รีวิวฉบับที่ 1869 … สำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ใกล้แยกติวานนท์ ผมมีมาให้ชมครับกับโครงการ UNIO H ติวานนท์ คอนโด High Rise ห่างจาก MRTสายสีม่วง สถานีแยกติวานนท์ เพียง 100 เมตร ภายในจัดมาให้ด้วยรูปแบบห้องที่หลากหลาย เน้นความเป็นส่วนตัว กับพื้นที่ส่วนกลางกระจายเป็นหลายส่วนพร้อมสวนดาดฟ้า ด้วยราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท สภาพโครงการบอกได้เลยว่าใหม่แกะกล่อง เข้าไปดูรายละเอียดภายในกันเลยครับ

Fact @ 21 May 2019

  • Unio H Tiwanon (ยูนิโอ เอช ติวานนท์)
  • บริษัท เฮลิกซ์ จำกัด ในเครือ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี อำเภอเมืองนนทบุรี
  • ที่ดินประมาณ 1-2-24.8 ไร่
  • คอนโด High Rise 37 ชั้น 378 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 14 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 160 คัน คิดเป็น 42.3% ไม่รวมซ้อนคัน
  • เริ่มก่อสร้าง :  ธันวาคม 2559
  • แล้วเสร็จ : มีนาคม 2562
  • Studio 24.30 – 25.70 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 28.30 – 33.50 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 42.80 – 43.80 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ AVERAGE ประมาณ 70,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.839967, 100.515141

หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการ

ตัวโครงการตั้งอยู่ห่างจากแยกติวานนท์มาประมาณ 550 เมตร ทางฝั่งมุ่งหน้าไปยังแยกวงศ์สว่าง ซึ่งจะเชื่อมกับถนนรัชดาภิเษกสามารถใช้เป็นเส้นทางเข้าเมืองได้สะดวก ส่วนถ้าออกนอกเมืองก็ไปได้ทั้งปทุมธานีโดยใช้ถนนติวานนท์มุ่งหน้าไปทางฝั่งแยกแครายจะผ่านปากเกร็ด และไปแจ้งวัฒนะได้ แต่ถ้าจะไปบางใหญ่ บางบัวทองก็ใช้เส้นรัตนาธิเบศร์ หรือจะออกไปทางถนนราชพฤกษ์ก็ใช้ถนนนครอินทร์ออกไปได้ไม่ยาก นอกจากนั้นทำเลที่ตั้งของเรายังอยู่ใกล้กับกระทรวงสารธารณสุข ซึ่งใครที่ทำงานอยู่บริเวณนี้หรือมาแถวนี้บ่อยๆก็ถือว่าตอบโจทย์เลย

การเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวก เพราะอยู่ติดกับถนนใหญ่ ฝั่งมุ่งหน้าเข้าเมือง หรือจะออกเมืองก็ไม่ยากเพราะมีจุดกลับรถห่างออกไปประมาณ 300 เมตร ด้วยความที่ใกล้สี่แยกติวานนท์ทำให้มีเส้นทางในการเดินทางกระจายออกไปในทิศทางต่างๆได้ง่าย ไม่ไกลทางด่วน ตัวโครงการเองมีที่จอดรถมาให้ประมาณ 42% แต่ด้วยความที่เป็นโครงการติดรถไฟฟ้า จึงทำให้ตัวเลขนี้ถือว่าไม่แย่นะ มีที่จอดให้ใช้งาน

ส่วนการเดินทางแบบไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งจุดแข็งของโครงการนี้ครับ โดยมีทำเลติดกับ MRT สายสีม่วง สถานีแยกติวานนท์มีระยะห่างจากจุดขึ้นลงประมาณ 100 เมตร ซึ่งเป็นระยะที่เดินสะดวกทีเดียว สถานีนี้สามารถไปเชื่อมต่อกับ MRT สายสีน้ำเงินได้ที่สถานีเตาปูน ห่างออกไปเพียง 3 สถานี นอกจากนั้นตัวโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนใหญ่จึงมีข้อได้เปรียบในการใช้การเดินทางสาธารณะอื่นๆด้วย ทั้งรถประจำทาง รถแท็กซี่ และพี่วินมอเตอร์ไซค์ ซึ่งจะมีจุดประจำอยู่ในระยะประมาณ 100 เมตรทั้งหมด

ส่วนความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้.. ในระยะเดินใกล้กับโครงการมีน้อย ต้องออกไปทางฝั่งแยกติวานนท์ต้องเดินเลยจุดขึ้นลง MRT แยกติวานนท์ไปสักเล็กน้อยจึงจะมีร้านค้าร้านอาหาร ถ้าจะใกล้กว่านี้ต้องเดินไปทางฝั่งแยกวงศ์สว่าง หรือฝั่งตรงข้ามโครงการ จึงจะมีร้านค้า ร้านอาหารให้เลือกฝากท้องกันบ้าง ส่วนระยะรอบๆ จัดว่าสะดวกเลยล่ะครับ มี Big C ติวานนท์ ใกล้ที่สุด เลยไปฝั่งนี้ก็จะมีบริเวณแยกแคราย ที่รวมพวก Esplanade, Tesco Lotus ไว้ เลยไปอีกหน่อยก็มี Big C รัตนาธิเบศร์และ Central รัตนาธิเบศร์ ตามลำดับ ส่วนฝั่งเข้าเมือง จะมี Big C วงศ์สว่าง ที่แยกวงศ์สว่าง เลยเข้าเมืองได้ง่าย นอกจากนั้นยังมีที่บริเวณแยกพงษ์เพชรบนถนนงามวงศ์วาน ที่มีทั้ง The Mall งามวงศ์วาน, Tesco Lotus, Home Pro, พันธ์ทิพย์ พลาซ่า เรียกว่าจะไปทางไหนก็มีห้างสรรพสินค้า หรือจะกลับมาจากบ้านทางไหนก็แวะซื้อข้าวของกลับบ้านได้ไม่ยาก

วันนี้ถือเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวกทีเดียว เพราะตัวโครงการอยู่ติดกับรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงสถานีติวานนท์เลย แต่ตัวสถานีมีขนาดใหญ่พิเศษกว่าสถานีทั่วไปที่เราเห็นกัน จึงทำให้มีจุดขึ้นลงสถานีแต่ละจุดห่างกันค่อนข้างไกล ตัวโครงการของเราติดกับบริเวณช่างกลางสถานีเลย จึงมีระยะห่างจากทางขึ้นลงสถานีประมาณ 100 เมตร จากนั้นให้เราออกประตูทางออกหมายเลขที่ 1 เมื่อลงมาแล้วให้เดินตรงไปทางแยกวงศ์สว่างเรื่อยๆ ก็จะเจอโครงการอยู่ทางฝั่งซ้ายมือเลยครับ

เริ่มต้นที่ MRT สายสีม่วง สถานีแยกติวานนท์ เป็นสถานีที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่และความยาวเยอะ ต้องเดินภายในสถานีเยอะเหมือนกันครับ แต่ไม่ค่อยมีความวุ่นวายนะ ถือว่าเงียบ ถ้าเทียบกับรถไฟฟ้าในเมือง

ลงมาที่ประตูทางออกหมายเลข 1 ซึ่งจุดนี้มีลิฟต์โดยสารให้ใช้งานด้วย สำหรับขนของ หรือผู้สูงอายุ ผู้พิการใช้

หลังจากลงมาจากสถานีให้เลี้ยวซ้ายแล้วเดินไปบนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ฝั่งมุ่งหน้าไปยังแยกวงศ์สว่าง จะมีแนวตึกแถว 4 ชั้นทางฝั่งซ้ายมือ ส่วนใหญ่จะเป็นร้านค้าครับ ไม่มีร้านอาหาร

เดินตรงต่อมาจะเจอพื้นที่ว่าง ที่เคยเป็นพื้นที่สำนักงานขายของโครงการ Amber Condominium ที่อยู่หลังโครงการเรา มองจากตรงนี้ก็จะเห็นอาคารของโครงการเรา (ซ้าย) และโครงการ Amber Condominuim (ขวา) ครับ

ตรงต่อมาจะเจอแนวตึกแถว 3 ชั้น อีกหน่อยนึงครับ ประมาณ 6 คูหา ซึ่งเปิดเป็นร้านค้าเช่นกัน ยังคงไม่มีร้านอาหารทางฝั่งนี้นะ

ถัดแนวตึกแถวมาก็เจอตัวโครงการเลยครับผม เลี้ยวซ้ายเข้าไปกันเลย

สำหรับพื้นที่โครงการไร่กว่าๆ จะตั้งอยู่บนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ช่วงใกล้แยกติวานนท์ ส่วนสำคัญเลยคือติดกับรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง สถานีแยกติวานนท์ ใช้บริการง่าย เดินทางสะดวก ตัวอาคารมีห้องพักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 8 ทำให้ได้วิวที่ค่อนข้างสูง พื้นที่รอบข้างในระยะประชิดส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ว่าง, ตึกแถว และแนวรถไฟฟ้า อาคารหันหน้าให้ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี จึงทำให้แนวอาคารหันไม่ตรงแนวทิศหลัก ทำให้รับลมและแดดประจำปีของบ้านเราอย่างเต็มที่ และจะได้มุมมองแบบที่ทำให้เห็นในแผนที่ ลองไปดูแต่ละทิศกันครับ

ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ – พื้นที่ระยะประชิดเป็นพื้นที่ว่าง เป็นทิศรับลมประจำฤดูหนาวของประเทศไทยแบบเต็มๆ สำหรับวิวระยะไกลจะเห็นเป็นกระทรวงสาธารณะสุข ซึ่งมีการจัดพื้นที่ภายในไว้ดูดีทีเดียว

ทิศตะวันออกเฉียงใต้ – เป็นทิศที่เรียกว่าโดนบล็อควิวที่สุดในบรรดาทิศต่างๆ เพราะมีอาคาร Amber Condominium สูง 37 ชั้น ห่างออกไปเล็กน้อย ยังมีระยะที่สามารถรับแสงและลมได้นะ ไม่ได้อยู่ในระยะประชิด ส่วนในระยะประชิดจะเป็นพื้นที่ว่างครับ

ทิศตะวันตกเฉียงใต้ – ในระยะประชิดอย่างที่บอกไปตอนแรกว่าสถานีนี้มีขนาดค่อนข้างยาว จึงทำให้ห้องพักภายในโครงการทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ช่วงชั้นล่างๆหน่อยจะเห็นวิวแนวรถไฟฟ้าและสถานีไปเต็มๆเลยครับ ส่วนพวกชั้นบนจะได้รับวิวค่อนข้างโล่ง นอกจากนั้นยังเป็นทิศที่รับลมประจำฤดูร้อนของประเทศ แต่ก็จะเป็นทิศที่ได้รับความร้อนสูงเช่นกัน

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ – สำหรับทางฝั่งนี้จะได้วิวที่ค่อนข้างโล่งเลยทีเดียว เพราะพื้นที่ในระยะประชิดจะเป็นพื้นที่ว่างซะส่วนใหญ่ ส่วนระยะไกลจะเห็นแยกติวานนท์ และแนวถนนติวานนท์ ทำให้เป็นทิศที่ได้วิวที่มีความเคลื่อนไหวของรถบนถนนให้ดูเพลินๆ ห่างออกไปมีอาคารสูงที่ได้เห็นไกลๆจะเป็น Centric แยกติวานนท์ 41 ชั้น และ ศุภาลัย วิสตัา 34 ชั้น ครับ

มุมมองทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากชั้น 37 – จะเห็นวิวที่ค่อนข้างโล่ง มีกระทรวงสาธารณะสุขที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม

มุมมองทิศตะวันออกเฉียงใต้จากชั้น 37 – จะเห็นอาคาร Amber Condominium สูง 37 ชั้นเท่ากันกับโครงการเรา ห่างออกไปประมาณ 80 เมตร

มุมมองทิศตะวันตกเฉียงใต้จากชั้น 37 – ฝั่งทิศนี้จะติดกับถนนกรุงเทพ-นนทบุรี และแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งมองจากชั้นบนจะไม่เห็นแล้ว วิวที่จะได้จะมุมสูงของทิศนี้จะได้วิวที่ค่อนข้างโล่งเลยล่ะ เพราะไม่มีตึกสูงในแนวนี้

มุมมองทิศตะวันออกเฉียงเหนือจากชั้น 37 – มุมมองทางฝั่งนี้ก็ถือว่าค่อนข้างโล่งนะจะเห็นแนวถนนติวานนท์ แยกติวานนท์ มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด แต่จะมีอาคารสูง 2 อาคารอยู่ไกลๆนะครับ

ลงจากชั้น Roof Top มาดูพื้นที่รอบๆโครงการในระยะประชิดกันบ้าง ฝั่งตรงข้ามโครงการ ข้ามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี และแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงไป จะเป็นอาคารตึกแถว 3-4 ชั้น คล้ายๆกับข้างโครงการครับ เป็นร้านค้า มีร้านอาหารด้วยนะ

ฝั่งขวามือจะเป็นเหมือนที่ตอนเราเดินทางมาโครงการที่ผมพาชมไปก่อนหน้านี้นะครับ

มาดูฝั่งซ้ายมือของตัวโครงการกันบ้าง จะมีทางเท้าที่ยกสูงจากถนน มีระยะประมาณ 2-3 เมตร ในแต่ละช่วง เดินได้สบายๆ มีแนวอาคารตึกแถวยาวไปครับ ส่วนอีกฝั่งของถนนก็เป็นสถานีรถไฟฟ้า MRT เช่นเดิม

เดินเลยต่อมาจะเจอพื้นที่ว่างเปล่าที่ล้อมรั้วไว้ติดกับตัวโครงการ พูดง่ายๆว่าเป็นพื้นที่เปล่าที่กั้นระหว่างโครงการเรา กับโครงการ Amber Condominium นั่นเอง

แอบชะโงกดูเล็กน้อย เป็นพื้นที่ว่างเปล่าโล่งยาวเข้าไปภายในเลยครับ

เดินต่อไปจะมีตึก Amber Condominium สูง 37 ชั้น ครับ ขนาดความสูงพอๆกับโครงการของเรา

เดินต่อมาจะเจอทางเข้าออกของโครงการ Amber Condominium

บริเวณนี้จะมีป้ายรถประจำทางให้ด้วยนะ

เลยต่อมาหน่อยจะมีแนวตึกแถวอีกเช่นเดิม แต่จะเริ่มมีร้านค้า ร้านอาหารมากขึ้นหน่อย เพราะใกล้กับจุดขึ้นลงสถานีทางฝั่งนี้

มีร้านขายยา ร้านขายของชำ ร้านก๋วยเตี๋ยว และร้านอาหาร

สุดแนวตึกจะมี Family Mart ร้านสะดวกซื้อ 24 ชม. และตู้ ATM ให้บริการ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า

  • Big C ติวานนท์ ~ 1.4 กม.
  • Big C วงศ์สว่าง ~ 2.2 กม.
  • ตลาดนนทบุรี ~ 3.0 กม.
  • Major ~ 3.1 กม.
  • Tesco Lotus รัตนาธิเบศร์ ~ 4.2 กม.
  • Esplanade งามวงศ์วาน แคราย ~ 4.3 กม.
  • เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ ~ 4.6 กม.
  • เดอะมอลล์งามวงศ์วาน ~ 5.9 กม.

โรงพยาบาล

  • โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ~ 3.4 กม.
  • โรงพยาบาลนนทเวช ~ 5.8 กม.

สถานศึกษา

  • โรงเรียนสาธิตคริสเตียน ~ 2.2 กม.
  • โรงเรียนรัตนาธิเบศร์ ~ 3.2 กม.
  • วิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ นนทบุรี (SBAC) ~ 4.2 กม.
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ~ 5.1 กม

สถานที่ราชการ

  • กระทรวงสาธารณสุข ~ 2.7 กม.
  • ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี ~ 6.2 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

มาดูภายในโครงการกันบ้าง สำหรับตัวอาคาร 37 ชั้นบนพื้นที่ดินไร่กว่าๆนี้ จะมีลักษณะอาคารเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าวางตามแนวพื้นที่ดิน ด้านหลังที่เป็นพื้นที่สามเหลี่ยม จึงถูกจัดเป็นสวนให้มาเดินเล่น และเป็นบรรยากาศดีๆให้กับโครงการ โดยชั้นนี้จะมีรายละเอียดในส่วนต่างๆดังนี้

  • การเดินรถและการจอดรถ – การเดินรถภายในโครงการ เริ่มที่พื้นที่ด้านหน้าทางเข้ามีลักษณะเป็นถนนเข้าไปภายในเล็กน้อย รถเข้าและออกจะสวนกันในบริเวณนี้ จากนั้นพอเข้ามาภายในจะใช้การเดินรถทางเดียวอ้อมแนวอาคาร หากจะต้องการเข้าพื้นที่ Drop Off เพื่อรับส่งคนให้ตรงเข้ามา จากนั้นวนขวาอ้อมป้อม รปภ. ออกไปนอกโครงการ หรือจะวนเข้าที่จอดรถภายในโครงการก็ได้ ถ้าเข้าโครงการมาปกติแล้วต้องการจอดรถภายในโครงการ ก็ต้องวนเลี้ยวอ้อมแนวอาคารมาขึ้นพื้นที่จอดภายในโครงการด้านข้างอีกฝั่งหนึ่งของอาคาร
  • พื้นที่ส่วนกลาง – หลังจากที่ Drop Off ด้านหน้าเชื่อมต่อเข้ามาที่ Lobby ภายใน ซึ่งจะมีขนาดค่อนข้างกว้าง ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน แยกความเป็นส่วนตัว จากนั้นด้านข้างจะมีส่วนนิติบุคคล และ ทางเข้าโถงลิฟต์ ซึ่งภายในโถงลิฟต์จะมี Mail Box อยู่ภายในให้ด้วย ภายในโครงการมีลิฟต์โดยสารแบบล็อคชั้นทั้งหมด 3 ตัว และลิฟต์ขนของ 1 ตัว มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการอยู่ที่ 1 : 126 ยูนิต เทียบกับระดับราคาแล้วถือว่าไม่แย่ครับ ลองไปดูภาพจริงกัน

มาเริ่มกันที่ทางเข้าโครงการกันเลย ฝั่งขวามือจะมีป้ายโครงการรับสายตาจากผู้ที่เดินทางมาบนถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ส่วนฝั่งซ้ายมือจะมีทางเท้าสำหรับเดินเข้าออกแยกออกจากทางเดินรถอย่างชัดเจน ได้เรื่องของความปลอดภัย พื้นของทางเดินรถส่วนหน้าสุดจะเป็นคอนกรีตพิมพ์ลาย

พื้นทางเดินด้านข้างเป็นบันไดในส่วนแรก มีไฟสนามให้แสงสว่างอยู่ใกล้ๆ ตามแนวทางเดิน ปลอดภัยครับ

เดินเข้าไปจะมีพื้นที่สำหรับนั่งพักคอยด้านหน้าได้ สำหรับมารอเพื่อนมารับแล้วไม่อยากเข้าไปภายในโครงการ

ส่วนถ้าอยากรอเย็นๆใน Lobby แล้วให้เพื่อนวนเข้ามารับ ก็ขับตรงเข้ามาเลยครับ

จะเป็นพื้นที่ Drop Off ขนาดใหญ่ ใต้ชายคา ไม่ต้องกลัวแดดและฝน จะมาจอดเทียบที่หน้า Lobby พอดี จากนั้นก็วนอ้อมป้อมรปภ.ออกไปได้เลย

ส่วนใครที่อยากเข้าไปจอดรถภายในโครงการ ก็ให้เลี้ยวซ้ายเลยนะ จะมีรั้วกั้นไม้กระดกอัตโนมัติ ซึ่งจะเข้าออกระบบ Keycard Access มี CCTV 2 ตัว คอยดูแลการเข้าออกส่วนนี้ด้วย พื้นยังคงเป็นคอนกรีตพิมพ์ลายอยู่นะครับ

ตรงเข้ามาจะมีทางเลี้ยวที่หัวมุม มีศาลตั้งอยู่ด้วย ให้เราวนตามทางไปเลยครับ

แนวรั้วจะเป็นกำแพงและแนวต้นไม้ สูงประมาณ 2.5-3 เมตร ได้ความเป็นส่วนตัว ส่วนด้านหลังจะมีพื้นที่สำหรับจอดรถ service นะ ซึ่งจะอยู่บริเวณใต้อาคารตรงช่วงสิ้นสุดของพื้นคอนกรีตพิมพ์ลายพอดี เข้าไปภายในจะเป็นพื้นคอนกรีตปกติ

ตรงเข้ามาด้านหลังจะถึงพื้นที่ที่เป็น 3 เหลี่ยมที่ผมบอกในช่วงอธิบายแปลน ทางโครงการจึงจัดเป็นสวนสำหรับเดินเล่น พักผ่อน โดยเขาให้ชื่อว่าเป็นสวนโยคะนะครับ

สวนมีขนาดค่อนข้างกว้าง สภาพโครงการดูแลดี หญ้านี่เรียบเสมอกันตลอดแนว ใบไม้ก็มีคนคอยดูแลจัดการครับ จะมานั่งเล่น หรือเด็กๆมาวิ่งเล่นกันได้

ส่วนอีกฝั่งจะเป็นด้านหลัง ซึ่งอาจจะยังจัดไม่เสร็จดีนัก เป็นส่วนจัดการหลังบ้านของโครงการ บริเวณที่พื้นเป็นคอนกรีตพิมพ์ลายคือส่วนทางเชื่อมเข้าไปยังโถงลิฟต์ภายในได้นะ

วนเลยต่อมาเลยครับ เลี้ยวขวาอ้อมแนวอาคารไปอีก

จะพบกับพื้นที่ขึ้นลงที่จอดรถภายในโครงการ หรือถ้าจะออกจากโครงการก็ตรงออกไปเลยครับ

บริเวณนี้จะเป็นทางขึ้นลงที่จอดรถ ซึ่งจะเดินรถสวนกันจึงมีระยะค่อนข้างกว้าง จำกัดความสูงอยู่ที่ 2.1 เมตร

พอขึ้นมาที่ชั้นจอดรถจะเป็นการเดินรถสวนกันขึ้นและลง มีโถงลิฟต์และบันไดหนีไฟอยู่ตรงกลาง

บรรยากาศภายใน ค่อนข้างกว้าง ขับรถขึ้นลงสะดวกครับ

พื้นที่จอดรถด้านบนเป็นพื้นคอนกรีตขัดมัน ส่วนฝ้าฉาบเรียบทาสีปกติ ด้านข้างจะตีแนวเว้นร่องเพื่อนำแสงธรรมชาติเข้ามาภายในส่วนที่จอดรถด้วย

ภายในจะมีบันไดที่เชื่อมต่อกันตรงกลางพร้อมจุดทิ้งขยะ เพื่อเชื่อมต่อไปยังโถงลิฟต์

ขึ้นมาที่โถงลิฟต์จะมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 3 ตัว ใช้บริการขึ้นไปยังห้องพักอาศัยได้เลย

วนกลับลงมาที่ด้านล่างกันก่อนอีกสักหน่อยนะครับ บริเวณนี้คือเส้นทางที่วนออกมาจาก Drop Off จากนั้นก็ผ่านรั้วกั้นไม้กระดก เพื่อวนออกโครงการได้ไปเลย ห้องสี่เหลี่ยมตรงกลางนั้นคือ ป้อม รปภ. ครับ

หลังจากดูเส้นทางการเดินรถรอบๆกันแล้ว เราเข้าไปดูภายในอาคารกันดีกว่าครับ ตอนนี้เรามายืนอยู่หน้า Lobby ซึ่งเป็นจุด Drop Off นั่นเอง เข้าไปดูภายในกันครับ

ภายในของ Lobby นี้จัดไว้ค่อนข้างหลากหลายนะ มีหลายมุมให้เลือกนั่ง แถมยังมี Partition กั้นแบ่งส่วนด้วย ส่วนด้านหน้านี้จะเป็นจุดของ Reception คอยต้อนรับและให้ข้อมูล

มีด้านหลังให้เดินเข้าไปนั่งเล่นด้วยนะ จะเป็นพื้นที่ที่มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

พื้นที่ส่วนด้านหลังนี้ อยู่ใน Area เดียวกันกับ Lobby แต่ถูกกั้นด้วย Partition จึงสามารถจัดเป็น co-working space ได้ เพราะจะมีความเป็นส่วนตัวมากกว่า มีมุมต่างๆให้เลือกนั่ง หลากหลายทีเดียว

ส่วนที่จะเชื่อมต่อไปคือ ฝั่งขวามือคือนิติบุลคลครับ เข้าถึงได้ง่าย ส่วนด้านซ้ายคือประตูสำหรับเชื่อมต่อไปยังโถงลิฟต์ครับผม เข้าถึงด้วยระบบ keycard และ finger scan

ภายในโถงลิฟต์นี้จะมี mail box ให้ด้วยนะครับ แยกออกเป็นสองฝั่ง ทำให้แบ่งสัดส่วนได้ชัดเจนขึ้น ใช้งานง่ายขึ้นนะ

ตัวโถงลิฟต์ให้ลิฟต์โดยสารมา 3 ตัว มีอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการอยู่ที่ 1 : 126 ยูนิต ตกแต่งด้วยกระจกทำให้โถงลิฟต์ดูกว้างมากขึ้น

ขึ้นมาที่ชั้น 8 ของเรา ซึ่งเป็นชั้น Main Facilities และเป็นชั้นแรกที่มีห้องพักอาศัย ซึ่งจะอยู่ทางฝั่งทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 5 ห้อง และทิศตะวันออกเฉียงใต้ กับ ทิศตะวันตกเฉียงเหนืออีกอย่างละ 1 ห้อง ส่วนอีกฝั่งของอาคาร (ทิศตะวันตกเฉียงใต้) จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด มีประตูที่เข้าออกด้วยระบบ keycard แบ่งกั้นความเป็นส่วนตัวไว้ให้ในแต่ละโซน พื้นที่ส่วนกลางภายในประกอบไปด้วย

  • สระว่ายน้ำระบบเกลือทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 3.5 x 18.5 เมตร พร้อมทั้งมีสระเด็ก สระน้ำอุ่น และ เตียงที่สามารถนอนในน้ำได้ภายใน
  • สวนขนาดใหญ่ที่ภายในแบ่งออกเป็นมุมต่างๆ
  • ห้องน้ำแยกชายหญิง
  • ห้อง Sauna แยกชายหญิง

เมื่อออกจากลิฟต์มาจะมีประตูกั้นแบ่งส่วนลักษณะนี้ไว้ทั้งสองฝั่ง เป็นฝั่งห้องพักอาศัย กับฝั่งพื้นที่ส่วนกลาง เข้าออกด้วยระบบ keycard ทั้งคู่ เข้าไปดูกันเลย

เมื่อออกมาภายนอกจะพบกับพื้นที่สระว่ายน้ำก่อน ด้านหลังเป็นสวนขนาดใหญ่ ผมบอกได้เลยว่าสระว่ายน้ำของที่นี่ไม่ธรรมดานะ น่าสนใจทีเดียว

ตัวสระมีขนาด 3.5 x 18.5 เมตร เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า อยู่ใต้ชายคาที่ยกขึ้นไปสูงอีกชั้น และเปิดโล่งด้านข้าง ข้อดีคือ ในช่วงเวลาที่แดดร้อน และฝนตก ก็ยังมีส่วนที่อยู่ในร่มให้ใช้งาน สามารถใช้งานได้หลากหลายช่วงเวลา และไม่ทำให้รู้สึกอัดอึดเหมือนอยู่ภายในอาคาร นอกจากนั้นภายในสระเองยังมีส่วนประกอบย่อยลงไปอีก

เริ่มต้นที่ริมสุดจะเป็นทางขึ้นลงสำหรับสระว่ายน้ำหลักของเราขนาด 2.7 x 3.3 เมตร มีบันไดด้านล่างให้เดินขึ้นลงได้อย่างสะดวก แต่ไม่มีราวจับให้ สำหรับผู้สูงอายุ อาจจะต้องจับแนวผนังค่อยๆเดินนะครับ

ถัดมาจะเป็นสระเด็กขนาด 12 ตารางเมตร หรือประมาณ 4.8 x 2.5 เมตร นั่นเอง ภายในจะมีระดับพื้นตื้นหน่อยสำหรับเด็กๆ

ถัดมาจะมีสระน้ำอุ่น ขนาด 2.5 x 4.8 เมตร ที่ควบคุมอุณหภูมิให้แตกต่างจากสระหลัก ภายในมีที่นั่งพร้อมน้ำพุ และ jet สำหรับนวดหลังนวดขาด้วยนะ

ถัดมาจะมีพื้นที่สำหรับนอนพักผ่อนได้ใกล้ชิดกับสระว่ายน้ำ เพราะเตียงจะแช่อยู่ภายในน้ำนั่นเอง พื้นที่นี้มีขนาดประมาณ 2.5 x 4.4 เมตร ภายในมีเตียง 4 ตัว เหมาะแก่การนอนดูพระอาทิตย์ตกดิน

ด้านข้างจะมีแนวทางเดิน และถูกจัดเป็นที่นั่งริมสระ การตกแต่งหลักๆจะใช้สี earth tone ดูไม่ขัดกับบริบทของน้ำและสวน สบายตา

ส่วนอีกฝั่งด้านใน ตรงข้ามกับสระว่ายน้ำ จะมีทางเดินเข้าไป ฝั่งซ้ายมือจะเป็นสวน ตรงไปจะเป็นห้องน้ำสำหรับผู้ชาย พร้อมห้อง Sauna ส่วนฝั่งขวามือจะมีห้องน้ำสำหรับผู้หญิง เปลี่ยนชุด อาบน้ำ พร้อมห้อง Sauna เราเข้าไปดูส่วนนี้กันก่อนเลย

เลี้ยวเข้ามาซอยแรกจะเป็นส่วนของผู้หญิง ห้องแรกซ้ายมือคือห้อง Sauna สำหรับผู้หญิง ส่วนด้านในสุดคือห้องน้ำครับ ลองแง้มดูห้อง Sauna กันสักนิด

ภายในห้อง Sauna ก็มีบรรยากาศทั่วไปมาตรฐาน จะตกแต่งด้วยไม้ นั่งได้ 2 ระดับ ประมาณ 6-7 ที่นั่ง

ส่วนห้องน้ำก็มีขนาดกระทัดรัด ภายในประกอบไปด้วยอ่างล้างมือให้ 2 อ่าง 1 ห้องอาบน้ำ และ 2 ห้องน้ำ ก็เพียงพอต่อการใช้งานนะ

ข้ามมาดูฝั่งผู้ชายกันบ้าง จะอยู่ในซอยด้านในสุดทางเดิน ตำแหน่งของห้อง Sauna และห้องน้ำยังคงเหมือนกับอีกฝั่งหนึ่งนะครับ

ภายในก็มีลักษณะและขนาดเท่ากันกับห้องของผู้หญิง มีที่นั่ง 2 ชั้น สำหรับผู้ชายน่าจะนั่งได้ประมาณ 4-5 คน

ภายในห้องน้ำชายก็มีลักษณะคล้ายๆกันครับ มีอ่างล้างหน้า 2 อ่าง โถปัสสาวะ 1 โถ ห้องอาบน้ำ 1 ห้อง และ ห้องน้ำ 1 ห้อง เหมาะสมกับขนาดพื้นที่

มาดูที่สวนด้านข้างกันบ้างครับ จะมีทางลงไปด้านล่างเป็นบันได ลดระดับลงเล็กน้อย เพื่อให้สระว่ายน้ำสามารถรับวิวภายนอกได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

จะเห็นว่าระดับสวนจะลดลงมาให้เท่ากับระดับพื้นภายในสระ เพื่อให้สระสามารถรับวิวรอบข้างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เข้าถึงเชื่อมต่อกันได้ง่ายขึ้นครับ และเป็นทัศนียภาพให้กันและกัน

สวนจะจัดแบ่งภายในออกเป็นหลายส่วน หลายมุม แล้วแต่การใช้งาน

ที่ริมจะมีมุมที่เป็นที่นั่งคุยกันเป็นกลุ่ม รับวิวพระอาทิตย์ตกดิน ภายในแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ซ้ายขวา ให้เลือกนั่งกันได้

ลักษณะที่นั่งจะเป็นที่นั่งล้อมโต๊ะกลาง มีขนม เครื่องดื่มขึ้นมาทานกันได้นะ

ขยับขึ้นมาชั้นบนเล็กน้อยครับ เพราะยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ในชั้น 9 อยู่ด้วย ซึ่งจะมีลักษณะคล้ายกับชั้น 8 ที่มีห้องพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ของชั้นนี้ด้วย จำนวนเท่ากันและตำแหน่งเดิมครับ

ขึ้นมาที่ชั้น 9 ก็ยังคงแบ่งกั้นความเป็นส่วนตัวให้ด้วยประตูกระจก เข้าออกด้วยระบบ keycard เช่นเดิม

ส่วนอีกฝั่งจะมี Living Room ให้สำหรับนั่งรองรับพักคอย เห็นวิวสวนของชั้น 8 ถัดไปเป็นห้องออกกำลังกายที่มีการเข้าถึงด้วยระบบ keycard เช่นกัน

ห้องออกกำลังกายเป็นลักษณะ 4 เหลี่ยมผืนผ้ายาว มีแนวฉากกั้นแบ่งส่วนของประเภทเครื่องเล่นเล็กน้อย ระดับพื้นถึงฝ้าจะเป็น Double Volume ทำให้ได้ความโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด โดยส่วนหน้านี้จะเป็นส่วนของ Cardio มีลู่วิ่งให้ 3 ลู่ รับวิวสระว่ายน้ำและแนวรถไฟฟ้า

ด้านในก็ยังมีส่วนของ Cardio อยู่บ้างที่เครื่องปั่นจักรยานอีก 3 เครื่อง แต่จะมีส่วนของ Body weight มาเพิ่มเติมด้วยที่ด้านในสุด ขนาดก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานนะ เหมาะสมกับพื้นที่ไม่แออัดจนเกินไป

มาดูพื้นที่ส่วนกลางอีกส่วนที่ด้านบนกันบ้าง จะเป็นชั้น 36 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของห้องพักอาศัย ประกอบไปด้วยห้องพักอาศัยตำแหน่งและจำนวนเช่นเดิมกับชั้น 8 และ 9 เลยครับ ชั้นนี้จะเน้นสวนรับวิวสูงโล่งรอบข้าง ไปดูกัน

ออกจากลิฟต์มาจะเจอส่วนแบ่งกั้นเช่นเดิมครับ ใช้ Keycard ในการเข้าออก

ออกมาจะพบสวนด้านหน้า ถูกจัดเป็นมุมสำหรับนั่งพักผ่อนยามเย็น ขึ้นมากลางวันจะใช้งานยากหน่อย เพราะร้อนเหลือเกิน

สิ่งที่พิเศษของชั้นนี้คือส่วนเชื่อมต่อไปยังชั้น Roof top จะมีบันไดขึ้นลงทั้งสองฝั่งซ้ายขวาเลย

ลักษณะบันไดจะหน้าตาประมาณนี้ ดูค่อนข้างแปลกตาและไม่ค่อยจะได้เห็นที่ไหนนะ ลองขึ้นไปดูกันครับ

ชั้นบน Roof Top จะไม่มีส่วนของห้องพักอาศัยแล้วแต่ก็ยังเป็นสวนเช่นเดิม ชั้นนี้จะขึ้นมาได้ต้องใชับันไดเมื่อสักครู่หรือบันไดหนีไฟเท่านั้น ส่วนลิฟต์ต่างๆของชั้นนี้จะเป็นห้องเครื่องลิฟต์ครับ พื้นที่ภายในจะประกอบด้วยมุมนั่งเล่นต่างๆ มีหญ้าเทียมทำเป็นลู่วิ่ง Jogging track ไว้ให้เล็กน้อย แต่ด้วยระยะที่ไม่ใหญ่นักอาจจะต้องวิ่งวนไปมาเป็นวงเล็กๆ แต่ก็รับวิวโล่งด้านข้าง เป็นตัวเลือกสำหรับใครที่ชอบการวิ่ง out door ก็มาใช้พื้นที่นี้ได้ครับ

บรรยากาศของบันไดที่เดินขึ้น จะแอบเสียวๆเล็กน้อย เพราะสูงและโล่ง แต่ถ้าใครที่ชอบรับวิวโล่งภายนอกก็ถือว่าตอบโจทย์เลยครับ มาเดินเล่น ถ่ายรูป ก็ชิลดีเหมือนกัน

ด้านบนจะมีสวนขนาดใหญ่ที่ด้านหลัง ระหว่างทางเดินไปก็มีมุมนั่งแยกย่อยให้มานั่งสูดอากาศกันได้

สวนรับวิวฝั่งกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นเป็นหญ้าสองสีคือ Jogging Track สำหรับวิ่งออกกำลังกายครับ

ด้านในก็มีมุมสำหรับนั่งเล่น พักผ่อนได้จัดมาให้อีก

มาดูส่วนห้องพักอาศัยกันบ้าง ตั้งแต่ชั้น 11-35 จะมี 14 ยูนิตต่อชั้น

  • โถงลิฟต์และโถงทางเดิน  – ที่นี่จะวางโถงลิฟต์ไว้ตรงกลางอาคาร ทำให้เข้าถึงง่ายจากทุกส่วน และไม่มีห้องติดกับโถงลิฟต์ แต่จะทำให้ไม่มีแสงธรรมชาติเข้ามาสู่โถงลิฟต์ได้ ส่วนโถงทางเดินวางเป็นตัว H แยกส่วนออกไปชัดเจน ทำให้พื้นที่ใกล้เคียงจะมีห้องพักอาศัยน้อยลง โถงทางเดินเป็นแบบ Double Corridor Loaded ได้รับแสงธรรมชาติน้อยหน่อย จะมีที่โครงการพยายามจะเพิ่มเติมให้เล็กน้อย 2 ฝั่ง สำหรับระบายอากาศภายใน

ภายในประกอบไปด้วยห้องหลากหลายรูปแบบ โดยจะมีห้องขนาด 33.50 ตร.ม. จำนวน 4 ยูนิตต่อชั้น อยู่ที่ 4 มุมอาคาร ส่วนห้องอื่นๆจะถูกแบ่งตามทิศดังนี้ครับ

  • ทิศตะวันตกเฉียงใต้ – รับวิวถนนกรุงเทพนนทบุรีและแนวรถไฟฟ้าจะมีห้อง 32.30 ตร.ม. อยู่ 3 ห้อง
  • ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ – รับวิวกระทรวงสาธารณสุข จะมีห้อง 28.30 ตร.ม. อยู่จำนวน 3 ห้อง
  • ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ – หันไปทางแยกติวานนท์ รับวิวถนน จะมีห้อง Studio ขนาด 24.3 และ 25.7 ตร.ม. อยู่อย่างละห้องครับ
  • ทิศตะวันออกเฉียงใต้ – เป็นทิศที่โดนบล็อควิว จึงมีห้องพักอาศัยหันมาแค่ 2 ห้อง คือห้อง Studio ขนาด 24.3 และ 25.7 ตร.ม. อยู่อย่างละห้องครับ

 

ส่วนห้องที่ชั้น 10 จะมีลักษณะเหมือนกับห้องพักที่อยู่ในชั้นที่มีพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด คือมีจำนวน 7 ยูนิต / ชั้น เพราะอีกฝั่งจะเป็นหลังคาของสระว่ายน้ำ และพื้นที่ Double Volume ของ Fitness ที่ชั้น 9

โถงลิฟต์ของชั้นทั่วไปก็ตกแต่งเรียบง่าย ไม่มีอะไรหวือหวา ใช้โทนสีเรียบๆครับ การที่รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้น้อยก็จะทำให้ต้องใช้ไฟส่องสว่างช่วย ซึ่งก็จะไปมีผลกับค่าส่วนกลางของเรานั่นเอง

โถงทางเดินแบบ Double Corridor Loaded คือมีห้องพักอาศัยทั้งสองฝั่งซ้ายขวาประกบแนวทางเดิน

ที่มุมทางเดิน 2 ในทั้งหมด 4 มุม จะมีช่องแสงและบานกระทุ้งสำหรับระบายอากาศให้ภายในนะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • Mail box
  • สวนหย่อมที่ชั้น 1, 8, 36 และ ดาดฟ้า
  • สระว่ายน้ำระบบ เกลือ ขนาด 3.5 x 18.5 เมตร ลึก 1.20 เมตร
  • มีการแบ่งสระเด็ก ขนาดประมาณ 4.8 x 2.5 เมตร
  • สระน้ำอุ่นขนาดประมาณ 4.8 x 2.5 เมตร
  • สระเตียงแช่น้ำขนาดประมาณ 4.4 x 2.5 เมตร
  • Sauna แยกชายหญิง
  • ห้องออกกำลังกาย
  • Jogging track
  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร ระบบล็อคชั้น
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 1 :  126 ยูนิต
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 160 คัน คิดเป็น 42.3% ไม่รวมซ้อนคัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card / Finger Scan


Product Walkthrough

มาดูห้องพักอาศัยกันบ้างครับ เริ่มที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 32.30 ตร.ม. กันก่อนนะครับ สำหรับห้อง Type นี้จะมี 3 ห้องต่อชั้น อยู่เฉพาะชั้น 11-35 เท่านั้น หันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้หรือถนนกรุงเทพ-นนทบุรี และแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงนั่นเอง ห้องนี้เป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าตอนลึก ภายในจะได้เป็นครัวเปิด ทำให้ห้องดูโล่ง เหมาะกับการทำอาหารเบาๆ ไม่จริงจังมากนัก มีการออกแบบพื้นที่ให้ใช้อย่างคุ้มค่าในหลายๆจุด และเน้นความเป็นส่วนตัว

ภายในแบ่งออกเป็น 5 ส่วน ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ระเบียงซักล้าง และห้องนอน เปิดประตูเข้ามาภายในห้องจะพบกับส่วนครัวก่อนเลย มีเคาน์เตอร์รูปทรงตัว I ติดผนังมาให้ทำให้ห้องดูโล่ง ส่วนอีกฝั่งเป็นห้องน้ำ มีพื้นที่สำหรับวางตู้รองเท้ามาให้ที่หน้าประตู ภายในห้องน้ำจัดมาให้ครบทั้งฉากกั้นอาบน้ำ จุดเด่นคือเข้าได้จากทางนี้ และทางห้องนอนทำให้เวลามีแขกมาที่ห้องก็ไม่ต้องเข้าผ่านห้องนอน และสะดวกกับการใช้งาน ส่วนต่อไปภายในห้องจะเป็นห้องนั่งเล่นที่ติดระเบียง เป็นช่องแสงหลักของห้อง ขนาดไม่ใหญ่นักแต่ก็เหมาะสมต่อการใช้งาน เชื่อมต่อออกไปยังระเบียงที่ต้องวางเครื่องซักผ้า และแขวน Condensing Unit ด้วย กลับเข้ามาในห้องนอนของเรา ซึ่งจะมีพื้นที่ติดกับผนังอาคารได้ช่องแสงขนาดใหญ่ทีเดียว มาพร้อมบานกระทุ้งเปิดรับลมระบายอากาศ ภายในมีพื้นที่วางโต๊ะทำงาน และก่อนจะเข้าห้องน้ำก็มีมุม Walk-in Closet มาให้ด้วย ถือว่าจัดพื้นที่ภายในมาให้ครบกับกิจกรรมต่างๆเลยทีเดียว เข้าไปดูรายละเอียดภายในกันเลย

ก่อนจะเข้าไปต้องขอบอกก่อนว่าโครงการขายในรูปแบบ Fully Fitted นะครับ จะได้เฉพาะส่วนเคาน์เตอร์ครัวและเครื่องปรับอากาศเท่านั้น

เริ่มต้นที่ประตูห้องเป็นประตูไม้ HDF มาพร้อม Digital Door Lock จาก Samsung และก้านโยกสเตนเลส เปิดเข้าไปดูกันเลย

เปิดเข้ามาภายในห้อง จะมีระดับพื้นถึงฝ้าที่ 2.4 เมตร พื้นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. ผนังพร้อมบัวเชิงผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี ไฟ downlight ทั้งห้อง

ด้านข้างทางเข้าตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่สำหรับวางตู้รองเท้าไว้ให้ด้วย ส่วนที่ประตูก็มี Stopper มาให้ สำหรับป้องกันการกระแทกเวลาเปิดประตู

ดูฝั่งครัวกันก่อน ส่วนครัวที่เราจะได้จะมีหน้าตาแบบนี้เลยครับ แต่ไม่ได้เครื่องใช้ไฟฟ้านะ

เริ่มที่ตู้ด้านบนสามารถเก็บของได้ค่อนข้างหลากหลาย หน้าบานเป็นไม้ลามิเนต

ส่วนกลางจะมี Top ครัวเป็นหินแกรนิตสีดำ พร้อม Backsplash เป็นกระเบื้องลายไม้ ง่ายต่อการทำความสะอาด มีไฟซ่อนไว้สำหรับให้แสงสว่างด้านในด้วยนะ

มีอ่างล้างจานสเตนเลสแบบหลุมเดี่ยวจาก Hafele มาให้

ส่วนเตาจะได้เป็นเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว พร้อมเครื่องดูดควันแบบต่อท่อออกภายนอก ข้อดีคือทำให้กลิ่นอาหารและควันไม่หมุนวนภายในห้อง ลดกลิ่นอับและกลิ่นอาหารได้ดี ทั้งชุดนี้เป็นของ Hafele เช่นกันครับ พร้อมพื้นที่สำหรับปรุงอาหารด้านข้าง

ส่วนด้านล่างจะมีชั้นเก็บของขนาดใหญ่ใต้อ่างล้างจาน ชั้นวางไมโครเวฟหรือเตาอบและลิ้นชักด้านล่าง ส่วนริมสุด ก็ไม่ลืมที่จะมีโต๊ะรับประทานอาหารมาให้ ถือว่าจัดสรรพื้นที่ได้ค่อนข้างคุ้มค่า สามารถนั่งรับประทานอาหารไปด้วยดูทีวีไปด้วยได้ แต่ต้องหาเก้าอี้มาวางกันเองนะ

บริเวณนี้จะเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีมีไฟ Downlight ทรง 4 เหลี่ยมมาให้ 1 ดวง

ส่วนห้องน้ำ ก็ถือเป็นอีกจุดที่ออกแบบพื้นที่ได้ดีนะ ด้วยประตูทางเข้าที่เป็นแบบบานสไลด์ ทำให้ประหยัดพื้นที่วงสวิงของประตูแบบทั่วไป และไม่ต้องเปิดไปชนกับประตูที่เข้าจากทางห้องนอน โดยจะมีธรณีประตูเป็นหินแกรนิตสีดำแบบเดียวกับ Top ครัว พื้นที่ด้านหน้าเว้นไว้ให้สำหรับวางตู้รองเท้า ด้านหลังเป็นรางสำหรับประตูบานสไลด์

ประตูเป็นแบบรางแขวนด้านบน ทำให้ไม่ต้องกังวลจะสะดุดรางที่พื้นเลย

ภายในห้องน้ำแบ่งสัดส่วนมาให้พร้อมสำหรับแห้งเปียก และการตกแต่งก็ดูสะอาดสบายตา ด้วยกระเบื้องสีขาวและเทา โดยสุขภัณฑ์ทั้งหมดภายในห้องน้ำจะเป็นของ American Standard นะครับ

ด้านข้างจะมีประตูอีกบานที่เชื่อมต่อกับห้องนอน รอบนี้เป็นบานเปิดได้แล้วนะ ไม่ต้องกังวลจะชนกับประตูอีกบาน

พื้นที่ภายในสำหรับห้องน้ำที่เข้าได้ 2 ทาง ก็เลือกจะใช้บานเปิดบานหนึ่งและบานเลื่อนอีกบานหนึ่ง นอกจากจะป้องกันการกระแทกกันของประตูทั้งสองบานแล้ว ยังทำเพื่อให้พื้นที่ภายในดูไม่อึดอัดเกินไปใช้งานได้สะดวก สำหรับโถสุขภัณฑ์ก็นั่งใช้งานได้สบาย มีระยะด้านหน้าเหลือเฟือเลยครับ ไม่อึดอัด

สำหรับอ่างล้างหน้าจะได้กระจกเงาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดประมาณ 75 x 50 เซนติเมตร มาด้วย ส่วนด้านล่างมีผนัง Low Wall กว้างประมาณ 10 เซนติเมตร ไว้วางของได้

อ่างล้างหน้าเซรามิคจาก American Standard มีพื้นที่วางของที่ด้านบนเล็กน้อย

โถสุขภัณฑ์จาก American Standard มาพร้อมสายชำระ และ ที่ใส่กระดาษชำระในตำแหน่งที่เหมาะสม ถึงจะไม่มีฉากกันน้ำมาให้ก็ไม่ต้องกลัวกระดาษชำระจะเปียก

ส่วนอาบน้ำมี Shower Box เป็นฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยมาให้ด้วยนะ แบ่งสัดส่วนเปียกแห้งได้ชัดเจน

พื้นที่ภายในมีขนาดกว้างพอสมควร จัดว่ายืนอาบน้ำได้สบายๆ ลดระดับลงไปประมาณ 2-3 เซนติเมตร

ส่วนอาบน้ำจะเป็น Hand Shower จาก American Standard เช่นกัน มาพร้อมกับ Junction Box สำหรับติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ด้านข้างมีช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ

Hand Shower มาในรูปทรงที่ไม่ค่อยได้เห็นกันนัก และมีลักษณะเด่นที่มีปุ่มให้เลื่อนรูปแบบการไหลของน้ำได้ 2 แบบ

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวง มีพัดลมระบายอากาศให้ตามปกติ

ออกจากห้องน้ำเพื่อมาดูส่วนอื่นๆภายในห้อง สำหรับประตูด้านข้างจะเป็นส่วนเชื่อมต่อเข้าไปกับห้องนอนของเรานั่นเอง แต่ก่อนจะเข้าไปภายใน มาดูพื้นที่ส่วน Common Area นี้กันให้หมดก่อนนะ

ด้านในจะมีพื้นที่ห้องนั่งเล่น และระเบียง ซึ่งมีขนาดไม่ได้กว้างนัก แต่ก็เหมาะสมกับขนาดห้องที่ควรจะอาศัยกันประมาณ 1-2 คนนะครับ

พื้นที่นั่งเล่นมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.3 เมตร ซึ่งจะเหมาะกับทีวีขนาดกลางถึงใหญ่ ประมาณ 46-55 นิ้ว บริเวณนี้จะมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัดทำให้รูปแบบของโซฟาที่สามารถจะนำมาใช้จะไม่ค่อยหลากหลายนัก นอกจากนั้นด้วยระยะทีวีประมาณนี้ ถ้าจะต้ังโต๊ะวางของตรงกลางแนะนำให้ใช้ทีวีแบบแขวน เพื่อประหยัดพื้นที่ชั้นวางทีวี และใช้โต๊ะขนาดไม่ใหญ่มาก จะได้เดินเข้า-ออก ไประเบียงได้สะดวก

ฝ้าเพดานส่วนนี้ฉาบเรียบทาสี และให้ไฟ Downlight 2 ดวงครับ

ส่วนเชื่อมต่อกับระเบียงจะเป็นประตูกระจกกรอบบานอลูมิเนียมกระจกเขียวใสตัดแสง

ตัวล็อคจะอยู่ที่ด้านหลังประตู แต่ที่จับเวลาเปิดปิดจะไม่มีตัวล็อคนะ ส่วนที่พื้นด้านล่างจะยกสูงขึ้นประมาณ 12 เซนติเมตร เพื่อกันน้ำ และสิ่งสกปรกไหลย้อนกลับเข้ามาภายในห้อง

พื้นที่ระเบียงขนาดค่อนข้างกว้างนะครับ สามารถวางเครื่องซักผ้า และออกมายืนใช้งานเครื่องซักผ้าได้สบายๆ พร้อมแนวระแนงกันตกโปร่ง ทำให้ลมพัดผ่านไปมาได้ จึงทำให้พื้นที่นี้สามารถตากผ้าได้เล็กน้อย

ด้านบนมีตำแหน่งแขวน Condensing Unit จำนวน 2 เครื่อง สำหรับเครื่องซักผ้าผมจึงแนะนำให้ใช้เป็นรุ่นฝาหน้า เพราะจะได้ใช้งานได้สะดวก

ถ้าเพดานฉาบเรียบทาสีเข้มของตัวอาคาร และไฟ Downlight 1 ดวง

มองย้อนกลับเข้าไปภายในตัวห้อง จะเห็นว่าแสงสามารถส่องเข้าไปได้ถึงหน้าประตูเลย และฝ้าเพดานก็มีการลดระดับเล็กน้อย เพราะ ส่วนฝ้าที่ลดลงมาด้านข้างคือส่วนที่ต้องลดลงมาเพื่อท่อของเครื่องดูดควันที่ส่งออกไปภายนอกห้อง

กลับเข้ามาที่ประตูของห้องนอนหนึ่งเดียวของเรากัน ทางเข้าเป็นประตูไม้ลักษณะเดียวกันกับส่วนอื่นๆของห้อง มาพร้อมก้านโยกสเตนเลสและตัวล็อคจากภายใน

เปิดประตูเข้ามาก็แอบตกใจเล็กน้อย เพราะขนาดค่อนข้างกว้าง วางเตียง 6 ฟุตและวางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ เพราะเหลือพื้นที่ทำงานด้านข้างด้วย ทีเด็ดของห้องนี้ยังไม่ได้มีเพียงเท่านี้นะครับ เข้าไปดูกันต่อเลย

ภายในห้องตัวอย่างวางเตียง 5 ฟุต แต่จริงๆ ด้วยขนาดพื้นที่ห้องวางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆเลยครับ พร้อมพื้นที่ข้างเตียงเดินได้รอบ

อีกจุดเด่นของห้องนี้คือหน้าต่างที่ติดผนัง ได้เป็นกระจกบาน Fixed ขนาดใหญ่ และบานกระทุ้งด้านข้างที่เอาไว้เปิดรับลมระบายอากาศ เป็นกรอบบานอลูมิเนียมกระจกเขียวใสตัดแสงเช่นกัน

ส่วนภายในของห้อง มีพื้นที่สำหรับโต๊ะทำงาน และที่วางตู้เสื้อผ้าไว้ให้ด้วยด้านข้างทางเข้าห้องน้ำ

ส่วนพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าจะไม่ได้ให้ตู้เสื้อผ้ามาด้วยนะ แต่จะเว้นพื้นที่ว่างมาให้ แนะนำให้เลือกใช้ตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อน เพื่อลดพื้นที่หน้าตู้ ทำให้พื้นที่ทำงานจะสามารถวางโต๊ะได้ขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย นอกจากนั้นพื้นที่ทางเข้าห้องน้ำยังทำเป็นพื้นที่ลึกลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ไม่เป็นระนาบเดียวกันกับตู้เสื้อผ้า จะรู้สึกเป็นสัดส่วนมากขึ้นเวลาเข้าออก เป็นเทคนิคในการออกแบบให้รู้สึกไม่เขิลนัก

ภายในห้องนอนนี้จะมีฝ้าเพดานแบบฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 3 ดวง

มาต่อกันที่ห้อง 1 Bedroom ที่มีขนาดใกล้เคียงกับห้องก่อนหน้านี้ โดยจะมีขนาดใหญ่กว่าเพียง 1 ตร.ม.เท่านั้น แต่รูปแบบของห้องจะแตกต่างออกไป เพราะเป็นห้องหน้ากว้าง ตำแหน่งของห้องนี้จะอยู่ตามมุมอาคาร สูงสุดมี 4 ห้องต่อชั้น ตั้งแต่ชั้น 8 – 36 ซึ่งบางชั้นจะมีเพียง 2 ห้อง ลักษณะเด่นของห้องหน้ากว้างคือจะรับแสงธรรมชาติได้เยอะ และส่องแสงเข้ามายังพื้นที่ภายในได้ทั่ว ซึ่งลักษณะโดยรวมของการออกแบบก็ยังคงคล้ายกับห้องก่อนหน้านี้ ที่เน้นการใช้สอยพื้นที่ให้คุ้ม และความเป็นส่วนตัว ที่ผมแอบเสียดายเล็กน้อยคือมีตำแหน่งเป็นห้องมุม แต่เปิดรับแสงแค่ฝั่งเดียว

แบ่งพื้นที่ภายในออกมาเป็น 6 ส่วน ทางเข้า ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ระเบียง ห้องน้ำ ห้องนอน ทางเข้าจะมีพื้นที่เป็นคล้ายๆ Foyer ด้านหน้ามีพื้นที่ใส่และถอดรองเท้าทำมุมหลบจากส่วนอื่นๆเล็กน้อย ได้ความเป็นส่วนตัว ตรงเข้ามาภายในจะเป็นห้องกว้างๆที่มีทั้งส่วนครัวและห้องนั่งเล่นอยู่ใกล้กัน โดยครัวจะเป็นเคาน์เตอร์ยาวติดผนัง ข้อดีคือทำให้ได้ความโล่งของห้อง ส่วนข้อเสียคือเวลาประกอบอาคารจะทำให้กลิ่นและควันไปรบกวนส่วนอื่นๆภายในห้องได้ง่าย แต่ก็ยังดีที่มีตำแหน่งใกล้ระเบียง ซึ่งจะช่วยระบายอากาศได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนพื้นที่ห้องนั่งเล่นจะเหลือระยะดูทีวีค่อนข้างน้อย ด้านข้างมีห้องน้ำ ซึ่งก็เช่นเคย สามารถเข้าออกได้จากทั้งห้องนั่งเล่น และห้องนอน ช่วยให้สะดวกแก่การใช้งานและรักษาความเป็นส่วนตัวได้ดี ต่อไปยังห้องนอนที่จะมีลักษณะพื้นที่ภายในคล้ายกับห้องนอนของห้องก่อนหน้านี้ แต่จะมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย โดยจะมีพื้นที่วางเตียงใกล้ผนัง พื้นที่วางโต๊ะทำงาน และพื้นที่ walk-in closet ก่อนทางเข้าห้องน้ำครับ ไปดูภายในกัน

ภายในห้องมีระยะพื้นถึงฝ้าเท่าเดิมที่ 2.4 เมตร เข้ามาภายในจะมีพื้นเป็นไม้ลามิเนตหนา 8 มม. มีผนังพร้อมบัวเชิงผนังและฝ้าฉาบเรียบทาสี มีไฟ Downlight ให้ทั้งห้อง เช่นเดียวกันกับห้องก่อนหน้านี้

ส่วนแรกของห้องจะเป็นพื้นที่เข้าออก หรือเรียกง่ายๆว่า Foyer นั่นเอง เป็นพื้นที่สำหรับใส่และถอดรองเท้า และวางชั้นวางรองเท้า ข้อดีของการมีพื้นที่นี้คือจะมีสัดส่วนในการเข้าและออกจากห้อง มีพื้นที่วางของ จำกัดพื้นที่ของสิ่งสกปรกที่อาจจะติดมากับรองเท้าได้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เข้าไปรบกวนพื้นที่ภายในและง่ายแก่การทำความสะอาด

พื้นที่ส่วนนี้ค่อนข้างกว้างทีเดียว สามารถทำเป็นชั้นวางรองเท้าแบบนั่งใส่รองเท้าได้ด้วยก็ได้นะ

มาดูกันต่อที่ส่วนครัว ซึ่งจะมีลักษณะส่วนประกอบต่างๆเหมือนเดิมกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ แต่ Mirror กลับด้านกัน

ชั้นกลางก็มีลักษณะเหมือนเดิมครับ Top หินแกรนิตสีดำ และ Backsplash กระเบื้องลายไม้ อ่างล้างจานสเตนเลสแบบหลุมเดี่ยว มากับเตาแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว พร้อมทั้งเครื่องดูดควันแบบต่อท่อออกภายใน จาก Hafele ทั้งหมด ซ่อนไฟด้านในมาให้ด้วยเช่นเดิม

ส่วนพื้นที่ด้านหลังครัว จะเป็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่น ที่มาพร้อมช่องแสงเช่นเดิม ทำให้พื้นที่บริเวณที่ผ่านมาทั้งหมดของห้องนี้ได้แสงธรรมชาติไปด้วย แต่การวางไว้กับครัวอย่างนี้ก็มีข้อดี-ข้อเสียอย่างที่ผมบอกไปตอนอธิบายแปลน มาดูไปพร้อมกับภาพกันดีกว่า หนึ่งเลยคือเรื่องกลิ่นและควันสำหรับการประกอบอาคาร จะทำให้รบกวนส่วนอื่นภายในห้องได้ง่าย อาจจะทำให้กลิ่นติดโซฟา หรือผ้าม่านได้ง่ายด้วย จึงเหมาะกับการทำอาหารแบบเบาๆ หรือทำไม่บ่อยมากนัก

ส่วนอีกปัญหาคือจะได้ระยะดูทีวีที่ค่อนข้างแคบ เพราะต้องเผื่อพื้นที่ด้านหลังไว้สำหรับยืนประกอบอาหาร โดยจะมีระยะดูทีวีอยู่เพียงแค่ประมาณ 1.8 เมตร ซึ่งเหมาะกับการวางทีวีขนาดเล็กถึงกลาง แนะนำให้ใช้ทีวีแขวนผนังซึ่งจะช่วยให้ได้ระยะดูทีวีเพิ่มมากขึ้น ด้วยระยะขนาดนี้เหมาะกับการวางโซฟาขนาดเล็กถึงกลาง และจะวางโต๊ะกลางได้ยาก

ประตูเชื่อมต่อกับระเบียงจะมีลักษณะเดียวกันกับห้องที่ผ่านมาครับ ประตูกระจกกรอบบานอลูมิเนียมกระจกเขียวใสตัดแสง

มีตัวล็อคอยู่ด้านหลังประตูเช่นเดิม พร้อมพื้นยกขอบสูงขึ้นเพื่อกันน้ำและสิ่งสกปรกจากภายนอก

ภายนอกระเบียงจะมีขนาดกว้างขึ้นกว่าห้องที่แล้วนะ เพราะเป็นห้องหน้ากว้างจึงจะได้แนวระเบียงยาวตลอดแนวหน้าห้องส่วนด้านนี้เลย ออกไปยืนสูดอากาศรับลม หรือตั้งชุดเก้าอี้จิบกาแฟเล็กๆกันได้นะ

ด้านข้างจะมีส่วนเก็บเครื่องซักผ้า และที่แขวน Condensing unit ปิดให้มิดชิดเรียบร้อย

ผ้าเพดานยังคงฉาบเรียบทาสีเข้มของภายนอกอาคาร และให้ไฟ Downlight เช่นเดิมครับ

มองย้อนกลับเข้ามาจะสังเกตว่าภายในห้องจะรับแสงธรรมชาติได้ทั่ว เพราะมีระยะไม่ลึกมากนัก เป็นข้อดีที่ช่วยทำให้ห้องดูโล่งและโปร่งมากยิ่งขึ้น ประตูอีก 2 บาน ทางฝั่งซ้าย คือห้องน้ำและห้องนอนนั่นเอง เราไปดูส่วนห้องน้ำกันก่อนนะครับ

ภายในห้องน้ำจะมีลักษณะคล้ายๆกับห้องก่อนหน้านี้คือสามารถเข้าได้จาก 2 ฝั่ง รอบนี้เป็นประตูบานเปิดทั้งสองฝั่งแล้วนะ เพราะอยู่กันคนละมุมไม่ชนกันแน่นอน แต่ตำแหน่งและรูปแบบอุปกรณ์จะแตกต่างจากเดิมเล็กน้อยนะ สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ภายในจะใช้ของ American Standard ทั้งหมดเหมือนเดิมครับ

ภายในห้องขนาดกำลังใช้งานได้ดี ที่ทางเข้าออกแต่ละฝั่งจะมีธรณีประตูเป็นหินแกรนิตสีดำเช่นเดิมทั้งสองฝั่งเลย

ส่วนกระจกเงา, ผนัง Low Wall, โถสุขภัณฑ์ และอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมทั้งอ่างล้างมือ จะมีลักษณะเหมือนห้องก่อนหน้านี้เลยครับ แตกต่างเพียงตำแหน่งของที่ใส่กระดาษชำระเล็กน้อย

ส่วนอาบน้ำจะได้เป็น Shower Box แบบ 4 เหลี่ยม เป็นกระจกนิรภัย ประตูเปิดเข้าด้านใน ไม่ต้องกลัวกระแทกกับประตูห้องน้ำครับ

ภายในมีลักษณะเป็น 4 เหลี่ยมจตุรัส ขนาดถือว่ายืนอาบคนเดียวได้สบายๆ

ส่วนอาบน้ำจะเป็น Hand Shower จาก American Standard เช่นเดิม

ฝ้าเพดานฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ downlight 2 ดวง มีพัดลมดูอากาศมาให้เช่นเดิม

มาดูที่ห้องสุดท้ายในวันนี้ของเรากัน ห้องนอนของห้องนี้มีลักษณะการจัดวางภายในคล้ายๆห้องก่อนหน้านี้ครับ โดยจะมีเตียงติดแนวผนัง โต๊ะทำงาน และมุมผู้เสื้อผ้าหน้าห้องน้ำ

ถึงจะแคบลงแต่ปลายเตียงยังติดทีวีได้อยู่นะครับ

ซึ่งจะเหลือทางเดินปลายเตียงไม่มากนัก ประมาณ 45 เซนติเมตร เป็นระยะที่ยังสามารถเดินได้ครับ

ส่วนริมผนังจะได้แนวกระจกลักษณะเดิมเลย ได้รับแสงกันอย่างเต็มที่ พร้อมบานกระทุ้งเปิดรับลมระบายอากาศ

ด้านข้างสามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ ยืนดูวิวหรือรับลมได้สะดวก

ฝ้าเพดานส่วนนี้จะฉาบเรียบทาสี พร้อมไฟ Downlight 2 ดวงนะครับ

มองย้อนกลับเข้าไปภายในห้องจะเห็นว่าส่วนวางตู้เสื้อผ้าจะเป็นแนวนอน ยาวเข้าไปหน้าห้องน้ำ ทำให้พื้นที่ทำงานสามารถวางโต๊ะได้เต็มพื้นที่

พื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงานเหลือไม่เยอะมากนัก ซึ่งอาจจะเป็นโต๊ะข้างเตียงไปในตัวเลยก็ได้นะ

พื้นที่สำหรับแต่งตัวหน้าตู้เสื้อผ้าใช้ร่วมกับพื้นที่เดินเข้าออกห้องน้ำ ก็ถือว่าใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า ดี แต่จะลำบากหน่อยเวลามีคนใช้ตู้เสื้อผ้าอยู่ แล้วมีคนต้องเดินเข้าออกห้องน้ำ

ส่วนนี้จะมีไฟ Downlight ให้อีก 1 ดวง.

สวิทช์ไฟทั้งหมดของห้องในโครงการจะเป็นของ Panasonic แบบนี้ครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 21 May 2019

  • Studio ชั้น 27 ห้อง A27-14 / เนื้อที่ 24.81 ตร.ม. / ราคา 1.9 ล้านบาท หรือ 76,582.02 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ชั้น 15 ห้อง A15-03 / เนื้อที่ 28.52 ตร.ม. / ราคา 2.34 ล้านบาท หรือ 82,047.60 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ชั้น 16 ห้อง A16-11 / เนื้อที่ 32.52 ตร.ม. / ราคา 2.44 ล้านบาท หรือ 75,030.75 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom ชั้น 16 ห้อง A16-03 / เนื้อที่ 34.37 ตร.ม. / ราคา 2.54 ล้านบาท หรือ 73,901.66 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ชั้น 10 ห้อง A10-01 / เนื้อที่ 43.86 ตร.ม. / ราคา 3.44 ล้านบาท หรือ 78,431.37 บาท/ตร.ม.

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.40 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท๊อปหินแกรนิตสีดำ
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อง Hafele
  • จอง 10,000 / 20,000 บาท
  • ทำสัญญา 20,000 / 30,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 58 บาท/ตร.ม./เดือน

โปรโมชั่นพิเศษ

  • ฟรีเครื่องปรับอากาศ

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล : ตัวโครงการใกล้กับแยกติวานนท์ทำให้สามารถเดินทางไปแต่ละเส้นทางได้สะดวก เช่นเข้าเมืองไปทางฝั่งแยกวงศสว่าง ออกไปปทุมธานี แจ้งวัฒนะ ทางฝั่งแยกแคราย หากจะไปบางใหญ่-บางบัวทอง ก็เดินทางไปฝั่งถนนนนทบุรี หรือรัตนาธิเบศร์ ส่วนจะไปถนนราชพฤกษ์ก็ไปทางถนนนครอินทร์ได้สะดวก นอกจากนั้นยังมีทางพิเศษศรีรัชให้ใช้งานกันอีก ส่วนความอุดมสมบูรณ์ ระยะเดินยังไม่ค่อยมีของกินของใช้ให้เลือกกันมากนัก แต่ห่างออกมาอีกเล็กน้อยก็จัดว่ามีมาให้ทุกด้านเลย ไม่ว่าจะกลับมาจากฝั่งไหนก็แวะห้างซื้อของเข้ามาได้ไม่ยาก ทั้ง Big C ติวานนท์, Bic G วงศ์สว่าง, Esplanade และ Tesco Lotus ที่แยกแคราย, The Mall Tesco Lotus Home Pro ที่แยกพงศ์เพชร

การเดินทางโดยใช้รถ : จัดว่าสะดวกพอสมควร เพราะติดถนนใหญ่ เข้าออกง่าย สังเกตเห็นและบอกทางเพื่อนที่จะมาเยี่ยมก็สะดวก สามารถเข้าเมืองได้ไม่ยาก ออกเมืองก็ง่ายเพราะใกล้กับจุดกลับรถเพียง 300 เมตร นอกจากนั้นยังไม่ไกลจากทางด่วนศรีรัชด้วยนะ ภายในโครงการให้ที่จอดรถมา 42% แต่การเป็นคอนโดติดรถไฟฟ้าจึงทำให้มีกลุ่มลูกบ้านที่ไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นประจำ ที่จอดรถจึงถือว่าไม่ได้ดูน้อยจนเกินไป

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ตัวโครงการตั้งติดกับ MRT สายสีม่วงสถานีแยกติวานนท์ แต่ห่างจากจุดขึ้นลงประมาณ 100 เมตร ซึ่งถือเป็นจุดเด่นในการเดินทางโดยไม่ใช้รถ ส่วนวิธีอื่นก็เข้าถึงง่ายเพราะโครงการตั้งติดถนนใหญ่ มีป้ายรถประจำทางห่างออกไปประมาณ 100 เมตร อยู่จุดเดียวกันกับทางขึ้นสถานี MRT ส่วนรถแท็กซี่มีผ่านไปมาตลอด พี่วินก็มีประจำห่างออกไปประมาณ 100 เมตรเช่นกัน หาใช้บริการได้ไม่ยากครับ

วัสดุ : ห้องขายแบบ Fully Fitted ของภายในจัดมาให้ดีเหมือนกันนะ เริ่มที่ Digital Door Lock จาก Samsung ประตูภายในเป็น HDF ทุกบานลายเดียวกัน พื้นภายในเป็นลามิเนตหนา 8 มม. ท็อปครัวหินแกรนิตสีดำ Hob&Hood จาก Hafele แบบต่อท่อระบายกลิ่นควันออกด้านนอก อ่างล้านจาน Hafele เช่นกัน หน้าบานต่างๆกรุลามิเนต ห้องน้ำมีธรณีประตูหินแกรนิตสีดำมาให้ ภายในห้องใช้สุขภัณฑ์ของ American Standard ทั้งหมด ให้ฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยมาให้ด้วย ประตูและกระจกเป็นกรอบบานอลูมิเนียมกระจกเขียวใสตัดแสงทั้งหมด พร้อมไฟ Downlight สวิทช์ไฟของ Panasonic ปัจจุบันมีโปรโมชั่นแถมเครื่องปรับอากาศให้ด้วย

การออกแบบ : เริ่มที่การเดินรถภายในโครงการเข้าใจง่ายและปลอดภัย เพราะเป็นการเดินรถทางเดียวทั้งหมด ส่วนบนพื้นที่จอดรถจะต้องเดินรถสวนกันนะเพราะพื้นที่มีจำกัด ชั้น 1 จัดวางพื้นที่ส่วนกลางไว้ชัดเจน มีการแบ่งความเป็นส่วนตัวของ Lobby เพื่อให้ใช้งานได้หลากหลายขึ้น เก็บ Mail Box ไว้ในโถงลิฟต์ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ส่วนชั้นพักอาศัยวางผังตามพื้นที่ดินจึงเลือกให้มีโถงลิฟต์ไว้ตรงกลาง เพื่อการเข้าถึงง่าย อาจจะต้องแลกมากับการที่จะไม่ได้แสงธรรมชาติ แต่การวางโถงทางเดินเป็นตัว H ทำให้พื้นที่พักอาศัยในแต่ละชั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ฝั่ง จะได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะลดจำนวนเพื่อนบ้านในในแต่ละฝั่งลง ส่วนมุมมองตัวอาคารโดนบล็อควิวทางฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ จึงเลือกวางห้อง Studio ในทิศนั้นเพียง 2 ห้อง/ชั้น เท่านั้น พื้นที่ส่วนกลางออกแบบให้มีการกระจายออกเป็นหลายชั้น เพื่อลดจำนวนผู้ใช้งานในแต่ละพื้นที่ ทำให้ดูไม่หนาแน่นจนเกินไป ได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ส่วนชั้นดาดฟ้าก็มีการจัดพื้นที่ให้มีความหลากหลายมากขึ้น จากสวนธรรมดาก็จัดให้มีมุมนั่งเล่นที่แตกต่างกัน มีลู่วิ่งที่เป็นทางเลือกในการออกกำลังกายเพิ่มเติม

ส่วนห้องพักอาศัยจัดมาให้เลือกหลายแบบ ทั้งที่ขนาดใกล้เคียงกัน เช่นแบบหน้ากว้าง กับแบบตอนลึก ภายในเน้นให้ดูโปร่งโล่งด้วยการจัดเป็นครัวเปิดทั้งหมดแต่ก็ต่อท่อเครื่องดูดควันออกด้านนอกให้ คำนึกถึงการใช้งานจริง ส่วนห้องน้ำเน้นที่จะเข้าออกได้ 2 ทาง เพื่อความสะดวกในการใช้งานและรักษาความเป็นส่วนตัวของห้องนอน ส่วนห้องนอนจะได้แนวกระจกขนาดใหญ่รับแสงได้เต็มที่ มีพื้นที่ทำงานและ walk-in closet ในตัว ที่จะแอบเสียดายเล็กน้อยก็คือห้องที่อยู่มุมอาคาร แต่เปิดรับช่องแสงทางฝั่งเดียว ไม่ได้ใช้ประโยชน์ของตำแหน่งให้เต็มที่เท่าที่ควร

สาธารณูปโภค : เป็นโครงการที่สร้างเสร็จมาได้แค่เพียงประมาณครึ่งปีเท่านั้นเอง เรียกได้ว่าสภาพใหม่แกะกล่องเลยล่ะครับ ดูจากการจัดการภายในถือว่าทำได้ดีทีเดียว มีพนักงานดูแลต้นไม้และสวนอยู่แทบจะตลอดทั้งวันในแต่ละจุด ส่วนพื้นที่ส่วนกลางที่จัดมาให้ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ให้มาครบตามมาตรฐานที่คอนโดควรจะมี แต่อย่างที่บอกไปว่าเขาแยกส่วนออกหลายๆจุด ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวของแต่ละพื้นที่ได้ดี ส่วนของสวนด้านบนที่มีขนาดใหญ่ เขาก็พยายามใส่รายละเอียดเล็กๆลงไปในแต่ละจุด เช่นมุมนั่งเล่นที่แตกต่าง ลู่วิ่ง บันไดรับวิว ที่ช่วยสร้างความแปลกใหม่ให้กับพื้นที่สวน ส่วนสระว่ายน้ำก็ออกแบบมาได้ดีนะครับ เป็นแบบใต้ชายคาที่ยกสูง ทำให้สามารถใช้งานในช่วงเวลาฝนตกหรือแดดร้อนได้ แต่ไม่รู้สึกอึดอัด นอกจากนั้นภายในยังมีสระเด็ก สระน้ำอุ่น และก็เตียงที่แช่ในน้ำให้ด้วยนะครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 70,000 บาท/ตร.ม., 21 May 2019

  • ทำเล 7.75/10 – ติดถนนใหญ่ เดินทางสะดวก มีห้างสรรพสินค้าล้อมรอบในระยะขับรถ
  • เดินทางด้วยรถ 7.25/10 – เข้าเมืองง่าย ออกเมืองสะดวก ใกล้ทางด่วน ที่จอดรถน้อยไปเล็กน้อย
  • ไม่ใช้รถ 8/10 – ติด MRT แยกติวานนท์ ตั้งอยู่บนถนนใหญ่ ใกล้วินและป้ายรถประจำทาง
  • วัสดุ 7.5/10 – จัดมาให้ระดับกลางถึงดี แต่ขายแบบ Fully Fitted ต้องเผื่องบตกแต่ง
  • แบบ 7.5/10 – ออกแบบเน้นการใช้งานจริง ความเป็นส่วนตัว มีตัวเลือกห้องให้เลือกหลากหลาย
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – สภาพโครงการใหม่แกะกล่อง ส่วนกลางระดับมาตรฐาน เพียงพอต่อการใช้งาน

  • MAIN CLASS
  • 7.62 / 10.00

BOTTOM LINE

Unio H ติวานนท์ เหมาะกับคนที่ต้องการคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ใกล้แยกติวานนท์ และกระทรวงสาธารณสุข เดินทางเข้าเมืองได้สะดวก ออกเมืองง่าย ติดรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง มีส่วนกลางหลักๆให้ครบ มีตัวเลือกห้องพักอาศัยหลายแบบ รับวิวรอบด้าน มีงบประมาณระดับ 2 – 4 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 14,000 – 28,000 บาท/เดือน