รีวิวโครงการ

คิด.เรื่อง.อยู่ Ep.196 – รีวิวคอนโด Ideo Thaphra Interchange

13 มีนาคม 2016

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1006 สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการในย่านท่าพระ กับโครงการเปิดใหม่ Ideo ท่าพระ Interchange คอนโด High Rise สูง 22 ชั้น จาก Ananda Development เจ้าเก่าเจ้าเดิม โครงการตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม ระหว่างซอยเพชรเกษม 7 และซอยเพชรเกษม 9 ใกล้แยกท่าพระ ประมาณ 160 ม. กับสถานีรถไฟฟ้าท่าพระ ซึ่งเป็นสถานี Interchange สามารถเชื่อมต่อไปได้หลายทางตั้งแต่ บางซื่อ – หัวลำโพง – บางแค โดยจะเริ่มเปิด Pre-sale ในวันที่ 13-14 กพ. นี้ ส่วนตัวโครงการจะเป็นอย่างไรนั้นตามไปชมพร้อมๆ กันเลยค่ะ 

 

Fact @ 21 Jan 2016

  •  Ideo Thaphra Interchange (ไอดิโอ ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์)
  • บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย ท่าพระ จำกัด
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางกอกใหญ่
  • คอนโด High Rise 22 ชั้น 844 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 50 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 344 คันคิดเป็น 40%
  • ที่ดินประมาณ 4-1-96.6 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : กุมภาพันธ์ 2559
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : มกราคม 2561
  • Studio 27.5 – 28 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 34.5 – 35.5 ตร.ม. 
  • 2 Bedrooms 63 – 71 ตร.ม. 
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ n/a บาท/ตร.ม
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02-316-2222

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.728824, 100.475857

ตัวโครงการตั้งอยู่ในย่านท่าพระ บนถนนเพชรเกษม ระหว่างซอยเพชรเกษม 7 และซอยเพชรเกษม 9 ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าท่าพระ (สถานี Interchange) และแยกท่าพระประมาณ 160 ม.

ทำเลโครงการตั้งอยู่ฝั่งธนฯ บนถนนเพชรเกษมฝั่งขาออกไปยังบางแค ห่างจากแยกท่าพระ ประมาณ 160 ม. สภาพแวดล้อมบริเวณนี้เป็นเสมือนจุดต่อของแถบย่านวงเวียนใหญ่และย่านจรัญสนิทวงศ์ที่มีความหนาแน่นของชุมชนสูงและมีความอุดมสมบูรณ์สูงเช่นเดียวกัน เมื่อเป็นจุดต่อแบบนี้จึงมีความอุดมสมบูรณ์เบาบางกว่าหน่อย โดยส่วนใหญ่จะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบที่อยู่กันมานาน และมีคอนโด High Rise มาเกาะติดถนนบ้าง แต่ในอนาคตเมื่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายสร้างเสร็จแล้ว เชื่อว่าในแถบนี้ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ทั้งเรื่องที่อยู่อาศัยและความอุดมสมบูรณ์

ในส่วนของการเดินทางด้วยรถยนต์นั้น ถือว่ามีความสะดวกเพราะตัวโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นถนนหลักสายใหญ่ที่เชื่อมต่อและมีถนนอีกหลายสายตัดผ่าน และอยู่ใกล้แยกท่าพระที่สามารถใช้ไปออกฝั่งปิ่นเกล้า หรือ พุทธมณฑลได้ ถ้าจะเข้าเมืองข้ามฝั่งแม่น้ำ อาจจะต้องทนติดหน่อยในช่วงเช้าเย็น บริเวณสะพานพุทธและสะพานพระปกเกล้า แต่ก็ไม่ไกลจากโซนค้าขายเดิมอย่างเยาวราช พาหุรัดค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์รอบๆ โครงการ ในรัศมี 300-400 ม. แทบไม่มีอะไรให้กินเลย ส่วนใหญ่จะเป็นร้านซ่อมต่างๆ และห้องแถวอยู่อาศัยแทบทั้งหมด หากจะหาแหล่งพึ่งพิงปากท้องนั้นก็คงต้องขับรถไปตลาดปีนัง ที่มีของสดอาหารทะเลเยอะ หรือจะไปเทอดไทที่มีแหล่งพัก(พุง) อย่างตลาดวัดกลางและตลาดพลู ส่วนห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้โครงการมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้น The Mall ท่าพระ

จุดเด่นของโครงการในเรื่องของทำเลคืออยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าท่าพระ ซึ่งเป็นสถานี Interchange ที่ตั้งอยู่บริเวณแยกท่าพระ ทำให้การเดินทางโดยไม่ใช้รถของโครงการนี้มีความสะดวกสบายมาก โดยจากตัวโครงการมีระยะห่างจากสถานีประมาณ 160 ม. ถือเป็นระยะที่สามารถเดินได้สบายๆ แต่ทั้งนี้เมื่อไปอัพเดต ณ พื้นที่ก่อสร้างสถานีก็ยังไม่ได้กำหนดจุดขึ้น-ลงสถานีที่แน่นอนว่าลงบริเวณไหนบ้าง ซึ่งคงต้องรอดูกันต่อไปค่ะ

ขออธิบายการเดินรถไฟฟ้าเพิ่มเติมกันอีกหน่อยนะคะ สำหรับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายนี้ แบ่งออกมาเป็น 2 ช่วง คือ

  1. ช่วงบางซื่อ – ท่าพระ เริ่มสถานีบางซื่อผ่านสถานีเตาปูนซึ่งเป็นสถานีร่วมกับโครงการฯ สายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ – บางซื่อ เข้าสู่ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ผ่านสี่แยกบางโพ ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เลี้ยวซ้ายเข้าถนนจรัญสนิทวงศ์บริเวณโรงเรียนเทคโนโลยีพระราม 6 ผ่านแยกบางพลัด แยกบรมราชชนนี แยกไฟฉาย และสิ้นสุดที่แยกท่าพระ
  2. ช่วงหัวลำโพง – บางแค โครงการจะเริ่มต้นที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินหัวลำโพง เป็นเส้นทางตามแนวถนนพระราม 4 ผ่านถนนเจริญกรุง วังบูรพา ถนนสนามไชย ลอดใต้แม้น้ำเจ้าพระยาที่บริเวณปากคลองตลาด ลอดใต้คลองบางกอกใหญ่ ถนนอิสรภาพ เข้าสู่สี่แยกท่าพระ ซึ่งจะมีสถานีร่วมกับโครงการฯ สายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ – ท่าพระ ไปตามแนวถนนเพชรเกษม ผ่านบางไผ่ บางหว้า บางแค และสิ้นสุดสายทางที่บริเวณวงแหวนรอบนอกถนนกาญจนาภิเษก

สำหรับการเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มต้นจากถนนกรุงธนบุรี บริเวณสถานีรถไฟฟ้าวงเวียนใหญ่ จากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้าถนน สมเด็จพระเจ้าตากสินมุ่งหน้าไปทางวงเวียนใหญ่ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนอินทรพิทักษ์และเชื่อมเข้าถนนเพชรเกษม ตรงมาไปเรื่อยๆทางแยกท่าพระ จะเห็นโครงการอยู่ฝั่งซ้ายมือ บริเวณซอยเพชรเกษม 9 ค่ะ

จากถนนกรุงธนบุรีซึ่งเป็นถนนที่มีรางรถไฟฟ้าสายสีเขียวเกาะข้ามมายังฝั่งธนฯ เราจะขับมุ่งหน้าไปยังวงเวียนใหญ่กันค่ะ โดยต้องเริ่มเบี่ยงขวาเพื่อเลี้ยวเข้าใต้สะพานบริเวณจุดกลับรถ

ลอดใต้สะพานมาแล้วก็จะมาติดสัญญาณไฟจราจรอีกทีก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน

บนถนนสมเด็จพระเจ้าตากสินเป็นถนน 8 เลน (ขาเข้า – ออก) และด้านข้างถนนมีเส้นทางของจักรยาน (สีแดง) ไว้ในปั่นเที่ยวในพื้นที่บริเวณโดยรอบได้ด้วยนะคะ เนื่องจากบริเวณใกล้อนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินนั้นถือเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่ยังคงความเก่าแก่ไว้ได้อย่างดี สังเกตจากสองฝั่งรอบข้างถนนที่จะมีตึกราบ้านช่องเป็นตึกแถว ด้านล่างทำมาค้าขายทั้งร้านอาหาร ร้านขายเสื้อผ้า สมัยเก่าแก่รุ่นอากงอาม่า รวมทั้งบนถนนเส้นนี้ยังเป็นจุดขึ้นสถานีรถไฟวงเวียนใหญ่อีกด้วยค่ะ

เมื่อถึงวงเวียนใหญ่แล้ว เราก็เลี้ยวซ้ายกันค่ะ จุดสังเกตการเลี้ยวอีกอย่างนึงเผื่อใครเดินทางมาจากถนนเส้นอื่นๆ ก็คือให้เลี้ยวไปตามหางม้าของอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินค่ะ เพราะทิศทางหางม้าจะชี้ไปทางถนนอินทรพิทักษ์นั่นเอง

เมื่ออยู่ในวงเวียนใหญ่แล้วให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนอินทรพิทักษ์ จุดสังเกตง่ายๆ อีกจุดนึงก็คือธนาคารออมสิน เจอแล้วก็เตรียมเลี้ยวได้เลยค่ะ ^^

เข้าสู่ถนนอินทรพิทักษ์ ซึ่งเป็นถนนสายสั้นๆที่เชื่อมกับวงเวียนใหญ่ บรรยากาศรอบๆ ข้างทางส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ค้าขายเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ และยังมีคอนโด High Rise ขึ้นมาประปรายให้เห็นติดริมถนน ส่วนร้านอาหารเล็กๆ ก็ยังพอมีให้เห็นบ้างแต่ไม่ได้คึกคักมากนัก

ตรงมาอีกหน่อยจะเจอแยกบางยี่เรือ ซึ่งเป็นแยกที่ตัดกับถนนเทอดไท ภายในถนนเทอดไทมีทั้งตลาดพลู ตลาดวัดกลาง รวมทั้งร้านค้า รถเข็นริมถนนอีกมากมายบนสองข้างถนน เรียกได้ว่าเป็นแหล่งพักพิงพุงกันอย่างจริงจัง

จากนั้นเราก็มุ่งหน้าเข้าถนนเพชรเกษม ที่มีถนนขนาดใหญ่มากขึ้น สองข้างทางก็จะเริ่มมีอาคารสำนักงานขึ้นบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นอาคารพาณิชย์สมัยดั้งเดิมอยู่ค่ะ ในส่วนของเส้นทางนั้นเราจะขับตรงไปทางแยกท่าพระแต่จะไม่ขึ้นสะพานลอยข้ามแยกกันนะคะ

ตรงมาเรื่อยๆ ผ่านซอยเพชรเกษม 7 ไปแล้วก็จะเห็นไปโครงการแล้วทางซ้ายมือ

ตัวโครงการอยู่ซ้ายมือ (บริเวณสังกะสี) โดยจะอยู่ติดกับซอยเพชรเกษม 9

เลยโครงการไปหน่อยจะมีจุดกลับรถใต้สะพานซึ่งหากมาจากโครงการก็ต้องรอจังหวะรถสักหน่อยและขับเบี่ยงขวากลับรถได้ค่ะ ส่วนด้านข้างที่ติดกับโครงการนั้นจะเป็นอาคารพาณิชย์ซึ่งด้านล่างส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทห้างร้านเล็กๆ และร้านเสริมสวย ยังพอมีฟุตบาทให้เดินได้อยู่บ้างค่ะ

เดินถัดมาหน่อยบริเวณโรงเรียนสายประสิทธิ์พาณิชยการ ซึ่งบริเวณฟุตบาทก็จะเริ่มเดินยากมากขึ้นอย่างที่เห็นว่ามีท่อขนาดใหญ่วางขวางอยู่แบบนี้

มองไปสุดทางก็จะเป็นแยกท่าพระแล้วค่ะ ส่วนฟุตบาทข้างทางก็เริ่มหายไปแล้วอย่างที่เห็น และในปัจจุบันสถานีท่าพระยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจุดขึ้น-ลงสถานีจะอยู่บริเวณไหนบ้างนะคะ และห่างจากโครงการจริงๆ ประมาณเท่าไหร่ ก็ต้องอดใจรอกันอีกนิดนะคะ และก็เชื่อว่าหลังจากเริ่มมีขาสถานีขึ้น-ลงชัดเจนแล้ว ฟุตบาทด้านล่างก็คงจะได้รับการปรับปรุงพัฒนากันต่อเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนกันมากขึ้น

กลับมาที่โครงการกันค่ะ ตัวโครงการจะติดริมถนนเพชรเกษมและใช้ถนนภายในโครงการเป็นทางเข้า – ออกหลักนะคะ ซึ่งจะไม่ได้ใช้ซอยเพชรเกษม 9 เป็นทางสัญจรใดใดค่ะ เป็นเพียงซอยที่อยู่ติดกับโครงการเท่านั้นนะคะ

ส่วน Sale Office โครงการจะอยู่ในที่ดินโครงการ ซึ่งเข้ามาแล้วจะเห็นอยู่ทางซ้ายมือเลยค่ะ

บรรยากาศภายใน Sale Office ตกแต่งแบบเรียบหรู ด้วยหินอ่อนและโทนสีขาวสะอาดตา ซึ่งจะมีสไตล์ที่คล้ายคลึงกับจุดเด่นของโครงการที่เป็นส่วน Facilities ชั้นดาดฟ้าของโครงการ

อีกฝั่งเป็นมีเคาน์เตอร์นั่ง และชุดโต๊ะเก้าอี้ด้านข้าง

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

แถบทำเลของโครงการจะมีทั้งบ้านพักอาศัยแนวราบที่อยู่กันมานานและมีคอนโด อพาร์ทเม้นท์ ทั้งที่เริ่มปลูกสร้างและสร้างเสร็จมาสักพักสลับกันไปตามแนวถนนเพชรเกษม สำหรับเรื่องวิวในทิศส่วนใหญ่ไม่มีปัญหาถูกบล็อควิวเพราะบริเวณรอบๆ โครงการส่วนใหญ่เป็นอาคารแนวราบเกือบทั้งหมด แต่จะมีในทิศเหนือที่ติดกับแปลงด้านหน้าโครงการนั้นจะมีแมนชั่นสูงประมาณ 7 ชั้น จึงอาจจะบังวิวระยะไกลของชั้น 6-7 ไป แต่ถึงอย่างไรนั้นทางโครงการก็ได้มีการร่นระยะอาคารให้มีความห่างเพิ่มขึ้นและจัดพื้นที่สวนให้ในชั้น 6 ทดแทนวิวระยะไกลที่จะถูกบังไปบ้างค่ะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • โรงพยาบาลพญาไท 3 ~ 1.5 กม.
  • วงเวียนใหญ่ ~ 1.9 กม.
  • The Mall ท่าพระ ~ 2 กม.
  • มหาวิทยาลัยราชภัฎสมเด็จเจ้าพระยา ~ 2.2 กม.
  • โรบินสัน ลาดหญ้า ~ 2.2 กม.
  • Big C อิสรภาพ ~ 2.5 กม.
  • มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี ~ 2.2 กม.
  • โรงพยาบาลกรุงธนบุรี 1 ~ 3.2 กม.
  • โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า ~ 3.7 กม.
  • โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา ~ 3.7 กม.
  • โรงพยาบาลตากสิน ~ 3.7 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Ideo ท่าพระ Interchange คอนโด High Rise สูง 22 ชั้น จำนวน 844 ยูนิต ตั้งอยู่ใกล้แยกท่าพระและสถานีรถไฟฟ้าท่าพระประมาณ 160 ม. หันหน้าไปยังถนนเพชรเกษม ตัวโครงการออกแบบมาในแนว Futurlistic Luxe Design ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างความหรูหราและเส้นสายที่ดูทันสมัย ด้วยโทนสีขาว – เทา จุดเด่นของโครงการ Ideo ตัวนี้ที่แตกแต่งจาก Ideo อื่นๆ คือ Facilities ที่ยกขึ้นไปอยู่บนชั้นบนสุดของอาคาร และชั้นดาดฟ้า เพื่อให้สัมผัสกับวิวที่สวยงามไปพร้อมกับการใช้งานส่วน Facilities ค่ะ

มาดูกันต่อที่โมเดลโครงการค่ะ หน้าทางเข้าโครงการอยู่ติดถนนเพชรเกษม ส่วนตัวอาคารจะอยู่ลึกถัดไปด้านหลัง ซึ่งมีอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น และแมนชั่นที่สูง 7 ชั้นอยู่ด้านหน้าอาคารค่ะ

ทิศตะวันตก อาคารจะวางไปในทางยาวตามรูปร่างของที่ดิน วิวที่ได้ในทิศนี้จะเป็นวิวที่หันหน้าไปทางบางแค โดยรอบไม่มีอาคารสูงมาบดบัง ส่วนทัศนียภาพที่ได้นั้นก็จะเป็นวิวของชุมชนดั้งเดิมเป็นส่วนใหญ่ค่ะ

ทิศใต้ จะอยู่ติดกับบ้านพักอาศัยสูงประมาณ 2-3 ชั้น ซึ่งอยู่กันเป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ไม่ได้เป็นชุมชนหนาแน่น วิวห้องในทิศนี้ก็จะเป็นวิวที่หันหน้าไปทางถนนรัชดาภิเษก และถนนราชพฤกษ์ ซึ่งก็จะเห็นรถไฟฟ้าวิ่งผ่านและคอนโดที่ขึ้นกันค่อนข้างเยอะติดริมถนนราชพฤกษ์ค่ะ

ถัดมาในทิศตะวันออกจะติดกับชุมชนอาคารพาณิชย์ที่อยู่ในซอยเพชรเกษม 7 สำหรับวิวทิศนี้จะเป็นวิวที่หันไปทางวงเวียนใหญ่ ซึ่งบริบทโดยรอบจะเห็นวิวชุมชนเก่าดั้งเดิมเป็นส่วนใหญ่ค่ะ

จากทางเข้าหน้าโครงการ จากโมเดลจะเห็นขาลงสถานีอยู่ใกล้ทางเข้าโครงการมากๆ ซึ่งในความจริงแล้วอาจจะไม่ได้อยู่ใกล้ขนาดนี้นะคะ เพราะตัวโครงการมีระยะห่างจากแยกท่าพระจริงๆ ประมาณ 160 ม. และยังไม่ทราบขาขึ้น-ลงที่แน่นอนค่ะ แต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยระยะ 160 ม.ก็ยังเป็นระยะที่สามารถเดินได้สบายๆ เลยค่ะ เเละเมื่อเลี้ยวเข้าโครงการแล้วจะมีจุด Drop-off อยู่ด้านหน้าเพื่อตรงเข้าสู่ Lobby อาคาร หรือจะตรงขึ้นไปยังชั้นอาคารจอดรถได้เช่นกัน

เลยจาก Drop-Off โครงการ ด้านข้างโครงการจัดเป็นพื้นที่สวนและลู่ทางเดิน (Jogging Track) แต่จัดมาให้เพียงข้างเดียวนะคะ ไม่ได้จัดให้รอบโครงการ เพราะอีกด้านเป็นส่วนถนนทางสัญจรรถค่ะ

ส่วนชั้น 6 ฝั่งทิศอาคารทิศตะวันออกจัดให้มีพื้นที่สวนทั้ง 2 ข้าง เป็นอีกจุดสำหรับการเดินเล่นพักผ่อน ส่วนใครที่อยู่ห้องพักในชั้นนี้ด้านหน้าโครงการที่ติดกับแมนชั่นสูง 7 ชั้น ก็จะได้วิวสวนไปแทนที่การถูกบล็อควิวระยะไกลแทน รวมไปถึงต้นไม้ยืนต้นที่อยู่รอบๆ สวนก็สามารถบังสายตา เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับโครงการได้มากขึ้นด้วยค่ะ

บริเวณ Facilities โครงการจะอยู่ที่ชั้น 21 และชั้นดาดฟ้าของโครงการ โดยชั้น 21 จะเป็นชั้น Facilities แบบ Indoor ได้แก่ ห้อง Fitness, Game Room, ห้องประชุม, ห้องพักผ่อน และคลับ ส่วนชั้นบนเป็นส่วน Outdoor คือสระว่ายน้ำและสวนพักผ่อนด้านบนค่ะ

มาดูที่รูปทัศนียภาพและบรรยากาศจำลองกันต่อ จากหน้าทางเข้าโครงการ ตกแต่งผนังด้านข้างในโทนสีขาวสว่าง โค้งเว้าพาสายตาไปยังส่วนของอาคาร มีการตกแต่งด้วยบ่อน้ำพุเพิ่มความหรูหรามากขึ้น

ภายใน Lobby อาคารโปร่งโล่ง นำแสงสว่างธรรมชาติเข้ามาภายในจากกระจกบานสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานด้านข้าง ภายใน Lobby จัดวางชุดโซฟาและชุดเก้าอี้โซฟาไว้ประมาณ 5 ชุด สำหรับรองรับแขกลูกบ้าน

ขึ้นมาบนชั้น 21 ที่เป็นชั้น Facilities จัดให้มีห้อง Sky Lounge โดยสามารถใช้ห้องนี้เป็นห้องพักผ่อนกับเพื่อนและครอบครัวได้ หรือจะมานั่งเงียบๆ ชมวิวชิลๆ ก็ได้เช่นกันค่ะ ภายในจัดให้เป็นชุดโซฟา และชุดที่นั่งโซฟา พร้อมกับกระจกที่มีขนาดใหญ่และสูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดาน

ห้อง Fitness ที่ได้มีขนาดใหญ่เพียงพอกับการรับรองจำนวนลูกบ้านในโครงการ รวมไปถึงสามารถชมวิวได้ทั้ง 2 ด้านด้วยค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้า ซึ่งถือเป็นชั้น Facilities หลักโครงการ จะเป็นส่วน White Cloud Pool ที่เชื่อมต่อกับ Cloud Forrest โดยมี Scenic Bridge เป็นตัวเชื่อมเส้นทาง

บรรยากาศของ White Cloud Pool นั้นสวยตรงแนวความคิดที่ต้องการให้พื้นสระว่ายน้ำเป็นพื้นสีขาวเพื่อสะท้อนสีสันของท้องฟ้าลงมาที่สระ ซึ่งบรรยากาศน่าจะดีมากๆ ในช่วงเย็นๆ ก่อนพระอาทิตย์ตกดินไปจนถึงตอนกลางคืน ส่วนลักษณะของสระจะเป็นแบบวงรีล้อมรอบพื้นที่นั่งเล่นซึ่งด้วยขนาดสระประมาณนี้น่าจะเหมาะกับการเล่นน้ำมากกว่าการว่ายแบบออกกำลังกายนะคะ

ส่วนตรงกลางสระเป็นพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนค่ะ โดยรวมออกแบบมาได้สวยแปลกทีเดียวค่ะ เพราะปกติจะจัดเป็นพื้นที่ Day Bed อยู่ข้างๆ สระว่ายน้ำ แต่การออกแบบเป็นพื้นที่นั่งเล่นจมลงไปในสระก็ทำให้ได้วิวของสระเสมอระยะสายตาทอดยาวไปจนเห็นวิวภายนอกอาคารเลย แต่ข้อเสียที่แตกต่างจาก Day Bed คือต้องนั่งชมวิวใกล้ๆ กับเพื่อนร่วมอาคารเดียวกัน ไม่ได้แยกเป็นชุดโซฟานั่งแยกกันไป อาจจะทำให้รู้สึกขาดความเป็นส่วนตัวไปหน่อยค่ะ

มาดูที่ Master Plan โครงการกันค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่ระหว่างซอยเพชรเกษม 7 และซอยเพชรเกษม 9 หน้าโครงการตั้งอยู่ติดถนนเพชรเกษมลึกเข้าไปตามแนวซอย เมื่อเข้าโครงการมาจะเจอในส่วน Drop Off (จุดรับ-ส่งผู้โดยสาร) ก่อนที่จะเข้าสู่ภายในอาคาร ในชั้นล่างนี้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือที่จอดรถ และ Lobby อาคาร โดยที่จอดรถนั้นเป็นอาคารจอดรถทั้งหมด 4 ชั้นครึ่ง มีช่องจอดรถทั้งหมด 344 คัน หรือประมาณ 40% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ด้วยจำนวนที่จอดรถเท่านี้อาจจะไม่เพียงพอเท่าไหร่นะคะ แต่ก็ยังหักลบไปได้บ้างกับความสะดวกในการเดินทางด้วนรถไฟฟ้า ส่วนด้านข้างอาคารได้จัดพื้นที่สวนและลู่ทางเดินไว้ให้เพื่อเพิ่มบรรยากาศโครงการให้ดูร่มรื่น และสามารถมาเดินเล่นพักผ่อนในช่วงเช้าๆ เย็นๆ ได้เช่นกันค่ะ

ในส่วนภายในอาคารจะเจอกับ Lobby โครงการก่อน ซึ่งจัดพื้นที่มาให้ค่อนข้างใหญ่พอสมควร ด้านหลัง Lobby จะเป็นส่วน Mail Box, ห้องนิติบุคคล และด้านข้างเป็นโถงลิฟต์โดยสารโดยต้องสแกนเข้าด้วย Key Card ค่ะ

ในชั้น 2 – 4 นี้เป็นชั้นจอดรถทั้งชั้นค่ะ โดยเมื่อจอดรถเสร็จก็สามารถสแกนบัตรเข้าโถงลิฟต์แล้วขึ้นห้องพักตัวเองได้เลย ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งความสะดวกที่มีอาคารจอดรถเป็นชั้นล่าง (Podium) อาคารเลย

ชั้น 5 นี้เป็นชั้นที่แบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ คือโซนชั้นพักอาศัยและที่จอดรถ โดยสามารถเข้า-ออกได้จากการสแกนผ่านในส่วนโถงลิฟต์โดยสาร สำหรับห้องพักอาศัยในชั้นนี้มีอยู่ 30 ยูนิต โดยวางตำแหน่งของขนาด 63 ตร.ม. อยู่บริเวณหัวมุมด้านขวาทั้ง 2 ห้อง ส่วนห้องขนาดใหญ่สุด 71 ตร.ม. จะวางไว้ที่ปลายทางเดินหัวมุมด้านขวาในทุกชั้นจำนวน 1 ห้อง/ชั้น ซึ่งห้องนี้จะได้วิวถึง 3 มุมด้วยกัน

ชั้น 6 นี้เป็นเริ่มเป็นชั้นพักอาศัยทั้งชั้นและมีสวนหย่อมอยู่ขนาบข้างอาคารให้สามารถเดินเล่นได้ ซึ่งเมื่อออกมาจากโถงลิฟต์แล้วจะเชื่อมกับโถงเล็กๆ เพื่อออกไปยังสวนทั้ง 2 ด้านได้ ขนาดของสวนหย่อมไม่ได้ใหญ่มากที่จะสามารถวิ่งออกกำลังกายได้นะคะ จะเป็นพื้นที่มาเดินเล่นพักผ่อน ให้สบายตาสบายใจมากกว่า สำหรับห้องพักที่อยู่ติดกับสวนหย่อมนั้นข้อดีคือมีร่มเงาจากต้นไม้ ดูร่มรื่นสบายตาจากในห้องพักดีทีเดียวค่ะ และจำนวนยูนิตในชั้นนี้มีทั้งหมด 47 ยูนิต ค่ะ

ชั้น 7-19 เป็นชั้นที่มีจำนวนมากที่สุด โดยมีจำนวนยูนิตต่อชั้นทั้งหมด 50 ยูนิต และอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 211:1 ถือว่ามีความหนาแน่นสูงพอสมควรเลยค่ะ อาจจะทำให้ลูกบ้านต้องยืนรอต่อคิวขึ้น-ลงลิฟต์นานในช่วงเวลาเร่งด่วน ส่วนลิฟต์ Service ของโครงการมีให้ได้ 1 ตัว ในเรื่องของตำแหน่งโถงลิฟต์วางได้เหมาะสม เพราะสามารถเชื่อมเข้าทางเดินทั้ง 2 ทางได้ง่าย ส่วนห้องทางขวาสุดอาจจะต้องเดินไกลไปหน่อย

ชั้น 20 มีการจัดวางห้องและมีจำนวนยูนิตเหมือนกับชั้น 7-19 ค่ะ เเต่บริเวณโถงลิฟต์จะมีการกั้นประตู (Double Access) แยกโซนเป็น 2 โซนคือโซนห้องพักด้านบน และโซนห้องพักด้านล่าง ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวภายในชั้นได้มากขึ้นค่ะ

ชั้น 21 จะเป็นชั้นที่มีห้องพักและส่วน Facilities โดยมีการกั้นประตูไว้บริเวณโถงลิฟต์เช่นเคย เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านในชั้นนี้ค่ะ สำหรับส่วน Facilities ในชั้นนี้นั้นมีห้อง Meeting, Social Club, Sky Lounge, Game Room และ Sky Fitness ถือว่าให้มาเยอะและเพียงพอค่ะ โดยเฉพาะส่วน Fitness ที่ให้มาใหญ่มากๆ

ชั้น 22 เป็นชั้นพักอาศัยชั้นสุดท้าย และเหลือโซนเดียวโดยมีจำนวนยูนิตในชั้นนี้ 32 ยูนิตค่ะ

และสุดท้ายชั้นดาดฟ้า เป็นชั้น Facilities อีกชั้นที่มีสระว่ายน้ำ (White Cloud Pool) และสวน (Cloud Forrest) โดยเชื่อมด้วยสะพาน Scenic Bridge ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของโครงการทำออกมาให้ดูหวือหวามากขึ้น ส่วน White Cloud Pool นี้เป็นสระระบบเกลือ ตรงกลางจัดให้เป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนชมวิวสระน้ำไปพร้อมๆ กับวิวภายนอกอาคาร ส่วน Cloud Forrest นั้นจะจำลองเสมือนป่าบนท้องฟ้าโดยจะปลูกไม้ยืนต้นเพื่อให้ร่มเงาพร้อมมี Jogging Track สามารถเดินพักผ่อนชมสวนหรือใช้วิ่งออกกำลังกายในสวนได้ค่ะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ลึก 1.2 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง
  • ลิฟท์โดยสาร 1 ตัวต่ออาคาร 211 : 1
  • ที่จอดรถ 344 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 40%
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

ห้องแรกที่จะไปชมกันคือห้อง Studio Type A1 ขนาดพื้นที่ใช้สอย 27.50 ตร.ม. ซึ่งเป็นยูนิตที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ ลักษณะการจัดผังห้องเป็นแบบหน้าแคบลึก แบ่งออกเป็น 3 โซนใหญ่ๆ คือโซนห้องนอน, ห้องครัว และห้องน้ำ เน้นการจัดวางเพื่อให้ฟังก์ชันการใช้งานมีประสิทธิภาพโดยวางตำแหน่งห้องน้ำและห้องครัวที่ต้องการการระบายอากาศและความชื้นอยู่บริเวณด้านนอกที่มีช่องเปิด แต่ไม่ได้เน้นในเรื่องของการชมวิวจากห้องนอนและห้องนั่งเล่นค่ะ

เข้ามาภายในห้องจะเป็นส่วนพื้นที่รับประทานอาหารหรือพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับห้องนอนเลย โดยรวมจัดได้เป็นสัดส่วนในพื้นที่ที่จำกัด ไม่รู้สึกอึดอัดหรือแน่นมากเกินไป ถัดมาเป็นส่วนห้องครัวที่ทำเป็นครัวปิดเชื่อมกับพื้นที่ระเบียงอีกที ข้อดีของห้องครัวปิดนี้คือเรื่องของกลิ่นอาหารที่ไม่เข้าไปรบกวนภายในส่วนของห้องนอนทำให้สามารถประกอบอาหารหนักๆ ได้ดีค่ะ ในส่วนระเบียงซักล้างมีขนาดไม่ได้ยาวมากนัก เมื่อวางเครื่องซักผ้าก็จะเหลือพื้นที่ให้ซักล้างหรือตากผ้าไม่มากนัก และสำหรับห้องน้ำจัดโซนภายในได้ดีค่ะ คือมีโซนแห้งโซนเปียกชัดเจน แต่จะขอแนะนำว่าตอนกลางคืนเมื่อใช้ห้องน้ำเสร็จแล้วก็ให้ปิดประตูให้เรียบร้อยนะคะ เพราะตำแหน่งของห้องน้ำค่อนข้างอยู่ใกล้กับหัวเตียงนอน ซึ่งความชื้นที่ระเหยออกมาจากห้องน้ำนั้นมีผลให้เป็นหวัดไม่รู้ตัวได้นะ

ส่วนรูปแบบการขายของโครงการจะเป็นแบบ Fully Furnished ค่ะ

เริ่มจากหน้าทางเข้าห้องมีการยกธรณีสูงขึ้นมาหน่อย ซึ่งช่วยป้องกันฝุ่นที่อยู่ภายนอกเข้าห้องได้ระดับนึง ส่วนพื้นภายในห้องได้เป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม.

เข้ามาภายในห้องเป็นโซนพื้นที่รับประทานอาหาร, นั่งเล่น ที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนอน ความสูงของห้องจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.6 ม. ค่ะ

หันกลับมาที่ส่วนรับประทานอาหาร ในส่วนนี้นอกจากจะจัดวางให้เป็นส่วนรับประทานอาหารแล้วยังใช้เป็นพื้นที่นั่งเล่นไปด้วยในตัว

ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ได้คือโต๊ะรับประทานอาหารกระจกสีชาพร้อมเก้าอี้บุหนังเทียม แข็งแรงและใช้งานได้ดีค่ะ

ส่วนโซฟาที่ได้เป็นแบบ 2 ที่นั่ง ซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับเบาะของเตียงนอนยาวไปจนสุดหัวเตียงเลยค่ะ

ด้านข้างระหว่างเตียงและโซฟาเป็นที่วางโคมไฟหัวเตียง หรือใครจะใช้วางของอื่นๆ ก็ได้เช่นกันนะ ส่วนด้านล่างมีลิ้นชักไว้ให้เก็บของเรียบร้อย

ตัวเตียงที่ได้มีขนาด 5 ฟุต แต่ไม่ได้รวมฟูกและเครื่องนอนให้นะคะ

หันหลังมาเป็นส่วนชั้นวางทีวีที่ได้จะเป็น Built-in ยาวไปจนถึงชั้นวางของติดริมประตูเลยค่ะ ส่วนด้านบนจะโล่งๆ หน่อยเพราะไม่ได้ให้ตู้ลอยมาด้วย ซึ่งสามารถซื้อมาติดตั้งเพิ่มเติมเป็นชั้นวางของที่ระลึก หรือชั้นวางหนังสือก็ได้ค่ะ

เราจะแบ่งโซนเปิดดูตู้ Built-in กันนะคะ เริ่มต้นจากตู้หน้าประตูก่อนเลย ด้านบนเป็นชั้นวางของตั้งโชว์หรือของที่ระลึก ส่วนด้านล่างจัดให้เป็นตู้รองเท้าเพื่อให้เก็บได้เรียบร้อยไม่เกะกะหน้าประตูดีทีเดียวค่ะ

บานเปิดเป็นแบบ Soft Closed ทั้งหมดพร้อมบาดขอบเพื่อให้เปิด-ปิดได้ง่ายขึ้น

ส่วนบริเวณชั้นวางทีวีด้านล่างเป็นลิ้นชักสามารถวางของได้เยอะพอสมควรเลย ส่วนด้านล่างสุดเป็นชั้นวางของค่ะ

ทางเดินปลายเตียงเหลือพื้นที่ให้เดินได้สบายๆ

และพื้นที่ข้างเตียงอีกฝั่งที่ติดกับห้องน้ำกว้างประมาณ 80 ซม. เดินได้สะดวกเช่นกันค่ะ

โดยข้างปลายเตียงฝั่งที่ติดกับห้องน้ำนี้จะได้โต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ พร้อมกระจกเงาบานยาว รวมทั้งเก้าอี้นั่งบุเบาะเทียมนี้ด้วยนะคะ แต่เชื่อว่าสาวๆหลายท่านคงต้องใช้พื้นที่วางเครื่องสำอางค์มากกว่านี้แน่ๆ ซึ่งหากใครว่างไม่พออย่างที่บอกก็สามารถทำชั้นวางของติดผนังเพิ่มได้บริเวณด้านข้างโต๊ะเครื่องแป้งไม่ยากเลยค่ะ ^^

ตู้เสื้อผ้าที่ได้เป็นตู้กระจกสีชา มีบานประตู 4 บาน ขนาดของตู้ค่อนข้างใหญ่และสูงติดฝ้าเพดาน จึงสามารถแบ่งกันใช้ได้เลย 2 คน ภายในมีหลอดไฟให้ด้วยค่ะ แต่ไม่ได้เป็นแบบเปิดตู้มาแล้วจะเปิดไฟโดยอัตโนมัตินะ จะเป็นแบบกดสวิชต์เปิด-ปิด ธรรมดาเนี่ยแหละค่ะ ซึ่งถือว่าดีนะคะ อย่างเวลาสาวๆ ตื่นนอนก่อนจะเลือกเสื้อผ้าก็ไม่ต้องเปิดไฟห้องปลุกอีกคนให้ตื่น แต่ใช้เปิดไฟตู้เสื้อผ้าแทนค่ะ

ที่จับเป็นแผ่นอลูมิเนียมพ่นสีดำแบบนี้ค่ะ

ถัดจากตู้เสื้อผ้าจะเป็นส่วนของห้องครัวค่ะ โดยมีประตูบานเลื่อนกระจกที่สามารถเปิดได้ทางเดียวกั้นส่วนห้องนอนและห้องครัวอยู่ ทำให้ห้องครัวเป็นห้องครัวแบบปิด ช่วยได้มากในเรื่องของกลิ่นอาหารที่ไม่เข้าไปรบกวนส่วนของห้องนอน และทำให้คุณแม่บ้านที่ชอบทำอาหารสามารถทำอาหารหนักๆ ทั้งต้ม ผัด แกง ทอด ได้หมดค่ะ

มือจับประตูบานเลื่อนเป็นแบบมาตรฐาน ภายในบุผ้าสักหลาดให้มาด้วยค่ะ

พื้นภายในห้องครัวปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทาเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดภายในครัวได้ดีค่ะ ส่วนขนาดพื้นที่ภายในครัวเมื่อวาง Pantry และตู้เย็นทั้งหมดเรียบร้อยก็จะเหลือพื้นที่ประมาณ 1.2 x 1.5 ม. ในการใช้งานค่ะ ซึ่งถ้าใครจะช่วยกันทำอาหารพร้อมๆ กัน 2 คนก็คงจะอึดอัดไปหน่อย

Pantry ครัว พร้อมตู้ลอยจาก Starmark ด้านหลัง Pantry ได้กรุกระจกสีชาไว้ให้เรียบร้อยเพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดเวลาทำอาหารแล้วไปเลอะด้านหลังค่ะ

Top ของ Pantry เป็นหินสังเคราะห์ บานเปิดและลิ้นชักเก็บอุปกรณ์รับประทานอาหารได้เป็น Soft Closed ทั้งหมด

Sink ล้างจานจาก MEX

และ H0b & Hood จาก MEX เช่นเดียวกัน ส่วนระบบดูดควันเป็นแบบต่อท่อออกไปด้านนอก สามารถระบายควันและกลิ่นอาหารได้ดีกว่าระบบหมุนเวียน

ตู้ลอยด้านบนที่ได้ มาพร้อมกับชั้นวางไมโครเวฟเรียบร้อย

หันมาอีกฝั่งกันค่ะ ฝั่งนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับเครื่องดื่มอาหารว่าง และเป็นที่วางตู้เย็น

ขนาดของตู้เย็นที่สามารถนำมาวางได้สูงสุดที่ 8.4 คิวบิกฟุตนะคะ

ด้านข้างตู้เย็นได้เป็นตู้เก็บของ และพวกอาหารแห้งได้ ส่วนด้านบนทำเป็นเคาน์เตอร์เครื่องดื่ม วางกาน้ำร้อนหรือถ้วยชามได้ค่ะ

ด้านบนเป็นชั้นวางของสำหรับวางถ้วยชาม ชากาแฟ

ไปส่วนระเบียงซักล้างด้านนอกกันต่อค่ะ พื้นที่ซักล้างกับพื้นที่ครัวจะอยู่ในระดับเดียวกันนะคะ แต่จะใช้ธรณีประตูยกสูงขึ้นมาหน่อยเพื่อกันน้ำไหลเข้ามา ขนาดพื้นที่ระเบียงเมื่อวางเครื่อซักผ้าแล้วเหลือพื้นที่ประมาณ 1.1 x 1.2 ม. ซึ่งแทบไม่เหลือที่ในการซักล้างหรือตากผ้าเลย แต่สำหรับการตากผ้ายังพอแก้ปัญหาได้บ้างคือ นำราวแขวนผ้ามาติดตั้งตรงผนังทั้ง 2 ข้างแล้วใช้แขวนตากเอาแทนค่ะ

ก่อนจะถึงกรอบบานประตู มีการทำบัวขอบกระเบื้องขึ้นมาให้นิดหน่อย ข้อดีคือเวลาทำความสะอาด หรือล้างครัวก็สามารถทำความสะอาดได้สะดวก ไม่เป็นคราบน้ำติดผนัง

ในส่วนระเบียงด้านข้างได้ติดตั้งพื้นที่ไว้ให้เรียบร้อยสำหรับการตั้งเครื่องซักผ้า และด้านบนเป็นพื้นที่คอมเพรสเซอร์แอร์ที่ปล่อยลมร้อนออกด้านข้างค่ะ

กลับเข้ามาที่ห้องน้ำกันต่อ

ทางเข้าห้องน้ำยกธรณีขึ้นสูงมาหน่อยพร้อมปูกระเบื้องให้เรียบร้อย ภายในปูด้วยกระเบื้อง

ภายในแบ่งโซนเปียก โซนแห้งไว้เรียบร้อย โดยมีการกั้นโซนด้วยฉากกั้นกระจก

ผนังด้านข้างกรุด้วยกระจกเงาบานใหญ่ตั้งแต่อ่างล้างมือยาวไปจนสุดฉากกั้นกระจก

อ่างล้างหน้าจาก American Standard ได้ตู้เก็บของด้านล่างมาด้วย

อ่างมีขนาดกำลังพอดี บริเวณข้างๆ หัวก็อกมีพื้นที่นิดหน่อยไว้วางครีมล้างมือได้

โถสุขภัณฑ์จาก American Standard เช่นกัน มีที่ใส่ทิชชูติดกับผนัง และสายชำระอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ที่มุมฉากกั้นอาบน้ำมีจุดระบายน้ำ ส่วนระยะระหว่างที่นั่งมีความกว้างประมาณ 50 ซม. ซึ่งค่อนข้างแคบไปหน่อยสำหรับคนตัวใหญ่ๆ นะคะ

พื้นที่อาบน้ำด้านในมีฉากกั้นกระจก Tempered แบบผลักเข้าไปกั้นให้เรียบร้อย

พื้นที่อาบน้ำขนาดประมาณ 1.5 x 1.2 ม. เป็นขนาดที่อาบน้ำได้สบายๆค่ะ

มือจับฉากกั้นกระจกเป็นสแตนเลสยื่นออกมาแบบนี้

นอกจากจะเป็นมือจับได้แล้วยังสามารถเป็นกันชนให้ฉากกั้นกระจกกับผนังได้ด้วย

ฝักบัวเป็นแบบมือจับจาก American Standard เช่นกัน เป็นแบบหัวก๊อกเดียว มีที่วางสบู่ติดผนังมาให้วางได้ 1 ก้อน

หัวฝักบัวมีขนาดค่อนข้างใหญ่ รัศมีของน้ำน่าจะกว้างพอสมควร ส่วนด้ามจับแข็งแรงถนัดมือดีค่ะ

ห้องที่สองเป็นห้องแบบ 1 Bedroom Type B1-1 ขนาด 34.5 ตร.ม. ลักษณะผังห้องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า จัดวางฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนมากขึ้นจากห้องแบบ Studio และเนื่องจากมีพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น ประกอบกับหน้ากว้างขึ้นจึงสามารถขยับขยายฟังก์ชันห้องครัวและระเบียงซักล้างได้ขนาดใหญ่เหมาะกับการใช้งานที่สะดวกมากขึ้นค่ะ

เริ่มจากทางเข้าห้องจะเจอกับส่วนห้องนั่งเล่นที่เป็นส่วนรับประทานอาหารด้วย ทำให้พื้นที่ในการจัดวางของห้องนี่ต้องเผื่อพื้นที่สำหรับการวางเก้าอี้ด้วยประมาณ 2 ตัว เข้ามาสู่ส่วนห้องนอนสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 โซนคือโซนเตียงนอนและพื้นที่เเต่งตัวได้ชัดเจนเป็นสัดส่วนดี จากนั้นเป็นส่วนระเบียงซักล้างที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาเมื่อเทียบกับห้องแรก ทำให้มีพื้นที่สำหรับซักล้างและตากผ้ามากขึ้น ในส่วนของห้องครัวก็ใหญ่มากขึ้นจึงสามารถวาง Pantry ที่มีขนาดใหญ่และเป็นสัดส่วนใช้งานได้สะดวก

เข้ามาภายในห้องจะเจอในส่วนของพื้นที่ห้องนั่งเล่นและพื้นที่รับประทาน ลึกเข้าหน่อยเป็นส่วนของห้องครัวและห้องน้ำ ส่วนทางด้านซ้ายมือเป็นทางเข้าของห้องนอนค่ะ พื้นที่ในส่วนห้องนั่งเล่นนี้เป็นพื้นลามิเนต 8 มม. ฝ้าเพดานสูง 2.6 ม.

ระยะห่างของโซฟาและทีวีมีความห่างอยู่ที่ประมาณ 2 ม. สามารถวางขนาดทีวีที่พอดีกับระยะสายได้ถึง 46 นิ้ว

ชุดโซฟาที่ได้มีขนาดยาวมากขึ้นจากห้องแรกคือได้แบบ 3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะรับประทานอาหารบานกระจกสีชาเหมือนกับห้องแรกเลยค่ะ แต่ลูกบ้านต้องไปซื้อเก้าอี้เพิ่มอีกสำหรับนั่งรับประทานอาหารนะคะ

ถัดจากพื้นที่รับประทานอาหารก็จะเป็นส่วนของห้องครัว โดยกั้นด้วยบานเลื่อนกระจกเพื่อให้ห้องครัวเป็นแบบครัวปิด จึงสามารถทำอาหารหนักๆ ได้โดยไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องกลิ่นที่คลุ้งไปทั้งห้อง

พื้นส่วนห้องครัวปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม. ความกว้างของทางเดินครัวเมื่อวาง Pantry เรียบร้อยจะมีความกว้างประมาณ 1 ม. สามารถเดินหรือทำกับข้าวได้สะดวกระดับนึงค่ะ

Pantry ครัวที่ได้นั้นมีขนาดยาวกว้างห้องแรก และด้านล่างมีที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าได้ ด้านหลัง Pantry กรุกระจกสีชาไว้ให้เรียบร้อยเช่นเดียวกันกับห้องแรกค่ะ

Top Pantry เป็นหินสังเคราะห์ และจากยี่ห้อ Starmark ส่วน Hob & Hood และ Sink จาก MEX เหมือนกับห้องแรกเลยค่ะ

บริเวณช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้านั้นสามารถวางเครื่องซักผ้าขนาดสูงสุดได้ที่ประมาณ 7 กิโลกรัม แบบพอดีๆค่ะ

ตู้ลอยด้านบนมีขนาดใหญ่มากกว่าห้องแรก สามารถวางของได้เยอะมากขึ้น และมีที่วางสำหรับไมโครเวฟเช่นเดียวค่ะ

ด้านข้าง Pantry เป็นที่วางตู้เย็น โดยสามารถวางตู้เย็นขนาดสูงสุดได้ที่ 8.4 คิวบิกฟุต

ด้านหลังครัวเป็นช่องเปิดบานกระทุ้งเล็กๆ  2 บานสำหรับระบายอากาศในครัว ส่วนด้านล่างเป็นกระจกบาน Fixed ค่ะ

ถัดจากห้องครัวก็จะเป็นห้องน้ำ และห้องนอนจะอยู่ทางซ้ายค่ะ

ธรณีเป็นหินสังเคราะห์ยกขึ้นมาสูงนิดหน่อย ทนชื้นได้ดีเหมาะกับห้องน้ำที่มีการล้างทำความสะอาดและเป็นพื้นที่เปียก

ภายในห้องน้ำมีการจัดวางและใช้ยี่ห้อสุขภัณฑ์ American Standard เหมือนกันกับห้องแรกเลยค่ะ

ส่วนบริเวณระหว่างโถสุขภัณฑ์จะกว้างขึ้นมาหน่อยเมื่อเทียบกับห้องแรก

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดเท่าๆ กันกับห้องแรก พร้อมกั้นด้วยฉากกั้นกระจกแบบเดียวกัน ด้านหลังมีหน้าต่างบานกระทุ้งกระจกฝ้าสำหรับระบายอากาศภายในห้องน้ำเรียบร้อย ส่วนฝักบัวสายอ่อนพร้อมกับที่วางสบู่ก็ใช้แบบเดียวกันกับห้องแรกเช่นกันค่ะ

บริเวณพื้นที่อาบน้ำมีการยกธรณีขึ้นสูงมานิดหน่อยช่วยกันน้ำไหลย้อนออกมาในโซนเปียก

เข้าไปดูในส่วนห้องนอนกันต่อค่ะ

ภายในห้องนอนแบ่งเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือส่วนเตียงนอนและพื้นที่แต่งตัว

บริเวณเตียงนอนจะได้เตียงขนาด 5 ฟุตพร้อมหัวเตียง แต่ไม่ได้รวมฟูกและเครื่องนอนให้นะคะ

ระยะห่างระหว่างเตียงและทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.5 ม. สามารถวางทีวีได้ถึง 52 นิ้ว

ผนังด้านหลังทีวีที่ได้จะเป็นผนังทึบทั้งหมดนะคะ ไม่ได้มีช่องเปิดเหมือนห้องตัวอย่าง

ชั้นวางทีวีเป็นแบบ Built-in ติดผนังด้านล่างมีช่องสำหรับใส่ซีดี เครื่องเล่นดีวีดี หรือหนังสือต่างๆ

เมื่อ Built-in ชั้นวางทีวีไปแล้วจึงเหลือพื้นที่ทางเดินอยู่ประมาณ 50 ซม. ก็ถือว่ายังมีพื้นที่ให้เดินได้ค่ะ

ด้านข้างติดผนังมีระยะทางเดินกว้างขึ้นมาหน่อยประมาณ 60 ซม.

หันกลับไปด้านหลังเป็นส่วนตู้เสื้อที่ได้มาเป็นแบบ Built-in ตู้เสื้อผ้าพร้อมชั้นวางของด้านข้าง ซึ่งให้มาสวย น่าใช้

ขนาดตู้เสื้อผ้าใหญ่ เป็นแบบ 4 บานเปิด แบ่งกันใช้ได้ 2 คนเลย แต่เสียดายไม่มีหลอดไฟด้านในเหมือนกับห้อง Studio

มือจับจะเป็นแผ่นอลูมิเนียมสีดำยื่นออกมา สลับกับเป็นบานเปิดธรรมดา ซึ่งต้องเปิดบานที่มีมือจับอลูมิเนียมก่อนถึงจะเปิดบานที่ไม่มีมือจับได้ง่ายขึ้น

ฝั่งตรงข้ามตู้เสื้อผ้าได้โต๊ะเครื่องแป้ง Built-in ติดผนังพร้อมกระจกเงา ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าแบบห้อง Studio แต่จะไม่ได้เก้าอี้ด้วยนะคะ

ถัดจากห้องนอนจะเป็นส่วนระเบียงซักล้าง กั้นด้วยประตูบานเลื่อนเปิดเลื่อนได้เพียงทางขวาทางเดียว

พื้นที่ระเบียงมีขนาดกว้างและยาวกว่าห้อง Studio อยู่หน่อย ด้วยขนาด 2.1 x 1.1 ม. ปูด้วยกระเบื้องเซรามิกสีเทาขนาด 30 x 30 ซม. เหมาะกับการใช้งานอย่างการตากผ้าหรือซักล้างดีค่ะ

ด้านบนแขวนคอมเพรสเซอร์โดยหันหน้าเข้าด้านข้าง หากใครที่ต้องการใช้พื้นที่สำหรับนั่งเล่นชมวิวบ้างก็น่าจะติดกริลเบี่ยงทิศทางลมร้อนจากคอมเพรสเซอร์แอร์หน่อยนะคะ ส่วนบริเวณด้านล่างคอมเพรสเซอร์แอร์มีก็อกสนามติดตั้งไว้ให้เรียบร้อยสำหรับซักล้างค่ะ

 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @  21 January 2016

  • ราคายังอยู่ในระหว่างอนุมัติ ซึ่งจะอัพเดตเพิ่มเติมในภายหลังจากช่วงเปิดตัวโครงการ pre-sale ในวันที่ 13-14 กุมภาพันธ์ 2559

  • Fully Furnished
  • เพดานสูง 2.6 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • ค่ากองทุน 500 บาทต่อตารางเมตร
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน
  • โปรโมชั่น ผ่อนเริ่ม 3,999 บาท/เดือน จองและทำสัญญา รูดบัตร 0% ผ่อน 10 เดือน (4 ธนาคาร KTC, กสิกร, ไทยพาณิชย์ และ กรุงเทพ)

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

เนื่องจากรีวิวนี้ทางทีมงานได้เก็บข้อมูลก่อนที่จะเริ่มเปิดขาย (pre-sale) ทำให้ไม่มีในส่วนของราคาจึงนำมาสรุปและให้คะแนนไม่ได้นะคะ โดยทางทีมงานจะอัพเดตส่วนที่เหลือหลังจากที่ได้ราคามาแล้วเรียบร้อยค่ะ

 

Judgement

เนื่องจากรีวิวนี้ทางทีมงานได้เก็บข้อมูลก่อนที่จะเริ่มเปิดขาย (pre-sale) ทำให้ไม่มีในส่วนของราคาจึงนำมาสรุปและให้คะแนนไม่ได้นะคะ โดยทางทีมงานจะอัพเดตส่วนที่เหลือหลังจากที่ได้ราคามาแล้วเรียบร้อยค่ะ

 

BOTTOM LINE

Ideo ท่าพระ interchange เหมาะกับคนที่อยู่ในย่านท่าพระ – วงเวียนใหญ่ หรือคนฝั่งธน ตั้งใจจะการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก ชอบตึกสูง เน้นการใช้งานส่วน Facilities ไม่ต้องการหรือเผื่องบไว้สำหรับตกแต่งห้องมากนัก อยากได้ห้องพร้อมแพคกระเป๋าเข้าอยู่ มีงบประมาณเริ่มต้นที่ 3 ล้านขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นที่  19,000 บาท/เดือน

 

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )