รีวิว 125 Sathorn คอนโดเปิดตัวใหม่ล่าสุดบนทำเลติดถนนสาทร และแม้ว่าจะเป็นโครงการระดับ Luxury Class แต่เค้าก็ทำราคา Package ออกมาให้คนทั่วไปเอื้อมถึงได้  โดยห้องส่วนใหญ่จะเป็น Type 1 Bedroom เริ่ม 5.9 ล้านบาท 6.9 ล้านบาท* (Update 10/2/66) เราสรุปความน่าสนใจออกเป็นหัวข้อ ดังนี้ค่ะ

  • ทำเลติดถนนใหญ่สาทร : เดินทางสะดวกไม่ต้องเข้าซอย และเป็นแปลงที่ดินหน้ากว้างติดกับถนนสาทรถึง 97 เมตร ทำให้สามารถออกแบบให้ดูโอ่อ่า เป็นที่สังเกตได้ง่าย
  • ใกล้ Skywalk ช่องนนทรี 300 เมตร : นับเป็นใจกลางสาทรก็ว่าได้ เพราะเป็นโซนที่มีอาคารสำนักงานทั้งของไทยและต่างประเทศกระจุกตัวกันเยอะที่สุดบนถนนสาทร และเจ้า Skywalk นี้ก็เดินเชื่อมไปถึง BTS ช่องนนทรีได้เลยด้วย
  • ราคา Package เริ่ม 5.9 ล้านบาท 6.9 ล้านบาท* (Update 10/2/66) : โครงการเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom 28-36 ตร.ม. ประมาณ 80% เลย ทำให้มีห้องราคาช่วง 6-8 ล้านให้เลือกเยอะ ซึ่งเป็นของหายากในทำเลใจกลางสาทร เพราะคอนโดโซนนี้นิยมทำห้องขนาดใหญ่ ราคา Package จึงสูงตามไปด้วย
  • Facility ส่วนกลางเยอะ ฟังก์ชันรองรับทุกช่วงวัย : ไม่แพ้โครงการอื่นๆ แน่นอน ให้มาเยอะ  ส่วนกลางออกแบบมาเพื่อใช้งานแทนบ้านได้, แทนที่ทำงานได้ และแทนสถานที่สังสรรค์ พบปะเพื่อนๆ ได้ แชร์กับลูกบ้าน 755 ยูนิตนะคะ

แค่เกริ่นโครงการก็น่าสนใจแล้วใช่มั้ยคะ แต่หลายคนอาจไม่คุ้นหูกับชื่อของ Developer “PMT Property” เพราะเป็น Developer เจ้าใหม่ในวงการอสังหาฯ แต่ไม่ใหม่ในแวดวงธุรกิจอย่างแน่นอน โดย PMT เป็นการร่วมมือกันระหว่าง 3 บริษัทใหญ่ของไทยและญี่ปุ่น ได้แก่

บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA) ของไทยที่ทำธุรกิจหลายพอร์ต ทั้งธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือ, กลุ่มธุรกิจนอกชายฝั่ง, เคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มอย่าง PizzaHut และ Taco Bell ซึ่งปีที่แล้วก็ทำกำไรถึง 3,800 ล้านบาท

บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลอปเมนท์ (KRD) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ญี่ปุ่น ที่อยู่ภายใต้เครือบริษัทคันไซ อิเลคทริค เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น

บริษัท โทเร คอนสตรัคชั่น จำกัด (TCC) เป็นบริษัทในเครือของบริษัทโทเร อินดัสตรีย์ อิงค์ ทำธุรกิจเกี่ยวกับการออกแบบ ก่อสร้าง ควบคุม และงานวิศวกรรมโยธา และให้บริการเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการคอนโด โครงการบ้าน มีบริการให้คำปรึกษาสินเชื่อที่อยู่อาศัย

จึงไม่ต้องแปลกใจที่ตัวอาคารมีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น มีความพิถีพิถัน และมีเทคนิคในการจัดแปลนห้องขนาดกระทัดรัดได้ลงตัว โดยเลือกใช้บริษัทออกแบบชื่อดัง ทั้ง Palmer&Turner, Design Worldwide Partnership (Dwp) และ Trop Landscape  ไปชมรายละเอียดกันค่ะ

ข้อมูลโครงการ

125 Sathorn (125 สาทร) ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2565

 ชื่อโครงการ  125 Sathorn (125 สาทร)
 ชื่อผู้ประกอบการ  PMT Property Company Limited
 SEGMENT CLASS  LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนนสาทรใต้ เขตสาทร
 ที่ดิน  3-1-25 ไร่
 ประเภทคอนโด  High Rise 36 ชั้น 1 Building 2 Tower
 จำนวนยูนิต  755 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด  16 ยูนิต ที่ City-View Residence Tower
 ที่จอดรถ  433 คัน คิดเป็น 57% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) แบ่งเป็นที่จอดแบบ Automatic Parking 275 คัน และที่จอดแบบปกติ 158 คัน
 เริ่มก่อสร้าง  ช่วงครึ่งปีหลัง ปี 2565
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  ปี 2569
 ประเภทห้องพัก
  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 28.55-43.70 ตร.ม.
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 59.70-103.85 ตร.ม.
  • 3 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 120.15-152.45 ตร.ม.
  • 4 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 178.35-178.90 ตร.ม.
  • Duplex Penthouse พื้นที่ใช้สอย 163.60-330.60 ตร.ม.
  • Penthouse พื้นที่ใช้สอย 260.75-282.85 ตร.ม.

 ฝ้าเพดานสูง  Bedroom, Living Room 3 เมตร
Service Zone (Kitchen, Bathroom) สูง 2.7 เมตร
 ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท 6.9 ล้านบาท* (Update 10/2/66)
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ ประมาณ 250,000 บาท/ตร.ม.
 ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด) n/a
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ผ่านแล้ว
 เว็บไซต์โครงการ https://www.125sathorn.com
 Call Center +6691-125-8558

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.722628, 100.533772
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ 125 Sathorn อยู่บนทำเลที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Real CBD (Central Business District) หรือใจกลางเขตธุรกิจ อีกหนึ่งย่านของกรุงเทพมหานครในปัจจุบัน

ทำให้พื้นที่โดยรอบโครงการ 125 Sathorn นั้นเต็มไปด้วยอาคารสำนักงานต่างๆ ของบริษัทชั้นนำในประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นตึกสูงระฟ้าเต็มไปหมด มีสถานศึกษาชื่อดัง ร้านอาหารระดับ Hi-End ห้างสรรพสินค้า และโรงแรมระดับ 5 ดาว รวมถึงมีสวนสาธารณะขนาดใหญ่ และที่สำคัญคือการคมนาคม ซึ่งย่านนี้มีทั้งรถไฟฟ้าที่ตัดผ่ากลางกับมีทางด่วนอยู่ด้วย ทำให้พื้นที่นี้เรียกว่าเป็นแหล่งงานที่ครบครันทีเดียวค่ะ

และด้วยความครบครันของย่านนี้ทำให้ทำเลนี้กลายเป็นทำเลที่มีความต้องการสูง ราคาที่ดินจึงถีบตัวขึ้นอยู่เรื่อยๆ มี Developer เจ้าใหญ่ซื้อที่ดินกันมากมาย ตั้งแต่ที่ดินแปลงทั่วไปจนถึงที่ดินของสถานฑูตเลยทีเดียวค่ะ ทำให้คอนโดในย่านนี้ส่วนใหญ่เป็นคอนโดระดับ Luxury – Ultimate Class ในระดับราคาต่อตาราเมตรเฉลี่ยก็ประมาณ 200,000 บาทขึ้นไปกันแล้วค่ะ เรียกได้ว่าเป็นแหล่งงาน+แหล่งที่อยู่อาศัยของคนมีระดับกำลังซื้อสูง

Image 1/3
ภาพจำลองโครงการ One Bangkok ขอบคุณภาพจาก onebangkok.com

ภาพจำลองโครงการ One Bangkok ขอบคุณภาพจาก onebangkok.com

นอกจากนี้ก็ยังมี Mega Project ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างตรงบริเวณแยกวิทยุก็กำลังก่อสร้างกันอยู่กับ “One Bangkok” จาก TCC ที่ได้ชนะการประมูลที่ดินสวมลุมไนท์บาซาร์เดิม ซึ่งภายในจะมีทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรมหรู ที่พักอาศัยระดับ Ultra Luxury ธุรกิจค้าปลีก พื้นที่พักผ่อน พื้นที่ศิลปะและวัฒนธรรม รวมถึงพื้นที่สีเขียว หรือถัดไปที่หัวมุมแยกสีลมก็มีการเปิดตัวไปแล้วเช่นกันกับ “Dusit Central Park” โครงการ Mix-Used ระหว่างโรงแรม คอนโดมิเนียม ศูนย์การค้าและออฟฟิศ และอีกโครงการหนึ่งที่จะมาช่วยเสริมสร้างบรรยากาศในกับโซนสาทรนั่นก็คือสวนสาธารณะคลองช่องนนทรี ที่ได้เปิดให้เข้าใช้งานเป็นบางส่วนแล้ว โดยทั้ง 3 โครงการที่กล่าวมามีกำหนดจะแล้วเสร็จในปี 2025 พอดีกับที่คอนโด 125 Sathorn มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2026 ก็ทันได้ใช้งานพอดีค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

Mass Transportation

  • Chong Nonsi Station ~ 500 m.
  • Saladaeng Station ~ 1.1 km.
  • Sirat Expressway ~ 1.3 km.
  • Lumphini Station ~ 1.6 km.
  • Chalerm Mahanakorn Expressway ~ 3 km.

Department Stores

  • Silom Complex ~ 1.3 km.
  • CentralWorld ~ 3.3 km.
  • Gaysorn Village ~ 3.9 km.
  • Central Embassy ~ 4.2 km.
  • Siam Paragon ~ 4.6 km.
  • Icon Siam ~ 4.9 km.

Hospitals

  • BNH Hospital ~ 700 m.
  • Saint Louis Hospital ~ 1.6 km.
  • The Bangkok Christian Hospital ~ 3.1 km.
  • Chulalongkorn Memorial Hospital ~ 3.4 km.
  • BDMS Wellness Clinic ~ 3.8 km.

Education

  • St. Joseph Convent School ~ 750 m.
  • St. Andrews International School ~ 850 m.
  • Bangkok Christian College  ~ 1.3 km.
  • Assumption College ~ 2.5 km.
  • Shrewsbury International School ~ 3.3 km.
  • Chulalongkorn University ~ 4.5 km.
  • King’s College International School ~ 5 km.

Office Building

  • Bangkok City Tower ~ 400 m.
  • Sathorn Thani Building ~ 550 m.
  • Sathorn Square Building ~ 600 m.
  • Empire Tower ~ 650 m.
  • Thai Wah Plaza ~ 1 km.
  • The PARQ ~ 2.7 km.

Corporate Headquarters

  • Bank of China ~ 350 m.
  • Standard Chartered Bank ~ 600 m.
  • Tisco Bank ~ 1 km.
  • Bangkok Insurance ~ 1.1 km.
  • Bangkok Bank ~ 1.2 km.
  • JP Morgan Chase Bank ~ 1.2 km.
  • Deutsche Bank ~ 3.3 km.

Embassies & Consulates

  • Embassy of the Republic of Singapore ~ 10 m.
  • Embassy of the Kingdom 0f Belgium ~ 500 m.
  • Embassy of Malaysia ~ 750 m.
  • British Embassy ~ 800 m.
  • German Embassy ~ 1 km.
  • Embassy of Denmark ~ 1.2 km.

Luxury Hotels & Accommodation

  • W Bangkok ~ 650 m.
  • Banyan Tree Bangkok ~ 750 m.
  • ASCOTT Sathorn Bangkok ~ 750 m.
  • The Sukhothai Bangkok ~ 900 m.
  • SO/ Bangkok ~ 1.2 km.
  • U Sathorn ~ 2 km.

Future Landmark Developments

  • Klong Chong Nonsi Canal Park (Completion : 2025)
  • Dusit Central Park  (Completion : 2025)
  • One Bangkok  (Completion : 2025)

โครงการ 125 Sathorn ตั้งอยู่ติดกับถนนสาทรฝั่งใต้ ถือว่าเป็นขาออกเมืองก็จริง แต่ก็จะสะดวกสำหรับคนที่จะไปทำงานในตัวเมืองสาทรนะ เพราะตำแหน่งโครงการจะอยู่ในช่วงสาทรตอนต้นพอดีจะกลับรถเข้าถนนวิทยุ ไปโซนสีลมก็ไม่ลำบากค่ะ เพราะมีจุดกลับรถอยู่ไม่ไกลระยะประมาณ 650 m. แต่โซนนี้ก็ต้องทำใจว่าความหนาแน่นบนท้องถนนนั้นจะมากหน่อย ถึงแม้จะได้ยินอยู่บ่อยๆว่าในเมืองนั้นรถติดมาก แต่คนที่เลือกอยู่ทำเลในเมืองและยอมจ่ายเงินที่แพงกว่า ก็เพื่อแลกมากับความใกล้สถานที่ทำงาน ใกล้ทางด่วน ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง ใกล้ร้านอาหารขึ้นชื่อ และมีแน่นอนว่ามีรถไฟฟ้าเป็นตัวเลือกในการเดินทางด้วย

รวมถึงยังมีทางด่วนให้เลือกใช้เพื่อเข้า-ออกเมืองได้ถึง 2 เส้นทางคือ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ซึ่งจุดที่ใกล้ที่สุดคือทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ด่านบ่อนไก่) ที่อยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 3.5 km. เท่านั้นเอง

อีกหนึ่งจุดเด่นในการเดินทางของโครงการคือ การเดินทางด้วยรถสาธารณะ ใกล้สุดคือ BTS สถานีช่องนนทรีในระยะประมาณ 500 m. แต่ว่าเดินง่ายค่ะ เพราะเมื่อถึงแยกสาทร-นราธิวาส จะมี Skywalk ช่องนนทรี ให้เดินเชื่อมไปรถไฟฟ้าได้สบาย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

เรามองว่าโครงการ 125 Sathorn ได้ตำแหน่งแปลงที่ดินที่หลบหลีกการบังวิวจากอาคารอื่นๆ ได้ดีพอสมควรนะคะ เพราะคงต้องยอมรับว่าวิวเป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนที่เลือกอยู่คอนโด High Rise ระดับ Luxury Class แต่ด้วยแปลงที่ดินอยู่ใจกลางเมืองติดถนนใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีอาคารสูงๆ รายล้อมอยู่เป็นธรรมดา

การเพิ่งมาพัฒนาที่ดินในช่วงนี้ก็มีข้อดีตรงที่เราได้เห็นว่าที่แปลงที่ดินโดยรอบสูงขนาดไหน ทางทีมสถาปนิกจึงสามารถออกแบบหลบหลีกได้ง่ายขึ้น ข้อดีอีกประการคือ แปลงที่ดินนี้เป็นแปลงหน้ากว้างติดถนนสาทร จึงช่วยการันตีได้ระดับนึงเลยว่าจะไม่มีอาคารสูงมาบล็อควิวทางทิศเหนือในระยะประชิด และมีเพื่อนบ้านฝั่งตะวันตกหนึ่งเป็นสถาณฑูตสิงคโปร์ที่เป็นอาคารสูง 2-4 ชั้นเท่านั้น

ส่วนที่หลายคนกังวลคงหนีไม่พ้นการบล็อควิวจากคอนโด The Met 66 ชั้น ที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งทางโครงการไม่มีห้องที่หันหน้าประชันกับห้องพักของ The Met โดยตรงเลย แต่จะมีห้องพักทางทิศตะวันออกบางชั้นที่ไม่สูงมาก น่าจะโดนบล็อควิวโดยอาคารปัญจภูมิอยู่เหมือนกัน แต่ยังโชคดีที่มีสวนกั้น ไม่ได้อยู่ระยะประชิดจนอึดอัดค่ะ

พูดถึงเรื่องเพื่อนบ้านก็คงต้องเชื่อมโยงไปถึง EIA ซึ่งตอนนี้โครงการ 125 Sathorn ได้ยื่นเรื่องขอ EIA ผ่านเป็นที่เรียบร้อยพร้อมก่อสร้าง ซึ่งการสร้างอาคารสูงใจกลางเมืองก็คงมีประเด็นเรื่องผลกระทบต่อเพื่อนบ้านเป็นเรื่องปกติ อย่างไรก็สามารถสอบถามรายละเอียดกับโครงการอีกครั้งนะคะ

Image 1/7
บรรยากาศด้านหน้า Sales Gallery ดูโอ่อ่า เนื่องจากแปลงที่ดินมีความยาวติดถนนถึง 97 เมตร

บรรยากาศด้านหน้า Sales Gallery ดูโอ่อ่า เนื่องจากแปลงที่ดินมีความยาวติดถนนถึง 97 เมตร

รายละเอียดโครงการ

จากที่เกริ่นไปแล้วว่าโครงการ 125 Sathorn เป็นโปรเจคร่วมทุนที่มีบริษัทญี่ปุ่นเข้ามาร่วมด้วย ทำให้บรรยากาศของโครงการมีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น ดูเรียบหรู มีความพิถีพิถันในเรื่องของฟังก์ชัน และมี Know-How ในการจัดแปลนห้องขนาดกระทัดรัด ซึ่งทางญี่ปุ่นเค้าถนัดอยู่แล้ว และเลือกใช้บริษัทออกแบบชื่อดังที่มีผลงานทั้งในไทยและต่างประเทศอย่าง Palmer&Turner ผลงานคอนโด เช่น Laviq Sukhumvit 57, Muniq หลังสวน ส่วนงานออกแบบภายในเป็นของ Dwp เจ้าของผลงานระดับตำนาน HQ by Sansiri, The XXXIX by Sansiri และได้ภูมิสถาปนิกอย่าง Trop Landscape ผู้เป็นเจ้าของแนวคิดภูเขา landscape ของ Ashton Chula มาช่วยการันตีความสวยงามค่ะ

ความน่าสนใจของโครงการนี้คือเป็นคอนโดระดับ Luxury Class ที่ทำราคาออกมาในระดับที่คนทั่วไปยังเอื้อมถึงได้ โดยทำให้ห้องพักอาศัยมีขนาดกะทัดรัดหน่อย ส่วนใหญ่เป็นไซส์ 28.55-36 ตร.ม. ประมาณ 85% แต่ก็ยังมีห้องไซส์ใหญ่อีก 15% เพื่อตอบโจทย์กลุ่มที่อยู่กันเป็นครอบครัว ที่มีกำลังซื้อสูงขึ้นมา โดยมีราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 250,000 บาท/ตร.ม. และเป็นโครงการที่ให้ Facility มาแบบจัดเต็มมากสมกับความเป็นคอนโดหรู และเป็นฟังก์ชันที่รองรับทุกช่วงวัย ให้ใช้งานแทนบ้านได้, แทนที่ทำงานได้ และแทนสถานที่สังสรร พบปะเพื่อนๆ ได้

ก่อนจะไปชมบรรยากาศของแต่ละชั้น เราจะอธิบายภาพรวมโครงการกันอีกสักนิดค่ะ …125 Sathorn เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น 1 อาคาร 2 ทาวเวอร์ บนที่ดินขนาดประมาณ 3 ไร่กว่าๆ จำนวน 755 ยูนิต โดยทาวเวอร์ทั้ง 2 มีชื่อว่า “Park-View Residences” รับวิวสวนลุมพินีได้ และ “City-View Residences” เน้นรับวิวเมืองโซนสาทร

แม้ว่าตัวอาคารจะสร้างเต็มพื้นที่แต่มีการแทรกพื้นที่สีเขียวไว้หลายๆส่วนในอาคาร ให้เป็นเหมือนโอเอซิสที่ร่มรื่นใจกลางเมือง ในสไตล์ Modern Contemporary โดยรวมเอาความหรูหรามาผสมกับความอบอุ่น เพื่อให้บรรยากาศและความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับบ้าน

จากภาพเราจะเห็นได้ว่าโครงการจัดพื้นที่ส่วนกลางมาให้หลายชั้นมากๆ โดย Facility หลักๆ จะอยู่ที่ชั้น G, 5, 32 และ Rooftop สังเกตอย่างนึงว่าโครงการพยายามจัดพื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 32 ให้เหมือนกันทั้ง 2 อาคารเพื่อกระจายการใช้งาน ลดความพลุกพล่านของการเป็นคอนโดขนาดใหญ่ลง ซึ่งเราสามารถสรุปสิ่งอำนวยความสะดวกได้ ดังนี้

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Level G

  • Spring&Autumn Lobby
  • Reception
  • Delivery Area&Smart Locker
  • Tea Garden Lounge
  • 125 Courtyard
  • Adventure Playground
  • Basketball Court
  • Green House Nursery

  • Level 2
    • 125 Maids Quarter

  • Level 5
    • 50 m. Swimming Pool
    • Pool Cabana&Pavilion
    • Kids Water Zone
    • Sanctuary Spa&Salon

    • Spa&Salon
    • Sanctuary Spa Pool
    • Steam&Sauna

  • Fitness Club
  • Writers’ Music Room
  • Co-Working&Library
  • Multi-Purpose Room (Yoga Room/Banquet)
  • Park-View Residences 

    • Level 32

    • Social Club
    • Little Genius Kids Corner
    • Outdoor Private Deck

  • Level 35
    • Twilight Sky Deck

  • 125 Clubhouse
    • Sky View Entertainment with Karaoke&Private Theatre
    • BBQ Deck&Garden
    • Golf Putting Green
    • Sky Panoramic Viewpoint

    City-View Residences

    • Level 32

    • Social Club
    • Little Genius Kids Corner
    • Outdoor Private Deck

  • 125 Clubhouse
    • Habita Dining House&Private Pool
    • Outdoor Panoramic Garden
    • Amphitheatre
    • Sky Panoramic Viewpoint

    Others

    • ลิฟต์โดยสาร 8 ตัว/อาคาร
    • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 94 :  1
    • Service Lift 2 ตัว
    • ที่จอดรถ 433 คัน คิดเป็น 57% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) แบ่งเป็นที่จอดแบบ Automatic Parking 275 คัน และที่จอดแบบปกติ 158 คัน
    • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card Access

    ต่อไปเราจะพาชมรายละเอียดแต่ละชั้นกันนะคะ

    Ground Floor

    Ground Floor – โครงการมีทางเข้าออกทางเดียวคือทางถนนสาทร เมื่อเข้ามาด้านในจะเจอกับ Drop-off ขนาดใหญ่ดูโอ่อ่าเป็นลำดับแรก และแยกประตูทางเข้าของ 2 ทาวเวอร์ออกจากกันเพื่อลดความพลุกพล่านของการเป็นโครงการใหญ่ 755 ยูนิตลง ถ้าในโซนห้องพักอาศัยก็เหมือนแชร์ลิฟต์กับลูกบ้าน 300 กว่ายูนิตเท่านั้น โดยมีอัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการเพียง 94 : 1

    เข้ามาด้านในของแต่ละทาวเวอร์ก็จะมี Lobby เป็นของตัวเอง ฝั่ง “Park-View Residences” จะเรียกว่า Autumn Lobby ส่วนฝั่ง “City-View Residences” จะเรียกว่า Spring Lobby ต่างกันที่บรรยากาศ การเลือกใช้สี วัสดุและองค์ประกอบต่างๆ ที่ทางโครงการต้องให้เป็นเหมือนฤดูกาลที่ต่างกันของธรรมชาติ เชื่อมด้วยพื้นที่สวนตรงกลาง เป็น Highlight ที่มีชื่อเรียกเก๋ๆ ว่า “125 Courtyard” ขนาดกว่า 450 ตร.ม. ก็น่าจะให้อารมณ์เหมือนอยู่รีสอร์ทใจกลางเมืองนะคะ

    นอกจากนี้ภายนอกอาคารยังมี Facility อื่นๆ ที่ไม่ค่อยได้เห็นจากที่ไหนอย่าง Green House Nursery เป็นพื้นที่เอาใจคนชอบปลูกต้นไม้ แต่เมื่ออยู่คอนโดมีพื้นที่ไม่เพียงพอสำหรับดูแลน้องต้นไม้ ไม่มีพื้นที่ย้ายกระถาง พรวนดิน ปักชำกิ่งต่างๆ ก็สามารถหอบหิ้วลงมาทำที่โซนนี้ได้เลย และสำหรับสายรักสุขภาพก็จะมี Basketball Court และมีพื้นที่วิ่งเล่นของเด็กๆ เป็น Adventure Playground ด้วย ที่น่าเสียดายคือสัดส่วนที่จอดรถให้มาประมาณ 57% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ดูน้อยไปนิดสำหรับโครงการระดับนี้นะคะ

    เนื่องจากที่ดินเป็นแปลงหน้ากว้างติดกับถนนสาทรถึง 97 เมตร ทำให้สามารถออกแบบให้ดูโอ่อ่า เป็นที่สังเกตได้ง่าย ซึ่งทางโครงการก็ดีไซน์เป็นกำแพงต้นไม้สูงตลอดแนวที่ช่วยให้ความร่มรื่น ช่วยลดมลพิษ ลดความพลุกพล่านบนถนนสาทร และช่วยบังสายตาให้เกิดความเป็นส่วนตัวภายในโครงการด้วย

    ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Autumn Lobby เห็นแล้วนึกถึงโรงแรม Vala Huahin ที่ดูหรูนะ แต่จะไม่วิ้ง ไม่ทองจนแสบตา ดูละมุนๆ ดีค่ะ

    ภาพจำลองบรรยากาศภายใน 125 Courtyard จัดมาเป็นสวนแบบจริงจังใช้ต้นไม้ใหญ่เพื่อให้ความร่มเงา ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้ก็ยังเป็นวิวสีเขียวให้กับโซน Lobby ด้วยค่ะ

    ภาพจำลองบรรยากาศของ Green House Nursery ที่ให้ลูกบ้านลงมาเพาะชำ, เปลี่ยนดิน, ย้ายกระถางกันที่ส่วนกลางได้ไม่ต้องกลัวเลอะในห้องพัก

    ภาพจำลองบรรยากาศของ Basketball Court ซึ่งให้มา 2 แป้นเลยทีเดียว แต่ขนาดสนามจะไม่ได้ตามมาตรฐานเป๊ะๆ นะคะ

    2nd Floor

    ชั้น 2 – จะไม่ได้มีแปลนมาให้ชมกัน แต่ก็มี Facility อีกอย่างหนึ่งซ่อนอยู่ ซึ่งเรามองว่าน่าสนใจดีจึงอยากเล่าให้ฟังกัน นั่นก็คือ “125 Maid Quarter” เป็นพื้นที่รับรองแม่บ้าน, คนขับรถ, พี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งบางทีจ้างทำงานเต็มวันแล้วไม่รู้จะให้เค้าไปพักกลางวันที่ไหน ทางโครงการจึงเตรียมพื้นที่ครัว พื้นที่นั่งทานข้าวมาให้ และในห้องนี้ก็จะมีเครื่องอบผ้า รีดผ้า แบบหยอดเหรียญไว้ให้บริการด้วยค่ะ

    5th Floor

    ถัดขึ้นมาบริเวณที่ชั้น 5 – จัดเป็นพื้นที่ส่วนกลางเต็มชั้น มีทั้งโซนที่เป็น Indoor และ Outdoor โดยฟังก์ชันส่วนใหญ่จะเอาใจสายรักสุขภาพ สำหรับสระว่ายน้ำเป็นสระยาว 50 เมตร ซึ่งเป็นความยาวเท่าสระโอลิมปิคเลย ใช้ออกกำลังกายได้จริง แต่จะไม่ได้กว้างมากนักเพียง 4 – 8 เมตร ลึก 1.2 เมตรตามมตรฐาน ซึ่งจะได้วิวเมืองโซนสาทรแบบตรงๆ มองวิวได้กว้างๆ เพราะติดฝั่งถนนสาทร ไม่มีอาคารบล็อควิวระยะประชิดแน่นอน สำหรับ Highlight ของสระว่ายน้ำเรายกให้กับโซน Pool Pavilion ที่ออกแบบให้มีหลังคาคลุม ทำให้สามารถใช้งานได้ตลอดวัน และในส่วนของสระเด็กจะแยกเอาไว้เป็นสัดส่วน

    อีกโซนหนึ่งที่กินพื้นที่ขนาดใหญ่ของชั้นนี้ก็คือเบอร์ 5 หรือ Sanctuary Wellness Zone โดยรวมไว้ทั้ง Spa Pool, Sauna, Steam และสำหรับใครที่มี Therapist หรือช่างทำผม ส่วนตัวก็สามารถจองห้อง Spa&Salon เพื่อรับบริการที่โครงการได้เลย ไม่ต้องออกไปข้างนอกเลยค่ะ ในส่วนของการออกกำลังกายก็จะมี Fitness และ Multi-purpose Room (Yoga/Banquet) มาให้เป็นมาตรฐานอยู่แล้ว

    และเพื่อให้เหมาะกับยุค Work From Home บนชั้นนี้ก็จะมี Co-Working&Library ซึ่งทางโครงการก็ออกแบบไว้ให้แต่ละมุมมีความแตกต่างกัน เช่นเป็น Indoor บ้าง Outdoor บ้าง และมีห้อง Meeting ให้ได้ใช้ทำงานกันเป็นกิจจะลักษณะด้วย ปิดท้ายด้วยฟังก์ชันที่เราไม่ค่อยได้เห็นกันบ่อยๆ อย่าง Writer’s Music Room ที่เตรียมไว้ให้เด็กๆ ได้นัดคุณครูมาสอนดนตรีกันที่โครงการได้เลย หรือจะเอาไว้ใช้ซ้อม ใช้เล่นผ่อนคลายก็ได้ มีทั้งกลองชุดและเปียโนค่ะ

    ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Pool Cabana พื้นที่นั่งเล่นริมสระที่เปิดรับวิวเมือง

    ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Sanctuary Spa&Salon ซึ่งลูกบ้านต้องจองคิวก่อนเข้ามาใช้งาน เพื่อความเป็นส่วนตัวนะคะ

    ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณ Spa Pool ค่ะ

    6th-21st Floor

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

    ชั้น 6-21 – เป็นชั้นพักอาศัยเต็มชั้น โดยทาวเวอร์ “City-View Residences” จะมีจำนวนห้อง 16 ยูนิตต่อชั้น ส่วน “Park-View Residences” จะมีจำนวนห้อง 13 ยูนิตต่อชั้น โดยห้องพักประมาณ 85% ของแต่ละชั้นจะเป็นแบบ 1 Bedroom 28-36 ตร.ม. เป็นหลัก และจัดวางโถงลิฟต์ไว้ช่วงกลางตึกเพื่อง่ายต่อการใช้งาน

    สีม่วง – เป็นห้อง 1 Bedroom ที่เรามองว่าได้ทิศทางลมและวิวน่าสนใจที่สุด โดยเฉพาะแบบห้อง A7, A7M ของทั้ง 2 ทาวเวอร์ที่หันไปทางทิศเหนือ รองลงมาคือห้องทางทิศตะวันออกของ Park View Residences แบบ A5, A10, A10M แต่แนะนำให้เลือกชั้น 16 ขึ้นไป เพื่อให้พ้นการบล็อควิวจากตึกออฟฟิศใกล้ๆ

    สีเขียว – เป็นห้อง 1 Bedroom ที่น่าสนใจเช่นกัน แบบ A6, A6M โดยจะเป็นห้องทิศใต้ ที่รับวิวด้านในซอยสวนพลูแทน ทำให้ไม่ค่อยมีอาคารสูงมาบังวิวสักเท่าไหร่ แนะนำให้เลือกชั้น 13 ขึ้นไปค่ะ

    สีน้ำเงิน – เป็นห้องมุม เป็นห้องขนาดใหญ่ 40 ตร.ม. ขึ้นไป ซึ่งเรามองว่าตำแหน่งที่น่าสนใจคือห้องแบบ A-13M, B2, B3 และ B4 ที่รับวิวและลมทางทิศเหนือใต้เป็นหลัก

    สำหรับใครที่กังวลว่าห้องพักจะถูกบังวิวโดยคอนโด The Met ก็ไม่ต้องห่วงนะคะ เพราะโครงการออกแบบพื้นที่ด้านหลังอาคารที่ติดกับ The Met ไว้เป็นพื้นที่วาง Condensing Unit โดยเอาคอยล์ร้อนของทุกห้องมารวมไว้ด้วยกัน แบบนี้ก็ดีนะคะ ไม่เปลืองพื้นที่ระเบียงในห้อง

    ข้อจำกัดหนึ่งของคอนโดที่มี 2 ทาวเวอร์คือ มักจะมีห้องพักที่ต้องหันหน้าเข้าหากัน มีระยะระหว่างอาคารประมาณ 22-32 เมตร ซึ่งโครงการก็ทราบในข้อจำกัดนี้ จึงจัดวางห้องขนาดเริ่มต้นอย่าง 28-30 ตร.ม. ไว้ในตำแหน่งเหล่านี้ และใช้ราคาเป็นตัวดึงดูดชดเชยกับวิวที่เสียไป

    32nd Floor

    ชั้น 32 – จัดให้มี Facility ที่เหมือนกันทั้งสองทาวเวอร์ ซึ่งเน้นไปที่การพักผ่อนหย่อนใจ พบปะสังสรร อย่างเช่น Social Club, Little Genius Kids Corner ห้องกิจกรรมของเด็ก ข้อดีเลยคือถึงแม้ตำแหน่งห้องของเราจะไม่ได้เห็นวิวเมืองเต็มๆ แต่ก็ขึ้นมาชมวิวบนพื้นที่ส่วนกลางบนชั้นสูงๆ ได้

    35th Floor

    ชั้น 35 – เป็นห้องพักขนาดใหญ่พิเศษอย่าง Duplex และ Penthouse โดยทาวเวอร์ “City-View Residences” จะมีจำนวนห้อง 4 ยูนิตต่อชั้น ส่วน “Park-View Residences” จะมีเพียง 1 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งโครงการมีเทคนิคในการออกแบบห้องพักราคาสูง ที่ต้องหันหน้าเข้าหาอีกตึกหนึ่ง (กรอบสีชมพู) ให้ได้เป็นวิวสวนแทน ทำให้ห้อง Penthouse บนตึก Park View Residences ดู Exclusive ขึ้นไปอีก เพราะมีสวนขนาดใหญ่อยู่บนชั้นเดียวกัน เรียกว่าเป็น Private Garden ก็ว่าได้

    36th Floor

    ชั้น 36 – แปลนคล้ายชั้น 35 เลยค่ะ เพราะฝั่ง “City-View Residences” จะเป็นห้อง Duplex ของชั้น 35 ส่วนฝั่ง “Park-View Residences” จะเป็น Penthouse อีก 1 ห้อง

    125 Clubhouse (Rooftop)

    Rooftop – จัดฟังก์ชันของทั้งสองทาวเวอร์ไว้ต่างกัน ฝั่ง “City-View Residences” จะเป็น Habita Dining House&Private Pool โดยจะมีทั้งโซน Outdoor และ Indoor รวมถึงสระว่ายน้ำ ซึ่งเอาไว้ให้จองใช้งานจัด Private Pool Party ได้  ส่วนทางฝั่ง “Park-View Residences” ก็มีโซนบาร์บีคิว, ห้องดูหนังและคาราโอเกะแบบเป็นส่วนตัว ซึ่งจัดเตรียมไว้ให้ 3 ห้องเลยค่ะ ดีงาม ส่วนใหญ่จะเจอแค่โครงการละ 1 ห้องเท่านั้นเอง

    แบบห้อง

    ห้องพักของโครงการ 125 Sathorn เกือบ 85% จะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 28-36 ตร.ม. สำหรับอยู่อาศัย 1-2 คนเป็นหลัก เพื่อให้ราคา Package ห้องส่วนใหญ่อยู่ที่ 6-8 ล้านเท่านั้น นับว่าราคาเอื้อมถึงง่ายกว่าโครงการส่วนใหญ่ในย่านนี้นะคะ แต่หากใครสนใจห้องไซส์ใหญ่ก็มีมาให้เลือกทั้งแบบ 2-4 Bedroom, Duplex Penthouse และ Penthouse ซึ่งห้องขนาดใหญ่ก็จะเป็นแบบห้องยอดฮิต ที่ Developer ส่วนใหญ่ในย่านนี้นิยมทำกัน

    เห็นได้ชัดว่าทางโครงการ 125 Sathorn ต้องการหลบเลี่ยงตลาดที่มีการแข่งขันสูงๆ ของห้องไซส์ใหญ่ เพราะคอนโดส่วนใหญ่ในโซนนี้ไซส์ห้องเริ่มต้นก็ราว 40 ตร.ม.แล้ว ทำให้ราคา Package สูงไปด้วย ในขณะที่ทางโครงการเน้นห้องขนาดไม่เกิน 36 ตร.ม. มาถึง 85% โดยมีแบบให้เลือกทั้งหมด ดังนี้

    • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 28.55-43.70 ตร.ม.
    • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 59.70-103.85 ตร.ม.
    • 3 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 120.15-152.45 ตร.ม.
    • 4 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 178.35-178.90 ตร.ม.
    • Duplex Penthouse พื้นที่ใช้สอย 163.60-330.60 ตร.ม.
    • Penthouse พื้นที่ใช้สอย 260.75-282.85 ตร.ม.

    รูปแบบการขายสำหรับโครงการนี้จะเป็นแบบ Fully Fitted พร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in บางส่วน จึงสามารถตกแต่งห้องไปในแบบที่เป็นความชอบส่วนบุคคลได้ สำหรับวัสดุหลักๆ ในห้องจะให้มาตามนี้ค่ะ

    • Digital Doorlock ยี่ห้อ Dormakaba หรือเทียบเท่า
    • พื้น Hybrid Engineering Wood
    • ผนังฉาบเรียบทาสี
    • เคาน์เตอร์ครัวและตู้เก็บของ
    • Top เคาน์เตอร์ครัวหินสังเคราะห์
    • Backsplash กรุด้วยกระเบื้องพอร์ซเลน
    • Hob&hood จาก Kuppersbusch
    • Microwave+Oven จาก Kuppersbusch หรือเทียบเท่า
    • Sink จาก Teka หรือเทียบเท่า
    • สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ จาก Kohler หรือเทียบเท่า
    • แอร์แบบ Concealed Type ซ่อนตัวเครื่องปรับอากาศไว้ฝ้าเพดาน มีข้อดีตรงที่ดูเรียบร้อยสวยงาม ไม่เห็นตัวแอร์ค่ะ
    • Home Automation ควบคุมเปิดเปิดไฟ-แอร์ แต่ยังไม่ได้ระบุรุ่น เนื่องจากโครงการใช้เวลาสร้างประมาณ 3 ปี ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นรุ่นใหม่ๆ อาจจะดีกว่ารุ่นปัจจุบัน จึงต้องรออัพเดทในอนาคตค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ


    ห้องตัวอย่าง 35 ตร.ม.

    เรามาเริ่มกันที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 35 ตารางเมตร ห้องนี้พอเข้ามาจะเจอกับ Pantry ครัวก่อน เป็นครัวเปิด เหมาะกับการอาหารง่ายๆ สไตล์คนเมืองเสียมากกว่า และฝั่งตรงข้ามมีพื้นที่ให้วางตู้รองเท้าได้

    ถัดเข้ามาด้านในเป็น Common Area ที่รวมเอาห้องนั่งเล่น+โต๊ะทานอาหาร รวมไว้ในห้องนี้ ซึ่งจะได้แสงธรรมชาติผ่านหน้าต่างบานใหญ่ ห้องนอนที่ได้ประตูทึบเป็นสัดส่วน สิ่งที่ชอบเลยคือห้องน้ำที่เข้าออกได้ 2 ทางคือทั้งจากห้องครัวและห้องนอน ซึ่งออกแบบมาให้มีประตูกั้น 2 ชั้นเพื่อให้สามารถปิดเป็น Powder Room ไว้สำหรับรับแขกได้ ไม่ต้องเข้ามาสู่โซนอาบน้ำที่จะอยู่ติดกับห้องนอนค่ะ

    สำหรับระเบียงจะไม่ได้ให้พื้นที่มากมายนัก เพราะทำเลใจกลางเมืองแบบนี้ 1 ตารางเมตรก็ 2 แสนกว่าแล้วนะคะ ห้อง Type นี้เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบคนเดียวกำลังดี มากสุดก็ 2 คนค่ะ

    ประตูหน้าห้องมีความสูงเป็นพิเศษประมาณ 2.7 เมตร

    พร้อมติดตั้ง Digital Door Lock ของ Dormakaba หรือเทียบเท่ามาให้ ผ่านเข้าออกด้วยลายนิ้วมือ, รหัส PIN, บัตร, RFID หรือ Bluetooth Function ก็ได้ค่ะ

    โซนแรกที่อยู่ติดกับประตูหน้าห้องเลยก็คือ Pantry ครัว แต่เนื่องจากเป็นครัวเปิดจึงเหมาะที่จะใช้ทำอาหารฝรั่งที่กลิ่นไม่ฉุนนัก ใช้อุ่นอาหาร ต้มซุปก็พอตอบโจทย์ได้ / พื้นห้องปูด้วย Hybrid Engineering Wood ซึ่งนอกจากช่วยให้บรรยากาศดู Homey ขึ้นแล้ว ยังทนน้ำ,  ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดีกว่าพื้นไม้ Engineering แบบเดิมๆ อีกด้วยนะคะ

    Image 1/8
    Pantry ครัว

    Pantry ครัว

    โครงการจะ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้ พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วน …Top เคาน์เตอร์ได้เป็นหินสังเคราะห์ตามแบบในรูปดูมีลวดลายสวยงาม แอบเสียดายนิดนึงที่เจ้า Backsplash ของจริงจะให้มาเป็นกระเบื้องแทน ซึ่งยังคงคุณสมบัติให้ทำความสะอาดง่ายอยู่ค่ะ

    เคาน์เตอร์ครัวแบ่งพื้นที่ใช้งานมาได้ครบทั้งอ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องดูดควัน และมีพื้นที่โล่งอีกเล็กน้อยไว้ให้เตรียมอาหาร / มีซิงค์ล้างจานของ Teka หลุมลึกทีเดียว ใส่จานชามได้เยอะ / เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัวของ Kuppersbusch หรือเทียบเท่า มาพร้อมเครื่องดูดควันแบบต่อท่อดูดควันออกไปด้านนอก ทำให้ระบายกลิ่นและควันได้ดีกว่าระบบหมุนเวียน / นอกจากนี้ยังติดตั้ง Microwave+Oven จาก Kuppersbusch หรือเทียบเท่ามาให้ด้วยค่ะ

    ในส่วนของตู้เก็บของจะให้มาทั้งใต้เคาน์เตอร์และตู้ลอย ส่วนที่ชอบคือเค้ามีไฟใต้ตู้ลอยติดตั้งมาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลยนะคะ รวมถึงเตรียมพื้นที่ใต้ตู้สำหรับวางตู้เย็นไว้ให้ ถ้าตามห้องตัวอย่างก็สามารถวางตู้เย็นขนาดประมาณ 12 คิวได้

    ฝั่งตรงข้าม Pantry ครัวยังคงเป็นโซน Service ทั้งตู้เก็บรองเท้า ตู้เก็บของ ตู้วางเครื่องซักผ้า และห้องน้ำ

    Image 1/2
    ตู้เก็บรองเท้า/เก็บของ หน้าห้อง

    ตู้เก็บรองเท้า/เก็บของ หน้าห้อง

    โครงการ Built-in ตู้เก็บรองเท้าไว้ติดกับประตูเลย พอถอดรองเท้าปุ๊บก็หยิบมาเก็บในตู้ได้เรียบร้อยเลย ส่วนตัวชอบให้มีตู้วางรองเท้าอยู่หน้าห้องเลยนะ เพราะเวลาเข้าห้องมาก็ถอดเก็บได้เลย ห้องก็จะได้ดูเป็นระเบียบดี ดีไซน์ตู้จะซ่อนมือจับไว้ทำให้ดูเรียบร้อย ดูโมเดิร์นดีค่ะ

    อีกตู้หนึ่งใกล้ๆ กันเป็นตู้ที่เหมาะสำหรับเก็บพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด อุปกรณ์งานบ้าน โดยมีขนาดให้ใส่เครื่องซักผ้าได้ แต่ของจริงจะมีบานปิดเฉพาะตู้บนนะคะ เพื่อรองรับขนาดของเครื่องซักผ้าที่หลากหลาย เผื่อว่ายาวเกินตู้ออกมาจะได้ยังใส่ได้

    ทีเด็ดเลยจะอยู่ที่การออกแบบห้องน้ำให้สามารถกั้นโซนเป็น Powder Room ได้ด้วย โดยมีประตูปิด 2 ชั้นค่ะ

    Image 1/3
    Powder Room

    Powder Room

    การดีไซน์แบบนี้ช่วยตอบโจทย์เวลาเพื่อนมาเยี่ยมก็สามารถกั้นเป็น Powder Room ไม่ต้องเปิดโชว์พื้นที่ห้องน้ำทั้งหมด และช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยเพราะห้องน้ำจะเชื่อมกับห้องนอนอีกด้วย สุขภัณฑ์เป็นแบบอัตโนมัติของ Kohler หรือเทียบเท่า ส่วนอ่างล้างมือให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ญี่ปุ่นมาก กะทัดรัดหน่อย แต่จะมีอ่างล้างมือขนาดใหญ่แยกมาไว้โซนด้านในอีกทีค่ะ

    Image 1/5
    โซนแห้งในห้องน้ำ

    โซนแห้งในห้องน้ำ

    ตำแหน่งของห้องน้ำเข้าออกได้ 2 ทางทั้งจากห้องนั่งเล่นและห้องนอน ภายในแบ่งเป็นส่วนเปียกแห้งไว้ด้วยฉากกั้นอาบน้ำ ให้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ครบตามอย่างห้องตัวอย่าง

    โซนอ่างล้างหน้าวางของได้เยอะดีนะคะ ทั้งพื้นที่เคาน์เตอร์ให้วางของรอบอ่าง, ตู้กระจกที่ ภายในเปิดเก็บของได้, มีชั้นวางของที่ Built-in มากับผนัง และยังมีพื้นที่ในตู้ใต้เคาน์เตอร์ด้วยค่ะ

    Image 1/3
    Shower Room

    Shower Room

    พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นไว้เป็นสัดส่วน ช่วยกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่อาบน้ำกระเด็นออกมาในพื้นที่ส่วนแห้ง โดยมีขนาดประมาณ 1.2 x 0.8 เมตร ภายในติดตั้งฝักบัวและ Rain Shower ตามมาตรฐานโครงการ พร้อมเดินระบบก๊อกหัวผสม ซึ่งลูกบ้านแค่ติดเครื่องทำน้ำร้อนเพิ่มเติมก็ใช้งานได้แล้ว ข้อดีอีกเรื่องของห้องน้ำนี้คือ มีการเจาะช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เสร็จ พร้อมใช้งานเลยค่ะ

    ถัดมาที่ Living+Dining Area จะเชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่ใหญ่ ทำให้ทั้งมุมนั่งเล่นและโต๊ะทานอาหารจะสามารถมองเห็นทีวีได้หมด โซนนี้จะดูโปร่งมากเพราะฝ้าเพดานสูงถึง 3 เมตรและได้แสงธรรมชาติผ่านหน้าต่างบานใหญ่ที่สูงถึงเกือบถึงฝ้า

    ไซส์ห้องมีมีพื้นที่ให้วางโต๊ะทานอาหารขนาด 2-3 ที่นั่งได้ ซึ่งในยุค Work From Home แบบนี้ก็อาจจะกลายเป็นพื้นที่นั่งทำงานไปในตัว

    Image 1/3
    มุมนั่งเล่นดูทีวี

    มุมนั่งเล่นดูทีวี

    มุมดูทีวีของห้องนี้เหมาะกับการวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งกำลังดี มีระยะดูทีวีประมาณ 2.3 เมตร ส่วนตัวแนะนำให้ใช้ทีวีขนาด 43 นิ้วก็จะมองเห็นเต็มจอพอดี ไม่ใกล้เกินไป จากมุมนี้สามารถดูทีวีไปชมวิวภายนอกไปได้เพราะหน้าต่างให้มาบานใหญ่เกือบถึงพื้น จึงไม่มีอะไรบังสายตา

    Image 1/3
    ห้องนอน

    ห้องนอน

    ห้องนอนที่มีเป็นห้องประตูปิดทึบเป็นสัดส่วน ภายในมีพื้นที่กว้างพอสมควรให้จัดวางฟังก์ชันได้ครบทั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุต, โต๊ะเครื่องแป้ง, ตู้เสื้อผ้า สามารถนอนดูทีวีและชมวิวไปพร้อมๆ กันได้ เพราะมีระเบียงติดกับตำแหน่งวางเตียงเลย

    Image 1/5
    ระเบียงในห้องนอน

    ระเบียงในห้องนอน

    โครงการนี้จะไม่ได้ออกแบบระเบียงมาให้มีพื้นที่ใหญ่นัก แต่จะเน้นพื้นที่ใช้สอยในตัวห้องซะมากกว่า ระเบียงจึงมีความกว้างแค่ประมาณ 0.40 m. ยาว 2.3 m. เอาไว้วางกระถางต้นไม้, และเปลี่ยนบรรยากาศมายืนสูดอากาศได้นิดหน่อย แต่หากใครไม่ได้ให้ความสำคัญกับระเบียงก็จะมี Type ห้องอื่นๆ ที่ไม่มีระเบียงให้เลือกด้วยนะ

    …สำหรับประตูระเบียงสามารถเปิดออกได้กว้าง วางรางไว้ที่ระเดียวกับพื้นห้องจึงไม่ต้องกลัวเดินสะดุด / Fitting ของตัวประตูที่ให้มาดูหนา และช่วยป้องกันเสียงภายนอกได้ดี เสียดายนิดนึงที่ราวกันตกเป็นซี่เหล็ก ซึ่งให้ Mood ที่ดูคลาสสิคดีแหละ แต่มันเกะกะสายตากว่าการใช้กระจก

    ในส่วนของ Condensing Unit นั้นไม่ต้องกังวลเลยค่ะ เพราะโครงการแยกตำแหน่งสำหรับวาง Condensing Unit ไว้ในพื้นที่ส่วนกลางแล้ว เราจึงสามารถใช้งานพื้นที่ระเบียงได้เต็มที่

    Image 1/3
    โซนแต่งตัวในห้องนอน

    โซนแต่งตัวในห้องนอน

    อีกฝั่งหนึ่งของห้องจัดเป็นพื้นที่แต่งตัว ซึ่งอยู่ติดกับประตูทางเข้าห้องน้ำจึงอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าได้สะดวก ซึ่งหากใครอยู่กับพี่น้องแล้วต้องการความเป็นส่วนตัว ก็เราสามารถทำม่านกั้นโซนเพิ่มแบบในห้องตัวอย่างก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจ

    ตู้เสื้อผ้าที่ให้มาจะให้มา 2 ตู้ขนาบข้างทางเดินเหมือนในห้องตัวอย่าง แต่หน้าบานจะเป็นบานทึบ ภายในมีลิ้นชักและตู้ช่องโล่งให้เก็บของได้เป็นสัดส่วน

    แอร์ในห้องพักจะให้แบบ แอร์แบบ Concealed Type มาเลย จึงดูสวยงามไม่กินพื้นที่ในห้อง แต่ก็มีเสียงการทำงานที่ดังกว่าแอร์แบบแขวน จึงเหมาะกับโครงการนี้ที่ให้ฝ้าเพดานสูงพิเศษถึง 3 เมตร เพื่อลดเสียงการทำงาน ทว่าค่าบำรุงรักษาจะราคาสูงกว่าแอร์แขวนปกติค่ะ


    ห้องตัวอย่าง 69.90 ตร.ม.

    ขยับมาที่ห้อง 2 Bedroom ขนาด 69.90 ตารางเมตร ฟังก์ชัน 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เหมาะกับครอบครัว 2-3 คน ที่ต้องการห้องนอน 2 ห้อง แยกออกจากกันเพื่อให้เกิดความเป็นส่วนตัว Highlight ของห้องนี้คือ เป็นห้องมุมที่ได้หน้าต่างเยอะมาก มีมุม Bay Window ถึง 2 จุดเลยทีเดียว ทั้งห้องจึงดูโปร่ง ได้แสงธรรมชาติเยอะ Master Bedroom มีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนอีกห้องก็เชื่อมเข้าห้องน้ำส่วนกลางได้

    แต่ห้องแปลนนี้จะเหมาะกับครอบครัวที่ไม่ได้ชอบทำอาหารที่มีกลิ่นและควันฟุ้งมากนัก เพราะครัวที่ได้มาเป็นครัวเปิด ที่ต้องพึ่งระบบระบายอากาศในอาคารล้วนๆ

    โซนแรกหน้าประตูห้องจะมีตู้ใส่รองเท้าที่ทางโครงการ Built-in มาให้เป็นมาตรฐานเหมือนห้องแรกค่ะ

    บริเวณด้านหน้าห้องเป็นโซน Service ซึ่งมีเคาน์เตอร์ครัวที่โครงการ Built-in ไว้ให้เรียบร้อย ส่วนที่แตกต่างจากห้องแรกคือแบบ 2-Bedroom นี้จะมีขนาดเคาน์เตอร์ครัวที่กว้างขึ้นและเตาไฟฟ้าจะได้มาเป็น 4 หัวค่ะ

    ห้องน้ำของ Type นี้ยังคงเป็น Double Access ที่สามารถเข้าออกได้ทั้งจากโถงรวมและห้องนอน และมีฟังก์ชันกั้นห้องเป็น Powder Room ได้เช่นเดียวกัน ทำให้ได้ความเป็นส่วนตัวเวลามีแขกมาเยี่ยม

    ไอเดียการตกแต่งที่ดูน่าสนใจคือ การทำฉากกั้นโซนครัวเพิ่มเติมก็ช่วยลดกลิ่นควันจากการทำอาหารได้

    Image 1/3
    Living and Dining Area

    Living and Dining Area

    เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับพื้นที่ Living & Dining Area ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันและอยู่ติดมุม Bay Window ทำให้รู้สึกโปร่งโล่ง เราชอบแปลนแบบนี้นะ เพราะสามารถนั่งทานอาหารไปดูทีวีไปได้ และถึงแม้ว่าสมาชิกในครอบครัวจะทำกิจกรรมที่ต่างกัน เช่น ดูหนังหรือนั่งทานข้าวก็ยังสามารถพูดคุย เห็นหน้ากันได้ ระยะดูทีวีของห้องนี้ประมาณ 2.7 m. ใช้งานได้สบายๆ กว้างกว่าแบบ 1 Bedroom

    อีกฝั่งหนึ่งของห้องจะมีทางเดินเพื่อแจกไปยังห้องนอนทั้ง 2 ห้องและห้องอเนกประสงค์

    โซนแรกของ Master Bedroom จัดเป็นพื้นที่แต่งตัวและทางเข้าห้องน้ำ โดยทางโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบหน้าบานทึบ เป็นสเปคเดียวกับ 1 Bedroom แต่ตัวตู้มีขนาดใหญ่กว่า

    Image 1/8
    ห้องน้ำใน Master Bedroom

    ห้องน้ำใน Master Bedroom

    ภายในห้องน้ำของ Master Bedroom จัดฟังก์ชันต่างๆ ไว้ครบและมีการแยกพื้นที่ส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน ความพิเศษของห้องนี้คือ ให้อ่างล้างหน้ามาแบบ His&Her เพื่อให้ใช้งานพร้อมกัน 2 คนได้เลย และมีอ่างอาบน้ำให้นอนแช่ด้วย ให้ของ Kasch หรือแบรนด์เทียบเท่า ขนาดประมาณ 1.5×0.5 m. ซึ่งวางไว้ในตำแหน่งติดกับหน้าต่างเพื่อให้มองเห็นวิวภายนอกได้

    Image 1/2
    โซนพักผ่อนใน Master Bedroom

    โซนพักผ่อนใน Master Bedroom

    เข้ามาด้านในจึงเป็นตำแหน่งวางเตียงนอน ซึ่งมีพื้นที่พอให้สามารถวางเตียงใหญ่แบบ 6 ฟุตได้เลย และจากเตียงนอนก็จะได้วิวเมืองกว้างๆ เพราะหน้าต่างเป็น Bay Window ด้วยค่ะ และข้างเตียงก็จะมีพื้นที่ให้จัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ได้ แชร์กันใช้ 2 คนก็ได้นะคะเนี่ย

    Image 1/4
    ห้องอเนกประสงค์

    ห้องอเนกประสงค์

    ระหว่างห้องนอนหลักและห้องนอนรองจะมีห้องอเนกประสงค์คั่นอยู่ มีขนาด 2.7×1.25 m. ใช้จัดเป็นห้องทำงานได้อีกมุม ถึงแม้ว่าขนาดห้องจะกะทัดรัดแต่ได้หน้าต่างบานใหญ่มาช่วยทำให้ดูไม่อึดอัด สังเกตผนังห้องจะเป็นบานเลื่อนที่เชื่อมกับห้องนอนรอง แต่ของจริงจะเป็นผนังปูนปกตินะคะ โครงการแค่ทำไว้เป็นไอเดียเผื่อใครต้องการขยายห้องนอนรองให้กว้างขึ้นก็จะเหมือนได้ 2 Master Bedroom เลย

    Image 1/3
    ห้องนอนรอง

    ห้องนอนรอง

    ห้องตัวอย่างจัดห้องนอนรองไว้เป็นห้องเด็กจึงวางเตียงเดี่ยวเอาไว้ ซึ่งจริงๆขนาดห้องสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้นะคะ ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่นอนมองวิวจากบนเตียงได้ด้วยเช่นกัน สำหรับโซนแต่งตัวจะอยู่บริเวณหน้าห้องติดกับทางเข้าห้องน้ำพอดี ซึ่งโครงการจะ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ให้เช่นกันค่ะ

    ราคา

    125 สาทร / 125 Sathorn ราคา ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2565

    • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 28.55-43.70 ตร.ม. เริ่ม 5.9 ล้านบาท
    • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 59.70-103.85 ตร.ม. เริ่ม 14.9 ล้านบาท
    • 3 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 120.15-152.45 ตร.ม. เริ่ม 35 ล้านบาท
    • 4 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 178.35-178.90 ตร.ม. เริ่ม 53.5 ล้านบาท

     

    • รูปแบบการขาย Fully Fitted
    • จอง 20,000-100,000 บาท
    • ทำสัญญา 5% ดาวน์ 10%
    • ค่ากองทุน 800 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 80 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    ทำเล : โครงการ 125 Sathorn ตั้งอยู่ติดกับถนนสาทรฝั่งใต้ เป็นทำเลสาทรตอนต้นที่สามารถเข้า-ออกเมืองได้สะดวก และถือเป็น CBD ที่สำคัญของกรุงเทพฯ แวดล้อมไปด้วยอาคารสำนักงานใหญ่ๆมากมาย สถานศึกษาชื่อดัง ร้านอาหารระดับ Hi-End ห้างสรรพสินค้า และโรงแรมระดับ 5 ดาว รวมถึงใกล้สวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างสวนลุมพินีอีกด้วย ถือเป็นทำเลที่สะดวกครบครัน

    การเดินทางโดยใช้รถ : ค่อนข้างสะดวกและตอบโจทย์คนใช้ชีวิตโซนสาทร, สีลมมากค่ะ เพราะโครงการติดถนนใหญ่ ใกล้แยกสาทร-นราธิวาสจึงไม่ต้องต่อคิวรถติดก่อนถึงสี่แยก ซึ่งเป็นแยกใหญ่ที่สามารถเลือกได้ว่าจะเลี้ยวขวาไปสีลม, เลี้ยวซ้ายไปทางพระราม 3, ตรงไปสุรศักดิ์ หรือจะกลับรถในระยะ 650 m. เพื่อไปยังโซนหลังสวนก็สะดวกทั้งหมด รวมถึงยังมีทางด่วนให้เลือกใช้เพื่อเข้า-ออกเมืองได้ถึง 2 เส้นทางคือ ทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษศรีรัช แต่ที่น่าเสียดายคือสัดส่วนที่จอดรถให้มาประมาณ 57% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ดูน้อยไปนิดสำหรับโครงการระดับนี้

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : นับว่าเป็นโครงการที่เดินไปรถไฟฟ้าได้ โดยสถานีใกล้สุดคือ BTS ช่องนนทรี ซึ่งเป็นสายหลักวิ่งเข้าสีลม, สยาม, ชิดลม, อโศก และแม้ว่าจะมีระยะห่างประมาณ 500 m. แต่ก็มี Skywalk เป็นตัวช่วยให้เดินง่ายขึ้น รวมถึงทางเท้าริมถนนสาทรก็กว้างขวางเดินสบายนะคะ

    วัสดุ : ภาพรวมของวัสดุทำออกมาได้ค่อนข้างดี ตามมาตรฐานของคอนโดระดับ Luxury เช่นใช้พื้น Hybrid Engineering wood ที่ทนกว่า Engineering wood ของคอนโดยุคก่อน, สุขภัณฑ์จะให้มาเป็นแบบอัตโนมัติเลย ชดเชยกับสเปคที่ที่ขัดใจบ้างนิดๆ หน่อยๆ เช่น ราวกันตกที่เป็นซี่เหล็ก, Backsplash ที่กรุกระเบื้องมาแทนหินสังเคราะห์ แต่เมื่อมองภาพรวมของโครงการว่าเค้าไปเน้นในส่วนของ Facility แทนก็พอจะมองข้ามไปได้

    การออกแบบ : ความน่าสนใจของโครงการนี้คือเค้าออกแบบมาให้เป็นคอนโดระดับ Luxury Class ที่ทำราคาออกมาในระดับที่คนทั่วไปยังเอื้อมถึงได้ โดยทำให้ห้องพักอาศัยมีขนาดกะทัดรัดหน่อย ส่วนใหญ่เป็นไซส์ 28.55-36 ตร.ม. ประมาณ 85% แต่ก็ยังมีห้องไซส์ใหญ่อีก 15% เพื่อตอบโจทย์กลุ่มที่อยู่กันเป็นครอบครัว ที่มีกำลังซื้อสูงขึ้นมา โดยมีราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 250,000 บาท/ตร.ม. และโดดเด่นตรงที่โครงการให้ Facility มาแบบจัดเต็มมากสมกับความเป็นคอนโดหรู มีฟังก์ชันที่รองรับทุกช่วงวัย ให้ใช้งานแทนบ้านได้, แทนที่ทำงานได้ และแทนสถานที่สังสรร พบปะเพื่อนๆ ได้

    การออกแบบอาคารพยายามหลบเลี่ยงอาคารสูงโดยรอบได้ประมาณนึง เอาเป็นว่าไม่มีโดนบล็อกวิวในระยะประชิดจัดๆ ใกล้สุดก็ห่างกันประมาณ 20-30 เมตร หลายคนอาจลังเลในประเด็นว่า 125 Sathorn เป็นโครงการใหญ่ 755 ยูนิต แต่จริงๆ แล้วโครงการออกแบบให้เป็น 2 ทาวเวอร์ เพื่อลดความพลุกพล่านลง ถ้าในโซนห้องพักอาศัยก็เหมือนแชร์ลิฟต์กับลูกบ้าน 300 กว่ายูนิตเท่านั้น แต่ในพื้นที่ส่วนกลางยังคงแชร์กันทั้งโครงการนะคะ

    การออกแบบห้องพักมีความลงตัวในการจัดแปลนดี โดยเฉพาะแปลนห้องน้ำที่แปลกตา มีประตูเพิ่มขึ้นมาให้กั้นเป็น Powder Room ได้ แก้ปัญหาเวลาแขกมาเยี่ยมแต่ไม่อยากให้เห็นบรรยากาศในห้องน้ำทั้งหมด ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้พักอาศัย ส่วนการออกแบบอื่นๆ ได้มาตรฐานคอนโดหรู เช่น ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร, การนำ Condensing Unit ไปไว้ที่ส่วนกลาง ทำให้ใช้งานห้องพักได้เต็มพื้นที่

    สาธารณูปโภค : นับเป็นจุดเด่นของโครงการ เพราะ 125 Sathorn ให้ Facility มาเยอะทีเดียวเมื่อเทียบกับโครงการระดับเดียวกันในะแวกนี้ทั้งชั้น G, 5, 32 และ Rooftop และเป็นฟังก์ชันที่รองรับทุกช่วงวัย เช่น ห้องเรียน/ห้องซ้อมดนตรี, Green House Nursery พื้นที่เอาใจคนชอบปลูกต้นไม้, Basketball Court, Co-Working Space, Meeting Room, Sanctuary Wellness Zone, ห้องพักผ่อนของแม่บ้านที่ลูกบ้านอาจจะจ้างมาเต็มวัน แต่ไม่มีพื้นที่ให้เค้าพักเที่ยง, ห้องจัด Private Pool Party, ห้องดูหนัง ร้องคาราโอเกะ แลกกับค่าส่วนกลาง 80 บาท/ตร.ม. ก็ถือว่าสมน้ำสมเนื้อค่ะ

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 250,000 บาท/ตร.ม., 17 มิถุนายน 2565

    • ทำเล 8.25/10 – ทำเลดีสำหรับคนทำงานย่านนี้
    • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เดินทางสะดวก แต่ให้ที่จอดรถมาน้อยไปหน่อย
    • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – เดินไปรถไฟฟ้าได้สะดวก 300 m. ถึง Skywalk และ 500 m. ถึง BTS
    • วัสดุ 8/10 – ภาพรวมดูดีตามมาตรฐานคอนโดหรู บางอย่างให้ดีกว่าเพื่อนบ้าน แต่บางอย่างก็น่าเสียดาย
    • แบบ 9.5/10 – ออกแบบมาให้เป็นคอนโดระดับ Luxury Class ในราคา Package ที่คนทั่วไปยังเอื้อมถึงได้, แยก 2 ทาวเวอร์ช่วยลดความพลุกพล่าน, แปลนห้องพักลงตัว
    • สาธารณูปโภค 9.5/10 – เด่นมาก ให้มาดีเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านระดับเดียวกัน ฟังก์ชันตอบโจทย์ทุกวัย

    • LUXURY CLASS
    • 8.31 / 10.00

    125 Sathorn (125 สาทร) เหมาะกับใคร

    125 Sathorn (125 สาทร) เหมาะกับคนมองหาคอนโดใจกลางเมือง ติดถนนใหญ่ มีทางเลือกในการเดินทางทั้งรถยนต์และรถสาธารณะได้สะดวก มองหาคอนโดที่มี Facility เยอะ มีฟังก์ชันยุคใหม่ๆ ให้ใช้งานครบครัน ใครตามหาห้อง 1 Bedroom ขนาดกะทัดรัด 28-36 ตร.ม. จะมีตำแหน่งห้องให้เลือกเยอะมาก หรือใครตามหาห้องใหญ่ก็มีไปจนถึง 282 ตร.ม. เลย ในราคาเริ่มต้น 5.9 – 80 ล้านบาท มีกำลังผ่อนต่อเดือนเริ่มต้น 41,300 บาท


    ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
    ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc