รีวิวฉบับที่ 1795 … สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีคอนโด Circle REIN สุขุมวิท 12 มาฝากกัน โครงการนี้เป็น Low Rise สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ที่มีจำนวนยูนิตไม่มาก มีขนาดห้องให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ Studio ไปจนถึง 3 Bedroom ทำเลตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 12 ซึ่งเป็นซอยที่ใกล้กับ Terminal 21 และสี่แยกอโศก ใกล้ BTS อโศก ซึ่งเป็น interchange กับ MRT สุขุมวิท อาคารสร้างเสร็จเเล้วจะเป็นอย่างไร ตามไปชมกันเลยค่ะ

Fact @ 15 Jan 2019

  • Circle REIN Sukhumvit 12 (เซอร์เคิล ไรน์ สุขุมวิท 12)
  • บริษัท เฟรเกรนท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
  • LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ซอยสุขุมวิท 12 (ซอยสุขใจ) ถ.สุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 121 ยูนิต
  • ที่ดินประมาณ  1-0-28 ไร่
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 18 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 70 คันคิดเป็น 57.4%
    (1 Bedroom , 2 Bedroom ได้สิทธิ์จอดรถ 1 คัน, 3 Bedroom สิทธิ์จอดรถ 2 คัน)
  • เริ่มก่อสร้าง : January 2015 
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปัจจุบันสร้างเสร็จพร้อมอยู่
  • Studio ขนาด 30.44-30.48 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 44.03 – 46.01 ตร.ม. ราคาประมาณ 8.12 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 54.36 – 54.39 ตร.ม. ราคาประมาณ 9.65 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms ขนาด  66.76 – 108.47 ตร.ม. ราคาประมาณ  11.6 ล้านบาท
  • 3 Bedrooms ขนาด 120-155.37 ตร.ม. Sold Out
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท / หรือเฉลี่ยตร.ม.ละ 169,215 บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 180,000 บาท/ตร.ม. 
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 02 079 1354

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.735436, 100.557974

แผนที่จากโครงการ Circle REIN สุขุมวิท 12 ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 12 ซึ่งเป็นซอยตัน เข้ามาจากปากซอยประมาณ 315 เมตร โครงการจะอยู่ทางขวามือค่ะ

โครงการ Circle REIN สุขุมวิท 12 ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิทฝั่งเลขคู่ อยู่ระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนพระราม 4 ในแง่ของการเดินทางไปยังที่ต่างๆนั้น เส้นสุขุมวิทเมื่อออกจากซอยสุขุมวิท 12 จะเป็นถนนฝั่งขาเข้าเมือง ซึ่งใช้เดินทางไปยังสี่แยกปทุมวันหรือสยามสแควร์ได้ หรือถ้าเราใช้เส้นทางขาออกเมือง ก็จะพาเราไปยัง อ่อนนุช บางนา หรือสมุทรปราการได้เลย ถนนเส้นนี้เป็นถนนตรงๆ ไม่ซับซ้อนค่ะ หรือถ้าเราอยากเดินทางไปยัง พร้อมพงษ์ ทองหล่อ หรือ เอกมัย เราก็สามารถใช้ถนนสุขุมวิทฝั่งขาออกเมืองเพื่อเชื่อมต่อไปได้เลย โดยถนนสุขุมวิทนี้ก็จะเชื่อมต่อไปยังถนนอื่นๆอีกได้หลายเส้น เช่น ถนนอโศกมนตรี ที่จะพาเราไปยังพระราม 9 – รัชดาฯ หรือจะเลยไปยังถนนลาดพร้าวก็ได้ หรือจะใช้ถนนรัชดาฯ มุ่งหน้าไปพระราม 3 ก็จะผ่านแยกพระราม 4 และคลองเตยค่ะ และสำหรับใครที่ทำงานย่านสีลม สาทร เมื่อเราไปยังเส้นพระราม 4 แล้ว จะเดินทางต่อไปทำงานระยะทางก็ไม่ไกลเลยค่ะ เป็นทำเลใจกลางเมืองที่การเดินทางถือว่าสะดวกมาก ติดอย่างเดียวคือการจราจรที่ติดขัด หนักหนาสาหัส เช้า-เย็นทุกวัน ต้องทำใจหรือเผื่อเวลาในการเดินทางเอาค่ะ

ถนนอโศกมนตรีหรืออโศกที่เราคุ้นเคยกัน เป็นถนนสายสั้นๆระยะทางประมาณ 1.3 กม. ซึ่งเดิมทีเป็นซอยสุขุมวิท 21 (ชื่อของ Terminal 21 ตัวเลข 21 นี่ก็มาจากซอยสุขุมวิท 21 นั่นเองค่ะ) ย่านอโศกถือเป็นหนึ่งย่านที่สำคัญของคนกรุงเทพฯเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีความเจริญเติบโตค่อนข้างสูง และมีความหลากหลายในเชิงการใช้งานของพื้นที่ คือบางพื้นที่เขตเศรษฐกิจ เราก็มักจะเจอสำนักงานเยอะ มีโรงเรียนบ้าง แต่ก็อาจไม่มีห้างสรรพสินค้าใช่ไหมค่ะ เเต่สำหรับอโศกเเล้ว คือมีความหลากหลายมากอีกย่านนึงเลย เพราะมีทั้งสาธารณูปโภคที่ครบครัน ถนนหนทางหลากหลายเส้น  ระบบขนส่งมวลชนแทบทุกประเภท รถเมล์ เรือ รถไฟฟ้า BTS , MRT หรือจะเป็น Airport rail link จากอโศกก็สามารถไปใช้งานได้โดยสะดวกค่ะ ส่วนเเหล่งงานก็มีค่อนข้างหลากหลายตั้งแต่ SMEs ไปจนถึงบริษัทขนาดใหญ่ หรือจะเป็นงานบริการด้านอื่นๆ เช่นโรงเเรมชั้นนำหลายแบรนด์ก็มาเปิด ณ ถนนเส้นนี้ ดังนั้นเราจะเห็นเหล่านักท่องเที่ยวเดินผ่านกันไปมาถือว่าเป็นปกติเลยค่ะ จึงเกิดงานบริการนักท่องเที่ยวย่อยๆอย่างร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ เปิดอยู่ข้างถนน ตรอก ซอก ซอย กันอีกเยอะเเยะเลย ส่วนของโรงเรียน บนถนนเส้นนี้ก็มีโรงเรียนชื่อดังอยู่ อย่างเช่นโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ที่ถือว่าเป็นโรงเรียนประจำที่เป็นหญิงล้วนเเห่งเเรกของประเทศไทย หรือจะเป็นมศว.ที่เป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศเราค่ะ

ในแง่ห้างสรรพสินค้าและแหล่ง Shopping ถนนสุขุมวิทเป็นถนนที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหารมากมาย ตั้งแต่ Korean Town ที่อยู่บริเวณปากซอยหรือจะเป็น ภายในอาคารไทม์สแควร์ ฝั่งตรงข้ามก็จะมีร้านค้า ร้านอาหารอยู่ตลอดทางตั้งแต่นานามาเลย นอกจากนั้นยังมีห้างตั้งอยู่ในระยะเดินสะดวกอย่าง โรบินสัน หรือจะเป็น Terminal 21 ศูนย์การค้าใหญ่ใจกลางอโศกที่รู้จักกันดีว่ามี Food Court ที่ถูกและดีอยู่ชั้นบน และมี Retail เเบรนด์ใหญ่น้อยให้เลือกซื้ออีกมากมาย , หรือถ้าจะนั่งรถไฟฟ้าออกไปอีกสถานีอย่างพร้อมพงษ์ เราก็จะเจอกับอีกเเหล่งช้อปปิ้งที่เรียกว่า The Em District จาก The Mall Group ที่ตอนนี้ประกอบด้วย Emporium และ EmQuartier ที่เป็นห้างหรูในย่านนี้ มีร้านค้า ร้านอาหารแบรนด์ดังมากมาย ถัดมาอีกหน่อยทางชิดลม-เพลินจิต ก็จะมี Central Embassy และ Central ชิดลม หรือจะนั่งรถไฟฟ้าไปสยามเลยก็ใช้เวลาไม่นาน แต่ถ้าใครชอบอากาศบริสุทธิ์หรืออยากทำกิจกรรมกลางเเจ้ง เดินเล่น หรือวิ่งออกกำลังกายก็สามารถไปที่สวนสวนเบญจกิติ สวนลุมพินี หรืออุทยานเบญจสิริได้ค่ะ นับว่าเป็นทำเลที่ครบครันเลยนะคะ

การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนของอโศกนี้ถือว่ามีตัวเลือกหลากหลายเลย หลักๆอย่างรถไฟฟ้าก็จะมีทั้ง BTS ที่จะพาเราไปยังสยาม , สาทร , วงเวียนใหญ่ หรือไปยังฝั่งธนฯก็ได้ ส่วนรถไฟฟ้า MRT ก็จะพาเราไปยังหัวลำโพง , ลาดพร้าว , จตุจักรได้ ถ้าเราใช้ MRT เดินทางไป 1 สถานี สถานีเพชรบุรี ตรงนั้นก็จะมีทางเชื่อมไปยังรถไฟฟ้า Airport Rail Link เป็นตัวเลือกอีกทางสำหรับคนที่ต้องการเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ และก็จะมีท่าเรืออโศกอยู่ใกล้ เป็นอีกเส้นทางน่าสนใจ ในวันที่เราอยากเดินทางไปชิลล์ย่านเมืองเก่า ชมวัดพระเเก้ว เรือด่วนก็พาเราไปยังผ่านฟ้าได้ง่ายในเวลาประมาณ ครึ่งชม.เท่านั้นค่ะ

หรือจะเป็นระบบขนส่งมวลชนเดิมคู่ชาวกรุงอย่างเราแบบรถเมล์ ก็จะมีป้ายรถเมล์อยู่ระหว่างสถานี BTS กับซอยสุขุมวิท 12 เป็นอีกตัวเลือกในการเดินทางไปยังสยามได้ ถ้าใครมีข้าวของเยอะหน่อย อาจจะต้องเรียกใช้บริการรถเเท็กซี่ เราจะพึ่งพา Application ก็ได้ หรือจะลองเดินออกไปโบกมือเรียก บริเวณนี้เป็นจุดที่เรียกได้ง่ายมาก มีเแท็กซี่ผ่านไปมาตลอด 24 ชม.เลยค่ะ (แต่จะไปหรือไม่ไปนี่ก็อีกเรื่องนึงนะคะ) และสำหรับช่องทางที่สะดวกสุดสำหรับคนเเถวนี้ที่ต้องการซื้อเวลา ก็คงเป็นการใช้งานพี่วินมอเตอร์ไซค์ของเรานั่นเอง มีให้เรียกใช้เเทบทุกซอยบนถนนสุขุมวิทเลย สะดวก รวดเร็วมากค่ะ

ตัวอย่างเส้นทางการเดินทาง

ในเส้นทางการเดินทางที่เราจะพาไปแนะนำกัน เราจะเริ่มจากรถไฟฟ้าอโศกกันก่อนเลยนะคะ ออกมายังถนนฝั่งขาเข้าเมือง เดินตามทางมาเรื่อยๆยังซอยสุขุมวิท 12 เลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอย ตรงอย่างเดียวก็จะเห็นโครงการตั้งอยู่ทางขวามือเเล้วค่ะ เส้นทางนี้คาดว่าจะใช้เป็นทางหลักในการเดินทางมายังโครงการเลย ก็อย่างที่บอก อโศกนับเป็นอีกย่านนึงที่การจราจรติดขัด ไม่เกรงใจใคร ดังนั้นการสัญจรของผู้คนที่มาทำงาน เรียน หรืออยู่อาศัยส่วนใหญ่ก็จะใช้รถไฟฟ้านี่ละค่ะ

จากสถานีรถไฟฟ้าอโศก ให้ออกทางออกที่ 2 หรือทางออกที่ 5 นะคะ

จะเป็นฝั่งที่อยู่ตรงกันข้ามกันกับ Terminal 21 เลี้ยวขวาตามทางมาเลยค่ะ

ทางออก 2 นั้น จะเป็นทางลงไปยังฟุตบาทข้างๆถนนสุขุมวิท ส่วนทางออก 5 นั้น จะพาเราไปยัง ทางออกซอย 23 เข้าห้าง Robinson เข้าโรงแรมเชอราตัน หรือเข้าอาคารไทม์สแควร์ได้เลย ในวันนี้เราอยากลองพาเดินไปยังทางออก 5 กันนะคะ

เดินตามทาง Skywalk ก็จะเจอกับทางเเยกซ้ายขวา 2 แยก แยกแรกคือถ้าออกขวาจะเป็นทางลงไปยังซอยสุขุมวิท 19 หรือซอยโรงเรียนวัฒนาค่ะ ส่วนทางซ้ายมือ จะเป็นทางเข้าไปยังโรงแรมเชอราตัน เเกรนด์ สุขุมวิทเลย ส่วนทางแยกที่สอง ไปทางขวาจะเป็นโรบินสัน สุขุมวิท ส่วนทางซ้ายจะตรงเข้าไปในอาคารไทม์สแควร์ค่ะ

Sky walk แถวนี้จะสามารถเดินเชื่อมเข้าไปตึกได้เลยค่ะ อย่างทางนี้ที่จะเข้าไปยังโรบินสันได้

โรบินสันนี้เป็นห้างเก่าเเก่ประมาณนึงเลย ตัวห้างจะตั้งอยู่ในอาคารเดียวกันกับโรงเเรม The Westin grande Sukhumvit ภายในก็จะมีโซนที่เป็นตัวห้างเเละมี Tops supermarket ตั้งอยู่ชั้นใต้ดิน มี McDonald’s ให้บริการอยู่ มีนักท่องเที่ยวที่พักแถวนี้หรือแถวนานาเดินเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันอยู่บ้าง เราคิดว่าข้อดีของที่นี่อย่างนึงเลยคือทั้ง Tops supermarket และ McDonald’s สาขานี้เปิด 24 ชม.ค่ะ ในกรณีที่ใครทำงานกลับบ้านดึก ห้างปิดเเล้ว ก็แวะดูเเวะซื้อที่นี่ก่อนเข้าห้องก็ได้ ถือว่าสะดวกดีนะคะ

กลับมายังเส้นทางการเดินทางไปยังโครงการของเรากันต่อ เราจะลองเข้าไปดูในอาคารไทม์สแควร์กันค่ะ ประตูเข้า-ออกอาคารนี้จะมีเวลาเปิด-ปิดอยู่ที่ 07.00-23.00 น. ค่ะ เราแนะนำทางนี้เพราะจะช่วยทำให้เรารู้สึกว่าโครงการไม่ไกลจากรถไฟฟ้าเกินไป มีช่วงเดินเข้าอาคารตากแอร์เป็นระยะ ทำให้เราไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อยด้วยค่ะ

ภายในอาคารไทม์สแควร์ 4 ชั้น + ชั้นใต้ดิน จะเป็น Retail Shop มีร้านอาหารหลายร้าน เช่นอาหารเกาหลี มีร้านชาบูนางใน ร้านเสื้อผ้า ร้านทำผมอยู่ บรรยากาศจะไม่ได้ดูหรูหราแบบห้างแบรนด์ใหญ่ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใกล้โครงการค่ะ

ร้านขายยาอย่าง Boots , Watsons หรือร้านกาแฟอย่าง Starbucks , Amazon และร้านสะดวกซื้ออย่าง Lawson 108 ก็มีเปิดให้บริการอยู่ในอาคารนี้

ออกจากอาคารมาเราจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรบินสัน ให้เราเลี้ยวซ้ายเดินตามทางไปเลย เส้นทางเดินจะไม่ค่อยมีที่หลบฝนซักเท่าไหร่นะคะ ช่วงไหนฝนตกบ่อยๆก็อย่าลืมพกร่มกันด้วยค่ะ

ตรงตามทางไปเลย ฟุตบาทเเถวนี้ถือว่ากว้างอยู่นะคะ เดินสบาย

เลยอาคารไทม์สแควร์มาก็จะเจอกับป้ายรถเมล์ เราสามารถเลือกนั่งรถเมล์เข้าสยามก็ได้นะคะ หรือใกล้ๆกันก็จะมีสะพานลอยอยู่ ฝั่งตรงกันข้ามหรือฝั่งสุขุมวิทเลขคี่ก็จะมีร้านอาหาร ร้านค้าเยอะอยู่เช่นกัน เดินข้ามไปเลือกซื้อได้ตามสบายเลย

เลยสะพานลอยมาก็จะเจอซอยสุขุมวิท 12 แล้วค่ะ เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลย

ภายในซอยสุขุมวิท 12 ข้างในเป็นซอยตัน มีอาคารทั้งบ้านพักอาศัย อพาร์ตเมนต์ และโรงเเรมอยู่ด้านในค่ะ

บริเวณหัวมุมของซอยสุขุมวิท 12 ก็จะมีร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-eleven ตั้งอยู่ค่ะ สาขา Korean Town นั่นเอง เราลองดูบรรยากาศของ Korean Town กันซักนิดดีกว่า

Korean Town เป็นอาคาร 2 อาคารที่มี Court เชื่อมต่อกันตรงกลาง ภายในจะมีร้านอาหาร ร้านขนมสัญชาติเกาหลีเปิดให้บริการกันอย่างมากมาย ใครที่อยากมาชิมอาหารเกาหลีต้นตำรับก็ลองมาเลือกร้านกินกันในนี้ได้

บรรยากาศที่ไปมาตอนกลางวันก็จะไม่มีร้านรวงเปิดเท่าไหร่นัก ส่วนมากเค้าจะเปิดกันตอนเย็นๆถึงดึกๆค่ะ มีอาหารหลากหลายนะคะ แต่ที่เห็นเยอะๆหน่อยก็จะเป็นร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลี

ส่วนด้านข้างก็จะมี Shop ขายของกระจุกกระจิกอยู่

ปากซอยก็จะมีพี่วินรอให้บริการ เรียกใช้ได้ในช่วงเวลาเร่งด่วน ตื่นสายเป็นต้น

ซอยสุขุมวิท 12 เป็นซอยที่สามารถเข้า-ออกได้ ถนนไม่ใหญ่มาก ไม่มีทางเท้า แต่ด้วยความที่เป็นซอยตัน ทำให้รถไม่พลุกพล่านเท่าไหร่ค่ะ

เข้ามาในซอยบรรยากาศก็จะเป็นที่พักอาศัยเป็นส่วนมาก

โครงการ Circle REIN สุขุมวิท 12 จะตั้งอยู่ทางขวามือค่ะ

สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ

สภาพเเวดล้อมภายในซอยสุขุมวิท 12 ช่วงต้นจะค่อนข้างมีความวุ่นวายเล็กน้อย เนื่องจากจะมี Korean Town ซึ่งเป็น Community Mall ตั้งอยู่ ถัดเข้ามาภายในซอยบรรยากาศจะเป็นที่พักอาศัยมากขึ้น ซึ่งมีทั้งคอนโดมิเนียม Apartment ให้เช่า โรงแรม และบ้านพักเเนวราบทั้งบ้านเดี่ยวเเละทาวน์โฮม ด้านอาหารการกิน ช่วงต้นๆยังมีร้านอาหารข้างทางให้ทานบ้าง และพอเห็นร้านสะดวกซื้อประปรายภายในซอย และเนื่องจากเป็นซอยตัน ทำให้บรรยากาศช่วงหน้าโครงการที่ใกล้ๆจะท้ายซอยเเล้วไม่ได้วุ่นวายเท่าไหร่ ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ต่างจากซอยสุขุมวิท 10 ที่มีบางช่วงเวลาที่สามารถขับรถไปยังโรงงานยาสูบได้ จึงมีรถพลุกพล่านเข้าออกซอยนั้นมากกว่าหน่อย

  • ทิศเหนือ – ติดกับบ้านพักอาศัยสูง 4 ชั้น
  • ทิศใต้ – ติดกับโครงการพี่น้องอย่าง Circle S สุขุมวิท 12 สูง 8 ชั้น
  • ทิศตะวันออก – ติดกับที่ดินเปล่า
  • ทิศตะวันตก – ติดกับซอยสุขุมวิท 12 และ Mansion สูง 9 ชั้น

ทิศใต้ ติดกับโครงการ Circle S สุขุมวิท 12 จาก Fragrant เหมือนกันค่ะ

ทิศตะวันออก ตรงข้ามกับ Mansion สูง 9 ชั้น

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นบ้านพักอาศัยแบบ Townhome สูง 2-3 ชั้น

ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ใกล้กับโรงเเรม Galleria 12  เห็นได้เลยนะคะว่าซอยสุขุมวิท 12 จะเป็นซอยที่มีบ้านพักอาศัย ทั้งเเนวราบ โรงแรม และ Mansion อยู่ค่อนข้างเยอะเลย

ทิศวันตก ด้านหลังอาคาร ตรงนี้เป็นบ้านเเนวราบและเป็นที่ดินเปล่าอยู่ จากชั้นบนๆของโครงการเรายังเเอบได้วิวพื้นที่สีเขียวอยู่บ้างค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • สวนสาธารณะ

  • สวนเบญจกิติ , โรงงานยาสูบ – 1.3 km.
  • อุทยานเบญจสิริ – 1.6 km.
  • สวนลุม – 2.9 km.

  • แหล่ง Shopping และร้านอาหาร

  • Korean Town – 300 m.
  • Robinson Sukhumvit – 500 m.
  • Terminal 21 – 650 m.
  • Em District – 1.8 km.

  • สำนักงาน

  • Times Square – 450 m.
  • อาคาร interchange 21 – 850 m.
  • อาคาร Exchange Tower – 900 m.
  • Sermmit Tower – 1 km.
  • Lake Ratchada – 1.2 km.
  • Sinothai Tower – 1.2 km.
  • G”MM’ Grammy – 1.4 km.
  • FYI Center – 2.6 km.

  • โรงพยาบาล

  • รพ.บำรุงราษฎร์ – 1.5 km.
  • รพ.จักษุรัตนิน – 1.9 km.
  • รพ.สมิติเวช – 4.2 km.

  • ระบบขนส่งมวลชน

  • BTS อโศก – 550 m.
  • MRT สุขุมวิท – 750 m.

  • สถานศึกษา

  • รร.วัฒนาวิทยาลัย – 1.3 km.
  • รร.สาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร – 2 km.
  • มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ – 2 km.
  • รร.เซนต์ดอมินิก – 2.5 km.

  • OTHERs

  • Health Land อโศก – 1 km.
  • ศูนย์ประชุมเเห่งชาติสิริกิติ์ – 2.2 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

Circle REIN สุขุมวิท 12 เป็นคอนโด Low Rise 1 อาคาร ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 12 หรือซอย Korean Town บนที่ดินขนาดประมาณ 1 ไร่นิดๆ อาคารนี้สูง 8 ชั้น ประกอบไปด้วยที่จอดรถใต้ดิน 1 ชั้น สามารถจอดได้ประมาณ 70 คัน หรือคิดเป็นประมาณ 57.4% มีห้องพักทั้งหมด 121 ยูนิต มีพื้นที่ส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 1 ชั้น 8 และชั้นดาดฟ้า ตัวห้องขายเป็นแบบ Fully Furnished โครงการนี้จะทำออกมาเป็นอย่างไรบ้างเราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

เริ่มกันที่ผังพื้นกันก่อนเลยนะคะ ผังพื้นชั้น 1 จากหน้าอาคารจะถูกแบ่งทางเข้าที่จอดรถเเยกไปทางขวามือ มีห้องรปภ.อยู่ทางขวามือ ขับรถลงไป 1 ชั้นจะเป็นชั้นจอดรถเรียกว่าชั้น B (มาจาก Basement) ที่จอดรถของโครงการนี้จะเป็นที่จอดรถแบบ Hydraulic Parking ซ้อนได้ 2 คัน(เดี๋ยวเราจะมีรูปให้ดูข้างล่างนะคะ) ชั้นใต้ดินนี้จะจอดรถได้ 68 คัน และมีลิฟต์โดยสารของอาคารที่สามารถลงมาได้ถึงชั้นนี้ค่ะ ส่วนทางเข้าด้านหน้าจะสามารถจอดรถได้อีก 2 คัน คาดว่าจะเป็นที่จอดของ Shuttle Bus ที่โครงการจะมีไว้ให้บริการคันนึง อีกคันนึงเอาไว้สำหรับผู้มาเยี่ยมเยือนค่ะ จาก Main Entrance หรือทางเข้าหลักของอาคาร บริเวณซ้ายมือจะมี Shop อยู่ 1 ยูนิต พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ที่โครงการขายไปนะคะ คือตอนนี้มีคนซื้อที่ไปแล้วสามารถไปทำเป็นร้านค้าได้ ซึ่งยังไม่มีข้อมูลว่าจะทำออกมาเป็นร้านอะไร ตรงนี้คนนอกสามารถเข้ามาใช้งาน Shop นี้ได้ค่ะ

ต่อมาจากทางเข้าหลักเเยกออกมาทางขวามือจะเป็น Lobby ของอาคาร ตรงนี้ถูกออกแบบมาให้เป็นพื้นที่ Semi-Outdoor คือเป็นพื้นที่ที่ไม่ติดเเอร์ แต่อยู่ภายใต้อาคาร ทำให้หลบแดด หลบฝนได้อยู่ และชั้นลอยของพื้นที่ตรงนี้จะเป็นที่ทำงานของนิติบุคคลค่ะ ส่วน Lobby นี้จะเป็นพื้นที่ที่คนนอกหรือเเขกของเจ้าของห้องสามารถมานั่งพัก นั่งรอได้นะคะ แต่พื้นที่ภายในอาคารจริงๆจะต้องใช้ Key Card ในการเข้า-ออกเท่านั้นค่ะ

จาก Lobby เข้ามาภายในอาคารจะเจอกับ Library ก่อน ตรงนี้จะค่อนข้างแปลกกว่าทั่วไปนิดนึง เพราะจะเป็นทั้งโถงลิฟต์ด้วย และการออกแบบที่เป็น Court ตรงกลาง มีช่องเเสงขนาดใหญ่เจาะลงมาตั้งแต่หลังคาชั้นดาดฟ้า ทำให้พื้นที่ตรงนี้เป็นจุดศูนย์กลางของโครงการ สามารถเห็นกันได้ทุกชั้น แสงสว่างส่องทั่วถึงทุกชั้นค่ะ  เดินมาทางขวามือจะมีห้องน้ำส่วนกลางเเยกชายหญิงอยู่

ห้องพักของโครงการนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่ชั้น 1 จากพื้นที่ส่วนกลางมายังทางเดินหน้าห้องพักจะต้องใช้ Key-Card ในการเข้า-ออกอีกครั้งนึง เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักอาศัยที่ชั้นนี้ค่ะ โดยห้องพักอาศัยที่ชั้นนี้จะมีทั้งหมด 11 ห้อง ห้องเเบบ Studio จะอยู่ตรงกลางฝั่งซ้าย-ขวา ห้องแบบ 1 Bedroom จะอยู่ทางด้านหลังอาคาร ส่วนห้อง 2 Bedroom จะเป็นห้องหัวมุม ทางเดินหน้าห้องพักจะเป็นทางเดินแบบ Single Corridor ทั้งหมด ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัว ไม่มีห้องตรงข้ามเเอบมองเข้ามาได้ แต่จะมีห้องแบบ 1 Bedroom ของชั้นนี้ที่อาจจะต้องเขินๆหน่อย เพราะว่าผนังหน้าห้องจะเป็นผนังกระจกที่ติดกับ Court ตรงกลาง ทำให้คนที่เดินผ่านทั้งหมด เห็นเข้าไปในห้องได้บ้าง

ชั้น 2-7 จะเป็นชั้น Typical Floor คือเป็นห้องพักอาศัยทั้งหมดค่ะ ภาพรวมของแต่ละชั้นจะคล้ายๆกัน คือตรงกลางอาคารจะมี Court 2 จุด มีลิฟต์โดยสารเเละบันไดหนีไฟ ส่วนตัวห้องพักจะถูกออกแบบให้โอบล้อม Court ตรงกลางนี้ไว้ ทำให้ทางเดินทั้งหมดได้เป็นแบบ Single Corridor และถึงแม้ว่าตัวอาคารจะเป็นรูปร่างสี่เหลี่ยมค่อนข้างจัตุรัส แต่การเจาะช่องเเสงที่เป็น Court ตรงกลางของอาคารทำให้พื้นที่ทางเดินค่อนข้างสว่างเเละโปร่งมาก และเนื่องจากโครงการนี้มีความตั้งใจในการออกแบบให้ Eco มากที่สุด ดังนั้นพื้นที่ทางเดินของอาคารบริเวณด้านหน้า (ที่วงสีแดงไว้) จะถูกออกแบบให้เป็นประตูระเเนงโปร่ง อากาศสามารถถ่ายเทได้เต็มที่ค่ะ และยังได้แสงสว่างเพิ่มให้กับพื้นที่ทางเดินทั้ง 2 ฝั่งซ้าย-ขวาด้วย ในส่วนของการจัดวางตำแหน่งของห้องพักยังคงเหมือนเดิม คือ ห้อง Studio อยู่ซ้าย-ขวา ตรงกลาง ห้อง 1 Bedroom อยู่ตรงกลาง ด้านหน้าและด้านหลังของอาคาร ส่วนห้องแบบ 2 Bedroom จะอยู่มุมอาคาร

มาที่ชั้น 8 จะเป็นชั้นห้องพักและพื้นที่ส่วนกลางค่ะ ที่ชั้นนี้จะมียูนิตพิเศษ 3 Bedroom อยู่ (ห้องนี้ Sold Out ไปแล้ว) ทางเดินไปยังห้องพัก กับทางเดินไปยังพื้นที่ส่วนกลางจะแยกจากกัน ต้องใช้ Key-Card ในการเข้า-ออกโซนห้องพักอีกที ส่วนชั้นนี้จะมีห้องฟิตเนส ที่มีห้องน้ำและ Locker ให้บริการ และทางขึ้นชั้นดาดฟ้าซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการค่ะ

ที่ชั้นดาดฟ้าจะมีสระว่ายน้ำ, Onsen, BBQ Area สวน และพื้นที่ไดร์ฟกอล์ฟให้บริการค่ะ ส่วนคนที่อยากเข้าห้องน้ำก็อาจจะต้องมาใช้ตรงฟิตเนสแทนนะคะ

จากปากซอยสุขุมวิท12 เข้ามา เราจะเจอกับโครงการอยู่ทางขวามือ โดยเราจะเจอกับทางเข้าที่จอดรถก่อนเป็นอันดับแรกเลยค่ะ

การเข้า-ออกที่จอดรถจะต้องใช้ Key-Card Access นะคะ และมีสติ๊กเกอร์ติดหน้ารถไว้ให้ โดยสิทธิ์ในการจอดรถ สำหรับห้องแบบ 1,2 Bedroom จะสามารถจอดได้ห้องละ 1 คัน ส่วนห้องแบบ 3 Bedroom จะได้ 2 คันค่ะ ที่จอดรถจะอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ทางจะเเอบชันเล็กน้อย แต่ไม่มีปัญหาอะไร

จำนวนที่จอดรถประมาณ 70 คันคิดเป็น 57.4% ถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่เยอะนะคะ คิดซะว่าเป็นโครงการในเมือง คนที่อยู่อาศัยที่นี่น่าจะทำงานละแวกนี้ หรือมีลูกหลานเรียนอยู่แถวนี้มากกว่า น่าจะใช้ระบบขนส่งสาธารณะเป็นส่วนมาก ส่วนที่จอดรถนั้นที่นี่จะเป็นแบบ hydraulic parking ซ้อนกัน 2 คันบน-ล่างค่ะ

ใครที่ขับรถคันใหญ่หน่อยก็ไม่ต้องกลัวนะคะ จะมีช่องที่ใหญ่ขึ้นสำหรับจอดรถ SUV ด้วย ที่จอดรถแบบนี้อาจจะใช้เวลาเล็กน้อยถ้าคันเราจอดบน แล้วมีคนจอดอยู่ข้างล่าง อาจจะต้องมีการฝากกุญแจเอาไว้ หรือจะตามเจ้าของรถยังไงตรงนี้ยังไม่แน่ใจค่ะ อาจจะต้องถามทางโครงการดูอีกที

มาเริ่มดูที่หน้าตาภายนอกของโครงการบ้างดีกว่าค่ะ โครงการเป็น Low Rise อยู่ในซอยที่มีบ้านพักอาศัยรอบๆค่อนข้างหนาแน่น ทำให้รอบๆอาคารไม่ค่อยจะได้วิวเท่าไหร่นัก ทีนี้โครงการเลยออกแบบให้มีระแนงไม้มาใช้เป็น Facade ของอาคารเลย โดยระแนงนี้จะเป็นเสมือนผนังของพื้นที่ส่วนระเบียงห้อง ทำให้ช่วยพรางตาจากคนภายนอกไม่ให้มองเข้าไปภายในห้องพักอาศัยของเราได้ตรงๆ ในขณะเดียวกันเราก็ยังคงได้รับเเสงธรรมชาติได้เต็มที่ ระบายอากาศได้ และเเดดที่เข้าไปในห้องก็ไม่ร้อนจ้าเกินไปอีกด้วยค่ะ ระเเนงนี้จะมีส่วนที่ติดตายขยับไม่ได้ กับส่วนที่สามารถเปิดเป็นบานสวิงได้ด้วย

ทางเข้าหลักจะอยู่ตรงกลางเลย เป็นพื้นที่ Double Volume ที่เห็นจากนอกอาคารเลย เป็นการขับเน้นทางเข้าให้ดูโดดเด่นมากขึ้น การออกแบบบันไดทางขึ้นรูปร่างโค้ง ทำให้ไม่เกิดเหลี่ยมมุมที่เป็นอันตรายเท่าไหร่ค่ะ เเละด้านหน้าทางขวามือจะเป็นที่จอดรถภายนอกอาคารสำหรับแขกที่มาติดต่อและรถ Shuttle Bus ที่รับส่งปากซอยและโครงการ

ทางซ้ายมือจะเป็นตำแหน่องของ Shop โครงการ ด้านหน้าจะมีป้ายชื่อโครงการและสวนเล็กๆด้านหน้า ออกแบบดู Minimal เรียบๆ ที่เข้ากับชื่อโครงการ REIN เป็นภาษาเยอรมันที่เเปลว่า บริสุทธิ์

ทางเข้าที่เป็นพื้นที่ Double Volume มีการเลือกโทนสีในการตกแต่งเป็นโทนสีเข้มอย่างสีดำบริเวณผนังและไม้ที่ฝ้าเพดาน ดูน่าสนใจในการเลือกวัสดุและพื้นผิวดีค่ะ

หันมาทางขวาเล็กน้อย ตรงนี้จะเป็น Lobby ของโครงการนะคะ ส่วนนี้จะเป็นส่วนที่ Public หน่อย คือใครก็สามารถมานั่งรอนั่งเล่นตรงนี้ได้ค่ะ

ตรงกลางจะมีเคาน์เตอร์ต้อนรับอยู่ ด้านข้างเป็นตำแหน่งของ MailBox  มีการตกแต่งบรรยากาศด้วยไฟแบบ Indirect Light ดูละมุนตา

ตรงนี้จะมีมุมโซฟารับรองอยู่ชุดนึง ดูนั่งสบายแม้จะเป็นพื้นที่ภายนอกอาคาร แต่ด้วยระดับที่สูงกว่าพื้นถนน และการออกแบบต้นไม้ด้านนอก ทำให้พื้นที่ตรงนี้ยังมีความเป็นส่วนตัวในการใช้งานได้อยู่ค่ะ

ด้านหลังจะเป็นทางเดินขึ้นไปที่ทำงานของนิติบุคคลที่อยู่ชั้น 2

ต่อมาจะเป็นทางเข้าโครงการนะคะ จะเป็นประตูกระจก เข้า-ออกโดยใช้ Key-Card

เข้ามาเราจะเจอกับ Library ที่เป็นจุดศูนย์กลางของอาคารนี้เลย  พื้นที่ตรงนี้จะยกระดับขึ้นเล็กน้อย

และที่เป็นไฮไลท์เลยคือโถงกลางหรือ Court ตรงกลางที่สูงไปจนถึงชั้นดาดฟ้าค่ะ ทำให้พื้นที่ทางเดินตรงกลางในแต่ละชั้นเชื่อมต่อถึงกันหมด ส่วนเเสงที่เข้ามาจะเป็นแบบ Indirect Light ประมาณนึงคือ ไม่ได้ตกลงมาตรงๆ แต่จะเข้ามาจากทางด้านข้างแทน และด้วยความสูงถึง 8 ชั้น ทำให้พื้นที่ใช้งานตรงกลางอย่าง Library ได้แสงสว่างเต็มที่ แต่ไม่ร้อนค่ะ เราชอบการเลือกตกแต่งไฟบริเวณขอบพื้นแต่ละชั้นนะคะ ทำให้โถงตรงกลางดูมีมิติน่าสนใจมากขึ้น

เฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ตรงนี้ก็จะเน้นที่เป็นโทนสีขาว – ไม้ มีโซฟาหลายๆเเบบให้เลือก สามารถใช้งานนั่งเล่นได้ประมาณ 10 คน

ถัดเข้ามาจะเจอกับประตูกระจกกั้นพื้นที่ระหว่างส่วนกลางกับทางเดินไปยังที่พักอาศัย ต้องใช้ Key-Card เข้าออกค่ะ

ทางขวามือจะเป็น Court อีกจุดนึงที่มีขนาดเล็กกว่าประมาณครึ่งนึง อันที่จริงเเล้วจากทางเดินและ Court ตรงกลางสามารถมองไปเห็นประตูทางเข้าห้องพักอาศัยของยูนิตที่อยู่รอบๆได้ ใครที่กังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวอาจจะต้องเลือกห้องที่อยู่ปีกขวาหรือซ้ายของอาคารเเทน ส่วนใครที่ชอบบรรยากาศเปิด-โล่ง แบบเปิดประตูห้องออกมาเจอแสงสว่างเยอะๆอาจจะชอบห้องที่อยู่รอบๆ Court นี้เเทนค่ะ

ระหว่างพื้นที่ส่วนกลางเเละทางเดินไปยังห้องพักอาศัยชั้นนี้จะมีประตูกระจกใสกั้นอีกที ต้องใช้ Key-Card เข้าอีกทีค่ะ  ในขณะเดียวกันแสงสว่างจากตรงกลางยังไปถึงทางเดินรอบๆได้อีกด้วย

ที่ชั้น 1 นี้จะมีห้องน้ำส่วนกลางแยกชาย-หญิง ให้ใช้งานอย่างละห้อง การตกแต่งภายในเน้นสีโทนขาว ครีม ดูสะอาดตา

ตรงข้ามกับ Library จะเป็นลิฟต์โดยสารค่ะ โครงการนี้จะมีลิฟต์ 2 ตัว อัตราส่วนของจำนวนยูนิต : จำนวนลิฟต์อยู่ที่ 61 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่นค่ะ

ภายในลิฟต์ก็จะตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้ และกระจก ลิฟต์โดยสารของที่นี่จะใช้เป็นระบบลิฟต์ล็อคชั้นนะคะ

เราขึ้นมาที่ชั้น 8 กันบ้าง เดินไปดูส่วนกลางอื่นๆอย่างฟิตเนสและชั้นดาดฟ้ากัน

บรรยากาศโถงทางเดินหน้าห้องพักเราสามารถมองเห็นภาพหมีขั้วโลกที่ถูก Paint ตรงโถงกลางได้

บรรยากาศหน้าลิฟต์ของแต่ละชั้น ออกมาจะเจอกับ Court ตรงกลางที่เปิดโล่งแบบนี้ค่ะ เดี๋ยวเราจะเดินไปทางขวามือนะคะ

อ้อมมาทางด้านหลังของลิฟต์จะเป็นทางเดินไปยังฟิตเนส และสระว่ายน้ำ เดี๋ยวเราจะขอเข้าไปดูฟิตเนสที่อยู่ในสุดก่อน

ฟิตเนสที่นี่จะเป็นห้องกระจกที่สามารถมองวิวรอบๆได้ 2 ด้าน เป็นวิวด้านหลังซึ่งตอนนี้เป็นที่ดินเปล่าเเละบ้านพักอาศัย วิวจึงเปิดโล่ง

อุปกรณ์ฟิตเนสของที่นี่จะใช้ของ Life fitness มีทั้งหมด 7 เครื่อง และมีดัมเบลเอาไว้ฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และเสื่อสำหรับปูเล่นโยคะไว้ให้ใช้ เผื่อใครจะเล่นโยคะ หรือจะ Body weight ก็ได้ค่ะ

นอกจากนี้ตอนนี้โครงการมี Trainer ไว้ให้บริการฟรี หลังจากนี้ที่นิติบุคคลเข้ามาดูเเลอาจจะต้องมีการตัดสินใจอีกครั้งว่าจะมี Trainer ไว้ให้บริการต่อหรือไม่

ภายในห้องฟิตเนสจะมีอีกจุดหนึ่งที่เป็นห้องน้ำแยกชาย-หญิง 

ข้างในห้องน้ำจะมีอ่างล้างมือ ห้องน้ำและห้องอาบน้ำอย่างละหนึ่งห้องค่ะ สะดวกสำหรับคนที่มาเล่นฟิตเนส เเต่สำหรับคนที่ใช้สระว่ายน้ำข้างบนก็อาจจะลำบากหน่อย เพราะข้างบนไม่มีห้องน้ำให้บริการนะคะ จะใช้ก็ต้องลงมาที่นี่เท่านั้น ซึ่งเราว่าเวลาใช้งานจริงพื้นทางเดินกับลิฟต์ก็อาจจะเลอะเทอะเล็กน้อยจากคนที่ใช้งานสระข้างบนค่ะ

ก่อนขึ้นไปชั้นดาดฟ้าที่เป็นส่วนกลางเเละสระว่ายน้ำอื่นๆของโครงการ ทางซ้ายมือจะมี Shower สำหรับล้างตัวให้ 1 จุด สำหรับล้างตัวก่อนและหลังลงสระ พื้นตรงนี้ไม่ได้ลดระดับลงไป ทางเดินและบันไดอาจจะเปียกๆหน่อยตอนใช้งาน

ทางขึ้นดาดฟ้าจะเป็นบันไดสำหรับขึ้นไปนะคะ มีอยู่ตำแหน่งเดียว อยู่ Outdoor ฝนตกอาจจะใช้งานไม่ได้

ขึ้นมาทางขวามือจะเป็นสระว่ายน้ำ ซึ่งออกแบบให้เป็นน้ำล้นขอบสระ เเละมีกระจกรอบๆ ทำให้สามารถใช้ชมวิวได้ สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้ค่ะ สระนี้จะใช้เป็นระบบน้ำเกลือ มีขนาด 7.18 x 15.8 เมตร ไม่ยาวมาก ใช้งานว่ายสวนกัน 4-5 คนได้อยู่

ข้างๆสระว่ายน้ำจะมีบ่อ Onsen อยู่ 2 บ่อ สามารถมาใช้งานได้ เป็นฟังก์ชันที่สร้างมาเหมาะกับทำเลอโศก พร้อมพงษ์ที่มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่กันหนาแน่น บางทีเราอาจเจอเพื่อนร่วมคอนโดเป็นคนญี่ปุ่นก็ได้นะคะ

ลองมองจาก Onsen ไปอีกฝั่งดู เราชอบการออกแบบที่เลือกใช้ราวกันตกเป็นกระจก ทำให้สามารถมองวิวรอบๆได้เต็มที่ ถึงเเม้โครงการเราจะเป็น Low Rise ก็ตาม

มุมนั่งริมสระสบายๆ

ลองเดินดูพื้นที่ส่วนอื่นๆต่อกันค่ะ รอบๆจะเป็นสวนเล็กๆทั้งทางด้านหน้าและด้านหลังอาคาร

เดินขึ้นมาทางขวามือจะมีมุม BBQ Area ใครอยากมาใช้งานก็ติดต่อทางนิติได้เลย และมาจัดงานปาร์ตี้เล็กๆได้ พื้นที่ถูกล้อมด้วยต้นไม้ดูเป็นส่วนตัว

อีกฝั่งจะมีการออกแบบสวนรอบๆ ตรงนี้สวยดีที่มีการเลือกปลูกดอกไม้เอาไว้ด้วย ไม่ได้มีแค่สนามหญ้าอย่างเดียว ทางซ้ายมือเราจะเห็นพื้นที่ที่เป็นสนามหญ้ายกระดับขึ้นมา มีขอบที่เป็นทรายล้าง สามารถใช้เป็นที่นั่งพักผ่อนได้ และทางเดินรอบๆก็สามารถมาเดินออกกำลังกายยามเช้าหรือยามเย็นได้เช่นกัน (เหมาะกับการเดินนะคะ วิ่งอาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่)

ตรงกลางจะเหมือนเป็นห้องกระจกอยู่ ตรงนี้คือช่องเเสงที่เจาะเพื่อให้เเสงตกลงไปยังโถงตรงกลางอาคารนั่นเองค่ะ ผนังถูกล้อมรอบด้วยกระจก มีระเเนงไม้เเละเหล็กบังเป็น Pattern ช่วยกรองเเสงสว่างและความร้อนไม่ใช้เข้าไปในอาคารมากเกินไป

เดินข้ามมาจะเป็นทางด้านหน้าอาคาร ตรงนี้จะเป็นสนามหญ้าค่ะ

ทางด้านนี้จะมีทางเดินอยู่ 2 ระดับคือรอบๆสนามหญ้าด้านใน ที่สามารถเดินวนไปอีกฝั่งของอาคารได้

สุดทางจะเป็นทางเดินที่โรยด้วยหิน ตรงนี้ตั้งใจให้เป็นทางเดินสำหรับนวดเพื่อสุขภาพ (ถอดรองเท้าเดิน) หินตรงนี้จะเป็นหินที่ถูกติดตายกับพื้น ไม่สามารถขยับหินได้ เวลาเดินอาจจะเจ็บเท้า แต่ก็ช่วยรักษาสุขภาพได้ค่ะ

เดินวนมาอีกฝั่งที่ติดกับโครงการพี่น้องอย่าง Circle S สุขุมวิท 12 ทางขวามือจะเป็นบันไดเเละพื้นที่ Service ส่วนสุดทางเดินจะมีอีกห้องนึง เราตามไปดูกันดีกว่าค่ะว่าเป็นห้องอะไร

ตรงนี้เป็นห้องไดร์ฟกอล์ฟนั่นเอง เป็นอีกหนึ่งฟังก์ชันที่เราไม่ค่อยเห็นกันมากนักในคอนโด

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • Shop
  • Library
  • Swimming pool
  • Rooftop Garden
  • Fitness center
  • Free shuttle bus
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 61 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 70 คัน คิดเป็น 57.4%
  • ระบบ CCTV 
  • Access Key Card


Product Walkthrough

โครงการ Circle REIN สุขุมวิท 12 มีห้องพักทั้งหมด 121 ยูนิต และมีแบบห้องให้เลือกดังนี้

  • Studio ขนาด 30.44-30.48 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 44.03 – 46.01 ตร.ม. ราคาประมาณ 8.12 ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 54.36 – 54.39 ตร.ม. ราคาประมาณ 9.65 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms ขนาด  66.76 – 108.47 ตร.ม. ราคาประมาณ  11.6 ล้านบาท
  • 3 Bedrooms ขนาด 120-155.37 ตร.ม. Sold Out

เห็นได้ว่าขนาดห้องเริ่มต้นจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่เลย โครงการขายเป็นแบบ Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะเหมือนกันกับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูกัน จะมีที่ไม่เหมือนก็เช่นของตกแต่งห้อง ผ้าปูที่นอน หมอน และเครื่องใช้ไฟฟ้า ในรีวิวนี้เรามีห้องตัวอย่างมาให้ดู 2 ห้อง เป็นห้องแบบ 1 Bedroom 1 ห้องและห้องแบบ 2 Bedroom อีกหนึ่งห้อง ภายในห้องจะเป็นอย่างไร ไปติดตามกันได้เลยค่ะ

ห้องแรกที่เราจะพาไปดูเป็นห้อง 1 Bedroom Type 1A ขนาด 47.03 ตร.ม. เป็นห้องที่อยู่ทางด้านหน้าอาคาร ห้องนี้ฟังก์ชันการใช้สอยจะถูกจัดมาค่อนข้างเป็นสัดส่วนเลย เมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อน ซึ่งจะได้เป็นครัวปิด ฝั่งนึงจะเป็นเคาน์เตอร์และ Built-in ครัว อีกฝั่งเป็นชั้นเก็บของเช่นกระเป๋า รองเท้า และตำแหน่งของตู้เย็น ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่ทานข้าว ซึ่งเชื่อมต่อไปยังพื้นที่นั่งเล่น ตัวห้องถ้ามองจากผังดูเหมือนจะเป็นแนวลึกใช่ไหมค่ะ เเต่ด้วยห้องมีขนาดใหญ่ หน้ากว้างของห้องเลยได้ถึง 5.2 เมตร ทำให้สามารถจัดพื้นที่ใช้งานออกเป็นสองฝั่งได้ ดังนั้นพื้นที่ครึ่งหนึ่งริมระเบียงจึงจะจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่นดูทีวีได้ ส่วนอีกครึ่งนึงจะเป็นพื้นที่นั่งทำงาน โดยชุดโต๊ะทำงานชิ้นนี้โครงการออกแบบมาพิเศษคือสามารถดึงลงมาเป็นเตียงได้ ทำให้ห้องนอนนี้สามารถอยู่กันได้มากถึง 4 คน เผื่อมีเพื่อนมาเยี่ยมก็นอนได้สบาย ระเบียงของห้องนี้ก็จะได้เป็นระเบียงหน้ากว้าง มีพื้นที่ตั้ง Condensing Unit เเยก มีประตูเปิดปิด ผนังส่วนนี้จึงเป็นผนังทึบเพื่อบังสายตาความไม่เรียบร้อยของ Condensing Unit ของแอร์ เมื่อมองจากห้องออกไป ส่วนห้องนอนจะออกแบบมาแปลกกว่าโครงการอื่นนิดนึง ตรงที่พื้นที่ส่วนนอนจะถูกดันมาอยู่ข้างในไม่ได้อยู่ชิดระเบียง แต่ก็ยังสามารถเปิดประตูที่เป็นประตูเข้ามุมได้ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องแสงและการระบายอากาศภายในห้องนอน นอกจากนี้เราว่าเหมาะกับคนชอบนอนตื่นสายหรือนอนช่วงกลางวันมาก เพราะความร้อนเเละเเสงสว่างจะไม่จ้าเเละเเยงตามากจนเกินไป ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านในสุด ต้องเดินผ่านห้องนอนเข้าไปเท่านั้น ภายในห้องน้ำจะได้อ่างอาบน้ำด้วยค่ะ

เริ่มต้นที่ประตูนะคะ เป็นไม้เพาะโครงปิดผิวด้วยลามิเนต ลายไม้ นอกจากประตูเเล้วผนังด้านข้างประตูช่วงที่ติดป้ายเลขที่ห้องก็มีการตกแต่งผนังช่วงนั้นด้วยไม้ลามิเนตเหมือนกับประตูด้วย

ที่นี่จะให้ Digital Door Lock ของ Samsung มาะนะคะ

เข้าห้องมาเราจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อนเลย ต่อเนื่องไปยังพื้นที่ทานอาหาร และห้องนั่งเล่น ส่วนทางซ้ายมือจะเป็นห้องนอน

ทางเดินตรงนี้จะมีขนาดกว้างประมาณ 1.15 เมตร เดินได้สะดวก คนนึงทำครัว คนนึงเดินเข้าออกยังได้อยู่ พื้นส่วนนี้เเละส่วนทานอาหาร นั่งเล่น ทำกิจกรรมต่างๆจะเป็นพื้นกระเบื้องเเกรนิตโต้ ความสูงถึงฝ้าเพดานบริเวณนี้จะอยู่ที่ 2.4 เมตรค่ะ ทั้งสองข้างทางเดินจะมี Built-in เคาน์เตอร์ครัวเเละชั้นวางรองเท้าต่างๆตามนี้เลย

เคาน์เตอร์ครัวมี Built-in ให้เเบบในรูป หน้าบานเป็นเมลามีน ตัวบานเป็นบานเปิดสวิง มี Soft Close ช่วยกันกระแทก ข้างในตู้ด้านบนไม่ได้มีชั้นวางไว้ให้ เหมาะกับการเก็บอุปกรณ์ครัวอย่างหม้อ ใหญ่ จานชาม หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าพวกเครื่องปั่นค่ะ

ด้านล่างจะมีไมโครเวฟให้นะคะ (ส่วนห้องแบบ 2 Bedroom และ 3 Bedroom จึงจะได้เป็นเตาอบแบบนี้) ส่วนตำแหน่งวางเครื่องซักผ้าก็วางไว้ตรงนี้แทน

Top เคาน์เตอร์จะเป็นวัสดุ Acrylic ซึ่งไม่มีรอยต่อ และทนทานต่อสารเคมีต่างๆ โครงการจะมี Hob&Hood ให้มาของ BOSCH และมีอ่างล้างจานของ Kohler มาให้ ตรงก๊อกน้ำจะไม่เหมือนห้องจริงนะคะ ห้องจริงจะได้ระบบน้ำร้อน ดังนั้นก๊อกตรงนี้จะมีสองก๊อกเเทน(เดี๋ยวเราจะเห็นในห้องแบบ 2 Bedroom) เคาน์เตอร์ลึก 65 ซม. มีพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารด้วย

อีกฝั่งนึงจะเป็น Built-in ชั้นเก็บของ และตำแหน่งวางตู้เย็น ชั้นวางเป็นบานเปิด เปิดได้ทั้งบนและล่าง สามารถเเบ่งพื้นที่เป็นด้านล่างเก็บรองเท้า ด้านบนเก็บพวกของเเห้งสำหรับปรุงอาหารได้ กลิ่นไม่ตีกัน ช่องสำหรับวางตู้เย็นมีขนาด 1.75 x 0.75 ม. (เวลาไปเลือกตู้เย็นจะได้เลือกขนาดพอดีๆช่องนะคะ)

ครัวที่ให้จะได้เป็นครัวปิดค่ะ เป็นประตูบานเลื่อนกระจก 2 ตอน ซ่อนไปยังผนังทางซ้ายมือ ตัวรางจะเป็นแบบฝังพื้น ทำให้เป็นระนาบเดียวกันกับพื้น เดินไม่สะดุด แต่ด้วยความที่เป็นบานเปิดเลื่อน 2 ตอน ทำให้เมื่อปิดสุดขอบจะพอดีกับเเนวผนังเลย ทำให้เกิดช่องว่างที่กลิ่นเเละควันภายในครัวสามารถไหลเข้ามายังในห้องส่วนอื่นๆได้

ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่สำหรับรับประทานอาหาร พื้นที่ตรงนี้จะมีขนาดประมาณ 1.93 x 3 เมตร โครงการจะมีโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งมาให้ตามภาพเลยค่ะ แต่ไม่มีโคมไฟเเละของตกแต่งให้นะคะ

ทางเดินกว้าง 1 เมตร เป็นระยะที่เดินได้สะดวกเลยค่ะ

ที่เจ๋งคือ เฟอร์นิเจอร์อย่างโต๊ะกินข้าวสามารถปรับขยายออกมาได้ เผื่อวันไหนอยากจะ Dinner มื้อใหญ่ กับข้าวเต็มโต๊ะก็มีที่วางเพิ่มขึ้นค่ะ

ถัดเข้ามาจะเป็นพื้นที่ส่วนนั่งเล่นเเละพื้นที่ทำงานค่ะ ถือว่าเป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมที่ถูกจัดให้อยู่ติดระเบียงเเละกว้างเต็มความกว้างของห้องเลย ซึ่งมีขนาด 5.2 x 2 เมตรโดยประมาณ พื้นที่ตรงนี้จะมีการเล่นระดับฝ้าเพดาน และมีการซ่อนไฟ Indirect light ไว้ ทำให้เเสงที่ได้ไม่จ้าเกินไปค่ะ ความสูงของพื้นที่ตรงนี้จะอยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร

ภายในห้องจะให้มาทั้งโซฟา โต๊ะกลมข้างโซฟา ชั้นวางทีวีเเบบนี้ ระยะดูทีวีอยู่ที่ 1.8 เมตรเลย เลือกทีวีได้มากถึงประมาณ 50 นิ้ว

ชั้นวางทีวีมีขนาดกว้างประมาณ 1.6 เมตร มีช่องเปิดเเละลิ้นชักเก็บของได้

หน้าตาโซฟาเเละโต๊ะกลมข้างโซฟาที่ได้เป็นแบบนี้ค่ะ วัสดุ Top โต๊ะเป็นหินด้วย

พื้นที่ตรงนี้จะอยู่ติดกับระเบียงหน้ากว้าง ประตูเป็นบานเลื่อน เปิดออกได้ 2 ฝั่ง ข้างนอกเป็นระเเนงไม้

พื้นภายนอกมีการลดระดับเอาไว้ กันน้ำฝนหรือกรณีซักล้างที่ระเบียงน้ำจะได้ไม่ไหลย้อนเข้าห้อง

ระเบียงมีขนาด 0.90 x 4.00 เมตร กว้างพอดูเลยค่ะ จัดสวนเล็กๆเป็นพื้นที่สีเขียวให้ภายในห้องเพิ่มได้

อีกฝั่งนึงจะเป็นประตูไปยังตำแหน่งวาง Condensing Unit ของแอร์ มีก๊อกน้ำซักล้างให้มาด้วย

จากระเบียงลองมองเข้ามาในห้องนะคะ ห้องค่อนข้างกว้างเเละลึกเลย

หันไปทางขวามือจะเจอกับห้องนอนที่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกเข้ามุมกับพื้นที่นั่งทำงานด้านหลังโซฟา

เฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้จะให้มานะคะ เเละมีความพิเศษตรงที่สามารถดึงลงมากลายเป็นเตียงที่กว้าง  1.6 เมตรได้ เราชอบตรงที่บริเวณตำแหน่งที่เป็นหัวเตียงจะเป็นผนังทึบ ทำให้แสงไม่แยงตามากเกินไปในตอนเช้าค่ะ

สำหรับห้องแบบ 1 Bedroom จะเป็นชุดโต๊ะทำงานที่สามารถ Transform หรือปรับมาเป็นเตียงได้ ส่วนในห้องแบบ Studio จากเตียงนอนสามารถปรับเปลี่ยนเป็นโซฟาได้ค่ะ

ขนาดทางเดินเมื่อปรับเป็นมุมทำงานจะมีความกว้างอยู่ที่ 1.5 เมตร ถือว่ากว้างมากเลยนะคะ

พอเราปรับเป็นเตียงแล้วเท่ากับว่าห้องนี้สามารถนอนได้ 4 คนเลยด้วย

มาดูที่ห้องนอนกันบ้างค่ะ ตัวห้องนอนจะอยู่ลึกเข้าไปไม่ได้ติดระเบียงนะคะ แต่จะมีผนังกั้นเป็นผนังกระจกเข้ามุม ตัวรางมีทั้งบนเเละล่าง สามารถเปิดสุดให้พื้นที่เชื่อมกันได้โล่งๆแบบในภาพบน เเละด้วยความที่เปิดได้กว้างเเละเป็นกระจก ทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเเสงสว่างในห้องนอนเเละการระบายอากาศเลยค่ะ

ตรงประตูสามารถเลื่อนได้ 2 ฝั่ง ติดอยู่นิดนึงเพราะเห็นหลังตู้เสื้อผ้าเลยดูไม่ค่อยเรียบร้อยเลย

ภายในห้องนอนจะได้พื้นเป็น Engineering Wood สีน้ำตาลเข้มนะคะ รางด้านล่างจะถูกฝังไว้ระดับเดียวกันกับพื้นเช่นเคย ทำให้เดินไม่สะดุด

พื้นที่ห้องนอนจะมีขนาดประมาณ 2.6 x 3.5 เมตร ทางโครงการมีเตียงมีฟูกให้เรียบร้อย

ห้องแบบนี้จะมีห้องน้ำอยู่ 1 ห้อง ต้องเข้าจากภายในห้องนอนเท่านั้นค่ะ

ทางเดินเข้าห้องน้ำจะอยู่ที่ 55 ซม. เดินเบียดๆหน่อย ส่วนพื้นที่ข้างเตียงหน้าห้องน้ำจะกว้างประมาณ 50 ซม. ส่วนฝั่งที่ติดประตูกระจกจะเหลือที่ประมาณ 25 ซม.ค่ะ

ปลายเตียงจะมีตู้เสื้อผ้าให้มาด้วย หน้าบานเป็นกระจกสีชา

ประตูเป็นบานเลื่อน มีลิ้นชักเก็บของและช่องวางของตามภาพเลยค่ะ ตรงนี้ไม่มีกระจกเงาให้มา เราอาจจะต้องติดเพิ่มเอง อาจจะวางอยู่ข้างตู้ก็ได้นะคะ จะได้มีระยะยืนส่องเต็มตัวพอดี

เข้ามาดูในห้องน้ำกันบ้างค่ะ ที่Circle REIN สุขุมวิท 12 ในห้องน้ำทุกยูนิตจะให้อ่างอาบน้ำมาด้วยนะคะ พื้นที่จะเเยกส่วนเเห้งเเละส่วนเปียกจากกัน ส่วนแห้งจะมีขนาด 1.75 x 1.9 เมตร

ธรณีประตูเข้าห้องน้ำจะใช้หิน White Carrara Marble  พื้นด้านในลดระดับลงไปเล็กน้อย

อ่างล้างหน้าจะมี Built-in ใต้อ่างและกระจกตามนี้ มีปลั๊กพร้อมฝาครอบให้มาเผื่อใครอยากเป่าผมหลังสระก็ทำได้ ตัวอ่างล้างหน้ามีขนาด 50 x 60 ซม.

ใต้อ่างสามารถเก็บของอุปกรณ์อาบน้ำต่างๆที่ชอบซื้อมาตุนไว้ได้ ภายในห้องน้ำจะใช้สุขภัณฑ์ของ Kohler ทั้งหมดค่ะ

โถสุขภัณฑ์ของ Kohler ให้มาพี้อมสายฉีดชำระเเละที่ใส่กระดาษทิชชู่

ระยะจากขอบโถสุขภัณฑ์ถึงผนังกว้างเกือบ 1 เมตรเลย เดินสบายมากๆ

อ่างอาบน้ำจะให้กระจกกั้นมาครึ่งหนึ่งพื้นที่อ่างกว้าง 90 ซม.

มีฝักบัวให้มา เเละระบบน้ำร้อนที่ใช้ได้ทั้งส่วนอาบน้ำและอ่างล้างหน้า

ฝักบัวของ Kohler จับถนัดมือค่ะ


มาดูห้องตัวอย่างอีกห้องกันค่ะ ห้องนี้เป็นห้องแบบ 2 Bedroom นะคะ มีขนาด 70 ตารางเมตร เป็นห้องหน้ากว้างเช่นกัน และเป็นห้องที่อยู่ตำแหน่งมุมของอาคาร ทำให้ทุกพื้นที่ใช้งานได้ช่องเเสงจากหน้าต่างและประตู ได้ทั้งแสงสว่างและการระบายอากาศด้วย

ภายในห้องจะมี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และ 1 พื้นที่ส่วนกลางที่ประกอบไปด้วยครัว พื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารที่เป็น Open Plan โล่งๆเชื่อมต่อกันหมด เมื่อเข้าห้องมาจะเจอกับพื้นที่ส่วนครัวเเละพื้นที่รับประทานอาหารก่อน และจึงเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียง ส่วนที่เป็นห้องนอนจะอยู่อีกฝั่งนึง ซึ่งเป็นห้องนอนเล็กอยู่ฝั่งตรงข้ามกับประตูทางเข้าห้องเลย โดยห้องนอนนี้จะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับพื้นที่ส่วนรับแขก ซึ่งระยะไม่ได้ไกลจากกันมาก เดินถึงกันสะดวก ส่วนห้องนอนใหญ่จะเป็นห้องริมที่มีห้องน้ำในตัวซึ่งห้องน้ำส่วนนี้จะมีอ่างอาบน้ำให้มาด้วย) จุดเด่นของผังนี้คือพื้นที่ส่วน Common Area ขนาดใหญ่ ทุกห้องติดผนังภายนอก รวมไปถึงห้องน้ำทั้ง 2 ห้องด้วย ทำให้สามารถระบายอากาศได้ดี

เมื่อเข้าห้องมาเราจะเจอกับพื้นที่ครัวทางขวามือและโต๊ะทานอาหารวางอยู่ตรงกลางค่ะ

จากตรงนี้พื้นที่จะเปิดโล่งต่อเนื่องไปยังพื้นที่ส่วนนั่งเล่นเลย ซึ่งอยู่ติดกับระเบียงภายนอก ทำให้ยังได้รับเเสงสว่างเข้ามายังพื้นที่ตรงนี้ ห้องนี้ได้แอร์เป็นแบบ Conceal Type เหมือนกันทั้งโครงการ ไฟเป็นดาวน์ไลท์ฝังฟ้า เเละมีส่วนที่ฝ้าเพดานลดระดับเเละมีการเล่นไฟ Indirect Light หรือไฟหลืบ ทำให้เเสงสว่างภายในห้องดูนวลตามากขึ้น

เคาน์เตอร์ครัวจะอยู่ฝั่งเดียวกันกับประตูทางเข้า โดยครัวที่ได้จะเป็นครัวเปิด Built-in มาให้ครบชุด รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าบางอย่างเช่นไมโครเวฟเเละเตาอบ

โต๊ะทานอาหารที่ให้มาจะให้มาที่ 4 ที่นั่ง ซึ่งเราสามารถนำเก้าอี้มาวางเพิ่มเป็น 6 ที่นั่งได้สบายๆ ในวันไหนที่จัดปาร์ตี้ หรือชวนเพื่อนมาเยี่ยมบ้าน

ทางเดินรอบๆที่วัดมาจากการจัดผังแบบนี้ระยะจากขอบโต๊ะถึงผนังฝั่งที่มาจากประตูทางเข้าจะอยู่ที่ 1.35 เมตร (ภาพบน) เราสามารถทำ Built-in หรือจัดชั้นเก็บของหรือชั้นวางรองเท้าเพิ่มตรงนี้ได้นะคะ เพราะห้องนี้ยังขาดฟังก์ชันนี้อยู่ ส่วนระยะ(ภาพล่าง) จากขอบโต๊ะถึงผนังหน้าประตูห้องกับเคาน์เตอร์ครัวจะอยู่ที่ประมาณ 1 เมตร เป็นระยะที่เมื่อเลื่อนเก้าอี้ออกมาใช้งานยังสามารถเดินอ้อมไปด้านหลังได้อยู่ แต่เมื่อเก็บเก้าอี้เรียบร้อยก็เดินสบายมาก

ชุดครัวได้ช่องเปิดต่างๆตามนี้ มีช่องสำหรับวางตู้เย็นมีขนาดกว้าง 0.80 สูง 1.80 ลึก 0.60 เมตร

มาส่วนนั่งเล่นพักผ่อนกันต่อค่ะ ตรงนี้จะมีความกว้างอยู่ที่ 3.75 เมตร ซึ่งถือว่ากว้างเลยนะคะ แต่การจัดวางเฟอร์นิเจอร์อาจจะต้องเยื้องๆโซฟากับชั้นวางทีวีเล็กน้อย เพราะตำแหน่งที่ตรงเลยจริงๆจะอยู่ติดกับประตูทางเข้าห้องนอนใหญ่ทางซ้ายมือเเทน

ระยะต่างๆก็กว้างขวางเดินสบาย เดินได้โดยรอบ

ชั้นวางทีวีที่ให้มาเป็นดีไซน์เดียวกันกับห้องเมื่อสักครู่ วางระหว่างทางเข้าห้องน้ำกับห้องนอนใหญ่พอดี การใช้งานอาจถูกรบกวนเล็กน้อยเวลามีคนเดินเข้า-ออกห้องนอนใหญ่ เพราะจะต้องเดินตัดหน้าคนดูทีวีพอดี

ชุดโซฟาเเละโต๊ะหน้าโซฟาได้แบบนี้ค่ะ ตัวโซฟาชิ้นนี้สามารถนั่งได้ 3 ที่นั่ง และสามารถปรับเป็น sofa bed ได้ ตรงกับ concept เลย คล้ายกับเตียงที่ transform ได้

โต๊ะหน้าทีวีได้เป็น Top หิน และโครงเป็นไม้ ดูดีนะคะ

จากพื้นที่นั่งเล่นไปยังระเบียงเป็นประตูบานเลื่อนเปิดได้ 2 ทาง

กระเบื้องระเบียงจะใช้เป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีดำ ระเบียงมีขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 2.35 เมตร

ระเบียงมีการออกแบบให้แยกส่วนวาง Condensing Unit ของแอร์ พร้อมทำระแนงกั้นดูเรียบร้อยสะอาดตา

เดี๋ยวเราจะไปดูห้องนอนกันต่อเลยค่ะ

ส่วนห้องนอนพื้นจากกระเบื้องเเกรนิตโต้จะเปลี่ยนเป็นพื้น Engineering Wood สีน้ำตาลเข้มเเทน เก็บงานด้วยเส้นสแตนเลส ดูเรียบร้อย

มาที่ห้องนอนเล็ก ห้องนี้จะมีขนาดอยู่ที่ 3 x 3.75 เมตร เฟอร์นิเจอร์ที่ให้ในห้องนี้จะเป็นเตียงเเบบยกขึ้นมาเก็บได้ มีตู้เสื้อผ้าเเละ Built-in โต๊ะเครื่องเเป้งให้ ฝ้าเพดานมีลดระดับ ส่วนที่สูงอยู่ที่ 2.5 เมตร ส่วนที่ลดระดับลงมาจะอยู่ที่ 2.2 เมตร ซ่อนไฟให้ และฝั่งตรงข้ามเตียงมีเดินระบบไฟต่างๆ สามารถติดตั้งทีวีเเบบเเขวนผนังได้ค่ะ

แอร์จะได้เป็น Conceal Type ค่ะ จากประตูทางเข้าฝั่งนึงจะเป็นตู้เสื้อผ้า อีกฝั่งเป็นโต๊ะเครื่องเเป้ง

ตู้เสื้อผ้าเป็นบานเลื่อน 2 ฝั่ง กว้าง 1.2 เมตร

โต๊ะเครื่องเเป้งขนาดกะทัดรัด มีลิ้นชักมาให้

หน้าต่างได้เต็มความกว้างเเละความสูงของห้องเลย วงกบเป็นอลูมิเนียมสีดำ กระจกได้เป็นลามิเนต ขนาดเตียงประมาณ 2 x 1.6 เมตร

ห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำที่มีหน้าต่างบานกระทุ้งระบายอากาศได้ และมีพัดลมระบายอากาศติดตั้งมาให้ด้วย พื้นและผนังกรุด้วยกระเบื้องเเกรนิตโต้

ทางเดินส่วนที่เเคบสุดอยู่ที่ 55 ซม. ยังสามารถเดินใช้งานได้สะดวก

รุ่นเเละยี่ห้อของสุขภัณฑ์เป็นของ Kohler เหมือนเดิมค่ะ

ห้องนี้จะได้ห้องอาบน้ำเเทนอ่างอาบน้ำนะคะ มีฉากกั้นอาบน้ำให้มาเป็นกระจก ประตูบานเปิดเข้า ทำให้น้ำไม่ไหลหยดออกมานอกห้องน้ำ

มีธรณีประตูกันน้ำไหลย้อนออกมา พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 0.90 x 1.25 เมตร หมุนตัวใช้งานสะดวกเลยค่ะ

ฝักบัวเป็นระบบน้ำร้อน ปรับอุณหภูมิได้เอง

มาดูที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ห้องนี้จะมีหน้าต่าง 2 ฝั่งผนัง แต่ไม่มีระเบียง การออกแบบช่องเเสงจะออกเเบบให้ชุดหน้าต่างติดตั้งอยู่สูง ทำให้จัดวางเฟอร์นิเจอร์ชิดผนังได้ง่าย แต่ก็แอบเสียดายที่กลายเป็นห้อง Master Bedroom ที่มีช่องแสงน้อยไปหน่อย มองไม่เห็นวิว เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวมากกว่า

ไฟที่เพดานสามารถปรับสีสร้างบรรยากาศได้ หรือจะสั่งงานให้เปลี่ยนสีไปเรื่อยๆก็ได้ค่ะ ไฟแบบนี้จะให้มาทุกห้องที่เป็นห้องนอนใหญ่ของแต่ละยูนิตนั้นๆ

เตียงนอนของห้องนอนนี้จะเป็นเตียงนอนแบบตั้งถาวร

ปลายเตียงมีทางเดินอยู่ที่ 60 ซม. สามารถวางทีวีเเบบเเขวนผนังได้ ส่วนทางเดินฝั่งผนังด้านในจะมีระยะเหลืออยู่ที่ 55 ซม. ส่วนฝั่งหน้าตู้เสื้อผ้าอยู่ที่ 80 ซม. ถือว่าระยะโดยรอบใช้งานได้สะดวก

ตู้เสื้อผ้าเเละโต๊ะเครื่องเเป้งจะดีไซน์เดียวกันกับห้องเมื่อซักครู่ ตู้เสื้อผ้ามีขนาดกว้าง 1.2 เมตร

ห้องน้ำจะถูกแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนเปียกกับส่วนเเห้ง เมื่อเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ส่วนเเห้งก่อน ตรงนี้พื้นที่จะมีขนาดประมาณ 1.55 x 1.85 เมตร

สุขภัณฑ์และดีไซน์ Built-in ต่างๆเหมือนเดิมค่ะ เป็นของ Kohler

มาที่ส่วนเปียกกันบ้าง ตรงนี้จะมีประตูเปิดปิดเข้าไปนะคะ พื้นที่จะเเบ่งครึ่งนึงเป็นอ่างอาบน้ำ อีกครึ่งเป็นทางเดิน ซึ่งเราสามารถนำฝักบัวถือออกมาอาบด้านข้างนี้ได้ มีท่อระบายน้ำให้เรียบร้อย เผื่อวันไหนไม่อยากปีนเข้า-ออก อ่างอาบน้ำ

พวกอุปกรณ์อาบน้ำไม่ได้มีที่วางให้มา อาจจะต้องติดตั้งเพิ่มหรือวางไว้ขอบอ่างเเทน

ตรงนี้จะมีหน้าต่างที่สามารถระบายอากาศได้ เป็นช่องเเสงได้ ด้านนอกจะเป็นที่วาง Condensing unit ของแอร์ค่ะ

สำหรับห้องแบบอื่นๆเราลองมาดูผังห้องกันแทนนะคะ ห้องแบบ Studio ของโครงการนี้จะเรียกว่าเป็น Transform Unit ขนาดประมาณ 30 ตร.ม. ที่ถูกเรียกว่า Transform มาจากการที่พื้นที่ส่วนกลาง ที่เป็นที่นอน เตียงนอน สามารถ Transform หรือปรับเปลี่ยนมาเป็นพื้นที่นั่งเล่น เปลี่ยนเป็นโซฟาเเทนได้ เราสามารถปรับการใช้งานได้ตามสะดวก เช่นเมื่อเพื่อนมาบ้าน อยากเล่นบอร์ดเกมส์กัน ก็สามารถเก็บเตียง เเละนั่งล้อมวงเล่นกันได้ พอจะนอนก็ดึงเตียงลงมาเป็นที่นอน ตรงนี้ก็สามารถทำความสะอาดใต้เตียงได้ง่าย แต่การใช้งานเตียงที่ต้องดึงขึ้น-ลงนั้นก็ไม่แน่ใจถึงการใช้งานนะคะว่าในระยะยาวจะมีปัญหาอะไรบ้างไหม?

ห้องนี้จะเป็นห้องแนวลึก เมื่อเข้ามาเราจะเจอกับครัวปิดก่อนอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ทางขวามือ มีอ่างอาบน้ำให้มาด้วย จากครัวมีประตูเลื่อนเปิดไปยังพื้นที่ส่วนห้องนอน มีโต๊ะทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งอยู่ทางซ้าย สามารถวางทีวีได้ และมีพื้นที่ริมหน้าต่างเป็นมุมทำงานอ่านหนังสือได้เเละมีระเบียง

  มาดูที่ห้อง 1 Bedroom Type 1B ห้องนี้จะคล้ายกับห้อง 1 Bedroom ที่เป็นห้องตัวอย่างที่เราพาไปดูกัน แต่จะมีความลึกที่มากกว่า ทำให้มี Extra Room เพิ่มเข้ามา และได้ครัวที่ยาวมากขึ้น ห้องนี้จะดีตรงที่ห้องน้ำสามารถเข้าได้ 2 ทาง ทำให้เมื่อมีเเขกมาเเล้วต้องการจะเข้าห้องน้ำ ก็ไม่ต้องผ่านห้องนอนซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเราเข้ามายังห้องน้ำ ส่วน Extra Room ที่เป็นห้องเพิ่มเข้ามาจะเป็นห้องที่ขนาดไม่กว้างมากกะดูน่าจะประมาณ 1.5 เมตร เเต่เป็นห้องเเนวลึก และไม่มีหน้าต่าง สามารถทำเป็นห้องทำงาน ห้องเก็บของ หรือ Walk-in Closet แบบในเเปลนที่เค้าไกด์มาก็ได้ค่ะ

ห้อง 2 Bedroom 2B และ 2C จะมีผังที่เหมือนกันเลย แต่จะมีขนาดต่างกันที่ห้อง 70 ตร.ม. กับห้อง 74.75 ตร.ม. สองแบบนี้จะต่างกับห้อง 2 Bedroom ที่เราพาไปดูที่ห้องตัวอย่าง ตรงที่ห้องนี้จะมีทางเดินเเยกก่อนเข้าพื้นที่ห้องนอนค่ะ ตรงนี้พอมีเเล้วก็จะทำให้พื้นที่พักผ่อนได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเเขกที่มาเยือนก็จะไม่สามารถมองเข้ามาเห็นภายในห้องนอนเราได้โดยตรง แต่ก็จะมีห้องน้ำเเขกและห้องน้ำของห้องนอนเล็กที่จะไม่ติดกับผนังภายนอก ทำให้ต้องเปิดไฟเมื่อใช้งานและใช้พัดลมระบายอากาศเเทน ส่วนพื้นที่ห้องนั่งเล่นสำหรับห้องนี้ก็จะเป็นสัดส่วนมากขึ้น ไม่มีคนเดินผ่านตัดหน้าเมื่อเราดูหนังดูทีวีหรือเล่นเกมส์อยู่ แล้วตำเเหน่งของโซฟากับชั้นวางทีวีก็ตรงกันด้วยค่ะ

ส่วนห้อง 2 Bedroom แบบ 2D นี้จะมีขนาด 77.36 ตร.ม. พื้นที่ใช้งานจะถูกแบ่งเป็นสองฝั่งเหมือนกัน แต่จะมีระเบียงที่กว้างเต็มหน้ากว้าง เชื่อมส่วนนั่งเล่นเเละห้องนอนเข้าด้วยกัน ทำให้ห้อง Master Bedroom นี้ได้ระเบียงด้วย ห้องนี้ยังได้เป็นครัวเปิดเเละมีพื้นที่ทางเข้าห้องที่ยังโล่งอยู่สามารถทำ Built-in วางของได้ค่อนข้างเยอะ ห้องนอนเล็กก็จะมีพื้นที่ปลายเตียงที่กว้างมากขึ้น สามารถจัดมุมทำงานภายในห้องนอนได้ ส่วนห้องนอนใหญ่ก็มีขนาดที่ค่อนข้างโปร่งขึ้น ปลายเตียงกว้างขึ้น แต่มีผังที่เเปลกตรงที่อ่างล้างหน้าอยู่นอกส่วนอ่างอาบน้ำเเละโถสุขภัณฑ์ ตรงนี้เนื่องจากไม่ได้เข้าไปเห็นในห้องตัวอย่างจึงไม่เเน่ใจว่าทำงานระบบอย่างท่อ Drain น้ำไว้บริเวณนี้ด้วยรึเปล่า? แต่ดูเเล้วในแง่การใช้งานอาจจะมีการเลอะเทอะน้ำหยดจากการล้างหน้า แปรงฟันได้ค่ะ

ห้อง 2 Bedroom แบบ 2E เป็นห้อง 2 Bedroom ขนาดใหญ่สุดในโครงการ ห้องนี้ยังได้เป็นครัวเปิด ห้องน้ำ 2 ห้อง แต่จะมีพื้นที่ Working Area แยกออกมาให้ ห้องนอนเล็กจะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับเเขก แต่คราวนี้ตำแหน่งของห้องน้ำจะต้องเดินข้ามฟังก์ชันครัวมาก่อน ซึ่งระยะไม่ได้ไกลมาก ยังสามารถใช้งานได้สะดวก ห้องนอนใหญ่จะได้ระเบียง ซึ่งยาวต่อเนื่องมายังพื้นที่ห้องนั่งเล่นเลย แต่ประตูทางเข้าห้องนอนใหญ่จะต้องเดินผ่านส่วนนั่งเล่นก่อน ซึ่งอาจรบกวนคนที่ดูทีวีอยู่ได้ค่ะ ภายในห้องนอนใหญ่จะมีพื้นที่ Walk-in Closet เป็นสัดส่วน ห้องน้ำก็จะมีทั้งอ่างอาบน้ำและส่วนที่เป็น Shower ให้มาด้วยค่ะ

มาดูที่แบบสุดท้ายห้อง 3 Bedroom มียูนิตเดียวในโครงการและขายไปแล้วค่ะ ห้องนี้จะมีขนาด 155.37 ตร.ม.เป็นห้อง 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เมื่อเข้ามาจะเจอกับพื้นที่Common Area หรือจะเรียกว่าเป็น Family Area ของห้องก็ได้ค่ะ เป็นพื้นที่ที่สามารถมาใช้งาน ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันได้ มีครัวเปิด เเละโต๊ะทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่ง สามารถวางเพิ่มเป็น 6 ที่นั่งได้สบายๆ พื้นที่นั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟา 3-4 ที่นั่งได้ พื้นที่ตรงนี้สามารถออกไปยังระเบียงได้ ระเบียงห้องนี้จะได้ระเบียงที่ใหญ่เลยค่ะ สามารถจัดชุดโต๊ะเก้าอี้ outdoor วางไว้ นั่งชิลล์รับลมได้ด้วย ส่วนห้องนอนจะอยู่ทั้ง 2 ฝั่ง คือฝั่งที่ติดกับครัวจะเป็นห้องนอนใหญ่ ห้องนอนใหญ่จะได้ระเบียงส่วนตัว ภายในห้องค่อนข้างกว้าง วางเตียงนอน King Size ได้สบาย เเละยังจัดชุดโซฟาสำหรับพักผ่อน ดูทีวีส่วนตัวภายในห้องเพิ่มได้อีกด้วย ห้องนี้จะมี Walk-in Closet แยกเป็นสัดส่วนก่อนเข้าไปยังห้องน้ำ ที่ได้ทั้งอ่างอาบน้ำ Shower และอ่างล้างหน้าแบบ His&Her เลย ส่วนห้องนอนเล็กอีก 2 ห้องจะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน และเป็นห้องน้ำที่เเขกสามารถใช้งานด้วยได้ ห้องน้ำจะเเยกส่วนเปียกเเละส่วนเเห้งไว้ ส่วนเปียกจะพิเศษตรงที่มีทั้งอ่างอาบน้ำและ Shower ให้เลือกใช้งาน ส่วนห้องนอนเล็กจะมีห้องนึงที่เล็กหน่อย วางเตียง 3.5 ฟุตก็จะเหลือพื้นที่ข้างๆ ทำเป็นตู้เสื้อผ้า หรือมุมทำงานได้หลวมๆ หรือถ้าจะวางเตียง 5 ฟุตก็ได้อยู่แต่พื้นที่ทางเดินรอบๆก็จะเล็กลงแทน ส่วนห้องนอนอีกห้องจะเป็นห้องนอนที่ขนาดใหญ่เช่นกันค่ะ มีระเบียงหน้ากว้างเต็มความกว้างของห้องเป็นระเบียงส่วนตัวด้วย ห้องนี้วางเตียง King size ได้สบาย วางตู้เสื้อผ้า ชั้นวางทีวี และมุมทำงาน โต๊ะเครื่องเเป้งส่วนตัวภายในห้องได้เลย ขนาดพอเป็นห้อง Master Bedroom เลยได้ เพียงแต่ไม่มีห้องน้ำในตัวเท่านั้นค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 15 January 2019

  • 1 Bedroom Type 1A ชั้น 3 ห้อง 3-108 เนื้อที่ 45.03 ตร.ม. ราคา 8.175 ล้านบาท หรือ 181,563 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished 
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 50,000 บาท
  • ทำสัญญา 200,000 บาท
  • ค่ากองทุน 650 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล – โครงการ Circle REIN สุขุมวิท 12 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 12 ใกล้กับ BTS สถานี interchange อย่าง BTS อโศกเเละ MRT สุขุมวิท ในระยะเดินได้ไม่ลำบาก (มี Shuttle Bus รับส่งปากซอยสุขุมวิท 12 ด้วย) ย่านนี้นับว่าเป็นทำเลใจกลางเมืองที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยห้างสรรพสินค้า สถานศึกษาชื่อดัง และยังนับเป็นอีกหนึ่งย่าน CBD หรือ Central Business District อีกจุดหนึ่งของกรุงเทพอีกด้วย บรรยากาศภายในซอย 12 เป็นซอยตัน จึงไม่มีรถพลุกพล่านผ่านหน้าโครงการมากนัก แต่ก็ยังไม่เงียบเหงาเพราะภายในซอยมักจะเป็นที่อยู่อาศัย , Mansion และโรงเเรม ทำให้มีร้านอาหารข้างทางอยู่มาก รวมไปถึงร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟที่อยู่ภายในซอยเเละอยู่บริเวณปากซอยอีกด้วย

การเดินทางโดยใช้รถ – ถึงเเม้ว่าจะอยู่ใจกลางเมืองอย่างอโศกที่มีถนนใหญ่ตัดผ่านอย่างถนนสุขุมวิทที่สามารถเข้าเมืองไปยังโซนสยามได้ง่ายหรือจะวิ่งตรงยาวไปยังแถบสมุทรปราการได้ และถนนอโศกมนตรี กับถนนรัชดาภิเษกที่ใช้เดินทางไปยังพระราม 9 หรือพระราม 4 ก็ได้ แต่ก็เรียกได้ว่าทำเลนี้เป็นย่านที่รถติดอันดับต้นๆของประเทศเลยทีเดียว ส่วนตัวเคยทำงานอยู่แถวนี้ก็พยายามจะใช้รถสาธารณะ เรือ หรือวินมอเตอร์ไซค์เเทนการขับรถ หรือว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงช่วงเวลารถติดอย่างช่วงคนเข้างานหรือเลิกงานมาก เพราะการขับรถเเถวนี้อาจทำให้เสียสุขภาพจิตได้ง่ายๆเลยค่ะ ภายในโครงการมีที่จอดรถให้ 70 คันคิดเป็น 57.4% ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ แต่การจอดรถจะจอดเป็นระบบ hydraulic parking ที่อาจจะยากในการจอดเข้าเเละขับออกมากกว่าการจอดเข้าซองแบบปกติอยู่ค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – อย่างที่บอกไปว่าทางโครงการมี shuttle bus รับ-ส่งปากซอยสุขุมวิท 12 และจากปากซอยสามารถเดินไปยัง BTS ได้ในระยะประมาณ 200 เมตรค่ะ และด้วยความเป็นสถานี Interchange ทำให้สามารถใช้งานได้ทั้งรถไฟฟ้าสายสีเขียว และรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินได้สะดวก ส่วนตัวเลือกอื่นๆในการเดินทางก็จะมีเช่นวินมอเตอร์ไซค์ที่เรียกใช้งานได้สะดวก มีป้ายรถเมล์ทั้งสองฝั่งถนนเส้นสุขุมวิท หรือจะเรียกเเท๊กซี่ด้วยการโบกหรือเรียกผ่าน Application ก็ง่ายค่ะ

วัสดุ – ภายในโครงการตกแต่งด้วยวัสดุที่ค่อนข้างดี ไม่ใช่แค่ทาสีเรียบๆ มีการ Paint ภาพบนผนัง ใช้หิน ไม้ มาตกแต่งเป็นผนังและฝ้าเพดาน ส่วนในตัวห้องก็จะให้มาเป็นแบบ Fully Furnished ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์และฟูกเลย ดีไซน์เตียงพับเก็บได้ เฟอร์นิเจอร์สามารถปรับเปลี่ยนได้ มีทั้งหินเเละไม้ที่เป็นวัสดุของเฟอร์นิเจอร์ ส่วนตัวห้องพื้นจะได้เป็นกระเบื้องเเกรนิตโต้ในส่วนนั่งเล่นทานข้าว ส่วนห้องนอนจะได้เป็น Engineering Wood สีน้ำตาลเข้ม ภายในห้องเลือกใช้ไฟดาวน์ไลท์และมี LED Ribbon ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ซ่อนอยู่บนฝ้าเพดานที่ลดระดับภายในห้องนอน เเอร์เป็นแบบ Conceal Type ทุกห้อง ภายในครัวให้ Built-in มาพร้อมใช้งาน มี Hob&Hood ของ BOSCH อ่างล้างจานของ Kohler, Top Counter ครัวได้เป็น Acrylic ที่ทนต่อสารเคมีและไร้รอยต่อ Back Splash กันเปื้อนบริเวณผนังครัวจะได้เป็นกระจกสีดำ วัสดุปิดผิว Built-in ชั้นเก็บของได้เป็นเมลามีน อุปกรณ์ไฟฟ้าให้ไมโครเวฟทุกห้อง ส่วนห้องแบบ 2 Bedroom และ 3 Bedroom จะได้เตาอบของ BOSCH ส่วนห้องน้ำสุขภัณฑ์จะได้ของ Kohler ทั้งหมดมี Built-in ชั้นวางของใต้เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าให้ และสุดท้ายชุดประตูหน้าต่างกระจกจะได้วงกบเป็นอลูมิเนียมสีดำ กระจกเป็นลามิเนต 5+5 มม.

การออกแบบ – ภาพรวมโครงการมีจำนวนยูนิตไม่มาก 121 ยูนิต มีการออกแบบเน้นเเสงสว่างภายในอาคาร ทางเดินแบบ Single Corridor มีความเป็นส่วนตัว ส่วนกลางจะอยู่ที่ชั้น 1 ชั้น 8 และชั้นดาดฟ้า ออกแบบดูเรียบง่ายแต่ดีเทลการใช้ไฟ หรือองค์ประกอบอย่างการเลือกราวกันตกกระจกสวยดี ภายในห้องพักมีให้เลือกตั้งแต่แบบ Studio ไปจนถึง 3 Bedroom ห้องพักเริ่มขนาดใหญ่ พื้นที่ใช้สอยแม้กระทั่ง Studio ก็ได้ค่อนข้างเยอะ ไม่อึดอัด มีการทำความคิดแบบ Transform หรือการปรับเปลี่ยนได้มาใช้ เช่นการพับเก็บเตียงทำให้เกิดพื้นที่ใช้งานที่ Multi-Function มากขึ้น ห้องน้ำทุกยูนิตก็จะได้อ่างอาบน้ำที่ดูแล้วค่อนข้างพิเศษกว่าโครงการอื่นๆ

สาธารณูปโภค – จำนวนยูนิตห้องไม่มาก ดังนั้นพื้นที่ส่วนกลางก็ไม่ได้เยอะ แต่ถือว่าครบครัน มี Lobby, Fitness, สระว่ายน้ำ และสวนเหมือนมาตรฐาน และยังมีพื้นที่อื่นๆเพิ่มเติมขึ้นมาอย่าง Library, Onsen, BBQ Area และพื้นที่ไดรฟ์กอล์ฟ พื้นที่สีเขียวจะมีทางด้านหน้าอาคารเล็กน้อย แต่จะมีสวนอยู่ที่ชั้นดาดฟ้า ทั้งต้นไม้ สนามหญ้า และดอกไม้

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาประมาณ 180,000 บาท/ตร.ม., 31 January 2019

  • ทำเล 8.25/10 – อยู่ใจกลางเมือง เป็นซอยตันแต่มีความอุดมสมบูรณ์โดยรอบมาก
  • เดินทางด้วยรถ 7.25/10 – เป็นซอยตัน ต้องออกมาเส้นสุขุมวิทเท่านั้น ซึ่งรถค่อนข้างหนาแน่น
  • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – ใกล้ระบบขนส่งมวลชนทั้ง BTS, MRT, รถเมล์, วินมอเตอร์ไซค์ และเรียกแท๊กซี่ได้สะดวก ทั้งหมดนี้ในระยะเดินถึง
  • วัสดุ 8.75/10 – ให้เป็นแบบ Fully Furnished วัสดุได้ค่อนข้างดี
  • แบบ 8.25/10 – จำนวนยูนิตน้อย พื้นที่ใช้สอยภายในห้องกว้าง
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ส่วนกลางเเละสระว่ายน้ำอยู่ที่ชั้น 1 และชั้นดาดฟ้า ขนาดเหมาะสมกับจำนวนยูนิต

  • LUXURY CLASS
  • 8.05 / 10.00

BOTTOM LINE

Circle REIN สุขุมวิท 12 เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดพร้อมอยู่ใจกลางเมืองในย่านอโศก เน้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า มีส่วนกลางให้ใช้ครบ ชอบความเป็นส่วนตัวและอยากได้ห้องขนาดใหญ่  ได้วัสดุค่อนข้างดี มีงบประมาณ 5-10 ล้าน สำหรับห้องแบบ 1 Bedroom และ 10-12 ล้านสำหรับ 2 Bedroom หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 40,000-80,000 บาท/เดือน