รีวิวฉบับที่..1688 สำหรับใครที่ชื่นชอบในการใช้พื้นที่ส่วนกลาง คงจะต้องชอบโครงการนี้แน่ๆ โครงการ Elio สาทร-วุฒากาศ จาก อนันดา คอนโด High Rise 2 อาคาร บนถนนราชพฤกษ์ ห่างจาก BTS วุฒากาศ 470 เมตร มีจุดเด่นในเรื่อง Facilities สระว่ายน้ำยาว 70 เมตร พร้อมสระอีก 2 สระ ตัวห้องให้มาแบบ Fully Furnished พร้อมอยู่ ในราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท ไปชมรายละเอียดกันเลยครับ

Fact @ 20 September 2018

  • Elio Sathorn-Wutthakat (เอลลิโอ สาทร-วุฒากาศ)
  • บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : จอมทอง
  • คอนโด High Rise 2 อาคาร 41, 32 ชั้น 1,161 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 498 คันคิดเป็น 42% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 5-1-32 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q1/2018
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q2/2021
  • Studio 24.5-28 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
  • 1 Bedroom 30.5-34.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 56.5-60.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 87,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02 056 2222

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.714914, 100.464952

แผนที่จากทางโครงการครับ

ทำเลที่ตั้งโครงการ  ELIO สาทร-วุฒากาศ ตั้งอยู่บนถนนราชพฤกษ์ ช่วงเชื่อมต่อกับถนนกรุงธนบุรี และถนนเพชรเกษม เนื่องจากถนนราชพฤกษ์เป็นถนนที่มีความยาวเชื่อมต่อจากสาทรไปจนถึงบางบัวทอง ทำให้ตัดผ่านถนนสายสำคัญค่อนข้างเยอะ โดยพื้นที่โครงการจะอยู่ในช่วงที่มีความเจริญพอสมควร เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างฝั่งนนทบุรีและฝั่งสาทร พระราม 4 (เข้าเมือง) ทำให้พื้นที่โดยรอบนั้นมีทั้งความเจริญที่ได้รับมาจากฝั่งในเมือง และยังมีความสงบเงียบและความเป็นเอกลักษณ์ของแหล่งชุมชนในฝั่งธนฯ

การเดินทางโดยใช้รถยนต์ส่วนตัว ขาเข้าโครงการถ้ามาจากฝั่งถนนเพชรเกษมก็จะสามารถเข้าถนนราชพฤกษ์เลี้ยวซ้ายเข้าโครงการได้เลย แต่หากมาจากทางถนนรัดาภิเษก วิ่งตรงมาต้องวิ่งขึ้นทางยกระดับเพื่อวนกลับรถเข้าโครงการ ถ้าช่วงขาออกจากโครงการ หากจะขึ้นสะพานไปทางตลาดพลูเพื่อไปฝั่งสาทร จะไม่สามารถตัดเข้าเลนขวาได้ เนื่องจากมีระยะถนนช่วงนั้นค่อนข้างน้อย ขับปาดเข้าเลนขวาไม่ทัน และไม่ค่อยปลอดภัยเพราะรถตรงช่วงบริเวณนี้จะขับเร็วพอสมควร แนะนำให้ขับตรงชิดซ้ายไปวนกลับรถเพื่อไปขึ้นทางยกระดับวนกลับมาอีกรอบจะปลอดภัยกว่า ส่วนพื้นที่อื่นๆโดยรอบมีเส้นทางเชื่อมต่อถนนสายสำคัญเยอะพอสมควร เช่นสามารถใช้ถนนเทิดไทไปยังตลาดพลู วงเวียนใหญ่ วุฒากาศ ซึ่งเป็นย่านการค้าเก่าแก่ชื่อดังของพื้นที่ ส่วนใครที่วิ่งออกเมืองไปทางนครปฐมต่างๆ ใช้ถนนเพชรเกษมวิ่งตรงไปได้ง่ายเลยครับ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว ทางโครงการมีจุดเด่นอีกจุดคืออยู่ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีวุฒากาศ เพียง 470 เมตร โดยทางโครงการมีรถ Shuttle Bus รับส่งให้ แต่อาจจะไม่ถึงตัวสถานี ต้องเดินข้ามถนนไปหน่อย ซึ่งตัวสถานีวุฒากาศนั้นมีลักษณะไม่เหมือนสถานีรถไฟฟ้าส่วนใหญ่ คือจะมีจุดขึ้นลงสองฝั่งเท่านั้น แต่จากโครงการจะมีทางขึ้นไปสถานีแค่ตำแหน่งเดียว ที่ทางออก 2 เพราะตัวสถานีจะสร้างคร่อมถนนและแนวคลอง  จึงทำให้ต้องข้ามสะพานลอย หรือ ลอดใต้สะพานไปครับ สำหรับในอนาคต เส้นทางรถไฟฟ้าในพื้นที่โดยรอบจะมีจุด Interchange ของรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้ม และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่สถานีบางหว้า ห่างจากสถานีวุฒากาศเพียง 1 สถานีเท่านั้นครับ

พื้นที่โครงการรายล้อมด้วยบ้านพักอาศัยซึ่งเป็นชุมชนดั้งเดิมของพื้นที่ ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์โดยรอบพอสมควร เช่น วัด ตลาด โรงเรียน โรงพยาบาล โดยแหล่งความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้ที่อยู่ใกล้ๆจะมีจุดใหญ่ๆ อยู่หลายจุดเหมือนกัน เช่น ตลาดพลู เป็นตลาดเก่าแก่ขนาดใหญ่ของย่านนี้ที่มีร้านอาหารอร่อยๆ หลากหลายร้าน ปัจจุบันเป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวไปในตัว ช่วงเช้าๆ อาหารอร่อยและราคาไม่แพงด้วยครับ ส่วนอีกโซนคือ เดอะมอลล์ท่าพระ เป็นอีกหนึ่งแหล่งใหญ่ที่มีความคึกคักสูง เพราะนอกจากจะมีห้างไว้ให้เดิน Shopping ใกล้ๆ แล้วนั้น ยังเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ของคนในละแวกนี้ทำให้พื้นที่รอบข้าง เราจะเห็นเต้นท์อาหารต่างๆ ตลาดนัด ในช่วงกลางวัน จะคึกคักมากครับ ไปทางฝั่งถนนราชพฤกษ์ ก็มีโซนบางหว้าที่มีตลาด และแหล่งของกินมากมาย หากเลยไปยังถนนราชพฤกษ์ด้านบนอีกหน่อยจะมีพวกร้านอาหาร bar & restaurant ให้เลือกไปลิ้มลองกันหลากหลายทีเดียว อีกจุดหนึ่งคือทางฝั่งถนนเพชรเกษม ที่จะมีซีคอน บางแคร์ และ เดอะมอลล์บางแคร์ ให้บริการอยู่ไม่ไกลครับ ส่วนทางถนนกัลปพฤกษ์ ก็มี Metro West Town ให้ไปเดินเล่น ทานอาหารได้ครับ

ตำแหน่งที่ตั้งโครงการอยู่ประมาณ 450 เมตร จาก สถานีรถไฟฟ้า BTS วุฒากาศ ซึ่งในอนาคตจะเป็นสถานีที่ง่ายต่อการเชื่อมต่อไปยังพื้นที่อื่นๆในกรุงเทพได้ เนื่องจากจะมี Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีบางหว้าห่างออกไปเพียง 1 สถานี โดยระยะทางจากโครงการไปสถานีวุฒกาศอาจจะไม่ได้เป็นระยะที่ใกล้มากนัก แต่ก็ยังถือว่าเป็นระยะที่เดินได้ นอกเหนือจากนั้นทางโครงการก็มีรถ Shuttle Bus คอยให้บริการรับส่งที่จุดใกล้กับสถานี ไปชมรายละเอียดกันครับ

  • เส้นประสีเขียว : แนวรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้ม (สายสีลม) ซึ่งเป็นสายหลักที่ใกล้กับตัวโครงการ คือ สถานีรถไฟฟ้า BTS วุฒากาศ ซึ่งสามารถเดินทางไปยังสีลม และเชื่อมต่อกับสยามได้ ส่วนอีกฝั่งบางหว้า ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเชื่อมต่อไปยังส่วนต่างๆได้อีกครับ
  • เส้นประสีน้ำเงิน : เป็นรถไฟฟ้าสายในอนาคตที่ปัจจุบันยังก่อสร้างอยู่นะครับ คาดว่าจะเปิดเมื่อปี 2562 โดยจะมีจุดเชื่อมต่อที่สถานี BTS บางหว้า ซึ่งห่างจากสถานีวุฒกาศเพียง 1 สถานี รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเป็นสายที่สามารถเชื่อมต่อไปยังสถานีหัวลำโพงได้เพื่อไปยังสายอื่นๆได้อีกมากมาย และอีกฝั่งสิ้นสุดที่สถานีพุทธมณฑลสาย 4
  • เส้นประน้ำตาล : รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ BRT มีจุดจอดรับส่งผู้โดยสาร 12 สถานี โดยจัดช่องทางการเดินรถแยกจากช่องทางปกติบนพื้นถนนเดิมในทิศทางเดียวกัน โดยจะเชื่อมต่อกับ BTS สถานีตลาดพลู ไปสิ้นสุดที่สาทร หรือ BTS สถานีช่องนนทรี

การเดินทางไปโครงการ โดยปกติแล้วหากมาโดยรถไฟฟ้า BTS สถานีวุฒากาศ สถานีนี้จะมีจุดขึ้น-ลงสถานีที่จะมาทางโครงการเพียงฝั่งเดียว ทำให้ต้องข้ามถนนทั้งขาไปและขากลับ แต่ก็มีตัวเลือกในการข้ามถนนที่ปลอดภัยรองรับไว้ให้เหมือนกัน อีกทั้งยังมีจุดรับส่ง Shuttle Bus ของโครงการให้อีกด้วยครับ

  • เส้นสีน้ำเงิน : คือเส้นทางไปโครงการโดยสะพานลอย ซึ่งวันนี้ผมจะพาเดินทางไปทางนี้ ซึ่งก็จะผ่านอีกเส้นทางด้วยเช่นกัน มีระยะทางประมาณ 470 เมตร
  • เส้นสีส้ม : เส้นทางไปโครงการโดยการลอดใต้สะพานยกระดับ และเดินบนทางเท้าสู่โครงการ มีระยะทางประมาณ 470 เมตร
  • เส้นสีชมพู : เส้นทางรับส่งของรถ Shuttle Bus โครงการ ซึ่งจะวิ่งตามซอยวิ่งวัว จากหน้าโครงการ ELIO สาทร-วุฒากาศ ถึงหน้าโครงการ IDEO วุฒากาศ โดยมมีระยะทางประมาณ 300 เมตร ซึ่งจากจุดรับส่งจะต้องเดินลอดใต้สะพานยกระดับไปยัง BTS วุฒากาศ อีกประมาณ 170 เมตร บริเวณจุดรับส่งมี 7-eleven ให้บริการ

ไปดูรายละเอียดการเดินทางไปโครงการกันครับ

เริ่มต้นที่รถไฟฟ้าสถานีวุฒากาศกันนะครับ สายนี้เป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม สีจุดเริ่มต้นที่สถานีสนามกีฬา มีจุดเชื่อมไปยังรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ดังนี้

  • สถานีสยาม : เป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวอ่อน (สายสุขุมวิท)
  • สถานีตลาดพลู : เป็นจุดเชื่อมต่อกับรถ BRT ราชพฤกษ์
  • สถานีกรุงธนบุรี : เป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า BTS สายสีทอง (ในอนาคต)
  • สถานีวงเวียนใหญ่ :  เป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง)
  • สถานีบางหว้า : เป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT สายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) อีกหนึ่งจุด และ รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (ในอนาคต)

เมื่อลงมาจากชานชลาให้มองหาทางออกประตูหมายเลข 2 นะครับ เป็นทางออกที่ใกล้โครงการที่สุด

จุดนี้จะมีทางเชื่อมต่อให้เดินออกไปจากตัวสถานี ซึ่งจะเป็นทางเดินที่มีหลังคาปกคลุม และมีไฟตามทางในตอนกลางคืน ป้องกันทั้งแดดและฝน ถือว่าสะดวกดีครับ

ระหว่างทางเดินจะสังเกตุเห็นเวิ้งตลาด EXIT 2 อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งภายในประกอบไปด้วยร้านค้าร้านอาหารมากมาย รวมถึงมี 7-eleven อยู่ด้านในด้วยครับ

เมื่อมาถึงทางลง จะสังเกตได้ว่ามีจุดบันไดเลื่อนทางขึ้นให้พร้อมเลยครับ ซึ่งเส้นทางที่เราจะขึ้นมาสถานีก็จะใช้เส้นทางนี้แหละครับ

เมื่อลงมาจากทางลง ก็จะมีพี่วินรวมกลุ่มกันรอให้บริการอยู่บริเวณหน้าทางเข้าตลาด Exit 2 ครับ

เมื่อเดินเลยต่อมา ไปทางถนนกัลปพฤกษ์ก็จะมีร้านค้าประปรายริมข้างทาง เวลากลางวันถึงช่วงเย็นครับ

ซึ่งทางด้านขวามือจะมีช่องทางลอดใต้สะพานยกระดับที่สามารถเดินทะลุไปฝั่งเดียวกันกับโครงการได้ แต่วันนี้ผมจะพาเดินไปทางสะพานลอยแล้วข้ามไปนะครับ ต้องเดินตรงเลยทางลอดนี้ไป ซึ่งจะมีระยะทางพอๆกัน

บรรยากาศภายในทางลอดใต้สะพานมีความกว้างประมาณ 2.5-3 เมตร ทางเข้าออกทั้งสองทางมีแท่งเหล็กป้องกันการเข้ามาภายในของรถจักรยานยนต์ อีกทั้งภายในยังมีแนวกรงเหล็กป้องกันซ้ายขวา พร้อมไฟส่องสว่างให้ตลอดแนว ถือว่าปลอดภัยครับ

เดินเลยต่อมาเพื่อมุ่งหน้าไปยังทางถนนกัลปพฤกษ์ เดินตรงต่อไปเรื่อยๆ อีกประมาณ 300 เมตร ตลอดทางเป็นทางเท้าขนาดประมาณ 2 เมตร ยกสูงจากพื้นถนน มีแนวรถไฟฟ้าปกคลุมพร้อมติดไฟให้แสงสว่างในเวลากลางคืน แนวรถไฟฟ้าค่อนข้างสูงซึ่งจะช่วยกันแดดได้ในช่วงเวลาประมาณ 11.00 – 13.00 แต่หากเป็นฝน ด้วยความสูงของรางรถไฟฟ้า น่าจะกันได้แต่ฝนที่ตกเบาๆเท่านั้นครับ

เมื่อตรงต่อมาจะพบสะพานลอย ซึ่งมีระยะจากสถานีวุฒากาศประมาณ 350 เมตร ขึ้นไปดูบรรยากาศด้านบนกันครับ

สะพานลอยเป็นแบบเปิดโล่ง มีแนวเสาไฟให้แสงสว่าง ไม่มีวัสดุปกคลุม ทำให้ในช่วงเวลากลางวันที่แดดแรง หรือช่วงเวลาฝนตก อาจจะเดินยากซะหน่อยครับ แนะนำให้ควรพกร่มไว้ด้วยสำหรับผู้ที่เดินทางไปรถไฟฟ้าในเส้นทางนี้ครับ

บรรยากาศมุมมองจากบนสะพานลอยฝั่งมองไปทางถนนวุฒากาศ จะสังเกตุเห็น BTS สถานีวุฒากาศด้วยครับ

บรรยากาศมุมมองจากบนสะพานลอยฝั่งมองไปทางถนนกัลปพฤกษ์ จะสังเกตุเห็นสำนักงานขายของโครงการ ทางขวามือ

เมื่อลงสะพานลอยลงมา แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 60 เมตร เส้นทางเดินเป็นบรรยากาศเช่นเดิมครับ บนทางเท้าขนาดประมาณ 2 เมตร ยกสูงขึ้นจากพื้นถนนปกติ ทางซ้ายมือคือถนนราชพฤกษ์ ส่วนทางขวามือคือบ้านพักอาศัยดั้งเดิมของคนในพื้นที่ ส่วนมากเป็นอาคาร 2 ชั้น ชั้น 1 เป็นคอนกรีต ชั้นบนเป็นบ้านไม้ ตลอดแนวทางเดินไม่มีหลังคาปกคลุม มีเสาไฟเป็นจุดๆ ครับ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

บริบทโดยรอบโครงการส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น ทำให้มุมมองของห้องพักในโครงการ (เริ่มต้นที่ชั้น 5) สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ทั่วและเปิดโล่งโดยรอบครับ

  • ทิศเหนือ : ติดกับบ้านพักอาศัยในชุมชนเก่า ซึ่งจะมีถนนส่วนบุคคลลัดเลาะทะลุกันได้
  • ทิศตะวันออก : ติดกับบ้านพักอาศัยเช่นกัน ซึ่งทางทิศนี้จะมีอาคาร 31 ชั้น ของโครงการ IDEO วุฒากาศ ห่างจากขอบพื้นที่โครงการที่ใกล้ที่สุด ประมาณ 200 เมตร
  • ทางทิศใต้ : ตัวโครงการจริงๆจะร่นระยะเข้าไปอีกสักหน่อย หน้าโครงการจริงๆติดกับถนนของซอยวิ่งวัว ถัดมาทางทิศใต้อีกประมาณ 20 เมตร จากนั้นจึงจะเป็น ถนนราชพฤกษ์ มีพวกแนวสะพานยกระดับและทางเดินรถไฟฟ้า ข้ามฝั่งถนนไปจะมี Family Mart อาคารโครงการคอนโดมิเนียม 25 ชั้น และคอนโดมิเนียม  21 ชั้น, คอนโดมิเนียม  38 ชั้น โดยมีระยะห่างจากอาคารเหล่านี้ประมาณ 200 เมตร
  • ทิศตะวันออก : ติดกับหมู่บ้านกลางเมือง หมู่บ้านจัดสรรภายในเป็นบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น

บรรยากาศฝั่งตรงข้ามพื้นที่โครงการ คือถนนราชพฤกษ์ มีแนวสะพานยกระดับและแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม เลยไปด้านหลังนั้น จะมีอาคารโครงการคอนโดมิเนียม 25 ชั้น (ขวาสุด) และคอนโดมิเนียม 21 ชั้น (ตรงกลาง), คอนโดมิเนียม 38 ชั้น (ซ้ายสุด) โดยมีระยะห่างจากอาคารเหล่านี้ประมาณ 200 เมตร

ฝั่งขวามือจะพบเส้นทางที่เราพึ่งเดินกันมาเมื่อสักครู่ จะมีแนวสะพานลอย ห่างจากหน้าตัวโครงการประมาณ 60 เมตร เลยไปอีกประมาณ 400 ก็จะเป็น สถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศครับ ซึ่งพื้นที่ด้านหน้าโครงการ จะมีพื้นถนนเป็นเส้นทึบ และระยะขึ้นสะพานยกระดับค่อนข้างกระชั้นชิดจนเกินไป ทำให้หากจะขึ้นสะพานยกระดับแนะนำว่าให้ไปกลับรถใต้สะพาน แล้ววนกลับมาอีกรอบครับ

ด้านขวามือ คือถนนราชพฤกษ์ เป็นแนวรถที่วิ่งมาจากทางฝั่งบางหว้า ซึ่งถนนราชพฤกษ์เป็นถนนที่มีความยาว และไม่มีไฟแดง ทำให้รถที่วิ่งค่อนข้างมีความเร็ว หากจะเข้าออกหน้าโครงการอาจจะต้องระมัดระวังดูกันให้ดีหน่อยนะครับ ผมเป็นห่วง

มาที่ทางฝั่งโครงการครับ ปัจจุบันสำนักงานขายโครงการติดกับถนนราชพฤกษ์ หากโครงการสร้างเสร็จ พื้นที่ส่วนด้านหน้านี้จะกลายเป็นพื้นที่สวนของโครงการ ซึ่งตัวอาคารจริงๆของโครงการจะถูกร่นเข้าไปประมาณ 20 เมตร ที่ซอยวิ่งวัวครับ ตามแนวภายในรูป

ทิศตะวันตกของโครงการ ติดแนวซอยเล็กๆ เป็นถนนส่วนบุคคล ที่ชาวบ้านบริเวณนี้ใช้เดินลัดเลาะกันครับ ซึ่งขนาดของซอยไม่สามารถสัญจรด้วยรถยนต์ได้ ส่วนมากจึงนิยมเดิน ใช้จักรยาน และ จักรยานยนต์กัน

ที่ผมยืนอยู่คือซอยวิ่งวัว พื้นที่ด้านขวาของหน้าของโครงการ ซึ่งเส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางไปยังหมู่บ้านกลางเมือง ทางฝั่งซ้ายมือปัจจุบันเป็นที่จอดรถสำหรับผู้เข้ามาเยี่ยมชมโครงการ แต่ในอนาคตทางโครงการจะปรับปรุงเป็นสวนสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจกันได้ครับ ซึ่งอีกฝั่งตรงข้ามสวน ก็จะเป็นบ้านพักอาศัยดั้งเดิมของคนในพื้นที่

พื้นที่ด้านซ้ายของหน้าของโครงการ เป็นแนวถนนซอยวิ่งวัว ซึ่งสามารถไปทะลุกับโครงการ IDEO วุฒากาศ ซึ่งเป็นจุดรับ-ส่ง ของรถ Shuttle Bus ของโครงการ ไปดูบรรยากาศภายในซอยกันครับ

ภายในซอยมีระยะความกว้างประมาณ 4 เมตร สองข้างทางเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น ซึ่งซอยวิ่งวัวนี้เป็นแนววิ่งของรถ Shuttle Bus ของโครงการด้วยครับ บรรยากาศช่วงกลางคืนอาจจะค่อนข้างมืดหน่อยเนื่องจากไฟถูกติดไว้ที่เสาไฟฟ้า และมีตำแหน่งค่อนข้างห่างกัน

ตรงมาจนสุดทางประมาณ 300 เมตร จะพบโครงการ IDEO วุฒากาศ เลี้ยวขวาไปอีกเล็กน้อย จะเป็นพื้นที่จอดรถรับส่งของโครงการ

จุดรับ-ส่ง รถ Shuttle Bus ของโครงการ อยู่บริเวณพื้นที่จอดรถ เดินลอดใต้สะพานยกระดับต่อไปอีกเพียงประมาณ 170 เมตร ก็จะถึงสถานีวุฒากาศครับ

ด้านข้างมี 7-Eleven ค่อยให้บริการด้วยครับ สำหรับซื้อข้าวของ หรือขนม ระหว่างเข้าออกโครงการ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • BTS วุฒากาศ ~ 450 เมตร
  • วัดนาคปรก ~ 750 เมตร
  • วัดใหม่ยายนุ้ย ~ 850 เมตร
  • วัดปากน้ำ ~ 3.9 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลพญาไท 3 ~ 4 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลสัตว์กรุงเทพ ~ 4.6 กิโลเมตร
  • ธนบุรีพลาซ่า ~ 4.8 กิโลเมตร
  • The Mall ท่าพระ ~ 4.8 กิโลเมตร
  • ตลาดพลู  ~ 5.2 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยสยาม ~ 5.9 กิโลเมตร
  • ซีคอน บางแคร์ ~ 6.4 กิโลเมตร
  • ไทยช่วยไทยพลาซ่า ~ 6.6 กิโลเมตร
  • วงเวียนใหญ่ ~ 6.7 กิโลเมตร
  • Metro West Town~ 7.1 กิโลเมตร
  • เดอะมอลล์บางแค ~ 13.9 กิโลเมตร


เจาะลึกตัวโครงการ

ภาพจำลองหน้าทางเข้าโครงการ ถนนหน้าโครงการที่เห็นภายในภาพคือ ซอยวิ่งวัว ซึ่งจะมีถนนเข้ามาจากถนนราชพฤกษ์อีกที ขนาบข้างด้วยพื้นที่สวนสาธารณะ เมื่อเข้ามาที่ประตูทางเข้าโครงการ จะมีรั้วไล่ระดับสูงประมาณ 3 เมตร พร้อมกับมีป้อม รปภ. ที่หน้าโครงการ มี Access control 1 จุด ระบบทางเข้า Easy pass ชนิด Long renge พร้อมรั้วกั้นไม้กระดก

ภาพจำลองพื้นที่ส่วนกลางสระว่ายน้ำ โครงการนี้หากจะพูดถึงจุดเด่นของโครงการ ก็ต้องเป็นส่วนกลางโดยเฉพาะสระว่ายน้ำครับ เพราะถูกออกแบบมาอย่างดีไม่ว่าจะเป็นขนาดสระที่มีด้านยาวถึง 70 เมตร ยาวกว่าสระระดับโอลิมปิกซะอีก และยังมีช่วงที่กว้างที่สุดอยู่ที่ 16 เมตร มาพร้อมกับรูปฟอร์มของสระที่ออกแบบตามแนวคิด Twist (การหมุน) อีกทั้งยังเป็น 3 Steps Lagoon คือมี 3 ระดับ เชื่อมต่อกันได้หมด โดยจะมีสระที่อยู่ด้านบนสุด บริเวณระหว่างอาคาร A และอาคาร B เป็นสระ Sky Jacuzzi เส้นผ่านศูนย์กลาง 6.4 เมตร มีน้ำไหลลงมาสู่สระใหญ่ตรงกลาง และสระด้านล่าง ที่มีทั้งส่วนภายนอกและส่วน Cave Jacuzzi ที่หลบเข้าไปหลังม่านน้ำตกได้ พื้นที่สระกลาง มีขนาด 15 x 7 เมตร โดยรอบพื้นที่สระว่ายน้ำจะตกแต่งด้วยวัสดุสร้างบรรยากาศเน้นธรรมชาติ รายล้อมด้วยต้นไม้นาๆชนิด ถือจัดเต็มทีเดียวครับ

รูปแบบของ Landscape และ สระว่ายน้ำ ที่มีแนวคิดการออกแบบจากการ Twist (การหมุน) ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก สายน้ำ สายลม และการโอบล้อม ทำให้ดูลักษณะของเส้นสายจะค่อนข้าง Free Form ให้ความรู้สึกพริ้วไหว สบายตา โดยจะเชื่อมต่อไปถึงฟอร์มของแนวผนังอาคาร ที่ทำล้อกันไปกับพื้นที่ Landscape

พื้นที่ส่วน Fitness Studio มีการนำลวดลายของป่า และต้นไม้จริงมาใช้ตกแต่งภายในอาคาร ผนังเป็นกระจก Full Height แบบ Double Volume ทำให้สามารถรับบริบทโดยรอบได้รอบด้าน ทั้งบรรยากาศสระว่ายน้ำภายในโครงการ และบรรยากาศเมืองจากชั้น 5 ของอาคาร พื้นที่ภายในมีการจัดให้มีความหลากหลาย มีมุมนั่งพัก นอกจากนั้นแล้วยังมีห้อง Private Fitness ที่ลูกบ้านสามารถมาจับจองกันได้ สำหรับเล่นส่วนตัว

ห้อง Home Theatre เป็นห้องปิดทึบเก็บเสียงสำหรับดูหนังฟังเพลง ซึ่งสามารถจองเวลากันได้เช่นกัน จะอยู่ที่บริเวณชั้น 1 ของอาคาร B

ห้อง Libratorium คือส่วนห้องสมุดที่อยู่ติดสระว่ายน้ำ ภายในตกแต่งดูสบายตา ผนังเป็นกระจกรอบด้านทำให้ดูโปร่งโล่ง และรับแสงธรรมชาติ เพื่อสำหรับการอ่านหนังสือหรือทำงาน ด้านบนเป็นทางลาดสำหรับเดินขึ้นไปยังสระ Sky Jacuzzi สามารถรับวิวสระว่ายน้ำและหลังอาคารครับ

อีกห้องหนึ่งที่น่าสนใจของโครงการนี้คือ Starry Lounge ซึ่งมีตำแหน่งอยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคาร B ห้องนี้เป็นห้องสำหรับนั่งชิล ดูดาวและบรรยากาศเมือง ภายในตกแต่งด้วยสีโทนเข้ม ดูหรูหรา ฝ้าเพดานซ่อนไฟ Fiber optic light ทำให้มีลักษณะเหมือนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

มากันที่สำนักงานขายของโครงการกันนะครับ ภายในตกแต่งกว้าง โปร่ง โล่ง อีกทั้งยังมีการใช้วัสดุที่ดูธรรมชาติ สอดคล้องกับแนวคิดในการออกแบบ ส่วนต่อไปผมจะพาไปดู คือ Model โครงการ เพื่ออธิบายรายละเอียดส่วนต่างๆ กันต่อครับ

*ภาพนี้เป็นภาพจำลองที่ทีมงาน Think of Living ทำขึ้นเพื่อใช้อธิบายลักษณะอาคารจากแบบจำลอง

โดยโครงการ ELIO สาทร-วุฒากาศ เป็นโครงการ High Rise 41 และ 34 ชั้น 2 อาคาร บนพื้นที่ดินขนาดประมาณ 5-1-32 ไร่ โดยมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 1,161 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต ตัวโครงการออกแบบสไตล์โมเดิร์น ภายใต้แนวคิดการออกแบบการนำเอาธรรมชาติมาใช้ในโครงการ เน้นพื้นที่สีเขียว มีการตีความพื้นที่ต่างๆตามลักษณะของสัตว์แต่ละชนิด หรืออย่างเช่นการออกแบบแนวกรอบอาคารตามรูปแบบการทับซ้อนกันของใบไม้ พื้นที่ Landscape ต่างๆ ก็มีแนวคิดการออกแบบมาจากสายน้ำและเส้นสายของธรรมชาติ มีการเล่นระดับพื้นเพื่อสร้างมุมมองที่แตกต่าง ล้อกันไปกับกรอบของแนวอาคาร ส่งผลไปถึง Interior Design ที่จะยังมีความเป็นชั้น Layer ต่อเนื่องกันด้วยความเป็นเส้นสายและวัสดุ เป็นการ Bring Out-Door To In-Door เดี๋ยวเราไปดูรายละเอียดในแต่ละพื้นที่กันอีกทีครับ

  • ชั้น 1 : ออกแบบให้มีพื้นที่รับรองแยกส่วน มีพื้นที่ส่วนกลางกระจากกันไปทั้ง 2 อาคาร มี Drop Off ให้ทั้งสองอาคาร ทำให้ลูกบ้านที่อยู่อาคาร B (ด้านใน) ก็ไม่ต้องเดินกลับ สามารถมีรถวนมารับและส่งได้พร้อม Facitlities ต่างๆอีกมากมาย เช่น Lobby แยกตึก, Tree House พื้นที่รับรองที่มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น, Smart Locker, Shop 3 ร้าน, Laundry, Karaoke Room, Home Theatre, The Pavilion พื้นที่รับรอง, พื้นที่จอดรถภายในอาคาร
  • ชั้น 2-4 : พื้นที่จอดรถ
  • ชั้น 5 : พื้นที่ส่วนกลางหลัก ประกอบไปด้วย สระว่ายน้ำขนาด 70 x 16 เมตร, สระ Sky Jacuzzi , สระ Jacuzzi Cave, ห้องน้ำแยกส่วนชายหญิง,  Libratorium, Fitness Studio, Co-living Valley, Co-working space, Hybrid social club, Meeting room และพื้นที่สีเขียวอีกมากมาย
  • ชั้น 6-41 (อาคาร A) : ชั้นพักอาศัยทั้งหมด
  • ชั้น 6-33 (อาคาร B) : ชั้นพักอาศัยทั้งหมด
  • ชั้น 34 (อาคาร B) : ฃ Starry Lounge พื้นที่นั่งรับชมวิวบนยอดอาคาร B

มาดูที่ตึกส่วนอาคาร A กันก่อนนะครับ ส่วนนี้เป็นตึกบริเวณด้านหน้าโครงการ ติดกับถนนราชพฤกษ์ ซึ่งจะ Facilities ในชั้น 5 นี้เยอะพอสมควร ไล่เรียงจากฝั่งซ้ายสุด

  • Fitness Studio : อยู่ทางด้านหน้าโครงการริมอาคารฝั่งถนนราชพฤกษ์
  • พื้นที่ Semi-Outdoor : อยู่กลางอาคารใกล้โถงลิฟต์ เพื่อเป็นส่วนแยกไปยังส่วนต่างๆซ้ายขวา
  • Co-Living Valley : พื้นที่นั่งชิล นั่งพักรับบรรยากาศในโครงการ อยู่ทางขวาสุดของอาคาร

เดี๋ยวเราไปดูรายละเอียดในแต่ละพื้นที่กันครับ

Fitness Studio อยู่ริมอาคารฝั่งถนนราชพฤกษ์ ภายในค่อนข้างใหญ่ มีพื้นที่ 2 ระดับชั้น โดยจะมีแนวกระจกรอบด้าน รับวิวได้ทั้งสระว่ายน้ำภายในโครงการ และวิวถนนราชพฤกษ์ 180 องศา พื้นที่ภายในมีการจัดให้มีความหลากหลาย มีมุมนั่งพัก นอกจากนั้นแล้วยังมีห้อง Private Fitness ที่ลูกบ้านสามารถมาจับจองกันได้สำหรับเล่นส่วนตัว ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ทางโครงการยังจับมือกับแบรนด์ฟิตเนตเพื่อให้มีการ Live สด Class ออกกำลังกายให้แก่คนในโครงการด้วย

พื้นที่ Semi-Outdoor อยู่กลางอาคาร ใกล้กับบริเวณโถงลิฟต์ เป็นพื้นที่เพื่อแยกไปยัง Facilities ต่างๆ บริเวณนั้นมีห้องน้ำแยกชายหญิง พร้อมที่นั่งพักคอยรับวิวสระว่ายน้ำเต็มๆครับ

ส่วน Co-Living Valley พื้นที่นั่งเล่น หรือจะเรียกว่าเป็นห้องนั่งเล่นของโครงการก็ได้ครับ มีลักษณะเป็นทรงกลมคล้ายกรงนก สามารถรับวิวได้รอบด้านด้วยกระจก Full Height

มาดูส่วนใกล้กับสระว่ายน้ำกันบ้างครับ เป็นพื้นที่ Landscape ที่ถูกจัดอย่างสวยงาม ตามแนวคิด การ Twist ที่เป็นฟอร์มการหมุนของพื้นที่ มีเส้นสายที่ล้อกันของส่วน Hardscape และ Solfscape ได้อย่างลงตัว พื้นที่เป็นทางเดินไล่ระดับขึ้นไปสู่พื้นที่สวนด้านบน รวมถึงมี Sky Jacuzzi อีกด้วย ส่วนด้านล่างเป็นพื้นที่สวนริมสระว่ายน้ำสามารถมานั่งเล่นสูดอากาศกันได้ และภายในเป็น Libratorium ซึ่งเป็นห้องสมุดนั่นเอง ไปดูรายละเอียดภายในกันครับ

พื้นที่ Libratorium อยู่ใต้ทางเดินไล่ระดับ ผนังอาคารเป็น กระจกสูงจากพื้นถึงฝ้า สำหรับรับแสงธรรมชาติเพื่อการอ่านหนังสือและทำงาน อีกทั้งยังรับวิวสระว่ายน้ำ ภายนอกมีพื้นที่สำหรับเดินออกมาสูดอากาศริมสระว่ายน้ำได้อีกด้วยครับ

พื้นที่ส่วนสระว่ายน้ำครับ ซึ่งเป็นอีกจุดเด่นของโครงการนี้ อย่างที่อธิบายไปแล้วบ้างว่าขนาดของสระนี้มีความยาวค่อนข้างพิเศษ ถึง 70 เมตร ซึ่งผมขอแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเพื่ออธิบายแต่ละส่วนนะครับ มาดูที่ส่วนแรก ส่วนบนสุดของสระที่มีพื้นที่ Landscape โอบล้อม มีทางเดินไล่ระดับขึ้นไปด้านบน เป็นส่วนของ Sky Jacuzzi ที่สามารถได้รับวิวยาวตามแนวสระว่ายน้ำ มีน้ำตกไหลลงสู่สระกลาง เป็นการเชื่อมพื้นที่สระที่ดีครับ พื้นที่ส่วนนี้จะเป็นวิวสำหรับห้องที่อยู่ทางด้านแคบของอาคาร ทั้งอาคาร A และ อาคาร B ซึ่งทางโครงการก็จะมีห้องพิเศษอยู่ในแนวนี้ด้วย เดี๋ยวผมจะไปอธิบายในรูปที่เห็นตัวอาคารอีกทีนะครับ

พื้นที่สระช่วงกลาง เป็นสระระดับที่มีแนวยาวมากที่สุด มีความลึก 1.20 เมตร เท่ากันหมดครับ ซึ่งจะเป็นวิวสำหรับส่วนใหญ่ที่หันหน้าเข้าในโครงการ ฟอร์มอาคารมีความล้อกันด้วยเส้นสาย มีรูปแบบ Free Form ดูสบายตาครับ

มาถึงสระในช่วงสุดท้ายกัน ส่วนนี้เป็นส่วนที่อยู่ทางด้านหน้าโครงการ ทำให้พื้นที่มีการออกแบบให้สามารถรับวิวทางฝั่งถนนราชพฤกษ์ได้ค่อนข้างเยอะ มีส่วนที่ไล่ระดับพื้นสระให้ตื้นขึ้น สำหรับนั่งรับวิวเปิดหน้ากว้าง ไปทางถนนราชพฤกษ์  ซึ่งสระส่วนนี้ยังมีความพิเศษอีกอย่างคือจะเชื่อมต่อไปยังระดับชั้นล่าง ชั้นสุดท้ายของสระ 3 Steps Lagoon ครับ โดยมีแนวน้ำตกเป็นตัวเชื่อมความต่อเนื่องของสระ อีกทั้งจากในภาพจะเห็นแนวบันไดที่เชื่อมต่อสามารถเดินลงไปยังส่วนพื้นที่ด้านล่าง เดี๋ยวเราไปดูสระด้านล่างกันครับ

แนวบันไดออกแบบให้มีทางเดินลงมาตามทางที่ค่อนข้างแคบ เพื่อเปิดรับพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างหน้าสุดของโครงการ เป็นเทคนี้การออกแบบพื้นที่แบบ Shock Space คือการเปลี่ยนอารมณ์ของพื้นที่จากพื้นที่แคบไปยังส่วนพื้นที่กว้าง ทำให้พื้นที่นั้นดูมีความพิเศษ อลังการมากยิ่งขึ้น ซึ่งพื้นที่ส่วนล่างนี้ มีทั้งส่วนที่เป็นพื้นที่ก่อนลงสระริมระเบียง สามารถยืนรับวิวได้โดยไม่ต้องลงน้ำ พื้นที่ในสระมีการทำเป็น Chamber Pool Spa ขนาด 15 x 7 เมตร มีม่านน้ำตกที่ไหลลงมาจากชั้นบนเป็นตัวกั้นพื้นที่ Jacuzzi Cave ภายใน ถือว่าเป็นสระว่ายน้ำที่ออกแบบมาให้มีลักษณะการใช้งานค่อนข้างหลากหลาย มีหลายมุมให้เลือกใช้กันตามความชอบ

พื้นที่อาคารห้องพิเศษที่ผมได้กล่าวไว้ข้างต้น จะมีจำนวนทั้งหมด 8 ห้อง แบ่งออกเป็น 2 อาคาร อาคารละ 4 ห้อง ที่ชั้น 7, 8, 9, 10 ครับ ซึ่งห้องพิเศษดังกล่าว เรียกว่า ห้อง Twist จะตั้งอยู่ที่มุมอาคาร เปิดรับวิวสระว่ายน้ำและพื้นที่ส่วนกลางในโครงการ โดยจะมีการบิดแนวอาคารให้นอกจากมีลักษณะเด่นในเรื่องของมุมมองภายนอก ที่ทำให้อาคารดูเด่นแล้วนั้น ยังจะทำให้ห้องภายในมีมุมมองที่แตกต่างกันอีกด้วย

มาดูที่ฝั่งอาคาร B กันบ้างครับ พื้นที่ในรูปคือ Co-Working Space จะสังเกตได้ว่ามี เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่มีแนวกระจก Full Height สูงจากพื้นถึงฝ้า อีกทั้งยังมีกรอบอาคาร ที่ได้ลักษณะเส้นสายมาจากพื้นที่ Landscape ของโครงการอีกด้วย

ส่วนห้องนี้เป็นพื้นที่ด้านหลังของอาคาร B คือห้อง Hybrid Social Club ซึ่งภายในประกอบไปด้วยห้องกิจกรรมต่างๆ เช่น โต๊ะพูล ห้องเกม ดูหนัง ฟังเพลง นั่งคุย เล่นอะไรกันไปครับ เป็นอีกมุมที่เหมาะแก่การพบปะ หรือทำกิจกรรมสนุกสนานภายใน ซึ่งจะได้วิวหลังโครงการ อาจจะไม่ได้เป็นวิวที่ดีที่สุด แต่ก็ได้รับบรรยากาศโดยรอบที่เปิดโล่งหลังโครงการ อีกทั้งยังได้รับแสงเต็มๆด้วยเช่นกันครับ

 

มาดูที่ส่วนผังกันต่อครับ เริ่มกันที่ผังชั้น 1 กันเลย อาคารมีชั้น 1-5 เป็นส่วนเดียวกัน แยกกันตอนชั้นพักอาศัย ตั้งแต่ชั้น 6 ขั้นไป ซึ่งภายในมี ลิฟต์โดยสารให้ 3 ตัว และลิฟต์ service 1 ตัว / อาคาร ทางเดินรถภายในเป็นแบบวนรถทางเดียวรอบตัวอาคารโดยจะมี Drop Off 2 จุด โดยเมื่อเข้าไปจะพบ Drop Off อาคาร A ก่อน ที่ฝั่งทิศตะวันตกของอาคารไปจุดสุดทางด้านหลัง จะมีทางเข้าออกพื้นที่จอดรถภายในอาคาร เมื่อวนมาอีกฝั่ง ทิศตะวันออก จะมี Drop Off ของอาคาร B ครับ ส่วนพื้นที่ต่างๆ ของอาคารผมจะแยกตามอาคารให้ดูกันนะครับ เริ่มต้นที่

อาคาร A

  • Shop 3 ร้าน : ร้านค้า Convenience Store
  • The Pavilion : พื้นที่พักคอยนั่งรับรอง Semi-outdoor
  • Lobby A : พื้นที่รับรองหลักของตึก A
  • Mail Room : ห้องรับจดหมาย
  • Tree House : เป็นพื้นที่รับแขกอีกพื้นที่ ภายในมีพื้นที่ Study Cottage สำหรับโซนเงียบๆ นั่งอ่านหนังสือ
  • Juristic Room : ทางโครงการออกแบบให้มีลักษณะเป็นห้องควบคุมดูแลระบบต่างๆของอาคารให้เห็น เรียกว่าห้อง Nasa Room
  • Smart Locker : สำหรับผู้ที่มักจะไม่อยู่ในช่วงเวลาที่นิติบุคคลเปิดทำการ พื้นที่ส่วนนี้จะมาช่วยเก็บพัสดุอะไรไว้ให้เรียบร้อยเลยครับ
  • Laundry Room : ห้องซักล้าง

อาคาร B

  • Lobby B : พื้นที่รับรองหลักของตึก B
  • Mail Room : ห้องรับจดหมาย
  • Karaoke Room : ห้องเก็บเสียงสำหรับร้องเพลง สามารถจองห้องกันได้
  • Home Theatre : ห้องดูหนังฟังเพลงสำหรับลูกบ้าน สามารถจองกันได้เช่นกันครับ

พื้นที่ชั้น 2-4 เป็นพื้นที่จอดรถ ข้ามมาที่ชั้น 5 กันเลยนะครับ ชั้นนี้เรียกว่าเป็นชั้นพื้นที่ส่วนกลางหลักของโครงการครับ โดยจะกระจายตามแนวอาคาร A ทั้งหมด และอาคาร B ครึ่งอาคาร ไปดูรายละเอียดแต่ละพื้นที่กันครับ

อาคาร A 

  • สระ Lap Pool : สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 70 x 16 เมตร
  • สระ Sky Jacuzzi : สระด้านบนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 6.4 เมตร
  • สระ Jacuzzi Cave : ขนาด 15 x 7 เมตร
  • Fitness Studio : พื้นที่ออกกำลังกายภายในมีการแบ่งแยกโซน มีห้อง Private ให้จองใช้งานกัน
  • Co Living Valley : พื้นที่พัก นั่งเล่นร่วมกัน
  • Libratorium : พื้นที่ห้องสมุด

อาคาร B 

  • Hybrid Social Club : ห้องกิจกรรมต่างๆ ภายในมีโต๊ะพูล ห้องเกมส์ และกิจกรรมต่างๆ ได้รับวิวหลังโครงการ
  • Co-Working Space : ห้องทำงาน อ่านหนังสือ ได้รับวิวสระว่ายน้ำ และ ถนนราชพฤกษ์
  • Meeting Room : ห้องประชุม หันหน้าไปทางถนนราชพฤกษ์
  • ห้องพักอาศัย 14 ยูนิต

ต่อจากนี้จะถึงชั้นบนสุดอาคาร จะเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดครับ มีห้องส่วนกลางบ้างที่ชั้นดาดฟ้าอาคาร B และพื้นที่สีเขียวแทรกตามระเบียงชั้นบ้างครับ มาดูที่ชั้น 6 กันต่อครับเป็นชั้นพักอาศัยทั้งชั้นเลย ชั้นนี้จะมีความพิเศษเล็กน้อยตรงที่พื้นที่โถงลิฟต์ เป็นส่วน Double Volume ของชั้นพื้นที่ส่วนกลางชั้น 5 ทำให้จะได้วิวที่โถงลิฟต์ด้วยเช่นกัน อาคารทั้งสองมีโถงลิฟต์ที่ฝั่งเดียวของตึก ทำให้มีบางห้องที่อาจจะเดินไกลหน่อย แต่ทางโครงการก็เลือกออกแบบโดยวางห้องสุดทางเดินให้ได้รับวิวที่ดีที่สุด แลกกับการอยู่ไกลโถงลิฟต์ครับ

  • อาคาร A มีด้านทิศตะวันตกเป็นห้อง Studio ทั้งหมดครับ ส่วนที่ด้านทิศตะวันออกเป็นห้อง 1 Bedroom ครับ และที่มุมอาคารเป็นห้อง 2 Bedrooms
  • อาคาร B เป็นห้อง 1 Bedroom ทั้งหมดครับ มีห้อง 2 Bedrooms อยู่ที่มุมอาคาร

ชั้น 7 ถึงชั้น 10 จะมีห้อง Twist ที่เป็นห้องพิเศษตำแหน่งมุมอาคารอย่างที่ผมกล่าวไปในส่วนของโมเดล โดยจะเป็นห้อง 2 Bedrooms ที่มุมห้องครับ ภายในรูปผมทำเส้นประตีกรอบไว้นะครับ จะสังเกตุเทียบกับชั้น 8 9 10 ได้ว่าจะออกแบบให้ตัวห้องเอียงทำมุมเพื่อให้รับวิวได้มากยิ่งขึ้นและแตกต่างกัน

 

รายละเอียดห้องอื่นๆ เหมือนกับชั้น 7 ทั้งหมดครับ แต่ห้องมุมที่อยู่ในเส้นประ ทำมุมองศาที่แตกต่างกันครับ

รายละเอียดห้องอื่นๆ เหมือนกับชั้น 7 และ 8 ทั้งหมดครับ แต่ห้องมุมที่อยู่ในเส้นประ ทำมุมองศาที่แตกต่างกันครับ

รายละเอียดห้องอื่นๆ เหมือนกับชั้น 7, 8, 9 ทั้งหมดครับ แต่ห้องมุมที่อยู่ในเส้นประ ทำมุมองศาที่แตกต่างกันครับ

มาที่ชั้น 11-24 จะมีลักษณะปกติเหมือนชั้น 7 8 9 10 ที่ผ่านมาครับ แต่ที่มุมจะไม่มีการบิดแนวอาคารแล้ว

มาที่ชั้น 25 ครับ ชั้นนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย โดยที่ห้องพักส่วนอาคาร B ห้อง 2 Bedrooms ที่มุมอาคารจะลดลงเปลี่ยนเป็นพื้นที่ สีเขียว Green Terrace สำหรับออกมาสูดอากาศรับลมกันครับ

ชั้น 26-28 อาคาร B จะไม่มีพื้นที่สีเขียว มีเพียงส่วนของชั้น 25 ซึ่งชั้นบนก็ยังจะสามารถมองเห็นได้จากโถงลิฟต์ครับ

มาที่ชั้น 29 ส่วนพื้นที่ห้องพักมุมของอาคาร B ถูกลดลงไปอีก 2 ห้องครับ เป็นห้อง 1 Bedroom เปลี่ยนไปเป็นพื้นที่สีเขียวอีกเช่นกัน แต่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม เป็นเพียงพื้นที่เปิดออกมาเดินเล่นรับลม ไม่ได้มีกิจกรรมหรือส่วนรองรับอะไรพิเศษ ถือว่าก็ช่วยทำให้ห้องต่างๆในชั้นมีพื้นที่ให้ออกมารับวิวถนนราชพฤกษ์และสามารถมารับลมชมวิวกันได้

มาที่ชั้น 30 – 33 อาคาร B จะไม่มีพื้นที่สีเขียว มีเพียงส่วนของชั้น 29 ซึ่งชั้นบนก็ยังจะสามารถมองเห็นได้จากโถงลิฟต์ครับ 

มาที่ชั้น 34 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอาคาร B หน้าโถงลิฟต์จะมีห้อง Starry Lounge สำหรับนั่งชิล ดูวิวกันครับผม

ชั้น 35-41 จะเหลือเพียงอาคาร A ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนเดิมกับชั้นที่ผ่านๆมาครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby แยกอาคาร A และ B
  • สระว่ายน้ำ ระบบเกลือ ขนาด 70 x 16 เมตร ลึก 1.20 เมตร
  • สระ Jacuzzi เส้นผ่านศูนย์กลาง 6.4 เมตร
  • สระ Jacuzzi Cave ขนาด 15 x 7  เมตร
  • Fitness  Studio ภายในมีห้องให้สามารถจอง Private Booking ได้
  • Karaoke Room
  • Home Theatre Room
  • Tree House
  • Nasa Room
  • Smart Locker
  • Laundry Room
  • Hybrid Social Club
  • Co-Living Valley
  • Co-Working Space
  • Libratorium
  • Starry Lounge
  • Shuttle Bus รับส่ง BTS วุฒากาศ (จุดรับ-ส่ง ที่หน้าโครงการ IDEO วุฒากาศ)
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 194 :  1
  • Service Lift 1 ตัว / อาคาร
  • ที่จอดรถประมาณ 42 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • Drop Off 2 จุด แยกแต่ละอาคาร
  • Shop 3 ร้าน
  • ระบบ CCTV / Access Card


Product Walkthrough

 

มาดูรายละเอียดในห้องพักอาศัยกันครับ เริ่มที่ห้องขนาด 24.5 ตร.ม. ห้องนี้เป็นห้อง 1 Bedroom จัดมาให้แบบ Fully Furnished ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.5 ม. รูปร่างของห้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส จัดพื้นที่การใช้งานภายในห้องหลัก เป็น 5 ส่วน ได้แก่ ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องครัวและระเบียง จัดพื้นที่การใช้งานในส่วนต่างๆไว้เป็นสัดส่วนชัดเจน เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่น จัดพื้นที่ห้องนั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาขนาดกลาง 2-3 ที่นั่งได้ ส่วนในสุดคือ ส่วนห้องนอน ริมผนังมีหน้าต่างรับแสงสว่างได้ทั้งห้อง มีพื้นที่ตู้เสื้อผ้าที่ปลายเตียง มีผนังกั้นส่วนที่จะเชื่อมต่อไปยังห้องครัว ก่อนจะไปถึงห้องครัวจะเป็นห้องน้ำอยู่ด้านในของตัวห้อง ภายในห้องน้ำมีการแยกสัดส่วนชัดเจน แต่ไม่ได้มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้ ออกจากห้องน้ำมาที่ส่วนห้องครัวติดระเบียง ภายในห้องครัวมีเคาน์เตอร์ครัวที่ออกแบบให้วางเครื่องซักผ้ามาให้ด้วย เป็นครัวเปิด ไม่ได้มีฉากกั้นพื้นที่ ทำให้การทำอาหารอาจจะต้องระวังเรืองกลิ่นและควันจะเข้าไปรบกวนห้องส่วนอื่น แต่มีข้อดีที่อยู่ติดระเบียง ทำให้สามารถระบายอากาศได้ง่ายมากยิ่งขึ้น พื้นที่ระเบียงมีขนาดค่อนข้างเล็ก เนื่องจากแขวน Condensing Unit ด้วย พื้นที่ด้านล่างสามารถเก็บของได้ แต่อาจจะต้องระวังเรื่องแดดและฝนด้วยครับ

มาดูภายในห้องกันครับ ส่วนแรกที่จะพบหลังจากเปิดประตูเข้ามาคือส่วนห้องนั่งเล่น ซึ่งพื้นห้องทั้งหมดยกเว้นห้องน้ำและระเบียงจะเป็นพื้น Vinyl Floor พิเศษ เป็นไวนิลผสมใยหิน ป้องกันน้ำ 100% และทนทานรอยขีดข่วนมากยิ่งขึ้น ผนังและฝ้าจะเป็นแบบฉาบเรียบทาสี มีบัวผนังไม้ให้ด้วย ประมาณ 10 เซนติเมตร ระดับพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 2.5 เมตร ส่วนห้องนั่งเล่นจะได้เฟอร์นิเจอร์ตามในรูปเลยครับ โดยจะมีโซฟา ชั้นวางทีวี โต๊ะรับประทานอาหาร ไปดูรายละเอียดกันครับ

พื้นที่ห้องนั่งเล่นมีขนาดที่ค่อนข้างพอดีกับการใช้งาน ให้มาพร้อมกับโซฟาขนาดประมาณ 2.25 x 0.8 m. เหมาะสำหรับนั่งได้ 2-3 คน และโต๊ะทำงาน หรือทานอาหาร พร้อมเก้าอี้ ที่มีขนาด 45 x 60 เซนติเมตร ซึ่งข้อดีของโต๊ะตัวนี้คือ ช่วยแก้ปัญหาพื้นที่รับประทานอาหารในห้องได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังง่ายต่อการเก็บเนื่องจากมีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ให้มี เหล็กด้านล่างที่เป็นส่วนขาโต๊ะ สามารถสอดเข้าไปใต้โซฟาได้ เพื่อประหยัดพื้นที่ภายในห้อง

ระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.1 เมตร ในระยะประมาณนี้สามารถเลือกทีวีขนาด 40″- 45″ ได้ครับ โดยหากใช้เป็นทีวีแขวนผนัง จะได้พื้นที่ชั้นวางของมากยิ่งขึ้นครับ

ทางโครงการมีชั้นวางทีวีขนาด 1.5 x 0.4 เมตร มาให้ด้วย เป็นแนวยาว Built-in มาให้ครับ ยกสูงจากพื้นง่ายต่อการทำความสะอาด มีลิ้นชักและช่องเก็บของให้ ถือว่าสะดวกเลยทีเดียว

ส่วนต่อมาภายในคือส่วนห้องนอนครับ ทางโครงการให้เตียงขนาด 5 ฟุตมาด้วย ซึ่งไม่ได้มีการแบ่งส่วนกับห้องนั่งเล่น เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกัน ใช้เครื่องปรับอากาศชุดเดียวภายในห้องได้ ในห้องตัวอย่างจะตั้งเตียงชิดผนังเพื่อเพิ่มพื้นที่ภายในห้องให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งพื้นที่ห้องนอนของห้องนี้ มีตู้เสื้อผ้ามาให้ที่ปลายเตียงด้วยครับ

เตียงที่ได้มานั้นมีพื้นที่เก็บของด้านล่างด้วยครับ ถือว่าออกแบบมาให้ใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าจริงๆครับ

อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่า พื้นที่ห้องนอนไม่ได้มีการแบ่งสัดส่วนกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นชัดเจน เป็นส่วนเชื่อมต่อกัน เหมาะสำหรับผู้ทีชอบใช้ชีวิตทำงาน นั่งเล่นนอนเล่นสลับกันไปในห้องทั้งส่วนของเตียงและโซฟาสลับกันไป การไม่มีฉากกั้นห้องทำให้ห้องดูโล่ง และแสงเข้าถึงส่วนต่างๆภายในห้องได้ดี แต่ก็ต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวของพื้นที่ในแต่ละส่วนครับ

พื้นที่ปลายเตียงเหลือสำหรับยืนเปิดตู้เสื้อผ้า เลือกชุดได้ครับ ส่วนบริเวณข้างตู้เสื้อผ้า ยังมีพื้นที่เหลือสำหรับวางโต๊ะ หรือตู้เพิ่มได้ด้วยเช่นกัน

ในห้องตัวอย่างวางเตียงชิดผนัง เว้นไว้เพียงแนวรางม่านสำหรับเปิดปิด ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องเพิ่มมากยิ่งขึ้นครับ

ตัวห้องนอนชิดแนวหน้าต่าง ที่สามารรถเปิดรับลม หรือระบายอากาศได้ด้วย อีกทั้งยังเป็นช่องแสงหลักของห้อง ทำให้ห้องภายในนั้นสว่างตลอดทั้งวัน แทบไม่ต้องเปิดไฟในเวลากลางวันเลยล่ะครับ หน้าต่างเป็นกรอบบานอลูมิเนียม Anodized กระจกเขียวตัดแสงครับ

ตู้เสื้อผ้าที่โครงการให้มาด้วยนั้น เป็นหน้าบานกระจกฝั่งเดียว ขนาด 115 x 60 เซนติเมตร ข้อดีของตู้คือหน้าบานเป็นบานเลื่อน ทำให้ประหยัดพื้นที่วงเปิดหน้าบานตู้เสื้อผ้าได้เป็นอย่างดี ภายในตู้มีราวแขวนเสื้อ ด้านล่างเป็นช่องใส่ของครับ

มีที่จับให้ถนัดมือทีเดียว หน้าบานมีฝั่งหนึ่งเป็นกระจก อีกฝั่งเป็นไม้เมลามีน

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight ให้ 3 ดวง อีกทั้งยังมีเครื่องปรับอากาศ Daikin ขนาด 18,000 btu. ให้ด้วยครับ

มาที่ส่วนกลางห้องครับ เป็นส่วนเชื่อมต่อไปยังห้องน้ำและห้องครัว ซึ่งห้องน้ำจะมีตำแหน่งอยู่บริเวณกลางห้อง เข้าถึงได้ง่ายจากทุกส่วน ส่วนห้องครัวมีตำแหน่งอยู่หลังผนังที่กั้นห้องนอนครับบริเวณนี้ มีพื้นที่ว่างสำหรับวางโต๊ะหรือตู้เพิ่ม ถือว่ามีขนาดกว้างพอสมควรครับ ไปดูกันที่ส่วนห้องน้ำกันก่อนนะครับ

ห้องน้ำของห้องนี้ถูกจัดวางในลักษณะมาตรฐาน มีการแบ่งส่วนแห้งส่วนเปียกชัดเจน พื้นกับผนังเป็นกระเบื้องเซรามิก ภายในห้องน้ำมีระดับพื้นถึงฝ้า 2.4 เมตร อ่างล้างหน้าเป็นแบบแขวนลอยไม่มีเคาน์เตอร์ด้านล่าง ส่วนฉากกั้นอาบน้ำทางโครงการจะไม่ได้ให้มาด้วยนะครับ แต่เราสามารถติดตั้งเองเพิ่มได้

ภายในห้องน้ำจัดมาสามารถใช้งานได้สะดวกไม่อึดอัด มีการแบ่งพื้นที่ภายในเป็นสัดส่วน ทางเข้ามีธรณีประตูหินแกรนิตสูงขึ้นจากพื้นห้องน้ำ 5 ซม. ส่วนอาบน้ำยกขอบพื้นหินแกรนิตขึ้นมา 5 ซม. เช่นกัน เพื่อไม่ให้น้ำไหลย้อนกลับมายังส่วนอื่นๆ และเป็นการแบ่งโซนให้ชัดเจน

มีกระจกเงาติดผนังขนาดประมาณ 120 x 60 เซนติเมตร แขวนไว้บนอ่างล้างหน้า ให้ด้วยครับ

ตัวอ่างล้างหน้าเป็นอ่างเซรามิกของ American Standard ขนาดประมาณ 55 x 46 เซนติเมตร มีพื้นที่สำหรับวางสบู่และอุปกรณ์อาบน้ำครับ

โถสุขภัณฑ์เป็นของ American Standard เช่นเดียวกัน มีอุปกรณ์สายชำระและที่ใส่กระดาษชำระติดตั้งไว้ให้ในตำแหน่งที่เหมาะสมพร้อมใช้งาน ที่พื้นมีจุดระบายน้ำอยู่บริเวณหลังโถสุขภัณฑ์

อุปกรณ์สายชำระขนาดพอดีใช้งานง่ายและที่ใส่กระดาษชำระเป็นแบบไม่มีที่กันน้ำมาให้ อาจจะต้องระวังเปียกนิดนึงครับ ทั้งคู่ติดตั้งมาให้ในตำแหน่งที่เหมาะสม พร้อมใช้งานครับ

ส่วนพื้นที่อาบน้ำ ไม่ได้ให้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้ แต่สามารถติดตั้งเองได้นะครับ โดยมีขอบสูง 5 เซนติเมตร เป็นตัวกั้นพื้นที่สำหรับส่วนอาบน้ำ

พื้นที่อาบน้ำภายใน 0.9 x 1 เมตร เนื่องจากเป็นแนวเสา ซึ่งจะไม่ได้มีรูปทรงเป็น 4 เหลี่ยม ภายในจะมีช่องเข้าไปอีกด้วย เป็นทั้งจุดระบายน้ำ และมีช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำด้วยครับ

ผนังมีช่องใส่อุปกรณ์อาบน้ำ 0.4 x 0.6 เมตร พร้อมอุปกรณ์อาบน้ำแบบ Hand Shower จาก American Standard สามารถปรับระดับความสูง และปรับรูปแบบการไหลของน้ำได้

ฝักบัว Hand Shower สีแสตนเลส มีขนาดกระทัดรัด จับพอดีมือครับ

ด้านบนมี Junction box เตรียมไว้ให้สำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นด้วยครับ

ที่ผนังทางเข้าห้องน้ำมีราวแสตนเลสสำหรับแขวนผ้าเช็ดตัวและเสื้อผ้าต่างๆ ติดตั้งไว้ให้ พร้อมใช้งานครับ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี มีไฟ Downlight ให้ 2 ดวง พร้อมพัดลมระบายอากาศ

พื้นที่ส่วนต่อมาคือส่วนห้องครัวของห้องครับ ห้องครัวมีเคาน์เตอร์ครัวที่ออกแบบให้วางเครื่องซักผ้าได้มาให้ด้วย เป็นครัวเปิด ไม่ได้มีฉากกั้นพื้นที่ ทำให้การทำอาหารอาจจะต้องระวังเรื่องกลิ่นและควันจะเข้าไปรบกวนห้องส่วนอื่น แต่มีข้อดีที่อยู่ติดระเบียง ทำให้สามารถระบายอากาศได้ง่าย ส่วนพื้นเป็น Vinyl Floor เหมือนกับส่วนห้องนั่งเล่นและห้องนอน ไปดูรายละเอียดภายในกันครับ

พื้นที่ภายในถือว่ากว้างใช้ได้เลย เนื่องจากไม่ได้มีส่วนพื้นที่รับประทานอาหาร เลยทำให้ยืนทำครัวได้อย่างสบาย ด้วยขนาดพื้นที่ประมาณ 2.20 x 0.95 เมตร จากผนังถึงหน้าเคาน์เตอร์ครัว และจากผนังถึงประตูระเบียง พร้อมช่องสำหรับวางตู้เย็นเว้นไว้ให้ครับ ด้วยขนาดประมาณ 70 x 85 เซนติเมตร เคาน์เตอร์เป็นลามิเนต หน้าบานตู้ต่างๆเป็นไม้เมลามีน

ชั้นวางด้านบนเป็นบานไม้เมลามีนทั้งหมด สำหรับวางอุปกรณ์ทำครัว ต่างๆ แถมยังเว้นช่องไว้ให้สำหรับวางเตาอบและไมโครเวปให้ด้วย ภายในมีปลั้กไฟเตรียมไว้ให้ครับ

บานพับตู้ทั้งหมดจะติด Soft close เพื่อเวลาเปิด-ปิดใช้งานไม่เกิดเสียงดังลดการกระแทก สามารถกดเปิดหน้าบานได้สะดวกไม่ต้องมีที่จับ ดูเรียบเสมอกัน สวยงามและง่ายต่อการใช้งานครับ

ส่วนเคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยลามิเนต ผนังด้านหลังเป็นกระเบื้อง ง่ายต่อการทำความสะอาด ประกอบไปด้วย อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า 2 หัว พร้อมเครื่องดูดอากาศ พื้นที่บนเคาน์เตอร์มีส่วนเตรียมอาหารไว้ให้ประมาณ 50 เซนติเมตร ระหว่าง อ่างล้างจาน กับตัวเตาไฟฟ้า ถือว่าสะดวกทีเดียวครับ

อ่างล้างจานจาก MEX มีขนาด 50 x 50 เซนติเมตร แบบหลุมเดี่ยวขนาดค่อนข้างใหญ่ครับ จุจานได้ระดับนึงเลย

เตาไฟฟ้า 2 หัว พร้อมกับเครื่องดูดอากาศ ของ MEX ซึ่งเป็นเครื่องดูดอากาศแบบหมุนวนภายใน แต่ส่วนครัวจะติดระเบียงช่วยในการระบายอากาศได้ดี

ด้านล่างมีพื้นที่ใต้อ่างล้างจาน สำหรับเก็บท่อของอ่าง มีพื้นที่สามารถเก็บของได้ ส่วนช่วงกลางเป็นลิ้นชักสำหรับเก็บอุปกรณ์ทานอาหาร ช้อนส้อมต่างๆ ชั้นล่างเป็นบานเปิดเก็บของได้ครับ ส่วนขวาสุดเป็นช่องที่ถูกออกแบบไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าแบบเปิดด้านหน้า ขนาดประมาณ 60 เซนติเมตร

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี มีไฟ Downlight ให้ 1 ดวงครับ

ซึ่งที่ริมห้องมีส่วนประตูกระจกติดไว้ให้สามารถออกไปที่ระเบียงได้ กรอบบานอลูมิเนียม Anodized กระจกเขียวตัดแสง กว้าง 0.85 เมตร

ตัวประตูออกไประเบียงเป็นประตูอลูมิเนียม anodized กระจกเขียวตัดแสง เป็นบานเลื่อนด้านเดียวชิดรวมไปทางซ้ายมือ มีรางอลูมิเนียมและตัวล็อคประตูบานเลื่อนให้เรียบร้อยครับ

ทางออกไประเบียงจะมีขอบสูง 13 เซนติเมตร แบ่งส่วนภายนอกและภายใน ภายนอกระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก มีขนาดพื้นที่ประมาณ 1.75 x 0.95 m. ส่วนราวระเบียงสูง 1.1 m. จากพื้นครับ

พื้นที่ระเบียงมีขนาดไม่ใหญ่มาก จึงใช้วิธี แขวน Condensing Unit ไว้ด้านบนแทน พื้นที่ด้านล่างสามารถเก็บของได้ แต่อาจจะต้องระวังเรื่องแดดและฝนด้วยครับ มีแนวระแนงปิด Condesing Unit ไว้ให้ ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี มี Downlight ให้ 1 ดวง

ปลั้กไฟและสวิทซ์ทั้งหมดของห้องนี้เป็นของ Bticino ครับ

มาดูห้องแบบ 1 Bedroom อีกห้อง ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีพื้นที่ 30.5 ตร.ม. จัดมาให้แบบ Fully Furnished อีกเช่นกัน พื้นห้องปูด้วยพื้น Vinyl Floor พื้นไวนิลผสมใยหินเช่นเดิม ผนังและฝ้าเป็นแบบฉาบเรียบทาสี ส่วนผนังมีบัวมาให้ด้วยประมาณ 10 เซนติเมตร ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.5 m. รูปร่างของห้องเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเกือบๆ จะจัตุรัส จัดพื้นที่การใช้งานภายในห้องหลักๆ เป็น 5 ส่วนเช่นเดิม ได้แก่ ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ, ห้องนอน, ห้องครัวและระเบียง จุดเด่นของห้องนี้คือมีการจัดพื้นที่การใช้งานในส่วนต่างๆไว้เป็นสัดส่วนค่อนข้างชัดเจน ทำให้ได้เรื่องของความเป็นส่วนตัวดีพอสมควรเลยครับ แต่ก็ยังสามารถได้รับแสงจากภายนอกอาคารในทุกส่วนของห้อง นับว่าออกแบบมาได้ลงตัวทีเดียวครับ เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับพื้นที่นั่งเล่น ที่เชื่อมต่อไปยังส่วนต่างๆ ของห้อง จัดพื้นที่ห้องนั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาขนาดกลาง 2-3 ที่นั่งได้ และมีส่วนแยกเข้าไป 3 ส่วนที่เหลือของห้อง โดยมีประตูกั้นแบ่งไว้ทั้งหมด คือส่วนครัวที่ติดกับระเบียง ห้องนอน และส่วนห้องน้ำ

ไปดูกันที่ส่วนของห้องนอนก่อนเลยนะครับ ประตูหน้าบานทึบเปิดเข้าภายในห้อง ที่ได้มาจะเป็นเตียงขนาด 5 ฟุต ติดผนังที่มีแนวหน้าต่างเปิดกว้างรับแสงธรรมชาติได้ค่อนข้างเยอะ ให้มาพร้อมตู้เสื้อผ้า ออกมาส่วนห้องน้ำจะมีลักษณะภายในเหมือนกับของห้องที่แล้วเลยครับ ทั้งขนาด ตำแหน่งและสุขภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งก็จะไม่ได้ฉากกั้นอาบน้ำมาเช่นกัน มาที่ส่วนสุดท้ายคือห้องครัวและระเบียง ซึ่งครัวของห้องนี้ได้มาเป็นแบบครัวปิดมีฉากกั้นมาให้ ภายในได้เคาน์เตอร์แบบเดิมกับห้องเมื่อสักครู่ แต่จะมีโต๊ะสำหรับรับประทานอาหารสองที่นั่งมาให้ด้วย เชื่อมต่อไปยังส่วนสุดท้ายคือระเบียง ด้วยหน้าต่างกระจกที่สามารถเปิดระบายอากาศและรับแสงทะลุเข้าไปได้ถึงห้องนั่งเล่นเลยครับ ทำให้ทั้งห้องยกเว้นส่วนของห้องน้ำ จะสามารถได้รับแสงสว่างจากภายนอกได้

เมื่อเข้ามาส่วนแรกที่พบคือส่วนห้องนั่งเล่นครับ ซึ่งจะมีพื้นเป็น Vinyl Floor คือพื้นไวนิลผสมใยหินที่ป้องกันน้ำ 100% และมีความต้านทานรอยขีดข่วนมากยิ่งขึ้น พื้นถึงฝ้ามีระยะ 2.5 เมตรโดยพื้นที่ห้องส่วนใหญ่ที่กว้างขึ้น เห็นจะเป็นพื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่น ที่เป็นตัวแจกไปยังส่วนต่างๆของห้อง ข้อดีหลักๆเลยของห้องนี้คือห้องที่มีการแบ่งพื้นที่ภายในแต่ละส่วนชัดเจน มีการแบ่งกั้นแต่ละส่วน ทำให้ห้องมีความเป็นส่วนตัว อีกทั้งแนวระเบียงยังตรงกับห้องนั่งเล่น แม้จะมีฉากกั้น แต่เป็นฉากกระจกใส ทำให้แสงธรรมยังจะสามารถทะลุเข้ามาสู่ภายในตัวห้องได้อีกด้วย ซึ่งภายในห้องนั่งเล่นนี้ก็มีเฟอร์นิเจอร์ให้มาครบตามในภาพเลยเช่นกันครับ

พื้นที่ห้องนั่งเล่นมีขนาดค่อนข้างกว้าง ให้มาพร้อมกับโซฟาขนาดประมาณ 2.25 x 80 เซนติเมตร เหมาะสำหรับนั่งได้ 2-3 คนเท่าเดิม แต่มีระยะทีวีเพิ่มมากขึ้น โต๊ะเล็กๆหน้าโซฟาในรูปไม่ได้ให้มาด้วยนะครับ พื้นที่โดยรอบยังมีเหลือ ซึ่งสามารถนำเก้าอี้ทานอาหารในห้องครัวออกมานั่งเสริมล้อมวงกันได้ในกรณีที่มีแขกเข้ามา

ทางโครงการมีชั้นวางทีวีขนาด 1.5 x 0.4 เมตร มาให้ด้วย เป็นแนวยาว Built-in มาให้เช่นเดียวกันกับห้องก่อนหน้านี้เลย ยกสูงจากพื้นง่ายต่อการทำความสะอาด มีลิ้นชักและช่องเก็บของให้ ถือว่าสะดวกเลยทีเดียว ติดกับส่วนแยกเข้าห้องน้ำ และห้องนอน ซึ่งบริเวณนี้สามารถติดทีวีแขวนผนังได้ จะทำให้มีพื้นที่ชั้นวางของมากยิ่งขึ้น เนื่องจากอยู่หน้าประตูห้อง อาจจะเป็นพื้นที่สำหรับวางกุญแจ หรือพวกของใช้ที่มักจะวางกันเวลาเข้าออกจากห้องได้ครับ

พื้นที่ระยะหน้ากว้างห้องรับแขกห้องนี้ถือว่ามีขนาดค่อนข้างกว้าง มีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 3.2 เมตร ซึ่งถือว่ากว้าง เหมาะแก่ขนาดทีวีประมาณ 45-50 นิ้วขึ้นไป ซึ่งชั้นวางทีวีสามารถวางทีวีขนาดใหญ่ได้ หรือในภาพชั้นทีวีเมื่อสักครู่ก็ได้เห็นแล้วว่าผนังหลังทีวีก็มีขนาดกว้างพอที่จะแขวนทีวีขนาดใหญ่ ได้สบายๆเลยครับ

ฝ้าเพานเป็นแบบฉาบเรียบพร้อมไฟ Downlight ให้ 2 ดวงครับ

มาถึงส่วนแยกไปยังห้องต่างๆ ส่วนห้องครัวจะเป็นประตูกระจกบานสไลด์กระจก ทำให้แสงจากระเบียงส่วงเข้ามาด้านในตัวห้องได้จากบานเลื่อนกระจกนี้ ส่วนห้องนอนและห้องน้ำเป็นประตูบานทึบแบบเปิดเข้าไปภายในห้อง เดี๋ยวเราไปดูส่วนห้องครัวและระเบียงกันก่อนละกันครับ

มาที่ส่วนเชื่อมต่อไปยังครัวและระเบียงอย่างที่บอกไปข้างบนเมื่อสักครู่ว่าเป็นประตูกระจกบานสไลด์แบบ 3 ตอน เข้าออกทางเดียว โดยจะมีขนาดตอนเปิดสุดแล้วกว้าง 1.2 เมตร มาพร้อมที่จับและรางที่พื้นติดตั้งไว้ให้พร้อมใช้งานกันเลย ซึ่งจะเดินเข้าออกก็ต้องระวังรางที่พื้นกันสักนิดนึงนะครับ เดี๋ยวจะสะดุดล้มกันได้ ผมเป็นห่วง

ที่บานประตูมีที่จับแบบ ใช้งานง่ายถือว่าสะดวกทีเดียว

เข้ามาที่ส่วนของห้องครัว พื้นห้องครัวจะถูกเปลี่ยนเป็นพื้นเซรามิกง่ายต่อการทำความสะอาด อีกทั้งยังเป็นครัวปิด ไม่ต้องกังวลเรื่องการประกอบอาหารแล้วกลิ่นและควันจะไปรบกวนส่วนอื่นๆในห้อง นอกจากนั้นยังเป็นพื้นที่ส่วนเชื่อมไปยังระเบียง ทำให้สามารถระบายอากาศได้ง่ายอีกด้วย ภายในห้องครัวมีเคาน์เตอร์ครัวลักษณะเช่นเดียวกันกับห้องก่อนหน้านี้ มีการออกแบบให้วางเครื่องซักผ้าได้ อีกทั้งยังมีพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งทางโครงการก็ให้ชัดโต๊ะและเก้าอี้มาด้วยเช่นกัน

พื้นที่ภายในค่อนข้างถือว่าสะดวกเลยครับ สามารถยืนทำอาหารไป พร้อมกับมีคนนั่งรับประทานอาหารได้ด้วย ซึ่งจะมีพื้นที่ภายในห้องครัว จากผนังถึงเคาน์เตอร์ครัวกว้างประมาณ 1.2 เมตร มีชุดโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 80×65 ซม. มาให้ ทำให้เหลือพื้นที่ทางเดินประมาณ 60 ซม. สามารถยืนทำครัวหรือล้างจานได้สบายๆ ซึ่งส่วนรับประทานอาหาร ยังสามารถนำเก้าอี้มาเสริม เป็นนั่ง 3 คนได้อีกด้วยครับ

ชั้นวางด้านบนเป็นบานไม้เมลามีนทั้งหมด สำหรับวางอุปกรณ์ทำครัว ต่างๆ แถมยังเว้นช่องไว้ให้สำหรับวางเตาอบและไมโครเวปให้ด้วย ภายในมีปลั้กไฟเตรียมไว้ให้พร้อมเลยครับ

ระดับกลางเคาน์เตอร์ปิดผิวด้วยลามิเนต ผนังด้านหลังเป็นกระเบื้อง ทำความสะอาดง่าย ชั้นเคาน์เตอร์ประกอบไปด้วย อ่างล้างจาน 1 หลุม เตาไฟฟ้า 2 หัว พร้อม เครื่องดูดอากาศ พื้นที่บนเคาน์เตอร์มีส่วนเตรียมอาหารไว้ให้ประมาณ 50 เซนติเมตร ระหว่าง อ่างล้างจาน กับตัวเตาไฟฟ้า ถือว่าสะดวกทีเดียวครับ

อ่างล้างจานแบบหลุมเดี่ยวขนาดค่อนข้างใหญ่ครับ 50 x 50 เซนติเมตร จุจานและชามได้ระดับนึงเลยจาก MEX ครับ

เตาไฟฟ้า 2 หัว พร้อมกับเครื่องดูดอากาศ ของ MEX ซึ่งเป็นเครื่องดูดอากาศแบบหมุนวนภายใน แต่ตั้งติดระเบียง อาจจะต้องใช้ระเบียงช่วยในการระบายอากาศ

ด้านล่างมีพื้นที่ใต้อ่างล้างจาน สำหรับเก็บท่อใต้อ่าง เอาไว้ซ่อมอ่างได้ พร้อมทั้งพื้นที่สามารถเก็บของได้อีกด้วย ส่วนชั้นกลางเป็นลิ้นชักสำหรับเก็บอุปกร์ทานอาหาร ช้อนส้อมต่างๆ ชั้นล่างเป็นบานเปิดเก็บของได้ครับ ส่วนขวาสุดเป็นช่องที่ถูกออกแบบไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าแบบเปิดด้านหน้า ขนาดประมาณ 60 เซนติเมตร

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight มาให้ 1 ดวง ครับ

ซึ่งที่ริมห้องมีส่วนประตูกระจกติดไว้ให้สามารถออกไปที่ระเบียงได้ กรอบบานอลูมิเนียม Anodized กระจกเขียวตัดแสง ขนาดประมาณ 0.85 เมตร เช่นเดียวกันกับห้องก่อนหน้านี้

ตัวประตูออกไประเบียงเป็นประตูอลูมิเนียม anodized กระจกเขียวตัดแสง เป็นบานเลื่อนด้านเดียวชิดรวมไปทางซ้ายมือ มีรางอลูมิเนียมและตัวล็อคประตูบานเลื่อนให้เรียบร้อยครับ

ที่กรอบประตูด้านล่างจะมีขอบสูง 13 เซนติเมตร แบ่งส่วนภายนอกและภายใน ภายนอกระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก มีขนาดพื้นที่ประมาณ 2.20 x 0.95 m. จะมีความยาวระเบียงมากกว่าห้องก่อนหน้านี้นะครับ แต่ต้องมีการแขวน Condensing unit ถึง 2 ตัว ทำให้พื้นที่การใช้งานระเบียงน้อยลง ส่วนราวระเบียงสูง 1.1 m. จากพื้นครับ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสีมีไฟ Downlight มาให้ 1 ดวง พร้อมแขวน Condensing unit 2 ตัว

กลับมาที่ส่วนห้องนั่งเล่น เพื่อไปดูส่วนอื่นๆกันต่อ ส่วนต่อไปเราไปดูห้องนอนกันครับ ลักษณะทางเข้าเป็นประตูบานทึบแบบเปิดเข้าไปภายในห้อง

ภายในห้องนอนมีขนาดถือว่าพอดีกับการอยู่ 1-2 คน โดยจะมีเฟอร์นิเจอร์ที่ได้มาด้วยคือเตียงขนาด 5 ฟุต ไม่รวมฟูก ซึ่งที่ส่วนด้านล่างก็มีชั้นเก็บของมาให้เช่นเดิมครับ พร้อมตู้เสื้อผ้า 1 ตู้ครับ ในห้องตัวอย่างนี้ดันเตียงชิดแนวผนัง ทำให้มีด้านขึ้นเตียงได้ 2 ทาง เพื่อเพิ่มพื้นที่บริเวณทางเข้าห้องซึ่งเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้าด้วยเช่นกัน แต่สำหรับบ้านไหนที่มีเด็กเล็กแนะนำว่าไม่ควรนำเตียงไปใกล้หน้าต่างนะครับ ค่อนข้างอันตราย ผมเป็นห่วง

ตัวห้องนอนชิดแนวหน้าต่าง เป็นกรอบบานอลูมิเนียม Anodized กระจกเขียวตัดแสง ที่สามารรถเปิดรับลม หรือระบายอากาศได้ดี ช่วยทำให้ห้องสว่างตอนกลางวัน สำหรับลูกบ้านท่านไหนที่ชอบใช้ชีวิตในห้องนอน ช่วงเวลากลางวันก็แทบที่จะไม่ต้องเปิดไฟกันเลยล่ะครับ

ปลายเตียงมีพื้นที่ให้เดินได้สบายๆครับ โดยมีระยะประมาณ 0.6 เมตร แถมผนังยังมีการเตรียมจุดปลั๊กไฟไว้ให้สำหรับติดตั้งทีวีแขวนผนังได้อีกด้วยครับ

ในห้องตัวอย่างวางเตียงชิดผนัง เว้นไว้เพียงแนวรางม่านสำหรับเปิดปิด ทำให้มีพื้นที่ภายในห้องเพิ่มมากยิ่งขึ้นครับ

พื้นที่ทางเข้าห้องมีค่อนข้างเยอะ เนื่องจากเตียงชิดติดผนัง ทำให้ตู้เสื้อผ้าที่จะได้ของห้องนี้เป็นแบบเปิด ซึ่งก็มีพื้นที่เพียงพอสำหรับยืนแต่งตัว ไม่อึดอัด อีกทั้งยังวางโต๊ะหัวเตียงได้อีกต่างหาก

ตู้เสื้อผ้าที่จะได้มานั้นมีขนาดประมาณ 115 x 60 เซนติเมตร ซึ่งจะเป็นบานไม้เมลามีนและบานกระจกอย่างละ 1 บาน มีที่จับเช่นเดียวกันกับของห้องก่อนหน้านี้ครับ เพียงแต่เป็นแบบบานเปิด ภายในมีช่องเก็บของ และราวแขวนเสื้อ ชั้นบนเป็นช่องสำหรับเก็บของขนาดใหญ่ เช่นกระเป๋าเดินทาง ผ้าห่ม หมอน เป็นต้นครับ

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสีครับ มีไฟ Downlight ให้ 2 ดวง พร้อมเครื่องปรับอากาศ daikin 18,000 btu.

มาดูที่ห้องน้ำจะเหมือนกับห้องน้ำของห้องก่อนหน้านี้ทั้งหมดเลยครับ คือมีการแบ่งส่วนแห้งส่วนเปียกชัดเจน พื้นกับผนังเป็นกระเบื้องเซรามิก ภายในห้องน้ำมีระดับพื้นถึงฝ้า 2.4 เมตร อ่างล้างหน้าเป็นแบบแขวนลอยไม่มีเคาน์เตอร์ด้านล่าง ส่วนฉากกั้นอาบน้ำทางโครงการจะไม่ได้ให้มาด้วยนะครับ แต่เราสามารถติดตั้งเองเพิ่มได้

ภายในห้องน้ำจัดมาสามารถใช้งานได้สะดวกไม่อึดอัด มีการแบ่งพื้นที่ภายในเป็นสัดส่วน ทางเข้ามีธรณีประตูหินแกรนิตสูงขึ้นจากพื้นห้องน้ำ 5 ซม. พื้นที่อาบน้ำยกขอบพื้นขึ้นมา 5 ซม. เช่นกัน เพื่อป้องกันน้ำไหลย้อนมาเปียกส่วนอื่นๆ

อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ สายชำระ และ ที่ใส่กระดาษชำระ เป็นของ American Standard  ทั้งหมด โดยจะมีขนาดและตำแหน่งเหมือนกับห้องก่อนหน้านี้ทั้งหมดเลยครับ

ส่วนพื้นที่อาบน้ำ ไม่ได้ให้ฉากกั้นอาบน้ำมาให้ แต่สามารถติดตั้งเองได้นะครับ โดยมีขอบสูง 5 เซนติเมตร

พื้นที่อาบน้ำภายใน 0.9 x 1 เมตร เนื่องจากเป็นแนวเสา ซึ่งจะไม่ได้มีรูปทรงเป็น 4 เหลี่ยม ภายในจะมีช่องเข้าไปอีกด้วย เป็นส่วนระบายน้ำ

ผนังมีช่องใส่อุปกรณ์อาบน้ำ 0.4 x 0.6 เมตร พร้อมอุปกรณ์อาบน้ำแบบ Hand Shower จาก American Standard สามารถปรับระดับความสูง และ ปรับรูปแบบการไหลของน้ำได้ พร้อมติดตั้ง Junction box มาให้สำหรับเครื่องทำน้ำอุ่น

ฝ้าเพดานเป็นแบบฉาบเรียบทาสี มีไฟ Downlight ให้ 2 ดวง พร้อมเครื่องดูดอากาศให้ครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 September 2018 

  • 1 Bedroom  เนื้อที่ 24.50 ตร.ม. ราคา 1.89 ล้านบาท หรือ 87,000 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • Shuttle Bus ไปกลับจุดรับส่งใกล้ BTS วุฒากาศ (ห่างประมาณ 150 เมตร)
  • จอง n/a บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล โครงการตั้งอยู่บนถนนราชพฤกษ์บริเวณใกล้ถนนวุฒากาศ ซึ่งถนนราชพฤกษ์เป็นถนนที่มีความยาวผ่านถนนสายสำคัญหลายสาย เดินทางเข้า-ออกเมืองสะดวก อยู่ในทำเลที่เข้าเมืองไม่ยาก หากมองในระยะใกล้ๆพื้นที่โครงการโดยรอบเป็นแหล่งชุมชนดั้งเดิม มีร้านค้า ของกิน ตลาด อยู่แล้ว นอกนั้นก็มีโรงพยาบาล โรงเรียน วัด รายล้อมอยู่ หากมองในภาพรวมจะเห็นความอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ใกล้ๆสำคัญๆหลายจุด เช่น ตลาดพูล เดอะมอลล์ท่าพระ บางหว้า ถนนราชพฤกษ์และถนนกัลปพฤกษ์ มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร Community mall ให้เลือกค่อนข้างเยอะ อีกทั้งในอนาคตจะมีเส้นทางรถไฟฟ้าที่มาเชื่อมต่อมากขึ้น เป็นตัวเลือกในการเดินทางได้

การเดินทางโดยใช้รถ  หากขับรถมาโครงการถ้ามาจากฝั่งถนนเพชรเกษมก็จะสามารถเข้าถนนราชพฤกษ์ โดยเลี้ยวซ้ายเข้าโครงการได้เลย แต่หากมาจากทางถนนรัดาภิเษก วิ่งตรงมาต้องวิ่งขึ้นทางยกระดับเพื่อวนกลับรถเข้าโครงการ จุดที่ต้องระวังคือตอนออกจากโครงการเพื่อเข้าสู่ถนนราชพฤกษ์ หากจะขึ้นสะพานยกระดับไปทางตลาดพลูเพื่อไปฝั่งสาทร จะไม่สามารถตัดเข้าเลนขวาได้ เนื่องจากมีระยะถนนช่วงนั้นค่อนข้างแคบ ขับปาดเข้าเลนขวาไม่ทันและไม่ค่อยปลอดภัยเพราะรถตรงนี้จะขับเร็วพอสมควร แนะนำให้ขับตรงชิดซ้ายไปวนกลับรถเพื่อไปขึ้นทางยกระดับวนกลับมาอีกรอบจะปลอดภัยกว่าครับ ส่วนพื้นที่อื่นๆโดยรอบมีเส้นทางเชื่อมต่อถนนสายสำคัญเยอะพอสมควร เช่น สามารถใช้ถนนเทิดไทไปยังตลาดพลู วงเวียนใหญ่ วุฒากาศ ซึ่งเป็นย่านการค้าเก่าแก่ชื่อดังของพื้นที่ ส่วนใครที่วิ่งออกเมืองไปทางนครปฐมใช้ถนนเพชรเกษมวิ่งตรงไปได้ง่ายเลยครับ โดยโครงการจัดที่จอดรถไว้ให้ประมาณ 42% ไม่รวมจอดซ้อนคัน

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ  โครงการอยู่ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีวุฒากาศ เพียง 470 เมตร โดยจะมีรถ Shuttle Bus รับส่งให้ แต่จะไม่ถึงตัวสถานี ต้องเดินข้ามถนนไปหน่อยอีกประมาณ 150 เมตร ซึ่งตัวสถานีวุฒากาศนั้นมีลักษณะไม่เหมือนสถานีรถไฟฟ้าส่วนใหญ่ คือจะมีจุดขึ้นลงเพียงฝั่งเดียวของถนน ซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามโครงการ จึงทำให้ต้องข้ามสะพานลอย หรือ ลอดใต้สะพานไปครับ สำหรับในอนาคตเส้นทางรถไฟฟ้าในพื้นที่โดยรอบจะมีจุด Interchange ของรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้ม และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ที่สถานีบางหว้า ห่างจากสถานีวุฒากาศเพียง 1 สถานีเท่านั้น ช่วยให้ใีตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มมากขึ้น

การออกแบบโครงการ ทางโครงการมีการแบ่งและกระจายจำนวน unit ออกไปในแต่ละอาคารกล้เคียงกัน ทำให้แต่ละอาคารไม่หนาแน่นจนเกินไป อาคาร A มีจำนวน 607 ยูนิต, อาคาร B 554 ยูนิต  การวางผังของอาคารมีลักษณะเป็นตัว L ตามพื้นที่ดิน ตัวโครงการมีทางเข้าทางเดียว แต่มี Drop off แยกเป็น 2 จุดให้ในแต่ละอาคาร พื้นที่จอดรถของโครงการก็อยู่ระหว่างสองอาคาร ทำให้สามารถเข้าถึงง่ายทั้งคู่ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางโดยออกแบบให้เป็นชั้น Facilities ของโครงการโดยเฉพาะทำให้สามารถเข้าถึงและใช้งานง่ายจากทั้งสองอาคาร พื้นที่ส่วนกลางมีแนวคิดการออกแบบสอดคล้องกันกับตัวอาคาร ทำให้ดูกลมกลืนทั้งส่วน Softscape Hardscape และ Facade ของอาคาร จากการวางผังอาคารรูปตัว L ทำให้อาคารไม่บังทัศนียภาพกันเองในแต่ละห้อง ไ้ด้รับทั้งวิวภายใน และภายนอกโครงการ โดยมีห้องพิเศษ (ห้องtwist) ที่ช่วยให้อาคารมีรูปด้านที่แปลกมากขึ้น อีกทั้งตัวห้องเองยังได้รับมุมมองที่พิเศษอีกด้วย

การออกแบบห้อง ภายในห้องตัวอย่าง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 24.5 ตร.ม. ความสูงจากพื้นถึงฝ้า 2.5 m. เป็นห้องไม่ใหญ่มากแต่จัดพื้นที่การใช้งานในส่วนต่างๆเป็นสัดส่วนชัดเจน มีการออกแบบเฟอร์นิเจอร์เพื่อให้ในงานได้ง่ายขึ้น ไม่กินพื้นที่ เช่น โต๊ะกินข้าวที่สามารถเก็บชิดโซฟาได้ เตียงมีชั้นเก็บ เป็นต้น เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่น ในสุดคือส่วนห้องนอน ริมผนังมีหน้าต่างรับแสงสว่างได้ทั้งห้อง มีพื้นที่ตู้เสื้อผ้าที่ปลายเตียง และมีผนังกั้นส่วนครัวกับตัวห้องนอน ส่วนครัวมีเคาน์เตอร์ที่ออกแบบให้วางเครื่องซักผ้ามาให้ด้วย เป็นครัวเปิด ไม่ได้มีฉากกั้นพื้นที่มาให้แต่อยู่ติดระเบียง ทำให้สามารถระบายอากาศได้ง่าย พื้นที่ระเบียงมีขนาดค่อนไม่ใหญ่มาก ส่วนห้องน้ำภายในมีการแยกสัดส่วนชัดเจน แต่ไม่ได้มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้

สำหรับห้องที่ 2  เป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดใหญ่ขึ้นมาที่ 30.5 ตร.ม. จุดเด่นของห้องนี้คือมีการจัดพื้นที่การใช้งานในส่วนต่างๆไว้เป็นสัดส่วนค่อนข้างชัดเจน ทำให้ได้เรื่องของความเป็นส่วนตัวดีพอสมควรเลยครับ แต่ก็ยังสามารถได้รับแสงธรรมชาติจากภายนอกได้ในทุกส่วนของห้อง โดยมีห้องนั่งเล่นเป็นตัวแบ่งไปส่วนต่างๆ ซึ่งในแต่ละส่วนมีประตูกั้นทั้งหมด พื้นที่ครัวมีฉากกั้นมาให้ ภายในมีพื้นที่รับประทานอาหาร ขนาดพื้นที่เพียงพอต่อการใช้งาน และติดมีระเบียงอีกด้วย ดังนั้นทำให้ได้รับแสงธรรมชาติ ทะลุเข้ามาจนถึงพื้นที่ห้องนั่งเล่นภายในได้เลย ส่วนห้องนอนเป็นห้องปิดที่ติดผนัง สามารถรับแสงธรรมชาติได้เช่นกัน ส่วนสุดท้ายเป็นห้องน้ำขนาดเท่ากันกับห้องแรก อยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงได้ง่ายจากทุกส่วน

วัสดุ ให้ครบตามมาตรฐานเหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละส่วน โครงการจัดมาแบบ Fully Furnished ประตูทางเข้าแบบก้านโยก บานHDF ห้องนั่งเล่นไ้ด้โซฟาและชั้นวางทีวี build in ติดผนังยกลอยจากพื้น ห้องครัวมีชุดครัว build in Top ครัวเป็น Laminates ผนังหลังเคาน์เตอร์ครัวเป็นกระเบื้อง หน้าบานต่างๆ เป็นไม้เมลามีน ได้อ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า เครื่องดูดอากาศ ของ MEX พื้นภายในส่วนนั่งเล่น ห้องนอน เป็น Vinyl Floor พื้นไวนิลผสมใยหิน  หน้าต่างและบานกั้นต่างๆเป็น อลูมิเนียม anodized กระจกเขียวตัดแสง ภายในห้องนอนให้เตียงขนาด 5 ฟุต ไม่รวมฟูกและตู้เสื้อผ้า ส่วนห้องน้ำให้สุขภัณฑ์ของ American Standard แยกส่วนแห้งและเปียกเป็นสัดส่วนดี แต่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้ มีขอบหินแกรนิตทั้งส่วนทางเข้าและขอบของส่วนอาบน้ำ

สาธารณูปโภค เป็นโครงการที่ต้องบอกเลยว่ามีจุดเด่นหลักๆอยู่ที่พื้นที่ส่วนกลาง โดยเฉพาะสระว่ายน้ำ ซึ่งมีถึง 3 ระดับ หลากหลายลักษณะการใช้งาน ไม่ว่าจะออกกำลังกายด้วยสระความยาว 70 เมตร หรือจะนั่งชมวิวที่ sky Jacuzzi หรือจะไปนั่งชิลในถ้ำน้ำตกที่ Jacuzzi Cave ก็มีให้เลือกหลากหลาย นอกจากนั้นยังมี Fitness Studio ที่ภายในมีพื้นที่ส่วนตัวให้ด้วย, Karaoke Room, Home Theatre, Tree House, Smart Locker, Hybrid Social Club, Co-Living Valley, Libratorium, Co-working Space, Starry Lounge พร้อม Shuttle Bus รับส่งใกล้ BTS วุฒากาศ พร้อม Drop Off แยกอาคาร 2 จุด Shop 3 ร้าน ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และ ลิฟต์ service 1 ตัว/อาคาร ถือว่าให้มาครบครันทีเดียวครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคา AVG 87,000 บาท/ตร.ม.,  20 September 2018

  • ทำเล 7.75/10 – ถือว่าอยู่ในตำแหน่งที่ง่ายต่อการเข้าเมือง และพื้นที่โดยรอบก็ยังมีแหล่งอุดมสมบูรณ์หลายจุด
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ติดถนนราชพฤกษ์ เชื่อมต่อถนนสายใหญ่ได้ง่าย แต่ขาออกเบี่ยงขึ้นทางยกระดับไม่ทัน ต้องไปอ้อมกลับไกลหน่อย
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ห่างจาก BTS วุฒากาศ 470 เมตร มีรถ Shuttle Bus รับส่ง ถือว่าสะดวก
  • วัสดุ 7.75/10 – มาตรฐานตามระดับ มีพื้นไวนิลผสมใยหิน มาพร้อม fully furnished
  • แบบ 7.75/10 – มีแนวคิดในการออกแบบชัดเจน พื้นที่ภายในห้องจัดอย่างลงตัว
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – จัดและออกแบบ facilities มาหลากหลายน่าใช้งาน น่าประทับใจ

  • MAIN CLASS
  • 7.75 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ ELIO สาทร-วุฒากาศ เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาคอนโดในย่านวุฒากาศติดถนนราชพฤกษ์ ชอบการใช้งานอาคารสูง พร้อม Facilities แบบจัดเต็ม เดินทางสะดวกทั้งรถยนต์และรถไฟฟ้า BTS ราคาไม่แรง จับต้องได้ง่าย มีงบประมาณ 1.89-4.5 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 13,500 – 35,000 บาท