รีวิวฉบับที่ 1937 …  หากจะหาทำเลที่ใกล้ทั้งทางด่วนและมีรถไฟฟ้าเป็นทางเลือกในการเดินทาง ” ซอยสุขุมวิท 50 ” นับว่าเป็นทำเลหนึ่งที่ตอบโจทย์และมีโครงการเปิดใหม่เกิดขึ้นเยอะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ โครงการ Define by Mayfair เป็นอีกหนึ่งคอนโดในซอยสุขุมวิท 50 ที่เอาใจคนอยากได้ห้องกว้าง เริ่มต้นที่ 1 Bedroom 34 ตร.ม. ไปจนถึงแบบ Duplex 121 ตร.ม. เป็นห้องพื้นที่ใช้สอยเยอะที่มาในราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท 

“โครงการ Define by Mayfair สุขุมวิท 50 เปิดตัวในช่วงต้นปี 2561 ซึ่งปัจจุบันมีการอัปเดตแบบแปลนของโครงการ ทางทีมงานจึงเข้าไปอัปเดตข้อมูลใหม่ทั้งหมดมาฝากกันค่ะ”

Fact @ 9 September 2019

  • DEFINE by Mayfair Sukhumvit 50 (ดีฟายน์ บาย เมแฟร์ สุขุมวิท 50)
  • PTF Realty Co.,LTD
  • UPPER-LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : คลองเตย
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร 190 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 16 ยูนิตที่อาคาร A
  • ที่จอดรถประมาณ 100 คันคิดเป็น 53%
  • ที่ดินประมาณ 1-3-27.3 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : มิ.ย. ปี 2562
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ธ.ค. ปี 2563
  • 1 Bedroom 33.7 – 40.4 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 50 – 82.65 ตร.ม.
  • Duplex 118.13 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร
  • ราคาห้อง 2.69-11.5 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 92,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 81,000 – 97,500 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : ผ่านแล้ว
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS อ่อนนุช ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS อ่อนนุช
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02 331 8999

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.701487, 100.594566

หรือสามารถ : คลิกที่นี่

โครงการ Define by Mayfair สุขุมวิท 50  ตั้งอยู่บริเวณกลางซอยสุขุมวิท 50 ก่อนถึงใต้ทางด่วนฯ จะมีเข้าซอยสวัสดี 4 อีก ประมาณ 300 m. และห่าง BTS อ่อนนุชประมาณ 1.2 km. เดินทางสะดวกเชื่อมต่อได้ทั้งสุขุมวิท ,พระราม 4 ,ทางรถไฟสายเก่าปากน้ำ ใกล้ทางด่วนฉลองรัช และ ทางด่วนเฉลิมมหานคร มี Shuttle Bus รับ-ส่ง BTS อ่อนนุช 

ส่วนสำนักงานขายกับที่ตั้งโครงการจริงๆ จะอยู่คนละที่กันนะคะ โดยสำนักงานขายจะอยู่กลางๆ ซอยสุขุมวิท 50 อยู่ที่ชั้น 1 ของคอนโด Mayfair Place ค่ะ เราปักพิกัดไว้ให้ สามารถคลิกที่นี่ได้เลย 

สำหรับที่ตั้งโครงการ Define by Mayfair สุขุมวิท 50 จะอยู่ในซอยสวัสดี 4 ที่แยกย่อยออกมาจากถนนสุขุมวิท 50 อีกที สำหรับซอยสุขุมวิท 50 เอง ความน่าสนใจคือเป็นซอยหลักที่หลายคนใช้ในการขึ้น-ลงทางด่วน รวมไปถึงลัดไปเข้าถนนทางรถไฟสายเก่า ซึ่งจะเป็นเชื่อมไปยังโซนโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ แถวปู่เจ้า-สำโรง

นอกจากนี้ก็ยังเป็นถนนที่เชื่อมกับถนนสุขุมวิท เส้นหลักที่วิ่งเข้า-ออกเมืองได้ และสุดท้ายคือหน้าปากซอยก็มีสถานีอ่อนนุชด้วย ทำให้เรามองว่าศักยภาพการเดินทางของสุขุมวิท 50 ค่อนข้างหลากหลายนะ ตอบโจทย์คนหลายกลุ่มดี ทั้งคนขับรถเน้นใช้ทางด่วน หรือคนที่ใช้รถไฟฟ้าก็ได้ ถึงระยะห่างจากโครงการจะลึกเกินที่จะเดินชิลๆ ได้ แต่ที่นี่มี Shuttle Service ให้ หรือใครรีบขี้เกียจรอก็เรียกวินมอเตอร์ไซค์ต่อไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ไม่ยากค่ะ 

มาพูดถึงตัวซอยสวัสดี 4 ที่ตั้งโครงการจริงๆ กัน ตัวซอยนี้น่าสนใจคือเป็นซอยย่อยอีกทีที่เชื่อมกับเข้าซอยสุขุมวิท 62 ได้ด้วย ซึ่งเรามองว่าตรงนี้หลายคนน่าจะชอบใช้เป็นทางลัดวิ่งไปทางบางจากแทนที่จะออกไปติดถนนสุขุมวิทในระยะไม่กี่กิโลเมตร ช่วงเวลาเร่งด่วนโซนนี้ต้องบอกว่าสาหัสเหมือนกันนะ

สภาพแวดล้อมเเละชุมชน อ่อนนุชเป็นเหมือนทำเลที่มีทุกอย่างพร้อม และอำนวยความสะดวกแก่การใช้ชีวิตในคอนโดมาก จึงมีโครงการใหม่ๆ ขึ้นมากมายหลายโครงการทั้งรอบๆ รถไฟฟ้าเองและถนนใกล้เคียง ด้วยความที่เป็นสุขุมวิทชั้นนอกเขยิบออกมาหน่อยค่าครองชีพต่างๆก็จะถูกตามลงมาอยู่ในราคาที่น่ารักต่อการใช้ชีวิต เช่น ร้านอาหาร ที่เที่ยว กินดื่มต่างๆ อาจจะบ้านๆ กว่า ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาเพราะว่าก็ยังถือว่าออกมาจากสุขุมวิทชั้นในเพียงสถานีเดียว (หลังจากข้ามคลองพระโขนง) ส่วนความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอยนั้นเรียกว่าสะดวกมากเดียว

สำหรับความอุดมสมบูรณ์นั้นอย่างที่บอกไปว่าย่านนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีคอนโดอยู่เยอะมากทำให้มีพวก Hypermarket และ Community Mall ทยอยมาเปิดกันอย่างคับคั่งมีทั้ง Tesco Lotus ที่อยู่ติด BTS อ่อนนุช, Big C Extra ในซอยอ่อนนุชรวมถึง ตลาดสดที่อยู่ตรงข้ามด้วย ส่วน Community mall จะมี 2 จุดที่ใกล้ๆคือ Phyll และ Century Movie Plaza  เป็นแหล่งทานข้าวดูหนังที่ใกล้โครงการที่สุด แบบที่ไม่ต้องนั่งรถไฟฟ้าไปต่อที่ไหนเลย

แต่ถ้านับจากที่ตั้งโครงการเราเอง.. การจับจ่ายซื้อของหลักๆ ก็คงจะหนีไม่พ้น Tesco Lotus ที่ตั้งอยู่หน้าปากซอยโครงการ ซึ่งเป็นห้างค่อนข้างใหญ่นอกจากจะมีในจับจ่ายซื้อของเหมือน Tesco Lotus ทั่วไปแล้ว บริเวณลานจอดรถในตอนเย็นๆ จะมีเต็นท์ร้านค้าขายเสื้อผ้าเปิดให้เดินช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้าในราคาย่อมเยา หากใครที่ชื่นชอบการทำอาหารเองก็จะมีตลาดสดอย่างตลาดอ่อนนุช และตลาดพระโขนงให้เลือกใช้บริการในระยะทางไม่ไกลมากนัก ประมาณ 2.5 – 3 กม.

ภาพบรรยากาศรถไฟฟ้า BTS สถานีอ่อนนุช ถ้าจะเข้ามาในซอยสุขุมวิท 50 ให้ออกทางออก 2 นะคะ

บรรยากาศห้างสรรพสินค้า Century The Movie Plaza ข้างในอาคารก็จะมีร้านอาหารมากมาย มีทั้งร้านกาแฟอย่าง Starbucks หรือชานมชื่อดังแบบ Koi The อีกทั้งยังมีโรงหนังอยู่ชั้นบน เอาใจคนรักหนังจริงๆ ถ้าคนไหนอยู่อาศัยเเถวนี้แล้วอยากดูหนังก็เรียกได้ว่าสามารถเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ มาส่งเเละดูหนังชิวๆได้เลยในวันเสาร์-อาทิตย์ หรือจะเเวะก่อนกลับบ้านก็สะดวกดีนะคะ คือเราไม่ต้องต่อรถไฟฟ้าไปสถานีอื่นเพื่อดูหนังอีกต่อไปค่ะ

ฝั่งตรงกันข้ามกับ Century The Movie Plaza จะมี Tesco Lotus อ่อนนุชตั้งอยู่ ซึ่งนอกจากจะเป็น Hyper Market ที่มีชื่อเสียงมีสินค้าทั้งของสด-ของใช้ให้เลือกซื้อกันเเล้ว ยังเป็นจุดที่มี Food Court ขนาดใหญ่ และร้านอาหารให้เเวะซื้อกินก่อนไปทำงานหรือก่อนกลับบ้านก็ได้ เป็นจุดที่มี Traffic หรือคนเข้า-ออกเยอะมากๆ อีกจุดนึงเลยนะคะ สำหรับคนที่ต้องการใช้รถไฟฟ้าเเวะไปทำธุระไม่นานมาก ก็สามารถขับรถมาจอดตรงนี้ได้ 3 ชม.ฟรีด้วย และข้างหน้า Tesco Lotus ก็จะมีป้ายรถเมล์ตั้งอยู่ เราก็สามารถนั่งเข้าเมืองได้ เช่นนั่งไปลงตรง Emporium เพื่อไปวิ่งที่สวนเบญฯ เป็นต้นค่ะ

ย่านอ่อนนุชถือเป็นโซนที่มีคอนโดมาขึ้นเยอะมากเรียกว่าถ้าคุณนั่งรถไฟฟ้ามาลง BTS อ่อนนุช เดินออกจากตัวสถานีก็จะเห็นคอนโดอยู่รอบๆตัวเต็มไปหมดเลย มีทั้ง High Rise และ Low Rise ซึ่งปัจจัยที่ทำให้คนมาอยู่แถวนี้กันเพราะราคายังพอคบหาได้ ในทำเลที่ห่างจากย่านอโศก พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย ไม่ไกล เดินทางได้สะดวก ต่างจากคอนโดที่อยู่อีกฝั่งของคลองพระโขนง(ฝั่งใกล้เมือง) ที่ราคาจะดีดขึ้นไปเป็นอีกระดับนึงเลย อีกปัจจัยที่ขาดไม่ได้เลยคือความอุดมสมบูรณ์ที่ทำให้รู้สึกว่าแถวนี้อยู่ง่ายมีร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆที่รองรับการอยู่อาศัยอย่างครบถ้วน

ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้เราจะเห็นโครงการขึ้นใหม่ในซอยสุขุมวิท 50 เยอะมาก ซึ่งทยอยสร้างเสร็จกันปีนี้เป็นส่วนใหญ่ ถ้าราคาคอนโดช่วงต้นซอยใกล้โลตัสในระยะเดินก็มีราคาต่อตารางเมตรเริ่มที่ 1 แสนต้นๆ แต่หากเขยิบเข้ามาในซอยแบบที่เกินระยะเดินสบาย 500 เมตรแล้ว ก็จะมีราคาลดหลั่นลงมาอยู่ประมาณ 9 หมื่นกว่าต่อตารางเมตรเป็นส่วนใหญ่

ซึ่งก็ถือว่า Trade off กันไปนะ เพราะคิดในแง่ที่เรามีงบตั้งต้นเท่ากัน ใครเลือกช่วงต้นซอยก็จะได้เปรียบเรื่องการเดินทางที่สะดวกมากกว่า ในขณะเดียวกันใครยอมขยับไปกลางๆ ซอยหน่อย ก็สามารถซื้อห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยได้มากกว่าเช่นเดียวกัน อันนี้แล้วแต่ว่าใครให้ความสำคัญกับแบบไหนมากกว่านะคะ

อีกหนึ่งข้อได้เปรียบที่สำคัญของซอยสุขุมวิท 50 นี้ นอกจากเข้าถึงรถไฟฟ้าสาธารณะเเล้ว การใช้รถยนต์ส่วนตัวนั้นถือว่าสะดวกระดับนึงเลย เนื่องจากซอยโครงการ (สุขุมวิท 50) นี้ มีทางขึ้น – ลงทางด่วนทั้ง 2 ทางด้วยกัน คือ เฉลิมมหานคร และฉลองรัช ทั้งคู่สามารถใช้งานได้โดยไม่ต้องไปผ่านถนนหลักที่รถติดอย่างสุขุมวิทเลย เราสามารถใชัทางด่วนฉลองรัชเพื่อเดินทางไปยังโซนลาดพร้าว-รามอินทราได้ หรือจะได้ทางด่วนเฉลิมมหานคร เดินทางไปโซนพระราม 3 ได้

สำหรับเส้นทางในวันนี้เราจะเริ่มต้นที่ปากซอยสุขุมวิท 50 หรือตรงโลตัส อ่อนนุชนะคะ เข้าซอยตรงมาอย่างเดียวเลย ระยะทางทั้งหมดประมาณ 1 กม. เริ่มต้นเข้าซอยมาประมาณ 600 เมตร ก็จะเจอกับ Sale office ทางขวามือในคอนโด Mayfair Place โครงการรุ่นพี่จาก PTF Realty ที่สร้างเสร็จและเปิดให้เข้าอยู่แล้วนั่นเอง ส่วนที่ตั้งโครงการจะต้องวิ่งตรงเข้าไปอีกและไปเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสวัสดี 4 เข้าซอยไปประมาณ 300 ม.  ไซต์โครงการจะอยู่ทางขวามือค่ะ

เริ่มต้นมาเราจะอยู่บนถนนสุขุมวิท 50 ค่ะ ซอยนี้เป็นซอยที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนทางรถไฟสายปากน้ำ เราก็วิ่งตรงไปเรื่อยๆก่อนค่ะ

ขับตรงมาเรื่อยๆ ไม่เลี้ยวไปไหนนะคะ ฝั่งขวาจะเห็นทางเเยกไปยังทางด่วนฉลองรัช หากวันไหนต้องการเดินทางไปยังพระราม 9 หรือรามอินทราก็เลือกใช้ทางด่วนนี้ได้สะดวกเลย 

เข้ามาในซอยอีกหน่อยสองข้างทางเราจะเริ่มเห็นโครงการประเภทคอนโดมิเนียมขึ้นกันอย่างหนาตา ซึ่งมีทั้งที่เพิ่งสร้างเสร็จ และแบบกำลังก่อสร้างอยู่ สื่อถึงศักยภาพของทำเลนี้ที่กำลังพัฒนาเเละได้รับความนิยมในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ค่ะ

ส่วนตัวเคยผ่านมาซอยนี้เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว สังเกตุได้ว่าในซอยนี้มีร้านอาหารและคาเฟ่เปิดใหม่เยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น ฝั่งซ้ายนี้มี Laff Cafe ซึ่งที่ผ่านมาคราวที่แล้วยังไม่เห็นมีนะคะ

ตรงมาอีกนิดผ่านร้าน ย.ยักษ์กินผัก ที่เอาใจสายรักสุขภาพ เป็นร้านอาหารคลีนค่ะ

พอเข้ามาช่วงกลางซอย เราจะเห็นความคึกคักของแหล่งที่อยู่อาศัย โดยจะมีทั้ง Condo และ Apartment ตั้งอยู่ริมถนนเต็มไปหมด ทำให้มีพวกร้านอาหารง่ายๆริมทาง มินิมาร์ทเปิดเพื่อมารองรับคนในพื้นที่นี้ด้วย สังเกตทางขวามือจะผ่านคอนโด Mayfair Place สุขุมวิท 50 ซึ่งสำนักงานขายและห้องตัวอย่างของ DEFINE by Mayfair สุขุมวิท 50 ก็จะอยู่ที่คอนโดนี้นะคะ เราจะผ่านตรงนี้ไปเพื่อพาไปชมที่ตั้งของโครงการกันก่อนแล้วค่อยพากลับมาชมห้องตัวอย่างนะคะ

ตรงมาอีกหน่อยก็เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสวัสดี 4 มีจุดสังเกตคือเป็นซอยที่อยู่เกือบถึงใต้ทางด่วนที่ตัดผ่านนะคะ

ซอยสวัสดี 4 เป็นซอยไม่กว้างมาก เดินรถแบบสวนกันไปกลับไม่มีไหล่ทาง เป็นซอยทะลุเชื่อมได้หลายซอยจึงจะเห็นมีรถวิ่งผ่านเข้าออกอยู่เสมอ

บรรยากาศก็จะดูเงียบสงบหน่อย ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย มีร้านค้าเล็กๆ บ้าง จากซอยนี้ก็จะมีซอยแยกย่อยไปอีก ทำให้ถนนเส้นนี้จะต้องรองรับกลุ่มผู้อยู่อาศัยละแวกนี้ เพื่อเดินทางเข้าสู่ซอยหลักอย่างซอยสุขุมวิท 50 หรือซอยสุขุมวิท 62 เวลาเร่งด่วนช่วงเช้าเย็นก็ต้องเผื่อเวลากันนิดนึง

เข้ามาในซอยประมาณ 300 ม. ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วค่ะ

ที่ตั้งโครงการคือแปลงหัวมุมที่ล้อมรั้วไว้เรียบร้อย อยู่ในช่วงกำลังก่อสร้างนะคะ

ด้านข้างโครงการฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือจะติดกับซอยย่อยเล็กๆ ซึ่งเป็นซอยตัน ส่วนฝั่งตรงข้ามซอยเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น

บรรยากาศฝั่งในซอยย่อยดูเงียบสงบ เนื่องจากเป็นซอยตันและพื้นที่รอบข้างส่วนใหญ่ก็เป็นบ้านพักอาศัย 1-3 ชั้นประมาณนี้

สุดเขตที่ดินด้านหลังของโครงการจะติดกับที่ดินเปล่า ซึ่งมีหน้ากว้างพอสมควรต้องรอดูว่าในอนาคตจะมีการพัฒนาที่ดินไปใช้ประโยชน์แบบไหนค่ะ

กลับมาที่หน้าโครงการฝั่งซอยสวัสดี 4 ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านพักอาศัย 1-3 ชั้น และถัดไปเป็นอาคาร 7 ชั้น ที่กำลังก่อสร้างอยู่

สำหรับด้านข้างโครงการอีกฝั่งหนึ่งบนซอยสวัสดี 4 จะติดกับโกดัง 2 ชั้นและถัดไปคืออาคาร 3 ชั้น ซึ่งจะไม่ได้บังวิวห้องพักในระยะประชิด เพราะทางโครงการออกแบบให้ห้องทางฝั่งนี้ หันเข้าหาสระว่ายน้ำด้านในโครงการแทน ซึ่งถือว่าเป็นการออกแบบเพื่อหลบมุมได้ดีค่ะ

<span style="color: #333333">**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ</span>

เพื่อให้เข้าใจบริบทโดยรอบโครงการจะนำภาพ Top View จากโดรน (Google Satellite) มาประกบร่างกับผังโครงการให้ดูง่ายต่อความเข้าใจ ว่าสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ มีอะไรบ้างนะคะ โดยหลักๆจะเป็นชุมชนอยู่อาศัยเดิมเก่าแก่อย่างที่บอก มีทั้งบ้าน 1-3 ชั้น เป็นโกดังบ้าง วิวส่วนใหญ่ค่อนข้างโล่งเพราะไม่มีอาคารมาบล็อควิวในระยะประชิด แต่ในระยะใกล้ที่ถัดออกไปหน่อยก็มีมาบังวิวในชั้นล่างๆ อยู่บ้าง ถ้าจะให้ชัวร์แนะนำให้เลือกห้องที่ชั้น 4 ขึ้นไปก็จะพ้นจากอาคารโดยรอบแล้ว สำหรับด้านที่ติดกับที่ดินเปล่าก็คงต้องรอดูว่าในอนาคตจะมีการพัฒนาที่ดินไปใช้ประโยชน์แบบไหนค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • 7-11 ~ 400 m.
  • Tesco Lotus อ่อนนุช ~ 1 km.
  • Phyll (คอมมูนิตี้มอลล์) ~ 1.1 km.
  • สำนักงานเขตพระโขนง~ 1.1 km.
  • สถานี BTS อ่อนนุช ~ 1.2 km.
  • Century The Movie Plaza Sukhumvit ~ 1.8 km.
  • มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ~ 2.5 km.
  • Big C Extra ~ 2.6 km.
  • ตลาดสดอ่อนนุช ~ 2.6  km.
  • Naiipa Art Complex ~ 2.6 km.
  • Habito Mall ~ 2.7 km.
  • Summer Hill (คอมมูนิตี้มอลล์) ~ 2.9 km.
  • โรงพยาบาล เทพธารินทร์ ~ 3.1 km.
  • W Market ~ 3.2 km.
  • ท่าเรือคลองเตย ~ 4.6 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

อัปเดตส่วนที่ทางโครงการปรับ มีอยู่ 2 ส่วนหลักๆ ดังนี้

  • ขนาดห้องพัก มีการปรับให้มีขนาดเริ่มต้นที่เล็กลง เริ่มต้นที่ 33.7 ตร.ม. ทำให้มีราคา Package ต่ำลง หยิบจับง่ายขึ้น
  • จำนวนที่จอดรถ มีจำนวนลดลงเล็กน้อย เหลือ 53% แต่ก็ยังถือว่าให้มามากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการระดับเดียวกันในทำเลนี้นะคะ


ส่วนใครที่ยังไม่เคยอ่านรีวิวฉบับก่อน เราก็มีรีวิวฉบับใหม่ของโครงการนี้ที่ปรับแบบเรียบร้อยแล้ว มาให้ดูเต็มๆ กันค่ะ

ภาพจำลองภายนอกโครงการ Define by Mayfair สุขุมวิท 50 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร สังเกตจากรูปเราจะเห็นว่าตัวอาคารเน้นการใช้ช่องเปิดเป็นบานหน้าต่างขนาดใหญ่แบบสูงจากพื้นถึงฝ้า ทำให้ภาพรวมอาคารออกมาในสไตล์โมเดิร์น โทนสีของอาคารเป็นสี Earth Tone ให้บรรยากาศที่ดูเรียบง่าย สบายๆ และเป็นดีไซน์แบบนี้คงไม่ตกยุคง่ายๆ

มาดูโมเดลกันต่อจะได้เห็นภาพกันชัดขึ้น..อาคารทั้ง 2 ถูกจัดวางให้โอบล้อม Facilities ส่วนกลางของโครงการ ซึ่งจะอยู่บริเวณชั้น 1 เกือบทั้งหมด ส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้น 8 ค่ะ

เนื่องจากที่ดินของโครงการเป็นแปลงหัวมุม จึงติดกับถนน 2 ฝั่ง อาคารฝั่งที่เห็นนี้คืออาคาร A วางตัวด้านแนวยาวขนาบกับซอยสวัสดี 4 ห้องพักด้านนี้จะหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งไม่มีอาคารบังวิวในระยะประชิดเพราะมีถนนกั้น จะมีแค่ไม่กี่ห้องบนชั้น 3 ที่โดนบังวิวด้วยบ้านพักอาศัย 3 ชั้นที่ฝั่งตรงข้ามอยู่นิดหน่อย ก็เป็นเรื่องปกติของคอนโดฯ Low Rise ที่ผู้อยู่อาศัยคงจะไม่ได้เน้นเรื่องวิวเป็นหลักอยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะคำนึงเรื่องของจำนวนยูนิตที่ได้ความสงบมากกว่าคอนโดฯ High Rise ค่ะ

อาคารด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จะหันหน้าเข้าหาซอยย่อยที่แยกจากซอยสวัสดี 4 อีกที ซึ่งซอยย่อยนี้เป็นซอยตันจึงค่อนข้างเงียบสงบ มีคนเข้าออกในซอยไม่มากนักจึงได้ความเป็นส่วนตัว ส่วนฝั่งตรงข้ามอาคารเป็นบ้านพักอาศัย 1-2 ชั้น ทำให้ห้องพักที่หันหน้าออกฝั่งนี้ ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจะได้วิวโล่งๆไม่มีอาคารบังแล้วค่ะ

อาคารด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ทิศนี้จะเป็นฝั่งของอาคาร B ที่วางตัวด้านยาวของอาคารไปตามรูปร่างของที่ดิน อาคารในด้านนี้เป็นด้านในสุดของโครงการ เป็นฝั่งที่ติดกับที่ดินเปล่าทำให้ปัจจุบันได้วิวโล่งๆ ไม่อึดอัด ซึ่งก็ต้องรอดูในอนาคตว่าแปลงที่ดินติดกันจะพัฒนาไปใช้ประโยชน์เป็นอะไร ส่วนที่ดีของทิศนี้เป็นทิศที่ได้ลมดีมากที่สุดแต่ก็แลกมากับแดดที่มาตรงๆ เช่นกัน

อาคารด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ จะหันหน้าเข้าหาอาคารโกดัง 2 ชั้น ซึ่งจะเห็นบรรยากาศในซอยสวัสดี 4 ที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัย 2-3 ชั้น ไม่มีอาคารสูงในระยะประชิดกับตัวตึก เพราะอาคารที่ติดๆ กับโครงการจะเป็นโกดัง 2 ชั้น ซึ่งบรรยากาศในซอยจะคึกคักดี เนื่องจากเป็นซอยทางลัดที่ไปเชื่อมกับซอยสุขุมวิท 62 ได้ พื้นที่ส่วนกลางจะอยู่ระหว่าง 2 อาคาร ซึ่งโครงการวางห้องพักให้หันหน้าเข้าสระว่ายน้ำส่วนกลางทั้งหมด ทำให้ไม่มีห้องพักที่จะหันหน้าออกมาเจอกับโกดัง 2 ชั้น ตรงๆ

ทางเข้าโครงการจะแยกออกเป็นทางเข้าคนเดินกับทางเข้ารถยนต์อย่างชัดเจนนะคะ สำหรับคนเดินจะมีทางเข้าที่อาคาร A ติดกับซอยสวัสดี 4 ทำให้เข้าถึงได้ง่าย บริเวณด้านหน้าโครงการนี้จะมี Drop-Off ให้มารับ-ส่งลูกบ้านได้สะดวก และมี Sharing Bicycle ที่ลูกบ้านสามารถขอยืมไปขี่เล่นออกกำลังกายหรือไปซื้อของในระยะใกล้ๆ ได้ สำหรับ Lobby ของโครงการจะเป็นแบบ Double Volume มีขนาดใหญ่เพราะรวมเป็นพื้นที่เดียวกันกับ Libraryและ Co-working Space บริเวณนี้แขกของลูกบ้านสามารถเข้ามานั่งคอย โดยไม่ต้องใช้ Key Card ผ่านเข้าออกได้ เพราะจะมีประตูบริเวณ Lift Lobby อีกชั้นหนึ่งที่จะเข้าได้เฉพาะลูกบ้านที่มี Key Card เท่านั้นค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศของ Lobby โครงการเป็นแบบ Double Floor (2 ชั้น ติดกัน) ทำให้เกิดความรู้สึกโปร่งโล่ง ผนัง 2 ด้านเป็นกระจกสูงทำให้แสงธรรมชาติสามารถผ่านเข้ามาในอาคารได้

ภายในบริเวณเดียวกันจะมีพื้นที่ของ Library/Co-working Space ที่ทางโครงการจัดชุดโต๊ะ และโซฟาไว้ให้สามารถมานั่งทำงานได้

สำหรับทางเข้า-ออกรถยนต์ จะต้องเข้าซอยย่อยที่แยกจากซอยสวัสดี 4 เข้ามา โดยทางเข้าออกจะอยู่ระหว่างอาคาร A และ B

เส้นทางเดินรถของโครงการก็เข้าใจไม่ยาก คือพอเข้ามาในโครงการแล้วหากจะจอดรถที่ชั้น 1 ของอาคาร A ก็เลี้ยวซ้าย ถ้าจะจอดที่อาคาร B ก็เลี้ยวขวา แต่หากที่จอดรถชั้น 1 เต็ม ก็จะมีชั้นจอดรถใต้ดินอีก 2 ชั้น ซึ่งจะมีทางขึ้น-ลงที่จอดรถชั้นใต้ดินอยู่ในอาคาร B ค่ะ

ต่อไปมาดู Facilities ของโครงการกันบ้าง โดยทางโครงการออกแบบให้มีตำแหน่งอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 อาคาร ซึ่งมีข้อดีที่ทำให้ห้องพักที่เลือกวิวภายในโครงการ จะได้รับวิวของพื้นที่ส่วนกลางนี้

มาดูรายละเอียดของ Facilities บริเวณนี้สระว่ายน้ำ ประกอบด้วยส่วนหลักๆ คือ Swimming Pool ที่ภายในมี Jacuzzi ให้มานวดตัวสบายๆ และมี Aqua Gym เป็นเครื่องออกกำลังกายในน้ำ ถือว่าดีนะคะ ได้ออกกำลังกายในหลายๆ รูปแบบ ติดกันมี Kid’s Pool แยกไว้ชัดเจนโดยจะวางไว้ในตำแหน่งที่ติดกับ Sunken Cabana จึงเป็นพื้นที่ที่ผู้ปกครองสามารถมานั่งคอยเด็กๆ เล่นน้ำได้สะดวก สำหรับพื้นที่นั่งเล่นริมสระก็มีการจัดวาง SunDeck ให้โดยรอบ นอกจากนี้ก็จะมีห้อง Fitness ที่อยู่ในอาคาร A เป็น Fitness 2 ชั้น จัดฟังก์ชันมาแบบเต็มๆ ทั้ง Yoga, Boxing, Trampoline และเครื่องออกกำลังกายค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำส่วนกลางของโครงการเป็นระบบเกลือมีขนาด 7 x 24 ม. ลึก 1.2 ม.ขนาดพอให้ออกกำลังกายได้ ด้านข้างจะแยกสระเด็กไว้ชัดเจนมีขนาด 6 x 4 ม. ลึก 40 ซม. บรรยากาศโดยรอบจะเน้นให้เกิดความร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และไม้พุ่มค่ะ

สระว่ายน้ำของโครงการเป็นระบบ Over Flow (ระบบน้ำล้น) จึงมีเสียงน้ำตกตลอดเวลา ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายได้ดี ส่วนที่เป็น Highlight ของสระนี้เห็นจะเป็น Aqua Gym ที่ทางโครงการตอบโจทย์ “เทรนด์รักสุขภาพ” ของคนในปัจจุบัน โดยทางวงการแพทย์มีการค้นพบว่า Aqua Fitness เป็นการออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพอย่างแท้จริง ด้วยความที่น้ำมีคุณสมบัติในการลอยตัว ฉะนั้นเมื่อออกกำลังกายในน้ำจึงช่วยรองรับน้ำหนักตัวและลดแรงกดที่ข้อต่างๆ ให้น้อยลงได้ ทั้งยังพยุงไม่ให้ล้มง่าย และช่วยให้การเคลื่อนไหวร่างกายทำได้ง่ายดายกว่าการออกกำลังกายบนบก จึงแทบจะไม่ก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บเลยค่ะ

สำหรับใครที่ไม่ชอบว่ายน้ำแบบหนักๆ ก็มี Jacuzzi ให้มานั่งนวดตัวได้สบายๆ บริเวณขอบสระด้านบนจัดไว้เป็น Poolside Sundeck สำหรับนั่งพักผ่อนแบบได้วิวสระ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Sunken Cabana คือการฝั่งที่นั่งลงไปในระดับเดียวกับสระว่ายน้ำ ช่วยเพิ่มบรรยากาศให้รู้สึกใกล้ชิดกับน้ำมากขึ้น

ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Fitness ชั้น 2 อยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองออกไปชมวิวบริเวณสระว่ายน้ำได้

ขึ้นมาที่ชั้นบนของอาคาร B จะมี Facilities ส่วนกลางอีกตำแหน่งหนึ่ง ที่จัดไว้เป็น Rooftop Plantation

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Rooftop Plantation เป็นพื้นที่สำหรับปลูกผักสวนครัวเล็กๆ และยังเป็นมุมนั่งเล่นพักผ่อนให้ลูกบ้านสามารถขึ้นมานั่งเล่น ชมวิวบนชั้นดาดฟ้าของอาคารได้

การออกแบบตึกจะมีลูกเล่นของระเบียงที่ยื่นออกมาจากอาคาร และจัดวางให้มีตำแหน่งที่เหลื่อมกัน เป็นการเปิดมุมมองบริเวณระเบียงให้รับวิวได้มากขึ้น

มาดูผังโครงการกันบ้าง เริ่มที่ผังชั้น 1 ของโครงการ Define by Mayfair สุขุมวิท 50 จะแยกทางเข้า-ออกเป็น 2 ทาง คือทางเข้า-ออกบริเวณหน้า Lobby โครงการที่ติดกับซอยสวัสดี 4 เป็นทางเข้าออกสำหรับคนเดิน ส่วนรถยนต์จะเข้าออกทางซอยย่อยที่แยกออกจากซอยสวัสดี 4 อีกที

ชั้น 1 ของอาคารพักอาศัยไม่มีห้องพักอาศัยนะคะ จะเป็นพื้นที่ของ Facilities ส่วนกลาง หลักๆคือเป็นที่จอดรถและเส้นทางเดินรถในอาคาร จากที่จอดรถก็จะมีทางเชื่อมมายัง Lobby ของแต่ละอาคาร แล้วจึงใช้ Key Card เพื่อเข้าไปยัง Lift Lobby อีกที ข้อแตกต่างของอาคาร A และ B คือ อาคาร A จะเป็นอาคารด้านหน้าที่จะใกล้ชิดกับความคึกคักบนถนนซอยสวัสดี 4 และใกล้กับ Lobby, Library, Co-working Space และ Fitness มากกว่า  ส่วนอาคาร B จะมีความสงบเป็นส่วนตัวมากกว่า แต่เวลาที่มีแขกมาหาบริเวณ Lobby หรือเวลาที่จะใช้งาน Library/Co-working Space และ Fitness ก็จะเดินไกลกว่าลูกบ้านที่อยู่อาคาร A นิดหน่อยค่ะ

ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไป เราจะค่อยๆดูไปทีละตึกนะคะ มาเริ่มที่ตึก A กันก่อน ชั้น 2 จะเริ่มเป็นส่วนของห้องพักอาศัย โดยมีห้องพักอาศัย 13 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom 10 ห้อง และห้อง 2 Bedroom 3 ห้อง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่เฉพาะห้องมุมของอาคาร การจัดวางทางเดินเป็นแบบ Double Corridor คือมีห้อง 2 ฝั่งทางเดิน ประตูห้องส่วนใหญ่จะเยื้องกันและอยู่ในตำแหน่งที่ดี มีแค่ห้องเดียวที่ประตูอยู่ตรงกับทางเดินนะคะ โถงลิฟต์มีตำแหน่งเดียวค่อนไปทางด้านหน้าของอาคาร ซึ่งในโถงจะมีลิฟต์ 2 ตัวนะคะ มีอัตราส่วนลิฟต์ของอาคาร A อยู่ที่ 53 : 1 ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ดี แชร์กันใช้งานได้อย่างสบายๆ ซึ่งปกติของอาคาร Low Rise ก็จะใช้ลิฟต์โดยสารเป็น Service Lift ด้วยเลยนะคะ พื้นที่บางส่วนบนชั้นนี้จะเป็น Facilities ได้แก่ ห้อง Fitness ซึ่งมีบันไดขึ้นมาจาก Fitness ชั้น 1 ทำให้ยังรักษาความเป็นส่วนตัวของห้องพักในชั้นนี้ไว้ได้ ไม่ต่างจากห้องพักในชั้นอื่นๆ ค่ะ

ต่อไปเป็นเรื่องของวิว ห้องพักของอาคาร A ในชั้นนี้จะเป็นห้องที่หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ ไม่มีอาคารบล็อควิวในระยะประชิด เพราะทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะมีถนนซอยกั้น ส่วนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็จะติดกับสระว่ายน้ำส่วนกลาง ซึ่งสำหรับชั้นนี้ห้องที่ได้วิวดีที่สุดก็คือห้องที่ได้วิวสระว่ายน้ำนี่แหละค่ะ ถือเป็นห้องที่มี Value พิเศษแต่ก็ต้องแลกมากับเสียงและสายตาของเพื่อนบ้านเวลาที่มาใช้งาน ที่คงจะส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง

มาต่อกันที่ ชั้น 3-8 ของตึก A ค่ะ ตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไปจะเป็นห้องพักอาศัยทั้งชั้น ผังโดยรวมเหมือนกับชั้น 2 เลย ต่างกันแค่จำนวนห้องพักอาศัยในชั้นนี้ที่เพิ่มขึ้นเป็น 16 ห้อง แบ่งเป็นห้อง 1 Bedroom 10 ห้อง และห้อง 2 Bedroom 5 ห้อง และห้อง Duplex 1 ห้อง เรื่องวิวก็จะคล้ายๆ กับชั้น 2 เช่นเดียวกัน แนะนำว่าถ้าอยากได้วิวโล่งๆ แบบไม่มีอาคารใกล้ๆ คอยกวนใจก็เลือกห้องตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไปจะได้วิวที่โล่งแล้วค่ะ

ส่วนการวางผังของอาคาร B จะเหมือนกันตั้งแต่ชั้น 2-8 เลย เป็นอาคารรูปตัว L มีห้องพักอาศัยในแต่ละชั้น 12 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom 8 ห้อง และห้อง 2 Bedroom 4 ห้อง อาคาร B จะมีโถงลิฟต์ตำแหน่งเดียวค่อนไปทางขวาของอาคาร แต่ด้วยขนาดของอาคารไม่ใหญ่นัก ทำให้ห้องพักที่อยู่ปลายสุดของอาคารก็สามารถเดินจาก Lift Lobby ได้ไม่ไกลค่ะ โดยอาคารนี้จะมีลิฟต์ 2 ตัวเช่นกัน อัตราส่วนลิฟต์ที่ดีอยู่ที่ 42 : 1 แชร์กันใช้สบายๆ อีกเช่นกัน

เรื่องวิวของอาคารนี้ ห้องพักแบบ 1 Bedroom จะหันออกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งติดกับที่ดินเปล่าทำให้ได้วิวโล่งๆอยู่ แต่ก็ต้องรอลุ้นว่าที่ดินเปล่าที่ติดกันจะถูกนำไปใช้ประโยชน์เป็นอะไรในอนาคตนะคะ สำหรับห้อง 2 Bedroom ทางโครงการวางผังออกมาให้หันเข้าด้านในโครงการ จึงเป็นห้องที่ได้วิวสระว่ายน้ำเกือบทั้งหมด ก็ขึ้นอยู่กับว่าชอบวิวสระระยะไหนค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • Library/Co-working Space ที่ชั้น 1
  • Sharing Bicycle
  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ที่ชั้น 1 ระบบเกลือ ขนาด 7 x 24 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • มีการแบ่งสระเด็ก ลึก 0.4 เมตร ขนาด 6 x 4 เมตร
  • Jacuzzi
  • Aqua Gym
  • Sunken Cabana
  • ห้องออกกำลังกาย ที่ 2 ชั้น ประกอบด้วย

  • เครื่องออกกำลังกาย
  • Yoga
  • Boxing
  • Trampoline

  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • Rooftop Plantation ที่ชั้นดาดฟ้า
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 47.5 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 53 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 42 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 108 คันคิดเป็น 53% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)
  • Wifi in Lobby and Facilities Area
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card
  • Shuttle Bus รับ-ส่ง จากโครงการถึงสถานี BTS อ่อนนุช

  • Product Walkthrough

    โครงการ DEFINE by Mayfair สุขุมวิท 50 มีจุดเด่นที่ออกแบบห้องพักให้มีขนาดใหญ่ โดยห้องพักเริ่มต้นที่ขนาดประมาณ 34 ตร.ม. ทำให้แต่ละยูนิตของโครงการนี้มีพื้นที่ใช้สอยเยอะทีเดียว เพราะโครงการส่วนใหญ่จะทำห้อง Type นี้ให้มีขนาดแค่ประมาณ 20 ปลายๆ ตร.ม. เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ทำให้ห้องของโครงการนี้จะมีฟังก์ชันเล็กๆ น้อยๆ ที่เพิ่มขึ้นมาจากห้องในโครงการที่เราเห็นทั่วๆ ไป และมีแบบให้เลือกไปจนถึงห้อง Duplex ขนาด 100 กว่าตารางเมตร เอาใจคนที่ตามหาห้องกว้างๆ หน่อย นอกจากนี้โครงสร้างอาคารเป็นแบบก่ออิฐทำให้สามารถ Combine ห้องได้ โดยจะขายห้องแบบ Fully Fitted และมีห้องให้เลือกอยู่ 3 ประเภท ดังนี้ค่ะ

    •  1 Bedroom 33.7-40.4 ตร.ม.
    • 2 Bedroom 50-82.7 ตร.ม.
    • Duplex 118.13 ตร.ม.

    ห้องตัวอย่างมีให้ชม 2 ห้อง เป็นห้อง 1 Bedroom ทั้ง 2 แบบ มีขนาด 33.7 ตร.ม. และ 39 ตร.ม. วันนี้จะพาไปชมห้องตัวอย่างทั้ง 2 แบบเลยค่ะ เราไปดูกันดีกว่าว่าภายในห้องนั้นจะมีบรรยากาศอย่างไร วัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาจะได้อะไรบ้าง

    ห้องแรกเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 33.7 ตารางเมตร รูปร่างของห้องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบ แบ่งพื้นที่ Living และห้องนอนประมาณอย่างละครึ่ง เมื่อเข้าสู่ตัวห้องจะเจอเคาน์เตอร์ครัวตัว L อยู่ทางซ้ายมือ ซึ่งทางโครงการตั้งใจให้เคาน์เตอร์นี้ใช้เป็นฟังก์ชันสำหรับนั่งทางอาหารได้ด้วย ลึกเข้าไปด้านในคือพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมกับระเบียงขนาดใหญ่ อีกฝั่งหนึ่งเป็นห้องนอนที่มีพื้นที่สำหรับวางเฟอร์ฯ ได้ครบ ทั้งเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง และมีตู้เสื้อผ้า ด้วย

    ส่วนห้องน้ำจะอยู่ตรงข้ามห้องครัวไม่ได้อยู่ในห้องนอนนะคะ ในกรณีที่มีเพื่อนๆหรือแขกมาหาก็สามารถเข้าห้องน้ำได้จากด้านนอก ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนเรา ภายในห้องน้ำจัดพื้นที่แยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน แต่ด้วยตำแหน่งที่อยู่ด้านในของอาคารจึงไม่มีช่องระบายอากาศ ทำให้ต้องพึ่งพาระบบของอาคารล้วนๆค่ะ

    เริ่มจากประตูหน้าห้องซึ่งทางห้องตัวอย่างไม่ได้ติดมาให้ดูแต่บานจริงที่ได้จะเป็นบานไม้ลามิเนตขนาด 2.2 x 0.9 ม. มีระบบ Digital Doorlock ติดตั้งให้ด้วย แต่จะได้ของยี่ห้ออะไรยังไม่คอนเฟิร์มมานะคะ 

    เข้ามาในห้องจะเจอกับบริเวณ Common Area ที่จัดฟังก์ชันไว้เชื่อมต่อกันทั้ง Pantry ครัวตัว L ที่เชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่น ด้านในสุดเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดเชื่อมไประเบียงด้านนอก ทำให้แสงธรรมชาติสามารถส่องผ่านเข้ามาในบริเวณนี้ได้ ช่วยให้บรรยากาศในห้องดูโปร่งโล่ง ห้องนี้สูง 2.50 เมตร พื้นเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อน ถือว่าดีกว่าโครงการระดับเดียวกันในละแวกนี้ที่มักจะให้เป็นพื้นลามิเนตนะคะ

    มาดูรายละเอียดทีละส่วนของห้องนะคะ เคาน์เตอร์ครัวจะได้มาเป็นครัวตัว L รวมกับโต๊ะทานอาหารแบบนี้เลย ข้อดีก็คือช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยของห้องไปได้มาก เฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะมีชุดครัวที่เว้นตำแหน่งสำหรับวางตู้เย็นไว้ให้

    ดูจากขนาดห้องที่ค่อนข้างกว้างทำให้พื้นที่ใช้สอยค่อนข้างลงตัว เพราะบริเวณโซนครัวจะมีพื้นที่ให้สามารถยืนทำครัวได้ และยังมีพื้นที่ให้เดินเข้าออกห้องได้สะดวกด้วยเช่นกัน

    ภาพรวมของเฟอร์นิเจอร์ Built-in ในส่วนครัวที่โครงการให้มา จะเหมือนในห้องตัวอย่างเลยนะคะ เรามาดูรายละเอียดทีละส่วนกันค่ะ

    ขนาดพื้นที่วางตู้เย็นที่เว้นไว้มีขนาดพอให้ใส่ตู้เย็นขนาด 8.7 คิว ได้ตามห้องตัวอย่าง พอเหมาะกับการใช้งานของคอนโดแบบห้อง 1 Bedroom ที่อยู่อาศัย 1-2 คนนะคะ

    เคาน์เตอร์ครัวด้านล่างมีตู้เก็บของเป็นตู้บานเปิดปิดและลิ้นชัก หน้าบานไม้ลามิเนต ไว้สำหรับเก็บช้อนส้อม เก็บจาน อีกตู้หนึ่งใต้ซิงค์ล้างจานเป็นตู้ไว้ใช้เก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้ แต่ใส่ของเต็มไม่ได้นะคะ เพราะต้องเว้นพื้นที่เผื่อซ่อมแซมอ่างล้างจานค่ะ

    มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง ให้พื้นที่มาเยอะ เพราะนอกจากจะมีช่องเคาน์เตอร์ตามแบบปกติแล้ว เวลาปรุงอาหารเรายังสามารถใช้พื้นที่ในส่วนที่ทานข้าว มาใช้ปรุงอาหาร วางเครื่องปรุงชั่วคราวได้ Top เคาน์เตอร์ได้เป็นหินสังเคราะห์ ซึ่งถือว่าเป็น Spec มาตรฐานของโครงการระดับนี้นะคะ

    ซิงค์ล้างจานและก๊อกน้ำให้ของ Teka มีขนาดพอให้ใช้งานได้สะดวก และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา จุดเด่นของชุดครัวโครงการนี้คือ จะได้เคาน์เตอร์ที่ซ่อนไฟมาให้ตามแบบในห้องตัวอย่าง โดยบริเวณไฟจะติด Sensor ไว้ เวลาใช้งานซิงค์ล้างจานไฟก็จะติดอัตโนมัติเลยค่ะ

    เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Teka จะใช้อุ่นอาหารเล็กๆ น้อยๆ หรือ ทำอาหารทานกันในห้องก็ได้ มาพร้อมเครื่องดูดควันของ Teka เช่นกัน โดยเครื่องดูดควันจะต่อท่อออกด้านนอก ทำให้ช่วยเรื่องกลิ่น ควันภายในห้องได้ดีกว่าระบบหมุนเวียน จึงเหมาะสมกับแบบห้องที่เป็นครัวเปิดแบบนี้ค่ะ

    ตู้ลอยสำหรับเก็บของด้านบนเป็นตู้บานเปิด 3 ตู้ และมีตู้แบบช่องโล่ง 1 ตู้ มีหลายขนาดและมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟให้ด้วยค่ะ

    โต๊ะทานอาหารที่ห้องตัวอย่าง จัดให้ดูแบบใช้เคาน์เตอร์ครัวเป็นโต๊ะไปเลย แต่ถ้าใครอยากจะนั่งทานข้าวแล้วดูทีวีไปด้วย ก็คงจะต้องหาโต๊ะเสริมมาเพิ่ม สำหรับนั่งทานบริเวณหน้าทีวีเลยนะคะ จริงๆ การนั่งกินข้าวแบบนี้เรามองว่าไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นะ เพราะไม่มีช่องให้เราสอดขาเข้าด้านในได้ แต่ถ้าจะใช้เป็นโต๊ะกินง่ายๆ ก็พอทำได้อยู่

    บริเวณที่ทานอาหารก็มี Sensor ไฟของเคาน์เตอร์ครัวติดตั้งไว้ให้อีกตำแหน่งหนึ่งด้วยค่ะ

    ในส่วนของใต้เคาน์เตอร์ครัว ทางโครงการได้ออกแบบมาให้เป็นชั้นเก็บของเล็กๆน้อยๆ เหมาะกับการพักอาศัยในคอนโดที่ต้องการใช้พื้นที่ให้คุ้มค่าค่ะ

    ถัดมาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่นมีความกว้างประมาณ 2.5 ม. จึงมีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 55 นิ้ว

    เฟอร์นิเจอร์ในส่วนนี้ทางโครงการไม่ได้แถมมาให้ เราสามารถดูไว้เป็นไอเดีย และเลือกตกแต่งตามสไตล์ที่ตัวเองชอบได้เลย

    ติดกับพื้นที่นั่งเล่นจะมีประตูกระจกบานเลื่อนสำหรับเปิดออกไประเบียง

    วงกบประตูเป็นอลูมิเนียมอบสีดำ ตัวล็อกฝังลงบนบานประตูตามแบบมาตรฐาน และบริเวณขอบประตูจะติดเส้นกำมะหยี่มาให้ เพื่อช่วยกันฝุ่นและเสียงที่จะเล็ดลอดเข้ามาในห้องค่ะ

    พื้นที่ระเบียงของห้องมีขนาดกว้างยาวประมาณ 2.5 x 0.88 ม. เป็นขนาดพื้นที่ที่พอใช้งานสำหรับวางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าได้ พื้นตรงนี้จะปูด้วยกระเบื้องเซรามิคเพื่อกันลื่น ส่วนราวกันตกเป็นราวเหล็ก Spec ตามมาตรฐานโครงการระดับนี้ค่ะ

    ขอบวงกบประตูจะถูกฝังอยู่ในระดับเดียวกับพื้นห้องทำให้ไม่ต้องระวังสะดุดเวลาเดินเข้าออก เห็นแบบนี้หลายคนอาจจะกลัวว่าเวลาที่ฝนตก น้ำฝนจะสาดเข้ามาไหม? ตอบว่าถ้าดูจากดีไซน์ของระเบียงแล้วไม่น่าจะสาดเข้ามาถึง เพราะระเบียงโครงการนี้มีความลึกมากว่าคอนโดฯ ปกติทั่วไป ทำให้ฝนน่าจะสาดเข้ามาไม่ถึง แต่อย่างไรก็ตามช่วงแรกๆ ที่เข้าอยู่ ก็ระวังไว้หน่อยก็ดีค่ะ

    ฝั่งหนึ่งของระเบียงเป็นตำแหน่งสำหรับวาง Condensing Unit แนะนำให้ติดตั้งแบบแขวนนะคะ เพื่อให้พื้นที่บริเวณระเบียงใช้งานได้เพิ่มขึ้น ซึ่งตำแหน่งนี้โครงการออกแบบราวเหล็กให้มีความสูงจากพื้นถึงฝ้า เพื่อให้เกิดความปลอดภัยเวลาที่ช่างมาซ่อมบำรุง และหากมองมาจากภายนอกอาคารก็ทำให้เกิดภาพลักษณ์ของตึกที่เรียบร้อยด้วยค่ะ

    ตามมาชมห้องน้ำและห้องนอนกันต่อนะคะ โดยตำแหน่งของห้องน้ำจะอยู่ด้านหน้าห้องตรงข้ามกับพื้นที่ครัว ติดกันจะเป็นห้องนอนค่ะ

    ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจนด้วยฉากกั้นอาบน้ำแบบกระจกนิรภัยและขอบธรณี ส่วนผนังและพื้นโดยรอบเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อนทั้งหมดตามแบบในห้องตัวอย่าง และติดตั้งวัสดุอุปกรณ์มาให้เรียบร้อย รวมถึงกระจกบานใหญ่ด้านหลังอ่างล้างมือก็จะได้มาตามแบบให้ห้องตัวอย่างเลยค่ะ

    อ่างล้างมือของ Mogen หรือเทียบเท่า มีขนาดกะทัดรัดพอให้ใช้งานได้ ด้านข้างของอ่างล้างมือมีพื้นที่ให้วางของใช้ได้เยอะดีนะคะ

    ส่วนด้านล่างอ่างล้างมือเป็นชั้นวางของขนาดไม่ใหญ่นัก แต่ก็พอจะวางของใช้ได้อีกนิดหน่อย

    โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบ 2 ชิ้นยี่ห้อ American Standard หรือเทียบเท่า มาเป็น Set กับที่แขวนกระดาษชำระและสายฉีดชำระยี่ห้อเดียวกันค่ะ

    พื้นที่อาบน้ำถูกกั้นด้วยฉากกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นบานสวิงเปิดปิด มีขนาดให้เดินเข้าออกได้สะดวกพอสมควร

    ทางโครงการเก็บรายละเอียดของขอบฉากกั้นอาบน้ำมาเรียบร้อย ด้วยการติดพลาสติกกันกระแทกตรงขอบประตูกระจก เพื่อช่วยป้องกันอุบัติเหตุ ด้านหลังประตูติด Door Stopper เพื่อกันฉากกั้นกระจกกระแทกไว้เรียบร้อย  และติดตั้งมือจับแบบที่สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวมาให้ด้วย

    ภายในพื้นที่อาบน้ำก็มีการติดตั้งอุปกรณ์อาบน้ำไว้เรียบร้อยเช่นเดียวกัน

    หน้าตาของฝักบัวที่ได้ของ American Standard นะคะ มีขนาดจับได้ถนัดมือดี

    พื้นที่อาบน้ำมีขนาดกว้างยาวประมาณ 0.8 x 1.3 เมตร เป็นขนาดมาตรฐานที่สามารถใช้งานได้สะดวก

    พื้นที่ที่จัดมาให้ภายในห้องนอนถือว่าใช้งานได้แบบสบายๆ ไม่อึดอัด สามารถตั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ได้ มีพื้นที่ด้านข้างเหลือให้วางตู้เสื้อผ้าวางโต๊ะเครื่องแป้งได้

    พอวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้สามารถเดินขึ้นเตียงได้โดยรอบ

    ภายในห้องนอนมีหน้าต่างบานใหญ่เต็มผนังแบบสูงจากพื้นถึงฝ้า เป็นบาน Fixed ผสม บานกระทุ้ง ทำให้สามารถรับแสงธรรมชาติได้มากและเปิดระบายอากาศได้ สำหรับใครที่อยากติดทีวีในห้องนอนเพิ่มแนะนำเป็นแบบแขวนจะช่วยประหยัดพื้นที่การใช้งานได้ดีค่ะ

    หน้าต่างบานบานกระทุ้ง เปิดได้ไม่กว้างมากเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย แต่ก็พอให้สามารถเปิดระบายอากาศในห้องได้

    มือจับได้มาตรฐานจับได้ถนัดมือดี

    พื้นที่ด้านข้างเตียงอีกฝั่งหนึ่งถ้าไม่ใช้วางโต๊ะหัวเตียงก็มีพื้นที่พอให้วางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือถ้าเป็นคุณผู้ชายก็อาจจะวางโต๊ะทำงานแทนได้ และถัดไปเป็นตู้เสื้อผ้าที่โครงการจะ Built-in มาให้เรียบร้อย ตามแบบในห้องตัวอย่าง

    เนื่องจากพื้นที่ใช้สอยในห้องค่อนข้างกว้างทำให้การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ค่อนข้างลงตัว จึงได้ตู้เสื้อผ้าที่ใหญ่เต็มผนังฝั่งหนึ่งเลยทีเดียว โดยโครงการให้มาเป็นตู้บานเลื่อน 3 ตอน หน้าบานของตู้จะเป็นบานทึบผสมกับกระจกสีชาดำแบบนี้ ช่วยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้นด้วยค่ะ

    ทางโครงการก็เก็บรายละเอียดของขอบประตูตู้ Built-in มาเรียบร้อย ด้วยการติดเส้นกำมะหยี่เพื่อช่วยกันกระแทกและยังกันฝุ่นเข้าตู้ด้วยนะคะ

    อีกอย่างที่ต้องขอชมเลยคือโครงการจะให้ฝ้าเพดานแบบมีเซาะร่องซ่อนไฟตามแบบในห้องตัวอย่างเลย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ให้เกินราคาของโครงการระดับนี้นะคะ

    ห้องถัดมาเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 39 ตารางเมตร ซึ่งแปลนโดยรวมจะคล้ายกับห้องแรกเลย ต่างกันตรงพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นมานั้นทำให้ห้องนี้มีฟังก์ชันมากขึ้นอยู่ 2 ส่วน ส่วนแรกเลยคือมีตู้เก็บของที่โครงการ Built-in มาให้สำหรับวางเครื่องซักผ้าและเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ทำให้ห้องดูเป็นระเบียบเรียบร้อย และ ส่วนที่ 2 คือตู้เสื้อผ้าของห้อง Type นี้จะได้เป็นแบบ Walk-in Closet ซึ่งโครงการก็ Built-in มาให้เรียบร้อยอีกเช่นกัน

    เข้ามาในห้องจะเจอกับบริเวณ Common Area ที่จัดฟังก์ชันไว้เชื่อมต่อกันทั้ง Pantry ครัวตัว L ที่เชื่อมกับพื้นที่นั่งเล่น ด้านในสุดเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่เปิดเชื่อมไประเบียงด้านนอก ทำให้แสงธรรมชาติสามารถส่องผ่านเข้ามาในบริเวณนี้ได้

    ติดกับประตูทางเข้าห้องจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวตัว L ที่เว้นพื้นที่ไว้ให้วางตู้เย็น ตัววัสดุและอุปกรณ์ที่ให้จะเหมือนกับในห้องแบบแรก บริเวณครัวนี้จัดพื้นที่มาได้ดี คือมีพื้นที่ให้เข้าไปยืนทำอาหารที่แยกออกจากพื้นที่ทางเดินภายในห้อง ทำให้สามารถทำครัวได้สะดวกและเป็นสัดส่วน และชุดครัวมีซ่อนไฟและติด Sensor ไว้ให้เช่นเดียวกับห้องแบบแรกนะคะ

    โต๊ะทานอาหารในห้องตัวอย่างจัดวางไว้กับเคาน์เตอร์ครัว เป็น 2 ที่นั่งตามแบบในห้องตัวอย่าง

    พื้นที่ใช้สอยตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวเป็นตำแหน่งของห้องน้ำ และถัดไปจากห้องน้ำเป็นตู้เก็บของ ซึ่งทางโครงการ Built-in หน้าบานปิดไว้ให้เรียบร้อย

    ภายในห้องน้ำจะมีพื้นที่ใช้สอยพอๆ กับในห้องแรก แต่จะมีส่วนที่ต่างกันคือ มีชั้นวางของข้างโถสุขภัณฑ์เพิ่มขึ้นมาให้วางหนังสือ และของตกแต่งได้อีกเล็กน้อย

    ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกแห้งไว้เรียบร้อย พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ไว้ครบถ้วน  Spec เดียวกับห้องในแบบแรกเลยนะคะ

    สำหรับพื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.8 x 1.3 m. เป็นระยะที่สามารถใช้งานได้พอสมควร ไม่อึดอัดนักค่ะ

    มาต่อกันที่ตู้เก็บของ Built-in บริเวณหน้าห้องน้ำ ซึ่งการออกแบบให้มีบานประตูเปิดปิดนี่ดีมากนะคะ เพราะช่วยทำให้ห้องดูเรียบร้อยขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการจัดเก็บของใช้ในห้องให้ดูไม่รกสายตาได้ค่ะ สำหรับหน้าบานตู้ที่ให้มาจะเป็นบานกระจกสีชาตามแบบในห้องตัวอย่างเลยนะคะ

    ภายในตู้สามารถใส่เครื่องซักผ้าขนาด 8 kg. ได้ตามห้องตัวอย่าง และมีชั้นวางของด้านในให้ด้วย ใช้สำหรับเก็บกระเป๋าเดินทาง ผ้านวม อุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆ ทำให้ดูเรียบร้อยดีค่ะ

    ทางโครงการเก็บรายละเอียดของขอบประตูตู้ Built-in มาเรียบร้อยเช่นเดิม ด้วยการติดเส้นกำมะหยี่เพื่อช่วยกันกระแทกและยังกันฝุ่นเข้าตู้ไว้ให้นะคะ

    ผ่านเข้ามาด้านในห้องจะเป็นโซนนั่งเล่น มีพื้นที่พอให้วางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่ง เวลาพาเพื่อนๆมาพักผ่อนที่ห้องหลายคน โซฟาอาจจะไม่พอนะคะ ก็น่าจะหาเก้าอี้สตูลตัวเล็กๆ มาเพิ่มได้ ระยะดูทีวีของห้องนี้อยู่ที่ 2.5 ม. จึงมีขนาดทีวีที่เหมาะสมที่ 55 นิ้ว

    เฟอร์นิเจอร์ในส่วนนี้ทางโครงการไม่ได้แถมมาให้ เราสามารถดูไว้เป็นไอเดีย และเลือกตกแต่งตามสไตล์ที่ตัวเองชอบได้เลย ถัดไปด้านในเป็นพื้นที่ในส่วนของระเบียงห้องค่ะ

    เนื่องจากโครงการจัดตำแหน่งของเครื่องซักผ้าไว้ให้อยู่ด้านในห้องแล้ว ทำให้บริเวณระเบียงมีพื้นที่พอให้วางชุดโต๊ะสำหรับนั่งเล่น และวางราวตากผ้าได้ แนะนำให้วาง Condensing Unit เป็นแบบแขวนและหันด้านที่เป่าลมร้อนออกนอกอาคาร จะช่วยให้สามารถใช้งานพื้นที่ระเบียงได้จริงค่ะ

    กลับเข้ามาในห้องมาดูในส่วนของห้องนอน ซึ่งจะอยู่ติดกับพื้นที่นั่งเล่น

    ภายในห้องนอนมีขนาดกว้างพอสมควรทำให้สามารถวางเฟอร์นิเจอร์ได้ครบทั้งเตียงและโต๊ะเครื่องแป้ง แต่พื้นที่ปลายเตียงไม่มีพื้นที่เหลือให้วางชั้นวางทีวีนะคะ ถ้าจะติดทีวีในห้องนี้แนะนำให้ติดเป็นแบบแขวนค่ะ

    หน้าต่างของห้องนี้ก็จะได้เป็นหน้าต่างบานใหญ่เต็มผนังแบบสูงจากพื้นถึงฝ้าเช่นเดียวกับในห้องแรก ซึ่งเป็นบาน Fixed ผสม บานกระทุ้ง ทำให้สามารถรับแสงธรรมชาติได้มากและเปิดระบายอากาศได้

    ทางโครงการจัดตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in Closet ไว้ให้ที่อีกฝั่งหนึ่งของห้อง ซึ่งพื้นที่ที่ด้านข้างเตียงฝั่งนี้ ถ้าไม่วางโต๊ะหัวเตียงก็มีพื้นที่พอให้วางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือถ้าเป็นคุณผู้ชายก็อาจจะวางโต๊ะทำงานแทนได้

    ตู้เสื้อผ้าแบบ Walk-in Closet ที่ให้มาก็จะมีหน้าตาตามแบบในห้องตัวอย่าง เป็นตู้บานเลื่อน 2 บาน หน้าบานของตู้จะเป็นบานทึบผสมกับกระจกสีชาดำแบบนี้ ช่วยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งขึ้น ภายในแบ่งเป็นชั้นย่อยๆ ไว้หลายขนาด มีทั้งแบบราวแขวน ตู้ช่องโล่ง และตู้ลิ้นชัก

    พื้นที่ยืนสำหรับเลือกเสื้อผ้ามีขนาด 0.9 x 1.6 ม. จึงสามารถใช้งานได้สะดวก

    มาดูแปลนห้อง 2 Bedrooms 1 Bathroom ขนาด 50 ตร.ม. กันอีกสักหน่อยนะคะ การจัดวางฟังก์ชันภายในห้องให้ความสำคัญกับห้องนั่งเล่น และห้องนอน ที่ถูกจัดวางในตำแหน่งที่ได้ช่องแสงทั้งหมด แล้วจึงวางห้องครัวและห้องน้ำไว้ภายในอาคาร การจัดวางแบบนี้มีข้อดีหลักๆ คือช่องแสงจะช่วยเพิ่มปริมาณแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามาในพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อนได้  บรรยากาศจึงดูโปร่งโล่ง ครัวที่ได้เป็นครัวเปิดจึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นทำครัวไทยหนักๆ มากนัก แต่เสียดายมีจุดที่ไม่ลงตัวอยู่นิดหน่อยตรงตำแหน่งของโต๊ะทานอาหารที่ชิดผนังหน้าห้องนอน ทำให้ไม่เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่น จึงไม่สามารถนั่งทานอาหารและดูทีวีไปพร้อมๆ กันได้

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 9 September 2019

    • 1 Bedroom 1 Bathroom ชั้น 2 ห้อง 205 เนื้อที่ 38.53 ตร.ม. ราคารวม 3.16 ล้านบาท หรือ 82,000 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom 1 Bathroom ชั้น 2 ห้อง 208 เนื้อที่ 33.46 ตร.ม. ราคารวม 2.69 ล้านบาท หรือ 80,395 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom 2 Bathroom ชั้น 3 ห้อง 312 เนื้อที่ 82.43 ตร.ม. ราคารวม 6.84 ล้านบาท หรือ 82,995 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom 1 Bathroom ชั้น 3 ห้อง 303 เนื้อที่ 51.54 ตร.ม. ราคารวม 4.33 ล้านบาท หรือ 84,000 บาท/ตร.ม.

    • รูปแบบการขาย Fully Fitted
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.50 เมตร
    • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
    • Hob & Hood / ของยี่ห้อง Teka
    • มีรถ Shuttle Bus ไปกลับ BTS อ่อนนุช
    • จอง 20,000 บาท
    • ทำสัญญา 3% 
    • ดาวน์ 7% ผ่อนดาวน์ 16 งวด
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล : โครงการอยู่ในย่านอ่อนนุช จัดเป็นย่านพักอาศัยที่ได้รับความนิยมทำเลหนึ่ง เพราะสามารถเดินทางเข้าเมืองต่อเนื่องไปในย่านสุขุมวิทได้สะดวก ในย่านนี้จึงมีทั้งคนที่อยู่กันแต่เดิมและกลุ่มคนที่พึ่งย้ายเข้ามาอยู่เกาะตามแนวรถไฟฟ้า BTS  ซึ่งที่พักอาศัยก็จะมีหลายหลากทั้งแนวราบและคอนโด สำหรับที่ตั้งโครงการ DEFINE by Mayfair สุขุมวิท 50 จะแยกเข้ามาจากถนนซอยสุขุมวิท 50 เข้าซอยสวัสดี 4 มาอีกประมาณ 300 ม. ซึ่งซอยนี้เป็นซอยลัดไปเชื่อมกับซอยสุขุมวิท 62 จึงเป็นซอยที่มีความคึกคักอยู่บ้าง ไม่เปลี่ยวเหมือนซอยตันนะคะ บริเวณที่ตั้งโครงการจะเป็นบ้านพักอาศัยเกือบทั้งหมด เป็นทำเลเงียบสงบและไม่มีอาคารสูงบดบังวิวในระยะประชิด สำหรับความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้เรียกว่าหาของกินของใช้ไม่ยาก แต่จะไม่ได้อยู่ในระยะเดินนะต้องใช้จักรยานหรือใช้รถต่อไปอีกทีหนึ่ง แหล่งจับจ่ายซื้อของหลักๆ ที่อยู่ใกล้ตัวโครงการก็คงจะเป็น Tesco Lotus ที่อยู่บริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 50 ติดรถไฟฟ้าสถานีอ่อนนุชค่ะ

    การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าสะดวกใช้ได้ เหมาะกับคนที่เดินทางโดยใช้ทางด่วนบ่อยๆ เพราะอยู่ใกล้ทางขึ้นลงทางด่วน ทั้งทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์และทางด่วนเฉลิมมหานคร เรียกได้ว่าเป็นซอยที่มีทางหนีทีไล่พอสมควร แต่เพราะยังมีพอเป็นทางลัดก็ทำให้ช่วงเวลาเร่งด่วน จะมีรถเยอะพอสมควร เราอาจจะต้องเผื่อเวลาการเดินทางหน่อย เนื่องจากเป็นซอยที่ลัดขึ้นทางด่วน ออกถนนรถไฟสายเก่าปากน้ำได้จึงทำให้ในซอยนี้ติดเกือบตลอดทั้งวัน 

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : จากที่ตั้งโครงการจะห่างจากสถานีรถไฟฟ้าอ่อนนุชประมาณ 1.2 กม. ซึ่งเกินระยะเดินสบายไปแล้ว หากใครอยากใช้รถไฟฟ้าก็สามารถเรียกพี่วินมอเตอร์ไซค์ได้ที่ราคา 15 บาท หรือใช้บริการ 2 แถวก็วิ่งผ่านหน้าโครงการเลยในราคา 10 บาท ถ้าจะมาต่อรถเมล์ก็มีป้ายรถเมล์บนถนนสุขุมวิท บริเวณหน้าโลตัสอ่อนนุชส่วนรถแท็กซี่ก็มีวิ่งผ่านหน้าโครงการบ้างเพราะเป็นซอยลัด แต่ถ้ารอนานก็คงต้องออกมาเรียกได้ที่ถนนสุขุมวิทอีกเช่นกัน

    จะเห็นว่าการเดินทางด้วยรถสาธารณะส่วนใหญ่ต้องมาอาศัยถนนสุขุมวิทเป็นหลัก ทางโครงการจึงจัดให้มี Shuttle Bus Service เพื่อรับส่งลูกบ้านไปกลับจากโครงการถึงโลตัสอ่อนนุช ทำให้สามารถไปต่อ BTS, รถเมล์, แท็กซี่ ได้สะดวก

    วัสดุ : โครงการขายแบบ Fully Fitted ซึ่งแตกต่างจากโครงการโดยรอบในทำเลเดียวกันที่ขายแบบ Fully Furnished กันเป็นส่วนใหญ่ จึงชดเชยด้วยการเลือกใช้วัสดุที่ดีกว่าโครงการอื่นๆ แทน ได้แก่ พื้นห้องที่ปูกระเบื้องตั้งแต่ห้องครัวถึงห้องนั่งเล่น จะมีแค่ภายในห้องนอนที่ปูด้วยไม้ลามิเนต หน้าต่างจะได้เป็นบานใหญ่แบบสูงจากพื้นถึงฝ้า ส่วนพวกเฟอร์นิเจอร์จะได้เฉพาะที่เป็น Built-in คือเคาน์เตอร์ครัว วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำของ American Standard และ Mogen ตู้เก็บของ Built-in สำหรับวางเครื่องซักผ้าและเก็บของใช้ได้ และตู้เสื้อผ้า แถมให้ฝ้าเพดานสูง 2.50 ม. ทำให้ห้องดูโปร่ง

    การออกแบบ : โครงการ DEFINE by Mayfair สุขุมวิท 50 เป็นคอนโด Low Rise 2 อาคาร ล้อม Facilities ที่อยู่ตรงกลาง ทำให้ทั้ง 2 อาคาร เข้าถึงพื้นที่ส่วนกลางได้ง่าย มีการออกแบบในสไตล์ Modern เน้นความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยด้วยจำนวนเพียง 190 ยูนิต แปลนแต่ละชั้นไม่หนาแน่นมีมีจำนวนยูนิตต่อชั้นสูงสุดที่ 16 ยูนิตต่อชั้น สำหรับแบบห้อง 1 Bedroom จะเป็นห้องไซส์ใหญ่ ทำให้มีฟังก์ชันที่เราไม่ค่อยเจอในห้อง 1 Bedroom อยู่ในห้องนี้ เช่น Walk-in Closet และส่วนที่ดีอีกอย่างหนึ่งของห้องในโครงการนี้คือ หน้าต่างที่จะได้เป็นบานใหญ่จากพื้นถึงฝ้าและระเบียงขนาดใหญ่ที่ใช้งานได้จริงค่ะ

    ส่วนการปรับแบบของโครงการก็มีข้อดีที่ทำให้ มีแบบห้องที่ขนาดเล็กลงเพิ่มขึ้นมา ทำให้มีราคา Package ที่หยิบจับง่ายขึ้น

    สาธารณูปโภค : ภายในโครงการมีให้เลือกใช้งานค่อนข้างหลากหลาย น่าใช้งาน โดยหลักๆเกือบทั้งหมดจะจัดไว้บริเวณตรงกลางของโครงการบริเวณชั้น 1 ได้แก่ Lobby, Library/Co-Working Space , สระว่ายน้ำ และ สระว่ายน้ำเด็ก , Jacuzzi , Aqua Gym, Fitness 2 ชั้นภายในจะมี Yoga, Boxing และ Trampoline ให้เล่นด้วย, ชั้นบนสุดมี Rooftop Plantation เป็นมุมทำสวนและชมวิวบนชั้นดาดฟ้าของโครงการ ส่วนที่จอดรถเป็นส่วนที่โครงการปรับลดลงมาจากเดิมเหลือ 53% แต่ก็ยังถือว่าจัดมาให้เยอะเมื่อเทียบกับโครงการระดับเดียวกันในย่านนี้ ลิฟต์โดยสาร 2 ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 47.5 : 1 เป็นสัดส่วนที่ดี แบ่งกันใช้งานได้สะดวกเลยทีเดียว

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 92,000 บาท/ตร.ม., 9 September 2019

    • ทำเล 7.5/10 – อยู่ในซอยสวัสดี 4 เป็นซอยทะลุจึงมีความคึกคัก มีรถผ่านตลอด ไม่ไกลแหล่งความอุดมสมบูรณ์บนถนนสุขุมวิท แต่ไม่ได้อยู่ในระยะเดินต้องต่อรถไปอีกที
    • เดินทางด้วยรถ 8.25/10 – ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน 2 ทางด่วน มีเส้นทางลัดไปออกถนนได้หลายสาย
    • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – ห่างจาก BTS อ่อนนุช 1.2 กม. มีรถสาธารณะผ่านโครงการทั้งวินมอเตอร์ไซค์และรถสองแถว และโครงการมี Shuttle Bus Service รับ-ส่งโลตัสอ่อนนุช
    • วัสดุ 8/10 – ขายแบบ Fully Fitted  ซึ่ง Trade-off กับการเลือกใช้วัสดุที่ดี ต่างจากโครงการโดยรอบที่มักจะให้มาเป็น Fully Furnished
    • แบบ 8.25/10 – ภาพรวมโครงการดูดี แบบห้องออกแบบมาให้มีขนาดใหญ่ ฟังก์ชันครบดี
    • สาธารณูปโภค 9/10 – มีให้เลือกหลากหลาย น่าใช้งาน เป็นส่วนตัวเพราะแชร์กับลูกบ้านจำนวนไม่มาก

    • UPPER CLASS
    • 7.91/ 10.00

    BOTTOM LINE

    โครงการ DEFINE by Mayfair สุขุมวิท 50 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดในย่านอ่อนนุช  ทำเลเงียบสงบไม่พลุกพล่านมากนัก เดินทางเข้าเมืองสะดวก ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า ทำเลชุมชนหาของกินของใช้ง่าย ต้องการห้องใหญ่ เน้นอยู่อาศัยเป็นส่วนตัว มี Facility ส่วนกลางให้ใช้เยอะ หลายฟังก์ชัน ชอบเลือกเฟอร์นิเจอร์เอง มีงบประมาณ 2 ล้านปลายๆ ขึ้นไปถึง 11 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 19,000 – 81,000 บาท/เดือน  ยังไงก็ลองพิจารณากันดูนะคะ


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving