รีวิวโครงการ

The Sneak EP.32 – Knightsbridge พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์

11 กรกฎาคม 2019

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1363 …หลังจากวันก่อนที่พาไปชมห้องตัวอย่างโครงการ Knightsbridge Phaholyothin Interchange กันมาแล้ว สำหรับวันนี้ได้ทำรีวิวฉบับเต็มมาให้ชมตามสัญญา เป็นคอนโด High Rise 15 ชั้น บนทำเลติดถนนพหลโยธิน มีจุดเด่นของที่ตั้งที่ห่างจากสถานีวัดพระศรีมหาธาตุประมาณ 250 . ซึ่งสถานีนี้จะเป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีชมพูในอนาคตด้วย โครงการมีแบบห้องให้เลือกตั้งแต่แบบ 1-2 ห้องนอน และแบบ Duplex มาพร้อมพื้นที่ส่วนกลางแบบครบครัน จะเป็นอย่างไรไปชมกันเลยค่ะ 🙂

Fact @ 13 June 2017

  • Knightsbridge Phaholyothin Interchange (ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์)
  • บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางเขน
  • คอนโด High Rise 15 ชั้น 1 อาคาร 726 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด Tower 1 : 26 ยูนิต, Tower 2 : 40 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 53 % รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 5 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q2 ปี 2561
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q1 ปี 2563
  • 1 Bedroom 23.3 – 34.2 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus 33.4 – 38.8 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 48.9 – 51.2 ตร.ม.
  • ห้อง 2 ชั้น 23.3 – 51.2 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท (ห้อง Promotion)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการประมาณ 96,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a-n/a บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 062-595-1777

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.879012, 100.598462

แผนที่จากทางโครงการ Knightsbridge พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่ติดกับถนนพหลโยธินมุ่งหน้าขาออกเมือง เยื้องๆ กับ Tesco Lotus ใกล้กับวงเวียนหลักสี่ (แยกรามอินทรา) นั่นเอง จุดเด่นของโครงการนี้คืออยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าวัดพระศรีมหาธาตุ (ประมาณ 250 ม.) ซึ่งในอนาคตจะเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์กับรถไฟฟ้าสายสีชมพู ทำให้บริเวณนี้ถูกคาดเดาว่าน่าจะมีการพัฒนาไปได้อีกมากในอนาคต

โครงการ Knightsbridge พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่พหลโยธินฝั่งเลขคี่ ก่อนถึงซอยพหลโยธิน 57 โดยถนนพหลโยธินนั้นยาวมาตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขึ้นเหนือไปเรื่อยผ่านปทุมธานี ทำให้การเข้าถึงโครงการสามารถเข้าได้จากถนนหลายสายทั้งที่ตัดผ่านและบรรจบ ตั้งแต่ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้าและขาออก มีสะพาน U-turn ให้เลือกกลับรถเยอะ หรือจะเป็นถนนแจ้งวัฒนะที่มาจากทางนนทบุรีที่เป็นพื้นที่รองรับการขยายเมืองอย่างศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และห้างสรรพสินค้าต่างๆสองข้างริมถนนใหญ่ รวมถึงอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญที่เป็นวงเวียนและสะพานข้ามแยกของถนนพหลโยธิน, ถนนแจ้งวัฒนะและถนนรามอินทรามุ่งหน้ามีนบุรี ส่วนทางเหนือเป็นถนนสายไหม ลำลูกกา ที่มีบ้านจัดสรรแนวราบเปิดอยู่หลายโครงการ ภายในบริเวณไม่เกิน 10 กิโลเมตรก็จะมีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่หลายแห่ง, โรงเรียน,วัด, เขตทหาร รวมไปถึงสนามบินดอนเมือง

ซึ่งถ้าเรามองในแง่คนที่อาศัยอยู่ภายในพื้นที่อยู่แล้วหรือทำงานประจำอยู่แถบวิภาวดี-นนทบุรี-มีนบุรี จะถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่ความสะดวก แต่ปริมาณรถในช่วงเช้า-เย็น ช่วงเข้างานและหลังเลิกงานก็จะมีปริมาณมาก เนื่องจากถนนพหลโยธินนั้นผ่านตั้งแต่พื้นที่ในเมือง ลาดพร้าว และขึ้นไปยังพื้นที่ที่อยู่อาศัย รวมถึงขนานกับเส้นวิภาวดีรังสิตที่เป็นถนนเส้นหลัก รวมถึงมีศูนย์ราชการ และสถานที่ราชการอยู่ไม่ไกล ทำให้การเดินทางในบางช่วงเวลาอาจใช้เวลานานกว่าที่คิด แต่ล่าสุดมีถนนตัดใหม่ เส้นพหลโยธิน-รัตนโกสินทร์สมโภช ที่สร้างเสร็จ และเปิดให้ใช้เรียบร้อยแล้ว เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนพหลโยธินไปทางตะวันออกถึงแยกวัชรพล-สุขาภิบาล 5 ทำให้ใกล้กับทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ มากขึ้นค่ะ

พื้นที่ชานเมืองตอนเหนือของกรุงเทพ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบทั้งที่จัดสรรและไม่จัดสรร ปะปนกับสิ่งปลูกสร้างที่เกื้อกูลในการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างใกล้ๆโครงการบนถนนพหลโยธินขาออกมีตลาดยิ่งเจริญที่เป็นตลาดสดขนาดใหญ่ เปิดขายตั้งแต่เช้าถึงเย็น รวมไปถึง Tesco Lotus และ BigC Supercenter ที่อยู่ไม่ไกลนัก และมีโรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัลอยู่ใกล้ๆ กัน บนสองฝั่งของถนนส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น โดยชั้นล่างสุดเปิดเป็นร้านอาหาร และร้านค้าต่างๆที่ง่ายต่อการซื้อ-ขาย ในซอยก็จะมีทั้งซอยตันและซอยที่ตัดผ่านเข้าไปด้านในเป็นชุมชนบ้านเดี่ยวมีเปิดเป็นบริษัทเล็กๆ บ้างนิดหน่อย รวมถึงหอพัก และอพาร์ตเมนท์หลังไม่ใหญ่ โดยรวมย่านนี้เป็นย่านค้าขายที่ค่อนข้างคึกคักเป็นที่รู้กันของคนแถวนี้ค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ อย่างที่บอกไปตอนต้นถือว่าสะดวก เพราะอยู่ใกล้กับถนนหลักทั้งสี่สาย ส่วนทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางยกระดับอุตรภิมุข(ดอนเมืองโทลล์เวย์) ที่ถ้าเข้าเมืองแค่เลี้ยวเข้าถนนวิภาวดีรังสิตก็เจอเลย ส่วนถ้าออกเมืองให้ไปกลับรถแถวหน้าทีโอทีก่อนถึงศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แล้วกลับเข้ามาวิภาวดีรังสิตอีกครั้งก็เจอทางขึ้นฝั่งออกเมืองเลย

ส่วนในเรื่องของระบบขนส่งสาธารณะในอนาคตก็จะมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยายจากช่วงห้าแยกลาดพร้าว หมอชิต-คูคต โดยมีสถานีวัดพระศรีมหาธาตุเป็นสถานีที่ใกล้กับโครงการที่สุด อยู่ในระยะประมาณ 250 ม. (ซึ่งระยะที่แน่นอนคงต้องรอดูหลังจากสถานีสร้างเสร็จอีกที) ซึ่งในอนาคตภายใน 5 ปีข้างหน้า สถานีวัดพระศรีมหาธาตุจะกลายเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์กับสถานีวงเวียนหลักสี่ของรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่เดินเชื่อมต่อกันได้ แต่ไม่ได้ใช้ตัวสถานีเดียวกัน เราคงจะเร่ิมเห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ไปในทางที่ดีขึ้น และเข้าถึงง่ายมากขึ้น

ตัดกลับมาสถานการณ์ปัจจุบันที่ยังไม่มีสถานีรถไฟฟ้าใดๆในระยะ 5 กิโลเมตร เราก็ยังคงจะต้องพึ่งพารถตู้บนถนนวิภาวดีรังสิต ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนพหลโยธิน รวมถึงรถเมล์ แท๊กซี่ และพี่วินที่สามารถเรียกได้ตามถนนใหญ่หน้าโครงการ และมีสะพานลอยอยู่บนถนนพหลโยธินไม่เกิน 150 เมตร (บริเวณหน้า Tesco Lotus)

ดูจาก VDO จากทาง Office Website ของ mrta-greenlinenorth “คลิกที่นี่” จะเห็นว่าที่ตั้งของสถานีวัดพระศรีมหาธาตุจะอยู่บริเวณวงเวียนหลักสี่เลย ซึ่งระยะทางที่แน่ชัดเป๊ะก็ยังไม่สามารถบอกได้นะคะ แต่คาดว่าประมาณ 250 เมตร จากการวัดคร่าวๆจาก google maps ค่ะ

การเดินทางในวันนี้ จะเริ่มจากบนถนนวิภาวดีรังสิตฝั่งขาเข้าเมืองแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนแจ้งวัฒนะ วิ่งตรงไปถึงวงเวียนหลักสี่ (แยกรามอินทรา) แล้วชิดซ้ายวิ่งเข้าถนนพหลโยธิน จากวงเวียนมาประมาณ 250 ม. ทางซ้ายมือก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วค่ะ

เริ่มต้นบนถนนวิภาวดีรังสิต ให้เราชิดซ้ายเอาไว้ตามป้ายรามอินทรานะคะ

พอเลี้ยวซ้ายมาแล้วจะเป็นถนนแจ้งวัฒนะ ให้ระวังรถทางขวามือที่กลับรถมาด้วยนะ

ถนนแจ้งวัฒนะช่วงนี้เป็นถนน 4 เลนจราจร ที่มีรถหนาแน่นช่วงเข้า-เลิกงาน เพราะมีสถานที่ออฟฟิศ ราชการ รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษาหลายแห่ง มีสถานที่อำนวยความสะดวกให้เห็นตามข้างทางตลอดเช่น มินิมาร์ท ธนาคาร ร้านค้าทั่วไป เป็นต้น

ขับมาหน่อยซ้ายมือจะเป็นโรงเรียนเจริญผลวิทยา ถัดไปเป็นโชว์รูม Toyota และ ธนาคารกรุงเทพ

เลยข้ามสะพานคลองบางบัวมาจะเจอกับ Cockpit ทางซ้ายมือ ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของ Max Value

Max Valu หลักสี่ เป็นจุดช้อปปิ้งหาของกินเข้าบ้านที่ใกล้โครงการในระดับนึง

สาขานี้ขนาดค่อนข้างใหญ่และมีที่จอดรถเยอะนะคะ

ภายในก็มีพวกคาร์แคร์ และด้านหลังเป็นแนวอาคารพาณิชย์ร้านค้า ร้านอาหาร ตามสั่งให้เลือก

มี McDonald’s เปิดให้บริการ 24 ชม.เช่นเดียวกัน

ทีนี้ให้เราชิดซ้ายเลน 2 ช่องนี้เอาไว้นะคะ เพราะถ้าอยู่สองเลนขวาจะจะพาเราขึ้นสะพานข้ามแยกวงเวียนหลักสี่ไปลงถนนรามอินทราโน้น จุดสังเกตุคือร้าน ป.กุ้งเผา

ป้ายบอกทางให้เลือกเส้นทางในการใช้วงเวียนหลักสี่ คือถ้าเลี้ยวซ้าย จะมุ่งหน้าสะพานใหม่ หรือจะวนแล้วตรงไปยังรามอินทรา-มีนบุรี หรือจะวนไปทางขวายาวแล้วเลยไปยังเส้นรัชโยธิน-ลาดพร้าว

เราจะเร่ิมเข้าวงเวียนหลักสี่กันแล้วนะคะ ก่อนจะถึงวงเวียนก็จะมีสัญญาณไฟ รวมถึงป้ายบอกทางต่างๆ ให้เราชิดเลนซ้ายไว้แล้วเข้าถนนพหลฯ ไป ไม่ต้องวนไปตามวงเวียนนะเอ้อออ

เราเลี้ยวมาทางซ้ายแล้วตรงไปยังเส้นพหลโยธิน

ถนนพหลโยธินเป็นถนนที่ยาวตั้งแต่ในเมืองไปยังนอกเมืองแถบปทุมธานี ขนานกับเส้นวิภาวดีรังสิต ทำให้มีรถเมล์ รถตู้ให้บริการจอดรับ-ส่งเยอะมากๆ รวมถึงมีจุดกลับรถและสะพานลอยอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งปัจจุบันบนถนนพหลโยธินมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทำให้ช่องทางการจราจรน้อยลงจากที่เคยกว้าง 3 เลนเหลือ 2 เลน พอเลยจากวงเวียนมานิดเดียวทางซ้ายมือก็คือที่ตั้งโครงการแล้ว ติดถนนเลย ส่วนทางขวาฝั่งตรงกันข้ามก็จะเป็น Hypermarket อย่าง Tesco Lotus

ถัดมาจากคอนโด Silk Place ก็จะถึงโครงการ Knightsbridge พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์ กันแล้วนะคะ

โครงการมีหน้ากว้างติดถนนพมสมควรเลย ตอนนี้ก็มีสำนักงานขายและห้องตัวอย่างให้ชมกันได้แล้วด้วยนะคะ แต่ก่อนจะเข้าไปชมในสำนักงานขาย จะพาเดินเล่นดูทำเลรอบๆ กันอีกนิดค่ะ

จากหน้าโครงการจะพาเดินต่อไปอีกหน่อย เพื่อดูว่าเราจะข้ามไป Lotus ฝั่งตรงข้ามกันได้อย่างไรกันนะ

ถัดมาจากคอนโดจะมีซอยเล็กๆ กั้น เป็นถนนส่วนบุคคล เพื่อเข้าไปที่บ้านพักอาศัยของแปลงที่ดินติดกัน ถัดไปเป็นโชว์รูม Mitsubishi

ถัดจากโชว์รูมรถก็จะเป็นซอยพหลโยธิน 57 เห็นมีรถเข้าออกอยู่ตลอดนะคะ ก็ระวังรถกันหน่อย ถัดไปจะเป็นปั๊มน้ำมัน ปตท. ก็สะดวกสบายทีเดียวสำหรับคนใช้รถส่วนตัว เพราะมีปั๊มอยู่ใกล้โครงการแค่นี้เอง

หน้าซอยพหลโยธิน 57 จะมีพี่วินคอยให้บริการด้วยนะคะ ราคาก็ตามป้ายเลย

เดินผ่านหน้าปั๊ม ปตท. มา เห็นในปั๊มมีร้านกาแฟอเมซอนและมี 7-11 ที่เปิดให้บริการกันด้วย ถือเป็นแหล่งพึ่งพิงยามดึกให้กับลูกบ้านได้เหมือนกันนะ แต่ในโครงการ Knightsbridge ก็มีร้านค้าอยู่ 3 ร้านเช่นกัน ก็ต้องรอดูว่าจะเป็นร้านอะไรค่ะ

จากหน้าปั๊ม ปตท. ออกมานิดเดียวจะมีป้ายรถเมล์อยู่ และถัดจากป้ายรถเมล์ก็จะมีสะพานลอยข้ามไปฝั่งตรงข้ามแล้วค่ะ

จากโครงการถึงสะพานลอยนี้ก็มีระยะประมาณ 150 ม. หลายๆ คนอาจสงสันว่า ทำไมไม่ขึ้นสะพานลอยที่เห็นอยู่ติดกับโครงการ คือเค้ากำลังรื้อออกแล้วนะคะ โดยทางโครงการให้ข้อมูลว่าในอนาคต ทาง Tesco Lotus ได้ขอทำทางเดินเชื่อมจากสถานีวัดพระศรีมหาธาตุเข้ากับห้าง Lotus ถ้าได้จริงก็เป็นผลดีกับผู้ที่อยู่คอนโด Knightsbridge พหลฯ-อินเตอร์เชนจ์ ด้วย จะได้เดิน Sky Walk เชื่อมจากสถานีมาลงแถวหน้าโครงการได้เลยค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

มาดูพื้นที่รอบๆโครงการกันบ้าง ในระยะใกล้เคียงนั้นส่วนใหญ่ไม่มีอาคารสูงที่เกิน 8 ชั้นเลยนะคะ จะมีเพียงคอนโด Slik Place 15 ชั้น ที่อยู่ติดกับโครงการเท่านั้น ซึ่งความสูงของพื้นที่บริเวณนี้ถูกควบคุมไม่ให้สูงเกิน 41 ม. ตีเป็นชั้นก็ประมาณ 15 ชั้น จึงคาดได้เลยว่าไม่น่ามีคอนโดสูงกกว่านี้ขึ้นมาบังวิวได้ในอนาคต

เริ่มจากทางทิศเหนือ ส่วนด้านหน้าที่ติดกับโครงการตอนนี้เป็นโชว์รูม Mitsubishi ถัดเข้าไปในซอยจะเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น ส่วนทิศตะวันออก ติดกับถนนพหลโยธิน ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งของกรมทหารขนส่งรักษาพระองค์และลานจอดรถของ Tesco Lotus ฝั่งทิศใต้ ติดกับคอนโด Silk Place สูง 15 ชั้นเท่ากับโครงการ ซึ่งถ้าดูตามผังโครงการก็จะเห็นว่าโครงการมีการออกแบบตัวตึกไม่ให้ขนานกับคอนโดนี้ เพื่อเปิดให้ห้องพักได้วิวที่โล่งขึ้น จะเป็นอย่างไรจะอธิบายในผังอีกทีนะคะ สุดท้ายฝั่งทิศตะวันตกเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น และคอนโด Regent Home 8 ชั้นค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร 800 เมตร
  • Tesco Lotus 950 เมตร
  • Max Valu 1.3 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล 1.5 กิโลเมตร
  • สำนักงานเขตบางเขน 1.8 กิโลเมตร
  • กรมทหารราบที่ 11 2.1 กิโลเมตร
  • Central รามอินทรา 2.2 กิโลเมตร
  • ตลาดยิ่งเจริญ 2.4 กิโลเมตร
  • BigC Supermarket 2.5 กิโลเมตร
  • ม.ศรีปทุม 3.7 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสารวิทยา 4.1 กิโลเมตร
  • ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ 4.5 กิโลเมตร
  • สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ 4.8 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน 5.5 กิโลเมตร
  • สนามกอล์ฟราชพฤกษ์ 6.3 กิโลเมตร
  • Major รัชโยธิน 6.6 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลวิภาวดี 6.8 กิโลเมตร
  • Central ลาดพร้าว 8 กิโลเมตร
  • สนามบินดอนเมือง 8.1 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการเป็นคอนโด High Rise 15 ชั้น 1 อาคาร แบ่งออกเป็น 2 ทาวเวอร์ โดยทาวเวอร์ 1 จะอยู่ด้านหน้าติดกับทางเข้าโครงการ ส่วน Tower 2 จะถัดเข้าไปด้านใน โครงการสามารถเข้าออกได้ทางเดียวคือทางถนนพหลโยธินนะคะ ด้านซ้ายของโครงการติดกับคอนโด Silk Place 15 ชั้น ส่วนด้านขวาติดกับโชว์รูม Mitsubishi ค่ะ

ทางเข้าโครงการจะต้องใช้ Keycard Scan ผ่านเข้า-ออก ในส่วนของทางเดินรถภายในโครงการจะเป็นแบบวันเวย์โดยวนไปทางขวา (ตามลูกศรประกอบนะคะ) ส่วนใครที่จะเข้ามาส่งลูกบ้านบริเวณ Drop-Off ของ Main Lobby จะต้องวนไปทางซ้าย พอส่งลูกบ้านเสร็จก็สามารถวนออกนอกโครงการได้เลยค่ะ ส่วนทางซ้ายที่ติดกับทางเข้าโครงการจะมีสวนเล็กๆ ช่วยสร้างบรรยากาศร่มรื่นตั้งแต่หน้าทางเข้าโครงการเลย

ผ่านทางเข้ามาจะเจอร้านค้าอยู่ 3 ร้าน เป็นที่พึ่งพิงสำหรับลูกบ้าน ผ่านร้านค้าเข้าไปด้านในจะมี Private Lobby อีกจุดหนึ่ง สำหรับใครที่อยู่ Tower 2 ก็มาใช้ Private Lobby จะเดินขึ้นลิฟต์ได้ใกล้กว่านะ ผ่าน Private Lobby ไปก็จะมีทางเข้าที่จอดรถใต้อาคาร โดยบริเวณด้านหน้า Private Lobby จะมีพื้นที่สีเขียวจัดเป็นมุมเล็กๆ มีทางเดินนิดหน่อย และมีพื้นที่นั่งเล่นเอาไว้ให้กระจายตามจุด อยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ที่ลงเอาไว้ให้ นอกจากพื้นที่สีเขียวตรงนี้ก็จะมีพื้นที่สีเขียวบนชั้น Rooftop อีกตำแหน่งหนึ่งค่ะ

วนเข้ามาด้านในจะมีที่ทางเข้าที่จอดรถในอาคารอีกตำแหน่งหนึ่ง อยู่บริเวณใต้สระว่ายน้ำค่ะ

ขึ้นมาดูพื้นที่ส่วนหลักๆ ของโครงการกันบ้าง จะถูกจัดวางไว้บริเวณชั้น 4-5 เชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่ใหญ่ ทำให้บรรยากาศดูเหมือนส่วนกลางของหมู่บ้านเลยนะ โดยหลักๆ จะมีสระว่ายน้ำรูป L-Shape ยาวถึง 35 ม. พร้อมพื้นที่สีเขียวรอบสระ ส่วนด้านข้างสระทางขวาจะมีพื้นที่ส่วนกลางในอาคาร ที่เปิดออกให้เห็นวิวสระ ซึ่งหลักๆ ก็จะมี Lounge, Fit Club และ Yoga Room

มาดูผัง Master Plan ของโครงการกันต่อ จะเห็นว่ามี Lobby อยู่ 2 ตำแหน่ง คือ Grand Lobby (หมายเลข 1) และ Private Lobby (หมายเลข 4) โดยในส่วน Grand Looby จะติดอยู่กับ Business Room และ Co-Working Space ทำให้พื้นที่ส่วนนี้เป็นพื้นที่หลักสำหรับรับรองแขก คุยงาน คุยธุรกิจ ได้สะดวก และหากลูกบ้านต้องการ Lobby ที่สงบขึ้นมาหน่อยก็จะมี Private Lobby ด้านหลังอีกตำแหน่งหนึ่ง

สำหรับที่จอดรถจะมีที่จอดทั้งรอบอาคารและในอาคาร โดยที่จอดในอาคารจะสามารถจอดได้ถึงชั้น 3 นับช่องจอดแบบรวมซ้อนคันแล้วจะมีที่จอดประมาณ 53 % ส่วนโถงลิฟต์ของ Tower 1 และ 2 จะแยกกัน ซึ่งแต่ละ Tower จะมีลิฟต์ 3 ตัว และ Service Lift 1 ตัว ดังนั้นอัตราส่วนจะอยู่ที่ 121:1 เท่านั้น ถือว่าปกติ ไม่แน่นมาก

ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเริ่มเป็นชั้นที่มีห้องพักอาศัยเป็นชั้นแรก แต่จะมีห้องพักเฉพาะ Tower 1 นะคะ ในส่วนของ Tower 2 จะเป็นที่จอดรถอยู่ค่ะ ในส่วนเรื่องของวิวที่ชั้น 3 นั้น คงไม่ได้หวังวิวสักเท่าไหร่ แต่ดูการวางตัวของอาคาร ถือว่าวางตัวมาให้เปิดมุมมองที่กว้างขึ้น คือไม่ได้วางขนานไปกับอาคารข้างเคียง แต่จะวางเอียงๆ เพื่อเปิดพื้นที่ด้านข้าง จึงไม่มีอาคารที่บล๊อกวิว บล๊อกลม ในระยะประชิดมาก ก็จะได้วิวของสวนภายในโครงการอยู่ค่ะ

ขึ้นมาชั้น 4 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งชั้นและเป็นชั้นที่มี Facilities หลักของโครงการด้วย โดยผังอาคารจัดไว้ค่อนข้างดี มีการแยกส่วนพื้นที่ห้องอาศัยกับพื้นที่ส่วนกลางออกจากจันอย่างชัดเจน ทำให้ผู้อยู่อาศัยในชั้นนี้ได้รับความเป็นส่วนเช่นเดียวกับห้องพักอาศัยในชั้นอื่นๆ สำหรับพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นนี้หลักๆ จะมีสระว่ายน้ำ และพื้นที่สีเขียวรอบสระ ส่วนที่อยู่ในอาคารหลักๆ ก็จะมีกิจกรรมในร่มอย่าง สนุ๊กเกอร์, Sunken Lounge, Bean Bag Zone และพื้นที่ให้บริการอย่างห้องซักรีด และตู้ขายของหยอดเหรียญ เป็นต้น ตำแหน่งของสระว่ายน้ำได้รับการออกแบบให้ถูกล้อมด้วยอาคาร 3 ฝั่ง ส่วนอีกฝั่งหนึ่งโดนบล๊อกด้วยคอนโดสูง 15 ชั้นที่อยู่ด้านข้าง ทำให้พื้นที่ได้ร่มเงาอาคารตลอดวัน สระว่ายน้ำจึงสามารถใช้งานได้ตั้งแต่ช่วงบ่าย สำหรับห้องพักอาศัยของTower 1 ในชั้นนี้มีทั้งหมด 20 ยูนิต ส่วน Tower 2 ในชั้นนี้มีทั้งหมด 36 ยูนิต ซึ่งทางโครงการเน้นไปที่แบบ 1 Bedroom ให้มีจำนวนห้องมากที่สุด

ทางโครงการวางแปลนอาคารค่อนข้างดี คอยหลบอาคารสูงโดยรอบให้ โดยวางสันตึกและพื้นที่ส่วนกลางไว้ฝั่งที่ติดกับคอนโดสูง 15 ชั้น ทำให้วิวโดยรอบจะไม่โดนบล๊อกแบบจังๆ ทางเดินภายในอาคารจัดเป็น Double corridor วางห้องพักขนาบทางเดิน 2 ฝั่ง มีช่องแสงที่ปลายทางเดินอาคาร ทำให้ทางเดินจะต้องอาศัยแสงจากดวงไฟแทนค่ะ

มาต่อกันที่ ชั้น 5 ของตึกค่ะ จะมีส่วนกลางบางอย่างที่อยู่บนชั้นนี้ด้วยเช่นกัน ได้แก่ Yoga Room และ Fit Club ซึ่งทางขึ้นบันไดจะอยู่บริเวณริมสระว่ายน้ำบนชั้น 4 ทั้ง 2 ส่วนจะหันหน้าเข้าสระว่ายน้ำส่วนกลาง ทำให้ได้วิวสระว่ายน้ำ ช่วยสร้างบรรยากาศให้พื้นที่น่าใช้สอยค่ะ สำหรับห้องพักอาศัยของTower 1 ในชั้นนี้มีทั้งหมด 20 ยูนิต ส่วน Tower 2 ในชั้นนี้มีทั้งหมด 39 ยูนิต เน้นเป็นห้องแบบ 1 Bedroom เหมือนที่ชั้น 4 สำหรับเรื่องวิวจะคล้ายๆ กับชั้น 4 เลยนะคะ

ขึ้นมาที่ชั้น 6 ผังจะคล้ายๆ กับชั้น 5 เลยนะคะ ต่างกันที่ตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นมา จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้นแล้วค่ะ สำหรับวิวตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไป ก็จะโล่งๆ เกือบทุกด้านเลย ยกเว้นทางทิศตะวันตกที่มีคอนโด 15 ชั้นบล๊อกวิวอยู่ แต่ก็ยังดีที่ไม่ได้อยู่ในระยะประชิดมากนัก ทำให้มีพื้นที่ระหว่างอาคารพอสมควรค่ะ

สำหรับชั้น 14 แปลนอาคารจะเหมือนชั้น 6-13 เลย ต่างกันที่ห้องในชั้นนี้จะเป็นห้องแบบ 2 ชั้นทั้งหมดค่ะ ส่วนเรื่องวิวจะคล้ายๆ ชั้น 13 คือเปิดโล่งเกือบหมดทุกด้าน ยกเว้นทางทิศตะวันตกค่ะ

สำหรับชั้นบนสุดของอาคาร จะเป็นชั้นดาดฟ้า ซึ่งทางโครงการจัดสวนไว้ให้ เป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านทุกห้องสามารถขึ้นมานั่งเล่นชมวิวได้จากบนนี้ แต่เวลาในการใช้งานคงจะเหมาะเฉพาะตอนเย็นๆ เท่านั้น โดยจะแบ่งเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมย่อยๆ หลายอย่าง เช่น พื้นที่ปาร์ตี้ ทำบาร์บีคิว, สวน, จุดชมวิว และมีสะพานเชื่อมระหว่าง 2 อาคารด้วยค่ะ ตำแหน่งของสวนจะเน้นไปทางฝั่งที่หันออกนอกเมือง ทำให้วิวที่ได้ค่อนข้างจะโปร่งโล่งทีเดียว

ภาพจำลองบรรยากาศภายนอกโครงการดูเรียบๆ แต่ก็มีลูกเล่นด้วย Main Lobby หน้าโครงการ ทำมาในแบบ Double Volume ซึ่งใช้วัสดุเป็นบานกระจก ทำให้ดูโปร่ง และมีความหรูหรา

ภาพจำลองบรรยากาศภายในโครงการ ส่วนของ Main Lobby ที่ตกแต่งในสไตล์ Modern Luxury เน้นใช้วัสดุธรรมชาติอย่างหินอ่อน เหมาะจะเป็นพื้นที่รับแขกหรือนั่งคุยงานได้

ภาพจำลองบรรยากาศภายในพื้นที่ Co-Working Space ในชั้น 1 บรรยากาศค่อนข้างโปร่งด้วยผนังกระจกด้านข้างที่เปิดให้แสงธรรมชาติจากภายนอกเข้ามาด้านในอาคาร

ภาพจำลองสระว่ายน้ำส่วนกลางของโครงการเป็น L-Shape ระบบเกลือ มีความยาวถึง 35 ม. ส่วนพื้นที่ห้องกระจกที่อยู่ด้านหลัง เป็นพื้นที่ส่วนกลางในอาคาร ที่หันหน้าออกมารับวิวสระว่ายน้ำพอดี บริเวณพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ จะกระจุกกันอยู่บริเวณนี้ ทำให้รู้สึกว่าส่วนกลางค่อนข้างใหญ่ และน่าใช้งาน

 

ภาพจำลองบรรยากาศสวนบนดาดฟ้า บริเวณสะพานเเชื่อม 2 อาคาร ชั้นนี้จะมีไว้นั่งเล่น ชมวิว เป็นหลัก แต่ก็จะมีพื้นที่จัดเตาปิ้งบาร์บีคิวด้วยนะคะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

Ground Floor :

  • Business Room
  • Co-working Space
  • Private Lobby
  • ร้านค้า 3 ยูนิต
  • Rolling Hill Garden
  • Pocket Garden
  • Playground

4th Floor :

  • Game Pool
  • Laundry
  • Coin operate vending machine
  • Private nook
  • Sunken lounge
  • Bean bag zone
  • Sun bed
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ รูปตัว L ความยาว 35 เมตร
  • Curve Jacuzzi
  • Reflecting pond
  • Multipurpose lawn
  • Secret Garden
  • Semi Outdoor Terrace

5th Floor :

  • Yoga room
  • Fit club

15th Floor :

  • The Excited Sky bridge
  • Sky lounge
  • Sky sunset party
  • Sky rolling Garden
  • Sky BBQ area
  • Sky Social deck

สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกหลักๆ ได้แก่

  • ลิฟท์โดยสาร 6 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 121 :  1
  • Service Lift 2 ตัว
  • ที่จอดรถรวมจอดซ้อนคันแล้วประมาณ 53 %
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

สำหรับรูปแบบห้องของโครงการในแบรนด์ Knightsbridge จากออริจิ้นนั้น เราก็คงจะได้เห็นกันมาหลายทำเลแล้ว แต่สำหรับโครงการนี้จะมีการปรับรูปแบบห้องให้เกิดความลงตัวมากขึ้น ซึ่งขายแบบ Fully Furnished เรียกได้ว่าแทบจะยกกระเป๋าเข้ามาก็พร้อมอยู่แล้วนะคะ

เริ่มจากห้องตัวอย่างของโครงการ ห้องแรกกันนะคะ คือแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร เป็นแบบห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ  รูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ โดยมีพื้นที่ ห้องนั่งเล่นเป็นส่วนแรก และถัดเข้าไปด้านในเป็นประตูกระจกบานเลื่อนแบ่งพื้นที่ของห้องนอนเอาไว้ ทำให้แสงจากหน้าต่างในห้องนอนสามารถผ่านหน้าต่างเข้ามาถึงห้องนั่งเล่นได้ ซึ่งเวลามองจากหน้าประตูเข้ามาก็จะได้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง เพราะสามารถมองทะลุไปได้จนถึงหน้าต่างเลยทีเดียว ส่วนพื้นที่ทางขวาจะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ห้องย่อยๆ คือห้องน้ำและห้องครัว โดยด้านในห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อนเปิดออกไปยังระเบียงทำให้มีตัวช่วยในการระบายกลิ่นจากการประกอบอาหารได้ดี สำหรับห้องน้ำถูกจัดวางให้อยู่ด้านในอาคาร ทำให้ภายในห้องน้ำจะไม่มีหน้าต่างนะคะ จึงต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆ

เริ่มจากทางเข้าห้องนะคะ ประตูเป็นบาน HDF ขนาดมาตรฐาน 0.8 x 2.2 เมตร จากความสูงภายในห้อง 2.55 เมตร

มือจับประตูได้แบบก้านโยกพร้อม Digital Doorlock จาก Hafele ค่ะ

เข้ามาจากหน้าประตูจะเจอพื้นที่นั่งเล่น ถ้ามองผ่านส่วน Living เข้าไปด้านในจะเป็นประตูกั้นพื้นที่ห้องนอน ที่สามารถมองผ่านไปจนถึงหน้าต่างด้านในห้องนอนได้เลย พื้นห้องได้เป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มิลลิเมตร ส่วนผนังจะได้แบบฉาบเรียบทาสีขาวนะคะ

รายการการขายที่ในวันที่เข้าไปเก็บข้อมูลจะเป็นไปแบบ Fully Furnished คือให้ชุดเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ที่เห็นภายในห้องตัวอย่าง แต่ก็จะมีบางชิ้นเล็กๆน้อยๆที่เป็นชิ้นตกแต่ง เดี๋ยวก็จะบอกเป็นชิ้นๆไป พร้อมทั้งยังมีแอร์ให้ทุกห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างทีวี ตู้เย็น หรือไมโครเวฟนะคะ

ห้องนั่งเล่นจัดวางโซฟาตัวยาวแบบ 2-3 ที่นั่งและชั้นดูทีวีไว้ ในห้องนี้จะได้เฉพาะโซฟาตัวยาว ซึ่งแบบอาจจะไม่เหมือนห้องตัวอย่างเป๊ะๆ แต่ก็เป็นแบบ 2-3 ที่นั่งเหมือนกัน และจะได้ชั้นวางทีวีเหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ

มาดูชั้นวางทีวีกัน จะได้ทั้งตู้ด้านล่างและตู้ลอยแบบนี้เลย เป็นลายไม้เก็บขอบด้วยสีชมพูทอง ภายในจะแบ่งเป็นช่องใส่ของไว้หลายช่อง แต่จะมีบานเลื่อนเปิดปิดให้ฝั่งเดียว ก็แล้วแต่เจ้าของห้องว่าจะเลือกปิดฝั่งไหน หรือฝั่งไหนจะเป็นตู้โชว์ มีแอบบอกนิดนึงว่า ทางโครงการตั้งใจทำตู้ล่างที่ติดกับประตูมาให้เป็นชั้นเก็บรองเท้านะคะ ก็จะลงตัวดีถ้าเลื่นบานตู้ไปปิดฝั่งรองเท้าไว้ค่ะ ส่วนตรงกลางจะเว้นพื้นที่ไว้ให้ติดทีวีแบบแขวนได้

ระยะดูทีวีในห้องนั่งเล่นอยู่ที่ประมาณราวๆ 2 เมตรนิดๆ มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 46 นิ้ว

ผ่านห้องนั่งเล่นเข้ามาด้านใน มีประตูบานเลื่อนสองบานเป็นประตูห้องนอนและห้องครัว สังเกตุกรอบประตูห้องนอนจะได้สูงเท่าฝ้าเพดานทำให้ห้องดูกว้างขวางดีเพราะเห็นทะลุกันได้หมด ส่วนวัสดุเป็นอลูมิเนียมอบสีดำ

ประตูบานเลื่อนเป็นแบบ 3 ตอน มีข้อดีที่ทำให้สามารถเปิดประตูห้องได้กว้างกว่าประตูแบบ 2 ตอน จึงสามารถเดินผ่านเข้าออกได้สะดวก

ประตูมีตัวล็อกเป็นแบบเลื่อนขึ้น-ลง

บานประตูมีการฝังกรอบบานเลื่อนลงไป ทำให้เดินไม่สะดุด และดูเรียบร้อยดีค่ะ

ในห้องนอนมีพื้นที่พอสมควรให้วางเตียงขนาดใหญ่พร้อมกับตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ได้

ภายในห้องจัดวางเตียงขนาดใหญ่ไว้ด้านใน มีพื้นที่ปลายเตียงเหลือเล็กน้อยจึงวางชั้นวางทีวีไม่ได้ แนะนำให้ติดทีวีแบบแขวนผนังแทนนะคะ ซึ่งทางโครงการจะเดินปลั๊กและสวิตซ์ไฟไว้ให้เรียบร้อย

ภายในห้องมีนอนจะมีช่องแสงเป็นบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง จึงมีช่องให้เปิดรับลมและระบายอากาศได้บ้าง

สำหรับตู้เสื้อผ้าทางโครงการจะ Built-in ไว้ให้ สูงถึงฝ้าเพดานเลย ทำให้สามารถใช้พื้นที่ของห้องได้เต็มความสูง ตัวตู้เป็นแบบบานเลื่อนฝั่งหนึ่งเป็นบานกระจก ให้สามารถส่องได้แบบเต็มตัว อีกบานหนึ่งเป็นบานทึบทำให้ตู้เสื้อผ้าดูเรียบร้อย ภายในตู้จะแบ่งช่องออกเป็นพื้นที่แขวนเสื้อ และชั้นเก็บของทางด้านขวา ด้านบนแบ่งเป็นชั้นวางของไว้เก็บพวกเครื่องนอนหรือกระเป๋าเดินทาง ที่อาจจะไม่ได้หยิบใช้บ่อยๆ

ออกจากห้องนอนมาดูที่บริเวณหน้าห้องครัวกันต่อ ทางโครงการจัดส่วนนี้ไว้เป็นโต๊ะทำงานแบบ Built-in หรือใครจะใช้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งก็ลงตัวดีค่ะ

สำหรับพื้นที่นี้จะได้โต๊ะ, ชั้นวางของมาพร้อมตู้ลอยแบบนี้เลยนะคะ ที่จะไม่ได้คือเก้าอี้สตูลอย่างเดียว ดึงลิ้นชักและเปิดตู้ออกมาให้ดูจะเห็นว่ามีพื้นที่เก็บของเยอะทีเดียว

มาต่อกันที่ห้องครัวทางฝั่งซ้ายของโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นประตูเลื่อนแบบ 2 ตอน ทำให้เปิดได้ไม่กว้างนักประมาณ 0.7 ม. ถ้าเวลาที่ถือจาน หรือถือหม้อออกมาจากห้องครัว อาจจะต้องเอียงตัวหน่อยนะคะ

รางประตูทางเข้าห้องครัวเป็นแบบเซาะร่องลงไปกับพื้น ทำให้ไม่ต้องกลัวเดินสะดุดค่ะ

พื้นทางเดินภายในห้องครัว มีความกว้างอยู่ที่ประมาณ 70 ซม. ปูพื้นด้วยลามิเนตต่อเชื่อมมาจากห้องนั่งเล่น ถ้าเวลาทำครัวแล้วเกิดน้ำมันกระเด็น หรือมีคราบสกปรกจะทำความสะอาดยากกว่าปูด้วยกระเบื้องนะคะ ดังนั้นจึงต้องระวังด้วยค่ะ

ภายในห้องครัวจะได้เคาน์เตอร์ทางขวามาเหมือนในห้องตัวอย่างเลยนะคะ แต่จะไม่ได้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น เครื่องซักผ้าและไมโครเวฟค่ะ

เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีลิ้นชักสำหรับใส่ช้อนส้อม จานชาม และมีช่องเว้นไว้สำหรับวางไมโครเวฟด้วย ตรงกลางเคาน์เตอร์เว้นช่องไว้สำหรับใส่เครื่องซักผ้า โดยห้องตัวอย่างใส่เครื่องซักผ้าไว้ขนาด 8 กิโลกรัม

ลองเปิดเคาท์เตอร์ครัวด้านล่างให้ดูระยะว่าเปิดลิ้นชัก หรือประตูตู้มาแล้ว ยังจะเหลือพื้นที่นิดหน่อยให้ก้มลงไปหยิบของได้ ซึ่งบานพับตู้เป็นแบบ Soft Close นะคะ

มือจับตู้ลิ้นชักถูกออกแบบให้ขอบด้านบนถูกเฉือนเป็นสามเหลี่ยม เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงลิ้นชักออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดอีกต่อไปค่ะ

มาดูพื้นที่บนเคาน์เตอร์ครัวกันต่อ มีพื้นที่พอสมควรเลยทีเดียว คือมีทั้งส่วนปรุงอาหาร ส่วนเตรียมอาหาร และส่วนซิงค์ล้างจาน ส่วน Backsplash ด้านหลังจะไม่ได้ให้มานะคะ คงจะต้องติดเพิ่มกันเองเพื่อป้องกันผนังเลอะนะคะ

โครงการให้เตาไฟฟ้ามาแบบ 2 หัว ของ Schott Ceran มาพร้อมเครื่องดูดควันของ Haffele ซึ่งจะได้มาเป็นระบบหมุนเวียนนะคะ

ซิงค์ล้างจาน 1 หลุมพร้อมก๊อกน้ำของ Haffele ที่ให้มา มีขนาดพอจะใส่หม้อและจานได้พอสมควร และมีความลึกพอที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ

ถัดไปจากเคาน์เตอร์ครัวเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็น ซึ่งสามารถใส่ตู้เย็นที่มีขนาด 7.4 คิวได้ ถ้าจะซื้อตู้เย็นมาใส่ก็ต้องดูขนาดให้พอดีนะคะ

เคาน์เตอร์ลอยด้านบนเป็นตู้แบบมีบานปิดและช่องโล่ง ส่วนตัวชอบตรงที่มีติดไฟใต้ชั้นวางของมาให้ด้วย ซึ่งหาได้ยากในโครงการที่ราคาต่อตารางเมตรประมาณนี้นะคะ

ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนแบบ 2 ตอน สำหรับออกไปยังระเบียง โดยขอบประตูจะก่อปูนขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อกั้นน้ำเข้ามาภายในห้อง

ระเบียงมีขนาด 0.9 x 1.3 เมตร ให้พอวางราวตากเสื้อผ้า พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิกแบบด้านจึงช่วยกันลื่นได้

ด้านข้างเป็นที่วาง Compressor แอร์ 2 ตัว แบบเป่าเข้าพื้นที่ระเบียงเต็มๆ ต้องรอดูว่าจะมี Grill ปรับทิศทางลมร้อนให้ระบายออกด้านนอกไหมนะคะ

ต่อไปจะพาไปดูห้องน้ำที่อยู่ทางขวามือของโต๊ะทำงานนะคะ บานประตูที่ห้องตัวอย่างไม่ได้ใส่เข้ามาด้วยเป็นแบบบาน HDF เช่นเดียวกับประตูหน้าห้อง พื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิก แยกพื้นที่ออกเป็นส่วนเปียกและส่วนแห้งด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยและขอบธรณี ภายในติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ไว้เรียบร้อย ส่วนหนึ่งที่ชอบคือกระจกได้บานใหญ่แบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ

อ่างล้างหน้ามีขนาดให้พอสมควร ด้านล่างเปิดช่องโล่งให้เก็บของได้เล็กน้อย 

สุขภัณฑ์สีขาวสะอาดตาจาก Mogen พร้อมสายฉีดชำระ และที่ใส่ม้วนทิชชูจาก VRH

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ กว้าง 0.8 x 1.1 เมตร ซึ่งถูกกั้นด้วยกระจกนิรภัย มือจับมีติด Stopper ไว้ด้านหลัง เพื่อกันไม่ให้กระจกชนกับผนังด้านในค่ะ

หน้าตาฝักบัวที่โครงการให้ของ VRH ด้านข้างมีที่วางสบู่

ดูหัวฝักบัวกันชัดๆ ขนาดกำลังดี เหมาะมือ

ห้องตัวอย่างอีกห้องหนึ่งเป็น 1 Bedroom Plus Suite คือเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และ 1 ห้องเอนกประสงค์ จะคล้ายๆ กับห้องแรก แต่ห้องนี้จะไม่ได้ครัวปิดเหมือนแบบที่แล้วจึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้ชอบทำครัวหนักๆ แต่จะได้ห้องอเนกประสงค์เพิ่มมาอีก 1 ห้อง ซึ่งสามารถที่จะจัดเป็นห้องนอนเล็ก, ห้องทำงานหรือห้องแต่งตัว ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ ห้องนี้มีขนาด 34 ตารางเมตร

ส่วนแรกจากทางเข้าคือห้องนั่งเล่น ซึ่งห้องนี้จะมีความกว้างที่มากกว่าห้องแรก ทำให้บรรยากาศดูโล่งขึ้น ส่วนด้านในเป็นประตูกระจกบานเลื่อนกั้นห้องนอน พื้นห้องได้ลามิเนต 8 มม. ผนังฉาบเรียบทาสีขาวเช่นเดียวกับห้องแรก สำหรับเฟอร์นิเจอร์ได้แบบ Fully Furnished จะได้ชิ้นไหนบ้าง เดี๋ยวก็จะบอกเป็นชิ้นๆ ไปนะคะ

ในส่วนของห้องนั่งเล่นจะได้โซฟาแบบ 2-3 ที่นั่ง 1 ตัว พร้อมชั้นวางทีวี ที่ได้ทั้งตู้ด้านล่างแบบลอย และด้านบนที่เป็นตู้แบบบานปิดแบบเดียวกับห้องแรกเลย ส่วนชั้นวางของที่อยู่ข้างประตูจะไม่ได้ให้มานะคะ ผู้อยู่อาศัยสามารถไป Built-in เองตามแบบที่ชอบได้เลย

ระยะดูทีวีของห้องนี้กว้างขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 2.6 เมตร จึงสามารถติดทีวีที่มีขนาดใหญ่ได้ถึง 55 นิ้วเลย

ผ่านห้องนั่งเล่นเข้ามาด้านในมีประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ซึ่งกั้นพื้นที่ห้องนอนไว้ ส่วนทางขวามือเป็นห้องอเนกประสงค์ค่ะ

ภายในห้องนอนจัดวางเตียงขนาดใหญ่พร้อม Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ ผังห้องนอนจะเหมือนกับห้องนอนในห้องแบบแรกเลยนะคะ โดยปลายเตียงจะมีการเดินปลั๊กไฟไว้ให้สำหรับตั้งทีวีแบบติดผนัง ช่องแสงภายในห้องเหมือนห้องที่แล้วเป๊ะ คือเป็นแบบบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง สำหรับรับลมและระบายอากาศได้

ข้างเตียงมีตู้เสื้อผ้าเป็นแบบบานเลื่อน Built-in สูงถึงฝ้าเพดานเหมือนกับห้องแรกที่พาไปชมเลย แต่ตู้ในห้องนี้จะกว้างขึ้นอีกหน่อย ตามขนาดของห้องค่ะ

พอวางเตียงไว้ด้านใน ก็จะเหลือพื้นที่ด้านข้างเตียงกว้างประมาณ 1.3 ม. ให้สามารถยืนแต่งตัวได้สบายๆ

มาดูพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ถ้าจำห้องแรกกันได้พื้นที่ตรงนี้จะเป็นตำแหน่งของโต๊ะทำงานและจะถูกขนาบ 2 ฝั่งด้วยห้องครัวและห้องน้ำ แต่สำหรับห้องนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นพื้นที่ครัวแบบเปิดโล่ง ฝั่งซ้ายเป็นห้องอเนกประสงค์ ส่วนฝั่งขวาเป็นห้องน้ำค่ะ โดยพื้นที่ตรงนี้ครัวเปิดตรงนี้จะได้เคาน์เตอร์ครัวตามแบบในห้องตัวอย่างนี้เลย

ตัวเคาน์เตอร์จัดมาแบบ 2 ช่อง เป็นตำแหน่งของเตาไฟฟ้าและซิงค์ล้างจาน ส่วนพื้ที่เตรียมอาหารจะแยกไปอยู่อีกเคาน์เตอร์หนึ่ง โดยอุปกรณ์ต่างๆ จะได้สเปคเดียวกับห้องแบบแรกนะคะ

ส่วนตู้ลอยด้านบนเป็นตู้บานปิดผสมตู้ช่องโล่ง พอให้สามารถเก็บจานชามได้

อีกเคาน์เตอร์นึงจะอยู่เยื้องๆ กัน ด้านบนสามารถใช้เป็นพื้นที่เตรียมอาหาร และมีโต๊ะที่สามารถพับเปิดขึ้นมาได้อีก เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการเตรียมอาหาร ด้านล่างเป็นช่องไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้า ส่วนตู้ลอยด้านบนเป็นแบบมีบานปิดผสมกับช่องโล่งไว้วางไมโครเวฟได้ค่ะ

มาต่อกันที่ห้องน้ำที่อยู่ข้างๆ กัน ภายในจัดเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรก โดยจะแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งไว้เรียบร้อย ภายในติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ไว้เรียบร้อย  หลักๆ จะได้ยี่ห้อ Mogen และ VRH

ส่วนห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องน้ำ ภายในมีพื้นที่ให้สามารถจัดเป็นห้องนอนเล็กๆ ได้ หรือจะจัดเป็นห้องทำงาน ห้องนั่งเล่น ก็แล้วแต่ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยเลยค่ะ ประตูจะได้เป็นบานเลื่อนแบบ 2 ตอน

พื้นที่ภายในห้องอเนกประสงค์มีขนาดประมาณ 1.9 x 2.5 ม. พื้นปูด้วยลามิเนตหนา 8 มม. เช่นเดียวกับพื้นที่ส่วนกลาง

ด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนแบบเปิดได้ทั้งสองด้านออกไปยังระเบียงด้านนอก

โดยพื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 0.8 x 1.9 เมตร จึงมีพื้นที่พอให้วางราวตากผ้าได้ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ช่วยกันลื่นได้ดีกว่ากระเบื้องทั่วไปค่ะ

หน้าตาของปลั๊กไฟ และ สวิตซ์ไฟจาก Siemens ค่ะ

ต่อไปจะพามาชมแบบห้อง 1 Bedroom ขนาด 23 ตารางเมตรกันอีกสักแบบหนึ่งนะคะ ซึ่งแบบนี้เป็นแบบที่ถูกปรับใหม่ เพื่อให้พื้นที่ส่วนห้องนอนและห้องนั่งเล่นเปิดโล่งเชื่อมถึงกัน เกิดเป็นพื้นที่ใช้งานโล่งๆ และได้แสงธรรมชาติจากหน้าต่างด้านใน ส่วนประตูบานเลื่อนจะกั้นในส่วนของห้องครัวแทน ทำให้ได้เป็นแบบครัวปิด แต่อย่างไรก็ตามตำแหน่งของห้องครัวและห้องน้ำที่อยู่ด้านในอาคาร จะทำให้ทั้ง 2 ห้องไม่มีหน้าต่างไว้ระบายอากาศจึงต้องพึ่งพาระบบดูดอากาศของอาคารล้วนๆ นะคะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่าค่ะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 13 June 2017

  • 1 Bedroom เนื้อที่ 23 ตร.ม. ราคา 1.89 ล้านบาท หรือ 82,174 บาท/ตร.ม. (ราคาห้องโปรโมชั่น)

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง n/a บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – โครงการ Knightsbridge พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่พหลโยธินขาเข้า ก่อนถึงซอยพหลโยธิน 57 โดยถนนพหลโยธินนั้นยาวมาตั้งแต่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขึ้นเหนือไปเรื่อยผ่านปทุมธานี ทำให้การเข้าถึงโครงการสามารถเข้าได้จากถนนหลายสายทั้งที่ตัดผ่านและบรรจบ ตั้งแต่ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้าและขาออก มีสะพาน U-turn ให้เลือกกลับรถเยอะ หรือจะเป็นถนนแจ้งวัฒนะที่มาจากทางนนทบุรีที่เป็นพื้นที่รองรับการขยายเมืองอย่างศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และห้างสรรพสินค้าต่างๆสองข้างริมถนนใหญ่ รวมถึงอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญที่เป็นวงเวียนและสะพานข้ามแยกของถนนพหลโยธิน, ถนนแจ้งวัฒนะและถนนรามอินทรามุ่งหน้ามีนบุรี ส่วนทางเหนือเป็นถนนสายไหม ลำลูกกา ที่มีบ้านจัดสรรแนวราบเปิดอยู่หลายโครงการ ภายในบริเวณไม่เกิน 10 กิโลเมตรก็จะมีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่หลายแห่ง, โรงเรียน,วัด, เขตทหาร รวมไปถึงสนามบินดอนเมือง

ซึ่งถ้าเรามองในแง่คนที่อาศัยอยู่ภายในพื้นที่อยู่แล้วหรือทำงานประจำอยู่แถบวิภาวดี-นนทบุรี-มีนบุรี จะถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่ความสะดวก แต่ปริมาณรถในช่วงเช้า-เย็น ช่วงเข้างานและหลังเลิกงานก็จะมีปริมาณมาก เนื่องจากถนนพหลโยธินนั้นผ่านตั้งแต่พื้นที่ในเมือง ลาดพร้าว และขึ้นไปยังพื้นที่ที่อยู่อาศัย รวมถึงขนานกับเส้นวิภาวดีรังสิตที่เป็นถนนเส้นหลัก รวมถึงมีศูนย์ราชการ และสถานที่ราชการอยู่ไม่ไกล ทำให้การเดินทางในบางช่วงเวลาอาจใช้เวลานานกว่าที่คิด แต่ล่าสุดจะถนนตัดใหม่ เส้นพหลโยธิน-รัตนโกสินทร์สมโภชได้สร้างเสร็จ และเปิดให้ใช้เรียบร้อยแล้ว เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนพหลโยธินไปทางตะวันออกถึงแยกวัชรพล-สุขาภิบาล 5 ที่ใกล้กับทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์

พื้นที่ชานเมืองตอนเหนือของกรุงเทพ ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบทั้งที่จัดสรรและไม่จัดสรร ปะปนกับสิ่งปลูกสร้างที่เกื้อกูลในการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างใกล้ๆโครงการบนถนนพหลโยธินขาออกมีตลาดยิ่งเจริญที่เป็นตลาดสดขนาดใหญ่ เปิดขายตั้งแต่เช้าถึงเย็น รวมไปถึง Tesco Lotus และ BigC Supercenter ที่อยู่ไม่ไกลนัก และมีโรงพยาบาลเซ็นทรัลเยนเนอรัลอยู่ใกล้ๆกัน บนสองฝั่งของถนนส่วนใหญ่เป็นอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น โดยชั้นล่างสุดเปิดเป็นร้านอาหาร และร้านค้าต่างๆที่ง่ายต่อการซื้อ-ขาย ในซอยก็จะมีทั้งซอยตันและซอยที่ตัดผ่านเข้าไปด้านในเป็นชุมชนบ้านเดี่ยวมีเปิดเป็นบริษัทเล็กๆ บ้างนิดหน่อย รวมถึงหอพัก และอพาร์ตเมนท์หลังไม่ใหญ่ โดยรวมย่านนี้เป็นย่านค้าขายที่ค่อนข้างคึกคักเป็นที่รู้กันของคนแถวนี้ค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ – อย่างที่บอกไปตอนต้นถือว่าสะดวก เพราะอยู่ใกล้กับถนนหลักทั้งสี่สาย ส่วนทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางยกระดับอุตรภิมุข(ดอนเมืองโทลล์เวย์) ที่ถ้าเข้าเมืองแค่เลี้ยวเข้าถนนวิภาวดีรังสิตก็เจอเลย ส่วนถ้าออกเมืองให้ไปกลับรถแถวหน้าทีโอทีก่อนถึงศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แล้วกลับเข้ามาวิภาวดีรังสิตอีกครั้งก็เจอทางขึ้นฝั่งออกเมืองเลย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – เน้นไปที่เรื่องของระบบขนส่งสาธารณะในอนาคตก็จะมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวต่อขยายช่วงห้าแยกลาดพร้าว หมอชิต-คูคต โดยมีสถานีวัดพระศรีมหาธาตุและสถานีวงเวียนหลักสี่เป็นสถานี Interchange ที่เดินเชื่อมต่อกันได้ แต่ไม่ได้ใช้ตัวสถานีเดียวกัน ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่ใกล้โครงการที่สุด มีระยะห่างประมาณ 250 ม. ก็ยังอยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า เราคงจะเร่ิมเห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ไปในทางที่ดีขึ้น และเข้าถึงง่ายมาขึ้น แต่สถานการณ์ปัจจุบันที่ยังไม่มีสถานีรถไฟฟ้าใดๆในระยะ 5 กิโลเมตร เราก็ยังคงจะต้องพึ่งพารถตู้บนถนนวิภาวดีรังสิต ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนพหลโยธิน รวมถึงรถเมล์ แท๊กซี่ และพี่วินที่สามารถเรียกได้ตามถนนใหญ่หน้าโครงการ และมีสะพานลอยอยู่บนถนนพหลโยธินไม่เกิน 150 เมตร (บริเวณหน้า Tesco Lotus)

วัสดุ – ของโครงการตามราคาและรายการโปรโมชั่นวันที่เข้าไปรีวิว มีเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบชุดตามรูปแบบการขายอย่าง Fully Furnished พร้อมแอร์ครบทุกห้อง แต่ไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้า พื้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนเป็นลามิเนต 8 มม. พื้นส่วนครัวบางห้องที่กั้นแยกและระเบียงด้านนอกเป็นกระเบื้องเซรามิก ฝ้าสูง 2.55 เมตร ผนังเป็นฉาบปูนเรียบ ไม่มี Wallpaper ห้องครัวเคาท์เตอร์ครบพร้อม Hob and Hood แต่ บาง Type ไม่ได้กั้นห้องครัวแยกออกมาเป็นสัดส่วนทำให้เหมาะผู้ที่ไม่ได้มช้ครัวอาหารอย่างจริงจัง สุขภัณฑ์ในห้องน้ำของ Mogen มี Digital Doorlock ให้พร้อม ถือว่าให้มาครบแบบออกแบบให้พอดีกับห้อง

การออกแบบ – และตัวอาคารเป็นอาคารใหญ่ 1 Podium มี 2 Tower สร้างอาคารเต็มพื้นที่แปลงที่ดิน ส่วนตัวชอบการจัดวางอาคารที่พยามยามหลบอาคารรอบด้าน ไม่ให้ถูกบล๊อกวิวโดยตรง ทั้งโครงการมี 726 ยูนิต จำนวนยูนิตสูงสุดต่อชั้นที่ชั้น 6-13 คือ Tower 1 : 26 ยูนิต, Tower 2 : 40 ยูนิต มีโถงลิฟต์แยกกัน แต่ละ Tower ประกอบไปด้วยลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และมี Service Lift 1 ตัว อัตราส่วนลิฟท์อยู่ที่ 121:1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนปกติของคอนโดในแนวรถไฟฟ้า

การวางผังห้องภายในชั้นๆ หนึ่งเป็นแบบ Double Corridor มีห้องให้เลือกทั้งแบบ 1 Bedroom, 1 Bedroom Plus, 2 Bedroom และแบบห้อง 2 ชั้น ขนาดห้องตั้งแต่ 23.3 – 51.2 ตารางเมตร แต่โครงการจะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom ซะเป็นส่วนใหญ่ ห้องแต่ละแบบก็เลือกตามความต้องการขึ้นกับจำนวนคนและการอยู่อาศัย เพราะห้องบาง Type จะแยกห้องครัวออกเป็นสัดส่วนอยู่ใกล้ระเบียง ที่เหมาะสำหรับการทำอาหาร บางห้องจะมีพื้นที่ครัวอยู่ใกล้กับห้องรับแขกพื้นที่เดียว การกั้นห้องนอนบาง Type ใช้เป็นแบบบานกระจกเลื่อน ทำให้ห้องโดยรวมดูกว้าง แต่บางห้องที่ขนาดใหญ่ขึ้นอย่าง 2 Bedrooms ห้องนอนใหญ่ก็จะเป็นแบบประตูแบบปกติ 

สาธารณูปโภค – สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจัดออกมาได้น่าใช้งาน โดยหลักๆ จะอยู่บนชั้น 1 ที่ทำออกมาได้ดี มี Lobby 2 ตำแหน่ง ตำแหน่งหนึ่งเป็น Grand Lobby ซึ่งติดกับ Business Lounge และ Co-working Space ไว้ใช้รับแขก คุยงาน อีกส่วนหนึ่งเป็น Private Lobby สำหรับลูกบ้านที่ชอบความสงบ ขึ้นมาที่ชั้น 4,5 เป็นสระว่ายน้ำและส่วนกลางในอาคารที่อยู่ติดกัน ทำให้ดูน่าใช้งานเป็นเหมือนคลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่เลยทีเดียว ส่วนสุดท้ายอยู่บน Rooftop เป็นพื้นที่ชมวิวเมืองได้ 360 องศาเลย ก็ทำให้เพิ่ม Privacy และความน่าใช้ให้มันดียิ่งขึ้น ถือเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโครงการ เมื่อเทียบกับคอนโดในย่านนี้นะคะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 96,000 บาท/ตร.ม., 13 June 2017

  • ทำเล 7.5/10 – ทำเลติดถนนใหญ่และใกล้โลตัส ไม่ไกลจากตลาดยิ่งเจริญที่เป็นย่านการค้าขายของสะพานใหม่ ถือว่าทำเลดีในย่านนั้น
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – ติดถนนพหลโยธิน ยูเทิร์นไม่ไกล เดินทางสะดวกมากยกเว้นช่วงเวลารถติด แต่ถ้าใช้อุโมงค์บนเส้นพหลฯ ลอดใต้วงเวียนหลักสี่มาจะเลยโครงการไปนะคะ
  • ไม่ใช้รถ ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า 7.75/10 – ติดถนนใหญ่ในจุดที่เรียกรถง่ายมาก ปลอดภัยและไม่เปลี่ยว
  • ไม่ใช้รถ เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ 8/10 – ห่างสถานีวัดพระศรีประมาณ 250 ม. ซึ่งเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์ด้วย
  • วัสดุ 7.75/10 – Fully Furnished ได้เฟอร์ที่ออกแบบมาพอดีให้มาครบ วัสดุตามมาตรฐาน โปรโมชั่นให้แอร์ ไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • แบบ 8.0/10 – ออกแบบเพื่อหลบอาคารโดยรอบได้ดี การจัดวางตำแหน่งของส่วนกลางคำนึงถึงการใช้งานจริง ส่วนผังห้องดูลงตัวดี มีให้เลือกหลายแบบ
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – ออกแบบมาน่าใช้เพราะ รวมพื้นที่ส่วนกลางหลักๆ ไว้ด้วยกันบนชั้น 4-5 และยังมีส่วนกลางบนชั้น Rooftop โดยรวมมี Facilities ครบและมีขนาดโอเคสมราคา แต่นิดนึงคือตำแหน่งลิฟต์จะไม่ได้อยู่กลางอาคาร ทำให้ห้องที่สุดปลายทางเดินอาจจะเดินไกลนิดนึง (คะแนนเป็นคะแนนเฉลี่ย ห้องที่สะดวกและอยู่ใกล้ลิฟท์ จะเพิ่มคะแนนส่วนนี้เองก็ได้ค่ะ)
  • MAIN  CLASS
  • 7.76 / 10.00 คะแนน ณ ปัจจุบันที่ยังไม่มีรถไฟฟ้า
  • 7.8 / 10.00 คะแนน เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการ

BOTTOM LINE

Knightsbridge พหลโยธิน-อินเตอร์เชนจ์ เหมาะกับคน 2 ประเภทคือ 1.ผู้ที่มองหาคอนโดตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งในอนาคตจะใช้เชื่อมเข้าออกเมืองได้ง่ายและยังเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์กับกับสายสีชมพูไปทางศูนย์ราชการด้วย 2. เหมาะสำหรับคนที่อาศัยหรือทำงานในพื้นที่ย่านนี้อยู่แล้ว มีรถใช้ส่วนตัว และคาดหวังจะใช้รถไฟฟ้าในอนาคต อยากได้คอนโดที่มี Facilities ส่วนกลางเยอะๆ แต่งครบ พร้อมอยู่ มีงบประมาณเริ่มต้นที่ 1.89 ล้านบาทหรือผ่อนประมาณ 13,000 บาทต่อเดือน

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )