…หากพูดถึงโครงการ The Origin อ่อนนุช ผมเชื่อว่าหลายๆคนยังคงจำกันได้ดี ถึงปรากฏการณ์สั่นสะเทือนวงการอสังหาฯ และตลาดคอนโดมิเนียมในย่านอ่อนนุชเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งออริจิ้นได้เปิดตัวคอนโดแบรนด์น้องใหม่ ด้วยราคาน่าตกใจเพียง 1.29 ล้านบาท (หรือเฉลี่ยประมาณ 6x,xxx บาท/ตร.ม. ในช่วงเวลานั้น) จนทำให้เราแอบคิดว่า…นี่ใช่ราคาคอนโดติดถนนอ่อนนุชจริงๆเหรอ?

ซึ่งหลังจากผ่านมาแล้ว 2 ปี ปัจจุบันโครงการนี้ก็ได้สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ และให้เราได้ยลโฉมของจริงกันแล้วครับ โดยเค้าก็จะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดการขายใหม่นิดหน่อยด้วย เดี๋ยวเราจะมาอัพเดตไปพร้อมๆกันเลยครับ ส่วนจุดเด่นหรือ Highlights ของโครงการผมสามารถสรุปมาได้ดังนี้

  • ราคายังคงมีความน่าสนใจ และจับต้องได้ง่าย ถึงแม้จะมีการปรับขึ้นมาเล็กน้อยแล้วก็ตาม
  • ทำเลติดถนนอ่อนนุช สามารถเรียกรถสาธารณะได้ง่าย และใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก อุดมสมบูรณ์ หาของกินง่าย
  • ขายแบบ Fully Furnished พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย
  • ยังมีห้อง 2 แบบให้เลือก ซึ่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกันชัดเจน ทั้งแบบที่มีห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ รวมถึงมีแบบห้องนอนกั้นด้วยผนังทึบเป็นส่วนตัวให้เลือกด้วย

ข้อมูลโครงการ

The Origin Onnut (ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช) ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2565

 ชื่อโครงการ  The Origin Onnut (ดิ ออริจิ้น อ่อนนุช)
 ชื่อผู้ประกอบการ  บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
 SEGMENT CLASS  MAIN CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่  ถนน อ่อนนุช เขต สวนหลวง
 ที่ดิน  2-3-23 ไร่
 ประเภทคอนโด  Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร
 จำนวนยูนิต  399 ยูนิต (แบ่งเป็นอาคาร A = 216 ยูนิต และอาคาร B = 183 ยูนิต) + ร้านค้า 3 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   33 ยูนิต ที่อาคาร A
 ที่จอดรถ  140 คัน หรือคิดเป็น 35% แบบรวมจอดซ้อนคัน
 เริ่มก่อสร้าง  ปี 2564
 สถานะปัจจุบัน  สร้างเสร็จพร้อมอยู่
 ประเภทห้องพัก
  • 1 Bedroom Smart Closet พื้นที่ใช้สอย 22 ตร.ม.
  • 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 26 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus พื้นที่ใช้สอย 34 ตร.ม. (Sold Out)

 ฝ้าเพดานสูง  2.4 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  1.79 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 85,000 บาท/ตร.ม.
 เว็บไซต์โครงการ https://bit.ly/3Qp28iC
 Call Center 02-030-0000

ทำเลที่ตั้ง

Highlights :

  • ทำเลติดถนนอ่อนนุช มีราคาจับต้องได้ไม่ยาก
  • มีความอุดมสมบูรณ์สูง ใกล้ร้านสะดวกซื้อ คอมมูนิตี้มอลล์ และ Hyper Market
  • เดินทางสะดวก สามารถเรียกรถสาธารณะหน้าโครงการได้ง่าย ปากซอยมีรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช และอยู่ไม่ไกลจากทางด่วน 2 สาย

พิกัด Google Maps : 13.708961, 100.615542
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

The Origin Onnut ตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท 77 หรือที่รู้จักกันดีคือ “ซอย อ่อนนุช” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งถนนเส้นหลักที่เชื่อมต่อถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์ จัดเป็นย่านที่อยู่อาศัยดั้งเดิมที่มีคนอยู่กันอย่างหนาแน่น โดยตัวโครงการจะตั้งอยู่ใกล้กับฝั่งสุขุมวิท จึงทำให้ใกล้กับความอุดมสมบูรณ์ต่างๆด้วยนั่นเองครับ

…และเมื่อหลายปีก่อนในตอนที่รถไฟฟ้าได้เข้ามาใหม่ๆ ก็ทำให้ย่านนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก รวมถึงมีความคึกคักสูงขึ้นด้วย โดยเฉพาะกลุ่มตลาดคอนโดมิเนียม ก็ล้วนเป็นที่ต้องการของชาวไทยและต่างชาติมากมาย ซึ่งราคาขายของคอนโดส่วนใหญ่ในย่านอ่อนนุช ปัจจุบันก็เฉลี่ยปาเข้าไปมากกว่า 100,000 บาท/ตร.ม.กันแล้ว และสำหรับโครงการ The Origin Onnut ตอนนี้มีราคาเฉลี่ยประมาณ 85,000 บาท/ตร.ม. ถึงแม้จะสูงขึ้นจากตอนเปิดตัวเมื่อ 2 ปีก่อนเล็กน้อย แต่ก็ยังคงถือว่าน่าสนใจและจับต้องได้ง่ายอยู่ครับ

Image 1/7

ในแง่ของความอุดมสมบูรณ์จากเดิมที่มีพร้อมอยู่แล้ว พอปัจจุบันเริ่มมีคนเข้ามาอาศัยอยู่เยอะมากขึ้น ร้านค้าและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆก็ยิ่งมีเยอะขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารริมทางที่มีอยู่ตลอดทั่วทั้งซอยอ่อนนุช และร้านสะดวกซื้อก็มีอยู่หลายจุดเลยทีเดียวครับ

หรือจะเป็น Hyper Market ก็มีอยู่ตรงปากซอยอย่าง Lotus’s , BigC และมี Community Mall เปิดใหม่เยอะเลยครับ ทั้ง T77 และ People Park ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการ ซึ่งภายในก็มีทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ หรือว่าอิซากายะก็มาเปิดกับเค้าด้วย ทำให้เราไม่ต้องไปไกลถึงเอกมัย-ทองหล่อแล้วนั่นเอง

รถไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด :

สำหรับรถไฟฟ้า BTS สถานี อ่อนนุช จะอยู่ห่างจากโครงการประมาณ 2.3 km. ซึ่งอนาคตทางโครงการแจ้งว่าจะมี Shuttle Service รับ-ส่งไปที่สถานีให้ด้วยครับ จึงทำให้การเดินทางเข้าเมืองด้วยรถสาธารณะสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น

ทางด่วนที่ใกล้ที่สุด :

ทำเลนี้จะใกล้กับทางด่วน 2 สายคือ ทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนเฉลิมมหานคร โดยจุดขึ้นที่ใกล้ที่สุดจะเป็นทางด่วนเฉลิมมหานครในซอยสุขุมวิท 62 ซึ่งห่างจากโครงการ 3.6 km. สามารถใช้ทางลัดผ่านซอยย่อยต่างๆ เพื่อเลี่ยงรถติดบนถนนหลักได้ หรือถ้ามาตามทางปกติก็จะห่างประมาณ 4.6 km. ใช้เวลาเพียง 10 กว่านาที ก็ได้ขึ้นทางด่วนไปทางพระราม 4 – สาทร – เพลินจิต ได้สบายๆแล้วครับ

อีกจุดหนึ่งจะเป็นทางขึ้นทางด่วนฉลองรัช ห่างจากโครงการประมาณ 6 km. สามารถเข้าเมืองไปทางพระราม 9 – รัชดา – ลาดพร้าว ได้ครับ

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

บริบทโดยรอบจะถูกรายล้อมไปด้วยอาคารสูงและชุมชนแนวราบ ดังนั้นหากใครที่ต้องการวิวที่เปิดโล่งด้านนอกโครงการ ก็อาจต้องเลือกตำแหน่งห้องที่เป็นฝั่งทิศตะวันออก และทิศใต้ด้านหลังเป็นหลักแทน ส่วนทางด้านหน้าจะอยู่ติดกับถนนอ่อนนุช จึงค่อนข้างคึกคักและมีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร อย่างเซเว่นที่อยู่ใกล้สุดก็ห่างออกไปเพียง 60 m. เท่านั้น ส่วนด้านต่างๆจะสามารถสรุปได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ : เป็นทางเข้าหลักโครงการ ติดกับ ถนนอ่อนนุช ฝั่งตรงข้ามเป็นปั้ม Esso
  • ทิศใต้ : ติดกับ บ้าน 2 ชั้น และหอพักสูง 5 ชั้น
  • ทิศตะวันออก : ติดกับ อาคารสูง 2 – 5 ชั้น
  • ทิศตะวันตก : ติดกับ อาคารพักอาศัยสูง 10 ชั้น

เรามาเดินดูบรรยากาศรอบๆโครงการกันสักนิดครับ เริ่มจากด้านหน้าจะอยู่ติดกับถนนอ่อนนุชเลย จึงทำให้สามารถโบกเรียกรถสาธารณะได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นวินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และรถสองแถว ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นปั้ม Esso และทางซ้ายของโครงการจะมุ่งหน้าไปศรีนครินทร์ได้ครับ

ด้านขวาของโครงการจะเป็นทางที่มุ่งหน้าไปสุขุมวิท และถ้าเดินตรงต่อมาอีกเพียง 60 m. ก็จะเจอกับเซเว่นขนาดใหญ่ สามารถมาซื้อของกันได้ง่ายๆเลย

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Makro Food Service ~ 550 m.
  • People Park ~ 800 m.
  • BigC อ่อนนุช ~ 1.7 km.
  • ตลาดเอี่ยมสมบัติ ~ 3.1 km.
  • Tesco Lotus อ่อนนุช ~ 3.6 km.
  • Seacon Square ศรีนครินทร์ ~ 6.3 km.

โรงพยาบาล

  • รพ.กล้วยน้ำไท ~ 3.6 km.
  • รพ.สุขุมวิท ~ 4.4 km.
  • รพ.คามิลเลียน ~ 6.6 km.

โรงเรียน

  • โรงเรียนแสงหิรัญ ~ 2.4 km.
  • Anglo Singapore International School ~ 4.9 km.
  • Wells International School ~ 5.5 km.
  • วิทยาลัยดุสิตธานี ~ 5.5 km.
  • Bangkok Prep ~ 6 km.
  • โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ~ 7.5 km.

สถานที่ราชการ

  • สวนหลวง ร.9 ~ 7.6 km.
  • ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ~ 18.7 km.

รายละเอียดโครงการ

Highlights :

  • ฟังก์ชันและบรรยากาศส่วนกลางค่อนข้างดูดี เมื่อเทียบกับราคาและเพื่อนบ้าน
  • จัดผังอาคารโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลาง ทำให้ห้องที่หันเข้ามาด้านในจะได้รับวิวสวนและสระว่ายน้ำสวยๆได้
  • จัดแบ่งโซนการใช้งาน Facilities แยกออกจากกันชัดเจน (ไม่รบกวนกัน) โดยอาคาร A จะเน้นพื้นที่นั่งทำงานแบบเงียบสงบ ส่วนอาคาร B จะเน้นกิจกรรมออกกำลังกายแนว Active

The Origin Onnut เป็นโครงการแรกของออริจิ้น ที่เปิดขายออนไลน์ 100% แบบไม่มีห้องตัวอย่างหรือสำนักงานขายใดๆครั้งแรก และได้สร้างความฮือฮาด้วยการปิดยอดขาย (Sold Out) ได้ภายใน 1 ชม. มาแล้ว นั่นจึงช่วยการันตีความต้องการของผู้บริโภคและนักลงทุน ที่มีความสนใจต่อโครงการนี้ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวครับ

และสำหรับใครที่พลาดโอกาสไปเมื่อ 2 ปีก่อน ปัจจุบันยังพอจะมีห้องหลุดออกมาให้ได้จับจองเป็นเจ้าของกันอีกครั้ง ซึ่งถึงแม้ว่าราคาจะมีการปรับสูงขึ้นมาบ้างตามกลไกของราคาที่ดิน แต่โดยภาพรวมก็ยังคงจับต้องได้ง่ายอยู่ดี

แถมเค้ายังมีการเพิ่มรายการเฟอร์นิเจอร์ จากตอนแรกที่ขายเป็น Fully Fitted ก็กลายมาเป็น Fully Furnished พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย และตอนนี้ตึกก็สร้างเสร็จพร้อมจะโอนกันแล้วด้วยครับ ซึ่งบรรยากาศของจริงจะเป็นอย่างไรบ้างเราไปชมกันเลย

Master Plan โครงการมีที่ดินขนาด 2-3-23 ไร่ และมีเพื่อนบ้านทั้งหมด 399 ยูนิต ถือเป็นโครงการขนาดกลางๆไม่ใหญ่มากนัก โดยจะแบ่งออกเป็น 2 อาคาร A กับ B ซึ่งแปลนชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถเกือบทั้งหมดเลยครับ สามารถจอดได้ 140 คัน หรือคิดเป็น 35% แบบรวมจอดซ้อนคัน

จากทางเข้าด้านหน้าเมื่อผ่านซุ้มประตูเข้ามา เราจะเจอกับ Pocket Garden ที่อยู่ตรงกลางโครงการพอดี ทำหน้าที่เป็นส่วนต้อนรับ ช่วยเพิ่มความสวยงามและความสดชื่นได้เป็นอย่างดี โดยเส้นทางการเดินรถจะเป็นแบบทางเดียว (One Way) วนตามเข็มนาฬิกา

ภายในอาคาร A ด้านหน้าสุดจะมี Main Lobby เป็นส่วนต้อนรับลูกบ้านและแขกภายนอก รวมถึงยังมียูนิตร้านค้าที่ทราบแล้วว่าหลักๆจะมี Lawson มาเปิดครับ ส่วนใต้อาคาร B จะมีแค่โถงลิฟต์เท่านั้น เพราะส่วนกลางหลักๆจะอยู่ชั้นบนนั่นเอง

เริ่มกันที่ทางเข้าด้านหน้าโครงการจะต้องขับผ่านอาคาร A เข้าไปครับ ซึ่งในอนาคตจะมีไม้กั้นกระดกและระบบรักษาความปลอดภัยต่างๆมาติดตั้งเพิ่มอีกทีนะ ประกอบด้วย ระบบ RFID ที่รับสัญญาณ Bluetooth แบบบนทางด่วน รวมถึงกล้อง CCTV และพี่ยามที่จะคอยดูแล 24 ชม. ส่วนห้องกระจกทางซ้ายมือจะเป็น Main Lobby

เมื่อผ่านพี่ยามเข้ามาก็จะเจอกับ Pocket Garden ตรงกลางโครงการเป็นส่วนต้อนรับพอดี ซึ่งอาจต้องรอให้ต้นไม้โตกว่านี้อีก 4 – 5 ปีก็น่าจะดูร่มรื่นมากขึ้นนะครับ ส่วนทางเดินรถจะเป็นแบบ One Way ที่จะต้องวนไปทางซ้ายมือ และมีที่จอดรถทั้งใต้อาคารและกลางแจ้งอีกบางส่วน

เข้ามาดูภายใน Lobby กันบ้างครับ ซึ่งก็จะเป็นพื้นที่ฝ้าเพดานสูง Double Volume เพื่อความโปร่งโล่ง พร้อมกับมีชุดโซฟานั่งเล่นกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ เอาไว้เป็นพื้นที่นั่งพักคอยสำหรับแขกได้ ส่วนขวามือจะเป็นทางเดินไปยังโถงลิฟต์ที่อยู่ด้านในครับ

โดยโถงลิฟต์นี้จะเป็นของอาคาร A ที่เราสามารถเดินมาจาก Lobby ด้านหน้าเมื่อครู่ หรือจะเข้ามาจากที่จอดรถใต้อาคารก่อนหน้านี้ก็ได้ รวมถึงจะมี Mail Box ให้รับจดหมายก่อนขึ้นห้องด้วยครับ

กลับมาที่ Lobby ด้านหน้าอีกครั้ง ทางขวามือจะมีบันไดทางขึ้นชั้น 2 ซ่อนอยู่ด้านหลังผนังด้วยครับ ซึ่งเราสามารถเดินขึ้นไปใช้งานจากตรงนี้ได้โดยตรงเลย

สำหรับชั้น 2 จะมีทั้งส่วนห้องพักอาศัยและ Facilities อยู่ร่วมกันทั้ง 2 อาคาร โดยการใช้งานก็จะแยกออกจากกันชัดเจน ซึ่งจะต้องเดินขึ้นบันไดหรือลิฟต์มาจากชั้น 1 ของแต่ละอาคารเท่านั้น (ไม่มีทางเชื่อมอาคารถึงกันได้) โดยผมขอเริ่มจากอาคาร A จะเป็น Co-Working Space ที่เดินขึ้นบันไดมาจาก Main Lobby ชั้น 1 ก่อนหน้านี้ได้เลย รวมถึงยังเป็นที่ตั้งของสำนักงานนิติบุคคลอีกด้วย

ส่วนอาคาร B จะเน้นเป็นฟังก์ชันออกกำลังกาย หรือแนว Active เคลื่อนไหวร่างกายเป็นหลัก ประกอบด้วย Fitness , Multi-Training Zone และสระว่ายน้ำแบบกลางแจ้งที่ยาว 25 m. รวมถึงยังมีห้องน้ำให้ใช้งานพร้อมอีกด้วย ซึ่งหากใครที่ชอบใช้งานฟังก์ชันเหล่านี้บ่อยๆ ก็อาจเลือกห้องที่อยู่ในชั้น/ในอาคารที่ต้องการได้เลยครับ จะได้สามารถมาใช้งานได้สะดวกนั่นเอง

ขึ้นมาด้านบนเราจะเจอกับ Co-Working Space ซึ่งเป็นจุดที่ยังสามารถใช้รับแขกหรือ Visitor ที่มาจากภายนอกได้ด้วย ทำให้เราไม่จำเป็นต้องพาเข้าไปด้านใน หรือชั้นอื่นๆของโครงการให้เสียความเป็นส่วนตัวเลยนั่นเอง ซึ่งก็จะมีชุดโซฟาและเก้าอี้กระจายอยู่หลายจุดเลยครับ

และอีกด้านหนึ่งก็จะเป็นห้องของนิติบุคคล ซึ่งหากใครที่ต้องการติดต่อธุระ เช่น รับพัสดุ แจ้งซ่อม ฯลฯ ก็จะต้องขึ้นมาบนนี้ ความสะดวกสบายในการติดต่อจึงอาจลดลงอยู่บ้างเหมือนกันครับ

กลับมาที่ Pocket Garden ตรงกลางโครงการชั้น 1 จะเป็นพื้นที่สวนเล่นๆ พร้อมกับน้ำตกที่ไหลลงมาจากสระด้านบน ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศให้บริเวณนี้สดชื่นมากขึ้น

ซ้ายมือจะเป็นจุดนั่งเล่นพักผ่อนใต้ต้นไม้ เหมาะที่จะมานั่งตอนช่วงบ่ายๆเป็นต้นไป เพราะจะมีร่มเงาของตึก A ที่อยู่ด้านซ้ายคอยช่วยบังแดดให้ด้วยนั่นเองครับ

ส่วนทางด้านขวาของน้ำตกจะมีบันไดให้สามารถเดินขึ้นไปบนชั้น 2 ได้แบบนี้ครับ ซึ่งเราก็จะเจอกับสระว่ายน้ำทางซ้าย และห้องกระจกที่อยู่ทางขวามือจะเป็น Fitness

โดยก่อนที่เราจะเข้าไปยังส่วนของ Fitness จะเป็นห้องที่เรียกว่า Multi-Training Zone เอาไว้สำหรับนั่งคอยหรือนั่งพักผ่อนหลัง ในเวลาหลังจากที่ออกกำลังมาเหนื่อยๆนั่นเอง ซึ่งจะอยู่แยกออกมาเป็นสัดส่วน ไม่รบกวนคนที่กำลังเล่นอยู่ด้านในครับ

ส่วนภายในห้อง Fitness ต้องบอกว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่เลยทีเดียว และเราก็สามารถชมวิวของสระว่ายน้ำภายนอกไปด้วยแบบนี้ ซึ่งอุปกรณ์ของที่นี่ถือว่าเยอะมากครับ (หากเทียบกับจำนวนยูนิต) ทำให้เวลามีคนมาใช้งานจริงก็คาดว่าน่าจะเพียงพอแน่นอน โดยจะมีเครื่องอะไรบ้างก็สามารถคลิกดูใน Gallery ด้านล่างนี้ได้เลย

Image 1/6

ถัดจากห้อง Multi-Training Zone ที่เป็นทางเข้า Fitness เมื่อครู่นี้ ก็จะมีทั้งทางเข้าโถงลิฟต์และทางไปห้องน้ำแยกไปอีกด้านหนึ่งด้วยครับ

ส่วนทางไปสระว่ายน้ำจะอยู่ทางซ้ายมือแบบนี้ ซึ่งก็จะมีจุดให้ล้างตัวและขั้นบันไดที่ยก Step ให้สระอยู่สูงขึ้นไปจากทางเดิน เพื่อทำให้การใช้งานมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นครับ

โดยขนาดของสระว่ายน้ำจะกว้างประมาณ 3.5 x 25 m. พอจะว่ายออกกำลังกายจริงจังได้ แต่จะไม่มีสระเด็กหรือโซนน้ำตื้นสำหรับน้องๆนะครับ ส่วนขวามือจะมีการทำเป็นแนวต้นไม้บริเวณขอบสระ เพื่อทำให้การใช้งานมีความปลอดภัยมากขึ้นนั่นเอง

ภายในห้องน้ำก็จะมีทั้งห้องอาบน้ำ และตู้ล็อคเกอร์สำหรับเก็บของไว้ให้ใช้งานครบ โดยจะอยู่ใกล้กับสระว่ายน้ำและห้องออกกำลังกาย ทำให้สามารถมาใช้งานได้สะดวกมาก

แปลนชั้น 3 ในส่วนของอาคาร B จะยังคงเป็นชั้นพักอาศัย + Facilities ซึ่งหลักๆจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นและนั่งทำงานอย่าง Refreshing Terrace และ Co-Working Space แน่นอนว่าเป็นฟังก์ชันที่ไม่ได้มีการใช้เสียงหรือวุ่นวายมากนัก จึงทำให้มีความเงียบสงบพอสมควร

โดยหากใครที่เป็นสายชอบนั่งทำงานอยู่บ้าน หรือต้อง WFH ช่วงนี้ประจำ ก็อาจเลือกที่จะพักอยู่อาคารนี้และชั้นนี้ได้นะครับ เพราะจะสามารถเดินมาใช้งานได้สะดวกมากๆ ส่วนอาคาร B ก็จะเป็นชั้นพักอาศัยแบบเต็ม Floor ไปจนถึงชั้น 7 เลยครับ

สำหรับชั้นที่มี Facilities แน่นอนว่าเพื่อนบ้านทุกคนจะสามารถขึ้นลิฟต์มาได้ด้วย ดังนั้นโถงลิฟต์ของชั้นประเภทนี้จึงจะมีประตูแยกอีกชั้นหนึ่ง ที่ต้องใช้ Key Card Access สำหรับคนที่พักอาศัยเฉพาะชั้นนี้แยกออกไป เพื่อความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยครับ

บนชั้น 3 ของอาคาร A จะมีพื้นที่ส่วน Outdoor ที่เรียกว่า Refreshing Terrace ลักษณะของฟังก์ชันส่วนแรกจะเป็นพื้นเล่นระดับแบบขั้นบันไดเหมือนอัฒจันทร์ ให้เราสามารถมานั่งเล่นรับลมเย็นๆ และชมวิวภายในโครงการได้ตลอดทั้งวัน

ส่วนบริเวณนี้จะเป็นพื้นที่กลางแจ้ง พร้อมชุดโต๊ะเก้าอี้และสวนเล็กๆ ให้มาเดินเล่นและพักผ่อนในช่วงที่อากาศดีๆได้

รวมถึงยังมีระเบียงที่สามารถมองเห็นพื้นที่ภายในโครงการได้ทั้งหมดแบบนี้อีกด้วย

อีกด้านหนึ่งจะเป็นฟังก์ชันแบบ Indoor ที่เราสามารถหลบร้อนเข้าไปตากแอร์เย็นๆด้านในกันได้ครับ

ภายในคือ Co-Working Space ที่จะเป็นส่วนใช้งานเฉพาะของลูกบ้านเท่านั้น โดยจะเป็นห้องขนาดใหญ่ที่มีมุมให้เราเลือกนั่งเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะนั่งทำงานแบบจริงจังทางซ้ายมือ หรือจะเป็นชุดโซฟาชิลๆด้านในก็ได้

นอกจากนี้ยังมีมุมนั่งที่ลักษณะเหมือนเป็น Cocoon ซึ่งเหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวมากๆนั่นเอง

ถัดเข้ามาด้านในจะมี Meeting Room และห้องน้ำให้ใช้งานด้วยครับ

โดยภายใน Meeting Room จะมีโต๊ะขนาดใหญ่พร้อมกับจอทีวีแขวนผนัง ให้เราสามารถมานั่งประชุมงานร่วมกับเพื่อนๆแบบส่วนตัวได้ (อนาคตอาจต้องจองกับนิติบุคคลก่อนใช้งานนะครับ)

ส่วนห้องน้ำก็จะมีแยกให้ทั้งชาย-หญิง จึงทำให้เดินใช้ได้สะดวก และสามารถมานั่งทำงานหรืออ่านหนังสืออยู่ที่นี่ได้แบบยาวๆเลย

แปลนชั้น 4 ของอาคาร A จะยังมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นฝ้าเพดานสูง (Double Volume) ของชั้น Facilities ก่อนหน้านี้อยู่ครับ โดยข้อดีของชั้นนี้ก็คือ “ความเป็นส่วนตัว” เพราะจะมีเพื่อนบ้านร่วมชั้นเพียง 28 ยูนิตเท่านั้น (ชั้นอื่นๆต่อจากนี้จะมี 32 ห้อง) ส่วนอาคาร B จะมี 27 ห้องครับ

แปลนชั้น 5 – 7 จะเป็นชั้นพักอาศัยแบบเต็ม Floor ของทั้ง 2 อาคาร โดยลักษณะการวางผังจะโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ตรงกลางเอาไว้ จึงทำให้ห้องพักที่หันหน้าเข้ามารับวิวด้านใน จะได้บรรยากาศที่ดีที่โครงการจัดเอาไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิวสวนและสระว่ายน้ำสวยๆ แต่แน่นอนว่าย่อมมีราคาที่สูงกว่าห้องพักที่หันออกไปด้านนอกด้วยเช่นกันครับ และสำหรับตำแหน่งที่น่าสนใจผมคิดว่ามีดังนี้

  • กรอบสีแดง : เป็นห้อง 1 Bedroom Smart Closet เพียง 3 ห้อง/ชั้น ที่หันหน้าเข้ามารับวิวด้านในโครงการ อีกทั้งยังเป็นห้องไซส์เล็กสุด ที่มีราคาจับต้องได้ง่ายกว่าห้องใหญ่อื่นๆอีกด้วย ซึ่งหากใครที่ชอบห้องแบบนี้และต้องการวิวส่วนกลางสวยๆด้วยแล้ว ตำแหน่งนี้ก็นับว่าน่าสนใจมากๆครับ
  • กรอบสีน้ำเงิน : ห้อง 1 Bedroom Smart Closet ตำแหน่งนี้มีความน่าสนใจกว่าห้องที่รับวิวด้านนอกตรงจุดอื่น เพราะจะไม่โดนบังวิวจากตึกสูง และไม่มีความวุ่นวายจากเสียงขับรถหน้าโครงการ แต่จะรับวิวชุมชนแนวราบที่เงียบสงบกว่าทางด้านหลังโครงการแทนนั่นเองครับ
  • กรอบสีชมพู : เป็นตำแหน่งห้อง 1 Bedroom ไซส์ใหญ่ที่มีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะจะมีผนังติดกับเพื่อนบ้านแค่ด้านเดียวเท่านั้นครับ

แปลนชั้น 8 ของอาคาร B จะมีฟังก์ชัน Sky Lounge เพิ่มเข้ามา ซึ่งสามารถขึ้นมานั่งเล่นพักผ่อน และมีบันไดเดินเชื่อมต่อไปบนดาดฟ้าได้ด้วย

สำหรับห้อง Sky Lounge บนชั้น 8 ของอาคาร B จะมีพื้นที่ให้ขึ้นมานั่งเล่นพักผ่อนกันชิลๆได้ครับ รวมถึงยังมีบันไดให้สามารถเดินเชื่อมต่อไปยังชั้นดาดฟ้าได้อีกด้วย

โดยชั้นดาดฟ้าจะมีการจัดสวนทำเป็น Rooftop Garden ให้เราสามารถขึ้นมาเดินชมวิวหรือนั่งเล่นกันได้ (ของจริงจะเยอะและกว้างเต็มทั้งชั้นเลยนะครับ แต่เนื่องจากวันที่เข้ามาถ่ายรีวิวหน้างานยังไม่แล้วเสร็จดี ก็เลยถ่ายมาให้ชมบางส่วนก่อนนะ)

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

อาคาร A

ชั้น 1

  • Main Lobby

ชั้น 2

  • Co-Working Space

ชั้น 3

  • Refreshing Terrace
  • Co-Working Space
  • Meeting Room

อาคาร B

ชั้น 2

  • Swimming Pool ระบบเกลือ ขนาด 3.5 x 25 m.
  • Multi-Training Zone
  • Fitness

ชั้น 8

  • Sky Lounge
  • ดาดฟ้า
  • Rooftop Garden

Outdoor Facilities

  • Pocket Garden

 

  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 100 :  1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก A 108 : 1
  • อัตราส่วนลิฟต์ตึก B 92 : 1
  • ที่จอดรถ 140 คัน หรือคิดเป็น 35% แบบรวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card Access

 

แบบห้อง

Highlights :

  • Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมเข้าอยู่
  • ได้ครัวปิดทุกแบบ สามารถทำอาหารได้จริงจัง
  • 1 Bedroom Smart Closet มีห้องแต่งตัวขนาดใหญ่ พื้นที่เก็บของเยอะ
  • 1 Bedroom กั้นห้องนอนด้วยผนังทึบ มีความเป็นส่วนตัวสูง

แบบห้องของโครงการนี้จะมีทั้งหมด 3 Type ซึ่งจะขายแบบ Fully Furnished คือให้เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้นก็สามารถหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยครับ ประกอบด้วย

  • 1 Bedroom Smart Closet ขนาด 22 ตร.ม.
  • 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม.
  • 1 Bedroom Plus ขนาด 36 ตร.ม. (Sold Out)

โดยปัจจุบันแบบห้องที่ใหญ่ที่สุดอย่าง 1 Bedroom Plus ได้ขายหมด (Sold Out) ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ดังนั้นวันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างอีก 2 แบบที่เหลือกัน ว่าจะมีความน่าสนใจอย่างไร และเหมาะกับใครบ้างเราไปชมกันเลย

1 Bedroom Smart Closet ขนาด 22 ตร.ม.

เป็นหนึ่งในแบบห้อง Signature ของออริจิ้นเลยก็ว่าได้ และปัจจุบันผมก็คิดว่ายังน่าสนใจอยู่ ซึ่งจุดเด่นของห้องนี้คือ “Walk-in Closet” ขนาดใหญ่ ที่เราสามารถทำเป็นพื้นที่แต่งตัวแบบจัดเต็มได้สบายๆ ยิ่งถ้าเป็นสาวๆหรือหนุ่มๆที่ชอบการแต่งตัว และมีเสื้อผ้าเยอะๆก็คงถูกใจไม่น้อย

อีกหนึ่งสิ่งที่ผมว่าเค้าออกแบบได้ดีคือ “ความเป็นสัดส่วน” โดยจะกั้นแต่ละพื้นที่ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ได้ฟังก์ชันครัวปิดด้านหน้าที่ทำอาหารได้จริงจังในระดับหนึ่ง และยังได้พื้นที่แต่งตัวหน้าห้องน้ำแบบส่วนตัว ไม่ต้องเคอะเขินตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกด้วย อีกทั้งยังช่วยทำให้แต่ละพื้นที่เชื่อมต่อกัน ภายในห้องจึงมีความโปร่งโล่งมากขึ้นนั่นเองครับ

เริ่มต้นที่ประตูทางเข้าห้องจะเป็นไม้บานทึบพร้อมช่องตาแมว รวมถึงยังติดตั้ง Digital Door Lock และยกพื้นห้องสูงขึ้นมาจากโถงทางเดินเล็กน้อย เพื่อที่เวลาแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ด้านนอก ก็จะได้ไม่มีเศษฝุ่นเข้ามาในห้องนั่นเองครับ

เข้ามาด้านในเราจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อนเป็นอย่างแรก ซึ่งเคาน์เตอร์ทางซ้ายมือเราจะได้ Built-in แถมมาให้ครบเซ็ตแบบนี้เลยนะ ประกอบด้วย อ่างล้างจาน 1 หลุม / เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว / เครื่องดูดควันแบบปล่อยออกด้านนอกของ MEX

Top เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นเมลามีน ที่อาจต้องระวังเรื่องความชื้นและความร้อนสักนิดนึง รวมถึงเราอาจติดตั้ง Backsplash ที่ผนังเพิ่มเติมเพื่อให้เช็ดทำความสะอาดง่ายด้วยก็ได้ครับ แต่ในส่วนของช่องเก็บของผมว่าเพียงพอต่อการอยู่อาศัย 1 – 2 คนได้สบายๆเลย

และหากใครคิดว่าพื้นที่ประกอบอาหารน้อยเกินไป เค้าก็จะมีฟังก์ชันให้เลื่อนลิ้นชักออกมา เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยแบบนี้ได้นะ

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตู้เก็บของและชั้นวางรองเท้า ซึ่งเราก็สามารถใช้เก็บ/วางของที่ต้องหยิบจับก่อนออกจากห้องได้สะดวก รวมถึงยังช่วยให้จัดเก็บรองเท้าเข้าตู้ได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอีกด้วย

ครัวนี้จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน จึงทำให้กลายเป็นครัวปิด กลิ่นและควันก็จะไม่เข้าไปรบกวนด้านในห้อง รวมถึงยังมีส่วนช่วยในการป้องกันเสียงรบกวน จากคนที่เดินผ่านไป-มาหน้าห้อง ทำให้ภายในห้องมีความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นได้ด้วย

ครัวมีขนาดประมาณ 1.35 x 1.7 m. สามารถใช้สอยได้สบายๆ มีที่วางตู้เย็นด้านข้างกว้าง 65 cm. และสูง 1.6 m. พร้อมกับปูพื้นด้วยกระเบื้องยางไวนิลลายไม้ ที่สามารถทนความชื้นได้ค่อนข้างดี เช็ดทำความสะอาดได้ไม่ยากครับ

เข้ามาภายในห้องจะเจอกับ Common Area เชื่อมต่อกันระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและเตียงนอน จึงทำให้มีขนาดห้องที่ใหญ่และโปร่งโล่งคล้ายห้องสตูดิโอ มีความสูงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.4 m. และมีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 2.3 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้

โดยเราก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ครบตามนี้ ไม่ว่าจะเป็นโซฟาแบบ 2 ที่นั่ง โต๊ะกลาง ชั้นวางทีวี และเตียงนอน เพียงแต่หน้าตาของที่ได้บางอย่าง อาจไม่เหมือนกับในห้องนี้นะครับ (ลองสอบถามกับทางโครงการดูอีกครั้ง)

และหากสังเกตดีๆจะเห็นว่า ห้องนี้จะไม่มีโต๊ะทานอาหารใช่มั้ยครับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกลดทอนฟังก์ชันลงไปเพื่อประหยัดพื้นที่ใช้สอย โดยเราอาจต้องปรับมานั่งทานที่โซฟาหน้าทีวีตรงนี้แทน รวมถึงอาจเปลี่ยนโต๊ะกลางให้มีขนาดและความสูง ให้เหมาะสมกับการใช้งานด้วยก็ได้

ถัดเข้ามาจะเป็นเตียงนอนขนาด 5 ฟุตที่วางชิดริมหน้าต่าง ซึ่งจะยังมีระยะปลายเตียงกว้าง 35 cm. พอให้คนที่นอนด้านในสามารถขึ้น-ลงเตียงได้พอดีๆ โดยไม่ต้องรบกวนคนข้างๆตอนกลางดึกมากนัก

ผนังปลายเตียงจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่เชื่อมต่อกับ Walk-in Closet ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้ห้องนี้ดูกว้างมากขึ้น แต่สำหรับคนที่ชอบวางโทรศัพท์ หรือโคมไฟตรงโต๊ะข้างเตียง ก็อาจไม่มีพื้นที่วางสำหรับแบบห้อง Type นี้นะครับ

ส่วนหน้าต่างข้างเตียงก็มีขนาดค่อนข้างใหญ่ดีทีเดียวครับ สามารถนอนชมวิวบนเตียงได้สบายๆ รวมถึงเปิดระบายอากาศจากบานกระทุ้งข้างๆก็ได้ โดยกรอบจะเป็นอลูมิเนียมสีดำ พร้อมกระจกเขียวตัดแสง

ถัดมาจะเป็น Walk-in Closet ที่ถือเป็นจุดเด่นหลักของห้องนี้เลยก็ว่าได้ครับ โดยเราจะได้ชุดตู้ Built-in แบบไม่มีหน้าบานแบบนี้ ซึ่งถ้าอยากให้ดูเรียบร้อยมากขึ้น ก็สามารถติดหน้าบานตู้เพิ่มเติมเองได้ แต่ดูจากปริมาณช่องแล้วก็สามารถเก็บได้เยอะมาก หากใครที่มีเสื้อผ้าเยอะหรือเป็นสายแต่ตัวอยู่แล้วก็น่าจะถูกใจน่าดู

ส่วนขนาดพื้นที่จะกว้างประมาณ 2.4 x 0.9 m. สามารถใช้งานได้สบายๆ แถมยังมีความเป็นส่วนตัวมากๆอีกด้วยนะครับ เพราะมีผนังและประตูบานเลื่อน ที่กั้นแยกจากพื้นที่ห้องหลักอยู่แล้วนั่นเอง ซึ่งเราก็สามารถเดินออกมาจากห้องน้ำและแต่งตัวได้ทันทีเลย

ขวามือจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนที่เชื่อมต่อกับระเบียง ซึ่งนอกจากจะสามารถออกไปใช้งานได้แล้ว ยังช่วยทำให้พื้นที่ Walk-in Closet ภายในห้องสว่างในตอนกลางวันอีกด้วย

ส่วนระเบียงภายนอกจะมีขนาดประมาณ 1.4 x 0.9 m. พอที่จะวางเครื่องซักผ้าได้แบบพอดีๆ ซึ่งทางโครงการก็ได้เตรียมต่องานระบบต่างๆเอาไว้ให้แล้ว ส่วนด้านบนจะแขวน Condensing Unit และเป่าลมร้อนมาด้านข้าง โดยถ้าเราตากผ้าเอาไว้ตรงนี้ก็คงจะแห้งไวแน่นอนครับ

สุดท้ายคือห้องน้ำที่แบ่งฟังก์ชันเป็นสัดส่วน และเราจะได้สุขภัณฑ์ครบตามนี้เป็นของ TOTO ประกอบด้วยอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบที่มีช่องเสียบ USB Port ไว้ชาร์จโทรศัพท์หรือไอแพดได้ด้วย โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้างประมาณ 2 x 0.75 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ

พื้นที่ยืนอาบน้ำจะกว้างประมาณ 1.2 x 0.85 m. ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้นะครับ ซึ่งเราอาจติดตั้งเพิ่มเติมเองได้ น้ำจะได้ไม่กระเด็นเปียกออกมาทั่วทั้งห้อง หรือถ้าเป็นแบบไม่แพงมากก็จะมีเป็นม่านพลาสติกครับ

ส่วนตรงผนังก็จะมีการเจาะช่องให้วางอุปกรณ์อาบน้ำเอาไว้ด้วย ถ้าใครที่มีของเยอะๆก็เพิ่มชั้นวางเองได้ รวมถึงจะมี Junction Box ให้ติดเครื่องทำน้ำอุ่นเพิ่มเติม และพัดลมดูดอากาศบนฝ้าเพดานที่จะให้มาเป็นมาตรฐานแบบนี้เลย

1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม.

จุดเด่นของห้องนี้คือ “ความเป็นส่วนตัว” เพราะห้องนอนจะกั้นด้วยผนังทึบแยกจากฟังก์ชันอื่นๆ เวลาแขกไป-ใครมาก็ไม่เสียความเป็นส่วนตัวเลยแม้แต่นิดเดียว และด้วยความที่เป็นห้องแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส จึงทำให้แต่ละพื้นที่ดูกว้างและไม่ถึดอัด ถึงแม้จะกั้นด้วยผนังทึบแบบนี้ก็ตามครับ

ซึ่งห้องนั่งเล่นก็จะได้ช่องแสงจากระเบียงเต็มๆ รวมถึงยังคงได้ครัวปิดที่ทำอาหารจริงจังได้อีกด้วย ส่วนห้องน้ำจะอยู่ภายในห้องนอนครับ แน่นอนว่าการใช้งานจะสะดวกมากสำหรับเจ้าของห้อง แต่ถ้ามีแขกมาขอเข้าบ้างก็อาจเสียความเป็นส่วนตัวได้ในบางครั้งเช่นกัน

เข้ามาภายในห้องเราจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อนเช่นเดิม ซึ่งคราวนี้จะมีขนาดใหญ่มากขึ้นเยอะเลย กว้างประมาณ 2 x 1.55 m. สามารถใช้งาน 2 ฝั่งพร้อมกันได้สบายๆ

ขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว Built-in มาให้เหมือนกับห้องที่แล้วเลยครับ เพียงแต่จะมีขนาดใหญ่มากขึ้น ทำให้มีพื้นที่ทำอาหารและเก็บของได้เยอะขึ้น รวมถึงยังเพิ่มช่องใส่เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าอยู่ใต้เคาน์เตอร์นี้ด้วยครับ

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตู้เก็บของและชั้นวางรองเท้า พร้อมกับพื้นที่วางตู้เย็นกว้างประมาณ 80 cm. สูง 1.6 m.

และแน่นอนว่าเราจะได้เป็นครัวปิด ที่สามารถทำอาหารจริงจังได้ระดับหนึ่ง เพราะจะมีประตูกระจกบานเลื่อนคอยกันกลิ่น/ควัน และเสียงจากหน้าห้องได้เหมือนเดิม แถมยังช่วยให้แสงจากระเบียงส่องผ่านไปถึงหน้าห้องให้สว่างได้แบบนี้อีกด้วย

ถัดเข้ามาด้านในห้องจะเป็น Common Area ที่ประกอบด้วยโต๊ะทานอาหารและโซฟานั่งเล่น

โดยเราจะได้เป็นโต๊ะแบบเข้ามุมผนัง ที่สามารถนั่งได้ 2 คน (เก้าอี้+โซฟา) รวมถึงเราอาจใช้เป็นโต๊ะอเนกประสงค์และใช้วางของข้างโซฟาด้วยก็ได้

ติดกันจะเป็นโซฟานั่งเล่นที่อยู่ริมระเบียง มีระยะดูทีวีกว้างประมาณ 2.1 m. สามารถใช้ทีวีขนาด 40 – 50 นิ้วได้ รวมถึงเรายังชมวิวภายนอกไปด้วยได้ครับ

ระเบียงภายนอกค่อนข้างขวางและใช้งานได้ดี มีขนาดประมาณ 2.6 x 0.6 m. สามารถตากผ้าปูที่นอนผืนใหญ่ๆก็ได้ หรือจะปลูกต้นไม้กระถางก็ดี เพราะไม่ต้องเสียพื้นที่วางเครื่องซักผ้าตรงนี้แล้ว รวมถึง Condensing Unit ก็จะเป่าลมร้อนออกไปด้านนอกแบบนี้เลยครับ

อีกด้านหนึ่งของห้องจะเป็นทางเข้าห้องนอน ซึ่งจะเป็นประตูบานทึบและผนังทึบแบบนี้ จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวดีมากๆเลยครับ

ภายในห้องนอนมีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง มาพร้อมกับช่องแสงขนาดใหญ่ที่ทำให้ภายในห้องสว่างดีทีเดียว

เตียงนอนจะมีพื้นที่รอบเตียงกว้างประมาณ 45 cm. ทำให้สามารถเดินรอบเตียงหรือปูที่นอนได้ค่อนข้างสะดวก

ผนังปลายเตียงสามารถติดทีวีแขวนผนังเพิ่ม เพื่อนอนดูบนเตียงสบายๆได้ครับ

อีกด้านหนึ่งก็จะเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะแต่งหน้า โดยจะมีขนาดเล็กลงจากห้องก่อนหน้านี้นิดหน่อย และจะเป็นแบบไม่มีหน้าบานเหมือนเดิมครับ ซึ่งเราก็สามารถติดตั้งเพิ่มเพื่อความเรียบร้อยสวยงามเองได้ รวมถึงยังใช้โต๊ะแต่งหน้าตรงนี้วางของแทนโต๊ะข้างเตียงได้อีกด้วย

สุดท้ายคือห้องน้ำเราก็จะได้ฟังก์ชันครบและเป็นสัดส่วนเหมือนเดิม โดยพื้นที่ส่วนแห้งจะกว้าง 1.35 x 1.5 m. และพื้นที่ยืนอาบน้ำ 1.1 x 0.85 m. สามารถใช้งานได้พอดีๆ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคา

The Origin อ่อนนุช ราคา ณ วันที่ 27 กรกฎาคม 2565

  • 1 Bedroom Smart Closet ขนาด 22 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท
  • 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.29 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Furnished
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.4 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปเมลามีน
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ MEX
  • มีรถ Shuttle Service ไป-กลับ BTS อ่อนนุช
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 58 บาท/ตร.ม./เดือน ชำระล่วงหน้า 1 ปี
  • Promotion (ระยะเวลาภายในช่วง Q4 ปี 2465) : ฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์ และส่วนลดสูงสุด 300,000 บาท

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ

บทสรุป

ทำเล : ตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท 77 หรือซอยอ่อนนุช ที่มีความคึกคักและอุดมสมบูรณ์มากครับ โดยเฉพาะยิ่งเป็นฝั่งใกล้กับโซนสุขุมวิทก็จะมีทั้งร้านค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และ Hyper Market ให้ได้เดินจับจ่ายใช้สอยกันหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น People Park , T77 , BigC และ Lotus’s จึงทำให้ทำเลย่านนี้ยังคงเป็นที่ต้องการของหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ กลุ่มนักลงทุน และชาวต่างชาติอยู่เสมอ

แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆก็คือ “ราคา” ซึ่งถ้าเป็นคอนโดในย่านอ่อนนุชก็มักจะมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาท/ตร.ม. ยิ่งเป็นคอนโดที่ติดถนนใหญ่ และใกล้รถไฟฟ้ามากเท่าไหร่ก็จะยิ่งแพงขึ้นเท่านั้นครับ แต่สำหรับโครงการ The Origin Onnut เป็นคอนโดติดถนนอ่อนนุช ที่มีราคาเฉลี่ย 85,000 บาท/ตร.ม. อีกทั้งยังเน้นทำห้องขนาดเล็ก จึงทำให้ราคาแพ็คเกจรวมของห้องน่าสนใจ จับต้องได้ง่ายกว่าเพื่อนบ้านที่ทำห้องไซส์ใหญ่กว่านั่นเอง

การเดินทางโดยใช้รถ : ถือว่าสะดวกมากครับ เพราะนอกจากถนนอ่อนนุชจะเชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิทและถนนศรีนครินทร์แล้ว ยังอยู่ไม่ไกลจากทางด่วน 2 สายคือ ทางด่วนเฉลิมมหานคร และทางด่วนฉลองรัช โดยมีระยะทางประมาณ 3 – 6 km. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 กว่านาทีก็ได้ขึ้นทางด่วนแล้วครับ ทำให้สามารถขับรถเข้าไปทำงานในเมืองได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นโซนพระราม 4 – สาทร หรือจะเป็นโซนพระราม 9 – รัชดา ส่วนเรื่องที่จอดรถของโครงการก็จะมีทั้งหมด 140 คัน หรือคิดเป็น 35% แบบรวมจอดซ้อนคัน

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ : ถือว่าจะดวกมากอีกเช่นกัน โดยตัวโครงการจะอยู่ติดกับถนนอ่อนนุชเลย ซึ่งสามารถเรียกรถสาธารณะได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นวินมอเตอร์ไซค์ รถแท็กซี่ และรถสองแถว ซึ่งจะมีขับผ่านอยู่ตลอดเวลาเลยครับ รวมถึงบริเวณปากซอยอ่อนนุชก็ยังเป็นที่ตั้งของรถไฟฟ้า BTS สถานี อ่อนนุช อยู่ห่างออกไปประมาณ 2.3 km. โดยทางโครงการก็ได้จัดให้มีบริการ Shuttle Service คอยรับ-ส่งที่สถานีอีกด้วย ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

การออกแบบโครงการ : เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น 2 อาคาร ซึ่งมีการวางผังโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ ทำให้ห้องพักที่หันหน้าเข้ามาด้านในจะได้รับวิวส่วนกลางสวยๆได้ อีกทั้งยังมีการจัดโซนฟังก์ชันให้แยกอาคารกันชัดเจน เพื่อทำให้การใช้งานไม่รบกวนกันครับ อย่างอาคาร A ก็จะเน้นเป็นพื้นที่นั่งทำงานและพักผ่อน ซึ่งจะมีความเงียบสงบและไม่ค่อยวุ่นวายนัก ในขณะที่อาคาร B ก็จะเป็นสายออกกำลังกายแนว Active ไปเลย โดยหากใครชอบใช้งานฟังก์ชันไหนบ่อยๆ ก็อาจเลือกพักอยู่ที่อาคารนั้นๆได้นะครับ เพื่อที่จะได้มาใช้งานได้สะดวกๆ

การออกแบบห้องพักอาศัย : ปัจจุบันจะเหลือห้องพักให้เลือก 2 แบบ ซึ่งทุกห้องจะได้ครัวปิดทั้งหมด สามารถทำอาหารจริงจังได้ระดับหนึ่ง โดยห้องที่เล็กที่สุดคือ 1 Bedroom Smart Closet ขนาด 22 ตร.ม. ที่มีจุดเด่นคือ Walk-in Closet แบบจริงจังขนาดใหญ่ เหมาะกับหนุ่มสาวที่ชื่นชอบการแต่งตัว มีเสื้อผ้าเยอะๆ รวมถึงยังได้ความเป็นส่วนตัวในการแต่งตัว เพราะมีผนังกั้นแยกออกมาอีกที ส่วนอีกห้องหนึ่งคือ 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. จุดเด่นคือห้องนอนที่มีความเป็นส่วนตัวสูง เพราะจะกั้นด้วยผนังทึบแยกจาก Common Area อีกทั้งยังเป็นห้องหน้ากว้างทรงสี่เหลี่ยมจัตตุรัส จึงทำให้ภายในห้องดูไม่อึดอัดและใช้งานได้สบายมากๆครับ

วัสดุ : ขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ขาดแต่เพียงเครื่องใช้ไฟฟ้าก็เข้าอยู่ได้เลยครับ ซึ่งเกรดของวัสดุก็ให้มาเหมาะสมกับราคา ไม่ว่าจะเป็นพื้นกระเบื้องยางไวนิลที่ทนความชื้นได้ดีระดับหนึ่ง มีเตาและเครื่องดูดควันของ MEX รวมถึงสุขภัณฑ์จาก TOTO อาจมีบางจุดที่เราจะต้องทำเพิ่มเองถ้าต้องการ เช่น หน้าบานปิดของตู้เสื้อผ้า และฉากกั้นอาบน้ำ เป็นต้น

สาธารณูปโภค : ถือว่าทำออกมาได้ดีกว่าที่คิดครับ โดยเฉพาะบรรยากาศที่สวยงามน่าใช้งาน แถมยังพยายามสอดแทรกพื้นที่สีเขียวตามจุดต่างๆให้ดูสดชื่นน่าอยู่มากขึ้น ซึ่งฟังก์ชันที่ทำให้ผมว้าวมากสุดก็คือ Fitness ที่มีขนาดใหญ่และเครื่องเล่นเยอะมาก หากเทียบกับจำนวนยูนิตเรียกได้ว่าเพียงพอสบายๆ ส่วนฟังก์ชันอื่นๆก็มีให้ใช้งานครบ ไม่ว่าจะเป็น Lobby / Co-Working Space / Swimming Pool / Sky Lounge และ Pocket Garden รวมถึงยังมีสวนบนชั้นดาดฟ้าให้ขึ้นไปชมวิวกันได้อีกด้วย

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 85,000 บาท/ตร.ม., 27 กรกฎาคม 2565

  • ทำเล 8/10 – ติดถนนอ่อนนุช อุดมสมบูรณ์ หาของกินง่าย เดินทางสะดวก
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – ใกล้ทางด่วน 2 สาย เชื่อมต่อถนนหลักหลายเส้นทาง แต่ที่จอดรถน้อยไปหน่อย
  • ไม่ใช้รถ 8/10 – เรียกรถสาธารณะได้ง่าย มีบริการ Shuttle Service รับ-ส่ง BTS อ่อนนุช
  • วัสดุ 8/10 – Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์ครบ พร้อมเข้าอยู่ เกรดวัสดุเหมาะสมกับราคา
  • แบบ 8.25/10 – ผังโอบล้อมส่วนกลาง มีห้องพัก 2 แบบให้เลือก โดยเน้นห้องแต่งตัว และความเป็นส่วนตัว ได้ครัวปิดทั้งหมด
  • สาธารณูปโภค 8.5/10 – บรรยากาศสวยงามน่าใช้งาน มีฟังก์ชันหลักๆครบ ให้มาเยอะเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิต

  • MAIN CLASS
  • 7.95 / 10.00

The Origin อ่อนนุช เหมาะกับใคร

โครงการ The Origin อ่อนนุช เหมาะกับคนที่กำลังมองหาคอนโดติดถนนอ่อนนุช ที่ยังมีราคาจับต้องได้ไม่ยาก ใกล้ความอุดมสมบูรณ์ สามารถเรียกรถสาธารณะได้ง่าย และมีส่วนกลางสวยงามน่าใช้งาน โดยเน้นห้อง 1 Bedroom ที่มีจุดเด่นของแบบห้องชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นห้องแต่งตัวแบบจริงจัง และห้องนอนที่กั้นด้วยผนังทึบเป็นส่วนตัวสูง เหมาะกับการพักอาศัย 1 – 2 คน มีงบประมาณระดับ 1.79 – 2.29 ล้านขึ้นไป หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 13,000 – 16,000 บาท/เดือนขึ้นไป


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc