รีวิวฉบับที่ 1953 … ย้อนไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว Ideo Mobi รางน้ำ เป็นคอนโดแรกๆ ของอนันดา ที่เริ่มนำ Solar Fresh Air System เข้ามาใช้ โครงการเป็นคอนโด High Rise 31 ชั้น อยู่ห่าง BTS 650 ม. และเป็นโครงการใหม่แห่งเดียวในซอยรางน้ำที่ขายแบบ Fully Furnished ในราคาเริ่มต้น 5 ล้าน ตอนนี้โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว เราไปดูกันเลยค่ะ

Fact @ 5 October 2019

  • IDEO Mobi Rangnam (ไอดีโอ โมบิ รางน้ำ)
  • บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนน รางน้ำ เขต ราชเทวี
  • ที่ดินประมาณ 1-2-92 ไร่
  • คอนโด High Rise 31 ชั้น 1 อาคาร 366 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 20
  • ที่จอดรถประมาณ 169  คัน คิดเป็น 46 %
  • Studio 27.9-30.2 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 30.1-40.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 6.4 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 48.75-65.95 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 11 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 4.99 ล้านบาท / หรือตร.ม.ละ 175,000 บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 190,000 บาท/ตร.ม.
  • ช่วงราคาต่อตารางเมตร ต่ำสุด – สูงสุดประมาณ n/a – n/a บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-316-2222

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.759305, 100.541525
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

โครงการ IDEO Mobi รางน้ำ ตั้งอยู่ในทำเลที่ใกล้สถานที่สำคัญมากมาย ที่เด่นๆ เลยคือทำเลนี้มีการกระจุกตัวของโรงพยาบาลชื่อดังและมหาวิทยาลัยแพทย์ ทำให้บริเวณนี้เป็นแหล่งความอุดมสมบูรณ์สูงแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ที่อุดมไปด้วยศูนย์การค้า Shopping Mall ร้านค้า ร้านอาหาร สวนสาธารณะ แถมยังสามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า สรุปสั้นๆ ได้ว่าทำเลเป็นจุดขายอย่างหนึ่งที่สำคัญของโครงการนี้เลยทีเดียว

โครงการ IDEO Mobi รางน้ำ ตั้งอยู่ในซอยรางน้ำ ซึ่งเป็นซอยที่วิ่งไปออกถนนใหญ่ได้หลายเส้น โดยตัวถนนเส้นหลักของซอยรางน้ำจะเชื่อมอยู่ระหว่างถนนพญาไทและราชปรารภ  ส่วนถนนในซอยย่อยต่างๆภายในซอยรางน้ำจะสามารถวิ่งไปออกถนนราชวิถีและถนนศรีอยุธยาได้ ซึ่งก็เป็นข้อดีตรงที่ไม่ต้องออกไปกลับรถบนถนนพญาไท ซึ่งจุดวนรถอยู่ที่วงเวียนอนุสาวรีย์ชัยมรภูมิและที่จุดตัดถนนศรีอยุธยา ก็เป็นโซนที่ทราบกันดีว่ารถติดรถแน่นอยู่ตลอดเลยไม่ว่าจะเป็นวันทำงานหรือวันหยุด การรู้จักทางเลี่ยงทางลัดย่อยๆในซอยรางน้ำเอาไว้จึงช่วยประหยัดเวลาได้พอตัว

เนื่องจากถนนย่อยในซอยรางน้ำค่อนข้างแคบ พวกทางเชื่อมย่อยที่ไปออกถนนราชวิถีและศรีอยุธยาจะเป็นถนนเลนเดียววิ่งแบบ One Way ทั้งหมด ตรงนี้ใน map ด้านบนเราทำลูกศรทางวิ่งรถมาให้ดู ขอยกตัวอย่างการวิ่งรถเข้าออกซักนิดเพื่อให้เห็นภาพนะคะ เช่น จากหน้าโครงการอยากวิ่งไปออกถนนราชวิถี ต้องออกมาทางซอยราชวิถี 1 หรือซอยราชวิถี 7, ถ้ามาจากถนนวิภาวดีผ่านสามเหลี่ยมดินแดงมาที่ถนนราชวิถีจะวิ่งไปโครงการต้องเข้ามาทางซอยราชวิถี 3 เป็นต้น

การเดินทางด้วยรถยนต์ ใครอยู่แถวนี้ก็มีความได้เปรียบพอตัว เนื่องจากอยู่ใกล้อนุสาวรีย์ชัยฯ ทำให้มีทางให้เลือกใช้หลายทาง ซึ่งแต่ละทางก็เป็นถนนเส้นใหญ่ๆ แล้วไปแยกเข้าถนนเส้นอื่นได้อีกหลายเส้น เริ่มจาก

  1. พหลโยธิน (เหนือ) มุ่งหน้าสะพานควาย – จตุจักร – ห้าแยกลาดพร้าว
  2. ราชวิถี (ตะวันตก) ไปถนนพระราม 6, ถนนดุสิต และ ตรงไปขึ้นสะพานกรุงธนบุรี (ซังฮี้)
  3. พญาไท (ใต้) มุ่งหน้าไปพญาไท – ราชเทวี – สยาม
  4. ราชวิถี (ทิศตะวันออก) ถ้าเข้าซอยรางน้ำ, ราชปรารภ, เข้าถนนดินแดงไปวิภาดีรังสิต หรือถนนพระราม 9

มาดูเรื่องทางด่วนกันบ้าง จากโครงการสามารถขึ้นทางพิเศษศรีรัชได้ 2 เส้นทาง เส้นทางแรก เป็นเส้นทางไปฝั่งจตุจักร นนทบุรี จากโครงการให้วิ่งไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนพหลโยธิน ซึ่งทางขึ้นทางด่วน (ด่านพหลโยธิน 2) จะอยู่ทางฝั่งซ้าย ระยะทางจากโครงการประมาณ 1.6 กิโลเมตร ถือว่าไม่ไกลจากโครงการเลยนะคะ แต่การจราจรค่อนข้างหนาแน่นต้องเผื่อเวลาเดินทางกันสักหน่อยค่ะ

เส้นทางที่ 2 เป็นเส้นทางไปทางพิเศษศรีรัชเช่นกัน แต่มุ่งหน้าไปทางพระราม9 ให้ออกจากโครงการมาวิ่งเส้นราชปรารภแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนราชวิถี และเลี้ยวซ้ายเข้าซอยราชวิถี4 จะมีทางให้กลับรถไปขึ้นทางด่วนที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพหลโยธิน 2 ระยะทางรวมประมาณ 1.4 กม.

การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ บอกเลยว่าแถวนี้คนไม่ขับรถไปไหนมาไหนง่ายมากค่ะ เดินไปตรงไหนก็เจอวินมอเตอร์ไซค์ แล้วเรียกพี่วินไปป้ายรถเมล์ รถตู้ หรือ BTS ก็ไม่ไกลเลย ถือเป็นทำเลที่มีความสะดวกสบายสูงมาก แต่ก็ต้องแลกมากับความพลุกพล่านวุ่นวายอารมณ์แบบอนุสาวรีย์ชัยฯนะ คือมันไม่ใช่ย่านหรูอย่างอารีย์ ทองหล่อ พร้อมพงษ์ คนละอารมณ์กันเลย โซนนี้จะอารมณ์สตรีทๆ หน่อย ค่าครองชีพถูกกว่า แต่มิจฉาชีพก็เยอะ ใครติดมือถือเดินเล่นไม่ดูทาง เดินย่านนี้เก็บมือถือเข้ากระเป๋าไปได้เลยค่ะ

เนื่องจาก BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 650 เมตร ก็จะเกินระยะที่เดินสบายไปหน่อย แต่บรรยากาศตลอดแนวทางเดินเป็นร้านค้า ค่อนข้างคึกคัก ทำให้เดินได้เพลินๆ หรือจะเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ไปโครงการเลยก็มีให้เรียกได้สะดวก ซึ่งจาก BTS ออนุสาวรีย์ชัยฯ นั่งไปเพียง 1 สถานีก็จะเป็นสถานีพญาไทซึ่งเป็นจุด Interchange กับ Airport Link อีกด้วย นอกจากนั้นถ้านั่งต่อไปอีกเพียง 2 สถานีก็จะถึงสถานีสยาม ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนเส้นทางรถไฟฟ้าไปยังสายสีลมได้

นอกจากจะมีสถานีรถไฟฟ้าอยู่ใกล้กับโครงการแล้ว ยังใช้บริการรถสาธารณะอย่าง Taxi ได้ง่ายเพราะซอยรางน้ำ เป็นซอยที่เชื่อมถนนเส้นหลัก 2 เส้น จึงมีรถผ่านอยู่ตลอดเวลา ส่วนใครที่ชอบนั่งรถประจำทางก็จะมีอยู่ทั้ง 2 ฝั่งถนนหลัก ทางฝั่งถนนพญาไทก็จะมีป้ายรถประจำทางอยู่ที่หน้า Century ส่วนทางถนนราชปรารภก็มีป้ายรถประจำทางอยู่ตรงหน้าปั๊ม Shell นะคะ

และในอนาคตทำเลนี้จะเดินทางสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วย โครงการ “รถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม ตะวันตก ช่วงตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม” โดยเมื่อสร้างเสร็จโครงการจะอยู่ห่างจาก MRT สถานีรางน้ำ ประมาณ 150 เมตรเท่านั้น แต่จากที่ตามข่าวตอนนี้รัฐบาลยังรองบประมาณของปี 2564 ทำให้ยังไม่สามารถเปิดประมูลการก่อสร้างนะคะ

ความอุดมสมบูรณ์ รอบๆโครงการนี่ต้องบอกว่าอุดมสมบูรณ์มากๆ เนื่องจากบริเวณใกล้ๆกับโครงการมีห้างสรรพสินค้า ตลาดและร้านอาหารอยู่เยอะมากๆ ในระยะที่สามารถเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์เพียง 10-15 บาท ไม่ว่าจะเป็น Century Mall, Center One, Victory Mall, Fashion Mall นอกจากนั้นในซอยรางน้ำเองก็มีของกินเยอะมากๆ ส่วนใหญ่จะเปิดสายหน่อยประมาณ 10 โมงยาวไปจนสี่ห้าทุ่ม แถมยังมี Pub&Retaurant หลากหลายร้าน และยังมีร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven อยู่เป็นระยะๆ อีกสถานที่หนึ่งที่สำคัญในซอยรางน้ำ คือ King Power ที่เป็นแหล่งช้อปปลอดภาษีที่กรุ๊ปทัวร์จีนชอบมาเดินกัน แถมภายในจะมีโรงละครอักษราอยู่ ใครอยู่ซอยนี้ก็เดินไปดูละครเวทีหรือพวกงาน Stage ต่างๆ ได้สบายๆ ในระยะประมาณ 260 เมตร เท่านั้น

นอกจากห้างสรรพสินค้าแล้วยังมีพื้นที่สีเขียวอย่างสวนสาธารณะชื่อ สวนสันติภาพ อยู่ห่างจากโครงการเพียง 180 เมตร เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกายกันได้ทุกวันเลยทีเดียว ทางฝั่งตะวันตกของถนนพญาไท ยังเต็มไปด้วยโรงพยาบาล และมหาวิทยาลัยสำหรับนักศึกษาแพทย์และวิทยาลัยพยาบาลไม่ว่าจะเป็นกรมแพทย์ทหารบก, วิทยาลัยพยาบาล, โรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลพระมงกุฏ, คณะเภสัชมหาวิทยาลัยมหิดล ฯลฯ ซึ่งมันก็เป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำให้ย่านนี้มีผู้คนหนาแน่นขึ้น อาหารการกินและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆก็หาได้ง่ายและมีราคาไม่แพงค่ะ

การเดินทางไปโครงการวันนี้ จะเริ่มจาก BTS สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ใช้ทางออก 2 เพื่อเข้าสู่ซอยรางน้ำ ตรงเข้าซอยไปเรื่อยๆ รวมระยะทางประมาณ 650 เมตร โครงการจะอยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ

เริ่มกันที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานีที่มีผู้คนขึ้นลงเยอะเป็นพิเศษ เหตุผลหลักๆ ที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมากมาที่สถานีนี้ คงจะเป็นเรื่องของการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถเมล์, รถตู้ หรือ แท็กซี่ แม้ว่าช่วง 2-3 ปีมานี้ จะมีการจัดระเบียบรถตู้ใหม่ ทำให้รถตู้บางส่วนถูกย้ายไปให้บริการที่สถานีขนส่งแทน แต่ก็ยังมีรถตู้ในหลายๆ เส้นทางที่ให้บริการอยู่ เช่น มีนบุรี, ลาดกระบัง, บางแค, พระราม 2, ลำลูกกา เป็นต้น ทำให้ผู้คนที่ต้องการเดินทางในระยะไกล ยังคงมาใช้บริการรถตู้เหล่านี้เต็มไปหมด

เอาแผนที่สถานีมาให้ดูค่ะ ตัวโครงการ IDEO Mobi รางน้ำ จะอยู่ในซอยรางน้ำ ถัดจากสวนสันติภาพไปประมาณ 180 เมตร ทางออก 2 จึงเป็นทางออกที่อยู่ใกล้โครงการมากที่สุดค่ะ

จากสถานีเราใช้ทางออก 2 ออกมาก็เจอกับร้านกาแฟ ร้านขนมเปิดอยู่ 3-4 ร้าน มีตู้ ATM ของธนาคารกรุงเทพฯ เรียกได้ว่าออกมาจากสถานีก็เริ่มช้อปปิ้งหาของทานกันได้เลยนะ

ที่ทางออก 2 นี่จะมีทางแยกฝั่งซ้ายเข้าห้าง Century อยู่นะคะ ส่วนฝั่งขวาจะลงไปที่ฟุตบาทริมถนน ซึ่งถ้าจะเดินไปโครงการเราจะเดินไปทางไหนก็ได้ค่ะ วันไหนร้อนๆก็เดินเข้าไปตากแอร์ในห้างแล้วเดินออกประตูห้างฝั่งซอยรางน้ำก็ได้ วันนี้เราเลือกเดินลงทางฝั่งขวาไปทางเดินเท้าหน้าห้าง Century กันค่ะ

ลงจาก BTS มาบนทางเท้าหน้า Century Mall ปุ๊บ ก็เจอพี่วินมอเตอร์ไซค์เลย ถ้าเรียกจากตรงนี้ไปโครงการจะสนน.ราคาที่ 15 บาท แล้วคุณเห็นรถเยอะๆ บนถนนนั่นไหม..ไม่ต้องแปลกใจค่ะ นี่เป็นปกติของถนนพญาไทเลยนะ หากวันไหนจะเดินทางโดยรถยนต์ต้องเผื่อเวลากันหน่อยค่ะ

ถัดจากวินมอเตอร์ไซค์มาหน่อย หน้าห้างจะมีป้ายรถเมล์อยู่ รถเมล์สายไหนผ่านป้ายนี้บ้าง วิ่งไปไหนได้บ้าง คลิกอ่านได้ที่นี่ค่ะ

เดินมาไม่ไกลจะเจอประตูทางเข้า Century Mall ฝั่งถนนรางน้ำ เป็นศูนย์การค้าและโรงภาพยนต์ หากอยากจะทานข้าวง่ายๆ ช้อปปิ้งซื้อของเข้าบ้านก็ตอบโจทย์อยู่นะ แต่หากอยากจะทานร้านชื่อดัง ร้านหรูขึ้นมาหน่อย แนะนำเข้าสยามสแควร์ครบกว่าค่ะ

ในห้างมีร้านอาหาร, Tops Market, มีธนาคาร, มีร้านขายของใช้อย่าง Watsons และ Boots เวลาซื้อของเข้าห้องก็สะดวกดี นอกจากนี้ยังมีโรงหนังอีกด้วย

ออกมาจาก Century Mall เราก็จะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรางน้ำกัน

ต้นซอยรางน้ำค่อนข้างคึกคักด้วยผู้คนที่มาทานข้าว และช้อปปิ้งของกินกัน บริเวณนี้ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่มีคิววินมอเตอร์ไซค์อยู่ แอบกระซิบนิดนึงว่า ถ้าเรียกมอเตอร์ไซค์เข้าโครงการจากจุดนี้จะสนน.ราคาถูกลง เหลือรอบละ 10 บาทค่ะ

บรรยากาศบริเวณต้นซอยรางน้ำ จะเห็นร้านอาหารเรียงกันเป็นแถว มีความหลากหลายให้เลือกทั้งคาเฟ่, ร้านก๋วยเตี๋ยว, ร้านอาหารไทย-อีสาน, ร้านข้าวหน้าเป็ด หมูแดง-หมูกรอบ หรือพวกเล้งแซ่บสะท้านทรวงก็มีให้เลือกด้วยเช่นกัน

ถัดเข้ามาอีกนิดก็จะเป็น King Power แล้วค่ะ ที่นี่หลักๆ จะเป็นแหล่งช้อปปิ้งปลอดภาษี ถือเป็นสถานที่ปล่อยกรุ๊ปทัวร์จุดสำคัญแห่งหนึ่ง นอกจากนี้ในอาคารก็จะมีโรงละครอักษรา และโรงแรม Pullman อยู่ด้วยค่ะ

ถัดมาอีกหน่อยจะเจอรั้วของโรงเรียนศรีอยุธยา บรรยากาศทางเท้าในซอยนี้พอมีร่มเงาใต้ต้นไม้ให้เดินได้เรื่อยๆ ไม่ได้แดดเปรี้ยงจัดนัก

ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนเป็นสวนสันติภาพ ซึ่งสวนนี้จะอยู่ห่างจากโครงการเพียง 180 เมตร เท่านั้น เราจะข้ามไปชมบรรยากาศภายในสวนกัน ซึ่งประตูนี้จะเป็นด้านหลังของสวนสันติภาพนะ ส่วนด้านหน้าสวนจะอยู่ฝั่งถนนราชวิถีค่ะ

สวนสันติภาพมีขนาดพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ ในสวนจะมีสระน้ำไว้ให้นั่งเล่นริมสระ พร้อมต้นไม้ปลูกไว้ร่มรื่นดี สวนนี้เป็นที่ออกกำลังกายที่สำคัญของคนในย่านนี้เลยนะ เย็นๆ จะเห็นคนมาวิ่ง มาเต้นแอโรบิกกันแทบทุกวัน โดยจะเปิดให้บริการตั้งแต่ตีห้า ปิดสามทุ่มค่ะ

ถัดเข้ามาในซอยอีกหน่อยแถวบริเวณหน้า 7-11 ในช่วงกลางวันจะเป็นแหล่งรวมร้านรถเข็น ขายข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว ผลไม้ ก็เป็นที่พึ่งพิงของพนักงานที่ทำงานในซอยนี้นะคะ

ร้านรถเข็นจะตั้งยาวมาจนถึงหน้า Tesco Lotus เลย พอทานข้าวเสร็จก็แวะเข้าไปซื้อขนม ซื้อของใช้เล็กๆ น้อยๆ ได้สบาย Tesco Lotus Express นี้จะอยู่เยื้องกับโครงการ IDEO Mobi รางน้ำ เลยค่ะ ตรงนี้เป็นข้อดีของทำเลนะ เพราะถ้าดึกๆ เกิดของใช้อะไรหมดขึ้นมา ก็สามารถเดินข้ามมาซื้อได้เลย

จาก Tesco Lotus ข้ามฝั่งมาก็ถึงโครงการ IDEO Mobi รางน้ำ แล้วนะคะ ด้านข้างของโครงการฝั่งหนึ่งติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น

ด้านข้างของโครงการอีกฝั่งหนึ่งติดกับอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น เป็นร้านซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งดีกว่าเป็นร้านซ่อมรถยนต์นะ เพราะถ้าเป็นร้านซ่อมรถยนต์มักจะมีรถจอดหน้าร้านเยอะ ทำให้รถมักจะติดบริเวณหน้าร้านซ่อมรถนี่แหละค่ะ

ฝั่งตรงข้ามโครงการเป็นอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ที่เปิดชั้นล่างเป็นร้านค้า เช่น ร้านยา, คาเฟ่, ร้านอะไหล่รถยนต์ เป็นต้น

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการในบริเวณที่ติดถนนรางน้ำส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์สูงไม่เกิน 4 ชั้น แต่หากเข้ามาในซอยย่อยจะมีทั้งอาคารพักอาศัยและอาคารสำนักงานสูงไม่เกิน 8 ชั้น แต่ก็มีบางตึกทางทิศเหนือที่สูงถึง 33 ชั้น ทำให้ห้องพักบางตำแหน่งของโครงการจะถูกบล๊อกวิวด้วยอาคารสูงอยู่บ้างนะคะ

  • ทิศตะวันตกเฉียงใต้ : ติดถนนรางน้ำ ฝั่งตรงข้ามเป็นกลุ่มอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น
  • ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ : ติดอาคารพักอาศัย 2 ชั้น
  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ : ติดอาคารพาณิชย์สูง 4-5 ชั้น และเยื้องๆกันเป็นคอนโดสูง 33 ชั้น
  • ทิศตะวันออกเฉียงใต้ : ติดกับกลุ่มอาคารพาณิชย์สูง 2-4 ชั้น

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Tesco Lotus Express – 30 เมตร
  • 7-11 – 60 เมตร
  • โรงเรียนศรีอยุธยา – 150 เมตร
  • สวนสันติภาพ – 180 เมตร
  • คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ – 500 เมตร
  • โรงแรมพูลแมน คิงเพาเวอร์ –  500 เมตร
  • เซ็นจูรี่ เดอะ มูฟวี่ พลาซ่า – 600 เมตร
  • โรงพยาบาลราชวิถี – 750 เมตร
  • เซ็นเตอร์วัน ช้อปปิ้งพลาซ่า – 900 เมตร
  • อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ  – 950 เมตร
  • สำนักงานเขตราชเทวี – 1 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยมหิดล ในซอยโยธี (บางคณะ) –  1.1 กิโลเมตร
  • แพลตินั่ม แฟชั่นมอลล์ – 1.3 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า – 1.6 กิโลเมตร
  • กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี –  1.7 กิโลเมตร
  • พระราชวังพญาไท – 1.8 กิโลเมตร
  • วิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก – 1.9 กิโลเมตร
  • วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า – 1.9 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลรามาธิบดี – 2.5 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

IDEO Mobi รางน้ำ เป็นคอนโดฯ High Rise 1 อาคาร สูง 31 ชั้น บนที่ดินประมาณ 1-2-92 ไร่ ตัวอาคารถูกออกแบบในคอนเซปต์ Futuristic Design คือการดีไซน์ที่มีแนวคิดแบบ “ล้ำอนาคต” จึงเลือกใช้กระจกในการตกแต่งเป็นส่วนใหญ่ และมีการดีไซน์เส้นสายที่ทำให้รู้สึกหวือหวายิ่งขึ้น ทำให้ดูทันสมัยตามคอนเซปต์ค่ะ

การจัดพื้นที่ภายในอาคารจะวางพื้นที่จอดรถไว้ตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 8 และเริ่มเป็นห้องพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 9-29 สำหรับ Facility หลักๆ ของโครงการจะถูกจัดไว้ที่ 2 ชั้นบนสุดของอาคารที่ชั้น 30-31 รวมถึงมีสวนส่วนกลางที่ชั้นดาดฟ้าด้วย ทำให้มีความน่าใช้งาน เนื่องจากจะได้ชมวิวเมืองมุมสูงไปด้วยค่ะ

เข้ามาที่ผังชั้น 1 ของโครงการ IDEO Mobi รางน้ำ มีทางเข้าออกโครงการทางเดียวคือ ทางซอยรางน้ำ รั้วด้านหน้าโครงการมีการออกแบบมาให้ไม่ดูทึบตันเหมือนโครงการส่วนใหญ่ โดยจัดพื้นที่สวนให้เป็นเนินสูงๆ ตกแต่งด้วยพุ่มไม้ดอก ทำให้รั้วดูโปร่งๆ สบายตาดี ตัวอาคารจะอยู่ถัดเข้าไปด้านในนิดหน่อย ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวและลดความพลุกพล่านจากบริเวณริมถนน จากหน้าโครงการจะมีป้อมยามคอยรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และใช้ Key Card Access เพื่อเข้าออกค่ะ

ชั้น 1 ของอาคารไม่มีห้องพักอาศัยนะคะ จะเป็นส่วนของ Lobby และทางขึ้นที่จอดรถ เส้นทางเดินรถในโครงการเมื่อขับเข้ามาด้านในจะเป็นทาง One-Way วนซ้าย และมีจุด Drop-Off ให้สามารถแวะส่งลูกบ้านหน้าทางเข้าอาคารได้สะดวก สำหรับที่จอดรถบนชั้น 1 จะเป็นที่จอดรอบอาคาร เหล่าบรรดา Visitors ก็สามารถจอดได้ที่ชั้นนี้ ส่วนชั้น 2 ขึ้นไปจะเป็นที่จอดรถสำหรับลูกบ้านโดยเฉพาะ ซึ่งใช้ระบบ RFID (เหมือน Easy Pass) ในการเข้าออกนะคะ

เริ่มจากบริเวณด้านหน้าทางเข้าจะมีป้ายชื่อโครงการติดไว้ชัดเจน

พื้นที่สวนด้านหน้าโครงการจัดมาเพื่อใช้เป็นตัวแบ่งเขตที่ดินและเป็น Buffer Zone ระหว่างทางเดินภายนอกโครงการ กับพื้นที่อยู่อาศัยภายในโครงการ ทำให้ดูโปร่งโล่งดีตามสไตล์ของอนันดาฯ นะคะ

บริเวณทางเข้า-ออก ด้านหน้าโครงการจะมีการติดตั้งไม้กั้นกระดก และมีพี่รปภ. ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง ลูกบ้านผ่านเข้าออกได้สะดวกด้วยระบบ RFID คือไม้กระดกจะเปิดเอง เหมือนตอนที่เราใช้ Easy Pass ขึ้นทางด่วนนะคะ พอเข้าโครงการไปแล้วทางเดินรถจะเป็นแบบ One-Way ให้เลี้ยวขวาไปตามทางวนรอบอาคารนะคะ

พื้นถนนโดยรอบโครงการจะปูด้วย Stamped Concrete ซึ่งวัสดุชนิดนี้จะเคลือบอะคริลิคไว้ จึงป้องกันการฝังตัวของฝุ่นละอองทำให้ง่ายต่อการดูแลและทำความสะอาด

บริเวณหน้าอาคารจะมีจุด Drop-Off ทำให้ลูกบ้านสามารถวนรถมาส่งคนตรงนี้ได้สะดวก

สำหรับลูกบ้านที่จะจอดรถบนอาคารก็ขับเข้ามาอีกหน่อย ไม้กระดกกั้นจะเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติด้วยระบบ RFID อีกเช่นกัน ส่วนแขกของลูกบ้านจะต้องจอดรอบอาคารแทนนะ การจัดการแบบนี้ก็ช่วยลดปัญหาการโดนแย่งที่จอดรถจากแขกของลูกบ้านไปได้เหมือนกันนะคะ

บรรยากาศภายในที่จอดรถทำได้โปร่งโล่งดี ช่วงที่เข้ามาถ่ายรูปนี้ยังมีการเก็บงานกันอยู่และยังไม่ได้ทำความสะอาด ก็จะมีฝุ่นเยอะหน่อยนะคะ

เลี้ยวขึ้นมาตามทางเดินรถก็จะถึงชั้นจอดรถแล้ว ขนาดของทางเดินรถก็มีความกว้างที่ได้มาตรฐานดี ใช้งานได้สะดวก มีลูกศรบอกเส้นทางการเดินรถไว้ชัดเจน

ในส่วนของช่องจอดรถมีขนาดที่ไม่กว้างนัก แต่ก็ไม่แคบเกินไป

จากบริเวณที่จอดรถก็สามารถเข้าอาคารได้เลย โดยจะต้องใช้ Key Card หรือ Finger Scan เพื่อผ่านเข้า Lift Lobby นะคะ

เข้ามาในโถงลิฟต์ของอาคาร มีลิฟต์ทั้งหมด 2 ตัว สำหรับอัตราส่วนลิฟต์ที่อยู่ในอัตราส่วนประมาณ 1:128 เกิน 100 มานิดหน่อยก็ไม่ถึงกับต้องรอนานมากในชั่วโมงเร่งด่วนค่ะ

ออกจากบริเวณที่จอดรถก็จะพาวนไปด้านหลังโครงการ ทางเดินรถมีความกว้างให้ขับกันได้สบายๆ บริเวณริมรั้วจะเป็นแนวต้นไม้ทำให้บรรยากาศดูร่มรื่น สบายตาดีนะคะ

ด้านหลังโครงการเป็นทางเดินรถรอบโครงการ และมีพื้นที่สวนส่วนกลางเล็กน้อย โครงการเลือกปลูกต้นไม้ใหญ่ คาดว่าในอนาคตบริเวณนี้คงจะร่มรื่นพอสมควรทีเดียว

ตามแนวรั้วจะมีติดกล้องวงจรปิดอยู่เป็นระยะๆ ช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น

ต่อไปจะพาเข้ามาดูในตัวอาคารกันบ้าง โดยทางเข้า Main Lobby ของโครงการวางตำแหน่งไว้ดูเด่น อยู่ตรงกลางอาคารเลย ซึ่งแขกของลูกบ้านจะไม่สามารถเข้ามานั่งรอบริเวณ Lobby ได้เลยนะ ต้องให้ลูกบ้านมาเปิดให้ ทำให้ในบริเวณ Lobby ค่อนข้างปลอดภัยทีเดียว

โครงการออกแบบมาในสไตล์ Futuristic Design แบบ “ล้ำอนาคต” Lobby ของอาคารจึงตกแต่งด้วยลวดลายที่ดูหวือหวา ดูวัยรุ่นเลยทีเดียว

ฝั่งขวาจะมีเคาน์เตอร์เซลล์ หากใครอยากมาชมห้องตัวอย่าง ก็มาติดต่อที่บริเวณนี้

ผ่านเข้ามาด้านในจะเป็นบริเวณที่นั่งเล่นใน Lobby ซึ่งบริเวณนี้จะได้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาจากกระจกบานใหญ่จากพื้นถึงฝ้าตลอดแนวผนัง ทำให้บริเวณนี้ดูโปร่ง โล่ง ดีค่ะ

บริเวณ Lobby จะจัดชุดโซฟาไว้เยอะทีเดียว ส่วนฝั่งซ้ายจะมีทางเดินไป Lift Lobby เพื่อขึ้นไปชั้นพักอาศัยนะคะ

ตลอดทางเดินไป Lift Lobby จะมีส่วนกลางอื่นๆ ไล่ตั้งแต่ทางเข้าไปเลยก็จะเป็น Mail Box  ถัดเข้าไปเป็นห้องน้ำ และด้านในสุดเป็น Lift Lobby

บรรยากาศในส่วนห้อง Mail Box จะเป็นช่องเล็กๆใส่จดหมายอยู่ในขนาดที่พอใช้ได้ ดูเรียบๆ ด้วยช่องสีน้ำตาล และมีลูกเล่นของการใช้ไฟมาช่วยให้ห้องจดหมายดูสว่าง เป็นการออกแบบที่เก๋ๆ ดีนะ

ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องน้ำส่วนกลาง แยกชายหญิงไว้เรียบร้อย

บรรยากาศภายในห้องน้ำยังคงคอนเซปต์ของความหรูหราด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน ทำให้ดูดี ไม่เก่าเร็ว และทำความสะอาดง่ายนะคะ

ส่วนตัวชอบที่โครงการเลือกใช้สุขภัณฑ์อัตโนมัติในห้องน้ำส่วนกลางนะ ดูสมราคาดีค่ะ

ด้านในสุดของทางเดินจะมีประตูทางเข้า Lift Lobby ซึ่งต้องใช้ Key Card หรือ Finger Scan ในการผ่านเข้า-ออกอีกทีนะคะ

เข้ามาในโถงลิฟต์ของอาคารจะมีลิฟต์ทั้งหมด 2 ตัว อัตราส่วนลิฟต์ประมาณ 1 : 183 ค่อนข้างสูงเกินค่ามาตรฐานทีเดียว อาจจะต้องเผื่อเวลารอลิฟต์นิดหน่อยในช่วงเร่งด่วนนะคะ

ภายในลิฟต์ดูสว่างดี วัสดุโดยรอบเป็นสแตนเลส ภายในมีติดกล้อง CCTV เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ลิฟต์ค่ะ

ปุ่มกดภายในลิฟต์จะใช้คู่กับ Key Card หรือ Finger Scan ก็ได้เช่นกันนะ โดยลิฟต์จะถูกล็อกชั้นให้ใช้ได้เฉพาะชั้นที่พักอาศัยและชั้นที่มี Facilities ส่วนกลางเท่านั้น แถมมีปุ่มกดสำหรับคนพิการให้ด้วย ซึ่งแบบนี้ไม่ได้มีให้ในทุกๆโครงการนะ

ชั้น 9-20 จะเป็นชั้นที่มี Floor Plan แบบเดียวกัน โดยมีห้องพักต่อชั้น 20 ห้อง ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว + ลิฟต์ดับเพลิง (service lift) 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์ 183 ห้องต่อลิฟต์ 1 ตัว ซึ่งถือว่าแน่นเกินค่ามาตรฐานไปพอสมควร คงต้องเผื่อเวลาสักนิดในชั่วโมงเร่งด่วน Corridor เป็นรูปทรงตัว U แบบกลับด้านแล้ววางลิฟต์ไว้ตรงกลาง ทำให้ห้องสุดปลายทางเดินก็ยังห่างลิฟต์ไม่มาก สำหรับห้องพักบนชั้นนี้มีหลายแบบให้เลือกทั้งแบบห้อง Studio, 1 Bedroom, 2 Bedroomให้เลือก ส่วนใหญ่มีขนาดตั้งแต่ 27.9 – 34.5 ตร.ม. และจะมีห้องมุม 2 ห้องที่จัดเป็นห้องใหญ่ขนาด 57.7 ตร.ม. เพราะได้ผนังเปิดโล่ง 2 ด้าน

สำหรับเรื่องวิวตอนนี้ยังเปิดโล่งทุกฝั่ง ไม่ได้มีที่ถูกบล๊อกวิวโดยตรง ส่วนหนึ่งเพราะห้องพักของโครงการเริ่มต้นที่ชั้น 9 จึงสูงเลยพวกอาคารพาณิชย์ 3-4 ชั้นรอบๆ จนหมดแล้ว แต่ก็จะมีรายละเอียดของวิวที่ต่างกันตามนี้นะ ห้องพักทางฝั่งซ้ายของอาคารจะหันออกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะหันเข้าซอยรางน้ำไปทางสวนสันติภาพ แต่อนาคตจะมีคอนโดของ Singha Estate ขึ้นมาบังวิวระยะไกล ส่วนตัวคิดว่าห้องที่ดูลงตัวสุดคือห้องพักทางฝั่งขวาที่หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะไม่โดนทั้งแดดบ่ายและยังได้ลมด้วยและตอนนี้ยังไม่มีตึกสูงบังวิวทางด้านนี้นะ ห้องพักด้านบนของอาคารจะหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นทิศที่หลายคนกลัวว่าตึกสูง 33 ชั้นด้านหลังอาคารจะบังวิวมั้ย ซึ่งจากที่ไปดูมาแล้ว ไม่ได้บังวิวตรงๆนะคะ แต่ก็ทำให้ไม่ได้วิวโล่งๆแบบ 360 องศาเหมือนฝั่งอื่นๆ ส่วนห้องพักด้านล่างเป็นทิศตะวันตกเฉียงใต้ ได้วิวตึกใบหยกระยะไกลและแบล็คกราวเป็นวิวเมือง วิวนี้แลกมากับแดดแบบเต็มๆ แต่ก็จะได้ลมเข้ามาด้วยเช่นกัน

จากลิฟต์ออกมาที่บริเวณโถงทางเดินของชั้นพักอาศัย พอแปลนอาคารจัดทางเดินเป็นรูปตัว U เราจึงจะเห็นว่ามีหน้าต่างแค่ที่สุดปลายทางเดินของทั้ง 2 ฝั่งเท่านั้น แสงธรรมชาติจะเข้ามาด้านในอาคารไม่มาก ทำให้ต้องอาศัยดวงไฟช่วยเพื่อให้ทางเดินสว่างแม้ในช่วงกลางวันค่ะ

ติดกันเป็นตำแหน่งของ Service Lift จะต้องผ่านประตูหนีไฟเข้าไปอีกที

เข้ามาด้านในประตูหนีไฟก็จะมี Service Lift ที่ใช้สำหรับขนของแยกออกจากลิฟต์ปกติ ภายในปล่องหนีไฟมีการติดตั้งระบบดูดอากาศ ตามมาตรฐานของการออกแบบบันไดหนีไฟไว้เรียบร้อย

ชั้น 21 เกือบจะเหมือนกับชั้น 9-20 แต่มีส่วนที่เป็นสวนลอยฟ้าเพิ่มเข้ามา จำนวนยูนิตต่อชั้นเลยลดเหลือ 18 ยูนิต สำหรับวิวก็จะคล้ายกับที่วิเคราะห์ไปในแปลนชั้น 9-20 เลย แค่พอชั้นสูงกว่าก็จะได้ระยะมองวิวที่ไกลขึ้น

ขึ้นมาดูผังชั้น 24 ก็จะมีการจัดผังห้องพักคล้ายๆ กับที่ชั้น 21 ส่วนที่ต่างคือบนชั้นนี้จะมีจำนวนห้องพักที่ลดลงเหลือ 16 ห้อง โดยตัดห้อง 1 Bedroom 34.2 ตร.ม. ออกไป 2 ห้อง ส่วนเรื่องวิวคือยิ่งชั้นสูงขึ้นก็จะได้วิวเมืองที่โล่งขึ้นด้วย แต่โดยรวมก็เหมือนที่ชั้น 21 นั่นแหละค่ะ

ส่วนชั้น 26 จะมีการจัดผังห้องพักคล้ายๆ กับที่ชั้น 24 แต่มีจำนวนยูนิตที่ลดลงเหลืออยู่แค่ 10 ห้อง ใครที่ชอบอยู่ชั้นที่มีเพื่อนบ้านน้อยๆ ก็เลือกห้องตั้งแต่ชั้น 26 ขึ้นมาได้เลย

ส่วนชั้น 27-28 แปลนจะเหมือนชั้น 26 เลยค่ะ ต่างกันแค่บนชั้นนี้จะไม่มีสวนลอยฟ้าเพิ่มเข้ามาแล้วนะ

ขึ้นมาที่ชั้น 29 จะมีห้องพักทั้งหมด 10 ยูนิตเช่นเดียวกับชั้น 28 แต่จะมีให้เลือกแค่ห้องแบบ 1 Bedroom และแบบ 2 Bedroom

ขึ้นมาบนชั้น 30 จัดเป็นชั้นของ Sky Pool ทั้งชั้น ซึ่งสระว่ายน้ำของโครงการนี้ออกแบบให้เห็นวิวเมืองรอบด้านแบบ 360 องศาได้เลย ความยาวของสระว่ายน้ำทั้ง 4 ด้านรวมกันประมาณ 87 ม. ส่วนความกว้างแต่ละช่วงจะไม่เท่ากันอยู่ที่ 3 – 4 ม. ก็พอให้ว่ายทางตรงยาวๆพร้อมกันได้สัก 2 คน หรือใครที่ไม่ชอบว่ายน้ำเยอะๆ ก็สามารถไปนั่งแช่ Jacuzzi ได้ ซึ่งตำแหน่งของ Jacuzzi จะอยู่ทางทิศตะวันตกได้วิวสวนสันติภาพและพระอาทิตย์ตกค่ะ

ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 30 แล้วเปิดประตู Lift Lobby ออกมาก็จะพบกับสระว่ายน้ำที่ล้อมรอบชั้นนี้ไว้เลย ถัดจากประตูจะมีบันไดวนสำหรับขึ้นไปส่วนกลางชั้น 31 ถ้าใครอยากเอาของไปเก็บในล็อคเกอร์ก่อนก็กดลิฟต์ไปที่ชั้น 31 แล้วเดินลงบนไดวนมาได้นะ เพราะห้องน้ำจะอยู่บนชั้น 31 ค่ะ

บริเวณรอบๆ สระมีเก้าอี้ให้มานั่งเล่น ชมวิวได้ ถัดไปด้านในจะมี Outdoor Shower ไว้ให้ล้างตัวก่อนลงสระนะคะ

ล้างตัวตรงนี้กันก่อน เสร็จแล้วก็ไปลงสระกันเลย..

ทางลงสระมีบันไดขึ้นลงกว้างๆ ให้แบบนี้

ภายในสระจะมีทั้งส่วนที่สามารถใช้ว่ายน้ำแบบจริงจัง สำหรับคนที่ตั้งใจมาออกกำลังกายแบบว่ายยาวๆ และยังมี Day Bed ไว้เอาใจคนที่ชอบนั่งเล่นริมสระ ให้สามารถมานั่งชมวิวชิวๆ เอาเท้าจุ่มน้ำได้

หากเวลาว่ายน้ำเหนื่อยๆ แต่ยังไม่อยากขึ้นจากน้ำ ก็มานั่งเล่นริมสระก่อนได้

ส่วนที่ชอบเลยคือสระว่ายน้ำนี้เป็นแบบ Semi-Outdoor ทำให้เราสามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวัน จะมีแค่ช่วงบ่ายแก่ๆ ที่แสงอาทิตย์ส่องมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่จะร้อนหน่อย แต่เราก็แค่ Move ไปว่ายในมุมที่ไม่โดนแดดได้ ซึ่งเป็นข้อดีอีกอย่างหนึ่งของสระแบบ 360 องศาที่นอกเหนือจากเรื่องวิวนะคะ

เนื่องจากโครงการยกสระว่ายน้ำขึ้นมาไว้บนชั้นสูงแบบนี้ ทำให้วิวโดยรอบของสระจะเป็นวิวเมืองแบบโล่งๆ ดูน่าใช้งานมากทีเดียว

สำหรับใครที่ไม่ได้อยากขึ้นมาว่ายน้ำ ก็มานั่งเล่นที่เก้าอี้ริมสระกันได้ แต่จะชมวิวเมืองไม่ได้รอบทั้งหมด 360 องศาเหมือนตอนอยู่ในสระนะคะ

ขึ้นมาบนชั้น 31 จัดเป็นชั้น Facilities ของโครงการเต็มๆ อีก 1 ชั้น ได้แก่ Sky Lounge, ห้อง Fitness และ ห้องน้ำแยกชายหญิง ทุกห้องจะเปิดให้ชมวิวได้แบบโล่งๆ รวมถึงห้องน้ำด้วยนะ ^^

ลูกบ้านสามารถเลือกขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 31 เลย หรือขึ้นบันไดวนมาจากชั้น 30 ก็ได้นะ บนชั้นนี้ก็มีส่วนกลางหลักๆ อยู่ 2 ส่วน ได้แก่ Sky Lounge และ Fitness เราจะพาไปชม Fitness กันก่อนเลย

เปิดเข้ามาภายในจะเจอกับเครื่องออกกำลังกายที่ถูกจัดวางให้หันหน้าออกไปทางผนังกระจก เพื่อชมวิวได้สะดวก

ภายในห้องจัดเครื่องออกกำลังกายต่างๆ มานับทั้งหมดได้ประมาณ 10 เครื่อง ซึ่งถือว่าให้มาเยอะพอสมควร

วิวที่ได้ตอนที่เราวิ่งลู่ ก็จะได้วิวเมืองโล่งๆ ประมาณนี้ และเครื่องออกกำลังกายเลือกใช้ของยี่ห้อ Life Fitness ก็ได้มาตรฐานที่ดีนะคะ

ส่วนไฮท์ไลท์เลยคือ กระจกเฉียงที่เปิดให้มุมมองกว้างขึ้นไปอีก และโครงการจะจัดวางเครื่องเล่นตามแนวผนังกระจกแบบนี้เลยนะ ทำให้เวลาเล่นก็ชมวิวไปได้ ไม่อึดอัด

อีกมุมหนึ่งในห้อง Fitness ก็จะได้วิวเมืองฝั่งตึกใบหยก ดูๆ ไปเครื่องออกกำลังกายภายในห้องมีความหลากหลายทั้งแบบที่เหมาะกับการเล่นเวท สร้างกล้ามและคนที่ต้องการออกกำลังแบบคาร์ดิโอค่ะ

ติดกันกับห้อง Fitness จะมีทางเดินไปห้องน้ำ ที่แยกชายหญิงไว้เรียบร้อย

เราจะพาชมในส่วนของห้องน้ำหญิงนะ เข้ามาก็รู้สึกว้าวกับผนังกระจกโค้งบานใหญ่จากพื้นถึงฝ้า  (เห็นมุมนี้มีใครนึกถึงห้องน้ำที่ Seoul Tower บ้างไหม^^) ทำให้บรรยากาศบริเวณนี้ดูโปร่งขึ้น

ส่วนภายในห้องน้ำจัดตู้ล็อคเกอร์ไว้ฝั่งซ้าย ลูกบ้านสามารถนำเสื้อผ้า อุปกรณ์อาบน้ำ ขึ้นมาใส่ไว้ที่นี่ได้สะดวก ส่วนด้านในเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำ

ภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำมีความกว้างให้ใช้งานได้สะดวก ผนังและพื้นปูด้วยกระเบื้องทั้งหมด ดูเรียบร้อย แต่ตอนที่ไปถ่ายรูปโครงการยังเสร็จเรียบร้อยดี ก็จะเห็นมีฝุ่นหน่อยนะคะ

ต่อไปจะพาไปชม Cloud Connection Club ที่ออกแบบพื้นที่ภายในมาในรูปแบบ Sky Lounge

เข้ามาส่วนแรกเลยจะเป็นโต๊ะสตูสูงให้นั่งเล่น นั่งทำงานในบริเวณนี้ได้

เข้ามาด้านในบรรยากาศจะโปร่งโล่งขึ้นจากผนังกระจกที่ล้อมห้องนี้ไว้เกือบทั้งหมด ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามามากและเราสามารถเห็นวิวจากห้องนี้ได้เกือบทุกมุมเลย บริเวณนี้จึงจัดโต๊ะและชุดโซฟาไว้เยอะทีเดียว

เผื่อใครที่ห้องอยู่ในชั้นไม่สูงนัก ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศขึ้นมานั่งทำงานบนชั้นสูงๆ กันบ้าง

ส่วนที่เป็นไฮท์ไลท์คือ กระจกเฉียงที่เปิดมุมมองให้สามารถชมวิวได้โล่งขึ้นไปอีก นอกจากวิวเมืองแล้วยังได้วิวท้องฟ้าแบบโล่งๆ เพิ่มขึ้นมาด้วยนะ

ทางโครงการจัดพื้นที่นั่งเล่นที่ติดกับผนังกระจกเฉียงไว้เช่นกัน เป็นมุมนั่งเล่นเล็กๆ จึงมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

นอกจากนี้ก็จะมีชุดโซฟานั่งเล่นตามมุมต่างๆ มีทั้งชุดโซฟาเล็กใหญ่ ให้เลือกใช้งานได้

โครงการเก็บรายละเอียดของผนังกระจกมาได้ดีนะคะ คือเป็นกระจกตลอดแนวแบบโล่งๆ ไม่มีเสามาบังวิวเลย

ภายใน Sky Lounge จะมีบันไดขึ้นไปชั้น Rooftop ซึ่งเป็นสวนส่วนกลางอีกตำแหน่งหนึ่งของโครงการ

ชั้น Rooftop จัดเป็นสวนส่วนกลางที่ออกแบบมาให้มีทางเดินเล่นได้รอบๆ พื้นที่สีเขียวเท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจให้มีพื้นที่นั่งเล่นบนชั้นนี้นะ ซึ่งลูกบ้านสามารถขึ้นมาชมวิวเปลี่ยนบรรยากาศได้

สวนบนชั้นนี้จัดให้มีทางเดินเล่นตามแนวอาคารไม่ได้มีฟังก์ชันอะไรพิเศษ เผื่อใครอยากมาดูวิวสวยๆ จากชั้นนี้เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศจากห้องพักของตัวเองบ้าง

สวนชั้นนี้ก็เหมาะจะมาใช้งานเฉพาะตอนเย็นที่แดดร่มแล้วนะคะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

ต่อไปจะพาไปชมวิวโดยรอบโครงการเลยเอาแผนที่ภาพรวมโครงการมาให้ดูอีกที และเนื่องจากทำเลของโครงการตั้งอยู่ใจกลางเมืองจึงเลี่ยงไม่ได้ที่บางมุมจะโดนบล็อกวิวด้วยตึกสูงที่อยู่ห่างกันไม่ไกลนัก แต่ภาพรวมของวิวทั้งโครงการก็ยังได้วิวที่เปิดโล่งอยู่ จึงขอสรุปวิวที่ได้จากมุมต่างๆ บนอาคาร ดังนี้

เริ่มจากวิวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะหันออกทางถนนพญาไท ซึ่งเป็นถนนที่มีความฮอตฮิตของการเป็นทำเลคอนโดอย่างมาก เพราะเป็นแนวของรถไฟฟ้าสายหลักด้วย จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเห็นแนวคอนโดเรียงไปตามถนนแบบนี้นะคะ ซึ่งระยะของโครงการที่ห่างจากถนนพญาไทพอสมควร ทำให้คอนโดเหล่านั้นกลายเป็นแบล็คกราวไป ไม่ได้บังวิวในระยะใกล้ ข้อดีของวิวทิศนี้คือได้วิวเขียวๆ ของสวนสันติภาพ ซึ่งในอนาคตก็ไม่มีอะไรการันตีวิวได้นะ

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นทิศที่หันไปทางถนนราชวิถี หลายคนกลัวว่าตึกสูง 33 ชั้นด้านหลังอาคารจะบังวิวมั้ย? ซึ่งจากที่ไปดูมาแล้ว ไม่ได้บังวิวตรงๆนะคะ แต่ก็ทำให้ไม่ได้วิวโล่งๆแบบ 360 องศาเหมือนฝั่งอื่นๆ

ทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะหันไปทางถนนศรีอยุธยาและถนนราชปรารภ ซึ่งเป็นที่ตั้งของตึกใบหยก 2 ฝั่งนี้จะไม่ได้มีอาคารสูงบังในระยะใกล้ จึงจะเห็นวิวเมืองกว้างๆ แบบนี้ ซึ่งในอนาคตตามแนวถนนศรีอยุธยาก็เห็นมีโครงการขึ้นใหม่อยู่เหมือนกัน แต่จะไม่ได้บังวิวในระยะใกล้นะคะ

ทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นทิศที่หันออกไปทางพิเศษศรีรัช ได้วิวเปิดโล่งของทางด่วน ส่วนตัวชอบวิวนี้ในช่วงกลางคืนที่ทางด่วนเปิดไฟแล้วนะ ดูสวยดี ซึ่งทิศนี้ยังไม่มีอาคารบล็อกวิวนะคะ แต่ก็ไม่ได้มีตึกสวยๆให้ดู เหมือนฝั่งที่หันเข้าในเมืองค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby ที่ชั้น 1
  • Mailbox ที่ชั้น 1
  • สวนหย่อมที่ชั้น 1, 21, 24,26 และ ดาดฟ้า
  • ห้องน้ำส่วนกลาง ที่ชั้น 1 และ 31
  • สระว่ายน้ำ ที่ชั้น 30 เป็นระบบเกลือ ยาวประมาณ 87 ม. กว้างประมาณ 3-4 ม. ลึก 1.2 เมตร
  • Jacuzzi ที่ชั้น 30
  • Fitness ที่ชั้น 31 ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง
  • Sky Lounge ที่ชั้น 31
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 183 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 169 คันคิดเป็น 46%
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card


Product Walkthrough

แบบห้องของโครงการ IDEO Mobi รางน้ำ เริ่มต้นที่ขนาด 27.9 ตร.ม. เป็นห้องแบบ Studio ไปจนถึงห้องแบบ 2 Bedroom โดยจะมีห้องบาง Type ที่ถูกออกแบบมาให้เป็นห้อง Interlocking ที่เน้นพื้นที่ใช้สอยในส่วนของ Living Area และ Bedroom ให้กว้างกว่าแบบปกติ ซึ่งเป็นแบบห้องที่แตกต่างจากห้องพักของโครงการอื่นๆ ในทำเลเดียวกัน

จุดเด่นอีกอย่างคือ การขายห้องแบบ Fully Furnished ซึ่งโครงการส่วนใหญ่ในทำเลนี้ไม่ได้ให้เฟอร์นิเจอร์มาพร้อมอยู่แบบนี้ โครงการมีแบบให้เลือกอยู่ทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้ค่ะ

  • Studio 27.9-30.2 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 34.2-40.5 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 48.75-65.95 ตร.ม.

ในรีวิวนี้เรามีห้องตัวอย่างห้อง Interlocking แบบ 1 Bedroom ขนาด 34.9 ตร.ม. เราไปดูกันดีกว่าค่ะว่าภายในห้องนั้นจะมีบรรยากาศอย่างไร วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาจะได้อะไรบ้าง

ห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.9 ตารางเมตร เป็นห้องแบบ Interlocking มีรูปร่างเป็นตัว L ตอนลึก ทำให้ห้องหน้าแคบ หน้าต่างของห้องจึงมีขนาดบานที่ไม่ใหญ่นัก แลกมากับพื้นที่ใช้สอยในส่วนของ Living Area และ Bedroom ที่ค่อนข้างกว้าง และยังสามารถเปิดประตูบานเลื่อนเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่ถึงกันได้ทั้งห้อง ทำให้ห้องดูโล่งไม่อึดอัด

เข้ามาในห้องจะเจอ ครัว เป็นพื้นที่ส่วนแรก ตำแหน่งอยู่ติดกับประตูทางเข้าห้องเลย มีข้อดีที่..ถ้าวันไหนไปช้อปปิ้งของกินของใช้ แล้วหิ้วของกลับมาหนักๆ พอมาถึงห้องปุ๊บก็เอามาวางพักไว้ตรงนี้ได้ หรือเก็บของสดเข้าตู้เย็นได้สะดวก ครัวที่ได้มาเป็นครัวเปิดเหมาะกับการเตรียมอาหารเบาๆ ไม่เน้นผัด หรืออาหารที่มีกลิ่นแรงๆ และในโซนครัวนี้จะมีโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ที่นั่ง ทำให้เราสามารถใช้โต๊ะนี้สำหรับเตรียมอาหารได้ด้วย

ถัดจากครัวไปจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งอยู่บริเวณกลางห้องจึงไม่มีหน้าต่างต้องอาศัยแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านห้องนอนออกมาเท่านั้น ซึ่งโครงการให้ประตูกั้นห้องนั่งเล่นและห้องนอนมาเป็นประตูบานทึบ ถ้าอยากได้แสงธรรมชาติเข้ามายังพื้นที่นั่งเล่นก็ต้องเปิดประตูทิ้งไว้ ซึ่งประตูบานทึบก็มีข้อดีตรงที่พอปิดประตูปุ๊บ..ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่น จึงเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย 2 คน แต่ถ้าใครชอบห้องโปร่งโล่ง แบบดูกว้างๆ ก็แนะนำให้เปลี่ยนเป็นประตูกระจกแบบในห้องตัวอย่างแล้วติดม่านเพิ่มเอา ในเวลาที่ต้องการความเป็นส่วนตัวก็ปิดม่านแทนนะคะ ถัดมาในส่วนของห้องนอน ที่มีพื้นที่สำหรับวางเฟอร์นิเจอร์ ได้ครบ ทั้งเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง ชั้นวางทีวีและตู้เสื้อผ้า สำหรับแปลนนี้จะให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยภายในห้องมากๆ ระเบียงจึงมีขนาดเล็กหน่อยแค่พอสำหรับวาง Condensing Unit ได้ และใช้ตากผ้าได้นิดหน่อยเท่านั้น

ส่วนที่ดีของห้องนี้คือห้องน้ำ ที่สามารถเข้าได้ 2 ทาง คือจากทางห้องนั่งเล่นและในห้องนอน ในกรณีที่มีเพื่อนๆ หรือแขกมาหาก็สามารถเข้าห้องน้ำได้จากด้านนอก ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนเรา และหากต้องการเข้าห้องน้ำในเวลากลางคืนก็สามารถเดินเข้าจากทางห้องนอนได้เลย ภายในห้องน้ำจัดพื้นที่แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ด้านในของอาคารจึงไม่มีช่องหน้าต่าง ทำให้ต้องพึ่งพาระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ

เริ่มจากประตูหน้าห้องได้เป็นบานไม้ปิดผิวด้วยลามิเนต สูงประมาณ 2 ม. พร้อม Digital Door Lock ของ Samsung ซึ่งเป็นมาตรฐานของโครงการระดับนี้

ถัดจากประตูจะมีเลขที่ห้องติดมาไว้เรียบร้อย สำหรับห้องตัวอย่างจะมีแปลนห้องติดมาให้ดูด้วยค่ะ

พื้นห้องจะแยกออกจากพื้นโถงทางเดินด้วยธรณีประตู วัสดุเป็นหินสังเคราะห์และไม้ลามิเนต ในกรณีที่หากห้องข้างเคียงเกิดท่อแตกหรือน้ำรั่ว แล้วน้ำไหลออกมาตามทางเดิน ธรณีประตูลักษณะนี้จะช่วยป้องกันน้ำเข้าได้เพียงเล็กน้อย แนะนำว่าควรสอบถามโครงการเรื่องการทำประกันภัยคอนโดไว้สักหน่อยก็ดีค่ะ

เข้ามาในห้องส่วนแรกจะเป็น Common Area กว้างๆ ที่จัดฟังก์ชันทั้งส่วนครัว นั่งเล่นและทานอาหารไว้ในบริเวณเดียวกัน ซึ่งจะแยกพื้นที่ออกจากห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อน ทางขวาจะเป็นห้องน้ำ ที่สามารถเข้าออกได้ทั้งทางห้องนั่งเล่นและห้องนอน พื้นภายในห้องทั้งหมดจะเป็นพื้นไม้ลามิเนต หนา 12 มม. ยกเว้นห้องน้ำจะปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้และระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิค ในส่วนของผนังห้องจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสี ระยะความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.7 ม. และติดไฟให้แบบดาวน์ไลท์

โครงการติดตั้ง Door Stopper บริเวณด้านหลังประตูห้องมาให้เรียบร้อย ติดกับประตูห้องเป็นโซนครัว ซึ่งออกแบบมาเป็นครัวเปิด จึงเหมาะกับการทำอาหารเบาๆ ไม่มีกลิ่นหรือควันฉุนนักนะคะ

มาดูรายละเอียดภายในครัวกันต่อเลย ชุดครัวที่ให้มามีขนาด 2 เคาน์เตอร์ตามแบบในห้องตัวอย่าง รวมถึงโต๊ะทานอาหาร 2 ที่นั่งพร้อมเก้าอี้ ซึ่งก็พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโด ส่วนพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, ไมโครเวฟ จะไม่ได้ให้มานะคะ

พื้นที่สำหรับเดินทำครัวมีความกว้างประมาณ 90 ซม. เป็นระยะที่กว้างพอสมควรให้ใช้งานได้สะดวก เวลาจะทำครัวก็ดันเก้าอี้เก็บเข้าไปใต้โต๊ะหน่อยก็โอเคแล้ว และยังสามารถใช้โต๊ะนี้เป็นพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารได้ด้วย

ตู้เย็นที่โครงการติดตั้งในห้องตัวอย่างมีขนาด 9.2 คิว เป็นขนาดที่เพียงพอสำหรับการใช้งาน 1-2 คน หรือหากใครอยากเลือกตู้เย็นที่มีขนาดใหญ่กว่านี้ ก็ยังมีพื้นที่พอให้สามารถวางได้นะคะ

เคาน์เตอร์ครัวที่ให้มามีขนาด 2 ช่อง ตู้ฝั่งใต้ซิงค์ล้างจานจะเป็นตู้เก็บของบานเปิดปิดและลิ้นชัก หน้าบานเป็นไม้ลามิเนต ส่วนบานพับเป็นแบบ Soft Close ไว้สำหรับเก็บช้อนส้อม เก็บจาน แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะเพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจาน ส่วนตู้ข้างใต้เตาเป็นตำแหน่งที่โครงการเตรียมไว้ให้สำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้าค่ะ

มือจับตู้ถูกออกแบบให้มีการเซาะร่อง เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงบานตู้ให้เปิดปิดได้ เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่จำกัดเพราะจะไม่มีมือจับตู้ยื่นออกมาให้เกะกะเลย

ส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัว ช่องหนึ่งเป็นซิงค์ล้างจาน อีกช่องเป็นเตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน Top ครัวเป็นหินสังเคราะห์ ส่วน Backsplash ด้านหลังจะติดกระเบื้องแกรนิตโต้มาให้แบบห้องตัวอย่างเลยนะคะ เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย

ซิงค์ล้างจานและก๊อกน้ำของ Franke เป็นรุ่นที่มีฝาปิดมาให้ ทำให้เราสามารถใช้พื้นที่บนซิงค์ในการเตรียมอาหารได้ด้วยนะ ส่วนซิงค์ล้างจานมีขนาดพอให้ใช้งานได้สะดวกและมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมาค่ะ

เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Franke มาพร้อมเครื่องดูดควันที่ต่อท่อออกไปข้างนอกให้เรียบร้อย แต่พอเป็นครัวเปิดเลยคิดว่าน่าจะเหมาะกับการอุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ จะเหมาะกว่านะคะ

ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิดปิด 2 ตู้ ภายในแบ่งเป็นช่องเก็บของ บานพับเป็นแบบ Soft Close เช่นเดียวกับตู้ใต้เคาน์เตอร์ครัวนะคะ

โต๊ะทานอาหารที่โครงการให้มาเป็นโต๊ะสตูสูง พร้อมเก้าอี้สตู 2 ตัว พอวางตำแหน่งไว้ตรงนี้ก็สะดวกดีนะ เพราะอยู่ติดกับ Pantry ครัวเลยและยังสามารถนั่งทานอาหารไปดูทีวีไปได้ด้วยค่ะ

ติดกับโซนครัวจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งกลิ่นและควันจากกการทำครัวจะฟุ้งกระจายอยู่ในบริเวณนี้ ห้องแปลนนี้จึงไม่เหมาะกับการทำอาหารหนักๆ จริงๆ นะ

อีกจุดหนึ่งที่เป็นความพิเศษของโครงการ คือมีการนำนวัตกรรม Solar Fresh Air System เข้ามาติดตั้งในห้องพักทุกยูนิต สำหรับห้อง Type นี้ จะติดตั้งไว้บนฝ้าเหนือโซฟาในห้องนั่งเล่น

บริษัท อนันดาฯ ได้นำนวัตกรรม Solar Fresh Air System เข้ามาเริ่มใช้ ซึ่ง IDEO Mobi รางน้ำ เป็น 1 ใน 3 โครงการนำร่อง ที่จะติดตั้งเทคโนโลยีนี้เพิ่มเข้ามาในห้องพักอาศัยเพื่อทำหน้าที่หมุนเวียนอากาศ ช่วยลดอุณภูมิภายในห้องพัก โดยทางโครงการจะติดตั้ง Solar Cell Panel ไว้ให้ทุกยูนิต เพื่อใช้เป็นพลังงานสำหรับการเปิด – ปิด ช่องระบายอากาศ เราสามารถควบคุมการทำงานของ Solar Fresh Air System นี้ได้ผ่านทางแอพพลิเคชั่นที่อนันนดาฯ พัฒนาขึ้น และโครงการมีแถม tablet การสั่งงานให้ลูกค้าด้วยค่ะ

กลับมาที่เฟอร์นิเจอร์ในห้องนั่งเล่น โครงการจะให้มาครบทั้งโซฟา และโต๊ะกลางเลยนะคะโซฟามีขนาด 2 ที่นั่งแบบมีพนักและที่วางแขน เท่าที่ลองนั่งดู ตัวที่นั่งก็ลึกดีนั่งสบายอยู่นะ ส่วนโต๊ะกลางจะมีขนาดเล็กหน่อยพอวางขนม แก้วน้ำและ Notebook ได้ ซึ่ง Top ของโต๊ะจะเป็น Tempered Glass สีดำตามแบบในห้องตัวอย่าง ซึ่งมีคุณสมบัติทนแรงกระแทก ไม่แตกง่าย และเวลาแตกจะเป็นเมล็ด คล้ายเมล็ดข้าวโพด จึงมีความแหลมคมไม่มาก ทำให้เกิดอันตรายได้น้อยกว่าค่ะ

พอเป็นห้องตอนลึกก็ทำให้พื้นที่ในโซนนั่งเล่นค่อนข้างกว้าง เวลาเดินผ่านเข้าออกห้องนอนก็สะดวกดี

ระยะดูทีวีประมาณ 3.5 ม. มีขนาดทีวีที่เหมาะสมคือ 60 นิ้ว โครงการให้ชั้นวางทีวีมาตามแบบในห้องตัวอย่าง แต่ผนังด้านหลังได้เป็นฉาบเรียบทาสีขาวนะคะ

ชั้นวางทีวีที่ได้จะเป็นตู้บานเปิดปิด ภายในแบ่งเป็นชั้นเก็บของ 2 ชั้น โดย Top ของชั้นวางทีวีจะได้เป็น Tempered Glass สีดำอีกเช่นกัน

ทางโคงการเก็บรายละเอียดตู้ให้เรียบร้อย โดยมีการเซาะร่องให้บานตู้มีร่องให้มือจับเปิด-ปิด ตู้ได้สะดวก ซึ่งมีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับหลุด หรือชำรุดเลยนะคะ

ติดกับชั้นวางทีวีเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นประตูไม้ลามิเนตแบบบานเลื่อน

ห้องน้ำของแปลนนี้มีข้อดีที่มีทางเข้า 2 ทางคือ สามารถเข้าได้จากทางห้องนอนและห้องนั่งเล่น ภายในแบ่งส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำและขอบธรณีทำให้การใช้งานเป็นสัดส่วน

พื้นที่ใช้สอยในห้องน้ำไม่กว้างมาก แต่ก็พอให้ใช้งานได้ไม่อึดอัด ผนังและพื้นโดยรอบเป็นกระเบื้องเซรามิคลายหินอ่อนทั้งหมด แต่กระเบื้องพื้นจะเป็นแบบด้านเพื่อช่วยกันลื่นภายในห้องน้ำ สำหรับวัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำจะได้ตามห้องตัวอย่างทั้งหมด

อ่างล้างหน้าจาก TOTO มีขนาดพอสมควร ออกแบบให้ฝังอยู่บนเคาน์เตอร์ ทำให้บริเวณรอบๆ อ่างมีพื้นที่สำหรับวางของได้ และที่ผนังบริเวณเหนืออ่างก็มีการติดตั้งปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบมาให้ด้วยค่ะ

ใต้เคาน์เตอร์เป็นพื้นที่ว่างไว้ให้ซ่อมแซมก๊อกน้ำได้ และยังเป็นตำแหน่งสำหรับติดตั้งหม้อน้ำร้อน ซึ่งทางโครงการเดินระบบรอไว้ให้แล้ว

ต้องขอชมว่าโถสุขภัณฑ์ให้มาเป็น TOTO Washlet ซึ่งเป็นสเปคที่ดีกว่าโครงการระดับเดียวกันในทำเลนี้นะคะ มาพร้อมที่แขวนกระดาษชำระ และปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบมาให้เรียบร้อย

อีกฝั่งหนึ่งของห้องน้ำเป็นตำแหน่งของ Shower Box

สำหรับ Shower Box จะถูกกั้นพื้นที่ด้วยประตูกระจกนิรภัย (Tempered Glass) ซึ่งเป็นแบบบานเปิดปิด มีมือจับสามารถจับให้สามารถเปิดได้สะดวก ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ส่วนเปียกกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้ง

โครงการเก็บรายละเอียดมาให้ใช้งานได้สะดวกดีนะคะ โดยมือจับสามารถนำมาใช้เป็นที่แขวนผ้าเช็ดตัวก็ได้ ส่วนด้านหลังประตูก็ติด Door Stopper เพื่อกันฉากกั้นกระจกกระแทกไว้เรียบร้อย

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกว้างยาวประมาณ 0.9 x 1 เมตร เป็นขนาดมาตรฐานที่สามารถใช้งานได้สะดวก

ภายในติดตั้งอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เรียบร้อย ได้มาเป็นของ TOTO ทั้งหมด

หน้าตาของฝักบัวและก๊อกผสมของ TOTO มีขนาดจับได้ถนัดมือดี ซึ่งโครงการเดินงานระบบของเครื่องทำน้ำร้อนไว้ให้แล้ว เหลือแค่ติดตั้งหม้อน้ำร้อนเข้าไปเท่านั้น ด้านบนเป็น Rian Shower ของยี่ห้อเดียวกัน

สำหรับห้องนอนจะถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอนทำให้เวลาเปิดประตูแล้ว เราจะได้พื้นที่ทางเดินที่กว้างกว่าประตูแบบ 2 ตอน ประตูมีความสูงจากพื้นถึงฝ้า ทำให้ห้องดูโปร่งขึ้น จะสังเกตว่าบรรยากาศห้องจะดูโล่งกว่าห้องขนาด 35 ตร.ม.ทั่วๆไปนิดหน่อย ที่เป็นแบบนี้เพราะความสูงของฝ้าเพดาน 2.7 เมตรนั่นเองค่ะ

ประตูบานเลื่อนที่โครงการติดตั้งให้จะเป็นบานทึบนะ แบบนี้ก็มีข้อดีกับการอยู่อาศัย 2 คน พอประตูเป็นบานทึบก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น แต่หากใครชอบห้องที่ดูโปร่งโล่งแบบในห้องตัวอย่าง ก็แนะนำให้เปลี่ยนเป็นประตูบานกระจกแล้วติดผ้าม่านเพิ่มแทนนะคะ

พื้นที่ภายในห้องนอนถือว่ากว้างพอสมควร ใช้งานได้แบบสบายๆ ไม่อึดอัด สามารถตั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ได้ มีพื้นที่ด้านข้างสำหรับวางโต๊ะหัวเตียงได้ 1 ฝั่ง ซึ่งโครงการจะให้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุต มาตามแบบในห้องตัวอย่างเลย ส่วนโต๊ะหัวเตียงนี้ไม่ได้ให้มานะคะ เราสามารถเลือกแบบที่เราชอบได้เลย แต่ก็ต้องดูขนาดที่สามารถวางได้พอดีด้วยนะ

พอวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้โดยรอบ

พื้นที่ปลายเตียงค่อนข้างกว้างทีเดียว เมื่อวางชั้นวางทีวีแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านได้สบายๆ ซึ่งโครงการจะให้ชั้นวางทีวีและโต๊ะเขียนหนังสือมาตามแบบในห้องตัวอย่างเลย สำหรับชั้นวางทีวีจะได้แบบเดียวกับชั้นวางทีวีในห้องนั่งเล่นนะคะ

โต๊ะทำงานจะให้มาพร้อมเก้าอี้แบบนี้ ซึ่งสามารถใช้เป็นโต๊ะทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนเลยค่ะ

ช่องทางเดินที่ติดกันกับชั้นวางทีวีเป็นทางเดินไปยังตู้เสื้อผ้า พอแปลนห้องจัดตำแหน่งตู้เสื้อผ้าหลบไว้ด้านในแบบนี้ ก็ทำให้ห้องดูโล่งเป็นสัดส่วนดีนะคะ

ตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าจะอยู่บริเวณประตูห้องน้ำที่เชื่อมจากทางห้องนอนนะคะ เวลาอาบน้ำเสร็จก็สามารถมาแต่งตัวบริเวณนี้ได้สะดวก และดูเป็นสัดส่วนดีด้วยค่ะ

ตู้เสื้อผ้าที่ให้มาเป็นตู้บานเลื่อน ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้ดีกว่าบานเปิดปิด และให้หน้าบานเป็นกระจกสีชาดำ ทำให้ตัวตู้ดูไม่ทึบตัน และช่วยให้พื้นที่บริเวณนี้ดูโปร่งขึ้น ภายในตู้มีการแบ่งพื้นที่เป็นช่องเก็บของ ลิ้นชัก และราวแขวนผ้าไว้ให้เรียบร้อย

มือจับของตู้เสื้อผ้าเป็นอลูมิเนียมแบบนี้ ขนาดพอจับได้ถนัดมือดีค่ะ

ติดกับโต๊ะเขียนหนังสือจะมีกระจกบานใหญ่ที่บังประตูระเบียงเอาไว้ด้านหลัง ซึ่งห้องจริงที่ได้จะไม่มีกระจกมาให้ จะเป็นประตูระเบียงเลย การตกแต่งนี้เราสามารถดูเป็นไอเดียในการแต่งห้องได้ เพราะกระจกจะช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น

แปลนห้อง Type นี้ จะให้ความสำคัญกับพื้นที่ใช้สอยภายในห้องซะมาก จึงไม่ได้ให้พื้นที่ระเบียงมาสักเท่าไหร่ ให้มาแค่พอให้สามารถเปิดออกมาซ่อมแซมดูแล Condensing Unit เท่านั้น ไม่สามารถวางราวตากผ้าได้นะ เพราะจะติดวงสวิงของประตู ถ้าจะตากอะไรเล็กๆน้อยๆ ก็คงต้องแขวนกับราวระเบียงแทน

พื้นที่ระเบียงจะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคเพื่อกันลื่น ส่วนราวกันตกเป็นราวเหล็ก Spec ตามมาตรฐานโครงการระดับนี้ค่ะ

ฝั่งหนึ่งของระเบียงเป็นตำแหน่งสำหรับวาง Condensing Unit ติดตั้งบนพื้น 1 ตัวและติดลอยไว้อีก 1 ตัว ซึ่งตำแหน่งนี้โครงการออกแบบราวเหล็กให้มีความสูงจากพื้นถึงฝ้า เพื่อให้เกิดความปลอดภัยเวลาที่ช่างมาซ่อมบำรุง และหากมองมาจากภายนอกอาคารก็ทำให้เกิดภาพลักษณ์ของตึกที่เรียบร้อยด้วยค่ะ

โครงการเก็บรายละเอียดของประตูระเบียงมาได้ดีทีเดียว คือถ้าปิดประตูระเบียงเราจะไม่ได้ยินเสียง Condensing Unit ที่ทำงานอยู่ด้านนอกเลยนะ เพราะบริเวณขอบประตูจะติดยางปิดร่องประตูมาให้ ซึ่งช่วยกันฝุ่นและเสียงที่จะเล็ดลอดเข้ามาในห้องได้ดี

ส่วนวงกบประตูเป็นอลูมิเนียมอบสีดำ มือจับค่อนข้างแข็งแรง และตัวล็อกแบบหมุนบิดตามมาตรฐาน

ด้านในสุดของห้องนอนจะมีมุมพักผ่อนอีกมุมหนึ่งที่อยู่ติดกับหน้าต่าง เอาไว้นั่งชมวิวหรืออ่านหนังสือก็ดูน่าจะชิวดีนะคะ ซึ่งหน้าต่างที่ให้เป็นแบบบาน Fix ผสมกับบานกระทุ้ง มีขนาดใหญ่เกือบถึงพื้นทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้เช่นกัน

โครงการจะให้โซฟามาตามแบบในห้องตัวอย่างแบบนี้เลย แต่จะไม่ได้ให้หมอนมาด้วยนะ

หน้าต่างที่เป็นบานกระทุ้งจะเปิดได้ไม่กว้างมาก เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย แต่ก็พอให้สามารถเปิดระบายอากาศในห้องได้

มือจับได้มาตรฐานจับได้ถนัดมือดีค่ะ

ฝ้าเพดานที่ได้จะเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว และให้ไฟเป็นแบบดาวน์ไลท์ ตามมาตรฐานของคอนโดระดับเดียวกันบนทำเลนี้นะคะ

หน้าตาสวิสต์และปลั๊กไฟที่ได้ของ Schneider

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 5 October 2019

  • Studio / ชั้น 12A ห้อง 09 / เนื้อที่ 28.03 ตร.ม. / ราคา 5.48 ล้านบาท หรือ 195,505 บาท/ตร.ม.
  • Studio / ชั้น 14 ห้อง 19 / เนื้อที่ 30.56 ตร.ม. / ราคา 5.9 ล้านบาท หรือ 193,063 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom / ชั้น 11 ห้อง 08 / เนื้อที่ 34.83 ตร.ม. / ราคา 6.72 ล้านบาท หรือ 192,937 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedroom / ชั้น 15 ห้อง 01 / เนื้อที่ 58.18 ตร.ม. / ราคา 11.11 ล้านบาท หรือ 190,959, บาท/ตร.ม.

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.7 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Franke
  • มีรถ Shuttle Bus ไปกลับ BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ
  • จองห้อง 50,000 บาท
  • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

Ideo Mobi รางน้ำ เป็นคอนโดในย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ ที่ต้องออกตัวก่อนว่าเหมาะกับคนที่ต้องการอยู่ในทำเลนี้ แบบที่ไป BTS ได้ง่าย แต่ไม่ได้อยู่ใกล้ในระยะเดิน โครงการจึงได้ตั้งราคาห้องมาแบบไม่แรงเท่าโครงการอื่นๆ ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากกว่า โดยตั้งราคาเริ่มต้นประมาณ 5 ล้านบาทหรือประมาณ 175,000 บาท/ตร.วา ซึ่งถ้ามองดูโครงการในทำเลเดียวกันโดยรอบ จะเห็นราคาส่วนใหญ่ไปแตะที่สองแสนกว่าๆ ต่อตารางเมตรกันหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคอนโดในทำเลใกล้ๆ กันแต่เป็นมือ 2 หรือคอนโดในค่ายเดียวกันอย่าง Ideo Q Victory ซึ่งทั้ง 3 ตัวมีจุดแข็งในเรื่องของทำเลที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้าแบบเดินสะดวกมากๆ

ถ้าถามความเห็นส่วนตัวคิดว่าราคาห้องเฉลี่ยของทั้งโครงการ 190,000 /ตร.ม. เป็นราคาที่สามารถเลือกซื้อได้หลายคอนโดในละแวกนี้ ไม่ว่าจะขึ้นไปทางอารีย์ก็มีหลายตัวเลือก ที่อยู่บนทำเลใกล้รถไฟฟ้าและความอุดมสมบูรณ์เช่นกัน หรือจะถัดลงมาที่ย่านราชเทวี พญาไท ก็มีตัวเลือกอย่าง Ideo Q พญาไท และเจ้าอื่นๆให้เลือกด้วย จึงเห็นว่าโครงการ Ideo Mobi รางน้ำ เป็นโครงการที่เหมาะกับคนที่ต้องการหาที่อยู่ในย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ จริงๆ หรือมีที่ทำงานที่อยู่ในละแวกนี้อย่างโรงพยาบาลชื่อดังต่างๆ, อาคารสำนักงานและ King Power รางน้ำ ก็จะสะดวกในการเดินทางไปทำงานอย่างมากทีเดียว

ทำเล : โครงการอยู่ในซอยรางน้ำ ห่างจากถนนพญาไทประมาณ 600 ม. และห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ ประมาณ 650 ม. แม้จะไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินสะดวกแต่ก็อยู่ในทำเลที่เดินทางง่ายพอสมควรเพราะอยู่ใจกลางเมืองเลย สามารถเดินทางเข้าสู่สยามฯ จุฬา ชิดลม หรือ มาทางอารีย์ จตุจักรก็ง่าย นอกจากนี้ยังอยู่ในซอยรางน้ำที่สามารถหาของกินได้ตลอดทั้งกลางวันกลางคืน มีร้านอาหารอร่อยๆ และรถเข็นขายของข้างทางเยอะ แถมหน้าปากซอยก็มีห้าง Century ด้วย และยังใกล้สวนสันติภาพในระยะ 180 ม. สามารถไปวิ่งออกกำลังกายหรือไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศในสวนสาธารณะได้สบายๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังใกล้โรงพยาบาลชื่อดังต่างๆ ในระยะไม่เกิน 3 กม. ด้วยค่ะ

การเดินทางโดยใช้รถ : ใครอยู่แถวนี้ก็มีความได้เปรียบพอตัว เนื่องจากอยู่ใกล้อนุสาวรีย์ชัยฯ ทำให้มีทางให้เลือกใช้หลายทาง ซึ่งแต่ละทางก็เป็นถนนเส้นใหญ่ๆ ที่มีซอยย่อยให้ทะลุ ลัด เชื่อมกันได้อีกหลายเส้น และยังใกล้จุดทางขึ้น-ลงทางด่วน (ทางพิเศษศรีรัช) ที่อยู่ห่างจากอนุสาวรีย์ชัยฯ ไปนิดเดียว สำหรับที่จอดรถให้มาน้อยกว่าโครงการโดยรอบไปนิดหน่อยแต่ก็พอรับได้เมื่อเทียบกับราคาที่ต่ำกว่าโครงการอื่นในซอยนี้

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใกล้ BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ ในระยะเดินได้ แต่ทำเลนี้ไม่ต้องห่วงเลยนะคะเพราะมีวินมอเตอร์ไซค์ให้เรียกเยอะมาก หรือใครชอบออกกำลังกายก็สามารถเดินได้นะ ส่วนตัวลองเดินมาแล้วก็ไหวนะ รู้สึกว่าเดินไม่นานเท่าไหร่ อาจเพราะตลอดทางเดินเป็นร้านค้า คาเฟ่ จึงเดินได้เพลินๆ ไปตลอดทาง และหากนับจาก BTS อนุสาวรีย์ชัยฯ จะห่างจากสยามแค่ 3 สถานี และห่างจากสถานีพญาไทซึ่งเป็นจุด Interchange ไปใช้แอร์พอร์ตลิงก์ได้ หรือจะเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ หรือแท็กซี่ก็ง่าย จะไปรถเมล์ก็มีป้ายอยู่ใกล้ๆ หน้าปากซอยทั้งทางฝั่งถนนพญาไทและถนนราชปรารภเลยค่ะ

วัสดุ : ณ ตอนนี้เป็นโครงการเดียวในซอยนี้ที่ขายแบบ Fully Furnished จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่อยากหิ้วกระเป๋ามาพร้อมอยู่ได้เลย โดยจะให้เฟอร์นิเจอร์มาทั้งชุดโซฟา, ชั้นวางทีวี, โต๊ะทานอาหาร, ตู้เสื้อผ้า, ฐานเตียง (ยกเว้นฟูกที่นอน)และโต๊ะเครื่องแป้ง สำหรับวัสดุในห้อง เช่นพื้น, ชุดครัว ก็จะได้สเปคมาพอๆ กับโครงการเปิดใหม่ในทำเลเดียวกัน แต่ถ้ามองย้อนไปถึงโครงการมือ 2 ที่เปิดขายช่วง 5 ปีที่แล้ว เราจะเห็นว่าวัสดุหลายๆ อย่างของคอนโดสมัยนั้นจะให้มาดีกว่าแบบเห็นได้ชัดเลยทีเดียว แต่ก็มีส่วนที่ต้องชมเลยคือโครงการนี้จะให้สุขภัณฑ์ของ TOTO Washlet ซึ่งให้มาดีกว่าโครงการอื่นค่ะ

การออกแบบ : การออกแบบโครงการทำออกมาหน้าตาดีทีเดียว ยิ่งเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านในซอยเดียวกัน Ideo mobi ตัวนี้ก็คงเด่นออกมาอยู่คนเดียวในตอนนี้ แต่เราจะไม่พูดกันเรื่องความสวยงาม เพราะคนเราชอบไม่เหมือนกัน ว่ากันที่การใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง ออกแบบมาดูดี น่าใช้ แต่ละคนต้องดูว่าเราชอบแบบนี้ไหม โดยส่วนกลางหลักจะจัดอยู่ที่ชั้น 30-31 หลักๆ ก็จะมี สระว่ายน้ำที่มีความยาวรวม 87 เมตร แบบว่ายวนได้รอบอาคาร, Jacuzzi, Fitness และ Sky Lounge ซึ่งจากทุกส่วนจะมองเห็น City View ได้ทุกด้าน น่าใช้งานมาก ติดนิดหน่อยในส่วนของทางเดินส่วนกลางบนชั้นพักอาศัย จะได้แสงจากธรรมชาติน้อยไปหน่อย ทำให้ต้องเปิดไฟบริเวณทางเดินอยู่ตลอดค่ะ

ส่วนการออกแบบห้องพักจะมีทั้งแบบที่เป็นแปลนมาตรฐานของ Ideo ที่ทำออกมาได้ลงตัวอยู่แล้ว ส่วนที่ต่างคือห้องพักแบบที่เป็นห้อง Interlocking ขนาด 35 ตร.ม. ซึ่งห้องแบบนี้มีแนวคิดที่จะจัดพื้นที่ใช้สอยในส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอนให้กว้างขึ้น และตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการพื้นที่ Walk-in Closet ค่ะ

สาธารณูปโภค : เป็นข้อดีของโครงการที่นำพื้นที่ส่วนกลางหลัก ๆ อย่าง สระว่ายน้ำ, ห้อง Fitness และ Sky Lounge ขึ้นมาไว้ชั้นบนสุดของโครงการ ทำให้ผู้อยู่อาศัยทุกชั้น มีพื้นที่ส่วนกลางให้ขึ้นมาชมวิวเมืองในมุมสูง ได้มีพื้นที่ออกกำลังกายที่ได้วิวดีๆ ซึ่งข้อดีตรงนี้ไม่ได้หาได้จากทุกโครงการที่มีราคาระดับนี้นะคะ แต่ก็มีส่วนที่น่าเสียดายคืออัตราส่วนลิฟต์ที่ค่อนข้างแน่นกว่าโครงการอื่นๆ ทำให้เวลาเร่งด่วนคงต้องเผื่อเวลาออกมารอลิฟต์กันหน่อย และสัดส่วนของที่จอดรถก็ดูน้อยกว่าโครงการทำเลเดียวกันไปนิดนึงค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 190,000 บาท/ตร.ม., 5 October 2019

  • ทำเล 8/10 –ทำเลดี อยู่ใจกลางเมือง มีความอุดมสมบูรณ์สูง
  • เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – เดินทางง่ายและใกล้ทางหลักหลายสาย แต่ก็ต้องทำใจเรื่องรถติดด้วยเช่นกัน ที่จอดรถน้อยไปหน่อยเทียบกับโครงการในทำเลเดียวกัน
  • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – ห่างรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ชัยฯ 650 ม. หารถสาธารณะง่ายทั้งวินมอเตอร์ไซค์และแท็กซี่
  • วัสดุ 8/10 – ดีกว่าโครงการอื่นในซอยเดียวกัน เพราะให้มาแบบ Fully Furnished วัสดุอื่นๆ มีทั้งที่ได้ตามมาตรฐานและดีกว่า
  • แบบ 7.75/10 – ออกแบบพื้นที่ส่วนกลางน่าใช้งาน และอยู่บนชั้นสูงสุดของโครงการ พื้นที่ในห้องจัดฟังก์ชันได้ลงตัว ในขนาดที่ใช้งานได้จริง
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 – เป็นจุดเด่นของโครงการที่จัดพื้นที่ส่วนกลางแบบเต็มชั้น 30-31 แถมเปิดวิวรอบอาคารด้วยผนังกระจก แต่สัดส่วนลิฟต์ค่อนข้างแน่นมากๆ

  • LUXURY CLASS
  • 7.98 / 10.00

BOTTOM LINE

IDEO Mobi รางน้ำ เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดในย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ ที่ให้เฟอร์นิเจอร์ ครบ พร้อมเข้าอยู่อาศัยได้เลย หวังพึ่งพารถไฟฟ้าอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ในระยะเดิน แลกกับราคาห้องที่หยิบจับง่ายสุดในย่าน เมื่อเทียบกับโครงการที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ชัยฯ ในยุคนี้ มีงบประมาณระดับ 4.99 – 13 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 35,000 – 91,000 บาท/เดือน

สำหรับใครที่สนใจสามารถ คลิกที่นี่ เพื่อลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษจากโครงการได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร 02-316-2222


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving