รีวิวฉบับที่ 1830.. สำหรับใครที่กำลังมองหาที่พักอาศัยในย่านพระราม 9 – รามคำแหง.. วันนี้ผมนำ Monte พระราม 9 มาให้ดูกันครับ ด้วยทำเลที่อยู่ใกล้กับ The Mall รามคำแหง พร้อมทั้ง The Mall ใหม่และรถไฟฟ้าสายสีส้มที่กำลังก่อสร้างอยู่ทั้งคู่ ในระยะที่สามารถเดินได้สบายๆ ที่ตั้งโครงการสามารถเข้าได้จากทั้งถนนพระราม 9 และถนนรามคำแหง เป็นโครงการ Low Rise 3 อาคาร มีห้องให้เลือก 5 แบบ 5 ขนาด ในราคาเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท.. ไปดูกันเลยครับ

Fact @ 8 March 2019

  • Monte Rama 9 (มอนเต้ พระราม 9)
  • บริษัท แคปปิตอล จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต :  ซอยพระราม 9 ซอย 39 และรามคำแหง ซอย 12 เขตบางกะปิ
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร 536 ยูนิต
  • อาคาร A 105 ยูนิต และพื้นที่จอดรถใต้ดิน 1 ชั้น
  • อาคาร B 216 ยูนิต
  • อาคาร C 215 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 36 ยูนิตที่อาคาร C
  • ที่จอดรถประมาณ 40 % รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 3-3-24 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง :  Q1 2020
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : 2021
  • Studio 22 ตร.ม. 145 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
  • 1 Bedroom  27 ตร.ม. 56 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.36 ล้านบาท
  • 1 Bedroom  29 ตร.ม. 258 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.52 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus  35 ตร.ม. 49 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.04 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 44 ตร.ม. 28 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.63 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.69 ล้านบาท (Promotion) / หรือตร.ม.ละ 76,000 บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 84,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 099-164-6888

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.713492, 100.600415

แผนที่จากทางโครงการครับ

ที่ตั้งโครงการ Monte พระราม 9 ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ซอย 39 ใกล้กับทางด่วนศรีรัช และสามารถเข้าได้จากซอย รามคำแหง 12 เช่นกัน ใกล้กับแยกรามคำแหง เป็นที่รู้จักกันดีและค่อนข้างคึกคัก ที่เด่นๆเลยคือใกล้กับ Tha Mall รามคำแหง ในระยะสามารถเดินได้สะดวก ข้อดีของทำเลนี้เลยคือสามารถเข้าออกได้ 2 ฝั่ง มีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย ทั้งฝั่งรามคำแหง ซึ่งสามารถวิ่งเข้าเส้นรามคำแหงไปตัดเพชรบุรีเข้าไปยังทองหล่อ-เอกมัยได้สะดวก หรือจะไปฝั่งถนนหัวหมาก (ซอยรามคำแหง 24) มีความอุดมสมบูรณ์สูง ไม่ว่าจะเป็นช่วงถนนหัวหมากเอง (หลังราม) และบริเวณแยกกรุงเทพกรีฑา-หัวหมาก ที่เป็นจุดตัดกับถนนศรีนครินทร์ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนสายหลักได้อีกมากมายเลย หรือจะเป็นฝั่งถนนพระราม 9 เข้าออกเมืองสะดวก ใช้ขึ้นทางด่วนศรีรัชได้ง่าย

การเดินทางเข้าถึงโครงการในปัจจุบัน ใช้รถยนต์ส่วนตัวถือเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดครับ โดยข้อดีของการอยู่ในซอย ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางค่อนข้างหลากหลาย สามารถใช้ได้ทั้งสองเส้นทางคือถนนพระราม 9 วิ่งเข้า-ออกเมืองได้ง่าย ใช้งานทางพิเศษศรีรัชได้สะดวก หรือจะเข้าทางถนนรามคำแหงที่มีความอุดมสมบูรณ์ก็สะดวกเช่นกัน แต่ทางโครงการให้พื้นที่จอดรถมา 40% รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าไม่มากเท่าไรนัก

การเดินทางด้วยรถสาธารณะยังไม่จัดว่าสะดวกมากนักเนื่องจากตัวโครงการไม่ได้อยู่ติดถนนใหญ่ เข้าซอยมาประมาณ 600 เมตรจากฝั่งพระราม 9 และ 150 เมตรจากฝั่งรามคำแหง รถสาธารณะประเภท Taxi และ วินมอเตอร์ไซค์นานๆทีจะผ่านเข้ามาในซอย แต่ถ้าออกไปที่หน้าปากซอยรามคำแหง 12 หรือพระราม 9 ซอย 39 ก็จะเห็นรถสาธารณะวิ่งไปมามากมายเลยล่ะ และบริเวณถนนรามคำแหง กำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า MRT สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) บริเวณ สถานีรามคำแหง 12 ซึ่งอยู่หน้าปากซอยของโครงการเราเลย โดยโครงการรถไฟฟ้าจะสร้างเสร็จและเปิดใช้บริการประมาณปี 2566 และรถไฟฟ้าสายสีส้มยังสามารถ Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ที่ MRT สถานี ลำสาลี ที่อยู่ห่างออกไปเพียง 4 สถานีได้อีกด้วย อีกทั้งในปัจจุบันยังมี Airport Rail Link (พญาไท-สนามบินสุวรรณภูมิ) สถานีที่ใกล้โครงการที่สุดคือ สถานีรามคำแหง ครับ

นอกจากนั้นยังมีการเดินทางด้วยเรือโดยสารที่คลองแสนแสบได้ด้วยนะ ท่าเรือที่ใกล้ที่สุดคือท่าเรือเดอะมอลล์ 3 มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 650 เมตร สามารถไปยาวได้ถึงท่าผ่านฟ้าที่สนามหลวงเลย ผ่านท่าทองหล่อ ท่าอโศก ท่าสะพานหัวช้างที่ราชเทวี และต่างๆอีกมากมาย เป็นการเดินทางที่สะดวกเหมือนกันนะ สามารถควบคุมเวลาได้ในระดับนึง เพราะเรือไม่ได้ติดเหมือนการเดินทางบนท้องถนน

สำหรับความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่นี้เรียกได้ว่าสูงเลยทีเดียว เพราะอยู่ใกล้กับแยกรามคำแหง ซึ่งถือเป็นจุดที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดจุดหนึ่งบนถนนรามคำแหง ใกล้ในแบบที่เรียกว่ามี The Mall รามคำแหงอยู่หน้าโครงการ เดินไปได้สะดวกมาก นอกจากนั้น ฝั่งตรงข้ามยังมี The Mall รามคำแหง 3, Major Cineplex, Big C, Major Hollywood, Foodland เรียกได้ว่าคึกคักมากๆ ส่วนทางถนนพระราม 9 ก็มี Home Pro, The Nine ได้บนถนนพระราม 9 ทะลุไป A Link Square ที่ MRT รามคำแหง และ London Street ที่ถนนพัฒนาการได้

การเดินทางวันนี้เราจะเริ่มต้นกันบนนถนนรามคำแหงนะครับ หรือจะลงมาจาก Airport Rail Link สถานีรามคำแหงก็ได้ มุ่งหน้าไปที่แยกรามคำแหง เลี้ยวขวาเข้าถนนพระราม 9 จากนั้นตรงต่อมาอีกประมาณ 600 เมตร จะพบซอยพระราม 9 ซอย 39 ทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปแล้วตรงไปอีกประมาณ 700 เมตร จะพบพื้นที่โครงการอยู่ทางขวามือครับ

เริ่มต้นกันบนนถนนรามคำแหงฝั่งมุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัยรามคำแหง แต่ก่อนจะเดินทางไปบนถนนกัน บริเวณนี้มี Airport Rail Link สถานีรามคำแหง ซึ่งภายในจะมี A LinkSquare ด้วยนะครับ สามารถใช้เป็นตัวเลือกในการเดินทางไปโครงการได้ สถานีนี้เป็นสถานีใหญ่ไปดูภายในกันสักนิด

ภายในเป็นสถานีสูงหลายชั้นทีเดียว มี A Link Square ที่มีทั้งร้านค้าแผงลอย ขายทั้งของกินของใช้ ตั้งแต่เวลาเช้าจนถึงเย็น ส่วนภายในอาคารจะเป็นร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ ทั้ง 7-Eleven, Subway, Starbucks และอื่นๆอีกมากมาย

ที่ด้านหน้ามีวินมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่ มีพี่วินค่อนข้างเยอะเลย เวียนไปมาตลอดเพราะคนใช้งานตลอดทั้งวันเลยล่ะครับ

มาเดินทางกันเลยนะ วิ่งไปบนถนนรามคำแหงฝั่งมุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัยรามคำแหง

จากนั้นจะเจอแยกรามคำแหง ให้เราเตรียมเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่ถนนพระราม 9 นะครับ

หลังจากเลี้ยวขวามาแล้ว วิ่งบนถนนพระราม 9 สักพักจะเจอ ซอยพระราม 9 ซอย 37 ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของ Sale Gallery ครับ

ภายใน Sale Gallery ขนาดใหญ่ทีเดียว ตกแต่งด้วยสีโทนสว่าง ดูสะอาดเรียบร้อย ภายในมีห้องตัวอย่าง 3 ห้อง, แบบจำลอง และมุมต่างๆ ให้เลือกนั่ง

ตัวโครงการเลยจะไม่ได้อยู่ที่เดียวกับ Sales Gallery นะ แต่จะอยู่เลยมาหนึ่งซอยครับ เป็นซอยพระราม 9 ซอย 39 เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยครับ

เมื่อเลี้ยวเข้ามาจะพบร้านพระราม 9 ไก่ย่าง อยู่ที่หน้าปากซอย ซึ่งเป็นร้านไก่ย่างที่มีชื่อเสียงพอสมควร ในช่วงเวลากลางวันคนเต็มร้านเลยครับ ปัจจุบันเตรียมจะขยายร้านเพิ่มไปยังพื้นที่ที่ถูกล้อมรั้วอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยนะ เราตรงต่อเข้าไปภายในซอยกันเลยครับ

เมื่อตรงต่อเข้ามาจะเจอหอพักสูง 6 ชั้นอยู่ทางขวามือ

เดินเข้ามาอีกจะมี รสลินจ์เพลส หอพัก 4 ชั้นอยู่ทางซ้ายมือครับ

ตรงต่อเข้ามาอีกนิดจะเห็นพื้นที่ก่อสร้างอยู่ทางซ้ายมือนะ เป็น The Mall ใหม่ที่กำลังก่อสร้างครับ

ตรงมาจนสุดทางจะเจอทางแยกให้เราเลี้ยวซ้ายนะ ฝั่งขวามือคือซอยคันครับ

เมื่อเลี้ยวมาจะเจอพื้นที่ตั้งตัวโครงการอยู่ทางขวามือครับ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอนของการก่อสร้างนะครับ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

พื้นที่โครงการมีลักษณะรวมๆเป็น 4 เหลี่ยมผืนผ้า ตั้งอยู่หลังแนวอาคารพาณิชย์บนถนนรามคำแหง 12 หรือถนนพระราม 9 ซอย 39 ซึ่งจะทะลุหากันได้ เข้าออกได้ทั้งสองทาง พื้นที่รอบๆโครงการหลักๆเป็นที่พักอาศัยแนวราบ ซึ่งจะมีบริบทที่ค่อนข้างเงียบสงบ ไม่วุ่นวาย เหมาะแก่การเป็นที่พักอาศัย ทางปากซอยรามคำแหง 12 มีระยะจากโครงการประมาณ 200 เมตร จะไปโผล่ตรงข้ามเดอะมอลล์รามคำแหง 3 ซึ่งจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มสถานีรามคำแหง 12 มาขึ้นที่บริเวณนี้ ตัวสถานีห่างจากโครงการประมาณ 170 เมตร และมี The Mall ใหม่ที่กำลังสร้างอยู่ตรงข้าม ยาวมาจนถึงตรงข้ามโครงการเลยครับ เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นมากๆของทำเลนี้

ทิศเหนือ – ของโครงการจะเป็นพื้นที่ค่อนข้างโล่ง ทำให้อาคาร A และ B ที่ที่หันไปทางทิศนี้จะได้วิวที่โล่งกว้างตลอดแนว

ทิศตะวันออก – ก็เป็นทิศที่โล่งเช่นกัน อาคาร A, B และ C บางส่วน ที่หันไปทางนี้จะได้วิวโล่งกว้างเช่นกันครับ

ทิศใต้ – อาคาร C ครึ่งหนึ่งจะติดกับพื้นที่แนวอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นด้านหน้าทางเข้าโครงการ ส่วนอีกครึ่งนึงจะได้วิวเป็นพื้นที่พักอาศัยแนวราบครับ

ทิศตะวันตก – อาคาร A จะโดนแนวอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ริมถนนหน้าโครงการบัง แต่จะมีเว้นพื้นที่โล่งมาหน่อย ไม่ประชิดเหมือนฝั่งอาคาร C ครับ

พื้นที่ทางเข้าโครงการเป็นการทุบตึกแถวออก 2 ห้อง เพื่อเปิดเป็นทางเข้าโครงการ ดังนั้นพื้นที่รอบข้างซ้ายและขวาจะเป็นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นทั้งสองฝั่งนะครับ ไปดูรายละเอียดรอบๆกัน

ถ้าหันหน้าเข้าโครงการ ฝั่งขวามือเป็นแนวอาคารพาณิชย์ที่มีร้านค้าเป็นห้องแรก ส่วนร้านอาหารเป็นห้องที่สอง ส่วนมากแล้วจะเป็นที่พักอาศัย หรือธุรกิจของผู้ที่อาศัยกันอยู่บนอาคารอยู่แล้ว

ภายในซอยจะเป็นซอยตัน ตัวอาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่จะเป็นที่พักอาศัย ร้านค้า และสำนักงานขนาดย่อม

ฝั่งตรงข้ามอาคารจะเป็นตึกแถว อาคารพักอาศัย และด้านหลังมีแนวพื้นที่ก่อสร้างของ The Mall ใหม่ที่กำลังก่อสร้างในปัจจุบันครับ คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2563 ครับ

ส่วนอีกฝั่งของโครงการเป็นแนวอาคารตึกแถวเช่นกัน ช่วงใกล้ๆพื้นที่โครงการจะค่อนข้างสงบ เพราะอยู่ในช่วงกลางซอย ประกอบไปด้วยพื้นที่พักอาศัย สลับกับร้านค้าเล็กน้อย

ถ้าออกมาช่วงปากซอยรามคำแหง 12 จะค่อนข้างคึกคัก เพราะจะใกล้กับถนนรามคำแหง ฝั่งซ้ายมือที่ล้อมรั้วอยู่คือ The Mall ใหม่ ที่กำลังก่อสร้าง

เมื่อออกมาจากซอยรามคำแหง 12 จะพบถนนรามคำแหง ซึ่งจะมี The Mall รามคำแหงอยู่ฝั่งตรงข้าม ด้านหลังมีท่าเรือเดอะมอลล์รามคำแหง 3 และบริเวณหน้าปากซอยนี้กำลังก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งในอนาคตจะมีสถานีรามคำแหง 12 ขึ้นที่บริเวณนี้ครับ ห่างจากโครงการประมาณ 170 เมตร

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • รถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีรามคำแหง 12 (ในอนาคต) ~ 170 m.
  • The Mall รามคำแหง ~  230 m.
  • Foodland รามคำแหง ~  550 m.
  • เรือโดยสารท่าเรือเดอะมอลล์รามคำแหง ~  650 m.
  •  หัวหมาก Tower Center ~  750 m.
  • Big C รามคำแหง ~  800 m.
  • มหาวิทยาลัยรามคำแหง ~  850 m.
  • โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยรามคำแหง ~ 1.5 km.
  • มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญหัวหมาก ~ 2.5 km.
  • Airport Rail Link สถานีรามคำแหง ~ 2.8 km.
  • The Nine พระราม 9 ~ 3.1 km.
  • โรงพยาบาลรามคำแหง ~ 3.4 km.
  • โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 4.2 km.
  • โรงพยาบาลปิยะเวท ~ 4.2 km.
  • The Mall บางกะปิ ~ 4.7 km.
  • มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต พัฒนาการ ~ 5.1 km.
  • โรงพยาบาลพระราม 9 ~ 5.3 km.
  • โรงพยาบาลสมิติเวช  ~ 5.6 km.
  • Lotus พัฒนาการ ~ 6.0 km.
  • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ~ 28.4 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

สำหรับตัวโครงการเป็นอาคาร Low Rise 8 ชั้น ทั้งหมด 536 ยูนิต แยกออกเป็น 3 อาคาร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 3 ไร่เศษๆ มีทางเข้าออกทางเดียวนะครับ จากซอยรามคำแหง 12 หรือ พระราม 9 ซอย 39 ก็ได้ครับ ตัวอาคารจะมีการสไตล์การออกแบบมาในแนว Modern Luxury เน้นสีส้มแดง ผสมกับสีเทา พื้นที่รอบๆโครงการจะรายล้อมด้วยแนวต้นไม้ตามแนวรั้วโครงการ

ด้านหน้ามีป้ายโครงการเป็นแนว เปิดไปทางฝั่งถนนรามคำแหง ทางเข้าโครงการจะมีรั้วกั้นไม้กระดกอัตโนมัติ ระบบ Easy Pass แยกทางเข้าออกชัดเจน จากนั้นจะมีประตูรั้วไฟฟ้าสีดำที่จะปิดในช่วงกลางคืนอยู่ถัดไป พร้อมกับป้อมรปภ. คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง

มาดูที่อาคารแรกกันครับ คืออาคาร A จะอยู่ทางฝั่งทิศเหนือของพื้นที่ เรียกได้ว่าเป็นอาคารที่จะแยกตัวออกจากเพื่อน ซึ่งจะมีจุดเด่นที่ได้ความเป็นส่วนตัว จากการที่มีทางเดินรถแยกภายในเพื่อเข้าถึงตัวอาคารและจอดรถ เป็นอาคารที่มีจำนวนยูนิตน้อยที่สุด และยูนิตต่อชั้นก็น้อยที่สุดเช่นกัน

นอกจากนั้นยังเป็นอาคารเดียวที่มีพื้นที่จอดรถใต้ดินนะครับ

มาต่อกันที่อีกอาคารที่มีจุดเด่นพิเศษเช่นกันคืออาคาร C ด้วยพื้นที่ฝั่งหน้าทางเข้าโครงการที่ติดกับอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ซึ่งจะถูกบล็อควิวไปบางส่วน ดังนั้นทางโครงการจึงออกแบบให้มีการเจาะช่องแสงที่ชั้น 2 ทั้งหมด 3 ช่อง ปล่อยโล่งไปที่ชั้น 3, 4 และเจาะอีกทีที่ชั้น 6 และปล่อยโล่งที่ชั้น 7 ซึ่งการเจาะแบบนี้นอกจากจะได้ทัศนียภาพที่สวยงามแล้ว ยังได้ช่องแสงและช่องลมภายในโถงทางเดินด้วย ถือว่ายอมเสียพื้นที่ห้องพักอาศัยไปหลายห้องเหมือนกันนะ

ส่วนอีกฝั่งของอาคาร C ทางทิศใต้จะเป็นแนวอาคารปกตินะครับ เพราะจะได้วิวที่ค่อนข้างโล่งเลยทีเดียว

อาคาร B จะมีจุดเด่นที่เป็นจุดเข้าถึงอาคารพื้นที่ส่วนกลางโดยตรง โดยจะเป็นอาคาร 2 ชั้น ที่จะเป็น Lobby, Co-Working Space และ Fitness ที่ชั้น 1 ส่วนชั้น 2 จะเป็น Meeting Room, Theater, Co-Working Space ภายในอาคาร และ Co-Kitchen, Camping Zone ที่อยู่ภายนอกอาคาร

ส่วนพื้นที่ภายนอกอาคารจะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ กว้างที่สุด 4.5 ยาว 32 ลึก 1.2 เมตร และสวนรอบๆ ซึ่งถูกจัดไว้แบบเน้นสไตล์พักผ่อนนะครับ ไม่ได้เป็นแบบสำหรับออกกำลังกายจริงจัง เพราะตัวสระจะมีรูปทรง Free Form บิดไปโค้งมา เล่นกับพื้นที่ Landscape รอบๆ เหมาะแก่การเป็นวิวให้กับพื้นที่พักอาศัยโดยรอบ

อีกพื้นที่ที่น่าสนใจของโครงการคือพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น Roof Top ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 อาคารเลย เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากพื้นที่ภายในอาคาร และพื้นที่กลางแจ้งด้านล่าง ซึ่งจะสามารถรับลมและวิวได้หลายจุดทีเดียว ไปดูรายละเอียดในแต่ละอาคารกันครับ

เริ่มที่อาคาร A ครับ พื้นที่ด้านบนนี้จะเป็นส่วนของ Sky Garden ครับ ส่วนนี้จะได้รับวิวเป็นฝั่งทิศตะวันตก ซึ่งเป็นวิวที่ค่อนข้างโล่งนะครับ

ส่วนของอาคาร B จะเป็นพื้นที่สำหรับเชื่อมต่ออาคารทั้ง 3 ทำให้สามารถรับวิวได้ทั้ง 4 ทิศเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นวิวภายในโครงการเอง หรือภายนอกโครงการก็ตาม ซึ่งพื้นที่ในโซนนี้จะประกอบไปด้วย Sky Garden และ Putting Golf สนามหญ้าที่จำลองเป็น Green ของสนามกอล์ฟ เพื่อให้มา Putt Golf กันได้ครับ

ส่วนพื้นที่ Roof Top ของอาคาร C จะมีลักษณะเป็นแนวยาวตามแนวอาคาร พื้นที่ส่วนนี้จะเป็น Adventure Station มีเชือกให้ไต่เล่น เหมือนอยู่ค่ายลูกเสือ พร้อมพื้นที่ลานสำหรับทำกิจกรรมต่างๆได้ด้านข้าง รอบๆประกอบไปด้วยสวนตามมุมต่างๆ ส่วนนี้จะเห็นวิว The Mall ใหม่ และภายในโครงการเป็นหลัก

แต่ละอาคารจะถูกเชื่อมต่อด้วยสะพานเชือก เป็น Gimmick เล็กๆ ที่ทำให้เข้าถึงความเป็น Adventure มากยิ่งขึ้น แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยนะครับ เพราะด้านใต้จะมีเป็นสะพานคอนกรีตรองรับ แค่ใช้เชือกเป็น Decoration เท่านั้น

มาดูกันต่อที่ผังโครงการนะครับ น่าจะเห็นสัดส่วนภายในที่ชัดเจนยิ่งขึ้น พื้นที่โครงการทั้งหมด 3 ไร่กว่าๆ เป็นพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ภายในประกอบไปด้วยอาคารพักอาศัย 3 อาคาร รวมทั้งหมด 536 ยูนิต ประกอบไปด้วย อาคาร A 105 ยูนิต และพื้นที่จอดรถใต้ดิน 1 ชั้น, อาคาร B 216 ยูนิต และอาคาร C 215 ยูนิต ซึ่งแต่ละอาคารก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เช่น อาคาร A จะได้ความเป็นส่วนตัว จากการที่มีการแยกทางเลี้ยวภายใน เพื่อเข้าถึงและจอดรถ เป็นอาคารที่มีจำนวนยูนิตน้อยที่สุด และยูนิตต่อชั้นก็น้อยที่สุดเช่นกัน ส่วนอาคาร B จะอยู่ตรงกลาง เข้าถึงง่าย ใกล้พื้นที่ส่วนกลาง แต่ก็ต้องแลกกับจำนวนยูนิตที่เยอะหน่อย ส่วนอาคาร C ที่อยู่ด้านริมหน้าโครงการ จะมีลักษณะคล้ายๆกับอาคาร B เข้าถึงง่าย ใช้พื้นที่ส่วนกลางสะดวก และจะถูกแนวอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ด้านหน้าโครงการบล็อควิว แต่ก็ออกแบบให้มีช่องที่ถูกเจาะให้เป็นสวนทดแทนมาให้

  • ทางเข้าโครงออกโครงการ : มี 1 ทาง เข้าจากซอยรามคำแหง 12 หรือ ซอยพระราม 9 ซอย 39 (เชื่อมต่อกัน) ทางเข้าออกแยกฝั่งทางเข้า-ออกชัดเจน เป็นรั้วกั้นไม้กระดกอัตโนมัติแบบระรบ Easy Pass เหมือนทางด่วน พร้อมประตูบานเลื่อนไฟฟ้าและป้อมรปภ.
  • การเดินรถภายในโครงการ และพื้นที่จอดรถ : การเดินรถภายในโครงการ เมื่อเลยส่วนของทางเข้ามาแล้ว จะเป็นการเดินรถทางเดียวทั้งหมด จะมีส่วนแยกตรงระหว่างเลี้ยวซ้ายไปอาคาร A ซึ่งจะมีพื้นที่จอดรถใต้ดินด้วย และเลี้ยวขวาไปอาคาร B เลยไปจะเป็นอาคาร C จากนั้นค่อยวนออกนอกโครงการ
  • พื้นที่ส่วนกลาง : สำหรับชั้น 1 นี้มีพื้นที่ส่วนกลางหลักๆอยู่ 2 ส่วน คือส่วนภายในอาคาร และส่วนกลางแจ้ง ภายในอาคารประกอบด้วย พื้นที่ Lobby, Co-Working Space และ Fitness ที่รับวิวสระว่ายน้ำที่ชั้น 1 ส่วนชั้น 2 จะเป็น Meeting Room, Theater, Co-Working Space ภายในอาคาร และ Co-Kitchen, Camping Zone ที่อยู่ภายนอกอาคารส่วนพื้นที่ภายนอกอาคารจะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือ กว้างที่สุด 4.5 ยาว 32 ลึก 1.2 เมตร และสวนรอบๆ เป็นวิวที่ดีให้กับห้องพักอาศัยที่หันเข้าภายในโครงการ

 

สำหรับพื้นที่ชั้นใต้ดินจะมีแค่อาคาร A เท่านั้น มีทั้งหมด 22 ที่จอด ซึ่งจะเป็นการเดินรถแบบ 2 เลน ขับสวนกันได้ มีลิฟต์และบันไดหนีไฟที่สามารถขึ้นไปยังพื้นที่พักอาศัยได้เลยจากชั้นใต้ดิน

มาถึงชั้น 2 ซึ่งเป็นชั้นแรกของพื้นที่พักอาศัย ตัวโครงการมีประเภทห้องพักทั้งหมด 5 รูปแบบ 5 ขนาด ซึ่งจะถูกกระจายอยู่ในแต่ละอาคาร ไล่ไปดูแต่ละอาคารกันเลย

อาคาร A : เป็นอาคารที่มีลักษณะเป็น 4 เหลี่ยมผืนผ้า จำนวนยูนิตน้อยที่สุด ยูนิตต่อชั้นก็เช่นกัน อยู่ที่ชั้นละ 15 ยูนิต เรียกได้ว่าเป็นอาคารที่ได้ความเป็นส่วนตัวมากที่สุด มีตำแหน่งโถงลิฟต์ที่มุมอาคาร ได้ช่องแสง ระยะสุดทางเดินก็ไม่ไกลนะเดินสบายๆ โถงทางเดินเป็นแบบ Double Corridor เจาะช่องเปิดที่สุดทางเดินทั้งสองฝั่ง ได้แสงในเวลากลางวันแทบจะไม่ต้องเปิดไฟ พื้นที่พักอาศัยจะประกอบไปด้วยห้อง Studio 22 ตร.ม. รับวิวฝั่งทิศตะวันตก หันไปเจอพื้นที่ว่าง และแนวอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ซึ่งถ้าเกินชั้น 4 ขึ้นไป ฝั่งนี้จะได้เป็นวิว The Mall ใหม่นะ โล่งทีเดียว และห้อง 1 Bedroom 27 ตร.ม. จะรับวิวฝั่งทิศตะวันออกตรงข้ามกัน ซึ่งจะเป็นวิวโล่งพอสมควร

อาคาร B : เป็นอาคารรูปตัว L ซึ่งจะมีข้อดีที่เข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางง่าย เข้าออกโครงการสะดวก แต่ก็แลกมาด้วยความวุ่นวายที่สุด เพราะทุกอาคารต้องมาใช้พื้นที่ส่วนกลางที่นี่ และรถผ่านไปมาหน้าอาคาร B อยู่เสมอ ตัวอาคารมีโถงลิฟต์อยู่ที่จุดหักของตัว L ซึ่งสำหรับชั้น 1-2 จะมีตำแหน่งของพื้นที่ส่วนกลางอยู่ด้วย ทำให้พื้นที่ห้องพักอาศัยจะเป็นแนวสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประกอบไปด้วยห้อง 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม. เกือบทั้งหมด รับวิวทั้งภายในที่เป็นสระว่ายน้ำพร้อมสวนรอบๆ และภายนอกโครงการทางทิศตะวันออกที่จะเป็นวิวค่อนข้างโล่งทีเดียว มีห้องมุมเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 44 ตร.ม. เพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น ตำแหน่งนี้จะได้รับวิวพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการ และหันออกไปยังช่องว่างระหว่างอาคาร B และ C ที่ทิศตะวันออก

อาคาร C : เป็นอาคารที่มีลักษณะเป็นตัว L ที่ถูกกางออก ทำให้จะมีมุมมองที่แตกต่างจากอาคารอื่นๆ โถงลิฟต์จะอยู่กลางอาคาร ทำให้เข้าถึงแต่ละตำแหน่งได้ง่าย ตัวอาคารนี้มีความพิเศษเล็กน้อย เนื่องจากตำแหน่งอาคารอยู่ทางฝั่งหน้าโครงการ ถูกแนวอาคารพาณิชย์ 4 ชั้นด้านหน้าบล็อควิวในระยะประชิด แต่ก็ออกแบบให้มีช่องที่ถูกเจาะให้เป็นสวนทดแทนมาให้ ทำให้ได้ช่องแสง และทำให้พื้นที่โถงทางเดินภายในอาคารของอาคาร C มีการ Ventilation ภายใน ลมพัดตลอดระบายอากาศได้ดี ส่วนพื้นที่พักอาศัยจะมีรูปแบบห้องทั้งหมด 4 แบบ ขอเริ่มที่ห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 35 ตร.ม. จะมีจำนวน 7 ห้องต่อชั้น หันเข้าภายในโครงการทั้งหมด ได้วิวสระว่ายน้ำและสวน และห้อง 2 Bedroom ขนาด 44 ตร.ม. 3 ห้องต่อชั้น ตามมุมต่างๆ นอกนั้นจะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 27 แล 29 ตร.ม. กระจายอยู่ตามอาคาร ได้ทั้งฝั่งนอกอาคาร ภายในอาคาร

ขั้นมาที่ชั้น 3, 4, 7 จะมีลักษณะเหมือนกับชั้นด้านล่างเลยครับ ต่างกันเล็กน้อย

  • อาคาร B จะมีห้องพักอาศัยขึ้นมาแทนที่ของพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 1-2 มีห้อง 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม. ขึ้นมาอีก 8 ยูนิต ที่สุดโถงทางเดินเปิดช่องแสงไว้ให้
  • อาคาร C ส่วนที่มีการเจาะช่องเป็นสวนไว้ จะเว้นพื้นที่เปิดโล่งไว้ให้ในชั้นเหล่านี้ครับ

ส่วนชั้น 5, 8 สำหรับอาคาร C จะเป็นชั้นที่ไม่มีพื้นที่สวนเจาะช่องมาให้ แต่อย่าลืมว่าอาคารพาณิชย์ที่บล็อควิวสูงเพียง 4 ชั้น ดังนั้นทั้งสองชั้นนี้จะได้วิว The Mall ใหม่ที่เปิดโล่งแล้วนะ ส่วนอาคารอื่นๆ จะมีลักษณะเหมือนกับชั้น 3 ขึ้นมาครับ

สำหรับชั้น 6 อาคาร A และ B จะเหมือนกับชั้น 3 ขึ้นไป ส่วนอาคาร C จะเหมือนกับชั้น 2 ครับที่เปิดพื้นที่เป็นสวนให้

ชั้นดาดฟ้าของแต่ละอาคารจะมีพื้นที่ส่วนกลางให้ที่ด้านบน อาจจะไม่ได้ให้เต็มพื้นที่ แต่ถือว่าได้พื้นที่ส่วนกลางที่ให้ความรู้สึกแตกต่างกับพื้นที่ส่วนกลางด้านล่างนะ ด้านบนจะได้รับวิวรอบๆอาคาร ซึ่งค่อนข้างจะโล่งเลยล่ะ แต่ละอาคารแบ่งออกเป็นแต่ละพื้นที่มาในแนวคิด Adventure

  • อาคาร A ครับ พื้นที่ด้านบนนี้จะเป็นส่วนของ Sky Garden ครับ ส่วนนี้จะได้รับวิวเป็นฝั่งทิศตะวันตก ซึ่งเป็นวิวที่ค่อนข้างโล่งนะครับ
  • อาคาร B จะเป็นพื้นที่เชื่อมต่ออาคารทั้ง 3 สามารถรับวิวได้ทั้ง 4 ทิศ ซึ่งพื้นที่ในโซนนี้จะประกอบไปด้วย Sky Garden และ Putting Golf สนามหญ้าที่จำลองเป็น Green ของสนามกอล์ฟ
  • อาคาร C จะมีลักษณะเป็นแนวยาวตามแนวอาคารแต่ไม่สุดนะ พื้นที่ส่วนนี้จะเป็น Adventure Station มีเชือกให้ไต่เล่น พร้อมพื้นที่ลานสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ส่วนนี้จะเห็นวิว The Mall ใหม่ และภายในโครงการเป็นหลัก

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Private Lobby Lounge
  • สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 32 x 1.2 เมตร มาพร้อม Greenery Garden รอบๆ
  • ห้องออกกำลังกาย และพื้นที่อเนกประสงค์
  • Duplex Lobby Lounge & Co-Working Space
  • Co-Working Space
  • Co-Kitchen
  • Private Meeting Area
  • Mini Theater
  • Camping Zone
  • Laundry Room
  • Sky Garden
  • Putting Golf
  • Adventure Station
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 89 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 53 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 108 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 108 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 40% รวมจอดซ้อนคัน
  • ป้อมรปภ. ดูแล 24 ชั่วโมง พร้อมระบบ CCTV
  • Access Card ระบบ Easy Pass


Product Walkthrough

มาดูที่ห้องแรกกันครับ จะเป็นห้อง 1 Bedroom Plus  ขนาด 35 ตร.ม. ทั้งโครงการมีทั้งหมด 49 ยูนิต ช่วงราคา 3.04-3.15 ล้านบาท ห้องนี้จะอยู่ที่อาคาร C ทั้งหมด หันหน้าไปทางทิศเหนือเข้าพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการ ซึ่งเป็นวิวที่ดีเลยทีเดียว มีสระว่ายน้ำและเห็นสวนต่างๆ แต่จะหันหน้าไปชนกับห้องพักอาศัยของอาคาร B ฝั่งตรงข้าม ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบเรื่องมุมมอง และเสียงจากพื้นที่ส่วนกลางด้วย

ตัวห้องมีรูปแบบเป็น 4 เหลี่ยมผืนผ้า โครงการจัดมาให้แบบ Fully Furnished ข้อดีของห้องนี้คือ พื้นที่แต่ละส่วนแบ่งแยกออกจากกันชัดเจนค่อนข้างเป็นสัดส่วน เฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาก็ถือว่าลงตัวกับพื้นที่ห้องนะ ยกตัวอย่างเช่นตู้เก็บรองเท้าด้านหน้า ชั้นวางทีวีและโซฟาขนาดพอดีกับพื้นที่ ส่วนข้อเสียคือห้องนั่งเล่นได้แสงจากภายนอกน้อยไปหน่อย เพราะมีช่วงที่ยาว แสงจากทางห้องครัวไม่กว้างนัก และห้องนอนที่เป็นประตูทึบ พื้นที่ห้อง Plus ที่เพิ่มมา ไม่มีช่องเปิด ทำให้อาจจะดูอึดอัด ใช้งานยาก เพราะต้องเปิดไฟตลอดเวลาที่จะใช้งาน และอากาศจะถ่ายเทค่อนข้างลำบาก ซึ่งถ้าติดแอร์เพิ่ม ก็จะต้องเดินท่อลอยออกไปด้านนอก

ภายในห้องจัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น 6 ส่วน พื้นที่นั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องอเนกประสงค์ ห้องครัว ระเบียงซักล้าง และห้องนอน เปิดประตูเข้ามาจะพบกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นก่อน มีชั้นวางทีวี และโซฟา ส่วนฝั่งด้านข้างคือห้องน้ำของห้อง แยกพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งมาชัดเจน ได้ฉากกั้นอาบน้ำด้วยนะ ข้างๆห้องน้ำคือห้องอเนกประสงค์ สามารถจัดเป็นพื้นที่ Walk-in Closet สำหรับคุณผู้หญิง หรือห้องทำงานก็ได้ ส่วนห้องที่ติดระเบียงคือครัว ได้เป็นครัวปิดไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นและควันจะไปรบกวนส่วนอื่นๆภายในห้อง พื้นที่ภายในห้องครัวก็ไม่ได้ใหญ่นัก แต่มี Sink Hob&Hood จัดมาให้ครบ พื้นที่ระเบียงภายนอกขนาดสำหรับวางเครื่องซักผ้าและใช้งานได้สะดวก ส่วนสุดท้ายคือห้องนอน ซึ่งจะมีช่องแสงภายใน ส่วนนี้ถ้าอยากได้แสงเข้าสู่ภายในห้องมากขึ้นสามารถเปลี่ยนประตูทางเข้าห้องเป็นประตูกระจกและติดมู่ลี่แทนเพื่อให้ยังได้ความเป็นส่วนตัวอยู่ ภายในห้องนอนมีตู้เสื้อผ้า ชั้นวางทีวี และเตียงมาให้ครบเลยครับ

สำหรับเฟอร์นิเจอร์ที่โครงการจะให้มาจะมีทั้งหมด 8 ชิ้น

ห้องนั่งเล่น

  • ตู้รองเท้า ขนาด 55 x 35 x 255 เซนติเมตร อยู่หน้าประตูทางเข้า
  • ชั้นวางทีวีและชั้นวางของด้านบน ขนาด 140 x 35 x 40 เซนติเมตร
  • โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ขนาด 160 x 80 x 80 เซนติเมตร
  • โต๊ะกลาง ขนาด 80 x 45 x 40 เซนติเมตร

ห้องนอน

  • ชั้นวางทีวีและชั้นด้านบน ขนาด 190 x 35 x 40 เซนติเมตร
  • ตู้เสื้อผ้า ขนาด 120 x 60 x 255 เซนติเมตร
  • เตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมลิ้นชักด้านล่าง ส่วนนี้จะไม่ได้ฟูกมาด้วยนะ ต้องหามาเอง

ห้องครัว

  • เคาน์เตอร์ครัว พร้อมตู้ด้านบน ขนาด 120 x 60 x 240 เซนติเมตร

เริ่มต้นด้วยประตูหน้าห้องเป็น HDF ลายไม้ ให้มาพร้อมกับ Digital Door Lock จาก VECO ครับ

เปิดประตูเข้ามาภายในห้อง ทางโครงการจัดมาให้แบบ Fully Furnished เป็นเฟอร์นิเจอร์แบบในห้องตัวอย่างเลย ภายในห้องจะมีระยะจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.55 เมตร พื้นภายในเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ภายในห้องส่วนใหญ่ให้เป็นไฟ Downlight นะ มีแค่ห้องน้ำกับระเบียงจะได้เป็นไฟโคมซาลาเปา ซึ่งจุดเด่นของห้องนี้คือได้ครัวปิดที่ติดกับระเบียง ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นและควันเวลาประกอบอาหารเลย นอกจากนั้นยังได้ห้องอเนกประสงค์อีกหนึ่งห้องมาให้ จะทำเป็นห้องทำงานก็ได้ หรือจะวางเตียงเล็กทำเป็นห้องนอนก็ได้ครับ

เมื่อเข้ามาภายในห้อง ส่วนแรกที่เห็นจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นครับ ทางฝั่งด้านข้างมีชั้นวางรองเท้าที่ built in ยาวเชื่อมกับชั้นวางทีวี อีกฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำครับ ที่ประตูมี Stopper ให้ด้วยนะ เพื่อกันไม่ให้ประตูชนกับชั้นด้านหลัง

ระยะดูทีวีของพื้นที่นั่งเล่นประมาณ 2.5 เมตร เหมาะกับการใช้ทีวีขนาดประมาณ 40-50 นิ้ว ครับ โต๊ะกลางนี้เราก็ได้มาด้วยนะครับ พื้นที่บริเวณนี้เป็นแนวยาว ทำให้อาจจะจัดได้ไม่ค่อยหลากหลายนัก

ซึ่งไม่ต้องห่วงนะ ทางโครงการใช้โซฟาตัวนี้มาด้วย ขนาดกำลังพอดีกับพื้นที่เลย นั่งได้ประมาณ 2-3 คนครับ

ส่วนฝั่งตรงข้ามจะมีตู้รองเท้า และชั้นวางทีวีให้มา ช่วยทำให้จัดเก็บรองเท้าได้เป็นสัดส่วน และวางของได้เยอะขึ้นเยอะเลยล่ะ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวงนะ

พื้นที่ส่วนต่อไปคือห้องน้ำ จะมีตำแหน่งทางเข้าอยู่หลังโซฟาใกล้กับประตูห้องเลย

ภายในห้องน้ำแบ่งส่วนห้องส่วนเปียกมาค่อนข้างชัดเจน ให้ฉากกั้นอาบน้ำมาด้วย พื้นและผนังห้องน้ำเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ทั้งหมด

พื้นที่ภายในห้องน้ำเป็น 4 เหลี่ยมผืนผ้า ทางเข้ามีขอบยกสูงขึ้นประมาณ 5 เซนติเมตร

ตรงกับประตูทางเข้าห้องน้ำคือส่วนของอ่างล้างหน้าแบบมีเคาน์เตอร์ด้านล่าง ที่จะมีกระจกเงาติดผนังขนาด 60 x 80 เซนติเมตร ให้มาด้วย

อ่างล้างหน้าเป็นของ Hafele ขนาด 45 x 55 เซนติเมตร มีพื้นที่วางของด้านบนด้วยนะ

พื้นที่โถสุขภัณฑ์จะอยู่ในมุม ซึ่งตรงนี้ผมว่าค่อนข้างแคบไปหน่อยนะ สำหรับใครที่รูปร่างใหญ่อาจจะอึดอัดนิดนึง จะใช้งานสายชำระ กับกระดาษชำระด้านข้างค่อนข้างลำบาก

สายชำระสแตนเลสให้มาพร้อมกับที่ใส่กระดาษชำระแบบมีแผ่นกันน้ำมาให้ ติดตั้งให้ฝั่งซ้ายและขวาครับ

ส่วนอาบน้ำให้ฉากกั้นอาบน้ำมาด้วย เป็นแบบบานสไลด์ ซึ่งฉากกั้นอาบน้ำลักษณะนี้จะมีซอกและมุมค่อนข้างเยอะ เป็นแหล่งในการสะสมของสิ่งสกปรก ต้องหมั่นดูแลทำความสะอาดบ่อยๆนะครับ

พื้นที่อาบน้ำยกขอบขึ้นประมาณ 5 เซนติเมตร พื้นที่ภายในมีขนาดประมาณ 125 x 85 เซนติเมตร

ส่วนอาบน้ำเป็นแบบ Hand Shower ของ Hafele เช่นกันนะครับ

เป็น Hand Shower สแตนเลสขนาดกะทัดรัด ถือถนัดมือครับ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟกลมที่เป็นพัดลมดูดอากาศในตัวด้วย

ส่วนต่อไปภายในห้องจะมีให้เลือกอีก 3 ส่วน คือห้องครัว (ซ้ายสุด) ห้องนอน (ตรงกลาง) และห้องอเนกประสงค์ (ขวามือ) ไปดูส่วนห้องอเนกประคงค์กันก่อนนะครับ ไล่จากขวาไปซ้าย

ทางเข้าห้องอนกประสงค์เป็นประตูบานเลื่อนกรอบบานอลูมิเนียมกระจกใส เป็นแบบรางแขวนด้านบนนะ เดินไม่ต้องกลัวสะดุดเลยครับ แต่แอบติดที่ด้านบนไม่ค่อยเหลือพื้นที่ให้ติดม่านเท่าไรนัก อาจจะต้องติดเป็นฟิล์มที่กระจกเพื่อบังสายตานะ

ภายในห้องมีขนาดประมาณ 2.20 x 1.90 เมตร ซึ่งถ้าจะทำเป็นห้องนอนก็จะมีขนาดค่อนข้างเล็กไปสักหน่อย วางเตียง 3.5 ฟุตจะแน่นพอดี ซึ่งเวลานอนก็อาจจะดูแคบและอึดอัดไป แต่เราสามารถจัดเป็นพื้นที่อย่างอื่นได้นะ ทั้งห้องทำงาน หรือห้อง Walk-in Closet สำหรับแต่งตัว อีกเรื่องที่อยากพูดถึงของห้องนี้ คือเป็นห้องที่ไม่มีช่องแสงทำให้อากาศถ่ายเทลำบาก ซึ่งถ้าหากติดเครื่องปรับอากาศภายในห้องนี้ จะต้องเดินท่อลอยออกไป อาจจะดูไม่สวยงามเท่าไรนัก และอีกอย่างคือต้องเปิดไฟทุกครั้งเวลาจะใช้งาน เพราะแสงธรรมชาติจะไม่เข้ามาถึงพื้นที่ภายในห้องนี้

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 1 ดวงครับ

ด้านข้างมีห้องนอนหลักของห้องนี้ มีตำแหน่งติดกับหน้าริมผนังห้อง ได้แสงธรรมชาติ และสามารถระยานอากาศภายในห้องได้ เข้าไปดูกันเลย

ภายในห้องมีช่องแสงที่เปิดรับวิวพื้นที่ส่วนกลางของโครงการเช่นกัน ภายในห้องวางเตียง 5 ฟุตได้สบายๆ นอกจากนี้ยังมีเฟอร์นิเจอร์ให้มา 3 ชิ้น คือเตียง ชั้นวางทีวี และตู้เสื้อผ้าครับ

ที่ปลายเตียงมีชั้นวางทีวีให้ ซึ่งสามารถติดทีวีแบบแขวนได้นะ จะได้พื้นที่วางของที่ชั้นวางทีวีมากยิ่งขึ้น

ชั้นวางทีวีมีช่องใส่ของค่อนข้างหลากหลาย พร้อมบานเปิด 1 ช่อง

พื้นที่ปลายเตียงระหว่างชั้นวางทีวีกับเตียง มีระยะประมาณ 60 เซนติเมตร เดินผ่านไปมาสะดวก

ที่ฝั่งริมผนังมีบานเปิดขนาดใหญ่ รับวิวพื้นที่ส่วนกลาง เป็นบานเลื่อนด้านบน และบาน Fixed ด้านล่าง ด้านบนมีพื้นที่ไว้ให้ติดม่านครับ

บริเวณนี้ให้ห้องตัวอย่างจะจัดเตียงมาค่อนข้างชิด ไม่ได้มีพื้นที่ไว้สำหรับขึ้นลงเตียงทางฝั่งนี้นะ แนะนำว่าควรระวังเรื่องความปลอดภัยของหน้าต่าง เพราะเปิดได้กว้างทีเดียว

หน้าต่างเป็นบานเลื่อนขนาด 1 x 0.8 เมตร เปิดได้ทั้งซ้ายและขวาพร้อมตัวล็อค แต่ต้องเปิดทีละฝั่งนะ จุดนี้ผมมองว่าอันตรายเหมือนกันครับ ยิ่งสำหรับลูกบ้านท่านไหนที่มีเด็กควรติดเหล็กดัดเพื่อความปลอดภัยนะ ผมเป็นห่วง

ฝั่งด้านในอีกฝั่งของเตียงมีตู้เสื้อผ้า ซึ่งจะได้มาด้วย มีหน้าบานกระจกมาให้ 1 ฝั่ง ซึ่งจะเป็นบานเปิดนะครับ ทำให้ต้องใช้พื้นที่หน้าตู้ อาจจะดูอึดอัดไปบ้าง แต่ก็สามารถเปิดใช้งานได้ ถ้าหากห้องอเนกประสงค์เราจัดเป็นห้องแต่งตัว แล้วย้ายตู้ไป จะทำให้พื้นที่ภายในห้องนอนกว้างขึ้นนะ วางโต๊ะหัวเตียงได้ 2 ฝั่งเลย

ตู้เสื้อผ้าภายในมีช่องเก็บของที่หลากหลายเหมือนกัน ด้านบนและด้านล่างของฝั่งขวาเป็นพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ ไว้สำหรับเก็บของขนาดใหญ่พวกกระเป๋าเดินทาง ส่วนอีกฝั่งเป็นชั้นวางของแบ่งแยกประเภท ตรงกลางเป็นราวแขวนเสื้อครับ

พื้นที่บริเวณนี้ก็ถือว่าพอใช้งานได้ แม้ว่าส่วนหน้าตู้เสื้อผ้าจะดูอึดอัดไปหน่อย

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี ให้ไฟ Downlight 2 ดวงครับ

กลับออกมาดูกันต่อที่ห้องครัวครับ ทางเข้าเป็นประตูกระจกกรอบบานอลูมิเนียม Powder Coat กระจกใส มาพร้อมรางที่พื้น จะเดินถืออาหารเข้าออกระวังกันนิดนึงนะครับ

ภายในพื้นที่ครัวให้มาเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ ง่ายต่อการทำความสะอาด มีเคาน์เตอร์ครัวมาให้ ทั้งตู้แขวนด้านบน และเคาน์เตอร์ด้านล่าง นอกจากนั้นพื้นที่บริเวณนี้ยังสามารถเชื่อมต่อไปยังระเบียงได้ ทำให้ได้ช่องแสง และง่ายต่อการระบายอากาศ

ระยะจากเคาน์เตอร์ครัวถึงผนังมีระยะประมาณ 1.10 เมตร ซึ่งก็เพียงพอสำหรับการยืนทำครัวนะ มีตำแหน่งที่วางตู้เย็นอยู่ใกล้ทางเข้าออก เพราะเป็นส่วนที่ใช้งานบ่อยที่สุด

ด้านบนเป็นช่องเก็บของมีหลายส่วนให้ใช้งาน

ที่ด้านในมี Solf-Close ให้ด้วยนะ ไม่ต้องใช้ที่จับ ทำให้หน้าบานเรียบ

พื้นที่เคาน์เตอร์ครัวส่วนตรงกลาง ปิดผิวด้วยไม้กันชื้นกรุลามิเนต มีอ่างล้างจาน มากับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า พร้อมเครื่องดูดควันครับ ผนังด้านหลังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้

อ่างล้างจานสแตนเลสหลุมเดี่ยวขนาด 50 x 50 เซนติเมตร จาก Franke ครับ

ส่วนด้านข้างเป็นเตาแม่เหล็กไฟฟ้าแบบ 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนเวียนภายใน อยู่ติดระเบียงทั้งที.. เสียดายน่าจะต่อท่อออกข้างนอกให้นะ เป็นชุดของ Franke เช่นกัน

ด้านล่างมีชั้นวางไมโครเวฟและลิ้นชั้นบนล่าง ส่วนอีกฝั่งเป็นพื้นที่ใต้อ่างล้างจาน ภายในมีพื้นที่เก็บของขนาดใหญ่นะ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสีพร้อมไฟ Downlight 1 ดวง

ห้องครัวส่วนนี้จะมีช่องเปิดขนาดใหญ่เชื่อมต่อไปยังระเบียงซักล้าง ซึ่งบริเวณนี้เป็นช่องแสงที่ส่องเข้าไปยังห้องนั่งเล่นด้วย อาจจะไกลไปหน่อยทำให้ได้รับน้อย แต่ก็ยังไปได้ถึงอยู่นะครับ

ประตูส่วนนี้จะเป็นบานเลื่อนอลูมิเนียม Powder Coat กระจกเขียวตัดแสง มีพร้อมกับตัวล็อค และรางที่พื้นที่ครับ ยกขึ้นประมาณ 12 เซนติเมตร เดินเข้าออกระวังสะดุดนะครับ

พื้นที่ภายนอกมีขนาดประมาณ 90 x 160 เซนติเมตร จัดพื้นที่มาให้สำหรับวางเครื่องซักผ้า แล้วออกไปยืนใช้งานได้พอดีครับ ซึ่งบริเวณนี้จะออกมายืนสูดอากาศรับวิวพื้นที่ส่วนกลางของโครงการครับ

ใต้ Condensing Unit สามารถวางเครื่องซักผ้าได้ครับ แนะนำให้ใช้เป็นแบบฝาหน้านะครับจะได้ใช้งานได้สะดวกหน่อย ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสีเข้มของตัวอาคารครับ ให้ไฟโคมซาลาเปามา 1 ดวง

มาต่อกันที่ห้องที่ 2 นะครับ เป็นห้อง 1 Bedroom ปกติ ซึ่งจะมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมอยู่ที่ 29 ตารางเมตร จะเป็นห้องที่มีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการ อยู่ที่ 258 ยูนิต ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 2.52 ล้านบาท มีตำแหน่งห้องส่วนใหญ่อยู่ที่อาคาร B เกือบทั้งอาคาร และอาคาร C อีกชั้นละ 7 ห้อง แปลนลักษณะนี้มักจะเห็นกันคุ้นตาใช่ช่วง 10 ปีหลังมานี้ ข้อดีคือภายในห้องถือว่าถูกแบ่งออกมาเป็นสัดส่วน ได้เป็นครัวปิด ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นและควันจะไปรบกวนพื้นที่อื่นๆภายในห้อง และพื้นที่ภายในห้องสามารถรับแสงได้เต็มที่ แต่หากจะเข้าห้องน้ำจากภายในห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนก็ต้องเดินผ่านห้องครัวเล็กน้อย เหมือนมีประตู 2 ชั้น และห้องน้ำที่อยู่ภายในอาคารจะระบายอากาศยากหน่อย อาจจะต้องเปิดประตูและใช้พัดลมดูดอากาศช่วย ซึ่งห้องนี้ก็ได้เป็น Fully Furnished เช่นกันนะ

แบ่งพื้นที่ภายในห้องออกเป็น 5 ส่วน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องครัว ระเบียงซักล้าง และห้องนอน เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง จะมีระยะพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.55 เมตร เท่ากัน จะพบกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นก่อน ได้ส่วนของตู้เก็บของเท้าและชั้นวางทีวีมาให้ หลังประตูห้อง และโซฟา ด้านข้างมีพื้นที่เข้าไปยังครัว ซึ่งจะได้เป็นครัวปิด ภายในมี Sink, Hob&Hood มาให้ครบ มีห้องน้ำภายในส่วนนี้ด้วย ภายในแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน ตรงข้ามห้องน้ำออกไปเป็นระเบียง ซึ่งเป็นช่องแสงให้กับพื้นที่ส่วนนี้ และยังช่วยให้ครัวและห้องน้ำระบายอากาศได้ดีขึ้น ออกมาจากพื้นที่โซนนี้จะเจอแนวกระจกบานเลื่อน 3 ตอน เป็นห้องนอน ที่สามารถวางเตียง 5 ฟุตได้ ภายในมีเตียงและตู้เสื้อผ้าให้มาด้วย นอกจากนั้นยังเปิดรับช่องแสงขนาดใหญ่ที่สามารถส่องเข้าไปได้ถึงห้องนั่งเล่นได้เลยด้วย

ห้องนี้ก็จัดมาให้แบบ Fully Furnished ด้วยเช่นกัน แต่จะได้แค่ 7 ชิ้นนะ ไม่ได้ชั้นวางทีวีภายในห้องนอน

ห้องนั่งเล่น

  • ตู้รองเท้า ขนาด 55 x 35 x 255 เซนติเมตร อยู่หน้าประตูทางเข้า
  • ชั้นวางทีวีและชั้นวางของด้านบน ขนาด 140 x 35 x 40 เซนติเมตร
  • โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ขนาด 160 x 80 x 80 เซนติเมตร
  • โต๊ะกลาง ขนาด 80 x 45 x 40 เซนติเมตร

ห้องนอน

  • ตู้เสื้อผ้า ขนาด 120 x 60 x 255 เซนติเมตร
  • เตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมลิ้นชักด้านล่าง ส่วนนี้จะไม่ได้ฟูกมาด้วยนะ ต้องหามาเอง

ห้องครัว

  • เคาน์เตอร์ครัว พร้อมตู้ด้านบน ขนาด 120 x 60 x 240 เซนติเมตร

ประตูหน้าห้องเป็น HDF ลายไม้ และ Digital Door Lock จาก VECO เช่นเดิม เปิดเข้ามาจะเจอพื้นที่ห้องนั่งเล่น ที่มีระดับพื้นถึงฝ้า 2.55 เมตร พื้นเป็นไม้ลามิเนต หนา 8 มม. ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ได้บัวเชิงผนัง ส่วนไฟจะได้เป็น Downlight นะ เหมือนห้องที่ผ่านมาทั้งหมดเลยครับ

พื้นที่ด้านหน้านี้จะมีลักษณะเป็นตอนลึก ฝังหนึ่งเป็นชั้นวางรองเท้าและชั้นวางทีวี ตรงข้ามเป็นโซฟา และพื้นที่กินข้าว ซึ่งเฟอร์นิเจอร์จะได้ตามนี้ทั้งหมดยกเว้นชุดโต๊ะรับประทานอาหารนะ ต้องหามาวางเอง

ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร เท่ากับห้องก่อนหน้านี้ เหมาะสำหรับวางทีวีประมาณ 32-55 นิ้ว จากขนาดพื้นที่และลักษณะเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มา จะมีรูปแบบค่อนข้างตายตัว ห้องจัดได้ไม่หลากหลายนัก

พื้นที่ด้านข้างเหลือไว้ให้สำหรับวางพื้นที่รับประทานอาหารเล็กน้อย สำหรับนั่งได้ 2-3 คน (ถ้านั่งบนโซฟาด้วย)

อีกฝั่งมีชั้นวางรองเท้าและชั้นวางทีวีมาให้ หากติดเป็นทีวีแขวนผนังจะได้พื้นที่ชั้นวางของมากขึ้นนะ ด้านข้างมีประตูเชื่อมต่อไปยังส่วนครัว เดี๋ยวเราไปดูกันต่อ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี ไม่ได้ลายไม้แบบในห้องตัวอย่างนะครับ ตกแต่งไว้ให้ดูเป็นไอเดีย ได้ไฟ Downlight 2 ดวง

ตรงเข้าไปภายในห้อง จะพบแนวประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน เป็นทางเข้าห้องนอนนั่นเอง โดยเมื่อเปิดสุดแล้วจะมีระยะทางเข้าประมาณ 1.3 เมตร

เป็นแบบมีตัวล็อคจากภายในห้องนอน และรางที่พื้นต้องระวังเดินสะดุดด้วยนะ

วางโต๊ะหัวเตียงได้ ที่ปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าให้มาด้วยนะ แต่จะไม่ได้ชั้นวางทีวีในห้องนอนเหมือนห้องที่แล้วนะครับ

ภายในห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตแล้วสามารถเดินได้รอบนะ ด้านริมหน้าต่างจะแคบหน่อย แต่วางโต๊ะหัวเตียงขนาด 40-50 เซนติเมตรได้ ระยะที่ว่านี้อิงจากห้องตัวอย่างนะครับ ซึ่งจริงๆ สามารถยืดหยุ่นได้กว่านี้ เลือกจัดเองได้ตามลักษณะการใช้งาน

มองย้อนกลับออกไปที่ประตูทางเข้า ด้านบนมีพื้นที่ให้ติดรางม่านได้นะ สำหรับแบ่งความเป็นส่วนตัว

พื้นที่ด้านข้างเตียงฝั่งประตูก็เหลือเยอะนะครับ ประมาณ 70 เซนติเมตร สามารถขึ้นลงได้สะดวก ไม่ต้องกระพลิกตัวไปกระแทกประตู วางโต๊ะหัวเตียงได้

พื้นที่ปลายเตียงจะไว้สำหรับวางตู้เสื้อผ้า ซึ่งอาจจะดูเกะกะขวางทางเดินเข้าออกไปซักหน่อย และทำให้ไม่สามารถแขวนทีวีที่ปลายเตียงแบบตรงๆได้ จะเหลือพื้นที่โล่งๆด้านในอีกหน่อย

ตู้เสื้อผ้าในห้องตัวอย่างเป็นบานเลื่อน แต่ที่จะได้จะเป็นบานเปิดนะครับ แต่จะมีขนาดและลักษณะตู้เป็นแบบนี้ หน้าบานฝั่งหนึ่งเป็นกระจก อีกฝั่งเป็นลามิเนต สีเดียวกันกับเฟอร์นิเจอร์ส่วนอื่นๆ

พื้นที่ปลายเตียงจะเหลือแปลกๆหน่อยนะ ซึ่งถ้าดันตู้เข้ามาด้านในจะใช้งานยากขึ้น เพราะหน้าบานเป็นบานเปิดจะติดระยะเตียง ทำให้วางตรงนั้น ก็ใช้งานง่ายหน่อย ใกล้ห้องน้ำ แต่ที่บานฝั่งที่ใกล้เตียงอาจจะเปิดได้ไม่สุด และจะดูเกะกะทางเข้าออกไปซักหน่อย

พื้นที่ด้านในสุดของห้องจะติดกับช่องแสงที่มีลักษณะเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้นะครับ มีบานเลื่อนเปิดได้ด้านบน 2 บาน และบาน Fixed 2 บานที่ด้านล่าง

ด้านในนี้เหลือพื้นที่ประมาณ 40 เซนติเมตรครับ

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง

ส่วนต่อไปคือประตูเชื่อมต่อไปยังห้องครัวและห้องน้ำ เป็นบานสไลด์กรอบบานอลูมิเนียมกระจกใส มาพร้อมตัวล็อค เป็นแบบรางแขวนนะ ไม่ต้องกลัวสะดุด

เข้ามาภายในห้องครัวพื้นจะถูกเปลี่ยนเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ มีเคาน์เตอร์ครัวมาให้ พร้อม Sink, Hob&Hood พื้นที่หน้าประตูทางเข้าออกห้องครัว ถูกจัดเป็นพื้นที่วางตู้เย็น ซึ่งถือว่าดีนะ เข้าออกสะดวกใช้งานง่าย เพราะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้งานบ่อย

พื้นที่ภายในมีขนาดจากเคาน์เตอร์ถึงผนังประมาณ 1.10 เมตร ยืนทำครัวได้สะดวกครับ แต่จะเดินสวนกัน เข้าออกระเบียงก็จะเบียดๆหน่อย

มาดูส่วนเคาน์เตอร์ครัวกัน จะมีลักษณะคล้ายกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ ต่างกันที่ระยะเล็กน้อย

ตู้ด้านบนจะเป็น 3 บานเปิด เก็บของได้หลายหลาย เป็นหน้าบานลามิเนต

หน้าบานจะทำมุมไว้ให้ ทำให้ไม่ต้องมีที่จับหน้าบาน ได้หน้าบานเรียบ

ช่วงเคาน์เตอร์จะเหมือนกันกับห้องก่อนหน้านี้ครับ ได้เป็นอ่างล้างจานสแตนเลสหลุมเดี่ยว กับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัวพร้อมเครื่องดูดควันแบบหมุนวนภายในห้อง จาก Franke ทั้งคู่ ผนังครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวมัน ทำความสะอาดง่าย

พื้นที่ด้านล่างก็มีลิ้นชักด้านบนและด้านล่างของช่องวางไมโครเวฟ ส่วนข้างๆเป็นพื้นที่ใต้อ่างล้างหน้าครับ เหมือนกับห้องก่อนหน้านี้

ตรงส่วนครัวนี้จะได้ผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี และไฟ Downlight 2 ดวงครับ

พื้นที่ต่อไปคือระเบียง เชื่อมต่อกันด้วยประตูกระจกบานเลื่อนกรอบบานอลูมิเนียมกระจกเขียวตัดแสง

มีตัวล็อคและรางที่ด้านล่าง ยกสูงขึ้นประมาณ 12 เซนติเมตร กันน้ำและฝุ่นเข้ามาภายในห้อง

ขนาดระเบียงประมาณ 160 x 90 เซนติเมตร สำหรับวางเครื่องซักผ้าและพื้นที่ออกไปใช้งานเครื่องซักผ้าได้สะดวก

ห้องนี้จะให้เครื่องปรับอากาศมา 1 ตัวนะ วางเครื่องซักผ้าด้านล่างได้ มีระแนงเหล็กกันเป็นแนวไว้ให้ ดูเรียบร้อย

ฝ้าฉาบเรียบทาสีภายนอกอาคาร ไฟโคมซาลาเปา

มองกลับเข้ามาภายในห้องจะเจอกับห้องน้ำครับ ซึ่งตรงกับระเบียงจะสามารถปิดประตูครัว และเปิดประตูห้องน้ำเพื่อระบายอากาศ ได้ความเป็นส่วนตัวในการใช้ห้องน้ำ จากพื้นที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่น

ภายในห้องน้ำมีพื้นและผนังเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้ค่อนข้างชัดเจน มีฉากกั้นอาบน้ำให้มาด้วย พร้อมสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆจาก Hafele เช่นเดียวกันกับห้องก่อนหน้านี้

อ่างล้างมือ Hafele ขนาด 55 x 45 เซนติเมตร มีเคาน์เตอร์เก็บของด้านใต้ มาพร้อมกระจกติดผนังขนาด 60 x 80 เซนติเมตร

ฝั่งตรงข้าม เป็นพื้นที่โถสุขภัณฑ์อยู่เข้ามุม ขนาดค่อนข้างแน่นเหมือนกัน คล้ายกับห้องก่อนหน้านี้ มาพร้อมสายชำระสแตนเลสและที่ใส่กระดาษชำระสแตนเลส ติดตั้งไว้ให้พร้อมใช้งาน

พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นมาให้ เป็นแบบแนวยาว ไม่เหมือนของห้องก่อนหน้านี้ แต่เป็นบานเลื่อน 3 ตอนเช่นเดิมนะ มีระยะทางเข้าเวลาเปิดสุดประมาณ 85 เซนติเมตร

พื้นที่อาบน้ำยกขอบขึ้นประมาณ 5 เซนติเมตร พื้นที่อาบน้ำภายในประมาณ 95 x 165 เซนติเมตร ยืนอาบสบายๆครับ

Hand Shower จาก Hefele ไม่ได้ให้เครื่องทำน้ำอุ่นมาให้นะ

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟกลมที่เป็นเครื่องดูดอากาศด้วยครับ

สวิทช์ไฟใช้ของ Bticino ทั้งห้องครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

เฟอร์นิเจอร์ที่โครงการให้สำหรับห้อง 1 Bedroom Exclusive ขนาด 27 ตารางเมตร

เฟอร์นิเจอร์ที่โครงการให้สำหรับห้อง 1 Bedroom Exclusive ขนาด 29 ตารางเมตร

ราคาและเงื่อนไขการขาย @  8 March 2019 

  • Studio 22 ตร.ม. 145 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.89-2.04 ล้านบาท
  • 1 Bedroom  27 ตร.ม. 56 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.36-2.44 ล้านบาท
  • 1 Bedroom  29 ตร.ม. 258 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 2.52-2.67 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus  35 ตร.ม. 49 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.04-3.15 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 44 ตร.ม. 28 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.63-3.87 ล้านบาท

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 10,000 บาท
  • ทำสัญญา 30,000 / 50,000 บาท
  • ดาวน์ 4,900 / 5,900 / 6,900 ผ่อนดาวน์ 25 งวด
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน (ชำระล่วงหน้า 1 ปี)

ปัจจุบันมี Promotion

  • รับส่วนลด ณ วันโอน 200,000 บาท
  • Built-in และ Furniture พร้อมชุดครัว Sink, Hob&Hood
  • Digital Door Lock
  • เครื่องปรับอากาศ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – สำหรับทำเลที่ตั้งของโครงการนี้อยู่ภายในซอยซึ่งเป็นซอยระหว่างถนนพระราม 9 และ ถนนรามคำแหง ซึ่งเป็นถนนที่สามารถเดินทางไปเชื่อมต่อได้อีกหลากหลายเส้นทาง อีกทั้งยังมีความเจริญทั้งสองสาย ที่สำคัญคือใกล้กับ The Mall รามคำแหง ในระยะเดิน ซึ่งบริเวณนั้นเป็นจุดที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงที่สุดจุดหนึ่งบนถนนรามคำแหง ส่วนฝั่งถนนพระราม 9 ก็เป็นถนนที่สามารถเดินทางเข้าเมืองได้สะดวก หรือจะออกไปยังฝั่งพัฒนาการ หรือ ศรีนครินทร์ ก็ทำได้ง่าย นอกจากนั้นยังใช้ทางด่วนได้ไม่ยากอีกด้วย

การเดินทางโดยใช้รถ – ถือว่าเป็นเส้นทางหลักสำหรับการเดินทางเข้าออกโครงการ เพราะตั้งอยู่ภายในซอย สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทาง ลัดเลาะซอยโดยรอบได้ เข้าเมืองสะดวก  ไม่ว่าจะเป็นทางถนนพระราม 9 และถนนรามคำแหง ใช้ทางพิเศษศรีรัชก็ง่าย แต่ทางโครงการให้พื้นที่จอดรถมา 40% รวมจอดซ้อนคัน ถือว่าไม่มากเท่าไรนัก

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – ในปัจจุบันนับว่ายังถือว่าไม่ได้สะดวกไปซะทีเดียว เพราะมีที่ตั้งอยู่ภายในซอย มีแท็กซี่และวินผ่านไปมาบ้าง แต่จุดที่จะขึ้นได้สะดวกต้องเดินออกไปหน้าปากซอย แต่บรรยากาศภายในซอยก็ไม่เปลี่ยวนะ มีท่าเรือ The Mall รามคำแหง 3 อยู่ด้านหลัง The Mall รามคำแหง ต้องเดินอ้อมไปหน่อย มีระยะประมาณ 650 เมตร ซึ่งก็ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกในการเดินทาง ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม สถานีรามคำแหง 12 ซึ่งตั้งอยู่หน้าปากซอยที่โครงการตั้งอยู่ ซึ่งถ้าสร้างเสร็จก็จะถือว่าเป็นตัวเลือกในการเดินทางที่น่าสนใจมากๆครับ

การออกแบบ – ตัวโครงการถือว่าออกแบบมาได้เข้ากันนะครับ ถึงจะมียูนิตรวมเยอะ แต่พอถูกแบ่งออกเป็น 3 อาคาร ทำให้ทอนความเป็นส่วนตัวออกมาได้ และในแต่ละอาคารก็มีจุดเด่นที่ถูกวางไว้แตกต่างกัน เช่นอาคาร A จะได้ความเป็นส่วนตัว จากการที่มีการแยกทางเลี้ยวภายใน เพื่อเข้าถึงและจอดรถ เป็นอาคารที่มีจำนวนยูนิตน้อยที่สุด และยูนิตต่อชั้นก็น้อยที่สุดเช่นกัน ส่วนอาคาร B จะอยู่ตรงกลาง เข้าถึงง่าย ใกล้พื้นที่ส่วนกลาง แต่ก็ต้องแลกกับจำนวนยูนิตที่เยอะหน่อย ส่วนอาคาร C ที่อยู่ด้านริมหน้าโครงการ จะมีลักษณะคล้ายๆกับอาคาร B เข้าถึงง่าย ใช้พื้นที่ส่วนกลางสะดวก และจะถูกแนวอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ด้านหน้าโครงการบล็อควิว แต่ก็ออกแบบให้มีช่องที่ถูกเจาะให้เป็นสวนทดแทนมาให้หลายชั้นทีเดียว พื้นที่จอดรถอาจจะไม่มากนัก แต่ถูกแบ่งพื้นที่ไว้ดีนะที่ชั้น 1 และใต้ดินของอาคาร A ทำให้เราสามารถเลือกจอดใกล้อาคารของเราได้ พื้นที่ส่วนกลางที่จัดมาให้ก็แบ่งโซนออกจากกันได้ดี ทั้งส่วนภายในอาคาร ที่กรุ๊ปกันไว้ เข้าถึงง่าย พื้นที่กลางแจ้งที่สามารถเป็นวิวให้กับห้องพักอาศัยได้ด้วย พื้นที่ดาดฟ้าก็ให้อีกความรู้สึกที่แตกต่างกันไป

สำหรับการออกแบบห้องพักอาศัย ทางโครงการจะเน้นการแบ่งพื้นที่แต่ละส่วนภายในห้องชัดเจน เป็นสัดส่วน ประกอบกับ Furniture ที่ให้จะพอดีกับพื้นที่ภายในห้อง และดูเข้ากันทั้งห้อง ไม่ต้องหาแต่งให้เหนื่อย สำหรับห้องแบบ 1 Bedroom ค่อนข้างได้สัดส่วน ได้เป็นพื้นที่ครัวปิด และห้องน้ำอยู่ในโซนใกล้ระเบียงทำให้ระบายอากาศง่าย ส่วนพื้นที่ห้องนอนก็เชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นด้วยแนวประตูกระจกบานเลื่อนใส ทำให้ได้รับแสงธรรมชาติเข้าสู่ภายในห้องได้เต็มที่ ส่วนห้องรูปแบบ 1 Bedroom Plus ก็ถือว่าจัดแบ่งส่วนพื้นที่แต่ละพื้นที่ออกจากกันชัดเจน ได้ครัวปิดเช่นกัน แต่ห้อง Plus ที่ให้มาจะไม่มีช่องแสง ทำให้อาจจะดูอึดอัดและทึบไปหน่อยหากจะทำเป็นห้องนอน แต่เหมาะจะเป็นห้องแต่ตัว และห้องทำงานมากกว่า เพราะได้ความเป็นส่วนตัว แต่ไม่ต้องใช้เวลาอยู่ภายในมากนัก เพราะอากาศถ่ายเทยาก และไม่ได้รับแสงธรรมชาติ

วัสดุ – ปัจจุบันถือว่าจัดมาให้ดีนะในระดับราคานี้ ให้มาแบบ Fully Furnished ที่ออกแบบมาเป็นรูปแบบเดียวกัน และถือว่าตอบโจทย์ฟังค์ชันได้ดีทีเดียว ทั้งตู้รองเท้า ชั้นวางทีวีและโซฟา ที่พอดีกับขนาดห้อง เริ่มที่ประตูห้องได้ HDF ลายไม้กับ Digital Door Lock ภายในห้องให้พื้นไม้ลามิเนต กับพื้นแกรนิตโต้ในส่วนครัวและห้องน้ำ ส่วนพื้นที่ครัวให้มาทั้ง Sink, Hob&Hood จาก Franke ส่วนสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะเป็นของ Hafele ทั้งหมดที่ได้ฉากกั้นอาบน้ำมาด้วยนะ เรียกว่าให้มาก็เกือบจะครบทุกอย่างแล้ว ซื้อฟูกและชุดโต๊ะรับประทานอาหารเข้ามาก็อยู่ได้เลยครับ

สาธารณูปโภค – ให้มาหลายส่วน หลายลักษณะการใช้งาน เริ่มต้นที่ส่วนภายในอาคาร ที่อยู่ตึก B ถือว่าอยู่ในจุดที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดจากทุกตำแหน่งในโครงการ ภายในแบ่งประเภทกิจกรรมที่ใกล้เคียงกัน แยกชั้น แยกส่วนชัดเจน แถมยังเชื่อมต่อกับพื้นที่ส่วนกลางกลางแจ้งตรงกลางอาคาร B และ C ได้ ทำให้เป็นวิวให้กันและกัน พื้นที่ส่วนกลางกลางแจ้งถูกจัดมาในสไตล์พักผ่อนซะมากกว่าออกกำลังกาย ซึ่งก็จะมีข้อดีที่บรรยากาศจะดูมีความสวยงาม ยืดหยุ่นมากกว่า เป็นวิวให้กับเหล่าห้องพักรอบๆที่ตึก B และ C ส่วนพื้นที่ด้านบน ก็เป็นกิจกรรมลักษณะที่ได้อีกความรู้สึกหนึ่ง ได้แนวคิด Adventure ที่ทำให้ดูมี Activity มากยิ่งขึ้น สามารถรับลม และบรรยากาศโล่งๆจากวิวด้านบนอาคารได้ด้วย ซึ่งจากที่ดูแล้วพื้นที่ส่วนกลางถูกแบ่งออกเป็น 3 จุด 3 สไตล์ มีให้เลือกใช้ค่อนข้างหลากหลายครับ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการช่วยกระจายคน เพื่อลดจำนวนการใช้งานในแต่ละพื้นที่ได้อีกด้วย

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคา AVG 76,000 บาท/ตร.ม., 8 March 2019

  • ทำเล 7.75/10 –  อยู่ในซอยห่างถนนหลัก 150 m. ใกล้ The Mall รามคำแหง และ The Mall ใหม่ เดินทางสะดวก
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เข้าถึงได้หลายทาง จะเข้าหรืออกเมืองก็สะดวก ใช้ทางด่วนง่าย
  • ไม่ใช้รถ 8/10 – อนาคตได้ใช้รถไฟฟ้าสายสีส้ม มีรถสารธารณะที่ปากซอยรามฯ12  มีท่าเรือเป็นตัวเลือก
  • วัสดุ 7.5/10 – ถือว่ามาตรฐานระดับราคา Fully Furnished มาให้ชุดครัว Franke สุขภัณฑ์ Hafele พร้อมฉากกั้นอาบน้ำ
  • แบบ 7.75/10 – แยกจุดเด่นของอาคารออกจากกันได้ดี มีจุดทดแทนสำหรับพื้นที่ที่โดนบล็อควิว ห้องพักมีสัดส่วน
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 – พื้นที่ส่วนกลางมีหลายรูปแบบให้เลือกใช้งาน กระจายพื้นที่ลดความหนาแน่นในแต่ละพื้นที่

  • MAIN CLASS
  • 7.75 / 10.00

BOTTOM LINE

สำหรับโครงการ Monte พระราม 9 เหมาะสำหรับคนทำงานในย่านพระราม 9-รามคำแหง เดินทางสะดวก มีตัวเลือกในการเดินทาง ใกล้รถไฟฟ้า หาของกินง่ายใกล้ห้าง แบบห้องมีให้เลือกหลายขนาด ส่วนกลางหลายหลาย ทั้งด้านล่างและบนอาคาร มีงบประมาณ 1.69-3.80 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000-28,000 บาทต่อเดือน