้าเพดานสูง

    • ห้อง Simplex 3.00 เมตร
    • ห้อง Duo Space 4.25 เมตร (ชั้นล่าง 2.10 เมตร, ชั้นบน 2.00 เมตร)
    • ห้อง Penthouse 3.50 เมตร

  • ราคาห้องเริ่มต้น 6.90 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 250,000 – 260,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ในระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

    สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด :13.731859, 100.584516

    แผนที่จากทางโครงการค่ะ

    ทำเลของโครงการ PARK ORIGIN THONGLOR  (พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ) ตั้งอยู่บนกึ่งกลางซอยทองหล่อ 10 ซึ่งเป็นซอยหลักที่เชื่อมระหว่างถนนสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) และถนนสุขุมวิท 63 (เอกมัย) ทำเลนี้สามารถเดินทางไปเชื่อมต่อกับถนนหลักได้หลายเส้น ไม่ว่าจะเป็น ถนนสุขุมวิท เพื่อใช้เข้าเมืองไปยังสยาม หรือออกเมืองไปยังบางนา , ถนนเพชรบุรี เข้าเมืองไปยังพญาไท หรือออกเมืองไปยังพัฒนาการ , ถนนสุขุมวิท 77 (ปรีดี พนมยงค์)ไปออกรามคำแหง หรือถ้าจะเดินทางไปยังถนนอโศกมนตรี ก็สามารถใช้เส้นทางลัดเลาะไปตามซอยทองหล่อ 13 ไปโผล่ยันกลางอโศกเลยก็ได้ หรือหากใครที่ต้องการเข้าถนนพระราม 4 ก็สามารถเข้าซอยสุขุมวิท 36, 38, 40 หรือ 42 ไปออกที่ถนนพระราม 4 ได้เลย

    เนื่องจากถนนเส้นทองหล่อและเอกมัยเป็นถนนที่การจราจรหนาแน่นมากทั้งเวลากลางวันและกลางคืน มีปริมาณรถที่วิ่งเยอะและสามารถเลี้ยวเข้าซอยต่างๆทั้ง 2 ข้างทางได้ตลอดเกือบทั้งเส้น ทำให้ต้องเวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางไปยังถนนหลักต่างๆค่อนข้างนาน จึงจำเป็นที่จะต้องรู้เส้นทางลัด ซอยต่างๆเพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง เส้นทางลัดสำหรับคนที่อยากเข้าถนนสุขุมวิท แต่ไม่อยากรถติดที่ถนนทองหล่อและเอกมัย ให้ใช้เส้นทางเอกมัยซอย 12 ลัดมาออกถนนสุขุมวิทที่ซอย 65 นั่นเองค่ะ

    สำหรับใครที่ต้องการใช้ทางด่วน ก็จะมีทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ซึ่งทางขึ้นอยู่บริเวณใกล้กับคลองพระโขนง โดยจากโครงการออกมายังถนนสุขุมวิทและขับมุ่งหน้าไปยังอ่อนนุช ก็จะสามารถไปใช้ทางด่วนนี้เพื่อไปยังรามอินทราได้ หรืออีกเส้นทางนึงเราสามารถขับมาเอกมัยเเละมุ่งหน้าไปทางรามอินทราก็จะมีจุดขึ้นทางด่วนซึ่งตั้งอยู่เลยแยกพระราม 9 ไปไม่ไกลค่ะ

    สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถเพื่อไปยังโครงการนั้น ตัวโครงการอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อประมาณ 1.5 กิโลเมตร เราสามารถใช้บริการวิน ที่หน้าซอยทองหล่อ 10 หรือเอกมัยซอย 5 เพื่อเข้าไปยังโครงการได้ หรือเรียกรถผ่าน Application ก็รอไม่นานค่ะ หรือจากตัวสถานีทองหล่อเอง ถ้าเดินทางถัดมา 1 สถานี ก็จะถึงสถานีพร้อมพงษ์ ซึ่งมีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่าง Emporium , Emquartier อยู่และในอนาคตก็จะมี Emsphere ซึ่งจะอยู่ฝั่งเดียวกับ Emporium ติดกับสวนเบญจสิริเพิ่มขึ้นมาอีก ถัดจากพร้อมพงษ์มาอีก 1 สถานีก็เป็นจุด Interchange กับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสุขุมวิท ซึ่งตรงนี้ก็มีห้าง Terminal 21 อยู่ด้วย ใครที่ต้องการเดินทางไปยังฝั่งสยามหรือทำงานยังโซนสีลมก็สามารถนั่งรถไฟฟ้าต่อได้สบายเลย

    ความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ก็เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วว่าเป็นทำเลยอดฮิต หนึ่งในทำเลที่มีค่าครองชีพและราคาที่ดินสูงที่สุดของกรุงเทพมหานคร จึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ธุรกิจการค้า แหล่งท่องเที่ยว ช้อปปิ้งและร้านอาหารระดับ Hi-end มากมาย มีความคึกคักทั้งในเวลากลางวันและมีสีสันอย่างยิ่งในเวลากลางคืน ทองหล่อจึงเป็นย่านสำหรับกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง ส่วนใหญ่ชอบกินดื่มนอกบ้านมากกว่าทำอาหารกินเอง จึงเป็นแหล่งรวมของร้านอาหาร Community Mall  ที่เน้น Life Style อย่างเช่น The Commons, J Avenue, เวิ้งโบราณ เป็นต้น

    นอกจากร้านอาหารและแหล่งช้อปปิ้งแล้วยังมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างโรงเรียน, โรงพยาบาล และสวนสาธารณะอยู่ใกล้เคียง เช่น โรงเรียนนานาชาติ Ekkamai International School, St.Andrews International School, โรงพยาบาลคามิลเลียน, โรงพยาบาลไทยคริสเตียน และ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เป็นต้น

    สำหรับใครที่มองหาห้างสรรพสินค้าให้เดินเล่นในวันหยุด ก็ไม่ต้องไปไหนไกลเพราะมี 2 ห้างใหญ่ในย่านไว้รองรับเรียบร้อย ทั้ง Major Cineplex เอกมัย ห้างเก่าแก่ในย่านนี้ที่เน้นไปที่โรงภาพยนต์ในชั้นบน และมีร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ ในชั้นล่างให้ได้เลือกกิน ซึ่งจะไม่ได้เน้นไปที่ของแพงมากนัก ส่วนใหญ่คนที่เดินภายในจะเป็นวัยนักเรียน นักศึกษาในย่านค่อนข้างเยอะ หากใครไม่ชอบความวุ่นวายก็ขยับมาที่ Gateway เอกมัย ห้างที่เน้นเอาใจชาวญี่ปุ่น ด้วยสไตล์และร้านค้า ร้านอาหารภายในที่มีกลิ่นอายญี่ปุ่นชัดเจน ที่เป็นแบบนี้เพราะย่านเอกมัย-ทองหล่อปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นอีกย่านดังของชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน หรืออาศัยอยู่ในประเทศไทย และหลักๆ ที่เห็นเยอะเลยคือชาวญี่ปุ่นนี่เองค่ะ

    การเดินทางที่เราจะพาไปวันนี้เริ่มต้นจากถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าไปทางอ่อนนุช ที่สถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ เข้าถนนสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยทองหล่อ 10 ก็จะเห็นโครงการอยู่ทางซ้ายมือค่ะ

    เริ่มจากสถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ มุ่งหน้าไปทางอ่อนนุช ให้ตรงไปเตรียมชิดซ้าย

    ผ่านสถานี BTS ทองหล่อแล้วจะมีแยกเข้าถนนสุขุมวิท 55 หรือทองหล่อนั่นเองค่ะ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยตามสัญญาณไฟจราจรได้เลย

    เข้ามาแล้วจะพบกับความอุดมสมบูรณ์ภายในซอย สองข้างทางต้นซอยส่วนใหญ่จะเป็นอาคารแถวด้านล่างจะเป็นร้านค้า และร้านอาหาร ถนนในซอยนี้จะเป็นฝั่งละ 3 เลน ไม่มีเกาะกลางทำให้รถสามารถเลี้ยวเข้า-ออกซอยด้านข้างได้เกือบทุกซอยค่ะ

    ตรงเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านยา ร้านอาหารอยู่ริมสองข้างทาง

    เช่น Tops Market Place และ Starbucks ตรงนี้เปิด 24 ชม.ด้วยนะคะ

    ถัดมาอีกหน่อยก็จะเจอกับ Eight Thonglor มี Studio ออกกำลังกาย มี Foodland อยู่ในตึกนี้ รวมถึงร้านเสื้อผ้า Designer อยู่ Celeb มาที่นี่ก็เจอบ่อย

    เมื่อถึงทางเข้าซอยทองหล่อ 10 ให้เลี้ยวขวา มีจุดสังเกตคือร้าน Wine Republic อยู่ด้านหน้าซอย ทองหล่อซอย 10 จะเยื้องๆกับ Starbucks สาขาทองหล่อนั่นเองค่ะ

    เข้าซอยทองหล่อ 10 มา ก็จะสังเกตเห็นความอุดมสมบูรณ์ของร้านอาหาร ผับ บาร์ตลอดสองข้างทาง ซึ่งอาจจะไม่คึกคักนักในเวลากลางวัน แต่ตอนกลางคืนก็ถือว่ามีการจราจรค่อนข้างหนาแน่นเลยค่ะ

    ภายในซอย 10 นอกจากจะมีร้านอาหารแล้วยังมีอาคารสำนักงาน สถานที่ Co-Working Space อย่าง The Opus และ Major Tower อยู่ด้วย ซึ่งโครงการจะอยู่ถัดไปด้านซ้ายมือค่ะ

    ขับเข้ามาประมาณตรงกลางซอยจะเห็นสำนักงานขายของโครงการ Park Origin ทองหล่อตั้งอยู่ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยด้านข้างเพื่อไปจอดรถด้านหลังสำนักงานขายได้ค่ะ (ทางเข้าเดียวกับ Arena 10 นั่นเองค่ะ)

    ที่ดินของที่ตั้งโครงการ Park Origin ทองหล่อ จะอยู่ถัดจากสำนักงานขายไปทางซ้ายมือ ซึ่งปัจจุบันยังไม่ได้ทำทางเข้าค่ะ

    เลยสำนักงานขายมาจะเป็นทางเข้า Arena10 

    ปัจจุบัน Arena10 ยังเปิดให้บริการตามปกติแต่ในอนาคตอาจมีการย้ายเมื่อหมดสัญญา อย่างไรก็ตามต้องรอดูต่อไปค่ะ

    บรรยากาศภายใน Arena 10 เป็นแหล่งรวมร้านอาหาร และผับชื่อดังมากมาย หนึ่งในนั้นคือ Demo และมีคาราโอเกะ Yes!!R&B ที่มีแต่ละห้องเป็นธีมต่างๆสำหรับเอาไว้มาสังสรรค์กันสนุกๆอีกด้วย

    พอเลี้ยวเข้ามาบริเวณที่จอดรถของสำนักงานขาย ที่ดินของโครงการจะอยู่ด้านหลังลานจอดรถนี้ค่ะ

    นอกจากนั้นไม่ไกลจากโครงการเราก็จะมี Community Mall น้อยใหญ่เปิดให้บริการเต็มไปหมด อย่างเช่น J-Avenue , The Commons เป็นต้น สามารถเดินไปได้ตลอดเวลา เพราะหลายๆร้านก็จะเปิดตลอด 24 ชม.ค่ะ กลางวันสามารถไปนั่งเล่น คุยงาน จิบกาแฟได้ หรือกลางคืนเดินดูเเสงสีนักท่องเที่ยวยามราตรีก็เเปลกตาไปอีกเเบบ เราลองไปเดินดูต่อกันซักเล็กน้อยว่าใกล้ๆกับโครงการมีอะไรบ้าง 

    เดินถัดมาจากโครงการ Community Mall ที่ใกล้โครงการที่สุดก็จะเป็น Taste หรือ Starbucks สาขาทองหล่อ ตั้งอยู่ตรงสามเเยกเลยค่ะ

    ซอยทองหล่อ 13 จะเป็นซอยหลักที่ใช้ไปยังโรงพยาบาลสมิติเวช ดังนั้นภายในซอยนี้ก็จะคึกคักหน่อย มีร้านอาหาร Community เยอะมาก เช่น Nihonmachi ที่เราเคยเห็นเเถวๆ K-Village ตรงนี้ก็มีอีกหนึ่งจุดค่ะ ปากซอยเลยจะมี Home Place Building อยู่ เป็นอาคารให้เช่าพื้นที่ เป็นสำนักงานบ้าง ร้านค้าบ้าง หรือ Studio ออกกำลังกายก็มีค่ะ

    เข้ามาในซอยก็จะเจอกับ Community mall ที่ชื่อว่า Seenspace อยู่ทางซ้ายมือ

    บรรยากาศภายในเนื่องจากไปตอนเช้าอาจจะดูร้างๆไปบ้าง เพราะส่วนมากจะเป็นร้านกินดื่มที่เปิดตอนดึกๆ มี Gym มวยไทยของ RSM ตั้งอยู่ และสำหรับสาวๆที่ชอบออกกำลังกายก็มี Studio ปั่นจักรยานที่ชื่อ RYDE เปิดอยู่ที่นี่ค่ะ

    ตรงข้ามกับ Seenspace ก็จะมีร้าน After You สาขาเเรกๆเปิดอยู่ สาขานี้เรียกได้ว่ากลางวันอาจไม่ต้องรอคิว แต่ยิ่งดึกยิ่งคนเยอะเลยค่ะ เข้าไปข้างในก็จะมีร้านราเม็ง ร้านชาบู และที่จอดรถของ J-Avenue นะคะ พื้นที่ตรงนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ J-Avenue ค่ะ

    เรากลับมาดูยังซอยทองหล่อกันบ้าง ฝั่งตรงข้ามกับซอย 13 มีตึกเเถวที่ปรับเปลี่ยนเป็นร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่นกันอยู่ Izakaya ก็จะมีร้านอย่าง Shakariki 432 หรือ Nagiya ข้างในมาก็จะเจอเหล่าพนักงานออฟฟิศมานั่งดื่มเบียร์หลังเลิกงานกันเป็นประจำค่ะ แต่บางส่วนภายในร้านจะเปิดเป็นโซนที่สามารถสูบบุหรี่ได้นะคะ ต้องลองถามพนักงานดูอีกทีสำหรับใครที่ไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ค่ะ

    ทองหล่อซอย 15 จะเป็นที่ตั้งของ J-Avenue เป็น Community Mall ที่เรียกได้ว่าอยู่คู่ซอยทองหล่อมาอย่างยาวนาน

    บางร้านภายในนี้ก็เปิดให้บริการ 24 ชม.ค่ะ เรียกได้ว่า All day all night กันจริงๆ

    และสำหรับใครที่ต้องการหาวัตถุดิบในการทำอาหาร หรือหาซื้อของกินของใช้ J-Avenue ก็มีทั้งร้านอาหาร Supermarket ให้เลือกเดิน (มี After You ร้านขนมชื่อดังตั้งอยู่ไม่ไกลด้วยค่ะ) ถือว่าเป็นข้อดีของโครงการเราเลยนะคะ ที่สามารถเดินด้วยสองเท้าไปยัง Community Mall เหล่านี้ได้ เพราะว่าที่จอดรถเเถวนี้ราคามหาโหดมาก จอดไม่กี่ชม.โดนไปเกือบสามร้อยบาทก็เคยเจอเเล้วค่ะ 

    ไม่นานมานี้บางส่วนก็เพิ่งจะ Renovate ใหม่ มีร้านมาใหม่มากขึ้นค่ะ

    เดินต่อไปเรื่อยๆไปทางซอย 17 ก็จะเจอโรงเเรมสุดเก๋ BADMOTEL อยู่คู่กับร้านกาแฟ CASA Lapin ค่ะ โรงเเรมนี้จะตกแต่งด้วยสไตล์ดิบๆหน่อย วินเทจนิดๆ คือสามารถมาจัดงานปาร์ตี้ตีมเก๋ไก๋ที่นี่ได้ด้วย อย่างงาน Event ของ Netflix ที่เปิดตัวซีรีย์อย่าง Stranger Things ก็ใช้ที่นี่เป็นที่จัดงานค่ะ ลองเสิรช์ดูได้ งานเก๋มากค่ะ

    ตรงข้ามกันจะมีอีก Community นึงเรียกว่า Courtyard 72

    กลางวันก็จะร้างๆหน่อย ส่วนกลางคืนจะมีร้านกินดื่ม บาร์และ EDM Club อยู่

    มาดูที่ซอย 17 กันต่อนะคะ ซอยนี้ขับไปตามทางเรื่อยๆก็จะไปเชื่อมต่อกับซอยทองหล่อ 13 ค่ะ บริเวณปากซอยเเละเลยไปอีกนิดตามถนนใหญ่ก็จะมีร้านอาหารบ้านๆให้บริการอยู่ด้วย พวกร้านข้างแกง ร้านอาหารตามสั่ง สำหรับคนทำงานเเถวนี้ที่อยากกินอะไรที่ไม่เเพงมากค่ะ

    เข้าซอยมาไม่ไกลทางซ้ายมือเป็น Community Mall ที่มีชื่อว่า The Commons

    ที่นี่นับเป็นอีกที่ที่เก๋ไก๋เดินเล่นถ่ายรูปสวยเลย

    ชั้นล่างจะมีโซนอาหารเเละเครื่องดื่มที่เรียกว่า The Commons Market มีร้านกาแฟรสชาติดีชื่อดังและร้านอาหารหลายร้านมาก ภายในก็ตกแต่งสวยงามเลยค่ะ

    โครงการนี้จะมีจุดเด่นที่การเล่นระดับของพื้นที่ เเละมีพื้นที่ส่วนกลางที่มาใช้รวมกันเยอะๆ เชื่อมต่อถึงกัน Common Area นั่นเองค่ะ

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • HOSPITAL

    •  THONGLOR PET HOSPITAL – 350 M.
    • SAMITTIVEJ HOSPITAL –  900 M.
    • CAMILLIAN HOSPITAL – 1 KM.
    • SUKHUMVIT HOSPITAL – 1.7 KM.
    • BANGKOK HOSPITAL – 2.3 KM

  • SHOPPING MALL & COMMUNITY MALL
    • EKAMAI MALL – 50 M.
    • FOODLAND @EIGHT THONGLOR – 450 M.
    • J AVENUE THONGLOR – 500 M.
    • 72 COURTYARD –  550 M.
    • THE COMMONS –  650 M.
    • MARKET PLACE THONGLOR – 750 M.
    • MAZE THONGLOR – 800 M.
    • THE 49 TERRACE – 1.2 KM.
    • THE EMPORIUM – 2.6 KM.
    • THE EMQUARTIER – 2.6 KM.

  • INTERNATIONAL SCHOOL
    • EARLY LEARNING CENTRE SCHOOLS – 800 M.
    • SP INTERNATIONAL KINDERGARTEN – 800 M.
    • EKAMAI INTERNATIONAL SCHOOL – 900 M.
    • THE AMERICAN SCHOOL OF BANGKOK – 1.3 KM.
    • BANGKOK PREP INTERNATIONAL SCHOOL – 1.4 KM.
    • BANGKOK ADVENTIST INTERNATIONAL SCHOOL – 1.6 KM.
    • WELLS INTERNATIONAL SCHOOL – 1.8 KM.
    • IVY BOUND INTERNATIONAL SCHOOL – 1.8 KM.

  • OFFICE & CO WORKING SPACE
    • MAJOR TOWER – 100 M.
    • MARSHMALLOW CO-WORKING SPACE – 280 M.
    • SORACHAI TOWER – 950 M.
    • HUBBA EKAMAI – 1.1  KM.
    • T ONE TOWER – 1.4  KM.
    • BHIRAJ BURI TOWER – 2.6  KM

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

    โครงการจะมีทางเข้า-ออกติดกับถนนทองหล่อซอย10 โดยถนนทางเข้านั้นจะอยู่ด้านข้างสำนักงานขาย ตัวที่ดินจะไปขยายกว้างด้านใน ตั้งอยู่บนพื้นที่ 5-3-90.9  ไร่ ทางทิศตะวันตกติดกับโครงการบ้านกลางกรุง เป็นบ้านพักอาศัยความสูง 4 ชั้น เนื่องจากโครงการนี้เป็นอาคารที่สูงมากจะสามารถมองเห็นย่านทองหล่อได้เลย ซึ่งจะมีโครงการ Khun by Yoo สูง 27 ชั้น และโครงการ Tela ทองหล่อสูง 31 ชั้นกำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ ด้านบนทางทิศเหนือติดกับอาคารพักอาศัยสูง 8 ชั้น ไม่ได้มีอาคารสูงอยู่ในระยะใกล้นักเนื่องจากอยู่ด้านในซอย ทางทิศตะวันออกปัจจุบันจะติดกับพื้นที่ร้านอาหาร, ผับต่างๆ ซึ่งในอนาคตมีอาจมีการพัฒนาเป็นอย่างอื่น แต่เป็นอะไรก็ต้องติดตามกันต่อไปค่ะ ทางทิศใต้ติดกับถนนทองหล่อซอย 10 และคอนโด Burgundy สูง 7 ชั้น ซึ่งสามารถเห็นวิวถนนสุขุมวิทและสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อได้

    สถานที่ใกล้เคียงโครงการในทิศต่างๆได้แก่ เช่น

    • ทิศเหนือ ติดกับ อาคารพักอาศัยสูงประมาณ 8 ชั้น
    • ทิศตะวันออก ติดกับ พื้นที่ Arena10
    • ทิศใต้ ติดกับ คอนโด Burgundy สูง 7 ชั้น
    • ทิศตะวันตก ติดกับ บ้านกลางกรุงสูง 4 ชั้น

    ทิศเหนือ ติดกับอาคารพักอาศัยสูงประมาณ 8 ชั้น และไม่มีอาคารสูงในละแวกใกล้เคียงเลย

    ทิศใต้ ฝั่งตรงข้ามถนนจะเป็นที่ดินเปล่าและอาคารพาณิชย์สูงประมาณ 4 ชั้น

    ทิศตะวันออกด้านหน้าใกล้กับอาคารสำนักงานสูงประมาณ 9 ชั้น และทางเข้า Arena10

    มองจากด้านในโครงการไปทางฝั่งทิศตะวันออกจะติดกับพื้นที่ของ Arena10 ซึ่งปัจจุบันเป็นร้านอาหารและผับบาร์จะคึกคักช่วงเวลากลางคืนค่ะ โครงการล้อมรั้วกั้นเอาไว้แบบนี้

    ทิศตะวันตกฝั่งติดถนนใหญ่ ด้านข้างจะใกล้กับคอนโด Burgundy สูง 7 ชั้น  ฝั่งตรงข้ามส่วนใหญ่เป็นอาคารพักอาศัยสูงไม่เกิน 7 ชั้น (Low Rise)

    ส่วนทิศตะวันตกฝั่งที่ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นหมู่บ้านกลางกรุงสูง 4 ชั้น ซึ่งชั้นพักอาศัยของโครงการทุกอาคารอยู่สูงกว่า สามารถมองเห็นวิวได้ชัดเจนค่ะ ส่วนทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้มีอาคาร Hampton สูง 30 ชั้นอาจจะบังวิวทางทิศนี้เล็กน้อย


    เจาะลึกตัวโครงการ

    โครงการ Park Origin ทองหล่อ เป็นคอนโด High Rise 3 อาคาร จำนวน 1,182 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ดิน 5-3-90.9  ไร่ แบ่งเป็น TOWER A 375 ยูนิต สูง 39 ชั้น TOWER B 478 ยูนิต สูง 53 ชั้น TOWER C 329 ยูนิต สูง 59 ชั้นซึ่งเทียบกับโครงการใกล้เคียงถือว่ามีความสูงที่ค่อนข้างมาก เนื่องจากมีห้องแบบ Duo Space ฝ้าเพดานสูง 4.25 เมตร และห้อง Penthouse สูง 3.50 เมตร Tower A จะเป็น จะเป็นอาคารที่เปิดขายให้กับชาวต่างชาติซึ่งปัจจุบันยังไม่เปิดขายนะคะ ปัจจุบันเปิดขายที่ Tower B และ C  โครงการมีที่จอดรถ 643 คัน หรือประมาณ 54 % เป็น Auto Parking ทั้งหมด โดยสามารถจอดรถที่อาคารใดก็ได้ เช่นอาศัยอยู่ Tower B แต่จอดรถที่ Tower A ก็ได้ค่ะ ตัวอาคารจะหันไปทางทิศเหนือ-ใต้ซึ่งเป็นทิศที่ไม่ร้อนและได้ลมดีค่ะ

    แนวคิดการออกแบบโครงการมาจากการใช้ชีวิตของผู้คนในทองหล่อที่กลางวันและกลางคืนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จึงเป็นที่มาของคำว่า Extra Ordinary  และการใช้ชีวิตของผู้คนที่ต้องเชื่อมโยงกับ Community, Technology และ Nature อยู่ตลอดเวลา โครงการจึงคงต้นไม้ใหญ่บนที่ดินเดิมไว้บางส่วนเพื่อเป็น Nature นำเอา Technology เข้ามาใช้กับห้องพักอาศัยเพื่อความสะดวกสบายมากขึ้น และทำให้เป็น Community ที่น่าอยู่ การออกแบบอาคารแต่ละ Tower ก็แตกต่างกันออกไป โดยมาจากแนวคิดความเป็น Park ซึ่งเป็นชื่อโครงการแบ่งออกมาเป็น 3 องค์ประกอบหลัก คือ Sculpture, Lake และ Tree มาเป็นธีมหลักในการออกแบบแต่ละอาคารทั้งวัสดุและพื้นที่ใช้สอย ตัวอาคารส่วนที่เป็น Facilities ส่วนกลางมีหลังคาโค้งมาจากรูปทรงเปลือกไม้เวลาอ้าออกแล้วเห็นแก่นภายในแต่ละอาคาร ซึ่งทุกอาคารจะมีพื้นที่ส่วนกลาง 2 ชั้น จะมีอะไรบ้างไปดูกัยเลยค่ะ

    พื้นที่ส่วนกลางจะแบ่งหลักๆอยู่ที่ชั้น Ground Floor และด้านบนอาคารแต่ละอาคาร ซึ่ง Ground Floor มีส่วนกลางคือ

    • LOBBY
    • GARDEN SPACE
    • JOGGING TRACK
    • DRINK BAR
    • ALL DAY DINING
    • CONVENIENCE STORE

    ชั้น 38 Tower A ซึ่งเชื่อมต่อกับชั้น 39 ของ Tower B (ชั้นพักอาศัย)

    • PRIVATE SPA
    • YOGA FLY
    • SCULPTURE POOL
    • JACUZZI
    • GYM
    • STEAM ROOM
    • POOL VIEW POINT

    ชั้น 39 Tower A

    • PRIVATE THEATER
    • CRYSTAL BOX
    • GOLF SIMULATOR
    • CIGAR CORNER
    • NORTH BAR
    • GAME ROOM
    • BUSINESS LOUNGE

    ชั้น 52 Tower B ซึ่งเชื่อมต่อกับ ชั้น 47 Tower C

    • POOL BAR
    • LAKE LOUNGE
    • LAKE POOL ระบบเกลือ ขนาด 22 เมตร
    • WINE CELLAR
    • POOL TABLE
    • MUSIC ROOM
    • SEMI OUT DOOR PARTY

    ชั้น 53 Tower B

    • CO-KITCHEN
    • PRIVATE DINING
    • KID DINNING
    • SKY THEATER
    • ESSENCE ROOM
    • SKY BRIDGE
    • SLEEP POD

    ชั้น 47 Tower C

    • AQUA LOUNGE
    • AQUA BED
    • SHOWER JET
    • AQUA CHAIR
    • EXPERIENCE SHOWER
    • ICE ROOM
    • TREE POOL ระบบเกลือ ขนาด 25 เมตร
    • SKYLINE SUNSET
    • ONSEN MEN
    • ONSEN WOMEN

    ชั้น 48 Tower C

    • BOXING
    • GYM

    ชั้น Roof Top Tower C

    • STAR SPHERE

    Facilities แต่ละอาคารจะเชื่อมถึงกันได้โดยที่ลูกบ้านสามารถมาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้ทุกอาคาร แต่จะขึ้น Roof Top ของอาคารอื่นไม่ได้ค่ะ

    มาดูผังของโครงการกันบ้าง ทางเข้า-ออกจะอยู่ติดซอยทองหล่อ 10 ซึ่งเป็นซอยเชื่อมระหว่างถนนทองหล่อ(สุขุมวิท 55) และถนนเอกมัย(สุขุมวิท 63) หน้ากว้างติดถนนเฉพาะทางเข้า-ออก แลัวไปขยายใหญ่ขึ้นด้านใน มี 3 อาคาร ที่ดินมีต้นไม้ใหญ่ที่โครงการได้คงไว้ ทำให้มีความร่มรื่น อีกทั้งยังมีพื้นที่สวนชั้น Ground Floor ประมาณ 2 ไร่ด้วย ทำให้ชั้นล่างมีบรรยากาศถึงธรรมชาติเข้ากับแนวคิดการออกแบบของโครงการ

    เส้นทางการขับรถเข้ามาในโครงการเป็นการเดินรถ 2 ทางสวนกันแต่ละอาคารจะมี Drop Off ด้านข้างอาคารทางทิศตะวันตก เมื่อ Drop Off แล้วสามารถกลับรถไปยังช่องจอดรถ(Auto Parking) ของแต่ละอาคารได้ ซึ่งลูกบ้านสามารถจอดรถที่อาคารใดก็ได้ โดยอาคาร A จะมี 2 ช่องจอด, อาคาร B และ 3 อาคารละ 3 ช่องจอด โดยรวมแล้วจอดได้ 643 คัน หรือประมาณ 54 % ส่วนจอดรถจะอยู่ใต้ชั้นพักอาศัย ซึ่งจำนวนของที่จอดแต่ละอาคารก็จะไม่เท่ากันค่ะ

    การใช้งาน Lobby เมื่อลงจากรถที่ Drop Off แล้วสามารถเดินเข้ามาใช้งานที่ lobby ได้เลย ซึ่งแต่ละอาคารก็จะมี Lobby แตกต่างกันไปตามการออกแบบ อาคาร A มีแนวคิดคือ Sculpture อาคาร B คือ Lake และอาคาร C คือ Tree โครงการจะมี Shop อยู่ 2 Shop ที่ชั้น G ของอาคาร A เป็น Convenience Store และที่อาคาร B เป็นร้านอาหาร All Day Dinning มีลิฟต์โดยสารเป็นลิฟต์ล็อคชั้นทั้งโครงการอยู่ที่ 11 ตัว มีอัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการอยู่ที่ 107.5 :  1 อัตราส่วนแยกอาคารอยู่ที่ อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 125 : 1 อยู่ในระดับที่ดีไม่ต้องรอลิฟต์นานจนเกินไป , อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 120 : 1 อยู่ในระดับที่ดี, อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 82 : 1 ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่นทำให้ไม่ต้องรอลิฟต์นานในชั่วโมงเร่งด่วน ส่วนลิฟต์ Sevice จะอยู่ที่อาคารละ 1 ตัวค่ะ

    ทางเข้าโครงการอยู่ติดซอยทองหล่อ 10 ป้อมยามจะอยู่ถัดเข้าไปหน่อย เมื่อเข้าโครงการแล้วจะได้บรรยากาศร่มรื่นจากพื้นที่สีเขียวและสวนตั้งแต่ด้านหน้าโครงการเลย

    เมื่อเข้ามาแล้วจะมี Drop Off ใต้อาคาร สามารถวนรับ-ส่งแล้วไปจอดรถด้านในอาคารได้ ถนนหลักของโครงการเป็นถนน 2 เลนสวนกัน

    มีทางเดินรถเกือบรอบอาคารยกเว้นบริเวณด้านหน้าอาคารที่ Lobby จะสามารถมองเห็นสวนด้านหน้าได้เลยไม่มีรถผ่านค่ะ

    ด้านข้างของอาคารทางทิศตะวันออก จะสามารถมองเห็นพื้นที่สวนได้จาก Lobby

    สวนด้านหน้าโครงการ ออกแบบโดย Trop Landscape Design มีการเล่นระดับ เชื่อมโยงพื้นที่สีเขียวภายนอกให้เชื่อมกับอาคารแต่ละอาคาร

    นอกจาก Facilities ชั้นล่างแล้ว แต่ละอาคารจะมี  Facilities อยู่ชั้นบนอีก ซึ่งการใช้งานพื้นที่ส่วนกลางเราสามารถใช้ได้ทุกอาคาร โดยจะมี Sky Bridge เชื่อมที่อาคาร A ชั้น 38 ไปยังอาคาร B ชั้น 39 และ Sky Bridge เชื่อมที่อาคาร B ที่ชั้น 52 ไปยัง อาคาร C ที่ชั้น 47 ค่ะ เดี๋ยวเรามาแยกดูผังห้องพักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลางทีละอาคารกันนะคะ

    มาเริ่มกันที่อาคาร A กันก่อนค่ะ อาคาร A เป็นอาคารที่เปิดขายสำหรับชาวต่างชาติ สูง 39 ชั้น มีห้องพักทั้งหมดเป็นแบบ Simplex ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 3.00 เมตร มีแนวความคิดหลักในการออกแบบคือ Sculpture เน้นการออกแบบให้มีเอกลักษณ์คล้ายกับโรงแรม มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Lounge, สระว่ายน้ำ, Gym, Fitness, ห้องประชุม, ห้องดูหนัง เป็นต้น

    ภาพบรรยากาศภายใน Lobby Tower A มีเอกลักษณ์การใช้วัสดุ และการตกแต่งคล้าย Sculpture ให้ความรู้สึกสง่ามั่นคง มีที่นั่งให้หลายชุดรองรับการใช้งานของลูกบ้านได้อย่างเพียงพอ สามารถนั่งพักผ่อนมองเห็นสวนด้านหน้าโครงการได้เลย

    ชั้น Facilities ของ Tower A อยู่ที่ชั้น 38 เป็นชั้นสำหรับออกกำลังกาย มีสระว่ายน้ำมองเห็นวิวทางทิศตะวันตก, Fitness, Jacuzzi, Stream Room, Yoga Fly เป็นต้น มี Sky Bridge เชื่อมกับชั้นพักอาศัยชั้น 39 ที่อาคาร B ด้วย ซึ่งมีประตูกั้นระหว่างพื้นที่ส่วนกลางและส่วนห้องพักเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยกับผู้อยู่อาศัยที่อาคาร B

    ภาพบรรยากาศ สระว่ายน้ำระบบเกลือ และ Crystal Box ห้องออกกำลังกายผนังกระจกยื่นออกมาสามารถชมวิวสระว่ายน้ำและวิวเมืองได้ ที่ชั้น 38,39 บน Tower A

    ชั้น 39 เป็นชั้นกิจกรรมผ่อนคลาย มีพื้นที่ Business Lounge, Game Room, Private Theater, Golf Simulator และบาร์ชมวิวทางทิศเหนือ เป็นต้น ซึ่งชั้นนี้เป็นชั้น Facilities ทั้งหมดค่ะ 

    ภาพพบรรยากาศ Facilities บริเวณชั้น 38 และ 39 ของ Tower A สามารถออกกำลังกาย Double space มีผนังกระจกสูงสามารถชมวิวได้รอบด้าน และพักผ่อนที่ Business Lounge ไปพร้อมกับมองเห็นวิวใจกลางเมือง โดยสามารถขึ้นชั้นบนได้โดยเดินขึ้นบันไดหรือจะมา

    อาคาร B เป็นอาคารที่เปิดขายสำหรับคนไทย สูง 53 ชั้น ชั้นล่างเป็นพื้นที่ Drop Off และ Lobby มีช่องจอดรถอัตโนมัติ 3 ช่องจอดโดยชั้นจอดรถจะอยู่ที่ชั้น 3-14 ชั้นพักอาศัยเป็นแบบ Simplex ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 3.00 เมตร ทั้งหมด โดยเริ่มจากชั้น 15-51 มี Facilities ส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 52 และ 53 โดยจะเน้นการออกแบบภายใต้แนวคิด Lake พื้นที่ส่วนกลางเน้นกิจกรรมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำ, Co-Kitchen, Kid Dinning, Music Room, Out Door Party, Sleep Pod เป็นต้น

    บรรยากาศบริเวณ Lobby ของอาคาร B มีแนวคิดจาก Lake เน้นเส้นสายที่โค้งลื่นไหล ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวเหมือนกับสายน้ำ

    ชั้นพักอาศัยชั้น 16-51 (ยกเว้นชั้น 39 ที่เชื่อมต่อกับอาคาร A) จะมีทั้งหมด 13 ยูนิตต่อ Floor ซึ่งไม่หนาแน่นมาก มีการออกแบบให้ห้องพักอาศัยส่วนใหญ่เป็น Single Corridor ทำให้มีความเป็นส่วนตัว เน้นห้องพักแบบ 1 Bedroom มีห้อง 2 Bedroom เพียง 2 ห้องต่อชั้นคือ ห้องมุมอาครทางทิศเหนือและทิศใต้ ซึ่งห้องทางทิศเหนือมีข้อดีคือ อยู่ในทิศที่แสงแดดไม่ส่องถึงห้องโดยตรงทำให้ไม่ร้อน และห้องทางทิศใต้จะได้รับลมมากกว่าค่ะ การวางผังส่วน Service ของอาคารไว้ตรงกลาง ทำให้ทุกๆห้องสามารถเข้าถึงได้ในระยะใกล้เคียงกัน มีช่องเปิดตรงริมทางเดินทำให้ลมเข้ามาภายในอาคารเพื่อระบายอากาศได้ มีจำนวนลิฟต์โดยสาร 4 ตัว ซึ่งมีอัตราส่วนลิฟต์ตึก B 120 : 1 ไม่หนาแน่นเกินไป อาจจะใช้เวลารอลิฟต์บ้างในช่วงเวลาเร่งด่วนค่ะ

    ชั้น Facilities ของอาคารนี้อยู่ที่ช้ัน 52 ก็จะมีสระว่ายน้ำยาว 22 เมตร , Lounge, Wine Cellar, Semi Out Door Party เป็นต้น และจะมี Sky Bridge เชื่อมกับชั้นพักอาศัยชั้น 47 ที่อาคาร C ซึ่งเป็นชั้น Facilities เช่นกัน สามารถเดินไปใช้งานทั้ง 2 ฝั่งได้เลย

    บรรยากาศบริเวณชั้น 52 – 53 ของ Tower B หลังคาโค้งบานออกมาจากแนวคิดการออกแบบอาคารให้เห็นเป็นเปลือกไม้ที่ผลิออกจากต้น ใช้ผนังส่วนใหญ่เป็นกระจก มีความสูงที่สามารถมองเห็นวิวย่านใจกลางเมืองได้เลย

    บรรยากาศภายใน Entertainment Room ชั้น 52 สำหรับนั่งพักผ่อนชมวิว

    บรรยากาศภายใน Pool Bar ชั้น 52 สามารถชมวิวเมืองและสระว่ายน้ำได้พร้อมๆกัน

    ชั้น 53 เป็นชั้นที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นสำหรับลูกบ้านที่อยากพักผ่อนสบายๆ ชั้นนี้ก็จะมี Sleep Pod, Essence Room, Sky Theater, Private Dinning เป็นต้น

    บรรยากาศภายใน Private Dinning ชั้น 53 สามารถจองใช้งานพื้นที่ส่วนกลางผ่าน Application โทรศัพท์มือถือ หรือบน Smart Mirror  ภายในห้องพักได้

    บรรยากาศภายใน Theater ชั้น 53 ซึ่งลูกบ้านสามารถดูรอบหนัง และกดจองผ่าน Application โทรศัพท์มือถือ หรือบน Smart Mirror  ภายในห้องพักได้เลย

    อาคาร C เป็นอาคารที่สูงที่สุด ซึ่งสูง 59 ชั้น ชั้นล่างเป็นพื้นที่ Drop Off และ Lobby มีช่องจอดรถอัตโนมัติ 3 ช่องจอดโดยชั้นจอดรถจะอยู่ที่ชั้น 3-15  มีห้องพักอาศัย 3 แบบ คือ ห้อง Simplex ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 3.00 เมตร เริ่มที่ชั้น 16-26 ห้อง Duo Space สูง 4.25 เมตร เริ่มที่ชั้น 27-46 และห้องแบบ Penthouse สูง 3.50 เมตร อยู่เหนือชั้น Facilities เริ่มตั้งแต่ชั้น 49-58  ชั้น Facilities ของ Tower C จะอยู่ที่ชั้น 47-48 มีชั้น Roof Top เป็นลานดูดาว Star Sphere Tower C เน้นการออกแบบภายใต้แนวคิด Tree สะท้อนความมีตัวตน ความสง่างามผสมกับความแอคทีฟ โดยมีพื้นที่ส่วนกลางที่เน้นไปทางด้านสัมผัสกับความเป็นธรรมชาติ เช่น Aqua Lounge, Shower Jet, Ice Room, Onsen แยกชาย-หญิง, Experience Shower รวมถึง Boxing เป็นต้น

    บรรยากาศบริเวณ Lobby ของอาคาร C มีแนวคิดจาก Tree เน้นเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว แอคทีฟ ให้ความรู้สึกทันสมัย แต่ก็ยังสัมผัสกับธรรมชาติได้ลงตัว

    ผังชั้นห้องพัก ชั้น 16-26 เป็นชั้นห้องพักแบบ Simplex มี 9 ยูนิตต่อชั้น ส่วนใหญ่เป็นแบบ Single Corridor  มีความเป็นส่วนตัว เน้นห้องพักแบบ 1 Bedroom มีห้อง 2 Bedroom เพียง 2 ห้องต่อชั้น อยู่ที่ทิศตะวันตก และทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งห้องนี้อยู่ติดกับโถงลิฟต์อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวได้ โครงการจึงออกแบบให้มีโถงก่อนเข้าภายในห้องเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทางเดินมีช่องเปิดระบายอากาศด้านเดียวอาจจะทำให้ทางเดินไม่ได้ระบายอากาศมากนัก แต่ก็ยังได้แสงธรรมชาติเข้ามา การวางผังส่วน Service ของอาคารไว้ตรงกลาง ทำให้ทุกๆห้องสามารถเข้าถึงได้ในระยะใกล้เคียงกัน Tower C มีจำนวนลิฟต์โดยสาร 4 ตัว ซึ่งมีอัตราส่วนลิฟต์ตึก B 82 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่น ทำให้ไม่ต้องรอลิฟต์นานในช่วงเร่งด่วนค่ะ

    ผังชั้นห้องพัก ชั้น 27-46 เป็นชั้นห้องพักแบบ Duo Space มี 9 ยูนิตต่อชั้นเช่นกันการวางผังเหมือนกับชั้น 16-26 เป็นชั้นห้องพักแบบ Simplex เลยค่ะ แตกต่างกันตรงที่ชั้นนี้มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 4.25 เมตร เนื่องจากเป็นห้องพักแบบ Loft

    ชั้น 47 เป็นชั้น Facilities ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับน้ำ เช่น Aqua Lounge, Shower Jet, Ice Room, Onsen, Aqua Chair, Aqua Bed เป็นต้น และชั้นนี้ก็สามารถเชื่อมต่อกับ Tower B ได้ค่ะ

    บรรยากาศภายใน Zone Aqua ชั้น 47 มีม่านน้ำตกให้การพักผ่อนโดยใช้น้ำบำบัดทั้งการสัมผัสและฟังเสียง

    บรรยากาศภายในห้อง Onsen ชั้น 47 แช่น้ำร้อนพร้อมกับชมวิวเมืองกรุงเทพ

    ชั้น 48 แบ่งเป็นสองส่วนคือ Zone Boxing และ Zone Gym สำหรับคนที่ชอบออกกำลังกาย

    บรรยากาศภายใน Zone Boxing ชั้น 48 เป็นพื้นที่ต่อยมวยและสามารถชมวิวได้ท่ามกลางบรรยากาศเมือง

    ผังชั้นห้องพัก ชั้น 49-58 เป็นชั้นห้องพักแบบ Penthouse ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 3.50 เมตร มี 5 ยูนิตต่อชั้น และเป็น Single Corridor ทั้งหมด ทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด การวางผังให้หน้าห้องกว้างทำให้มองเห็นวิวได้กว้าง และทุกห้องสามารถมองเห็นวิวได้ทั้งหมด

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • BUILDING A : SCULPTURE

    • LOBBY
    • JOGGING TRACK
    • DRINK BAR
    • ALL DAY DINING
    • BUSINESS LOUNGE
    • GYM
    • YOGA FLY
    • PRIVATE SPA
    • STEAM ROOM
    • SCULPTURE POOL
    • JACUZZI
    • OUT DOOR ONSEN
    • SCULPTURE LOUNGE
    • NORTH BAR
    • GAME ROOM
    • PRIVATE THEATER
    • GOLF SIMULATOR
    • CIGAR CORNER
    • CRYSTAL BOX
    • POOL VIEW POINT

  • BUILDING B : LAKE
    • LOBBY
    • GARDEN SPACE
    • DRINK BAR
    • CONVENIENCE STORE
    • CONNECTING ROOM
    • MUSIC ROOM
    • WINE CELLAR
    • POOL TABLE
    • GAME TABLE
    • SEMI OUT DOOR PARTY
    • POOL BAR
    • LAKE LOUNGE
    • LAKE POOL ระบบเกลือ ขนาด 22 เมตร
    • CO-KITCHEN
    • PRIVATE DINING
    • KID DINNING
    • SKY THEATER
    • ESSENCE ROOM
    • SKY BRIDGE
    • SLEEP POD

  • BUILDING C : TREE
    • LOBBY
    • SKY BRIDGE
    • AQUA LOUNGE
    • AQUA BED
    • SHOWER JET
    • AQUA CHAIR
    • EXPERIENCE SHOWER
    • ICE ROOM
    • TREE POOL ระบบเกลือ ขนาด 25 เมตร
    • SKYLINE SUNSET
    • ONSEN MEN
    • ONSEN WOMEN
    • BOXING
    • STAR SPHERE

  • ลิฟต์โดยสารอาคาร A 3 ตัว, อาคาร B และอาคาร 4 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 107.5 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 125 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 120 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก C 82 : 1
  • Service Lift 1 ตัว/อาคาร
  • ที่จอดรถประมาณ 54% Auto parking
  • ระบบ CCTV / Access Card รักษาความปลอดภัยหน้าโครงการ 24 ชั่วโมง

  • Product Walkthrough

    Product ของโครงการ Park Origin ทองหล่อจะมีทั้งหมด 6 แบบด้วยกันค่ะ คือห้อง 1 Bedroom, 2 Bedroom, 2 Bed Duo Space, 2 Bed plus Duo Space, 2 Bed Penthouse และ 3 Bed Penthouse ขนาดเล็กที่สุดคือห้อง 1 Bedroom(Tower B) ขนาด 30.00 ตารางเมตร จนถึงใหญ่ที่สุดคือห้อง 3 Bed Penthouse ขนาด 97.00 ตารางเมตร ทั้งหมดจะได้เป็น Fully Fitted มีรายละเอียดวัสดุ ดังนี้ค่ะ

    • เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ภายในห้อง

    • ตู้เสื้อผ้า
    • ชั้นวาง TV
    • เตียงขนาด 6 ฟุต
    • ชุดครัว
    • ตู้เก็บรองเท้า
    • สุขภัณฑ์

  •  วัสดุพื้น
    • ห้องนั่งเล่น, ห้องนอน : Engineering Wood : 5” w
    • ห้องน้ำ : Porcelain Tile 60 x 60 cm
    • ระเบียง : Ceramic Tile 30 x 30 cm

  • วัสดุครัว
    • Backsplash Pantry & Upper Cabinet : Bronze Tinted Mirror
    • Top : Stone Quartz
    • Cabinet : Base Wood Melamine

  • อุปกรณ์ภายในครัว จาก Teka หรือเทียบเท่า (เฉพาะห้อง Simplex, Duo)
    • Hood(EL60)
    • Sink Undertop (LINEA 44×44)
    • Induction Hob (VI2)
    • Tap (POLO)
    • Microwave Built In

  • อุปกรณ์ภายในห้องน้ำ จาก Kasch หรือเทียบเท่า
    • Smart Mirror

    • Home Automation

    • SMART GATEWAY : กล่องควบคุมระบบเพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ กับ Moblie Application
    • DIGITAL DOOR LOCK
    • SMART MIRROR
    • AC CONTROL :  ตัวควบคุมการเปิด-ปิด และปรับอุณหภูมิ เครื่องปรับอากาศ ของ Daikin
    • CURTAIN CONTROL : ควบคุมการเปิด-ปิดม่าน
    • LIGHTING CONTROL :  ดวงโคมแสงสว่าง Dimmer ควบคุมการทำงานโดย Smart Module ที่มีทั้งแบบ 1 และ 2 Chanel โดยจะติดตั้งอยู่หลังสวิตซ์ไฟ
    • AUTOMATIC NIGHT LIGHT  : ควบคุมการเปิด-ปิด ด้วย Motion Sensor เมื่อลงจากเตียงในเวลากลางคืน และเปลี่ยนสีไฟได้จาก RGB

    ห้องตัวอย่างที่เราจะพามาชมวันนี้ห้องแรกเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 31.0 – 33.00 ตารางเมตร การจัดวางห้องเป็นแบบครัวเปิด เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ได้ทำอาหารจริงจังมากนัก มีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารที่สามารถทำได้ง่ายๆ เพราะว่าการทำอาหารจริงจังอาจทำให้กลิ่นลอยฟุ้งไปทั่วห้องได้ ถัดมาเป็นพื้นที่รับประทานอาหารเหมาะสำหรับ 1-2 คน วางอยู่ถัดจากเคาน์เตอร์ครัวเลย พอทำอาหารเสร็จก็ยกมาทานได้สะดวก ถัดมามีพื้นที่นั่งเล่นติดกับระเบียงสำหรับคนที่ชอบมองวิว ห้องนอนกั้นแยกเป็นสัดส่วนสามารถวางเตียง 6 ฟุตและเหลือพื้นที่เดินรอบเตียงได้ มีพื้นที่ Walk-in Closet เล็กๆเป็นสัดส่วน ห้องน้ำเป็นแบบมีอ่างอาบน้ำ Sexy Bath เป็นสัดส่วนเป็นแบบ Sexy Bath คือผนังที่กั้นระหว่างห้องนอนและห้องน้ำเป็นกระจกใส ให้อารมณ์คล้ายๆรีสอร์ท สามารถอาบน้ำไปด้วยมองเห็นวิว และดู TV ไปด้วยได้ ถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็สามารถติดม่านเพิ่มเติมได้ ด้านในจะเป็นยังไง ตามไปดูกันเลยค่ะ

    ก่อนอื่นเรามาดูระบบ Digital Door Lock ที่ทางโครงการมีให้กันก่อน เป็น Digital Door Lock ที่รองรับได้ถึง 5 Functions ไม่ว่าจะเป็น สแกนลายนิ้วมือ  Key Card, ตั้ง Password, กุญแจ แล้วยังสามารถรองรับการเชื่อมต่อกับ Application ได้อีกด้วยค่ะ ซึ่ง Application จะเชื่อมต่อเข้ากับ Smart Mirror ภายในห้องน้ำ หรือภายในโทรศัพท์มือถือ ทำให้สามารถเปิดล็อคประตูได้โดยไม่ต้องออกมาเปิดประตู ส่วนของ Smart Mirror จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังต่อไปค่ะ

    เมื่อเข้าห้องมาแล้วจะเจอกับส่วนครัวซึ่งเป็นครัวเปิด มีพื้นที่วางตู้เย็นไว้ด้านหน้าติดกับประตูเลย ถ้าซื้อของสดขึ้นมาบนห้องก็สามารถเก็บได้เลยโดยไม่ต้องเดินผ่านห้องอื่นๆค่ะ นอกจากนั้นยังมีพื้นที่วางรองเท้าที่ทางโครงการ Built-in มาให้ด้วย จะได้ถอดเก็บได้เป็นระเบียบเรียบร้อย ถัดเข้าไปด้านในจึงจะเป็นห้องนั่งเล่น ส่วนห้องนอนจะกั้นแยกเป็นสัดส่วนอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ห้องนี้เป็นห้อง แบบ Simplex มีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 3.00 เมตรค่ะ

    ซึ่งตู้รองเท้าจะอยู่ด้านหน้าติดกับประตูเลยสะดวกต่อการใช้งานหยิบรองเท้าเข้า-ออก โดยไม่ต้องใส่รองเท้าเข้าไปในห้องให้เลอะเทอะค่ะ

    ช่องตรงการออกแบบมาเพื่อการใช้งานได้ในชีวิตจริงๆ คือสามารถวางของใช้ที่มักจะหยิบเป็นประจำอย่างเช่นกระเป๋าถือ หรือหมวกไว้ได้นอกจากนั้นยังมีที่แขวนพวงกุญแจ ให้หยิบใช้งานได้สะดวก

    ช่องด้านบนยังเป็นชั้นเก็บของ เอาไว้เก็บกระเป๋า ของใช้ต่างๆได้ ซึ่งจะมีเป็นชั้นแบบปรับระดับได้มาให้ ใครที่ต้องการใส่ของชิ้นใหญ่หน่อยก็สามารถยกชั้นออกมาให้เป็นช่องใหญ่ขึ้นได้ค่ะ

    ด้านล่างเหมาะสำหรับเก็บรองเท้า มีช่องสูงด้านขวาสำหรับแขวนร่มด้วยค่ะ

    เมื่อเข้ามาจะสังเกตได้ว่าพื้นเป็นพื้น Engineering Wood ตั้งแต่หน้าประตูเข้ามาถึงภายในห้องเลย ตรงส่วนเคาน์เตอร์ครัวจะให้แบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ ยกเว้นเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ระยะจากเคาน์เตอร์ครัวถึงผนังอีกฝั่งกว้าง 1.30 เมตร สามารถเดินได้สบายค่ะ

    ชั้นเก็บของด้านบนจะปิดด้วยกระจกเงาสีทองแดง ทำให้ห้องดูกว้างขึ้นและมีความลูกเล่นให้ไม่ดูเรียบเกินไป ผนังด้านหลังครัวก็จะติดเป็น Backsplash กระจกเงาสีทองแดงเช่นกันทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายเวลาทำอาหารแล้วมีคราบมันเลอะ ตัว Top เคาน์เตอร์เป็นหินควอทซ์สีขาว ด้านล่างเป็นตู้เก็บของหน้าบานเมลามีนลายไม้ มีช่องสำหรับใส่เครื่องซักผ้าฝาหน้าขนาดไม่เกินความกว้าง 0.67 สูง 0.90 เมตรให้ ทำให้ไม่ต้องไปวางที่ระเบียงช่วยยืดอายุการใช้งานให้กับเครื่องซักผ้าของเราค่ะ

    Tips : หินควอทซ์ มีคุณสมบัติ กันรอยขีดข่วนได้ดี ไม่มีรูพรุนเช็ดทำความสะอาดง่าย ทนต่อกรดด่างและสารเคมี

    ตู้เก็บของด้านล่างมีช่องสำหรับเก็บช้อน, ส้อม อุปกรณ์ต่างๆ ลิ้นชักด้านล่างสำหรับวางขวดเครื่องปรุงหรือขวดน้ำดื่มได้ค่ะ บานใต้อ่างล้างจานติดถังขยะมาให้จะเปิดฝาเองเมื่อเปิดบานออกค่ะ

    อุปกรณ์ประกอบครัวที่ได้ยี่ห้อ Teka หรือเทียบเท่า มีปลั๊กไฟสำหรับเสียบกาต้มน้ำหรือเครื่องปั่น อยู่ด้านบนเพื่อไม่ให้โดนน้ำแล้วเกิดอันตรายได้ ด้านใต้ตู้เก็บของชั้นบนมีไฟติดให้แสงสว่างตอนทำกับข้าวด้วยค่ะ

    ด้านบนเหนืออ่างล้างจานเป็นที่วางเครื่อง Microwave ซึ่งโครงการติดตั้ง Built in มาให้ ช่วยประหยัดพื้นที่เคาน์เตอร์ ให้มีพื้นที่เตรียมอาหารมากขึ้น

    อ่างล้างจานเป็นของ Teka เช่นกัน ซึ่งก้นอ่างจะเป็น Slope ทำให้ไม่มีน้ำขังอยู่เหมือนกับก้นอ่างแบบทั่วไป

    เครื่องดูดควันที่ได้เป็นของ Teka เช่นกันค่ะ เป็นระบบดูดอากาศออกด้านนอกโครงการ ซึ่งจะระบายอากาศได้ดีกว่าระบบหมุนเวียนอากาศ

    เตาไฟฟ้าที่ได้สำหรับห้องนี้เป็นเตาแบบ 2 หัว ขนาดต่างกันมีพื้นที่ด้านข้างสำหรับเตรียมอาหารได้ค่ะ

    ส่วนพื้นที่วางตู้เย็นด้านหน้า สามารถวางตู้เย็นบานเปิดด้านเดียว ขนาดกว้างประมาณ 0.60 เมตร ความจุประมาณ 9.5 คิวได้

    ถัดจากส่วนครัวจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ซึ่งอยู่ติดกับระเบียง ทำให้มองเห็นวิวด้านนอกได้จากห้องนั่งเล่นเลย และสามารถรับแสงธรรมชาติจากด้านนอกเข้ามาทำให้ส่วนนั่งเล่นสว่างในเวลากลางวัน

    ระหว่างส่วนครัวและส่วนนั่งเล่นมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 1-2 ที่นั่งได้ จะวางเป็นโต๊ะกลมแบบห้องตัวอย่างก็ได้หรือจะเป็นโต๊ะสี่เหลี่ยมนั่งหันหน้าไปฝั่งเดียวกันก็ได้ แนะนำให้เลือกโต๊ะแบบที่ขาโปร่ง ไม่ทึบตันจะได้สามารถเก็บเก้าอี้ลงไป ช่วยให้ประหยัดพื้นที่ได้ค่ะ

    ห้องนั่งเล่นมีพื้นที่สำหรับวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง มีโต๊ะกลางเล็กๆ ได้ มีระยะดู TV อยู่ที่ 2.00 เมตร ซึ่งเหมาะสำหรับติดตั้ง TV ขนาดประมาณไม่เกิน 46 นิ้วค่ะ

    ชั้นวาง TV ทางโครงการก็ได้ให้มาด้วย หน้าบานปิดกระจกเงาสีทองแดงเข้ากับชุดครัว สามารถเปิดเก็บของได้ 3 ช่อง แต่จะระยะมองต่ำไปหน่อยสำหรับนั่งดู TV การติดตั้งแบบแขวนจะให้การมองเห็นสบายมากขึ้น

    ระหว่างห้องนั่งเล่นกับส่วนระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเปิด 2 ตอน กรอบอลูมิเนียมสีดำ กว้างเต็มผนังทำให้รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ และมองเห็นวิวได้กว้าง

    พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตรสีเทา ขนาดระเบียงกว้าง 0.60 x 2.20 เมตร สามารถวางกระถางต้นไม้ตกแต่ง หรือจะเป็นเก้าอี้เล็กๆสำหรับนั่งรับลมก็ได้ค่ะ

    ระเบียงจะมีไฟติดตั้งมาให้เป็นโคม Down Light ติดผนัง(ให้ฝั่งเดียว) ให้แสงสว่างด้านนอกเวลากลางคืน

    ด้านบนเป็นพื้นที่สำหรับวาง Condensing Units ทำเป็นระแนงเหล็กไว้ให้ด้านบนเพื่อความเรียบร้อย และทำให้ได้ใช้พื้นที่ระเบียงได้มากขึ้น

    ต่อไปเป็นห้องนอนซึ่งประตูจะอยู่บริเวณห้องนั่งเล่น มองจากด้านหน้าห้องจะไม่เห็นประตูเลย ทำให้เป็นส่วนตัว

    เข้ามาในห้องจะมีการวางผังแบ่งออกเป็นส่วนนอนพักผ่อน ห้องน้ำ และ Walk-in Closet มีมุมที่มีกระจกแบบ Sexy Bath สามารถนอนแช่น้ำไปด้วย ดู TV ไปด้วยได้ค่ะ

    พื้นที่ส่วนนอนพักผ่อนวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ ห้องนอนได้ช่องแสงขนาดใหญ่ มีช่องเปิด 1 ช่องเป็นบานกระทุ้งสำหรับเปิดระบายอากาศ ซึ่งทางโครงการได้ติดตั้งรางม่านแบบเปิด-ปิดอัตโนมัติไว้ให้ด้วยค่ะ

    พื้นที่ข้างเตียงสามารถวางโต๊ะเล็กๆได้ ซึ่งเมื่อวางเตียง 6 ฟุตจะเหลือพื้นที่ด้านข้างด้านละประมาณ 50 เซนติเมตรค่ะ

    พื้นที่ด้านข้างฝั่งขวาก็สามารถวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้เช่นกัน

    ปลายเตียงมีพื้นที่เดินประมาณ 50 เซนติเมตร ซึ่งไม่แนะนำให้วางโต๊ะวาง TV เนื่องจากจะทำให้ที่เดินแคบลงไปอีก แนะนำให้ติดตั้ง TV แบบติดผนังจะช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากกว่าค่ะ

    ช่องแสงของห้องนี้ได้ขนาดใหญ่ และสูงทำให้ห้องดูโปร่งสบายไม่อึดอัดและได้แสงธรรมชาติได้มาก

    หน้าต่างเป็นแบบบ้านเปิดกระทุ้ง สำหรับระบายอากาศภายในห้องนอน

    ด้านข้างผนังจะติดตั้งปุ่มกดเปิด-ปิดม่าน มาให้จาก Somfy หรือเทียบเท่า

    มาดูอีกด้านนึงของห้องกันบ้างค่ะ ก่อนเข้าห้องน้ำจะมีมุม Walk-in Closet ซึ่งโครงการจะ Built in ตู้เสื้อผ้ามาให้เลยซึ่งเป็นสัดส่วนดี ใช้งานได้ง่าย

    ตู้เสื้อผ้าที่ได้เป็นรูปตัว L สามารถเก็บเสื้อผ้าได้ค่อนข้างเยอะ มีระยะยืนแต่งตัวอยู่ที่ 80 เซนติเมตร สามารถติดบานกระจกเพื่มเติมเองได้ค่ะ

    ชั้นเก็บของแบ่งย่อยให้มาค่อนข้างเยอะ ทำให้เก็บได้เป็นสัดส่วน สะดวกต่อการใช้งาน ช่องเล็กสามารถเก็บเครื่องประดับให้หยิบใช้งานได้สะดวกค่ะ

    มีลิ้นชักเก็บของย่อยๆเอาไว้เก็บพวกเครื่องประดับหรือชุดชั้นใน เป็นสัดส่วนดีค่ะ

    ห้องน้ำแบ่งเป็นส่วนเปียก ส่วนแห้งชัดเจน มีฉากกั้นกระจกระหว่างพื้นที่อาบน้ำกับส่วนแห้งมาให้ ด้านซ้ายมือเป็นส่วนอ่างล้างหน้าและกระจก Smart mirror ตรงกลางเป็นพื้นที่โถสุขภัณฑ์ ด้านขวาเป็นส่วนอาบน้ำ แบ่งการใช้งานชัดเจนด้านบนเหนือส่วนอาบน้ำติดตั้งช่องระบายอากาศมาให้ด้วยค่ะ

    พื้นด้านในห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60×60 เซนติเมตร ผิวด้านทำให้ไม่ลื่น พื้นห้องน้ำลดระดับจากพื้นห้องเล็กน้อย ช่วยไม่ให้น้ำไหลออกด้านนอกเวลามีน้ำขัง

    อ่างล้างมือวัสดุเป็นเซรามิคสีขาว จาก Kasch หรือเทียบเท่า บริเวณเคาน์เตอร์อ่างล้างมือด้านล่างเป็นช่องเก็บของ หน้าบานเมลามีนลายไม้ เป็นช่องเอาไว้เก็บพวกสบู่แชมพูหรืออุปกรณ์อาบน้ำได้ค่ะ

    Tips : เมลามีน เป็นลามิเนตพลาสติกเคลือบสามารถทนน้ำได้บ้าง แต่ถ้าโดนน้ำเยอะๆให้รีบเช็ดออกถ้าปล่อยไว้นานจะเกิดการบวมได้ค่ะ

    ด้านบนกระจก Smart Mirror สามารถเปิดเก็บของด้านในได้ ซึ่ง Smart Mirror ที่บอกไปตอนแรกสามารถทำอะไรได้บ้าง เราไปดูกันเลยค่ะ

    Smart Mirror เป็นเหมือนกับโทรศัพท์มือถือของเราเลย ซึ่งเป็นระบบ Android สามารถเชื่มต่ออินเตอร์เน็ต ดู Youtube ฟังเพลงขณะแปรงฟันได้ แล้วยังเชื่อมต่อกับ Application ของโครงการให้สามารถจองพื้นที่ส่วนกลางได้เลย จะเช็คค่าน้ำ ค่าไฟ หรือจะเชื่อมต่อกับ Digital Door Lock ของห้องก็ได้เช่นกันค่ะ

    ซึ่งเป็นระบบ Touch Screen โหลด Application เกมส์มาเล่นก็ได้ค่ะ จอใหญ่สะใจเลย

    ภายในห้องน้ำยังมีปลั๊กไฟและช่องชาร์จแบบ USB ให้ด้วย

    สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ประกอบที่ได้เป็นสุขภัณฑ์จาก Kasch หรือเทียบเท่า พื้นที่วางสุขภัณฑ์สามารถนั่งได้ไม่อึดอัด มีปุ่มกดฟลัชติดผนังและช่องผนังยื่นออกมาสามารถวางของได้ค่ะ

    ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นกระจกติดตั้งไว้ให้ มีพื้นที่อาบทั้งแบบฝักบัวและอ่างอาบน้ำ ผนังฝั่งอ่างอาบน้ำเป็นกระจกใส สามารถมองเห็นด้านนอกได้

    ระหว่างพื้นห้องน้ำและส่วนอาบน้ำมีขอบยกสูงประมาณ 2 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้น้ำจากส่วนเปียกไหลมาเลอะที่ส่วนแห้งได้ค่ะ

    ส่วนอาบน้ำไม่รวมอ่างมีพื้นที่ประมาณ 1.60×0.90 เมตร ซึ่งค่อนข้างกว้างอาบได้สบายเลย เมื่อรวมกับส่วนอ่างอาบน้ำด้วยแล้วถือว่าได้ห้องน้ำขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับคอนโดขนาดใกล้เคียงกัน

    ส่วนอาบน้ำจะติดตั้งฝักบัวมาให้ รองรับระบบน้ำร้อนน้ำเย็น แต่ต้องติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนเองนะคะ

    ดีไซน์ฝักบัวเป็นแบบเหลี่ยมดูทันสมัย จับถนัดมือ

    ด้านบนติดตั้ง Rain Shower มาให้ด้วยค่ะ

    โครงการมีอ่างอาบน้ำติดตั้งมาให้ ขนาดอ่างค่อนข้างใหญ่สามารถนั่งแช่น้ำได้สบายๆ

    มีกระจกเข้ามุม บานกว้าง สามารถมองวิวด้านนอก หรือดู TV ได้จากในห้องน้ำเลยค่ะ

    สวิซต์ไฟและปลั๊กไฟที่ได้เป็นของ Siemens สีดำประกายมุขดูเข้ากับเฟอร์นิเจอร์ Built in ที่ได้มากับห้องค่ะ

    ต่อมาจะพามาชมห้องตัวอย่างแบบ Duo Space กันบ้างค่ะ ห้องนี้เป็น 2 Bedroom Duo Space (ห้อง Loft ฝ้าเพดานสูง) ขนาด 32.50-33.00 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องจะได้เป็นครัวเปิดแบบห้องที่เราพาไปดูตอนแรก แต่ห้องนี้สามารถกั้นพื้นที่เป็นครัวปิดได้ มีที่ว่างโต๊ะรับประทานอาหารได้ 4 ที่นั่ง ห้องนั่งเล่นจะเป็นส่วนที่มีฝ้าเพดานสูง 4.25 เมตร ชั้นล่างบริเวณห้องน้ำและส่วนครัวจากพื้นถึงฝ้าสูง 2.10 เมตร ชั้นบนสูง 2.00 เมตร เนื่องจากมีฝ้าเพดานสูงพื้นที่ส่วนนั่งเล่นจึงดูโปร่งสบาย มีหน้าต่างบานสูงทำให้รับแสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้อย่างทั่วถึงอีกทั้งยังเชื่อมต่อกับระเบียงอีกด้วย  ห้องนี้จะมีห้องนอน 2 ห้อง ห้องล่างจะได้ฝ้าเพดานสูงถึง 4.25 เมตร มีความเป็นส่วนตัว ส่วนห้องด้านบนได้พื้นที่ใช้สอยเยอะ สามารถมองลงมายังห้องนั่งเล่นด้านล่างได้ ถ้าไม่ทำเป็นห้องนอนก็สามารถปรับเป็นห้องทำงานได้ ด้านในห้องจะเป็นยังไงไปชมกันเลยค่ะ

    Tips : ห้อง Loft กับ Duplex ต่างกันอย่างไร สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ลิ้งค์นี้ค่ะ

    เมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับส่วนครัวก่อนซึ่งแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ด้านขวามือเป็นเคาน์เตอร์สำหรับเตรียมอาหาร อ่างล้างจานและเตาไฟฟ้า มีที่วางเครื่องซักผ้าให้แบบเดียวกับห้อง 1 Bedroom อีกด้านทางฝั่งซ้ายเป็นช่องสำหรับวางตู้เย็นและช่องเก็บของ

    ส่วนครัว Built-in ที่ทางโครงการให้มาของห้องนี้จะเหมือนกับห้อง 1 Bedroom เลย ต่างกันเล็กน้อยตรงที่ช่องเก็บของด้านบนมีขนาดเล็กลง เนื่องจากฝ้าที่ต่ำกว่าห้องแรก จึงมีพื้นที่ด้านบนน้อยกว่าค่ะ

    ช่องเก็บของด้านบนและด้านล่างสำหรับเก็บอุปกรณ์การทำครัว ซึ่งห้องนี้จะไม่ได้เน้นการทำอาหารจริงจังเนื่องจากมีพื้นที่ในการเก็บของและการเตรียมอาหารไม่มาก เหมาะสำหรับทำอาหารเบาๆ ภายในห้องค่ะ

    Top เคาน์เตอร์เป็นหินควอทซ์สีขาว ผนังด้านหลังครัวก็จะติดเป็น Backsplash กระจกเงาสีทองแดงให้เหมือนกัน ทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย

    อีกด้านนึงเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น และช่องเก็บรองเท้า เก็บของจำพวก กุญแจ, ร่ม เป็นต้น ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับห้อง 1 Bedroom

    พื้นที่นั่งรับประทานอาหาร สามารถวางได้ 2- 4 ที่นั่ง จะวางเป็นโต๊ะเหลี่ยมชนผนังหรือจะเป็นโต๊ะกลมก็ได้ค่ะ

    พื้นที่นั่งเล่นสูง 4.25 เมตร ละช่องแสงขนาดใหญ่ทำให้พื้นที่ด้านในดูโปร่ง สบายไม่อึดอัด สามารถนั่งมองวิวด้านนอกได้ มีระยะดู TV อยู่ที่ประมาณ 2.00 เมตร ซึ่งเหมาะสำหรับติดตั้ง TV ขนาดประมาณไม่เกิน 46 นิ้วค่ะ พื้นที่นั่งเล่นติดกับระเบียง มีช่องเปิดแสงขนาดใหญ่ ทำให้มองเห็นวิวได้มาก

    ได้ชั้นวาง TV แบบแขวน สามารถเก็บของได้ 3 ช่อง ปิดด้วยหน้าบานกระจกเงาสีทองแดงเหมือนกับห้อง 1 Bedroom

    ระหว่างห้องนั่งเล่นกับส่วนระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเปิด 2 ตอนกรอบอลูมิเนียมสีดำ กว้างเต็มผนังมีจุดเด่นตรงที่ด้านฝั่งขวาเป็นกระจกบานสูงทำให้รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ และมองเห็นวิวได้กว้าง ซึ่งรางม่านจะเปิดไปทางด้านซ้ายมือ (รูปห้องตัวอย่างกลับด้าน) ส่วนพื้นที่ที่เป็นผนังทึบสำหรับวาง Condensing Units ด้านนอกทำให้ไม่เสียพื้นที่ด้านนอกสำหรับางเครื่องซักผ้า

    พื้นที่ระเบียงกว้าง 0.60×2.20 เมตร พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิคขนาด 30 x 30 เซนติเมตรสีเทา สามารถวางกระถางต้นไม้ตกแต่ง หรือจะเป็นเก้าอี้เล็กๆนั่งชมวิวด้านนอกได้

    ระเบียงจะมีไฟติดตั้งมาให้เป็นโคม Down Light ติดผนัง(ให้ฝั่งเดียว) อีกด้านเป็นกระจกเข้ามุมของห้องนอน(ชั้นล่าง)

    ด้านบนเป็นพื้นที่สำหรับวาง Condensing Units ทำเป็นระแนงเหล็กไว้ให้ด้านบนเพื่อความเรียบร้อย และทำให้ได้ใช้พื้นที่ระเบียงได้มากขึ้น

    รูปนี้เป็นมุมมองจากห้องนั่งเล่นไปยังด้านหน้าห้องค่ะ

    ห้องน้ำของห้องนี้จะอยู่ริเวณด้านหลังครัว ตรงข้ามประตูห้องน้ำเป็นประตูห้องนอนชั้นล่างค่ะ

    ภายในห้องน้ำก็แบ่งส่วนเปียก ส่วนแห้งชัดเจน กั้นพื้นที่อาบน้ำมาให้ แตกต่างจากห้องแรกตรงที่ไม่มีอ่างอาบน้ำมาให้ค่ะ แต่สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ประกอบเหมือนกันกับห้องแรก กระจกได้เป็น Smart Mirror ระบบ Android สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ดู Youtube เชื่อมต่อกับ Application ของโครงการให้สามารถจองพื้นที่ส่วนกลางได้ทุกห้องเลย

    พื้นที่เคาน์เตอร์อ่างล้างมือและชั้นเก็บของข้างใต้จะเล็กกว่าห้อง 1 Bedroom เล็กน้อย แลกกับได้กระจกยาวเก็บของได้ 3 บาน

    มีปลั๊กไฟพร้อมาปิดกันน้ำกระเด็นเข้าและช่องชาร์จแบบ USB ให้เช่นกันค่ะ

    ส่วนพื้นที่อาบน้ำแยกส่วนชัดเจนมีฉากกั้นกระจกบานเปิดมาให้ ไม่ให้เวลาอาบน้ำแล้วน้ำกระเด็นมายังส่วนแห้ง

    ระหว่างพื้นห้องน้ำและส่วนอาบน้ำมีขอบยกสูงประมาณ 2 เซนติเมตร เพื่อไม่ให้น้ำจากส่วนเปียกไหลมาเลอะที่ส่วนแห้งได้ ขนาดพื้นที่อาบน้ำอยู่ที่ 1.00×0.90 เมตร ซึ่งสามารถอาบได้สบาย

    ห้องอาบน้ำติดตั้งฝักบัวและ Rain Shower รองรับระบบน้ำร้อนมาให้ ผนังมีช่องสำหรับวางสบู่ แชมพู มาใช้ด้วย จะได้ไม่ต้องติดเพิ่มเติมดูเรียบร้อยดีค่ะ

    มาดูห้องนอนฝั่งตรงข้ามกับห้องน้ำกันบ้าง ห้องนอนห้องนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ได้ฝ้าเพดานสูง (4.25 เมตร) และได้ช่องแสงขนาดใหญ่เต็มผนัง เข้ามุม และระบบเปิด-ปิดม่านอัตโนมัติ

    ด้านหน้าห้องถัดจากประตูมีห้องเก็บของมาให้ด้วย แต่เนื่องจากอยู่ภายในห้องนอนเวลาเก็บของส่วนกลางอาจจะต้องเข้าออกห้องนอนบ่อยๆ จะทำให้เสียความเป็นส่วนตัวได้ จึงเหมาะกับเก็บของของคนที่ใช้ห้องนี้มากกว่าค่ะ

    พื้นที่ด้านในกว้างประมาณ 2.30×2.50 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ แต่จะต้องวางติดผนังข้างข้างหน้าต่างจะได้มีพื้นที่เหลือด้านขวาสำหรับหยิบเสื้อผ้าที่ตู้เสื้อผ้า แต่ถ้าต้องการพื้นที่ให้เหลือเยอะหน่อยก็แนะนำให้ใช้เป็นเตียง 5 ฟุตค่ะ

    เมื่อวางเตียง(ขนาด 6 ฟุต)ชิดริมหน้าต่างทำให้มีพื้นที่เหลือหน้าตู้เสื้อผ้าประมาณ 50 เซนติเมตร

    ปลายเตียงมีพื้นที่ประมาณ 50 เซนติเมตรซึ่งไม่แนะนำให้วางโต๊ะวาง TV เนื่องจากจะทำให้ที่เดินแคบลงไปอีก แนะนำให้ติดตั้ง TV แบบติดผนังจะช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากกว่า

    ห้องนี้จะได้กระจกบานสูงและเข้ามุม ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ และยังทำให้มองเห็นวิวได้ในมุมที่กว้างมากขึ้นค่ะ

    ทางโครงการจะให้ตู้เสื้อผ้า Built in ตั้งอยู่ทางฝั่งประตู ซึ่งเป็นตู้เสื้อผ้าทรงสูง เปิดด้านล่างสำหรับเก็บเสื้อผ้า และช่องเก็บของด้านบนสำหรับเก็บหมอน, ผ้าห่ม แต่คนข้างสูงเลยค่ะ สำหรับผู้หญิงที่ตัวเล็กหน่อยจะเปิดไม่ถึงค่ะ

    ตู้เสื้อผ้าเป็นบานเปิดซึ่งจะใช้พื้นที่ด้านหน้าพอสมควร เวลาวางตำแหน่งเตียงจึงควรคำนึงถึงการใช้งานตรงนี้ด้วยค่ะ

    ต่อไปเราไปดูด้านบนกันค่ะ บันไดเป็นโครงสร้างเหล็กจะอยู่ระหว่างห้องนอนและห้องน้ำ กว้างประมาณ 75 เซนติเมตร

    เป็นบันไดแบบพับผ้าขั้นบันไดเป็น 3 เหลี่ยมช่วงเปลี่ยนทิศทางไม่มีราวจับมาจนถึงด้านบน เดินขึ้นลงบันไดตอนง่วงๆหรือเร่งรีบอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ต้องระวังนิดนึงนะคะ แนะนำให้ติดตั้งราวจับเพิ่มเติมค่ะ

    ด้านบนมีราวกันตกเป็นโครงเหล็กและกระจก สำหรับบ้านไหนที่มีเด็กเล็กควรระมัดระวังเพิ่มเติมค่ะ

    ด้านบนเป็นพื้นที่ห้องนอน มีเนื้อที่ประมาณ 3.50 เมตรลึก 2.40 เมตร มีตู้เสื้อผ้า Built in มาให้ สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ โดยมีพื้นที่เหลือเดินได้รอบเตียงค่ะ หรือใครที่ต้องการห้องนอนเพียงห้องเดียว ก็สามารถใช้พื้นที่ด้านบนนี้เป็นห้องทำงานได้ค่ะ

    หัวเตียงสามารถวางโต๊ะเล็กๆสำหรับเก็บของหรือวางโคมไฟได้

    ตรงปลายเตียงมีพื้นที่เดินประมาณ  40 เซนติเมตร พื้นที่เชื่อมต่อกับด้านล่าง สามารถมองเห็นด้านล่างได้เวลาเปิดแอร์นอนจะต้องเปิดทั้งห้องเลย

    มุมมองเมื่อนอนอยู่บนเตียงชั้นบนจะเห็นวิวด้านนอกได้จากกระจกบานสูงที่ห้องนั่งเล่น (ห้องจริงผ้าม่านจะอยู่อีกฝั่งนึงไม่บังหน้าต่างค่ะ)

    มุมมองเมื่อมองจากชั้นบนลงมาที่ห้องนั่งเล่น

    อีกฝั่งเป็นตู้เสื้อผ้าเหมือนกับห้องด้านล่างแตกต่างกันตรงที่ไม่มีช่องเก็บของด้านบนเนื่องจากความสูงของพื้นถึงฝ้าเพดานชั้นนี้อยู่ที่ 2.00 เมตร

    ด้านในตู้เสื้อผ้ามีไฟติดตั้งให้ แบ่งช่องออกเป็นซ้ายขวา ขวามือสำหรับแขวนเสื้อผ้าบนราว ด้านซ้ายจะเป็นช่องเก็บสำหรับเสื้อผ้าพับ หรือเป็นพวกเครื่องประดับค่ะ

    มีช่องเก็บของแยกเป็นลิ้นชักและช่องย่อยๆ สามารถเก็บของได้เป็นสัดส่วน

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ห้องนี้เป็นห้อง Simplex 2 Bedroom ขนาด 45.00-46.00 ตารางเมตร เข้ามาแล้วเป็นครัวเปิด สามารถกั้นปิดได้ พื้นที่ห้องนั่งเล่นรวมรับประทานอาหารขนาดใหญ่ ได้ระเบียงยาวห้องนอนได้ช่องแสงขนาดใหญ่รับแสงธรรมชาติได้เยอะ ห้อง Master Bedroom ได้กระจกเข้ามุมทำให้มองเห็นวิวได้กว้าง ห้องนี้ได้ห้องน้ำ 1 ห้องใช้ร่วมกันและได้อ่างอาบน้ำมาด้วย ถือว่าโดยรวมแบ่งการใช้งานได้ค่อนข้างลงตัว เอาภาพห้องตัวอย่างมาให้ดูเพิ่มเติมกันค่ะ

    Image 1/9
    Park Origin 01

    Park Origin 01

    ห้องนี้เป็นห้อง 2 Bed Duo Space ขนาด 46.00 ตารางเมตร เป็นห้องที่แบ่งการใช้งานเป็นสัดส่วนลงตัว เข้ามาจะเจอกับครัวเปิด มีพื้นที่รับประทานอาหารตรงกลาง สามารถนั่งได้ 4-6 ที่นั่ง ห้องนอนชั้นล่างมีห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำในตัวมีความเป็นส่วนตัว ชั้นบนได้พื้นที่ขนาดใหญ่จะทำเป็นห้องนอนและห้องทำงานร่วมกันก็ได้มีพื้นที่ Walk in Closet เป็นสัดส่วนค่ะ

    Image 1/9
    Park Origin 01

    Park Origin 01

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @  11 October 2018

    • Tower A 1

    • 1 Bed room  เนื้อที่ 31.50 – 34.50 SQ.M ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
    • 2 Bedroom  เนื้อที่ 44.50 – 67.50 SQ.M ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท

  • Tower B 1
    • 1 Bedroom  เนื้อที่ 30.00 – 36.0 0 SQ.M ราคาเริ่มต้น 6.90 ล้านบาท

    • Booking & Contract  30,000 + 150,000

  • 2 Bed room  เนื้อที่ 40.50 – 45.00 SQ.M ราคาเริ่มต้น 11.90 ล้านบาท
    • Booking & Contract  50,000 + 200,000

  • Tower C
    • 1 Bedroom  เนื้อที่ 32.50 – 33.50 SQ.M ราคาเริ่มต้น 7.84 ล้านบาท

    • Booking & Contract 30,000 + 150,000

  • 2 Bedroom  เนื้อที่ 45.50 – 51.50 SQ.M ราคาเริ่มต้น 12.38 ล้านบาท
    • Booking & Contract 50,000 + 200,000

  • 2 Bed Duo Space  เนื้อที่ 32.50 – 46.00 SQ.M ราคาเริ่มต้น 10.59 ล้านบาท
    • Booking & Contract  50,000 + 200,000

  • 2 Bed plus Duo Space  เนื้อที่ 47.50 – 51.50 SQ.M ราคาเริ่มต้น 15.50 ล้านบาท
    • Booking & Contract 50,000 + 300,000

  • 2 Bed Penthouse  เนื้อที่ 55.00 – 66.50 SQ.M ราคาเริ่มต้น 18.08 ล้านบาท
    • Booking & Contract  100,000 + 300,000

  • 3 Bed Penthouse  เนื้อที่ 97.00 SQ.M ราคาเริ่มต้น 33.90 ล้านบาท
    • Booking & Contract 150,000 + 350,000

    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง

    • ห้อง Simplex 3.00 เมตร
    • ห้อง Duo Space 4.25 เมตร (ล่าง 2.10 เมตร, บน 2.00 เมตร)
    • ห้อง Penthouse 3.50 เมตร

  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • ค่ากองทุน 900 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 95 บาท/ตร.ม./เดือน
  • **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล 

    โครงการ Park Origin ทองหล่ออยู่ในทำเลเชื่อมต่อระหว่างเอกมัยและทองหล่อ โดยมีที่ดินติดซอยทองหล่อ 10 (ซอยเอกมัย 5) ซึ่งถือว่าเป็นย่านใจกลางเมืองและเป็นทำเลที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ โดยแวดล้อมไปด้วยศูนย์การค้า Community Mall เช่น The Commons, J Avenue และร้านอาหารชื่อดังหลายแห่งที่ตั้งอยู่ในซอยทองหล่อ เอกมัย และติดถนนสุขุมวิท ถือว่าเป็นย่านที่ไม่ขาดสีสันทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน หาของกินได้ง่ายในระยะที่สามารถเดินได้ค่ะ

    การเดินทางโดยใช้รถ

    การเดินทางโดยรถยนต์สามารถออกไปได้ 2 ทาง ทั้งทางทองหล่อ(สุขุมวิท55) และทางเอกมัย(สุขุมวิท63) ไปเชื่อมต่อกับถนนหลักได้หลายเส้น ไม่ว่าจะเป็น ถนนสุขุมวิท เพื่อใช้เข้าเมืองไปยังสยาม หรือออกเมืองไปยังบางนา , ถนนเพชรบุรี เข้าเมืองไปยังพญาไท หรือออกเมืองไปยังพัฒนาการ , ถนนสุขุมวิท 77 (ปรีดี พนมยงค์)ไปออกรามคำแหง หรือถ้าจะเดินทางไปยังถนนอโศกมนตรีก็ได้เช่นกัน แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าทำเลย่านนี้มีการจราจรที่หนาแน่นตลอดทั้งวัน จึงต้องเผื่อเวลาการเดินทางไว้พอสมควร

    สำหรับคนที่ต้องการใช้ทางด่วนะมีทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ซึ่งทางขึ้นอยู่บริเวณใกล้กับคลองพระโขนง โดยออกจากโครงการมายังถนนสุขุมวิทและขับมุ่งหน้าไปทางอ่อนนุช ก็จะสามารถไปใช้ทางด่วนนี้เพื่อไปยังรามอินทราได้ อีกเส้นทางนึงคือขึ้นทางด่วนที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกับแยกพระราม 9 ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิได้ค่ะ

    ที่จอดรถก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญสำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ ซึ่งโครงการมีให้ 643 คัน หรือประมาณ 54 % ซึ่งถือว่าไม่ได้เยอะมาก และเป็นที่จอดรถแบบ Automatic Parking ทั้งหมด อาจจะต้องเสียค่า Maintanance ที่สูงกว่าที่จอดรถแบบธรรมดา แต่ก็ได้เรื่องความสะดวกสบายไม่ต้องวนหาที่จอดรถให้เสียเวลาค่ะ

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ

    ถือว่าค่อนข้างสะดวกเนื่องจากอยู่ในทำเลที่สามารถเรียกรถผ่าน Application ได้ง่าย มีตัวเลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวินมอเตอร์ไซค์ Taxi หรือรถประจำทางทั้ง สองแถว และรถเมล์ก็มีอยู่ที่ถนนเอกมัยและทองหล่อ ระยะทางจากโครงการไปยัง BTS ทองหล่อ และ BTS เอกมัยพอๆกันอยู่ที่ประมาณ 1.5 กิโลเมตร อาจจะต้องขึ้นรถสาธารณะเพื่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าค่ะ

    วัสดุ

    วัสดุของโครงการให้แบบ Fully Fitted คือได้ชุดเคาน์เตอร์ครัว และสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ ซึ่งโครงการได้ให้เฟอร์นิเจอร์บางรายการมาเพิ่มเติมคือ ตู้เสื้อผ้า, ชั้นวาง TV, เตียงขนาด 6 ฟุต 1 เตียง และตู้เก็บรองเท้า ซึ่งชุดครัวที่ได้เป็น Backsplash Pantry & Upper Cabinet ปิดทับหน้าบานด้วย Bronze Tinted Mirror  Top เคาน์เตอร์เป็น Stone Quartz บานตู้เก็บของทั่วไปเป็นบาน Melamine ซึ่งอุปกรณ์ภายในครัว ได้เป็น Hood, Sink Undertop , Induction Hob ,Tap และ Microwave Built In ยี่ห้อ Teka หรือเทียบเท่า ภายในห้องน้ำได้ อ่างล้างมือ,  โถสุขภัณฑ์, อ่างอาบน้ำ รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ จาก Kasch ฝักบัวและ Rain Shower รองรับระบบน้ำร้อน(ติดตั้งระบบเอง) วัสดุพื้นห้องนั่งเล่น, ห้องนอน เป็น Engineering Wood พื้นห้องน้ำปูด้วย Porcelain Tile 60 x 60 cm และระเบียงปู Ceramic Tile 30 x 30 cm

    นอกจากนั้นยังได้ระบบ Home Automation เพิ่มความสะดวกสบายมากขึ้น โดยได้เป็น Smart Mirror สามารถโหลด Application มาฟังเพลง เล่นเกมส์ขณะแปรงฟัน หรือจะเช็คสภาพอากาศ หรือจองพื้นที่ส่วนกลางของโครงการผ่าน Application ได้ นอกจากนั้นยังได้  Digital Door Lock ที่รองรับได้ 5 Functions มีระบบเปิดปิดม่าน, ไฟ, เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ และมี Automatic Night Light ควบคุมการเปิด-ปิด ด้วย Motion Sensor เมื่อลงจากเตียงในเวลากลางคืนด้วย

    การออกแบบ

    การออกแบบโครงการออกแบบจาก Tandam , DWP และ Trop ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับสากล อาคารมีลักษณะแนวคิดมาจากรูปทรงเปลือกไม้ที่อ้าออกแล้วเห็นแก่นด้านใน เป็นส่วนของ Facilities ทั้งหมด อาคารแต่ละอาคารมีการออกแบบตามธีมหลักแตกต่างกันไป อย่างอาคาร A มีแนวคิดการออกแบบทั้งวัสดุ และพื้นที่การใช้งานมาจาก Sculpture ให้ความรู้สึกสง่ามั่นคง อาคาร B มาจาก Lake เน้นเส้นสายที่โค้งลื่นไหล ให้ความรู้สึกเคลื่อนไหวและอาคาร C มาจาก Tree เน้นเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว แอคทีฟ ให้ความรู้สึกทันสมัย แต่ก็ยังสัมผัสกับธรรมชาติอยู่

    การออกแบบผังโครงการแบ่งเป็น 3 อาคาร แต่ก็สามารถเชื่อมพื้นที่ส่วนกลางเข้าด้วยกัน โดยอาคารแต่ละอาคาร มียูนิตต่อชั้นไม่เกิน 13 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็น Single Corridor ทำให้มีความเป็นส่วนตัว ห้องส่วนใหญ่ห้องจะเป็นแบบ 1 ห้องนอน ชั้นล่างมีพื้นที่สวนกว่า 2 ไร่ การออกแบบคำนึงถึงต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่เดิม โดยคงต้นไม้ไว้บางส่วนและเน้นพื้นที่สีเขียวทำให้มีความร่มรื่นตั้งแต่ด้านหน้าโครงการ มี Facilities เป็น Double Floor อยู่ทุกอาคาร มีการใช้งานได้หลากหลายมากเมื่อเทียบกับโครงการใกล้เคียง งานระบบถูกออกแบบให้อยู่กลางอาคาร ทำให้ห้องพักแต่ละห้องมีระยะเดินจากโถงลิฟต์เท่าๆกัน จำนวนลิฟต์โดยสารอาคาร A 3 ตัว, อาคาร B และอาคาร 4 ตัว มีอัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 107.5 :  1 ซึ่งถือว่าไม่หนาแน่นมาก

    การออกแบบห้องพักมีหลากหลาย อาคาร Aและ B มีห้องพักแบบ Simplex ความสูงฝ้า 3.00 เมตร ส่วนอาคาร C จะมีห้องพักแบบ Duo Space ซึ่งเป็นห้องแบบ Loft สูง 4,25 เมตร (ชั้นล่าง 2.10 เมตร, ชั้นบน 2.00 เมตร) และห้อง Penthouse สูง 3.50 เมตร แบบห้องตัวอย่าง 1 Bedroom Simplex มีความน่าสนใจอยู่ที่ได้พื้นที่ห้องน้ำขนาดใหญ่ มีอ่างอาบน้ำและ Sexy Bath พื้นที่ Walk in Closet เป็นสัดส่วน พื้นที่นั่งเล่นติดกับระเบียงได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ส่วนห้องตัวอย่างอีกห้องคือ 2 Bedroom Duo space มีจุดเด่นอยู่ที่เป็นห้อง Loft ฝ้าเพดานสูงพื้นที่ด้านบนกว้างสามารถใช้เป็นที่ทำงานหรือห้องนอนก็ได้ ชั้นล่างมีพื้นที่ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ เชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอก มีช่องแสงสูงทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้มาก และได้หน้าต่างเข้ามุมที่ห้องนอนชั้นล่าง

    สาธารณูปโภค

    Facilities โครงการให้มาครบครัน ตอบสนองได้ทุกความต้องการการใช้งานและออกแบบมาสวยงาม ที่ชั้น Ground Floor มีพื้นที่สีเขียวประมาณ 2 ไร่ แต่ละอาคารจะมี  Facilities อยู่ชั้นบนเป็น Double Floor สามารถเดินเชื่มถึงกันได้ ผ่าน Sky Bridge มีสระว่ายน้ำและห้องออกกำลังกายทั้ง 3 อาคาร และนอกจากนั้นยังมี Facilities สำหรับพักผ่อนเช่น Business Lounge, Game Room, Private Theater, Golf Simulator, Wine Cellar, Semi Out Door Party, Sleep Pod, Essence Room, Private Dinning เป็นต้น มี Facilities ให้ได้สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติอย่างเช่น Aqua Lounge, Shower Jet, Ice Room, Onsen แยกชาย-หญิง, Experience Shower เป็นต้นสำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายก็จะมี Boxing, Fitness, Yoga Fly, Gym , Jogging Track เป็นต้น ถือว่ามีหลากหลายให้ได้ใช้งานไม่เบื่อเลยค่ะ

    Judgement

    ราคาของคอนโดนี้ถือเป็นระดับ ULTIMATE CLASS ซึ่งความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อแล้ว ยังมีเรื่องความคุ้มค่าด้านอารมณ์ Emotional ส่วนบุคคลที่มาเป็นปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะคะ เพราะเป็นสินค้าประเภท Unique Item และเราก็เชื่อว่าลูกค้าที่พร้อมจะซื้อคอนโดระดับนี้ ไม่ตัดสินจากคะแนนค่ะ

    BOTTOM LINE

    Park Origin ทองหล่อ เหมาะกับคนที่มองหาคอนโด High Rise ในย่านทองหล่อ-เอกมัย มี Lifestyle หรือแหล่ง Hang-out อยู่ในย่านนี้ ต้องการพื้นที่ส่วนกลางหลากหลาย ชอบงานดีไซน์และเทคโนโลยี มีห้องแบบ Loft เป็นตัวเลือก มีงบประมาณระดับ 7 – 35 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 42,000 – 245,000 บาทต่อเดือน