รีวิวโครงการ

รีวิวตึกเสร็จ La Habana หัวหิน คอนโด Low Rise สไตล์คิวบา ใกล้หาด 250 m. จากแสนสิริ [รีวิวฉบับที่ 2155]

8 พฤศจิกายน 2020

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1844 … La Habana คอนโดตากอากาศตัวใหม่จากแสนสิริที่ออกแบบในสไตล์ Spanish Colonial ตั้งอยู่ในซอยหัวถนน 23 หรือซอยเดียวกับตลาด Cicada และตลาดแทมมารีน จากโครงการเดินมาตลาดได้สบายๆเลย รอบๆโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อีกทั้งยังใกล้ทะเลในระยะ 250 เมตรด้วย มาพร้อมกับสระว่ายน้ำและพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ราคาเริ่มต้นที่ 2.19 ล้านบาท เราไปชมกันค่ะ

Fact @ 2 April 2019

  • La Habana (ลา ฮาบานา)
  • บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในซอยหัวถนน 23 อำเภอ หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร , อาคารพักอาศัย สูง 2 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้องพักรวม 652 ยูนิต

  • อาคาร A = 227 ยูนิต
  • อาคาร B = 218 ยูนิต
  • อาคาร C = 204 ยูนิต
  • อาคาร D (2ชั้น) = 3 ยูนิต

  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 34 ยูนิตที่อาคาร B
  • ที่จอดรถประมาณ 134 คันคิดเป็น 20% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 6 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : พ.ค. 2562
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ธ.ค. 2563
  • 1 Bedroom 25 – 40 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 1 Bathroom 49.25 – 56.25ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 2 Bathroom 60.75 – 98.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 99,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1685
  • เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

    สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด : 12.534476, 99.966959

    แผนที่จากทางโครงการค่ะ

    หัวหินเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งปัจจุบันได้กลายมาเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมอันดับต้นๆของเมืองไทย เนื่องด้วยระยะทางที่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก มีชายหาดที่สวยงามเหมาะกับการมานอนเล่นพักผ่อน และยังเป็นเมืองที่มีการรักษาสถาปัตยกรรมเก่าแก่ เช่น สถานีรถไฟหัวหิน รวมถึงอาคารบ้านเรือนสมัยเก่าที่แม้ปัจจุบันจะกลายเป็นรีสอร์ทหรือร้านอาหาร ก็ยังมีความคลาสสิคผสมกลมกลืนอยู่กับอาคารสมัยใหม่ อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกหลายแห่งเช่น ตลาดกลางคืน Community mall รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติอย่าง น้ำตก และจุดชมวิวต่างๆเป็นต้น

    อย่างที่บอกไปว่า “หัวหิน” เป็นเมืองตากอากาศที่เป็นที่นิยม แต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาพักผ่อนไม่ขาดสาย ทำให้มีโรงแรม รีสอร์ทมากมาย นอกจากนั้นยังมีบ้านพักตากอากาศและคอนโดมิเนียมมาขึ้นอยู่เป็นจำนวนมากอีกด้วย วันนี้เราจึงพามาชม La Habana คอนโดตากอากาศตัวใหม่จากแสนสิริ โครงการนี้ตั้งอยู่ในซอยหัวถนน 23 ใกล้ตลาด Cicada และตลาดแทมมารีนในระยะที่เดินไปช้อปปิ้งได้สบายๆ อีกทั้งยังไม่ไกลจากสวนน้ำ Vana Nava และคอมมูนิตี้มอลล์อย่างบลูพอร์ตอีกด้วย และถ้าเดินไปจนสุดซอยหัวถนน 23 ประมาณ 250 เมตรก็จะเจอชายหาดหัวหิน จากโครงการเราสามารถเดินไปเล่นน้ำทะเลได้เลยค่ะ สำหรับชายหาดบริเวณนี้ถือว่าดี เดินเล่นได้ ว่ายน้ำได้ไม่สกปรกเหมือนหาดในเมืองและค่อนข้างสงบเป็นส่วนตัวเหมาะกับคนที่มาตากอากาศพักผ่อน

    สำหรับภาพรวมของ “หัวหิน” ถือเป็นแหล่งพักผ่อนตากอากาศที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่นัก ใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงนิดหน่อยก็ถึงแล้ว จุดเริ่มต้นเขตหัวหินจะนับจากอุโมงค์ทางลอดใต้รันเวย์สนามบิน โดยมีแหล่งท่องเที่ยวต่างๆอย่างเช่น เพลินวาน สถานที่จับจ่ายใช้สอยอย่างตลาดโต้รุ่งหัวหิน ตลาดฉัตรไชย และตลาดฉัตรศิลา หรือตลาดชิคๆที่ใกล้กับโครงการอย่าง ตลาด Cicada และตลาดแทมมารีน อีกทั้งยังใกล้กับสวนน้ำ Vana Nava และคอมมูนิตี้มอลล์อย่างบลูพอร์ต อีกด้วย สาธารณูปโภคต่างๆก็มีครบครัน ทั้งโรงพยาบาลเช่น โรงพยาบาลซานเปาโล โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน , Sport Complex อย่าง True Arena หัวหิน , โรงเรียนนานาชาติ Stamford อีกทั้งยังมีโรงแรมชื่อดังต่างๆมากมายอย่าง Intercontinental ,  Marriott , Amari , Dusit Thani , Hilton เป็นต้น ในส่วนภาพรวมของหัวหินทางเรามีวิเคราะห์ไว้บ้างแล้วอยากให้เข้าไปอ่านบริบทดูกันสักเล็กน้อยเพื่อเข้าใจว่ามีอะไรบ้าง คลิกที่นี่

    การเดินทางเราเริ่มจากสนามบินหัวหิน ตรงมาเรื่อยๆบนถนนเพชรเกษมมุ่งหน้าเขาตะเกียบ โครงการจะอยู่ในซอยหัวถนน 23 หรือ ซอยเดียวกับตลาด Cicada และตลาดแทมมารีน หาไม่ยากเลย

    จากกรุงเทพฯเดินทางเพื่อมุ่งหน้ามาหัวหินโดยใช้ถนนเพชรเกษม พอเราลอดอุโมงค์ทางลอดใต้รันเวย์สนามบินก็จะเข้าสู่เขตของหัวหินแล้ว

    พอลอดอุโมงค์มาก็จะเจอกับทางเข้าสนามบินหัวหิน เราจะมุ่งหน้าตรงต่อไป

    ตรงมาอีกหน่อยทางขวามือเราจะเจอกับแม็คโครหัวหิน ถ้าใครชอบซื้อของยกแพ็คและอาหารสดสำหรับปาร์ตี้หรือท่องเที่ยวในห้างที่มีแอร์เย็นๆ ก็สามารถมาซื้อที่นี่ได้นะ

    ต่อมาทางขวามือเราจะเจอกับโรงพยาบาลหัวหิน เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็สามารถมาที่นี่ได้

    ตรงมาตามทางเรื่อยๆในตัวเมืองหัวหิน บรรยากาศค่อนข้างคึกคักโดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เพราะคนมาเที่ยวกัน ถนนเพชรเกษมการจราจรก็ยังถือว่าค่อนข้างแน่นหน่อย สามารถวิ่งได้เรื่อยๆ ทางฝั่งขวาจะเจอกับเพลินวาน แหล่งท่องเที่ยวที่จำลองบรรยากาศของตลาดไทยสมัยโบราณ

    ถัดมาอีกซักระยะทางฝั่งซ้ายคือ วังไกลกังวล ซึ่งเป็นเขตพระราชฐาน มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ จากตรงนี้ให้มุ่งหน้าตรงต่อไปอีก

    ซึ่งในบริเวณใกล้ๆกันจะมีร้านขนมและของฝากขึ้นชื่อของเมืองหัวหิน คือ ร้านขนมปังฝรั่งเศส The Baguette อร่อยดี เราชอบกินสโคนของที่นี่มาก ถ้าใครผ่านแล้วชอบทานอะไรมาบอกกันหน่อยนะคะ

    ขับตรงต่อมาอีกนิดจะเจอกับสี่แยก ทางซ้ายเป็นซอยหัวหิน 55 ส่วนทางขวาเป็นซอยหัวหิน 70 ซึ่งเป็นเส้นทางไปตลาดโต้รุ่งหัวหิน ในบริเวณเดียวกันจะมีตลาดฉัตรไชย และตลาดฉัตรศิลา เป็นแหล่งซื้อจับจ่ายใช้สอยที่ใหญ่ที่สุดของย่านนี้

    ตรงมาตามทางจะเจอกับวัดหัวหิน วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองหัวหิน ที่นักท่องเที่ยวต้องมาแวะไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล

    มาตามทางเรื่อยๆผ่านโรงพยาบาลซานเปาโล เลยไปอีกนิดนึงจะมีโรงพยาบาลกรุงเทพหัวหินด้วย

    ถัดมาอีกหน่อยเป็น Market Village ศูนย์การค้าที่มีครบทั้ง Tesco Lotus, HomePro, Major Cineplex, Major Bowl & Karaoke ,Com 7, SB Furniture ร้านค้า และ ร้านต่างๆ

    ตามมาติดๆด้วยโรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน เป็นโรงพยาบาลในเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ

    ขับตรงต่อมาเราจะผ่านโรงแรม Intercontinental

    ถัดมาอีกนิดจะเจอกับห้างใหม่ขวัญใจชาวหัวหินอย่างบลูพอร์ต อยู่ทางขวามือ แสดงว่าใกล้ถึงโครงการแล้ว

    ตรงมาอีกนิดนึง ฝั่งซ้ายที่เราเห็นตึกสีส้มทางซ้ายมือนั่นคือโรงแรม Marrakesh Hua Hin Resort & Spa พอเห็นป้ายนี้ให้ตรงไปทางเขาตะเกียบ

    ตรงไปตามป้ายเขาตะเกียบพอผ่านตรงนี้ไปเราจะเข้าสู่ถนนเขาตะเกียบ-หนองแก

    ใกล้ๆถึงซอยที่เป็นที่ตั้งของโครงการจะเต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร บรรยากาศคึกคักค่ะ โดยเฉพาะตอนกลางคืน

    พอถึงซอยหัวถนน 23 ให้เราเลี้ยวเข้าไปเลยค่ะ สังเกตว่าหน้าปากซอยจะเป็นตลาดแทมมารีนเลย

    เลี้ยวเข้าซอยมาทางฝั่งขวาคือตลาดแทมมารีน ส่วนทางฝั่งซ้ายคือตลาด Cicada จากตรงนี้จะมองเห็นที่ตั้งของโครงการล้อมรั้วอยู่แต่ทางเข้าโครงการจริงๆจะอยู่ถัดเข้าไปด้านในค่ะ

    เข้าซอยมานิดหน่อยจะเจอกับทางเข้าตลาด Cicada หนึ่งในที่เที่ยวหัวหิน มาช่วงกลางวันจะเงียบๆหน่อยเพราะเค้าเปิดทุกวันศุกร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 16.00-23.00 น.

    เครดิตรูปประกอบจาก FB : The Cicada Market

    ตลาดจั๊กจั่น หรือ ซิเคด้า มาร์เกต (Cicada market) เป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวของหัวหินที่พลาดไม่ได้เมื่อมาหัวหิน โดยจะมี Concept อยู่ว่า เป็นของ Handmade ออกแนวศิลปะ ของที่มาขายก็มีตั้งแต่ของแต่งบ้าน เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของประดิษฐ์ รูปภาพ และก็ของกิน แหล่งรวมสินค้าสุดฮิปมีสไตล์ มาเดินเล่นยามเย็น

    เลยตลาดมาให้เราตรงต่อไปค่ะ ทางฝั่งขวาจะเป็นพื้นที่ของโครงการล้อมรั้วยาวเลย

    พอถึงแยกให้เราเลี้ยวขวาค่ะ ถ้าตรงต่อไปจะเป็นทางไปที่ชายหาด

    พอเลี้ยวขวามาจะเจอกับทางเข้าโครงการ

    ถึงแล้วค่ะ โครงการ La Habana สำนักงานขายจะอยู่ด้านใน ใครสนใจก็แวะเข้าไปชมห้องตัวอย่างกันได้

    จากแยกเมื่อซักครู่ ถ้าเราตรงเข้าซอยไปผ่านบ้านชมคลื่นไป จะเป็นทางไปชายหาดค่ะ

    เดินมาจนสุดทางจะมีทางลงไปที่ชายหาดแบบนี้ จากโครงการเดินมาไม่ไกล

    บรรยากาศของชายหาดค่อนข้างเงียบสงบ ทรายละเอียด น้ำใส สามารถลงเล่นน้ำทะเลได้ค่ะ

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

    โครงการ  La Habana ตั้งอยู่ในซอยหัวถนน 23 ซึ่งเป็นซอยเดียวกับตลาดแทมมารีนและตลาด Cicada สามารถเดินมาตลาดได้สะดวกเลยค่ะ โดยจะมีทางเข้ารองอยู่บริเวณใกล้ๆกับตลาด แต่ทางเข้าหลักของโครงการจะอยู่ด้านหลัง จากแยกต้องเลี้ยวขวาก่อนจึงจะถึง ซึ่งแม้ว่าทางเข้าหลักจะไกลจากหน้าปากซอยหน่อยแต่ก็ช่วยให้ลูกบ้านมีความเป็นส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น ช่วยลดเสียงและความวุ่นวายจากตลาดได้ อีกเหตุผลที่ทางโครงการวางทางเข้าหลักไว้ตรงนี้เพราะมีการวางผังให้ห้องชั้นบนๆมองเห็นวิวทะเลค่ะ นอกนั้นสภาพแวดล้อมโดยรอบจะเป็นรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศและที่ดินเปล่าซึ่งรวมๆแล้วมีความเป็นส่วนตัวพอสมควร สรุปสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการดังนี้ค่ะ

    • ทิศเหนือ – ติดกับซอยหัวถนน 23  รีสอร์ท และตลาด Cicada
    • ทิศตะวันออก – ติดกับ ถนนสาธารณะ โรงแรมและบ้านพักตากอากาศ
    • ทิศใต้ – ติดกับที่ดินเปล่าและ Service Apartment
    • ทิศตะวันตก –  ติดกับตลาดแทมมารีน

    ทิศเหนือ ติดกับซอยหัวถนน 23  บ้านดวงแก้วรีสอร์ท ถัดไปจะเป็นร้านอาหาร

    ถัดมาบริเวณหน้าปากซอยจะเป็นทางเข้าตลาด Cicada มาตอนกลางวันบรรยากาศจะยังเงียบๆอยู่ เพราะตลาดนี้เค้าเปิดกลางคืนเฉพาะวัน ศุกร์-อาทิตย์

    ทิศตะวันออก ติดกับ ถนนสาธารณะ โรงแรมและบ้านพักตากอากาศ

    ทิศใต้ ติดกับที่ดินเปล่า ถัดมาเป็นมาย รีสอร์ต หัวหิน Service Apartment และโรงแรม

    ทิศตะวันตก  ติดกับตลาดแทมมารีนค่ะ  เป็นอีกหนึ่งตลาดกลางคืนที่มีบรรยากาศชิลล์ๆ โดยชื่อว่าตลาดแทมมารีน หรือ  Tamarind Market มาจากพื้นที่เดิมที่มีต้นไม้ใหญ่ (ต้นมะขาม) ถูกอนุรักษ์ไว้ โดยจะมีการจัดตกแต่งร้านแบบสบายๆ มีเครื่องดื่ม ลานเบียร์ตอนค่ำ มีร้านอาหารให้เลือกทานเยอะด้วยค่ะ เดินจากโครงการมาหาอะไรทานได้เลย และมีดนตรีสดด้วยนะ ที่นี่เปิดวัน พฤหัส – อาทิตย์  เวลา 17.30 – 23.00 น.

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น (ระยะทางรวมกลับรถ)

    • Cicada Market – 100 เมตร
    • ชายหาดหัวหิน – 250 เมตร
    • วัดเขาตะเกียบ – 3.3 กิโลเมตร
    • บลูพอร์ต – 4.9 กิโลเมตร
    • Market Village – 5.5 กิโลเมตร
    • สวนน้ำ Vana Nava – 6 กิโลเมตร
    • โรงพยาบาลซานเปาโล – 6.3 กิโลเมตร
    • สถานีรถไฟหัวหิน – 7.2 กิโลเมตร
    • ตลาดโต้รุ่งหัวหิน ตลาดฉัตรไชย ตลาดฉัตรศิลา – 7.3 กิโลเมตร
    • วัดหัวหิน – 7.9 กิโลเมตร
    • อุทยานราชภักดิ์ – 9.3 กิโลเมตร
    • วังไกลกังวล – 9.4 กิโลเมตร
    • เพลินวาน – 9.8 กิโลเมตร
    • หาดเขาเต่า – 10.7 กิโลเมตร
    • โรงพยาบาลหัวหิน – 11.4 กิโลเมตร
    • ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม – 11.4 กิโลเมตร
    • Makro – 13 กิโลเมตร
    • ท่าอากาศยานหัวหิน – 14 กิโลเมตร
    • The Venezie – 16 กิโลเมตร
    • FN Factory – 18 กิโลเมตร
    • Black Mountain – 18.2 กิโลเมตร


    เจาะลึกตัวโครงการ

    โครงการนี้ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากเมือง Havana เมืองหลวงและเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศคิวบา ถือเป็นประเทศที่มีเสน่ห์อีกประเทศหนึ่งเพราะมีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน สถาปัตยกรรมหรือแม้กระทั่งข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ  ทางโครงการจึงได้หยิบเอารายละเอียดบางส่วนของงานสถาปัตยกรรม จากเมือง Havana เช่นซุ้มประตูทรงโค้ง สีสัน และลวดลายต่างๆ มาใช้ในการออกแบบผสมกับ Concept “The Happy Colors of Hua Hin” ที่อยากให้โครงการมีความสนุกและความสดใสให้กับผู้อยู่อาศัย เดี๋ยวเราจะค่อยๆพาไปชมทีละส่วนนะคะ

    La Habana  เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 3 อาคาร และอาคารพักอาศัย สูง 2 ชั้นอีก 1 อาคาร รวมๆแล้วมีจำนวนห้องพักรวม 652 ยูนิต ตัวอาคารออกแบบในสไตล์ Spanish Colonial ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Concept โครงการที่เราได้เล่าให้ฟังไปแล้ว

    ภาพรวมของโครงการ พอเราเข้ามาด้านในจะเจอกับ Drop off ก่อน ซึ่งจะมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาและความร่นรื่นกับลูกบ้าน ถัดมาเราจะเห็นอาคารชั้นเดียวด้านหน้านี้คือ Lobby และห้องจดหมาย ซึ่งตอนนี้ใช้เป็นสำนักงานขายอยู่ ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้นอีก 3 อาคารไล่เรียงจากฝั่งซ้ายไปขวาเป็นอาคาร A B C ตามลำดับ โดยตรงกลางจะมีพื้นที่ส่วนกลางคือสระว่ายน้ำ สวนหย่อม Playground และอาคาร D เป็นอาคาร 2 ชั้นที่ชั้นล่างเป็นฟิตเนส และชั้นบนเป็นส่วนพักอาศัยที่มีเฉพาะห้อง 2 Bedroom ขนาด 96.75-98.50 ตารางเมตรอยู่ 3 ห้องเท่านั้นค่ะ

    การจัดวางอาคารตามนี้เลยค่ะ เรียงตามลำดับคือ อาคาร A B C ส่วนอาคาร D ซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้นจะอยู่ตรงกลาง จากโมเดลจะเห็นว่าห้องพักที่อยู่ฝั่งด้านในจะได้วิวเป็นพื้นที่ส่วนกลางคือสระว่ายน้ำและสวนหย่อม ส่วนทิศทางอื่นๆจะเป็นรีสอร์ท โรงแรมเป็นส่วนใหญ่ไม่มีอาคารสูงบดบังวิวในระยะประชิด จะมีทางฝั่งทิศตะวันออกที่ติดกับที่ดินเปล่าขนาดพอที่จะพัฒนาโครงการได้และทางทิศใต้-ตะวันตกจะติดกับตลาดแทมมารีน คนที่อยู่ทางฝั่งนี้ในวันพฤหัส-อาทิตย์ที่ตลาดเปิด อาจจะคึกคักหน่อยเหมาะกับคนที่ชอบแสงสีค่ะ

    การออกแบบอาคารจะมีการเปิดช่อง Open Space ภายในอาคาร และระหว่างอาคารก็มีพื้นที่ว่าง ทำให้สามารถรับลมและระบายอากาศได้ดี ห้องพักส่วนใหญ่จะวางตัวค่อนไปทางทิศเหนือ-ใต้ซึ่งเป็นทิศที่ไม่โดนแดดร้อนตอนบ่าย ส่วนในอาคาร B นั้นถึงแม้ว่าจะมีบางห้องได้รับแดดบ้างแต่ทิศนี้เป็นมุมมองที่หันไปทางชายหาด เพราะฉะนั้นในชั้นสูงๆห้องที่หันไปทางหน้าโครงการก็จะเห็นวิวทะเลด้วยค่ะ

    จากโมเดลมาดูผังรวมของโครงการจะเห็นว่าทางเข้าออกมีอยู่ 2 ทางนะคะ ทางเข้า-ออกแรกจะใช้สำหรับคนเดินเท่านั้นอยู่ใกล้ๆกับตลาดแทมมารีนและตลาด Cicada เลย บริเวณหน้าปากซอยเลย เราสามารถเดินไปตลาดได้สะดวก ส่วนถ้าใครมีรถจะต้องวนไปเข้าด้านในซึ่งพอเข้ามาจะเจอกับ Drop Off ก่อนจะวนตามเส้นทางสีแดงๆเข้าไปจอดรถใต้อาคาร B และ C ซึ่งไม่ได้ Fix ตำแหน่งนะคะ จอดตรงไหนก็ได้ โดยจะมีช่องจอดประมาณ 134 คันแบบไม่รวมซ้อน พื้นที่ส่วนกลางอยู่บริเวณ Court ตรงกลางทั้งหมดอย่างที่บอกไปและมีสวนหย่อมกระจายอยู่รอบโครงการ โดยห้องพักอาศัยในอาคาร A จะเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 เลยและอาคารนี้จะมีห้องแบบ Pool Access ส่วนอาคารอื่นๆห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 ไปจนถึงชั้น 8 เป็นห้องพักอาศัยล้วนๆเลย ไม่มีพื้นที่ส่วนกลางมาปน ดังนั้นจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัวค่ะ

    พอเข้าโครงการมาเราจะเจอกับ Drop off ที่สามารถวนรถรับส่งลูกบ้านได้เลย ด้านหลังที่เราเห็นคืออาคาร Lobby ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานขายอยู่ การออกแบบอาคารนี้ได้ใช้ซุ้มทรงโค้งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานสถาปัตยกรรมในเมือง Havana รอบๆเป็นสวนหย่อม เราชอบการเลือกต้นไม้ของเค้านะ ดูเข้ากับ Concept ดี

    เข้ามาด้านในเป็นส่วนของ Lobby ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานขายอยู่ค่ะ สังเกตว่า ภาพ 3D ได้ยังไง ของจริงก็ได้ตามนี้เลย มีการใช้ลายฉลุ ใช้สี เลือกเฟอร์นิเจอร์ รวมถึงเลือกกระเบื้องให้มีความสดใสเข้ากับ Concept

    ถ่ายให้ดูอีกมุมหนึ่งจะเห็นว่ามีการจัดชุดที่นั่งมาให้หลากหลายทั้งนั่งกันไม่กี่คน นั่งเป็นกลุ่มและมีโต๊ะสำหรับนั่งทำงานหรือประชุมมาให้ด้วย มี Free Wi-Fi มาให้ใช้ค่ะ

    ที่นั่งแบบ Private ก็มีนะ อยู่หลังผนังอีกที มุมนี้ในอนาคตจะกลายเป็นห้องจดหมายค่ะ

    เดินถัดเข้ามาด้านใน ตอนนี้ทางโครงการทำเป็นบ่อน้ำแต่ในอนาคตบริเวณนี้จะปรับเป็นสวนหย่อมนะคะ แล้วตำแหน่งสระว่ายน้ำขนาดใหญ่จริงๆจะอยู่ด้านหลังรั้วพุ่มไม้ที่กั้นไว้อีกที

    มุมด้านหลังผนังที่มีซุ้มทางโค้งจะเป็นห้องตัวอย่างซึ่งเดี๋ยวเรารีวิวส่วนกลางครบแล้วจะพาไปชมกันนะคะ

    พื้นที่ส่วนกลางจะอยู่บริเวณ Court ตรงกลางทั้งหมดเลย เพื่อความสะดวกในการเดินลงมาใช้งานร่วมกันของลูกบ้านแต่ละอาคาร และช่วยให้ภายในอาคารมีความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยมากขึ้นด้วย Lobby จะอยู่ที่อาคารด้านหน้า ถัดมาเป็นสระว่ายน้ำที่แบ่งเป็นสระผู้ใหญ่และสระเด็ก มีสนามเด็กเล่นให้เด็กๆด้วย ส่วนในชั้นล่างของอาคาร D เป็นห้องฟิตเนสค่ะ

    พอออกจาก Lobby มาเราจะเจอกับภาพนี้ค่ะ คือมีสวนหย่อมก่อนถัดไปด้านในเป็นสระว่ายน้ำเลย

    สระว่ายน้ำทำออกมาสไตล์รีสอร์ท มีการจัดสวนแทรก และถ้าเราอยู่ที่อากาศ B ฝั่งที่หันไปหน้าโครงการ ในชั้นสูงๆจะเห็นวิวทะเลแบบนี้ ส่วนอาคารอื่นๆที่อยู่ฝั่งด้านในจะเห็นเป็นวิวของพื้นที่ส่วนกลาง

    สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ มีทั้งสระผู้ใหญ่และสระเด็กรวมๆแล้วประมาณ 1,000 ตารางเมตร รอบๆสระจัดเป็นสวนหย่อมและในอาคาร A จะมีห้องแบบ Pool Access ที่เดินลงสระได้เลยอีกด้วย

    ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมด ทุกๆอาคารจะมีการวางผังห้องแบ่งออกเป็นฝั่งที่หันหน้าเข้าหาพื้นที่ส่วนกลางและฝั่งที่หันออกนอกโครงการ โดยห้องแบบ 2 Bedroom จะอยู่บริเวณหัวมุมของอาคาร A และ C ส่วนห้องขนาด 25.00 – 28.00 ตารางเมตร (สีน้ำตาลอ่อน) ส่วนใหญ่จะหันออกด้านนอกอาคาร นอกนั้นเป็นห้องแบบ 1 Bedroom และในอาคาร D จะมีห้อง 2 Bedroom ที่ขนาดค่อนข้างใหญ่ 96.75-98.50 ตารางเมตร อยู่ 3 ห้อง ซึ่งจะเป็นห้องที่ได้ระเบียงค่อนข้างและได้วิวพื้นที่ส่วนกลางด้วยค่ะ โดยอาคาร A B C จะมีลิฟต์โดยสารอาคารละ 2 ตัวค่ะ

    พอขึ้นมาที่ชั้น 3 ก็เป็นห้องพักอาศัยเช่นเดียวกัน โดยอาคาร A จะมีจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดเท่ากับ 29 ยูนิต , อาคาร B 34 ยูนิต และ อาคาร C 30 ยูนิต  ส่วนอาคาร D จะไม่มีห้องพักแล้วเพราะมีแค่ 2 ชั้น

    ชั้น 4-8 การวางผังห้องเป็นแบบเดิมแต่บริเวณระเบียงบางห้องออกแบบให้เฉียงรับวิวมากยิ่งขึ้น

    เรามาเจาะดูผังแต่ละอาคารกันเริ่มจากอาคาร A อาคารนี้มีทั้งหมด 227 ยูนิต มีห้องพักเริ่มตั้งแต่ชั้น 1 โดยตำแหน่งของลิฟต์จะอยู่ตรงที่เราทำสีเหลืองๆไว้ (เป็นลิฟต์ล็อคชั้นนะคะ) ทำให้ห้องพักแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งขวาจะเป็นห้องแบบ 2 Bedroom (ชั้น 1-3 จะมีห้อง ขนาด 25.00 – 28.00 ตารางเมตร พ่วงมาด้วย 2 ห้องพอขึ้นชั้น 4 จะเปลี่ยนเป็นห้อง 2 Bedroom 60.75 ตารางเมตร) ฝั่งนี้จะค่อนข้างเป็นส่วนตัวและเดินใกล้ลิฟต์ ส่วนทางฝั่งซ้ายมีจำนวนห้องพักเยอะกว่า ถ้าใครอยู่ปลายๆของอาคารจะเดินไกลลิฟต์หน่อย แต่จะได้ความเป็นส่วนตัวเข้ามาแทน และตั้งแต่ชั้น 4 เป็นต้นไประเบียงของห้องขนาด 25.00 – 28.00 ตารางเมตร (สีน้ำตาลอ่อน) ที่เราวาดเส้นประสีแดงเอาไว้จะปรับให้มีความเฉียงเพื่อเปิดรับวิวได้มากขึ้น ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้นด้วยค่ะ อาคารนี้ถ้าลองสังเกตดีๆเค้าจะมีการเจาะช่องเปิดทำให้มีลมพัดผ่านในตัวอาคารซึ่งเหมาะกับอาคารที่เป็นที่พักตากอากาศ รวมถึงมีช่องแสงบริเวณทางเดินช่วยให้โถงทางเดินสว่าง ไม่มืดทึบอีกด้วย

    อาคาร B หรืออาคารที่อยู่ตรงกลาง ออกแบบมาเป็นรูปตัว L ตำแหน่งของลิฟต์อยู่ค่อนมากลางๆอาคารซึ่งช่วยเฉลี่ยระยะการเดินมาที่โถงลิฟต์ได้บ้าง การออกแบบที่ชอบในอาคารนี้คือตรงมุมของตัว L ที่ทั้ง 2 ฝั่งมาบบรจบกัน โครงการไม่จัดวางห้องพักบริเวณนี้ (ถ้าวางจะมีห้องที่หันหน้ามาเจอกันพอดี มันจะไม่ค่อยเป็นส่วนตัว) แต่จัดให้เป็น Court แล้วเจาะช่องแสง เวลามองออกไปจะเป็นสวน ตรงนี้ถือว่าทำได้ดี และห้องพักจะเริ่มที่ชั้น 2 โดยชั้น 2 โถงทางเดินจะเป็นแบบ Single Corridor ทางโครงการไม่จัดห้องพักหันเข้าพื้นที่ส่วนกลางในชั้นนี้เพราะระยะยังไม่พื้นอาคาร D ที่อยู่ด้านหน้า พอขึ้นชั้น 3 จะมีห้องพักมากขึ้นเป็น 34 ยูนิตต่อชั้น เป็นอาคารที่มีจำนวนยูนิตเยอะที่สุด ห้องขนาด 25.00 – 28.00 ตารางเมตร ส่วนใหญ่ถูกจัดให้หันไปทางฝั่งที่เป็นตลาดนัดแทมมารีนค่ะ มีอยู่ 2 ห้องเท่านั้นที่หันเข้าพื้นที่ส่วนกลาง

    ต่อกันด้วยอาคาร C อาคาร อาคารนี้มีทั้งหมด 204 ยูนิต การวางผังคล้ายๆกับอาคาร A เลยแหละ แต่มีห้องพักบางตำแหน่งที่ต่างกันเล็กน้อย ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 นะคะ โดยทางฝั่งที่ใกล้กับลิฟต์จะเป็นห้องแบบ 2 Bedroom แต่ชั้น 2-3 จะยังมีห้องขนาด 25.00 – 28.00 ตารางเมตร ผสมอยู่ พอขึ้นชั้น 4 ห้องทางฝั่งซ้ายจะเป็นห้อง 2 Bedroom ทั้งหมดเลย ส่วนห้องทางฝั่งขวาจะมีทั้ง 1 Bedroom และ  2 Bedroom  โดยอาคารนี้มีจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุด 30 ยูนิต

     

    ส่วนอาคาร D นั้นจะมีความ Private สุดเพราะมีแค่ 3 ยูนิตอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร และเป็นห้องแบบ 2 Bedroom 96.75-98.50 ตารางเมตร ที่มีระเบียงกว้าง และโถงทางเดินเป็นแบบ Single Corridor ค่ะ

    ปิดท้ายด้วย VDO Presentation ของโครงการค่ะ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • Lobby
    • สระว่ายน้ำพร้อมจากุซซี่และสระเด็ก
    • ห้องออกกำลังกายพร้อมอุปกรณ์
    • สนามเด็กเล่น
    • สวนส่วนกลางพร้อมพื้นที่สันทนาการกลางแจ้ง
    • ห้องซักผ้า
    • Free Wi-Fi ที่โถงต้อนรับและห้องออกกำลังกาย
    • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
    • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 109 : 1
    • อัตราส่วนลิฟท์ตึก A  113.5 : 1
    • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 109 : 1
    • อัตราส่วนลิฟท์ตึก B 102 : 1
    • Service Lift : ไม่มี
    • ที่จอดรถประมาณ 134 คันคิดเป็น 20% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
    • ระบบ CCTV / Access Card


    Product Walkthrough

    สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมในวันนี้มีอยู่ 2 แบบคือห้อง Type 1A-2 ขนาด 25.00 – 27.25 ตารางเมตร และ Type 1B-1 ขนาด 32.75 – 34.75 ตารางเมตร โดยโครงการขายแบบ Fully Furnished มีเฟอร์นิเจอร์ให้ครบชุด พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ไมโครเวฟ , TV, ตู้เย็น (โปรโมชั่น)

    ห้องแรกที่เราจะพาไปชมคือ Type 1A-2 เป็นห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 25.00 – 27.25 ตารางเมตร ซึ่งตำแหน่งของห้องส่วนใหญ่จะวางอยู่รอบนอกตัวอาคาร เข้ามาในห้องจะเจอกับครัวปิดและห้องน้ำก่อน มีประตูบานเลื่อนกั้นระหว่างส่วนพักผ่อนดังนั้นจึงสามารถทำอาหารง่ายๆทานได้นะคะ ส่วนห้องน้ำก็แยกส่วนแห้งส่วนเปียกเป็นสัดส่วน ด้านในเป็นส่วนพักอาศัย ข้อดีคือตำแหน่งของเตียงวางชิดอยู่ในมุมที่เราเข้ามาในห้องตอนแรกจะมองไม่เห็น ช่วยให้มีความเป็นส่วนตัวเพิ่มมากขึ้น แต่เนื่องจากเป็นห้องที่ขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ ดังนั้นตำแหน่งของพื้นที่นั่งเล่นหรือพื้นที่ทานอาหารจึงถูกจัดวางชิดผนัง โดยมีโซฟาอยู่ข้างเตียง มีโต๊ะที่ใช้ได้ทั้งทานข้าวและเป็นโต๊ะทำงานอยู่ฝั่งปลายเตียงค่ะ นอกจากนั้นยังมีตู้เสื้อผ้าและชั้นวางทีวีอยู่ปลายเตียงเช่นเดียวกัน ห้องนี้มีระเบียงที่ค่อนข้างใหญ่ ออกไปยืนสูดอากาศรับวิวได้เต็มที่ มีพื้นที่วางเครื่องซักผ้าและ Condensing Unit ของแอร์หลบมุมเป็นสัดส่วน

    จากหน้าทางเข้าประตูเป็น HDF มีความกว้างกำลังดี ด้านล่างทำธรณีประตูยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย ซึ่งข้อดีเลยคือสามารถกันฝุ่นจากโถงทางเดินได้ระดับนึง และมีการปูด้วยวัสดุที่คงทนมากกว่าไม้สำเร็จรูปทั่วไปอีกด้วย

    Digital Door Lock ที่นี่ให้มาค่อนข้างดีทีเดียวนะคะ โดยจะใช้ยี่ห้อของ igloohome ใครที่เคยไปดูโครงการระดับ Luxury ของแสนสิริน่าจะเคยเห็นกันนะคะ สำหรับความพิเศษของ Digital Door Lock รุ่นและยี่ห้อนี้คือการที่สามารถตั้ง one-time Password (OTP) ได้ ซึ่งจะเหมาะสำหรับโครงการตากอากาศมากขึ้น เนื่องจากผู้ซื้อนั้นไม่ได้อาศัยอยู่เป็นประจำ หากต้องการจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดก็สามารถตั้ง OTP ให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดได้ เป็นครั้งคราว ไม่ต้องกลัวเรื่องความปลอดภัยและทรัพย์สินต่างๆ รวมไปถึงการปล่อยเช่าให้ผู้เช่าอีกด้วย เช่น มีผู้เช่ามาเช่า 3 เดือนก็สามารถตั้งรหัสเข้าห้องที่สามารถใช้ได้ 3 เดือน หลังจากนั้นระบบจะ Reset Password อัตโนมัติ ทั้งหมดนี้สามารถจัดการได้ผ่าน Smartphone ทั้งหมด ไม่จำเป็นต้องมา Set เองค่ะ

    เข้ามาในห้องจะเจอกับครัวและห้องน้ำก่อน ซึ่งระหว่างโซนนี้กับส่วนพักผ่อนจะมีประตูกระจกกรอบบานอลูมิเนียมกั้นเป็นสัดส่วน ทำให้ครัวเป็นครัวปิดเราสามารถทำอาหารได้สบายๆเลย ทุกห้องในโครงการนี้ขายแบบ Fully Furnished มีเฟอร์ฯมาให้ด้วย ครัวก็ได้แบบนี้เลย โดยฝ้าเพดานของห้องนี้จะสูง 2.5 เมตรค่ะ

    หน้าห้องนี้จะเป็นครัวและฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำ พื้นบริเวณนี้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ต้องมีการทำความสะอาด ซักล้าง

    เคาน์เตอร์ครัวได้หน้าตาแบบนี้เลยปิดผิวด้วยเมลามีนลายไม้  Top เป็นหินควอทซ์สีขาว ซึ่งมีคุณสมบัติทนทาน กันรอยขีดข่วนได้อย่างดี ทนต่อกรดด่างและสารเคมี ดูแลรักษาง่าย พร้อมติดตั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน อ่างล้างจานมาให้ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง ไมโครเวฟ , TV, ตู้เย็นด้วยค่ะ เรียกได้ว่าครบพร้อมอยู่เลย

    อ่างล้างจานได้ของ MEX เป็นแบบหลุมเดียวติดตั้งวางด้านล่าง Top ดูสวยดี

    เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ MEX  เช่นกันค่ะ ขนาดเหมาะกับการใช้งานในคอนโดที่อยู่อาศัยประมาณ 1-2 คน

    ส่วนเครื่องดูดควันเป็นแบบต่อท่อดูดออกนอกโครงการของ MEX

    ผนังด้านหลังกรุกระเบื้องลายตามนี้มาให้เลยค่ะ เวลาทำอาหารแล้วเปื้อนก็สามารถเช็ดล้าง ทำความสะอาดได้ง่าย

    ต่อมาคือห้องน้ำได้ทุกอย่างตามนี้ทั้งสุขภัณฑ์ของ Cotto พื้นและผนังที่กรุกระเบื้องมาให้และภายในห้องมีการแบ่งพื้นที่เป็นส่วนแห้ง ส่วนเปียกเป็นสัดส่วนดี

    อ่างล้างหน้าได้ตามนี้พร้อมติดตั้งกระจกส่องหน้ามาให้ด้วย

    อ่างที่ได้เป็นของ Cotto แขวนติดผนัง มีพื้นที่วางของใช้ส่วนตัวเล็กน้อย ส่วนด้านล่างจะวางตะกร้าหรือของเพิ่มได้อีกนะ

    โถสุขภัณฑ์ของ Cotto ติดตั้งมาพร้อมกับอุปกรณ์

    พื้นที่อาบน้ำจะกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำ ทำเป็น 3 ตอนเพื่อให้สามารถเปิดพื้นที่ได้กว้างมากขึ้น

    กระเบื้องที่กรุในพื้นที่อาบน้ำเราจะได้แบบนี้เลยนะคะ โครงการเลือกมาให้เป็น Gimmick ให้เข้ากับ Concept ของโครงการ

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.90 x 1.20 เมตร ยืนอาบได้สบายๆ ถ้าจะวางเก้าอี้สำหรับนั่งอาบน้ำก็สามารถทำได้ค่ะ

    ฝักบัวได้เป็นของ Cotto ค่ะ ด้านข้างจะมีช่องไว้ให้วางสบู่ แชมพูด้วย เราไม่ต้องไปก้มหยิบของ

    ฝักบัวที่โครงการให้มาค่ะ

    ถัดเข้ามาด้านในจะกั้นด้วยประตูกระจก กรอบบานอลูมิเนียมแบบ 3 ตอนซึ่งพอเปิดจะได้พื้นที่ที่กว้าง การกั้นประตูแบบนี้สามารถแยกครัวให้เป็นครัวปิด และช่วยให้คนที่อยู่ในส่วนพักผ่อนมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่ยังได้ความโปร่ง โล่ง แสงธรรมชาติสามารถส่องถึงกันได้ทั่วห้อง

    บรรยากาศในห้องนอนดูโปร่งดีค่ะ เพราะได้รับแสงสว่างจากประตูทางออกไปที่ระเบียง เราสามารถนอนและชมวิวไปได้ด้วย

    พื้นที่ข้างเตียงทั้ง 2 ฝั่งมีระยะเหลือพอสมควร สามารถวางโคมไฟหรือโต๊ะข้างเตียงได้นะคะ

    ส่วนปลายเตียงก็มีระยะเหลือเยอะ เดินผ่านได้สบายๆ สามารถวางเฟอร์นิเจอร์ชิดผนังทั้งแนวได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด

    โดยฝั่งปลายเตียงสามารถวางได้ทั้งตู้เสื้อผ้า ชั้นวางทีวี และโต๊ะทำงานค่ะ แต่หน้าตาของเฟอร์นิเจอร์ในห้องตัวอย่างกับของที่ได้จริงจะไม่เหมือนกันนะ ต้องสอบถามโครงการอีกทีค่ะ

    ประตูทางออกไปที่ระเบียงเป็นบานเลื่อนแบบ 2 ตอน จากมุมนี้มองออกไปก็จะเห็นวิวด้านนอกค่ะ

    โครงการนี้แถมแอร์มาให้ด้วยนะคะ ติดตั้งอยู่ด้านบนประตู จำนวน BTU ขึ้นอยู่กับขนาดห้องค่ะ

    พื้นที่ระเบียงมีขนาด 3.7 x 0.8 เมตร ขนาดกว้างพอสมควร สามารถไปยืนสูดอากาศหรือหาเก้าอี้ไปวางนั่งชมวิวได้ ปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิค

    บริเวณระเบียงจะมีมุมสำหรับวางเครื่องซักผ้าและ Condensing Unit เป็นสัดส่วน

    มองย้อนจากระเบียงเข้าไปในห้อง มุมมองจะเป็นประมาณนี้

    ปลั๊กและสวิทซ์ที่ได้เป็นของ Bticino ค่ะ

    ต่อมาคือห้อง Type 1B-1 ขนาด 32.75 – 34.75 ตารางเมตร เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำเช่นเดียวกันแต่ขนาดจะใหญ่กว่าห้องก่อนหน้า ทำให้การจัดวางพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วนมากขึ้น มีครัวอยู่หน้าห้องซึ่งทางโครงการไม่ได้กั้นผนังมาให้ ถ้าเราอยากทำเป็นครัวปิดก็กั้นเพิ่มได้ไม่ยาก ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่นั่งรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง และชุดโซฟาที่อยู่ติดระเบียง สามารถนั่งพักผ่อนชมวิวได้ โดยระเบียงห้องนี้ก็มีขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน ห้องนอนจะอยู่ด้านหลังโซฟาอีกทีกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ผังในรูปแบบนี้ส่วนใหญ่จะเจอในคอนโดตากอากาศเพราะทำให้ห้องดูโปร่ง โล่งและเปิดรับวิวได้มาก ข้างเตียงมีมุมที่ยื่นออกไปวาง Day Bed เอาไว้นอนเล่นพักผ่อนได้ อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นห้องน้ำที่แบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วน

    ห้องนี้แบ่งเป็นส่วนทำกิจกรรม (Common Area) และส่วนพักผ่อนชัดเจน ถ้าเราเลื่อนประตูที่กั้นระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่นมาปิด ถ้ามองจากมุมหน้าห้องก็จะไม่เห็นเตียงเลยค่ะ ซึ่งจะทำให้คนที่นอนพักผ่อนอยู่เป็นส่วนตัวมากขึ้น สำหรับวัสดุปูพื้นห้องนี้มีการตกแต่งให้สวยงาม ของจริงที่ได้จะเหมือนกับห้องก่อนหน้านะคะ

    บริเวณหน้าห้องเป็นครัว การวางผังแบบนี้ดีตรงที่ถ้าไปช้อปปิ้งซื้อของกินกลับมาก็วางของหรือเอาเข้าตู้เย็นได้เลย สำหรับห้องนี้ทางโครงการไม่ได้กั้นผนังมาให้ ซึ่งดูจากระยะแล้วถ้าใครชอบครัวปิดก็กั้นเพิ่มเองได้ค่ะ

    วัสดุและอุปกรณ์ของครัวที่เราได้ จะเหมือนกับห้องก่อนหน้าเลย โดยเคาน์เตอร์ครัวของห้องนี้จะยาวกว่าหน่อย

    เคาน์เตอร์ครัวที่ได้เหมือนกับห้องก่อนหน้าค่ะ

    อุปกรณ์เครื่องครัวต่างๆทั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน อ่างล้างจานของ MEX

    ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเป็นช่องเอาไว้สำหรับวางตู้เย็นค่ะ

    ถัดเข้าไปด้านในจะเจอกับพื้นที่รับประทานอาหาร พื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียงและห้องนอน ในส่วนนี้ให้ความรู้สึกค่อนข้างกว้างขวางดี และเราจะได้แสงธรรมชาติจากประตูและหน้าต่างด้วย

    ต่อจากเคาน์เตอร์ครัวจเป็นพื้นที่นั่งทานข้าว จัดวางเก้าอี้ได้ประมาณ 2 ที่นั่ง

    ถัดเข้าไปด้านในห้องเป็นพื้นที่นั่งเล่น สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ 3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางได้ โดยพื้นที่ส่วนนี้จะอยู่ติดกับประตูทางออกไประเบียงพอดี ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้ค่อนข้างโปร่ง มีระยะดูทีวีประมาณ 2 เมตร ซึ่งเหมาะกับการวางทีวีประมาณ 46″

    ประตูทางออกไปที่ระเบียงเป็นบานเลื่อนกระจก กรอบบานอลูมิเนียมแบบ 2 ตอน

    พื้นที่ระเบียงของห้องนี้มีขนาด 3.1 x 0.8 เมตร บริเวณระเบียงค่อนข้างกว้างขวางทีเดียวค่ะสามารถใช้เป็นระเบียงสำหรับพักผ่อนได้

    ระเบียงของห้องนี้ก็มีการออกแบบให้มีพื้นที่สำหรับ วางเครื่องซักผ้าและ Condensing Unit ของแอร์เป็นสัดส่วน อยู่หลบมุมซึ่งเวลามองออกไปจะไม่บดบังวิว

    มุมมองจากระเบียงเข้ามาในห้อง เดี๋ยวเราจะพาไปชมห้องนอนกันต่อ

    ระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนถ้าเปิดประตูที่กั้นอยู่จะได้พื้นที่ที่เชื่อมต่อกันแบบนี้ ซึ่งทำให้บรรยากาศดูโปร่งทีเดียวค่ะ

    สำหรับส่วนนี้จะได้ประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอนกั้นส่วน Common Area และห้องนอนซึ่งประตูนี้สูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดานเลย และ Fitting ค่อนข้างดีทีเดียว แนะนำเพิ่มเติมสำหรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัวของห้องนอนมากขึ้นสามารถติดฟิล์มฝ้าที่กระจกได้ หรือจะทำม่านเพิ่มเติมได้เช่นกันค่ะ

    ภายในห้องนอนตัวอย่างจะวางเตียงแบบ 5 ฟุตให้นะคะ ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่งมีพื้นที่เหลือให้เดินได้สบายๆ ฝั่งขวามือเป็นที่วางตู้เสื้อผ้าและเชื่อมกับห้องน้ำในห้องนอน

    ทั้ง 2 ฝั่งของเตียงมีระยะเหลือสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงนะคะ เผื่อใครอยากจะวางหนังสือหรือชาร์จมือถือ

    ระหว่างโซฟากับเตียงนอนตอนเปิดประตูจะมีระยะห่างพอสมควร สามารถเดินผ่านได้

    ส่วนอีกฝั่งเป็นพื้นที่ติดริมหน้าต่าง บริเวณนี้จัดเป็นพื้นที่ทำงานหรือพื้นที่นั่งเล่นได้ดีเลยค่ะ เพราะสามารถมองวิวภายนอกแบบชิลล์ๆ ได้เลย ถือเป็นพื้นที่พักผ่อนที่ห้องพักอาศัยในโครงการตากอากาศควรจะมี

    อย่างในห้องตัวอย่างนี้จัดเป็นพื้นที่สำหรับนอนพักผ่อน

    อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นห้องน้ำค่ะ สามารถเดินเข้าจากในห้องนอนได้เลย

    สำหรับภายในห้องน้ำนี้จะได้ตามห้องตัวอย่างทั้งหมด ยกเว้นของตกแต่งนะคะ มีการแยกส่วนเปียกและแห้งให้เป็นสัดส่วน โดยกั้นด้วยฉากกั้นกระจก

    ได้ทุกอย่างเหมือนกับห้องก่อนหน้าเลยค่ะ โดยข้างๆกับโถสุขภัณฑ์จะมีช่องสำหรับเก็บของมาให้ด้วย

    พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นอาบน้ำแบบ 3 ตอน ส่วนผนังด้านในกรุด้วยกระเบื้องที่ทางโครงการเลือกลวดลายมาให้เฉพาะ

    ภายในพื้นที่อาบน้ำจะมีช่องสำหรับวางของมาให้ถึง 2 จุดค่ะ

    มาดูแปลนของห้อง 2 Bedroom กันบ้างกับ Type 2A-1 ขนาด 49.25-49.75 ตารางเมตร ห้องนี้เปิดเข้ามาเป็นพื้นที่รับประทานอาหารกับนั่งเล่นก่อนเลยค่ะ โดยตำแหน่งของโซฟาจะติดกับระเบียงสามารถชมวิวได้เช่นกัน ครัวจะอยู่ทางฝั่งซ้ายของประตูทางเข้าห้อง มีการกั้นผนังเป็นครัวปิดเป็นสัดส่วนไปเลย จึงสามารถทำอาหารได้สบายๆ ส่วนห้องน้ำอยู่ฝั่งตรงข้ามครัวออกแบบมาให้สามารถเข้าได้ 2 ทาง ทั้งจากด้านนอกและด้านในห้องนอน โดยห้องนอนนั้นแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ขนาดพอๆกันเลย ผนังกั้นทึบเป็นสัดส่วน ภายในห้องนอนแต่ละห้องมีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าและที่นั่งพักผ่อน  รวมๆแล้วเป็นห้องที่เหมาะกับกลุ่มครอบครัวที่ต้องการความเป็นส่วนตัวค่ะ

    สุดท้ายที่เอามาให้ชมคือห้อง 2 Bedroom Type 2B-1 ขนาด 60.75 ตารางเมตร ห้องนี้เป็นแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องนอน แต่ครัวจะเป็นแบบเปิด เข้าห้องมาเจอครัวและพื้นที่นั่งทานข้าวก่อน ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่นที่ติดกับระเบียงขนาดใหญ่ ห้องนอนเล็กเป็นแบบที่มีผนังกระจกกั้นดังนั้น ห้องนี้จึงค่อนข้างโปร่ง โล่งและได้รับวิวเต็มที่ แต่อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวหน่อยเราใช้เป็นห้องอเนกประสงค์ได้พอจะนอนก็กั้นปิดแล้วหาผ้าม่านมาติดเพิ่มเติมเอา มีห้องน้ำให้ใช้รวมกัน 1 ห้อง ส่วนห้องนอนใหญ่อยู่ด้านในสุด ห้องนี้ขนาดค่อนข้างกว้าง กั้นเป็นสัดส่วนและมีห้องน้ำในตัวค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 2 April 2019

    • 1 Bedroom 25 – 40 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.19 ล้านบาท
    • 2 Bedrooms 1 Bathroom 49.25 – 56.25ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท
    • 2 Bedrooms 2 Bathroom 60.75 – 98.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.5 ล้านบาท

    • Fully Furnished
    • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง 20,000 – 30,000 บาท
    • ทำสัญญา 30,000 – 50,000 บาท
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 50 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    La Habana ตั้งอยู่ในซอยหัวถนน 23 ตัวทำเลไม่ได้เป็นคอนโดที่เน้นติดถนนเพชรเกษมและติดชายหาด แต่เน้นความสะดวกสบาย ใกล้ตลาด Cicada และตลาดแทมมารีนแค่เดินลงมาก็เข้าตลาดได้เลย แต่ยังสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆได้สะดวก รวมถึงท้ายซอยจะเป็นชายหาด จากโครงการเดินประมาณ 250 เมตรก็ไปเล่นน้ำทะเลได้แล้ว ไม่ไกลจาก สวนน้ำ Vana Nava และคอมมูนิตี้มอลล์อย่างบลูพอร์ต ถ้ามองภาพรวมหัวหินเป็นเมืองตากอากาศที่ไม่ไกลจากรุงเทพฯและมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆค่อนข้างครบ เช่น โรงพยาบาลซานเปาโล โรงพยาบาลกรุงเทพหัวหิน , Sport Complex อย่าง True Arena หัวหิน , โรงเรียนนานาชาติ Stamford อีกทั้งยังมีโรงแรมชื่อดังต่างๆมากมายอีกด้วย

    การเดินทาง ถึงแม้ว่าโครงการจะไม่ได้อยู่ติดกับถนนเพชรเกษม แต่ก็ยังสามารถเดินทางได้สะดวกอยู่วิ่งตรงไปนิดหน่อยก็จะเข้าสู่ถนนเพชรเกษมที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆครบครัน  ที่น่าเป็นห่วงนิดหน่อย คือ ส่วนใหญ่คนมาเที่ยวหัวหินทุกคน มักจะมีรถยนต์ส่วนตัวกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะรถเก๋งหรือมอเตอร์ไซค์ก็ตาม เพราะแทบจะหาแท็กซี่หรือระบบขนส่งมวลชนอื่นๆไม่ได้เลย ต้องพึ่งรถส่วนตัวเป็นหลัก ที่จอดรถก็มีประมาณ 20% วันธรรมดาไม่น่ามีปัญหา แต่ถ้าเป็นวันหยุดหรือเทศกาลอาจจะไม่พอได้ค่ะ

    การออกแบบ ทำออกมาได้ดี ทั้งการออกแบบและการวางผังเหมาะกับเป็นที่พักตากอากาศ โดยโครงการใช้ Concept ในการออกแบบคือ Havana เมืองหลวงและเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศคิวบา ทางโครงการจึงได้หยิบเอารายละเอียดบางส่วนของงานสถาปัตยกรรม เช่นซุ้มประตูทรงโค้ง สีสัน และลวดลายต่างๆ มาใช้ในการออกแบบผสมกับ Concept “The Happy Colors of Hua Hin”

    การออกแบบอาคารจะมีการเปิดช่อง Open Space ภายในอาคาร และระหว่างอาคารก็มีพื้นที่ว่าง ทำให้สามารถรับลมและระบายอากาศได้ดี ห้องพักส่วนใหญ่จะวางตัวค่อนไปทางทิศเหนือ-ใต้ซึ่งเป็นทิศที่ไม่โดนแดดร้อนตอนบ่าย ส่วนในอาคาร B นั้นถึงแม้ว่าจะมีบางห้องได้รับแดดบ้างแต่ทิศนี้เป็นมุมมองที่หันไปทางชายหาด เพราะฉะนั้นในชั้นสูงๆห้องที่หันไปทางหน้าโครงการก็จะเห็นวิวทะเลด้วยค่ะ ส่วนการออกแบบห้องพักทำให้ดี ลงตัวและเป็นสัดส่วน

    วัสดุ ที่นี่ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ Built-In และ เฟอร์ฯลอยตัวทั้งหมด อีกทั้งยังให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง ตู้เย็น ไมโครเวฟ ทีวี แอร์  วัสดุที่จัดมาให้ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาตรฐานกับราคา ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.50 เมตร, พื้นกระเบื้องไวนิลลายไม้,ให้ครัวครบชุดพร้อม Hob&Hood ของ Mex  Top ครัวหินสังเคราะห์, ห้องน้ำได้สุขภัณฑ์ของ Cotto ฉากกั้นกระจกนิรภัย ได้ค่อนข้างครบครันไม่ต้องมาเสียเวลาตกแต่งซื้อของเพิ่มเติมแล้ว

    สาธารณูปโภค ถือว่าให้มาครบและออกแบบได้สวยงามน่าใช้งาน โครงการมีการวางพื้นที่ส่วนกลางไว้ตรงกลางซึ่งโอบล้อมตัวอาคารทั้ง 3 โดยพื้นที่ส่วนกลางจะมี Lobby สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ประมาณ 1,000 ตารางเมตร พร้อมจัดสวนหย่อมรอบโครงการ มี Playground ให้เด็กๆ และที่ชั้นล่างของอาคาร D จะเป็นฟิตเนส

    Judgement

    สำหรับโครงการบ้านพักตากอากาศ จะเป็นโครงการที่ต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าทางการเงินและความชอบส่วนบุคคลในการตัดสินใจเลือกซื้อควบคู่กันไป ดังนั้นทาง ThinkofLiving.com เห็นว่าจะไม่มีการให้คะแนนความคุ้มค่ากับโครงการลักษณะนี้ค่ะ

    BOTTOM LINE

    La Habana เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดตากอากาศในเมืองหัวหิน ที่ชอบความสะดวกสบาย ใกล้ตลาดและสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถเดินไปชายหาดได้ ไม่เน้นว่าต้องอยู่ติดถนนใหญ่ ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลาง และอยากได้ห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์ครบ มีงบประมาณ 2.19-10 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ  15,000 – 76,000 บาท/เดือน