รีวิวฉบับที่ 2185 …  สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วกับโครงการ The Reserve Sukhumvit 61 (เดอะ รีเซิร์ฟ สุขุมวิท 61) ตั้งอยู่ในทำเลย่านเอกมัย ในซอยสุขุมวิท 61 ซอยมีจุดเด่นที่ความสงบน่าอยู่อาศัย แต่อยู่ใจกลางเมืองอยู่ระหว่างทองหล่อและเอกมัย ที่นี่เป็นคอนโด Low Rise สไตล์ Modern Classic เรียบหรู แบบห้องที่หลากหลาย และให้พื้นที่ส่วนกลางที่ให้มาร่วม 1 ไร่ ได้บรรยากาศเหมือนอยู่บ้าน ในราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท โครงการจะเป็นอย่างไรไปชมพร้อมๆกันเลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ

The Reserve Sukhumvit 61 (เดอะ รีเซิร์ฟ สุขุมวิท 61) @ 26 January 2021

 ชื่อโครงการ  The Reserve Sukhumvit 61 (เดอะ รีเซิร์ฟ สุขุมวิท 61)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท พฤกษา เรียสเอสเตท จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  LUXURY CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ซอยสุขุมวิท 61 ถนน สุขุมวิท เขต วัฒนา
 ที่ดิน  3-0-34.6 ไร่
 ประเภทคอนโด  Low Rise 7 ชั้น 2 อาคาร
 จำนวนยูนิต  182 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   19 ยูนิตที่อาคาร B
 ที่จอดรถ  186 คัน >> 182 คัน (Update 10/11/2021) คิดเป็น 100% (Conventional , Auto-Parking)
 เริ่มก่อสร้าง  มีนาคม 2561
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ  ธันวาคม 2563
 Studio  พื้นที่ใช้สอยภายใน 30.75 – 30.87 ตร.ม.
 1 Bedroom  พื้นที่ใช้สอยภายใน 35.91 – 49.53 ตร.ม.
 2 Bedroom  พื้นที่ใช้สอยภายใน 62.62 – 138.8 ตร.ม.
 3 Bedroom  พื้นที่ใช้สอยภายใน 157.6 ตร.ม.
 Duplex  พื้นที่ใช้สอยภายใน 113.32 – 132.11  ตร.ม.
 Penthouse  พื้นที่ใช้สอยภายใน 124.24 – 138.5 ตร.ม.
 ฝ้าเพดานสูง 2.4 – 2.7 เมตร
 ราคาเริ่มต้น เริ่มต้น 6.9 ล้านบาท (1 Bedroom)  (Update 10/11/2021)
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ 230,000 บาท/ตร.ม.
 เว็บไซต์โครงการ คลิกที่นี่
 Call Center 1739

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.728824, 100.584179
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

ที่ตั้งโครงการ The Reserve Sukhumvit 61 (เดอะ รีเซิร์ฟ สุขุมวิท 61) ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 61 ระหว่างซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) และซอยเอกมัย (สุขุมวิท 63) จัดอยู่ใน “ย่านเอกมัย-ทองหล่อ” ซึ่งเป็นหนึ่งในย่านดัง มีชื่อเสียงใจกลางกรุงเทพมหานครก็ว่าได้ เพราะเป็นแหล่งรวมที่อยู่อาศัยหรู อาคารสำนักงาน ธุรกิจร้านค้า แหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารอร่อยมากมายเปิดทั้งกลางวันกลางคืน ซึ่งส่วนใหญ่ดึงดูดกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีกำลังทรัพย์ มีไลฟ์สไตล์ ชอบอยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวก รวมไปถึงชาวต่างชาติจำนวนมากอีกด้วย ทำให้บรรยากาศในละแวกนี้ค่อนข้างคึกคัก มีสีสันทีเดียว

แต่ในทางกลับกัน ซอยสุขุมวิท 61 ซึ่งเป็นที่ตั้งโครงการแม้จะอยู่ในทำเลระหว่างทองหล่อและเอกมัย กลับเป็นทำเลที่เน้นการอยู่อาศัยที่ค่อนข้างเงียบสงบมากกว่า บรรยากาศโดยภาพรวมน่าอยู่ สองข้างทางระหว่างในซอยร่มรื่นมีต้นไม้ใหญ่ตลอดทาง เป็นอาคารพักอาศัยและบ้านพักอาศัย เป็นส่วนใหญ่ เหมาะกับคนที่มองหาที่อยู่อาศัยที่เป็นส่วนตัว แต่ยังสามารถไปใช้ชีวิตหรือทำงานในเมืองได้สะดวก

สำหรับรายละเอียดของทำเลโครงการได้มีทำรีวิวเจาะลึกกันไปก่อนหน้านี้แล้วนะคะ ผู้อ่านสามารถอ่านเพิ่มได้ที่ รีวิวพาชมทำเล The Reserve สุขุมวิท 61 คลิกที่นี่

โครงการตั้งอยู่ระหว่างซอยเอกมัย-ทองหล่อ ทางการเข้าถึงโครงการการสามารถลัดออกเอกมัยซอย 1 ได้ หรือจะลัดออกตรงซอย Park lane ก็ได้เช่นกัน ไม่ต้องเสียเวลาตรงออกไปยังถนนสุขุมวิท ซึ่งรถติดมากกว่า ส่วนการเดินทางเข้าถึงซอยทองหล่อนั้นจะต้องออกมายังถนนสุขุมวิทไม่มีทางลัด ข้อดีคือซอยสุขุมวิท 61 นั้นสามารถเลี้ยวขวาออกได้เลย สามารถตรงไปทองหล่อได้ง่าย ไม่ต้องกลับรถให้เสียเวลาค่ะ

ส่วนการเดินทางด้วยรถสาธารณะ โครงการจะห่างจากหน้าปากซอยไปประมาณ 850 m. และห่างจาก BTS เอกมัยประมาณ 1.1 km. ซึ่งถือว่าไม่ได้อยู่ในระยะเดิน แต่ทางโครงการก็มี Shuttle Service เตรียมรถรับ-ส่งไว้บริการเรียบร้อย หรือเราจะเรียกรถสาธารณะผ่าน Application ไปรับที่โครงการก็ได้เช่นกัน เส้นทางไม่ได้ซับซ้อน เข้าถึงง่าย

การเดินทางในวันนี้เราจะเริ่มจากขับรถใช้เส้นทางลงจากทางด่วนเฉลิมมหานครเลี้ยวเข้าสู่ถนนกล้วยน้ำไท วิ่งตรงผ่านสี่แยกและถนนพระราม 4 เพื่อเข้าซอยสุขุมวิท 42 มุ่งหน้ามาเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขุมวิท แล้วตรงมาเลี้ยวขวาที่ซอยสุขุมวิท 61 วิ่งตรงเข้าซอยมาประมาณ 850 m. ก็จะเจอทางเข้าโครงการอยู่สุดทางพอดี สังเกตป้ายโครงการได้ชัดเจน

เส้นทางการเดินทาง

Image 1/9
ใช้เส้นทางลงจากทางด่วนเฉลิมมหานครเลี้ยวเข้าสู่ถนนกล้วยน้ำไท ให้ตรงไปมุ่งหน้าสุขุมวิทตามป้าย

ใช้เส้นทางลงจากทางด่วนเฉลิมมหานครเลี้ยวเข้าสู่ถนนกล้วยน้ำไท ให้ตรงไปมุ่งหน้าสุขุมวิทตามป้าย

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

ลักษณะของที่ดินเป็นแปลงสีเหลี่ยมมีทางเข้า-ออกอยู่ติดกับซอยสุขุมวิท 61 สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการ ส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนเดิมในพื้นที่ ส่วนมากเป็นบ้านพักอาศัย ฝั่งทิศตะวันตกจะได้วิว City View เป็นอาคารสูงฝั่งทองหล่อ ส่วนทิศอื่นๆ จะเป็นวิวเปิดโล่งมากกว่าเพราะโดยรอบเป็นอาคารแนวราบ ไม่มีตึกสูงมาบังวิวในระยะประชิดแบบตรงๆ ยกเว้นทางทิศเหนือที่จะมีโครงการ Low rise ตัวอาคารไม่ได้อยู่ติดกับโครงการของเรา แต่จะมีส่วนกลางคั่นกลางอยู่ ถ้าใครเลือกอาคาร A ที่หันออกทิศนี้ก็จะได้วิวสวนกลางของโครงการนี้ไปด้วยนั้นเอง เรามาดูว่าแต่ละด้านของที่ดินติดกับอะไรบ้าง

  • ทิศเหนือ – ติดกับ The Reserve 61 Hideaway คอนโด Low Rise 7 ชั้น
  • ทิศตะวันออก – ติดกับบ้านพักอาศัย
  • ทิศใต้ – ติดกับบ้านพักอาศัย
  • ทิศตะวันตก – ติดกับบ้านพักอาศัย

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ

  • Park Lane ~600 m.
  • Major Cineplex เอกมัย ~ 850 m.
  • Big C เอกมัย ~ 1.4 km.
  • Gateway เอกมัย ~ 1.5 km.
  • Health Land ~ 1.5 km.
  • DONKI Mall ทองหล่อ – เอกมัย~ 1.8 km.
  • Arena 10 ~ 1.9 km.
  • Ekkamai International School ~ 2.5 km.
  • Seenspace ~ 2.6 km.
  • โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ~ 2.8 km.
  • The Commons ~2.8 km.
  • J Avenue ~ 3.3 km.
  • Charn Issara Tower 2 ~ 3.3 km.

รายละเอียดโครงการ

โครงการ The Reserve Sukhumvit 61 (เดอะ รีเซิร์ฟ สุขุมวิท 61) เป็นคอนโดมิเนียม Low Rise สูง 7 ชั้น 2 อาคาร มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 182 ยูนิต บนเนื้อที่ดินประมาณ 3 ไร่เศษ ออกแบบโครงการโดยใช้แนวคิดสไตล์ Modern Classic Luxury เน้นความเรียบหรู Timeless แบ่งห้องพักอาศัยเป็นสองอาคารช่วยกระจายความหนาแน่น ให้แต่ละอาคารใช้งานเป็นส่วนตัวมากขึ้นโดยมีรูปแบบโครงการจัดวางผังอาคารเป็นรูปตัว L หันหน้าเข้าหากันทั้ง 2 อาคาร เกิดเป็นพื้นที่ Court ตรงกลาง ซึ่งออกแบบให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน เน้นไปที่สระว่ายน้ำแบบกลางแจ้ง และสวนสีเขียวให้ความร่มรื่น กลางวางตัวอาคารในลักษณะนี้ ทำให้เราสามารถมาใช้พื้นส่วนกลางได้เกือบตลอดทั้งวัน เพราะตัวอาคารจะให้ร่มเงาลงมาที่ส่วนกลางสลับมุมและทิศทางกันไปตามช่วงเวลา มีการเว้นระยะของแนวอาคารทำให้เกิดช่องลม มีลมพัดผ่านอยู่ตลอด ใครที่เลือกวิวที่หันเข้ามาในโครงการก็จะได้วิวเป็นสวนสวยๆไปในตัว

มาดู Master Plan อาคารกันต่อ เริ่มจากทางเข้า-ออกโครงการตรงมาจะเป็นส่วน Drop-Off เชื่อมไปยังทางเข้า Lobby อาคารทั้ง 2 อาคารด้วยกันค่ะ และติดๆ กันนั้นในอาคาร A มี Auto Parking ให้จอดรถแล้วเข้า Lobby ได้เลย หรือจะขึ้นไปจอดแบบ Manual ก็มีทางลงที่จอดรถอยู่ในอาคาร B ค่ะ ใกล้กับที่จอดรถเป็นจุด EV Charger มีทั้งหมด 2 จุดด้วยกัน

สำหรับอาคาร A เป็นอาคารหลักที่มี Facilities ภายในอยู่เกือบทั้งหมดประกอบด้วย Yoga Room, Fitness และ Onsen ไม่รวมส่วน Lobby ซึ่งมีให้ทั้ง 2 อาคารด้วยกัน ทำให้ลูกบ้านอาคารนี้มีความสะดวกในการใช้ Facilities มากกว่าหน่อย แต่ก็ไม่ขาดความเป็นส่วนตัวไปเพราะมีการแยกการเข้า-ออกส่วนโถงลิฟต์ให้เรียบร้อย ส่วนอาคาร B เป็นอาคารที่มีห้อง Pool Access ทั้งหมด 4 ห้องด้วยกัน และมีห้องพักอาศัยในชั้นล่างสุดด้วย ใครที่ชื่นชอบการใกล้ชิดกับสวนน่าจะชอบค่ะ

ชั้น 2 สำหรับอาคาร A มีจำนวนยูนิตอยู่เพียง 9 ยูนิต ฝั่งทิศตะวันออก หันไปทางเอกมัยค่อนข้างได้ความเป็นส่วนตัวสูงทีเดียวนะคะ เพราะได้ทั้ง Single Corridor และมีสวนคั่นกลางระหว่าง 2 ยูนิตด้วย ทำให้ห้องในฝั่งนี้มีผนังด้านนึงที่ไม่ติดกับห้องอื่นอีกด้วยค่ะ ส่วนอีกฝั่งของอาคารเป็นห้องขนาดใหญ่ขึ้นมาโดยมีห้องขนาด 62 ตร.ม. และห้อง 3 Bedroom ขนาด 157 ตร.ม.ที่อยู่สุดทางของอาคารรับวิวสระและวิวภายนอกได้ดี

ในส่วนอาคาร B ชั้นนี้มีจำนวนยูนิตอยู่ที่ 14 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นห้องขนาดเล็กลงมาหน่อย เน้นเป็นห้อง 1 Bedroom โดยมีฝั่งนึงของอาคารที่ได้เป็น Single Corridor เช่นกันนะคะ ได้ความเป็นส่วนตัวและสามารถมองวิวจากสระว่ายน้ำได้จากโถงทางเดิน ส่วนอีกฝั่งมีห้อง Duplex อยู่ (กรอบสีม่วง) หันเข้าหาวิวสระว่ายน้ำ

Image 1/3
แปลนอาคารชั้น 3

แปลนอาคารชั้น 3

ชั้น 3, 6-7 เป็นชั้น Typical Floor Plan จุดเด่นคือมีห้อง Penthouse หรือห้องหน้ากว้างถึง 18 m. โดยทั้ง 4 ห้องหันมาทางพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมด ส่วนห้องขนาดเล็กจะเน้นหันออกไปภายนอกค่ะ พูดถึงเรื่องความหนาแน่นในโครงการ ดูที่อัตราส่วนลิฟต์รวมอยู่ที่ 45.5 : 1 จัดว่ามีความหนาแน่นน้อย โดยอาคาร B จะมีอัตราส่วนมากกว่าหน่อยนะคะเพราะมีจำนวนยูนิตที่เยอะกว่าอาคาร A แต่ทั้งนี้จัดว่าทั้ง 2 อาคารต่างมีความหนาแน่นน้อยเช่นเดียวกันค่ะ

Image 1/2
แปลนอาคารชั้น 4

แปลนอาคารชั้น 4

ชั้น 4-5 มียูนิตพิเศษคือมีห้องกระจกทรงโค้งค่ะ โดยห้อง 2 Bedroom Type นี้จะมีส่วนกระจกที่ยื่นออกจากอาคารคือบริเวณห้องนอนทั้ง 2 ห้องเลยค่ะ ให้คุณได้พักผ่อนท่ามกลางวิวสวนสวยอย่างเต็มที่

เริ่มกันที่บริเวณด้านหน้าโครงการ ถ้ามาจากซอยสุขุมวิท 61  ให้วิ่งตรงมาจนสุดซอยจะเจอกับที่ตั้งของโครงการเป็นอาคาร Low Rise 7 ชั้น สีครีม ทางฝั่งด้านหน้าทางเข้าจะเป็นอาคาร A

เริ่มที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการจะมีป้ายโครงการสังเกตไม่ยาก มีรปภ. คอยช่วยอำนวยความสะดวก ทางด้านข้างจะมีแนวทางเดินและประตูบานเปิดไว้ สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ได้ใช้รถ สามารถเข้า-ออกผ่านประตูนี้ได้ง่ายขึ้น

ส่วนถนนทางด้านข้างทางขวามือจะเป็นถนนภาระจำยอม เชื่อมไปโครงการ The Reserve 61 Hideaway ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างอยู่

บริเวณทางเข้า-ออก ของรถยนต์ จะมีประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่อีกชั้นหนึ่ง เพื่อความปลอดภัย

แบ่งช่องทางเข้า-ออก โครงการไว้สองฝั่ง ใช้ระบบการเข้า-ออกด้วยระบบ Bluetooth Long-Length ที่กั้นจะเปิดแบบอัตโนมัติไม่ต้องยื่นมือมาสแกนบัตรเพื่อเพิ่มความสะดวกแก่ลูกบ้าน

ทางด้านข้างจะมีแนวทางเดินและประตูบานเปิดไว้ สำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ได้ใช้รถ สามารถเข้า-ออกผ่านประตูนี้ได้ง่ายขึ้น

เข้ามาก็เจอกับวงเวียนต้นไม้ขนาดใหญ่ ขับรถเวียนขวาตามเข็มนาฬิกาเพื่อแยกเส้นทางการใช้งานว่าจะไปส่งผู้โดยสาร ลงไปชั้นจอดรถใต้อาคาร หรือวนมาจอดเพื่อเตรียมจอดรถแบบ Auto Parking ที่อยู่ทางด้านข้างเตรียมไว้ให้ 2 ช่องจอด โดยในส่วนของ Auto Parking จะสามารถจอดได้ทั้งหมด 146 คัน

บริเวณที่จอดรถทางโครงการจะจัดพื้นที่สำหรับจอดรถที่ต้องชาร์จไฟฟ้า EV Chargerเตรียมไว้ให้ ใครที่มีรถยนต์ไฟฟ้า ก็สามารถมาจอดชาร์จไฟได้สะดวกดี

ถัดมาจะเป็นทางลงไปชั้นจอดรถใต้อาคารจะอยู่ใต้อาคาร B จำกัดความสูงรถไว้ที่ 2.1 m.

ลงมาด้านล่างจัดที่จอดรถไว้ 2 ฝั่ง สามารถจอดได้ทั้งหมด 46 คัน และมีลิฟต์เชื่อมต่อขึ้นไปที่ Lobby ของอาคาร B ได้

นอกจากนี้ทางโครงการจะมีบริการ Shuttle Service ไว้อำนวยความสะดวกลูกบ้านในการเข้า-ออก ไปส่งที่ BTS เอกมัย

มาที่บริเวณ Drop-Off ทางเข้าโครงการจะเห็นได้ชัดเลยว่าตัวโครงการเน้นความร่มรื่นเป็นหลักเลยทีเดียวดูจากต้นไม้ใหญ่และการจัดพื้นที่สวน ซึ่ง Landscape โครงการนี้ได้ให้ทาง t.r.o.p บริษัท Landscape ชั้นนำผู้ออกแบบโครงการดังระดับประเทศมามากมายเป็นผู้ออกแบบให้ด้วยค่ะ ส่วนบรรยากาศได้สไตล์ Modern Classic Luxury ไปเต็มๆ

เมื่อเดินเข้ามาด้านบริเวณสวนกลางของโครงการ เริ่มจากบริเวณด้านหน้าอาคาร A จะจัดเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อน เป็นลานแบบเปิดโล่งสามารถปรับใช้งานเป็นลานกิจกรรมต่างๆของลูกบ้านได้ ช่วงเช้าๆบริเวณนี้จะได้ร่มเงาจากตัวอาคาร A มานั่งเล่นพักผ่อนได้สบายๆไม่ร้อนเลยค่ะ

จากอาคาร A จะมีแนวทางเดินเชื่อมต่อไปอาคาร B โดยเดินผ่านสวนส่วนกลางของโครงการ ทางด้านข้างก็จะมีทางลาด Slope สำหรับเข็น รถเข็นขึ้นมาที่สวนส่วนกลางได้สะดวก

เดินเข้ามาชมบรรยากาศส่วนกลางด้านในของโครงการ ทำเป็นแนวทางเดินตรงกลางสองฝั่งเป็นสระว่ายน้ำและสระ Jacuzzi

ส่วนสระว่ายน้ำอยู่ติดกับห้องด้านนึงฝั่งอาคาร B เป็นสระว่ายน้ำแบบเปิดโล่งกลางแจ้ง ขนาด 38 x 5.8 ม. ลึก 1.2 ม. โดยทางโครงการออกแบบให้ห้องในชั้น 1 บางห้องเป็น Pool Access ได้ด้วยนะคะ เพิ่มการเข้าถึง Facilities ได้ง่ายมากขึ้น

ห้องในชั้น 1 ของอาคาร B ที่หันเข้าทางฝั่งสระว่ายน้ำ จะออกแบบให้เป็นห้องเป็น Pool Access จากระเบียงห้องเปิดออกมาก็ลงสระว่ายน้ำได้เลย มีที่นั่งพักผ่อนริมสระไว้ให้พร้อมใช้งาน

ถัดมาเป็น Sunken Seat ท่ามกลางสวนสวยสไตล์ Modern Classic ให้มานั่งเล่นชมสวนเพลินๆได้

ภาพมุมสูงจากอาคาร B มองเห็นส่วนกลางที่อยู่ตรงกลางของโครงการ ได้วิวสระว่ายน้ำและสวนสวยๆ

มากันที่อาคาร A จะมีทางเดินเพื่อเข้าไปด้านใน เข้ามาก็จะเจอกับส่วน Reception และ Office นิติฯ บุคคลของโครงการ

ถัดเข้ามาจะเป็นส่วน Lobby ของอาคาร A ภายในยกฝ้าเพดานแบบ Double Volume เพิ่มความสูงโปร่งโล่งที่มากขึ้นและเปิดรับวิวธรรมชาติภายนอกได้ดี มีที่นั่งพักผ่อนให้เลือกหลากหลาย

ภายใน Lobby จะจัดเป็นที่นั่งพักคอย ให้รอรถจาก Auto Parking โดยจะมีหน้าจอแสดงผลตำแหน่งของรถว่าลงมาถึงด้านล่างแล้วหรือยัง

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นโถงส่วนกลางที่แยกไปส่วนอื่นๆของอาคาร A ทางซ้ายมือจะเป็นทางไปห้อง Mail box ส่วนทางขวามือจะเป็นห้องน้ำส่วนกลางของอาคารโครงการ

มาที่ส่วน Mail box โดยการจะเปิดกล่องจดหมายจะเป็นระบบ Access Card สำหรับลูกบ้านต้องมี Key Card แตะหน้ากล่องจดหมายเพื่อเปิดเอาจดหมายด้านใน และยังมี Smart Locker ไว้ให้บริการรับพัสดุชิ้นใหญ่ ไปจนถึงอาหารที่มาส่ง Delivery ก็สามารถมาฝากเก็บในตู้นี้ได้ เพราะจะมีตู้ที่สามารถเก็บอุณหภูมิให้เลือกใช้ด้วย

ส่วนห้องน้ำส่วนกลางของโครงการก็จะใช้อุปกรณ์และโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัติทั้งหมด

การเข้าสู่พื้นที่ด้านในของแต่ละอาคารจะมีประตูแยกโซนไว้ ติดตั้งระบบเข้า-ออกอาคาร Face Scan และ Access Card สำหรับลูกบ้านเพื่อเข้าด้านในตัวอาคาร และติดตั้ง VDO Door Phone สำหรับให้ Visitor ที่มาหาลูกบ้านในโครงการกดกริ่ง และเบอร์ห้องที่จะไปหา เพื่อให้เครื่องส่งสัญญาณเข้าไปยัง VDO Door Phone ภายในห้องลูกบ้านห้องนั้นๆ หากลูกบ้านกดรับแขกลูกบ้านก็สามารถเข้ามาภายในอาคารได้

Lift lobby โดยแต่ละอาคารจะมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 2 ตัว การใช้งานลิฟต์จะเป็นแบบล็อคชั้น ให้ขึ้นไปได้เฉพาะชั้นที่อยู่อาศัยของตนเองเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

ถัดมาเป็นห้อง Fitness ภายในจัดอุปกรณ์ไว้ค่อนข้างหลากหลายทั้งโซนออกกำลังกายและเวทเทรนนิ่ง ใช้อุปกรณ์ต่างๆของ Technogym จัดเป็นแบรนด์อุปกรณ์ระดับ Premium brand เวลามาใช้งานออกกำลังกายจะได้วิวของพื้นที่ส่วนกลางไปด้วย

ภายในห้อง Fitness ก็จะมีจุดบริการน้ำดื่มไว้ให้กดใช้งานได้

ถัดจากส่วน Fitness ทางโครงการจะจัดห้องน้ำและห้องอาบน้ำแยกชาย-หญิงไว้ให้บริการ โดยแบ่งการใช้งาน Steam (ในห้องน้ำหญิง) ส่วน  Suana (ในห้องน้ำชาย) และมี Private Onsen ให้ทั้งหญิงและชาย

ห้อง Yoga room พื้นที่ค่อนข้างกว้างใช้งานสะดวก สามารถจัด Class เรียน ทำกิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่มได้เลย

มากันที่ฝั่งของอาคาร B กันบ้าง บริเวณด้านหน้าทางเข้าอาคาร

เข้ามาส่วน Lobby ของอาคาร B ก็จะเจอกับเคาน์เตอร์ของ Concierge Service ที่จะคอยให้ข้อมูลและดูแลลูกบ้าน เช่น ให้คำแนะนำช่วยจองร้านอาหาร โรงแรม จัดหาแม่บ้านทำความสะอาด เรียกรถแท็กซี่ เป็นต้น ภายในส่วน Lobby เน้นตกแต่งด้วยลวดลายของหินสีดำสลับกับสีทองสวยงาม พร้อมจัดที่นั่งไว้ให้เลือกใช้งานได้หลากหลาย

มุมมองจาก Lobby ของอาคาร B จะมองเห็นสระว่ายน้ำของโครงการพอดี

สำหรับทางเข้า-ออก เพื่อเข้าไปด้านในของอาคาร B ก็จะเหมือนกับทางฝั่งอาคาร A เลยค่ะ มีการติดตั้งระบบเข้า-ออกอาคาร Face Scan และ Access Card สำหรับลูกบ้านเพื่อเข้าด้านในตัวอาคาร และติดตั้ง VDO Door Phone สำหรับให้ Visitor ที่เข้ามาหาลูกบ้านในโครงการติดต่อกับเจ้าของห้องก่อนได้เช่นกัน

บรรยากาศบริเวณ Lift lobby ของอาคาร B ก็จะมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 2 ตัวเช่นกัน เดินถัดมาทางด้านข้างก็จะเป็น Mail box ของลูกบ้านแยกโซนการใช้งานไว้เป็นสัดส่วนเรียบร้อยดี

มาโซนห้องพักอาศัยบริเวณโถงลิฟต์ พื้นที่ใช้งานค่อนข้างกว้างใช้งานสะดวกไม่อึดอัด มีหน้าต่างทางด้านข้างได้แสงธรรมชาติดูไม่มืดทึบ

ถัดเข้ามาด้านในโซนห้องพักอาศัยจะมีแนวทางเดินจะเป็นทางยาวโดยมีห้องพักขนานอยู่ทั้งสองด้าน ติดไฟทางเดินแบบ Downlight และมีการเว้นระยะให้มีแนวหน้าต่าง ช่วงเวลากลางวันจึงไม่ต้องเปิดไฟ สามารถเปิดเพื่อให้ลมพัดผ่านถ่ายเทอากาศบริเวณนี้ได้

มีป้ายบอกตำแหน่งบันไดหนีไฟ และติดอุปกรณ์ตรวจจับควัน กริ่งสัญญาณแจ้งเตือนฉุกเฉิน และอุปกรณ์ระบบ Sprinkle ไว้ให้เรียบร้อย

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • Mail Box
  • สระว่ายน้ำ ขนาด 38 x 5.8 ม. ลึก 1.2 ม.
  • Outdoor Jacuzzi
  • ห้องออกกำลังกาย
  • ห้องน้ำ-อาบน้ำ แยกชาย-หญิง
  • Steam / Suana
  • Private Onsen
  • Yoga Room
  • EV Charger
  • สวนหย่อม
  • Sunken Seat
  • Shuttle Service
  • Concierge Service
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 45.5 : 1
  • ที่จอดรถ 186 คัน คิดเป็น 100%
  • ระบบ CCTV / Access Card / Face Scan
  • เข้า-ออก โครงการะบบ Bluetooth Long-Length

แบบห้อง

รูปแบบห้องพักอาศัยของโครงการ The Reserve สุขุมวิท 61 จัดรูปแบบห้องมาค่อนข้างหลากหลายทีเดียว เริ่มตั้งแต่ห้อง Studio – 3 Bedroom ไปจนถึงห้อง Duplex และมีห้องแบบ Pool Access ที่อยู่ในชั้น 1 ให้เลือกอีกด้วย

  • Studio 30.75 – 30.87 ตร.ม.
  • 1 Bedroom 35.91 – 49.53 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 62.62 – 138.8 ตร.ม.
  • 3 Bedroom 157.6 ตร.ม.
  • Duplex 113.32 – 132.11 ตร.ม.
  • Penthouse 124.24 – 138.5 ตร.ม.

รูปแบบการขายของโครงการเป็นแบบ Fully Furnished ซึ่งให้เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมเข้าอยู่ได้เลย โดยชุดเฟอร์นิเจอร์ใช้แบรนด์ CHANINTR หรือชนินทร์ โดยหน้าตาเฟอร์นิเจอร์นั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละห้อง

ห้องตัวอย่างเป็น Studio ขนาด 30.75 ตร.ม. เข้ามาจะเจอกับครัวที่เป็นสัดส่วน สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ โดยครัวแบ่งพื้นที่การใช้งานออกเป็น 2 ฝั่ง เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบ 1-2 คน ทางฝั่งซ้ายเป็นโซนสำหรับเตรียมและทำอาหาร ส่วนทางฝั่งขวาเป็นตู้เย็น ถัดเข้ามาเป็นพื้นที่นั่งทานข้าว โดยสามารถปรับใช้เป็นพื้นที่ทำงานได้ด้วย ติดกันเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่เชื่อมต่อกับระเบียง กั้นด้วยประตูกระจกได้วิวและรับแสงธรรมชาติเต็มที่ ตำแหน่งของเครื่องซักผ้าจะอยู่ภายนอกห้องมีการแบ่งพื้นที่สำหรับตั้งเครื่องซักผ้า และ Condensing Unit ของแอร์ ทางด้านข้างไว้ให้เรียบร้อย ทำที่ระเบียงไม่มีอะไรมาบดบังวิว

ห้องนอนและห้องน้ำอยู่อีกฝั่งของตัวห้อง มีพื้นที่วางตู้เสื้อผ้าอยู่หน้าห้องน้ำ ส่วนห้องน้ำก็แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้เป็นสัดส่วน เวลาใช้งานต้องเดินผ่านห้องนอนเท่านั้น ซึ่งถ้าใช้งานเองก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามีแขกมาจะต้องเดินผ่านห้องนอนซึ่งอาจจะเสียความเป็นส่วนตัวได้

เริ่มต้นกันที่ประตูห้องที่นี่ใช้เป็นแบบ Oversize ที่จะมีขนาดใหญ่กว่าประตูมาตรฐานทั่วไป มาพร้อมกับ Digital Door Lock จาก Yale ที่ให้เป็นมาตรฐาน สามารถใช้งานได้ถึงสามฟังก์ชันด้วยกันคือ กดรหัส, แตะบัตร และสแกนนิ้ว

ที่บานประตูจะมีการออกแบบให้เป็นประตูที่สามารถระบายอากาศได้ด้วย (Ventilation Door) โดยรูปแบบการระบายอากาศจะสามารถเปิด-ปิดเองได้ และกันแมลงต่างๆ การออกแบบประตูแบบนี้เหมาะสมกับโครงการที่เป็นคอนโดมิเนียมเพราะถ้าห้องนั้นๆ ไม่ใช่ห้องมุมก็จะมีช่องเปิดเพียงทิศเดียว ดังนั้นการระบายอากาศจะมีไม่มากนัก หากสามารถเพิ่มพื้นที่การระบายอากาศฝั่งตรงข้ามจะทำให้อากาศถ่ายเทไหลเวียนเข้าออกได้มากขึ้น ส่วนฝ้าเพดานเหนือประตูบริเวณทางเข้าห้องจะมี Welcome Light ที่เปิดอัตโนมัติเมื่อเข้าห้อง

ทางซ้ายมือจะเป็นตู้บานเปิดที่มีความสูงไปถึงฝ้าเพดาน ใช้เก็บของและรองเท้าไว้เป็นสัดส่วนดี ที่ผนังด้านข้างจะติด VDO Door Phone จาก Bticino ให้สามารถเชื่อมต่อจากเครื่องบริเวณ Lobby ด้านล่าง สำหรับให้ Visitor ที่เข้ามาหาลูกบ้านในโครงการกดกริ่ง และเบอร์ห้องที่จะไปหา ลูกบ้านห้องนั้นสามารถกดรับจากเครื่องให้เปิดประตูจาก Lobby เพื่อใหผู้มาติดต่อเข้ามาภายในอาคารได้ เป็นการเพิ่มระบบความปลอดภัยให้มากขึ้น

จากทางเข้าห้องมาเจอกับพื้นที่ครัวเปิดก่อนเลยลักษณะครัวเป็นแนวยาวไปตามความยาวของพื้นที่ โดยชุดครัวจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยเป็นมาตรฐาน พื้นที่การใช้งานกว้างประมาณ 1.3 m. บริเวณนี้จะเป็นพื้น Porcelain มีความคงทนความชื้น ทำความสะอาดง่าย รวมไปถึงมีลวดลายที่สวยงามด้วย

สำหรับชุด Hob & Hood จะเป็นของ gorenje ดีไซน์โดยผู้ออกแบบชั้นนำของโลกอย่าง PHILIPPE STARCK ซึ่งจะเป็นแบบกระจกเงาระบบสัมผัสทั้งหมด อีกฝั่งจะเป็นด้านบนเป็นชุดตู้ Built-in ด้านในเป็นชั้นเก็บของต่างๆ มีโช๊คยกขึ้น-ลงให้ เวลาให้งานก็เพียงดึงชั้นลงมา และพอใช้เสร็จก็ผลักชั้นขึ้นไป ใช้งานง่ายและสามารถรองรับน้ำหนักได้ดี

ผนังส่วนครัวจะกรุด้วยกระจกเงานอกจากเรื่องความสวยงามแล้วยังง่ายต่อการทำความสะอาด ส่วนท็อปของ Pantry ได้เป็นหิน Quartz ซึ่งเป็นหินที่มีความแข็งมากกว่ามีด ดังนั้นจึงมีความทนต่อการใช้งานครัวพอสมควร มีรอยขีดข่วนได้ยาก ชุดเตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว มีฟังก์ชันการใช้งานปรับความร้อนได้หลายแบบและหลายระดับ จาก gorenje by Phillip Stack เข้าชุดกับ Hood ด้านบน

ส่วนของอ่างล้างจานเป็นได้เป็นของ Blanco ทั้งชุด โดยอ่างเป็นวัสดุทำจากหินแกรนิตจึงให้ความทนทานทั้งความร้อน และแรงกระแทกเป็นพิเศษ อีกจุดที่พิเศษคือก๊อกน้ำ รุ่น Touch Series ที่แค่สัมผัสก็เปิด-ปิดน้ำได้ เพิ่มความสะดวกสำหรับใครที่มือไม่สะดวกใช้มือเปิดน้ำ แค่เอาส่วนแขนหรือศอกไปแตะที่ก๊อกก็เปิด-ปิดน้ำได้แล้ว ส่วนด้านล่างทางโครงการติดตั้ง Food waste Disposer มาให้ เวลาล้างจานเราสามารถโกยเศษอาหารลงท่ออ่างล้างจานได้เลย จากนั้นกดสวิชต์เครื่องย่อยด้านล่างอ่าง เครื่องนี้จะทำหน้าที่บดย่อยเศษอาหารทั้งหมดให้สามารถลงท่อน้ำได้เลยโดยไม่อุดตันท่อ

ด้านล่างเคาน์เตอร์นอกจากลิ้นชักวางของต่างๆ แล้วก็มี Combi Oven ที่ใช้ได้ทั้งแบบ Microwave หรือ แบบ Oven ก็ได้ โดยฝังเข้ากับเคาน์เตอร์ให้เรียบร้อยด้วยค่ะ จาก gorenje โดย PHILIPPE STARCK เป็นหน้าบานเป็นกระจกเหมือนกัน

พื้นที่ทางด้านข้างชุดครัวจะเว้นระยะไว้ เป็นตำแหน่งตั้งตู้เย็น มีปลั๊กไฟทางด้านหลังติดตั้งให้ไว้พร้อมใช้งาน พื้นที่ใช้งานตั้งตู้เย็นประมาณ 60 x 70 cm.

ส่วนฝ้าเพดานจะเป็นแบบฉาบเรียบทาสี ติดดวงไฟเป็นแบบ Downlight พร้อมอุปกรณ์ Smoke Detector และ Sprinkler ดับเพลิงไฟไหม้ให้พร้อมใช้งาน

บริเวณส่วนครัวสามารถใช้งานเป็นครัวปิดได้ เพียงเลื่อนกระจกบานเลื่อนมาอีกฝั่ง กระจกบานเลื่อนนี้จะเป็นการแชร์การใช้งานกับส่วน Walk-in Closet สามารถเลื่อนสลับฝั่งเปิด-ปิดกับส่วนครัวได้ ส่วนระบบปรับอากาศภายในห้องทั้งหมดจะเป็นระบบ Conceal Type ทำให้ความสูงจากพื้นถึงฝ้าส่วนครัวจะสูง 2.4 m. เพื่อวางระบบแอร์ ส่วนภายในห้องจะมีความสูง 2.7 m.

เข้ามาด้านในของตัวห้อง พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับส่วนห้องนอนไปเลย ตามรูปแบบของห้องแบบ Studio จะได้ความโปร่งโล่งและสามารถใช้งานส่วนพักผ่อนได้ต่อเนื่องกันได้เลย ส่วนพื้นบริเวณนี้จะเป็น Engineering Wood ผิวหน้าไม้โอ๊ค โดยเล่นลายแบบก้างปลา (Herritage Bone Pattern) ซึ่งมีความสวยงามของดีเทลที่มากขึ้น

ส่วนนั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้ มีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 1.9 m. สามารถติดทีวีขนาด 40-50 นิ้ว ได้

บริเวณส่วนนั่งเล่นทางโครงการจะมีเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ มาให้พร้อมใช้งานเป็นของ แบรนด์ CHANINTR หรือ ชนินทร์ ทั้งหมด

ส่วนห้องนอนสามารถวางเตียงขนาดใหญ่ 5-6 ฟุต ได้สบายๆ ตำแหน่งห้องนอนจะอยู่ฝั่งริมติดหน้าต่างทำให้เปิดรับลมและแสงธรรมชาติได้ดี

ภายในห้องนอนถือว่าใช้งานไม่อึดอัด ตั้งเตียงนอนแล้วยังมีพื้นที่เหลือโดยรอบเตียง

ส่วนรูปแบบกระจกที่นี่ออกแบบตามหน้าตาภายนอกอาคารที่ใช้รูปแบบ Modern Classic Luxury จึงเน้นหน้าตาหน้าต่างที่มีความสูงแคบ มีการซอยกรอบขนาดเล็กด้านในอีกที ให้กระจกที่สูงจากพื้นไปถึงฝ้าเพดาน ซึ่งการได้หน้าต่างทรงสูงเรียงกันถึง 3 บานก็ช่วยในเรื่องการระบายกาศและแสงสว่างเข้าสู่อาคารได้เช่นกัน

ระเบียงมีพื้นที่ใช้งานประมาณ 1 x 1.2 m. มีการแบ่งพื้นที่สำหรับตั้งเครื่องซักผ้า และ Condensing Unit ของแอร์ ทางด้านข้างไว้ให้เรียบร้อย

โดยทางด้านข้างของระเบียงจะเป็นพื้นที่สำหรับแขวน Condensing Unit แอร์ไว้ด้านบน ส่วนพื้นด้านล่างวางเครื่องซักผ้า และอุปกรณ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาดได้ โดยบริเวณนี้จะบังสายตาด้วยแผงเหล็กเป็นสัดส่วนเรียบร้อย

วิวจากห้องพักอาศัยในชั้น 6 ของอาคาร A มองไปทางทิศใต้ของโครงการ เป็นวิวทางฝั่งเอกมัย

ริมหน้าต่างอีกฝั่งจะมีพื้นที่ประมาณ 2.5 x 1.9 m.  สามารถตั้งโต๊ะทำงาน หรือจัดแบบห้องตัวอย่างเป็นโต๊ะทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง สามารถมองเห็นวิวและได้แสงธรรมชาติจากด้านนอกได้

อีกฝั่งของตัวห้องจะเว้นพื้นที่ไว้สำหรับทำเป็นส่วน Walk-in closet ภายในทำเป็นตู้เสื้อผ้า เชื่อมต่อกับห้องน้ำ สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องกันดี

ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ทั้ง 2 ฝั่ง บานเปิดตู้ทั้งหมดใช้เป็นกระจกสีชาสวยงาม ด้านในทำเป็นชั้นวางของ ราวแขวนต่างๆ ให้เรียบร้อย ใช้งานได้ดี รวมไปถึงมีไฟส่องสว่างด้านในให้ ส่วนประตูทางเข้าห้องน้ำจะเป็นแบบบ้านเลื่อนช่วยประหยัดพื้นที่การใช้งาน และยังติดกระจกไว้ที่หน้าบาน สำหรับยืนแต่งตัวในส่วน Walk-in closet ได้สะดวก

พื้นที่ส่วน Walk-in closet จะมีพื้นที่ใช้งานได้ไม่อึดอัด สามารเปิดใช้งานตู้ทั้งสองฝั่งได้พร้อมกันได้

ภายในห้องน้ำจัดแบ่งการใช้งานส่วนเปียกและส่วนแห้ง วัสดุปูพื้นเป็น Porcelain และผนังเป็นผนังหินอ่อน Black Forest ให้ชุดอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงา และให้สุขภัณฑ์พร้อมอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องน้ำครบ ทางเข้าห้องน้ำจะลดและมีตัวจบระหว่างพื้นที่ห้องด้านในเรียบร้อย

กระจกให้เป็นแบบตู้กระจกบานโค้งสูงจากอ่างไปจนเกือบถึงฝ้าเพดานเลยทีเดียว ด้านข้างติดตั้งปลั๊กไฟแบบกันน้ำไว้ให้เรียบร้อย สำหรับคุณผู้หญิงเสียบปลั๊กไดร์ผมได้สะดวก

ชุดอ่างล้างมือจาก Villeroy & Boch เป็นแบบที่มีเคาน์เตอร์อยู่ด้านล่างสามารถเปิดตู้ออกมาเก็บของได้

โถสุขภัณฑ์จาก Villeroy & Boch ที่ผนังทางด้านข้างจะติด Emergency Phone ไว้ให้ทุกห้อง สำหรับโทรมาที่นิติส่วนกลางของโครงการ กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินหรือเกิดอุบัติเหตุในห้องน้ำ

ถัดมาที่พื้นที่อาบน้ำโดยจะยกขอบขึ้นมาเพื่อป้องกันน้ำไหลไปโดนส่วนแห้ง บริเวณนี้กั้นด้วยฉากกั้นกระจกสีชา พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.4 x 0.95 m. ใช้งานได้สบายๆไม่อึดอัด

สำหรับฝักบัวก็ใช้จาก Villeroy & Boch เช่นเดียวกับสุขภัณฑ์อื่นๆ โดยฝักบัวนี้จะให้มาเป็นแบบ Thermostat สามารถปรับและผสมน้ำร้อน-น้ำเย็นได้ตามต้องการเลย

ส่วนฝ้าเพดานภายในห้องน้ำ จะฉาบเรียบทาสีและให้ไฟแบบ Downlight ไว้ 2 ตำแหน่ง และมีระบบดูดอากาศเพื่อระบายกลิ่นและความชื้นจากการใช้งานในห้องน้ำให้

สวิตช์และปลั๊ก จะเป็นของ Schneider ทั้งหมด

ห้องตัวอย่าง 1 Bedrooom ขนาด 48.34 ตารางเมตร จัดเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่สามารถจัดพื้นที่ใช้งานได้สะดวก เน้นให้ส่วนพักผ่อนภายในห้องสามารถมองวิวภายนอกได้เต็มที่ เข้ามาในห้องจะเจอกับห้องนั่งเล่น ส่วนทานอาหาร และส่วนครัวเปิด ใช้งานเชื่อมต่อกัน หรือจะปรับการจัดวางได้ง่ายเช่นกันเพราะให้พื้นที่บริเวณนี้มาค่อนข้างเยอะ จะมีพื้นที่แยกโซนเล็กๆจากห้องนั่งเล่น สามารถจัดเป็นมุมอเนกประสงค์ มุมทำงานภายในห้องได้ ส่วนห้องนอนจะอยู่อีกฝั่งของตัวห้อง แยกส่วนไว้เป็นสัดส่วนดี ภายในห้องมี Walk-in closet และห้องน้ำในตัว ใช้งานเป็นส่วนตัวมากขึ้น ห้องน้ำสาารถเปิดใช้งานได้ 2 ฝั่ง ทั้งจากห้องนอนและห้องนั่งเล่น ช่วยให้เวลามีแขกมาห้องจะใช้ห้องน้ำก็ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเรา

เริ่มที่ประตูทางเข้าจากด้านในยังคงเป็นแบบ Oversize ติดตั้ง Digital Door Lock จาก Yale ที่ให้เป็นมาตรฐาน ด้านล่างของประตูจะมีช่องระบายอากาศ (Ventilation Door) ส่วนฝ้าเพดานเหนือประตูบริเวณทางเข้าห้องจะมี Welcome Light ที่เปิดอัตโนมัติเมื่อเข้าห้อง ด้านข้างมีตู้สำหรับเก็บของและรองเท้า พร้อติดตั้ง VDO Door Phone จาก Bticino ให้ที่ผนังทางด้านข้าง

จากทางเข้าห้องมาเจอกับพื้นที่ครัวเปิดเป็นแนวยาวไปตามความยาวของพื้นที่ โดยชุดครัวจะได้ตามห้องตัวอย่าง พื้นที่การใช้งานกว้างประมาณ 1 m. บริเวณนี้จะเป็นพื้น Porcelain มีความคงทนความชื้น ทำความสะอาดง่าย สามารถกั้นเป็นพื้นที่ครัวปิดได้ตามแนวของพื้นที่ปูเป็นแนวยาวไว้

ติดตั้ง Hob & Hood ของ gorenje ดีไซน์โดย PHILIPPE STARCK ซึ่งจะเป็นแบบกระจกเงาระบบสัมผัสทั้งหมด อีกฝั่งจะเป็นด้านบนเป็นชุดตู้ Built-in ด้านในเป็นชั้นเก็บของต่างๆ มีโช๊คยกขึ้น-ลงให้ เวลาให้งานก็ดึงชั้นลงมา และพอใช้เสร็จก็ผลักชั้นขึ้นไปใช้งานได้สะดวก

ผนังส่วนครัวจะกรุด้วยกระจกเงาสวยงามและง่ายต่อการทำความสะอาด ส่วนท็อปของ Pantry ได้เป็นหิน Quartz เหมาะกับการใช้งานทำครัว

ติดตั้งชุดเตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว มีฟังก์ชันการใช้งานปรับความร้อนได้หลายแบบและหลายระดับ จาก gorenje by Phillip Stack เช่นกัน ด้านข้างเป็นส่วนของอ่างล้างจานเป็นได้เป็นของ Blanco ทั้งชุด โดยอ่างเป็นวัสดุทำจากหินแกรนิต พร้อมก๊อกน้ำ รุ่น Touch Series และติดตั้ง Food waste Disposer มาให้ สามารถทิ้งเศษอาหารลงท่ออ่างล้างจานได้ไม่อุดตันท่อ

ด้านล่างเคาน์เตอร์นอกจากลิ้นชักวางของต่างๆ แล้วก็มี Combi Oven ที่ใช้ได้ทั้งแบบ Microwave หรือ แบบ Oven ก็ได้ โดยฝังเข้ากับเคาน์เตอร์ให้เรียบร้อย จาก gorenje โดย PHILIPPE STARCK เป็นหน้าบานเป็นกระจกเหมือนกัน

พื้นที่ทางด้านข้างชุดครัวจะเว้นระยะไว้ เป็นตำแหน่งตั้งตู้เย็น มีปลั๊กไฟทางด้านหลังติดตั้งให้ไว้พร้อมใช้งาน

มาที่พื้นที่นั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับส่วนทานอาหาร พื้นที่ค่อนข้างกว้างเราสามารถเลือกจัดวางตามการใช้งานได้ง่าย ตำแหน่งของพื้นที่ส่วนนี้ให้อยู่ชิดริมตัวอาคารช่วยเปิดรับวิวและแสงธรรมชาติได้ดี มีระดับพื้นถึงฝ้าสูง 2.7 m. ทำให้ห้องดูโปร่งไม่อึดอัด

ส่วนนั่งเล่นสามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่หลายนั่งได้ มีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 2.3 m. สามารถติดทีวีขนาด 50-55 นิ้ว ได้

พื้นที่ส่วนรับประทานอาหารมีพื้นที่สามารถเดินรอบโต๊ะได้สะดวก หากเลื่อนขยับโต๊ะออกมาหน่อยก็สามารถจัดแบบ 4 ที่นั่งได้สบายๆ สามารถทานอาหารแล้วดูทีวีไปด้วยได้

พื้นที่นั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับส่วนทานอาหาร พื้นที่ค่อนข้างกว้างเราสามารถปรับตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์เลือกจัดวางตามความเหมาะสมและการใช้งานได้ง่าย

ถัดจากส่วนนั่งเล่นจะมีพื้นที่แยกส่วนออกมาหากไม่ตั้งชุดโซฟานั่งเล่น ก็สามารถจัดเป็นชุดโต๊ะทำงาน หรือทำเป็นมุมพักผ่อนอเนกประสงค์เพิ่มเติมได้

ประตูและหน้าต่างจะออกแบบในแนว Modern Classic Luxury เป็นหน้าต่างทรงสูง มีการซอยกรอบขนาดเล็กด้านใน มีสูงจากพื้นไปถึงฝ้าเพดานช่วยให้แสงสว่างเข้าสู่ตัวห้องด้านในได้เต็มที่

ระเบียงมีพื้นที่ใช้งานประมาณ 1.4 x 1.24 m. มีการแบ่งพื้นที่สำหรับตั้งเครื่องซักผ้า และ Condensing Unit ของแอร์ ทางด้านข้างไว้ให้เรียบร้อย

ทางด้านข้างของระเบียงจะเป็นพื้นที่สำหรับแขวน Condensing Unit แอร์ไว้ด้านบน ส่วนพื้นด้านล่างวางเครื่องซักผ้า และอุปกรณ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาดได้ โดยบริเวณนี้จะบังสายตาด้วยแผงเหล็กเป็นสัดส่วนเรียบร้อย

ส่วนระบบปรับอากาศภายในห้องทั้งหมดจะเป็นระบบ Conceal Type ทำให้ความสูงจากพื้นถึงฝ้าส่วนครัวจะสูง 2.4 m. เพื่อวางระบบแอร์ ส่วนภายในห้องจะมีความสูง 2.7 m.

อีกฝั่งของตัวห้องจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำ จะอยู่อีกฝั่งของตัวห้อง การจัดพื้นที่แบบนี้จะช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวในการใช้งานเพราะมีประตูกั้นแบ่งพื้นที่การใช้งานไว้เป็นสัดส่วนไม่รบกวนกัน

ส่วนฝ้าเพดานจะเป็นแบบฉาบเรียบทาสี ติดดวงไฟเป็นแบบ Downlight พร้อมอุปกรณ์ Smoke Detector และ Sprinkler ดับเพลิงไฟไหม้ให้พร้อมใช้งาน

ภายในห้องนอนถือว่าใช้งานไม่อึดอัด ตั้งเตียงนอนขนาด 5 ฟุตได้ มีพื้นที่เหลือโดยรอบเตียง ตำแหน่งห้องนอนจะอยู่ฝั่งริมติดหน้าต่างทำให้เปิดรับลมและแสงธรรมชาติได้ดี

หน้าต่างภายในห้องนอนที่ให้มาเป็นหน้าต่างกระจกมีความสูงจากพื้นถึงระดับฝ้า ทำให้ได้แสงธรรมชาติและมองเห็นวิวได้เต็มที่

มีระยะระหว่างด้านข้างเตียงถึงผนังฝั่งหน้าต่างกว้างประมาณ 50 cm. สามารถยืนเปิดหน้าต่างได้สะดวก ส่วนระยะทางเดินระหว่างปลายเตียงถึงชั้นวางของ กว้างประมาณ 55 cm.

อีกฝั่งของตัวห้องจะทำเป็นส่วน Walk-in closet ตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าจะอยู่หน้าทางเข้าห้องน้ำพอดี ช่วยให้ใช้งานได้ต่อเนื่องกัน

ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ทั้ง 2 ฝั่ง บานเปิดตู้ทั้งหมดใช้เป็นกระจกสีชาสวยงาม ด้านในทำเป็นชั้นวางของ ราวแขวนต่างๆ ให้เรียบร้อย ใช้งานได้ดี รวมไปถึงมีไฟส่องสว่างด้านในให้

บริเวณหน้าตู้เสื้อผ้า สามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้ พื้นที่บริเวณขนาดประมาณ 1.6 x 1.9 m.  ใช้งานได้ไม่อึดอัด

ส่วนพื้นที่ข้างเตียงจะเหลือพื้นที่กว้างประมาณ 50 cm. สามารถเดิน ลุกนั่ง จากทางด้านข้างเตียงได้สะดวกเช่นกัน

ภายในห้องน้ำจัดแบ่งการใช้งานส่วนเปียกและส่วนแห้ง วัสดุปูพื้นเป็น Porcelain และผนังเป็นผนังหินอ่อน Black Forest ให้ชุดอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกเงา และให้สุขภัณฑ์พร้อมอุปกรณ์ต่างๆภายในห้องน้ำครบ ห้องนำ้ออกแบบให้มีทางเข้าได้ 2 ทาง จากห้องครัว และห้องนอน ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน เวลามาแขกมาที่ห้องจะเข้าห้องน้ำก็ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนของเรา

กระจกให้เป็นแบบตู้กระจกบานโค้งสูงจากอ่างไปจนเกือบถึงฝ้าเพดานเลยทีเดียว ด้านข้างติดตั้งปลั๊กไฟแบบกันน้ำไว้ให้เรียบร้อย ให้ชุดอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์ จาก Villeroy & Boch

ส่วนอาบน้ำมีฉากกั้นอาบน้ำเป็นบานเปลือยกระจกนิรภัยสีชา พื้นที่ในส่วนเปียกสำหรับยืนอาบน้ำจะแบ่งพื้นที่การใช้งานโดยยกขอบขึ้นเพื่อป้องกันน้ำไหลซึมมายังส่วนแห้งในห้องน้ำ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.5 x 0.75 m. ใช้งานได้สบายๆไม่อึดอัด ทางด้านข้างมีอ่างให้นั่งแช่ตัวได้ เป็นอ่างทรงสี่เหลี่ยมขนาดประมาณ 1 x 0.65 m. จาก Lavenz

สำหรับฝักบัวก็ใช้จาก Villeroy & Boch เช่นเดียวกับสุขภัณฑ์อื่นๆ โดยฝักบัวนี้จะให้มาเป็นแบบ Thermostat สามารถปรับและผสมน้ำร้อน-น้ำเย็นได้ตามต้องการเลย

ส่วนฝ้าเพดานภายในห้องน้ำ จะฉาบเรียบทาสีและให้ไฟแบบ Downlight ไว้ 2 ตำแหน่ง และมีระบบดูดอากาศเพื่อระบายกลิ่นและความชื้นจากการใช้งานในห้องน้ำให้

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ห้อง Pool Access Duplex ขนาด 113.37 ตารางเมตร พื้นที่ใช้สอย 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ จุดเด่นของห้องนี้อย่างแรกคือเป็นห้อง Duplex ที่มีการใช้งาน 2 ชั้น ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน ระดับพื้นถึงฝ้าส่วนที่สูงที่สุดอยู่บริเวณห้องนั่งเล่นเป็น Double volume สูง 6 เมตร ชั้น 1 เน้นจัดเป็นพื้นที่ส่วนครัว และส่วนรับประทานอาหารที่ใช้งานได้ต่อเนื่องกัน ห้องนั่งเล่นโถงสูงได้วิวแบบมุมกว้างแบบเต็มๆจากสระน้ำของโครงการ มีห้องนอนชั้นล่าง 1 ห้อง เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุเดินขึ้นลงบันไดไม่ไหว ส่วนชั้นบนทำเป็นห้องนอน Master Bedroom ให้พื้นที่เยอะสามารถจัดส่วนนั่งเล่นในห้องนอนได้ พร้อม Walkl in closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำแบบ Sexy Bath และจุดเด่นอีกอย่างของห้องนี้คือ เป็นห้อง Pool Access ที่เปิดจากระเบียงห้องก็สามารถลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำได้เลย

Image 1/20
เข้ามาในห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวเปิด แบ่งการใช้งานเป็นสองฝั่ง มีเคาน์เตอร์ครัวสำหรับประกอบอาหาร และเคาเตอร์สำหรับนั่งทานอาหาร หรือเตรียมอาหารก็ได้ พื้นที่กว้างใช้งานสะดวก

เข้ามาในห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวเปิด แบ่งการใช้งานเป็นสองฝั่ง มีเคาน์เตอร์ครัวสำหรับประกอบอาหาร และเคาเตอร์สำหรับนั่งทานอาหาร หรือเตรียมอาหารก็ได้ พื้นที่กว้างใช้งานสะดวก

ราคา

26 January 2021

  • Update 10/11/2021
  • 1 Bedroom อาคาร B ชั้น 3 ห้อง B303 แบบ B1 ขนาด 35.9 ตร.ม. ราคา 6.90ล้านบาท
  • 1 Bedroom Plus อาคาร B ชั้น 4 ห้อง B411 แบบ B2-1 ขนาด 48.34 ตร.ม. ราคา 8.59 ล้านบาท

  • 1 Bedroom อาคาร B ชั้น 4 ห้อง B403 แบบ B1 ขนาด 35.91 ตร.ม. ราคา 8.95 ล้านบาท
  • 1 Bedroom อาคาร A ชั้น 3 ห้อง A304 แบบ B2 ขนาด 48.54 ตร.ม. ราคา 11.51 ล้านบาท
  • 2 Bedroom อาคาร B ชั้น 5 ห้อง B515 แบบ C2 ขนาด 62.61 ตร.ม. ราคา 16.55 ล้านบาท
  • 2 Bedroom อาคาร A ชั้น 6 ห้อง A612 แบบ C18 ขนาด 125.62 ตร.ม. ราคา 32.53 ล้านบาท
  • Promotion : 1 Bedroom เริ่ม 8.9 ลบ.* อยู่ฟรี 2 ปี และ ฟรี ทุกค่าใช้จ่ายวันโอนฯ* และฟรี Fully Furnished by CHANINTR* ( 1 ก.พ. – 31 มี.ค. 2564)
  • ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ ส่วนลดเพิ่ม 100,000 บาท* https://bit.ly/3pjIk2I
  • *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

  • Fully Furnished by CHANINTR LIVING
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4-2.7 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • Shuttle Service
  • จอง 100,000-200,000 บาท
  • ทำสัญญา (ขึ้นอยู่กับราคายูนิต)
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 85 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล : โครงการ The Reserve Sukhumvit 61 (เดอะ รีเซิร์ฟ สุขุมวิท 61) ตั้งอยู่ในทำเลในใจกลางเมือง ใกล้ซอยทองหล่อ-เอกมัย จะไปทองหล่อหรือเอกมัยก็สะดวก แต่บรรยากาศทำเลจะมีความแตกต่างกับโครงการในซอยทองหล่อ-เอกมัย เพราะมีบรรยากาศที่เงียบสงบมากกว่า และภายในซอยส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยเกือบทั้งหมด ทั้งรูปแบบคอนโดมิเนียม อพาร์ทเม้นท์และบ้านพักอาศัย จะมีอยู่ช่วงต้นซอยที่จะมีร้านอาหารและ Supermarket ตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยใจกลางเมือง เดินทางไปทำงานโดยรอบสะดวกแต่ก็อยากได้บรรยากาศเงียบสงบเหมือนอยู่บ้าน

การเดินทางโดยใช้รถ : สำหรับคนที่ใช้รถต้องพูดถึงจุดเด่นก่อนเลยคือเรื่องที่จอดรถ จัดเป็นโครงการ Low Rise ไม่กี่โครงการนะคะที่ให้ที่จอดรถมาถึง 100% มีแบ่งเป็น Auto Park และ Conventional ให้เลือกใช้งานได้ รวมไปถึงการมี EV Charger ให้ 2 ตำแหน่งในโครงการ ตอบโจทย์รูปแบบของรถในอนาคตอันใกล้ที่จะเริ่มใช้ไฟฟ้ากันแล้ว ทั้งหมดนี้จัดเป็นปัจจัยที่สำคัญทั้งหมดสำหรับคนที่ขับรถยนต์ส่วนตัวเลย ส่วนการเดินทางเข้า-ออกโครงการก็ไม่มีปัญหาค่ะ จัดว่าสะดวกอยู่ทีเดียว แม้จะอยู่ในซอยลึกประมาณ 850 m. แต่ด้วยความที่เป็นซอยตัน ไม่มีรถมากนัก ทำให้รถไม่ติดภายในซอย การเข้า-ออกด้วยการขับรถจึงไม่มีปัญหาอะไร นอกจากนี้ตัวโครงการเองก็มีทางเข้า-ออกรองที่สามารถลัดไปออกซอยเอกมัย 1 เพื่อเข้าซอยเอกมัยอีกทีได้

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ทำเลโครงการอาจจะไม่ใช่จุดเด่นในแง่ของทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้า ค่อนข้างห่างจากรถไฟฟ้าพอสมควร นับจากหน้าโครงการถึงขาขึ้น-ลงรถไฟฟ้าเอกมัยจะอยู่ที่ประมาณ 1.1 km. ทั้งนี้ทางโครงการเองก็ได้มีบริการเรื่อง Shuttle Service ไว้อำนวยความสะดวกลูกบ้านในการเข้า-ออกเช่นเดียวกันค่ะ ส่วนใครไม่อยากรอ Shuttle Service ก็ไม่ได้ลำบากเดินลัดออกซอยเอกมัย 1 ไม่ไกลก็สามารถเรียกรถแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ได้เลย

วัสดุ : ได้เฟอร์นิเจอร์ครบแบบ Fully Furnished พร้อมอยู่เลย สเปควัสดุให้ของดี คุณภาพดีเหมาะกับการใช้งานและราคาของโครงการ ได้ชุดเฟอร์นิเจอร์จาก CHANINTR หรือชนินทร์ ที่นำเข้าเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังระดับโลกเน้นการเลือกจากชิ้นงานที่มีดีไซน์และงานฝีมือเป็นหลัก ส่วนอุปกรณ์และสุขภัณฑ์ต่างๆ ใช้ Villeroy & Boch และ Lavenz ทั้งหมด ชุดครัวท็อปหิน Quartz และ Hob & Hood รวมไปถึง Combi Oven รุ่น gorenje by philippe starck ดีไซน์เนอร์ชื่อดัง เรียกได้ว่าให้มาแบบจัดเต็มทีเดียว

การออกแบบโครงการ : จุดเด่นของโครงการคือการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการอยู่ในตัวเมือง แต่อยากได้ความสงบในการอยู่อาศัย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน รูปแบบอาคารสไตล์ Modern Classic เรียบหรู สวยน่าอยู่ และเน้นการออกแบบ Landscape ที่สอดคล้องกับการอยู่อาศัย ได้บรรยากาศเสมือนสวนหลังบ้าน ภาพรวมร่มรื่นและเงียบสงบ อีกจุดเด่นคือเรื่องความเป็นส่วนตัวจำนวนยูนิต 182 ยูนิตบนเนื้อที่ดิน 3 ไร่เศษ กระจายห้องพักอาศัยไว้ 2 อาคาร ทำให้แต่ละอาคารมียูนิตไม่มากอยู่อาศัยสบายๆไม่หนาแน่น รวมถึงอัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการเพียง 45.5:1 เท่านั้น

การออกแบบห้องพักอาศัย : ที่นี่มีแบบห้องให้เลือกหลากหลายมาก ทั้งอยู่แบบ 1-2 คน ไปจนถึงครอบครัวที่มองหาคอนโด 2-3 ห้องนอน ส่วนตัวแบบห้องตัวอย่างที่เราพาไปชมกัน เป็นห้องที่มีเอกลักษณ์เน้นให้ส่วนพักผ่อนเปิดรับแสงธรรมชาติ และเพิ่มความโปร่งโล่งให้ตัวห้องได้ดี มีห้องครัวทั้งแบบครัวเปิดและครัวปิดให้เลือก ให้ Walk in Closet ที่ใช้งานได้จริง ห้องน้ำในตัวห้องนอนช่วยให้ใช้งานเป็นส่วนตัวมากขึ้น รวมไปถึงดีเทลรายต่างๆภายในห้อง ได้ประตูห้องที่เป็นแบบ Ventilation Door สามารถระบายอากาศได้แม้จะปิดประตูอยู่ก็ตาม

สาธารณูปโภค : ถือว่าจัด Facilitise หลักๆมาให้ครบที่ต้องใช้งาน แต่จะเน้นเรื่องอุปกรณ์ที่ใช้เป็นของมีคุณภาพทั้งหมด มีการแบ่งโซนการใช้งานไว้ดีเป็นสัดส่วนทั้ง Fitness , Private Onsen, Steam/Suana และห้อง Yoga Room จุดเด่นอีกอย่างอยู่ที่พื้นที่ส่วนกลางที่ทางโครงการให้มาร่วม 1 ไร่ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของที่ดินโครงการเลยก็ว่าได้ พื้นที่ Court ตรงกลาง ออกแบบให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน เน้นไปที่สระว่ายน้ำแบบกลางแจ้ง และสวนสีเขียวให้ความร่มรื่นน่าใช้งาน

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 230,000 บาท/ตร.ม., 26 January 2021

  • ทำเล 7.5/10 – เงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัยพักผ่อน ไปทองหล่อ-เอกมัยง่าย
  • เดินทางด้วยรถ 7.75/10 – เข้า-ออกในซอยเป็นทางหลัก ให้ที่จอดรถ 100%
  • ไม่ใช้รถ 7/10 – ไม่ได้อยู่ในระยะเดินไปรถไฟฟ้า แต่มี Shuttle Service รับ-ส่ง
  • วัสดุ 9/10 – ให้แบบ Fully Furnished เหมาะสมกับการใช้งานและราคา
  • แบบ 8.5/10 – ออกแบบสวย น่าอยู่อาศัย มีดีเทลการใช้งานที่น่าสนใจ
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – ได้พื้นที่ส่วนกลางร่วม 1 ไร่ ครบครัน แชร์ยูนิตไม่มาก

  • LUXURY CLASS
  • 7.9 / 10.00

BOTTOM LINE

โครงการ The Reserve Sukhumvit 61 (เดอะ รีเซิร์ฟ สุขุมวิท 61) เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใจกลางเมือง ที่เดินทางสะดวก แต่ได้ความสงบเหมือนอยู่บ้าน มีความเป็นส่วนตัวจำนวนยูนิตไม่มาก แต่ต้องเข้าซอยมาหน่อยไม่ได้ติดถนนหลัก เด่นในเรื่องวัสดุที่ได้สเปคดี Fully Furnished พร้อมอยู่ มีแบบห้องให้เลือกเยอะ ส่วนกลางหลักมีให้ครบบรรยากาศร่มรื่นน่าอยู่อาศัย มีงบประมาณเริ่มต้นประมาณ 8 ล้านบาทขึ้นไป ยังไงก็ลองพิจารณากันดูนะคะ


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะคะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc