หลังจากที่เราเคยพาไปรีวิวโครงการ THE LINE Phahonyothin Park (เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค) กันมาตอนเปิดตัวใหม่ๆ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว วันนี้เราจึงมาอัปเดตให้ชมกันเพราะโครงการเขาสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ นอกจากนั้นรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว บริเวณห้าแยกลาดพร้าวก็เปิดให้บริการแล้ว ซึ่งโครงการจะมีจุดเด่นที่น่าสนใจอย่างไร เราไปชมบรรยากาศจริงกันได้เลยค่ะ 

  • ทำเล : โครงการตั้งอยู่ในซอย Lotus’s ลาดพร้าว ติดกับถนนพหลโยธิน ใกล้รถไฟฟ้าสถานีห้าแยกลาดพร้าว ประมาณ 550 เมตร ถ้านับจากจุดที่มีรถรับ – ส่ง ก็มีระยะเดินไปรถไฟฟ้าได้ 300 เมตรเท่านั้นเองค่ะ
  • การออกแบบส่วนกลาง : การออกแบบตกแต่งส่วนกลางดูสวยงาม ใช้วัสดุดี โดยมี Concept ในการออกแบบคือ Magical Tree ตัวอาคารมี Facade เป็นแนวคลื่นคล้ายลายไม้ ภายใน Lobby ส่วนล่างให้ความรู้สึกเหมือนกับถ้ำสวยงามขนาดใหญ่ ซึ่งเราจะเห็นการกั้นพื้นที่เป็นแบบ Free Form ดูน่าสนใจมากกว่าโครงการทั่วไปในชั้นพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ
  • Facility : โครงการนี้มีพื้นที่ส่วนกลางหลากหลายตอบโจทย์คนที่ชอบออกกำลังกาย, นั่งเล่นให้ห้องต่าง, ทำงาน Work Form Home หรือทำงานอิสระได้ดีเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่พักผ่อน ที่ชั้น 1, 22 และชั้นดาดฟ้า มีพื้นที่นัดคุยงาน ประชุมกันที่ห้อง Co-Living, Co-Working, Workshop Room หรือรองรับการขายของออนไลน์ ถ่ายแฟชั่น หรือทำคอนเทนต์ลง youtube กับ Photo Studio และส่วน Service อย่างห้อง Laundry มีเครื่องซักผ้า, ตู้กรองน้ำ ให้ใช้งานเป็นต้น
  • การออกแบบห้องพักอาศัย : ห้องพักอาศัยในโครงการนี้มีหลากหลาย Layout มากๆ เลย ทำให้เราสามารถเลือกห้องที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ได้ตรงมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นอยู่คนเดียว ชอบทำอาหาร ชอบปาร์ตี้ หรืออยู่เป็นครอบครัว รวม 21 แบบ
  • ราคา : ปัจจุบันทางโครงการมีราคาเริ่มต้นที่น่าสนใจ โดยห้อง 1 Bedroom Type เริ่มต้น ขนาด 32.00 ตารางเมตรอยู่ที่ 3.59 – 3.79 ล้านบาท* ใกล้เคียงกับช่วงเปิดตัวเมื่อ 3 ปีที่แล้วเลยค่ะ

ข้อมูลโครงการ

THE LINE พหลโยธิน พาร์ค ณ วันที่ 25 มกราคม 2564

 ชื่อโครงการ   THE LINE Phahonyothin Park ( เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค)
 ชื่อผู้ประกอบการ   บริษัท นูโว ไลน์ เอเจนซี่ จำกัด
 SEGMENT CLASS   UPPER CLASS (รายละเอียดของ Segment คอนโดปี 2021 )
 โครงการตั้งอยู่   ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
 ที่ดิน   ประมาณ 2 ไร่
 ประเภทคอนโด   High Rise 32 ชั้น 1 อาคาร
 จำนวนยูนิต   ห้องพักอาศัย 880 ยูนิต, ร้านค้า 1 ยูนิต
 ยูนิตต่อชั้นสูงสุด   31 ยูนิต
 ที่จอดรถ   ประมาณ 55 % บนอาคารจอดรถรวม สูง 6 ชั้น (ไม่รวมชั้นใต้ดิน)
 เริ่มก่อสร้าง   กุมภาพันธ์ 2562
 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    สร้างเสร็จพร้อมอยู่
 ประเภทห้องพัก
  • 1 Bedroom (S) พื้นที่ใช้สอยภายใน 32.00 – 33.00 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท
  • 1 Bedroom (M) พื้นที่ใช้สอยภายใน 36.00 – 37.00 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท
  • 1 Bedroom (L) พื้นที่ใช้สอยภายใน 39.00 – 41.00 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 58.75 – 66.75 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 6.99 ล้านบาท
  • 2 Bedroom (Duplex) พื้นที่ใช้สอยภายใน 81.50 – 82.25 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 9.99 ล้านบาท

 ฝ้าเพดานสูง  2.55 เมตร
 ราคาเริ่มต้น  3.79 ล้านบาท
 ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ  ประมาณ 110,000 บาท/ตร.ม.
 ช่วงราคาต่อตารางเมตร(ต่ำสุด-สูงสุด)  n/a
 EIA (ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) ผ่านแล้ว (สร้างเสร็จพร้อมอยู่)
 เว็บไซต์โครงการ https://www.sansiri.com/condominium/theline-phahonyothin-park
 Call Center 1685

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.817561580513694, 100.56595622866433
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

THE LINE Phahonyothin Park (เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค) ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินขาเข้า ใกล้ๆกับบริเวณห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งจะมีทางเข้าเดียวกับ Lotus’s ลาดพร้าวเลยค่ะ ซึ่งจะอยู่เยื้องๆ กับเซนทรัล ลาดพร้าว เรียกได้ว่าทำเลนี้เป็นทำเลไข่แดงแห่งความอุดมสมบูรณ์ของคนเมืองฝั่งลาดพร้าวเลยก็เป็นได้

นอกจากจะมีศูนย์การค้าให้จับจ่ายใช้สอยแล้ว ยังมีเส้นทางการคมนาคมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นทางด่วน รถไฟฟ้า รถตู้ Taxi หรือวินมอเตอร์ไซค์ก็เรียกได้ง่ายไม่ต้องรอนาน อีกทั้งยังไม่ไกลจากแหล่งอาคารสำนักงานทั้งบนถนนวิภาวดี-รังสิต, ถนนพหลโยธิน และถนนลาดพร้าว ใกล้สถานศึกษาหลายแห่งอย่างเช่น โรงเรียนหอวัง, โรงเรียนเซนต์จอห์นและมหาลัยเซนต์จอห์น, ม. ราชภัฏจันทรเกษม หรือจะเดินทางไปยังมหาลัยเกษตรศาสตร์หรือมหาลัยหอการค้าก็สะดวก

บริเวณห้าแยกลาดพร้าวยังเป็นที่ตั้งของสวนขนาดใหญ่ อย่างสวนจตุจักร สวนรถไฟที่หลายคนชอบมาเดิน วิ่งออกกำลังกายหรือพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติกันได้ เรียกได้ว่าจะหาทำเลที่ครบครันแบบนี้ได้ค่อนข้างยาก มีก็แต่ในเมืองใกล้สวนลุมพินี, สวนเบญจกิติที่ราคาคอนโดมิเนียมสูงระดับ 10 ล้านบาทกันไปเลยค่ะ

พามาดูเรื่องการเดินทางกันสักหน่อยนะคะ บริเวณห้าแยกลาดพร้าวเป็นจุดตัดของถนนสำคัญหลายๆเส้นกันเลยทีเดียวและสามารถใช้เข้า – ออกเมืองได้สะดวกโดยจะเป็นจุดตัดกันระหว่างถนนวิภาวดีรังสิต ถนนพหลโยธิน และถนนลาดพร้าว

  • ถนนวิภาวดีรังสิต : เป็นเส้นทางที่ใช้เดินทางเข้าเมืองไปยังดินแดง ต่อเนื่องไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ หรือจะใช้เดินทางเพื่อออกไปยังรังสิตได้ และยังเป็นถนนหลักที่ใช้เดินทางไปยังท่าอากาศยานดอนเมือง สำหรับคนที่ต้องการเดินทางภายในประเทศอีกด้วย
  • ถนนพหลโยธิน : เป็นถนนหลักด้านหน้าโครงการขาออกเชื่อมต่อไปยังบางเขน ส่วนขาเข้าเมื่อผ่านห้าแยกนี้ไปก็จะเป็นโซนอารีย์ สะพานควาย ซึ่งเป็นอีกแหล่งงาน และความอุดมสมบูรณ์จุดสำคัญอีกแห่งหนึ่งเลยค่ะ
  • ถนนลาดพร้าว : ถนนเส้นนี้จะยาวต่อเนื่องไปยังบางกะปิ ลำสาลี และสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนรัชดาภิเษก ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา เชื่อมต่อกับถนนรามคำแหงได้

ภาพรวมการเดินทางถือว่าสะดวกสบาย แต่ว่าทำเลนี้ใครๆ ก็ทราบว่ามีการจราจรหนาแน่นมาก ดังนั้นควรเผื่อเวลาการเดินทางสักหน่อยนะคะ หรือจะใช้รถไฟฟ้าก็เป็นตัวเลือกหนึ่งในการเลี่ยงรถติดที่น่าสนใจค่ะ

นอกจากการเดินทางด้วยรถยนต์บนถนนที่ตัดกันหลายสายแล้ว เส้นทางรถไฟฟ้าเองก็เป็นจุด Interchange เชื่อมต่อกันหลายเส้นทางเช่นกันค่ะ โดยจะมีตัวเลือกการเดินทางได้หลายเส้น ไม่ว่าจะเป็น

  • สายสีเขียว : ที่สถานีห้าแยกลาดพร้าว ห่างจากโครงการประมาณ 550 เมตร มีรถรับ-ส่ง ด้านหน้าโครงการทำให้มีระยะเดินไปรถไฟฟ้าเพียง 300 เมตรค่ะ
  • สีสีน้ำเงิน : สำหรับใครที่ทำงานย่านรัชดา – พระราม9 ก็สามารถเลือกใช้ MRT สถานีพหลโยธินได้ โดยจะมีระยะห่างจากโครงการประมาณ 650 เมตร
  • สายสีเหลือง (ในอนาคต) : สามารถใช้เดินทางไปตามเส้นลาดพร้าว-ลำสาลี-ศรีนครินทร์-สำโรงได้ โดยสถานีต้นสายคือสถานีรัชดา(ตรงบริเวณอาคารจอดรถใต้ดินลาดพร้าว) ห่างจากโครงการประมาณ 2.5 กิโลเมตร

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้

โครงการ THE LINE Phahonyothin Park (เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค) เกิดจากแสนสิริที่ร่วมกันกับ BTS Asset บนที่ดินรวม 21 ไร่ ที่แบ่งเป็นอาคารพักอาศัย 3 อาคาร เรียงกันเริ่มจากโครงการ Abstracts พหลโยธิน, THE LINE พหลโยธิน พาร์ค และ THE LINE VIBE พหลโยธิน เป็นอาคารที่ 3 ที่กำลังก่อสร้างอยู่ค่ะ ส่วนอาคารด้านหลังสุดเป็นอาคารจอดรถ สูง 16 ชั้น สำหรับการใช้งานร่วมกันทั้ง 3 โครงการ แบ่งชั้นกันชัดเจน

สภาพแวดล้อมรอบๆ โครงการจึงมีความคึกคักจาก Lotus’s ที่อยู่ด้านหน้าโครงการและเพื่อนบ้านอีก 2 โครงการ รวมถึงมีพื้นที่สีเขียวกว่า 8 ไร่ เป็น Buffer ด้านข้างก่อนถึงอาคารกองปราบที่มีความสูงพอๆ กับโครงการ THE LINE พหลโยธิน พาร์ค เลยค่ะ

  • ทิศเหนือ จะติดกับสวนขนาดใหญ่ของโครงการรวม และมีอาคารสำนักงานของกองปราบที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม
  • ทิศใต้ จะติดกับถนนหลักของโครงการที่ใช้เข้า-ออกโครงการไปยังที่จอดรถ และเป็นบ้านพักอาศัยเเนวราบ
  • ทิศตะวันออก ติดกับอาคาร C ซึ่งปัจจุบันกำลังก่อสร้างเป็นโครงการ THE LINE VIBE ถัดออกไปจะเป็นอาคารจอดรถรวมของทั้ง 3 อาคาร สูง 16 ชั้น
  • ทิศตะวันตก ติดกับอาคาร A หรือโครงการคอนโด Abstracts ขนาดและความสูงเท่ากันกับโครงการเรา เนื่องจากเดิมทีออกแบบพร้อมๆกันค่ะ

บรรยากาศบริเวณทางเดินจากถนนพหลโยธิน เข้าซอย Lotus’s มายังโครงการ THE LINE พหลโยธิน พาร์คค่ะ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

ห้างสรรพสินค้า / ตลาด

  • Tesco Lotus ~ 250 m.
  • Union Mall ~ 1.1 km.
  • Big C Super Center ลาดพร้าว  ~ 2.1 km.
  • Central Plaza ลาดพร้าว ~ 2.2 km.
  • Major รัชโยธิน ~ 3.4 km.
  • สวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาภิเษก ~ 5.2 km.

โรงเรียน

  • โรงเรียนเซนต์จอห์น ~ 1.4 km.
  • โรงเรียนหอวัง ~ 2.4 km.

สถานที่อื่นๆ

  • MRT พหลโยธิน ~ 1.0 km
  • ธนาคาร TMB สำนักงานใหญ่ (พหลโยธิน) ~ 1.7 km.
  • บริษัท การบินไทย จำกัด ~ 1.9 km.
  • บริษัท บางกอกแอร์เวย์ ~ 2.0 km.
  • Sun tower ~ 2.0 km.
  • สวนรถไฟ ~ 2.4 km.
  • สวนจตุจักร ~ 2.6 km.
  • ปตท. สำนักงานใหญ่และบริษัทในเครือ ~ 2.6 km.
  • SCB Park ~ 3.8 km.
  • ปูนซีเมนต์ไทย (SCG) และบริษัทในเครือ ~ 7.2 km.

รายละเอียดโครงการ

THE LINE Phahonyothin Park (เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค) เป็นคอนโดมิเนียม High Rise สูง 32 ชั้น จำนวน 880 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ โดยโครงการนี้เขาได้แรงบันดาลใจมาจากพื้นที่สีเขียวด้านข้างโครงการกว่า 8 ไร่ THE LINE พหลโยธิน พาร์ค จึงออกแบบใน Concept “Magical Tree” ตัวอาคารออกแบบ Facade ให้มีความโค้งเป็นริ้วๆ คล้ายๆกับโครงร่างของต้นไม้ หรือลวดลายวงไม้ ทาสี Exterior ด้วยสีเขียว บริเวณ Lobby ชั้น 1 เปรียบเหมือนถ้ำ มีการนำเอาลักษณ์โค้ง Free From ของลำต้นมาใช้กั้นห้อง Facility ในชั้น 22 เป็นต้น เดี๋ยวเราไปดูบรรยากาศของจริงกันค่ะ

Concept ของโครงการที่มีชื่อว่า “Magical Tree” ถูกแบ่งออกมาเป็น 4 ส่วน คือ

  • ส่วนชั้น 1 แนวคิดบรรยากาศภายในเป็นรากของต้นไม้ ถ้ำ และก้อนหิน
  • ส่วนกลางอาคาร (Exterior Facade) ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงลักษณะของลำต้นของต้นไม้ หรือกิ่งก้านต้นไม้
  • ส่วนชั้น 22 แทนด้วยโพรงของต้นไม้ ที่มีสัตว์ต่างๆมาอยู่อาศัย
  • ส่วน Rooftop เปรียบกับยอดของต้นไม้ที่จะมีแสงสว่างส่องถึง บรรยากาศโปร่ง โล่ง สบาย

ก่อนอื่นเรามาดู Master Plan เพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการกันก่อนนะคะ THE LINE พหลโยธิน พาร์ค นั้นเป็นอาคารที่ 2 หรือเรียกว่าตึก B ซึ่งจะอยู่ตรงกลางระหว่าง Abstracts พหลโยธิน และ THE LINE VIBE พหลโยธิน โดยทั้ง 3 โครงการใช้ทางเข้า – ออกร่วมกัน บริเวณทางเข้า Lotus’s เมื่อเข้ามาแล้วจะเจอกับวงเวียนและซุ้มประตูทางเข้าด้านหน้า

ทั้ง 3 อาคารจะใช้ที่จอดรถร่วมกัน ซึ่งอาคารจอดรถจะอยู่ด้านหลังสุดเป็นอาคารสูง 16 ชั้น โดยลูกบ้านโครงการ THE LINE พหลโยธิน พาร์ค สามารถจอดได้ที่ชั้น B1, 3A และ 3B รวมช่องจอดรถประมาณ 55 % มีรถกอล์ฟรับ – ส่ง ภายในโครงการ – วงเวียน – อาคารจอดรถ อยู่ตลอดทั้งวันทำให้เราไม่ต้องเดินไกลเลยค่ะ

ส่วนพื้นที่สวน 8 ไร่นั้นจะเป็นความรับผิดชอบของนิติบุคคลทั้ง 3 โครงการดูแล ปัจจุบันปิดปรับปรุงอยู่ เราจึงไม่ได้เก็บภาพในสวนมาให้ชมกันนะคะ แต่ถ้าเปิดให้ใช้งานเราลูกบ้านของทั้ง 3 โครงการสามารถมาพักผ่อน หรือวิ่งออกกำลังกายกันได้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย และยังเป็นวิวที่สวยงามให้กับห้องพักอาศัยชั้นล่างๆ ด้วย

เรามาเริ่มชมบรรยากาศกันตั้งแต่บริเวณวงเวียนด้านหน้าทางเข้าโครงการกันเลยค่ะ ตรงนี้จะได้ความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกมานานแล้ว ทำให้บรรยากาศด้านหน้าดีเดียวค่ะ

สำหรับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวจะต้องผ่านเข้าซุ้มประตูไปจอดรถที่อาคารจอดรถด้านในนะคะ โดยจะเป็นทางเข้า – ออกแบบไม้กั้นกระดกฝั่งละ 2 ช่องทาง ลูกบ้านจะมี Key Card ในการผ่านเข้าไปได้เลย ส่วนใครที่เป็นแขกจะต้องรับป้าย Visitor ก่อนเข้าไปจอดภายในโครงการ

ถนนภายในโครงการค่อนข้างเรียบร้อยวิ่งได้สวนกัน 2 เลน มีต้นไม้ประดับบริเวณรั้วดูสวยงาม

สำหรับโครงการ THE LINE พหลโยธิน พาร์ค เขามีทางเดินรอบๆ อาคารและมีสวนหย่อมประดับตกแต่งเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ดูสดชื่น ไม่แห้งแล้งเข้ากับ Concept โครงการ

Image 1/2
EV Charger

EV Charger

เดินมาเรื่อยๆ จะเจอกับช่องจอดรถ EV Charger สำหรับรถไฟฟ้า 4 ช่องจอด ซึ่งปัจจุบันก็มีคนที่ใช้งานรถไฟฟ้ามากขึ้นนะคะ ทางโครงการจึงทำรองรับไว้ให้ ถ้าช่องจอดเต็ม สามารถจอดรอที่ช่องข้างๆ ก่อนได้ค่ะ

ภายในโครงการจะมีรถกอล์ฟรับ – ส่ง ตั้งแต่วงเวียนทางเข้า – โครงการ – อาคารจอดรถ ทำให้ไม่ต้องเดินไกล ซึ่งเขาจะรับ – ส่งตลอดทั้งวันเลยค่ะ สะดวกรวดเร็วกว่าการรอเป็นรอบๆ

Image 1/5
อาคารจอดรถรวม

อาคารจอดรถรวม

อาคารจอดรถเป็นอาคารที่อยู่ด้านในสุด สูง 16 ชั้น สามารถจอดรถได้ทั้งหมดประมาณ 1,500 คัน โดยจะแบ่งกันทั้ง 3 โครงการ ซึ่งจำนวนที่จอดรถของโครงการ THE LINE พหลโยธิน พาร์ค จะสามารถจอดรถได้ที่ชั้น B1, 3A และ 3B รวม 55% ค่ะ เมื่อจอดเสร็จแล้วก็เดินลงมารอรถกอล์ฟที่ชั้น 1 ได้เลย จะมีเจ้าหน้าที่วอไปบอกคนขับรถให้มารับเราค่ะ

กลับมาที่อาคารชั้น 1 นั้นจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งหมดค่ะ โดยรอบๆอาคารจะมีการตกแต่งเป็นสวนหย่อม และที่ขาดไม่ได้ของโครงการแสนสิริ คือ Sansiri Backyard สวนสมุนไพร ผักสวนครัวที่ปลูกให้ลูกบ้านสามารถเก็บไปปรุงอาหารได้

Drop off จะอยู่ทางริมอาคารซึ่งรถกอล์ฟจะมาส่งตรงนี้ค่ะ เข้ามาด้านในแล้วจะเจอกับ Lobby Lounge โถงสูง Double Volume เชื่อมต่อไปยังโถงลิฟต์ และ Mailbox มีส่วน Service อยู่ทางด้านหลังอาคาร ประกอบด้วยห้อง Laundry มีเครื่องซักผ้าให้บริการ พร้อมกับพื้นที่ Retail คาดว่าในอนาคตจะเป็น 7-Eleven (รอคอนเฟิร์มจากโครงการอีกครั้งนะคะ) ให้ลูกบ้านได้ซื้อของกันได้สะดวก ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่สำนักงานขายของโครงการ THE LINE VIBE (อาคารที่ 3) อยู่นั่นเองค่ะ

Image 1/3
Drop off

Drop off

บรรยากาศบริเวณ Drop off ออกแบบให้มีส่วนหลังคายื่นออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนเข้าไปในโพรงไม้ มีพื้นที่นั่งพักคอยอยู่ด้านหน้า สำหรับคนที่รอรถกอล์ฟมารับค่ะ

ด้านหน้าทางเข้าเป็นประตูบานเลื่อนกระจกอัตโนมัติ ช่วงนี้ให้ตรวจวัดอุณหภูมิและล้างมือก่อนเข้าอาคารด้วยนะคะ

เข้ามาภายใน Lobby เป็นบางส่วนเป็นพื้นที่โถงสูง Double Volume ฝ้าเพดานใช้วัสดุสีเข้มที่มีการสะท้อนทำให้เรารู้สึกเหมือนอยู่ในถ้ำ และมีแสงไฟ Downlight เป็นเหมือนแสงระยิบระยับที่ส่องเข้ามาภายในถ้ำนั่นเองค่ะ

บริเวณ Lobby จะมีชุดโซฟาที่นั่งวางเป็นจุดๆ กระจายกัน ไว้ให้ลูกบ้านได้นั่งพักคอย หรือเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งอ่านหนังสือริมสวนได้

บรรยากาศโถงทางเดินบริเวณ Lobby ทางฝั่งซ้ายมือเป็นที่ตั้งของนิติบุคคล อยู่ติดกับพื้นที่ Lobby เพื่อให้ลูกบ้านสามารถมาติดต่อได้สะดวก

บริเวณโถง Lobby ด้านหน้าห้องนิติบุคคลก็มีโซฟานั่งเล่นมาให้ สังเกตได้ว่าทางโครงการเขาเลือกใช้วัสดุที่ดูหรูหรา สวยงามทีเดียวค่ะ

ก่อนจะเข้าโถงลิฟต์ลูกบ้านจะต้องแตะ Key Card ก่อนเข้าไปนะคะ ช่วยคัดกรองคนนอก เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัยมากขึ้น

Image 1/3
Mail Room

Mail Room

เข้ามาแล้วทางซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ Mailbox ขนาดใหญ่ที่รวมช่องรับจดหมายของลูกบ้านทั้ง 880 ยูนิตไว้ด้วยกันค่ะ ตรงกลางเป็นช่องเก็บของ Locker ให้ใช้งานด้วยเผื่อใครยังไม่สะดวกเอาของขึ้นไปที่ห้องก็มาเก็บไว้ก่อนได้ ส่วนช่องใสๆ ด้านซ้ายมือนั้น มีไว้สำหรับรับ – ส่งของ Delivery โดยไม่ต้องเดินอ้อมออกไปรับที่บริเวณ Drop off ค่ะ

บริเวณโถงลิฟต์เองก็จะมีพื้นที่นั่งพักคอยอีกจุดหนึ่งด้วย

ไม่ต้องห่วงว่าการออกแบบพื้นที่ชั้น 1 ด้วยวัสดุโทนสีเข้มตาม Concept ถ้ำจะทำให้ดูมืดไป เพราะอีกฝั่งหนึ่งมีการออกแบบผนังกระจกสูง Full Height ตลอดทั้งแนว มองเห็นวิวสวน 8 ไร่ด้านข้าง และรับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เต็มที่เลยค่ะ

บรรยากาศบริเวณโถงลิฟต์ มีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 5 ตัว ลิฟต์ Service 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการเท่ากับ 176 : 1  ถือว่าค่อนข้างเยอะสักหน่อย แต่ลิฟต์ค่อนข้างเร็ว รอไม่นานมากค่ะ

ขอพามาดูทางด้านหลังกันสักหน่อยนะคะ บริเวณนี้เป็นทางออกไปยังส่วน Service ที่มีห้อง Laundry และ Retail ด้านหลังอาคาร

ภายในห้อง Laundry จะมีเครื่องซักผ้า อบผ้าหยอดเหรียญให้บริการ สำหรับลูกบ้านที่ไม่ต้องการมีเครื่องซักผ้าภายในห้อง และมีเครื่องกรองน้ำให้มากรอกน้ำดื่มกันระหว่างรอซักผ้าได้อีกด้วยค่ะ

บรรยากาศบริเวณโถงทางเดินหน้าห้อง Laundry ทางฝั่งขวามือที่เราเห็นนั้นจะเป็นพื้นที่ Retail ในอนาคต ซึ่งทางโครงการแจ้งว่าอาจจะเป็น 7-Eleven แต่ปัจจุบันเป็นพื้นที่สำนักงานขายของโครงการ THE LINE VIBE อยู่ค่ะ

Image 1/2
Sansiri Backyard

Sansiri Backyard

เดินออกมาที่ด้านหลังจะเจอกับ Sansiri Backyard ปลูกพืชผักสวนครัวให้ลูกบ้านมาเก็บไปทำกับข้าวได้ ซึ่งจะมีให้เป็นเหมือน Gimmick ประจำทุกโครงการของแสนสิริเลยค่ะ

ชั้น 2 : ชั้นพักอาศัยจะเริ่มต้นที่ชั้น 2 ค่ะ โดยชั้นนี้จะมีความแตกต่างจากชั้นอื่นๆ คือมีพื้นที่สีเขียวที่อยู่ด้านข้างอาคาร เป็นวิวให้กับห้องพักอาศัยด้วย มีจำนวนห้องพักอาศัย 31 ยูนิต ส่วนใหญ่เป็นห้อง 1 Bedroom นะคะ มีห้องใหญ่ 2 Bedroom อยู่ตรงมุม 4 มุมของอาคาร ห้องพักอาศัยหันไปทางทิศเหนือ – ใต้ ซึ่งเป็นทิศที่รับลมได้ดีและแสงแดดไม่ร้อนจนเกินไปค่ะ

การจัดวางผังอาคารมีโถงลิฟต์อยู่ตรงกลาง ทำให้ระยะทางเดินของทั้ง 2 ฝั่งอาคารเท่าๆ กัน มีบันไดหนีไฟอยู่ตรงกลาง และฝั่งซ้าย-ขวาของอาคาร รวม 3 จุด โถงทางเดินเป็นแบบ Double Corridor เสียดายเล็กน้อยที่ประตูห้อง 2 ฝั่งตรงกัน อาจเกิดเหตุการณ์เปิดประตูมาจ๊ะเอ๋กันได้ค่ะ

Image 1/19
ชั้น 3

ชั้น 3

ชั้น 3 – 21 : เป็นชั้น Typical Floor Plan ที่มีการจัดวางผังเหมือนกับชั้น 2 เลยค่ะ แต่จะมีความแตกต่างกันที่การจัดตำแหน่งห้อง เป็นแบบสุ่มคละกันระหว่างห้องที่มีระเบียงยาว, ห้องที่ไม่มีระเบียง และห้องแบบที่มี Bay Window ค่ะ ซึ่งแต่ละแบบจะแตกต่างกันอย่างไร ตามไปอ่านกันได้ที่หัวข้อ ‘แบบห้อง’ นะคะ

ขึ้นมาดูที่ชั้น 22 กันบ้างค่ะ ชั้นนี้เป็นชั้นพักอาศัยที่แบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลาง โดยจะแยกกันด้วยประตูกั้นชัดเจน ลูกบ้านชั้นอื่นๆ จะไม่สามารถแตะ Key Card เข้าไปยังโถงทางเดินหน้าห้องพักอาศัยของชั้น 22 ได้ค่ะ สำหรับชั้นนี้จะมีห้องพักอาศัยเพียง 14 ยูนิตเท่านั้นเอง เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว ชอบใช้งานพื้นที่ส่วนกลาง สามารถเดินไปใช้งานส่วนกลางห้องต่างๆ ได้เลย

พื้นที่ส่วนกลางในชั้นนี้จะเห็นว่ามีการออกแบบโถงทางเดินให้โค้งไปมา เหมือนกับโพรงต้นไม้ ทำให้ห้องต่างๆ ดูมีมิติมากขึ้น ไม่เป็นเส้นตรง ทื่อๆ และมีลมพัดผ่านได้ดี ออกแบบได้น่าสนใจทีเดียวค่ะ แนวคิดการออกแบบยังถือว่าโพรงไม้เป็นที่ชุมนุมของสัตว์น้อยใหญ่ จึงออกแบบให้มี Facility เกี่ยวกับการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน เช่น  Co-living Lounge, Co-Playing Space, Co-Cooking Studio, Co-working space (ประกอบด้วย 3 โซน Working Area, Photo Studio และ Meeting & Workshop Zone) และพื้นที่สวนพักผ่อน Semi-Outdoor

โถงลิฟต์ชั้น 22 มีการตกแต่งด้วยกระจกเงาสีดำดูลึกลับ ให้ความรู้สึกเชื่อมต่อกับชั้น 1 ที่เป็นพื้นที่ถ้ำ

เดินออกมาจากโถงลิฟต์จะเจอกับส่วนพื้นที่พักผ่อนแบบ Semi-Outdoor มีการตกแต่งฝ้าเพดานให้เหมือนอยู่ในโพรงไม้ รวมถึงโถงทางเดินที่มีความคดเคี้ยว ดูน่าค้นหามากยิ่งขึ้น

บริเวณสวน Semi-Outdoor มีชุดเก้าอี้นั่งมาให้ พร้อมพร็อพตกแต่งอย่างโต๊ะก้อนหิน เข้ากันกับ Concept โครงการค่ะ

Image 1/4
Co-Kitchen Studio

Co-Kitchen Studio

ห้องแรกเป็นห้อง Co-Kitchen Studio เป็นห้องครัวขนาดใหญ่ที่เปิดให้ลูกบ้านสามารถจองมาทำอาหาร ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ หรือเข้าคลาสสอนทำขนมแบบเป็นส่วนตัวได้ ภายในห้องนี้มีการเลือกให้วัสดุ Stone Veneer ของแบรนด์ Hacker เป็นการลดใช้หินธรรมชาติ แต่ยังได้สัมผัสเหมือนหินจริง อีกทั้งยังออกแบบให้ฝ้าเพดานมีลวดลาย Pattern ของใบไม้ซ้อนทับลงบนกระจก และใช้ lighting ส่องลงมาช่วย ทำให้เกิดแสงเงาเหมือนเรายืนอยู่ใต้เงาไม้ในป่าเลยค่ะ โดยจะมีการสอดแทรกแนวคิดเรื่องความยั่งยืน (Sustainable) เข้าไปด้วย

ภายในห้องยังมีอุปกรณ์ทำครัว และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ มาให้ครบครัน เช่น เตาอบ 2 ตัว  ตู้เย็น LG Instaview Door-in-Door เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และถังขยะย่อยเศษอาหารได้ จาก Smart CARA

Image 1/4
Co-Living Space

Co-Living Space

ถัดมาเชื่อมต่อกันกับ Co- Kitchen คือพื้นที่ Co-Living ที่เหมาะกับการผ่อนคลาย Entertain สามารถดูหนัง ฟังเพลง หรือจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ได้ค่ะ Highlight ของห้องนี้ก็จะมีเครื่องเล่น Shuffle Board มาให้ ใครทอยลูก Shuffle ออกไปได้ไกลที่สุดโดยไม่ตกลงด้านข้างจะถือเป็นผู้ชนะค่ะ

ออกจากห้องนั่งเล่นมาแล้วเราไปดู Facility อีกฝั่งหนึ่งกันบ้างค่ะ ซึ่งจะเชื่อมต่อกันด้วยโถงทางเดินที่ดูคดเคี้ยวเช่นกัน

มีพื้นที่สำหรับนั่งเล่น คุยโทรศัพท์ หรือมานั่งกินลมชมวิวแบบ Semi-Outdoor ได้เช่นกันค่ะ

Image 1/3
Co-Working Space

Co-Working Space

ถัดมาเป็นห้อง Co-working space นะคะ ภายในจะมีพื้นที่ให้นั่งทำงานหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นการนั่งทำงานส่วนตัว คนเดียว นั่งเป็นคู่ หรือนั่งเป็นกลุ่มก็ได้ นอกจากนั้นยังมีห้องพิเศษ อย่าง Photo Studio และ Workshop Room ให้ประชุมงานอย่างจริงจังได้ด้วยค่ะ

การออกแบบภายในห้องนี้จะมีการเลือกใช้หิน Terrozzo มาทำเป็นวัสดุพื้น และมีการใช้ Aluminium Chains Art มาเป็นส่วนหนึ่ง เหมือนเรานั่งอยู่ใต้เถาวัลย์ ช่วยกั้นโซนต่างๆ พรางสายตาให้รู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น

Photo Studio เป็นห้องสำหรับคนยุคใหม่ที่ต้องการถ่ายงาน ถ่ายภาพ ขายของออนไลน์ หรืออัดคลิปทำคอนเทนต์ต่างๆ ได้ โดยจะมีอุปกรณ์จัดไฟมาให้เรียบร้อยพร้อมใช้งานเลยค่ะ

Image 1/3
Workshop

Workshop

เชื่อมต่อกับห้อง Co-working space ก็จะเป็นพื้นที่ Workshop ที่ได้ความเงียบ เป็นส่วนตัวมากขึ้น มีการออกแบบเป็นพื้นที่ Double Volume มีชั้นลอย มีโต๊ะประชุมทั้ง 2 ชั้น ให้สามารถคุยงานได้แบบจริงจังมากขึ้น

Image 1/6
Co-Playing Space

Co-Playing Space

ต่อมาเป็นห้องสำหรับน้องหนูๆ กันบ้างห้องนี้คือ Co-Playing Studio หรือห้องเด็กเล่นที่ภายในมีแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนพัฒนาสมอง ส่วนเล่น และส่วนที่ผู้ปกครองเข้าถึงได้ โดยได้รับการรับรองจาก รพ.สมิติเวชด้วยค่ะ ภายในห้องจะมี Highlight เลยก็คือบ้านตรงกลางที่สามารถขึ้นบันไดไปเล่นสไลด์เดอร์ลงมาได้

สำหรับห้องน้ำส่วนกลางในชั้นนี้จะมีการแบ่งชาย – หญิง และพื้นที่ภายในกว้าง มีราวจับรอบๆ รองรับการใช้งานรถเข็นของผู้สูงอายุได้ค่ะ

Image 1/9
ชั้น 23

ชั้น 23

ชั้น 23 : เป็นชั้นที่มีผังเหมือนกับห้องพักอาศัยชั้น 22 เลยค่ะ โดยจะมีเพียง 14 ยูนิต เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว มีเพื่อนบ้านชั้นเดียวกันไม่เยอะ

ชั้น 24 – 31 : เป็นชั้น Typical ช่วง High Zone มีห้องพักอาศัย 31 ยูนิตต่อชั้น การวางผังจะเหมือนกับชั้น 2 – 21 เลยค่ะ แต่จะมีห้องพิเศษคือห้องแบบ 2 Bedroom Duplex เพิ่มเข้ามาค่ะ

มาถึงชั้นดาดฟ้า หรือชั้น 32 เป็นพื้นที่ Sky Facility ทั้งชั้นเลยค่ะ มีแนวคิดในการออกแบบเปรียบเสมือนยอดไม้ มีแสงแดดส่องถึง แบ่งออกเป็น 2 โซน ฝั่งซ้ายมือเป็นพื้นที่สวน และสนามเด็กเล่น ให้บรรยากาศเหมือนนั่งเล่นอยู่ในสวนที่มีความร่มรื่น เหมาะกับการพักผ่อน กินลมชมวิวเมืองรอบๆ ได้

อีกฝั่งหนึ่งเป็นโซนสำหรับออกกำลังกาย ประกอบด้วยสระว่ายน้ำ ยาว 38 เมตร และห้อง Fitness ขนาดใหญ่ บรรยากาศจะเป็นอย่างไรเราไปดูกันค่ะ

มาดูทางฝั่งสวนกันก่อนนะคะ ฝั่งนี้จะเน้นพื้นที่นั่งชมวิว และบรรยากาศสบายๆ โดยจะมีทางเดินที่คดเคี้ยวไปมา เหมือนเราเดินอยู่ในป่า มีไม้พุ่มสีสันสดใส ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

Facade อาคารเป็นซุ้มโค้งช่วยเน้นเป็นมุม Vista point ให้ออกไปยืนชมวิวได้

ถัดเข้าไปด้านในจะเจอกับพื้นที่สนามเด็กเล่น ซึ่งมีการออกแบบเล่นระดับได้ดูน่าสนใจ เหมือนกับอยู่ในธรรมชาติจริงๆ ค่ะ

Image 1/3
พื้นที่นั่งเล่นบริเวณสวนชั้น 32

พื้นที่นั่งเล่นบริเวณสวนชั้น 32

ด้านข้างเป็นโซน Floating nest แบ่งเป็นที่นั่งส่วนตัวเหมือนมีแปลนั่งพักผ่อนบนยอดไม้ ให้นอนเล่น นั่งเล่นชมวิว พร้อมกับ Solar Charger ชาร์จไฟโทรศัพท์มือถือไปด้วยได้เลย

Image 1/3
Playground

Playground

ส่วนสนามเด็กเล่นจะเป็นเหมือนกับ Rabbit Hole ให้น้องๆ หนูๆ ได้วิ่งเล่นปีนป่ายได้ โดยมีบ้านต้นไม้อยู่ด้านในให้ร่มเงา และเป็นจุดพักผ่อนสบายๆ

Image 1/4
ห้องน้ำส่วนกลางชั้น 32

ห้องน้ำส่วนกลางชั้น 32

มาดูอีกฝั่งหนึ่งกันบ้างนะคะ ฝั่งนี้จะเป็นโซนสำหรับออกกำลังกาย มีห้องน้ำให้เปลี่ยนชุด หรืออาบน้ำหลังออกกำลังได้ โดยภายในจะมีพื้นที่ล้างตัวก่อนลงสระว่ายน้ำ มี Locker เก็บสัมภาระ พร้อมห้องน้ำและห้องอาบน้ำค่ะ (ปัจจุบันกำลังมีการปรับปรุงอยู่เล็กน้อย)

สระว่ายน้ำเป็นสระระบบ เกลือ รูปทรง Free From ความกว้างตั้งแต่ 4.80 – 6.50 เมตร ยาวถึง 38 เมตร ลึก 1.20 เมตร สามารถว่ายออกกำลังกายได้จริงๆ ซึ่งบริเวณนี้สามารถมองเห็นวิวทางทิศใต้ได้ 180 องศาเลยค่ะ

วิวทางทิศใต้เป็นวิวเมืองฝั่งห้าแยกลาดพร้าว ไม่มีอาคารสูงมาบดบังสายตาเลยค่ะ

Image 1/6
Exercise Room

Exercise Room

โซนด้านหลังสระว่ายน้ำเป็นห้อง Fitness (Starry Gym) ที่มีความยาวพอๆ กับสระว่ายน้ำเลยค่ะ ห้องนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ เข้ามาแล้วจะเจอกับพื้นที่ Smart Technology Equipment หรือพื้นที่อเนกประสงค์ที่ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามใจ สามารถเล่น Yoga ได้ และมีอุปกรณ์เครื่องเล่นใหม่ๆมาให้ เช่น Reax Board, Reax Light และ Smart Mirror

โซนที่ 2 เป็นโซน Exercise Machine ที่ประกอบไปด้วย Treadmills และจักรยานพร้อมจอส่วนตัว ให้ออกกำลังกาย แบบ Cardio Training ได้

โซนที่ 3 เป็นโซน Weight Training สำหรับออกกำลังกายที่เน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ พร้อมอุปกรณ์ให้มาครบครัน ในบรรยากาศโปร่งสบาย จากห้องผนังกระจกที่เปิดให้เห็นวิวรอบข้างได้ชัดเจน

วิวทางทิศตะวันออกเป็นวิวเมืองฝั่งลาดพร้าว มองเห็นได้กว้างไม่มีอาคารสูงมาบดบังวิวค่ะ

วิวทางทิศเหนือ จะมองเห็นอาคารของกองปราบปรามที่อยู่ข้างๆ ซึ่งมีความสูงพอๆ กับโครงการ THE LINE พหลโยธิน พาร์ค เลยค่ะ แต่ไม่ถือว่าอยู่ในระยะที่ประชิดจนสามารถมองเข้ามาภายในห้องพักอาศัยได้

วิวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ สำหรับคนที่อยู่ทางทิศเหนือจะสามารถมองเห็นวิวฝั่งถนนพหลโยธิน และเส้นทางรถไฟฟ้าที่อยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือได้

Image 1/3
โถงลิฟต์ชั้นพักอาศัย

โถงลิฟต์ชั้นพักอาศัย

บรรยากาศบริเวณโถงลิฟต์ชั้นพักอาศัย

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1
  • สวนหย่อมที่ชั้น 1 Sansiri Backyard
  • Drop off
  • Lobby Lounge
  • Mail Room
  • Laundry
  • Retail
  • ชั้น 22
  • สวนหย่อมที่ชั้น 22
  • Co-Kitchen
  • Co-Living
  • Photo Studio
  • Co-Working
  • Workshop
  • Co-Playing
  • ชั้น Rooftop
  • สวนหย่อมที่ชั้นดาดฟ้า
  • สนามเด็กเล่น
  • สระว่ายน้ำระบบ เกลือ  ขนาด 4.80 – 6.50 x 38 เมตร ลึก 1.20 เมตร
  • มีการแบ่งสระเด็กลึก 0.50 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 15 เครื่อง
  • ลิฟต์โดยสาร 5 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 176 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 55 %
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card / Finger Scan

แบบห้อง

โครงการ THE LINE Phahonyothin Park (เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค) มีห้องพักอาศัยแบ่งเป็น 5 แบบ โดยส่วนใหญ่เป็นห้องประเภท 1 Bedroom ค่ะ เหมาะกับคนที่หาที่พักใกล้ที่ทำงานเดินทางสะดวก สำหรับคนที่เป็นครอบครัวสมาชิก 2 – 3 คน มีห้องใหญ่ 2 Bedroom และ 2 Bedroom Duplex ให้เลือกด้วยค่ะ

  • 1 Bedroom (S) พื้นที่ใช้สอยภายใน 32.00 – 33.00 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท
  • 1 Bedroom (M) พื้นที่ใช้สอยภายใน 36.00 – 37.00 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท
  • 1 Bedroom (L) พื้นที่ใช้สอยภายใน 39.00 – 41.00 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 58.75 – 66.75 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 6.99 ล้านบาท
  • 2 Bedroom (Duplex) พื้นที่ใช้สอยภายใน 81.50 – 82.25 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 9.99 ล้านบาท

จุดเด่น ของห้องพักอาศัยในโครงการนี้คือ

  • ห้องพักอาศัยขนาดใหญ่ โดย 1 Bedroom เริ่มต้นที่ 32 ตารางเมตร
  • ห้องหลายรูปแบบ ตอบโจทย์คนที่มีไลฟ์สไตล์หลากหลาย มีทั้งห้องที่มีระเบียงใหญ่, ไม่มีระเบียง, ห้องน้ำแยกฟังก์ชันแบบญี่ปุ่น, ห้องที่มี Bay Window เป็นต้น
  • ห้อง Duplex 2 ชั้นให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน

ภายในห้องพักอาศัยมีรูปแบบการขายแบบ Fully Fitted ภายในห้องได้ชุดครัว อ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้า 2 หัว, เครื่องดูดควันแบบดูดออก จาก MEX และสุขภัณฑ์ จาก COTTO ซึ่งวันนี้เราจะพาไปชมห้องตัวอย่างทั้ง 3 แบบ ดังนี้

  • 1 Bedroom ขนาด 36 ตารางเมตร :  ห้องครัวปิด ระเบียงขนาดใหญ่ Common Area กว้างทำให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่งสบาย
  • 1 Bedroom ขนาด 41 ตารางเมตร : ห้องขนาดใหญ่ ได้ครัวปิด มี Bay Window
  • 1 Bedroom ขนาด 32 ตารางเมตร : ห้องฟังก์ชันพิเศษ ห้องน้ำแยกเป็น 2 ฝั่ง ได้ครัวปิดติดระเบียงขนาดใหญ่

รายละเอียดภายในห้องจะเป็นอย่างไรเราไปชมกันเลยค่ะ

เริ่มกันที่ห้อง 1 Bedroom Type 1C ขนาด 36 ตร.ม. กันค่ะ แปลนของห้องนี้จะจัดวางให้มีพื้นที่นั่งเล่นอยู่ด้านหน้าห้อง สามารถวางโซฟา โต๊ะกลาง และโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งได้สบายๆ มีห้องครัวเป็นครัวปิดอยู่ทางด้านข้าง สามารถทำอาหารมีกลิ่น จริงจังได้ โดยจะแยกส่วนกับห้องนอนชัดเจน ไม่ต้องกลัวห้องมีกลิ่นอาหารเลยค่ะ

ส่วนห้องนอนจะอยู่ติดกับระเบียง แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนทีเดียวค่ะ ส่วนเตียงนอนจะอยู่ริมระเบียงขนาดใหญ่ สามารถวางเก้าอี้เล็กๆ สำหรับนั่งชมวิวที่ระเบียงได้ มีพื้นที่ Walk-in Closet แยกออกมาเชื่อมต่อกับห้องน้ำทำให้ใช้งานได้สะดวก โดยห้องน้ำจะแบ่งส่วนเปียก-แห้งชัดเจนพร้อมฉากกั้นกระจกมาให้เรียบร้อยค่ะ

  • ห้องนี้เหมาะกับอยู่ 1 – 2 คน ชอบห้องที่มีพื้นที่การใช้งานแยกส่วนกันชัดเจน ทำอาหารกินเอง ชอบพื้นที่ระเบียงกว้าง อาจจะเอาไว้ตั้งเครื่องซักผ้า ตากผ้าเอง หรือชอบนั่งเล่นสูดอากาศธรรมชาติด้านนอก เป็นต้น

ประตูห้องพักอาศัยเป็นประตูไม้ลามิเนต กว้าง 0.90 x 2.2 เมตร พร้อมติด Digital Door Lock จาก  COLT มาให้ซึ่งรองรับระบบสแกนลายนิ้วมือ, Keycard, Password และกุญแจสำรองได้

เข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วน Common Area ก่อนค่ะ ซึ่งจัดเป็นทั้งพื้นที่นั่งเล่น และรับประทานอาหารได้สบายๆ ภายในห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อไปยังห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อน Full Height 3 ตอน ทำให้ภายในห้องดูโปร่งเชื่อมต่อกัน อีกทั้งยังได้รับแสงธรรมชาติเข้ามาทั่วถึงภายในห้องอีกด้วยค่ะ

ห้องพักอาศัยมาตรฐานจะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.55 เมตร พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มิลลิเมตร ให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายเท้า เชื่อมต่อกันไปจนถึงห้องนอน ส่วนห้องครัวจะได้เป็นพื้นกระเบื้อง ทนน้ำและทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น

ห้องมาตรฐานทางโครงการจะไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์ Built-in ให้นะคะ เจ้าของห้องสามารถเลือกตกแต่ง เพิ่มเติมตู้รองเท้า หรือตู้เก็บของบริเวณด้านหน้าห้องได้ตามสไตล์ที่ตัวเองชอบเลยค่ะ

ห้องขนาด 36 ตารางเมตร สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งได้สบายๆ ไม่อึดอัดเลยค่ะ หรือใครที่ต้องทำงานที่บ้านจะจัดเป็นมุมโต๊ะทำงานอเนกประสงค์ไปด้วยก็สามารถทำได้

ซึ่งในคอนโดมิเนียมบางที่ไม่ได้มีพื้นที่รับประทานอาหารมาให้แยก จะต้องไปนั่งรวมที่เดียวกับโซฟาเลยค่ะ การเหลือพื้นที่ด้านข้างแบบนี้ทำให้เราสามารถจัดห้องได้ยืดหยุ่นมากขึ้นด้วย

ถัดมาจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นนะคะ โดยจะมีขนาดรวมถึงด้านหน้าประมาณ 2.55 x 3.60 เมตร สามารถวางโซฟา 2 – 3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลาง และ Built-in ชั้นวาง TV ได้สบายๆ มีพื้นที่เดินไปมาสะดวก

ระยะดู TV ประมาณ 2.50 เมตร สำหรับใครที่เป็นคอซีรีส์ ชอบดูหนังฟังเพลงที่อยู่ห้อง ก็สามารถเลือก TV ขนาดใหญ่ 55 นิ้วขึ้นไปได้เลยค่ะ

อีกฝั่งหนึ่งเป็นพื้นที่ติดกับห้องครัวนั่นเองค่ะ ข้อดีเลยก็คือความสะดวกในการทำอาหาร หรือเตรียมอาหารเสร็จแล้วก็สามารถเดินออกมารับประทานที่ห้องนั่งเล่นได้เลย โดยทางโครงการออกแบบมาให้เป็นครัวปิด ทำให้ช่วยลดกลิ่นที่จะฟุ้งกระจายภายในห้องเวลาเราทำอาหารลงได้ค่ะ

ประตูห้องครัวเป็นประตูกระจกบานเลื่อน Powder Coating สีดำ มีช่องระบายอากาศด้านบน ทำให้อากาศภายในครัวไม่อับจนเกินไป นอกจากนั้นยังมีเครื่องดูดควันช่วยดูกลิ่นอีกแรงหนึ่งค่ะ

ภายในห้องครัวมีพื้นที่วางตู้เย็นมาให้ค่อนข้างกว้างอยู่ที่ประมาณ 1 เมตร มีระยะที่สามารถยืนทำอาหารพร้อมกันได้สัก 2 คนค่ะ

เคาน์เตอร์ครัวเป็นแบบตัว I เหมาะสมกับพื้นที่ใช้สอย โดยห้องมาตรฐานที่ได้จะเหมือนกับในห้องตัวอย่างเลยค่ะ มี Top เคาน์เตอร์สีขาว และ Backsplash สีขาวด้านหลังลวดลายสวยงาม ทำความสะอาดง่าย พร้อมติดตั้งอ่างล้างจาน สเตนเลสทรงสี่เหลี่ยม, เตาไฟฟ้า 2 หัว และเครื่องดูดควันชนิดดูดอากาศออกมาให้ จากแบรนด์ MEX เป็นแบรนด์เครื่องครัวที่เป็นมาตรฐานอีกแบรนด์หนึ่ง เห็นได้ตามคอนโดมิเนียมหลายแห่งค่ะ

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ >> ทำความรู้จักกับวัสดุภายในครัว

ตู้เก็บของด้านล่างเคาน์เตอร์ครัวมีการออกแบบให้มีช่องสำหรับวางไมโครเวฟ ช่วยประหยัดพื้นที่เตรียมอาหารด้านบนเคาน์เตอร์ ด้านขวามีลิ้นชักใช้หยิบใช้ช้อน ส้อม แก้วน้ำหรืออุปกรณ์ต่างๆ ได้สะดวก ส่วนช่องใหญ่ใต้อ่างล้างจานมีถังขยะแบบเปิดอัตโนมัติติดตั้งมาให้ และสามารถเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดเพิ่มเติมได้ค่ะ

ส่วนด้านบนจะเป็นช่องเก็บของที่ไม่มีหน้าบานปิดมาให้นะคะ สามารถหยิบจานชามใช้งานได้สะดวก ส่วนช่องด้านขวาสุดจะมีบานปิดมาให้ พื้นที่ด้านหลังเป็นท่อดูดควันของเครื่องดูดควัน ทำให้เหลือพื้นที่สามารถเก็บของชิ้นเล็กๆ ได้

ประตูห้องนอนเป็นประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน Powder Coating สีดำเช่นกันค่ะ ซึ่งประตูแบบ 3 ตอนมีข้อดีคือเวลาเปิดจะทำให้มีพื้นที่กว้างกว่าแบบ 2 ตอน

ซึ่งห้องนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศภายในดูโปร่งเชื่อมต่อถึงกันเหมือนกับห้อง Studio รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะ แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวในห้องนอน ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวเพิ่มอาจติดผ้าม่านเพิ่มได้นะคะ

ภายในห้องนอนมีพื้นที่ประมาณ2.50 x 3.70 เมตร สามารถวางเตียงได้ถึง King Size เลยนะคะ ส่วนปลายเตียงจะเหลือพื้นที่เดินเล็กน้อย ใครจะติดตั้ง TV แนะนำให้เป็นแบบแขวนผนังจะมีที่เดินได้รอบเตียงสบายๆ

Image 1/2
พื้นที่ภายในห้องนอน

พื้นที่ภายในห้องนอน

ในห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุต มาให้ดูเป็นตัวอย่าง จะเหลือพื้นที่ด้านข้างสามารถทำโต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะข้างเตียง หรือโต๊ะทำงานเพิ่มเติมได้ทั้ง 2 ฝั่ง ฝั่งละประมาณ 1 เมตรค่ะ

Image 1/3
บริเวณระเบียง

บริเวณระเบียง

ห้องนอนจะเชื่อมต่อกับระเบียงนะคะ สามารถนอนมองวิวจากในห้องได้ ซึ่งระเบียงห้องนี้จะได้พื้นที่ค่อนข้างยาว ใช้สอยได้เยอะ โดยมีขนาด 0.90 x 4.30 เมตร แบ่งเป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้า ด้านใต้ Condensing units และพื้นที่นั่งเล่น วางกระถางต้นไม้ตกแต่งด้านนอกได้

พื้นที่ระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิก ขนาด 30 x 30 เซนติเมตร ทำให้ล้างทำความสะอาดได้ง่าย มีผนังทาสีเขียวตาม Concept ของโครงการเลยค่ะ

อีกส่วนหนึ่งเชื่อมต่อกับห้องนอนคือพื้นที่ Walk-in Closet นั่นเองค่ะ ซึ่งโครงการไม่ได้ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้นะคะ แต่จะมีช่องเว้าเข้าไปด้านในผนังทำให้ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้พอดีๆ ดูสวยงามเลย

บริเวณ Walk-in Closet เชื่อมต่อกับห้องน้ำทางด้านขวามือ อาบน้ำออกมาก็สามารถเลือกเสื้อผ้าแต่งตัวได้สะดวกเป็นสัดส่วน ไม่ต้องเดินข้ามไปมาภายในห้องค่ะ แต่ก็แลกกับเวลามีแขกมาหาแล้วต้องการเข้าห้องน้ำ จะต้องเดินผ่านห้องนอนของเราก่อน สำหรับคนที่ถือเรื่องเสียความเป็นส่วนตัวไปสักนิดนึงค่ะ

ภายในห้องน้ำตกแต่งด้วยกระเบื้องโทนสีครีม เพิ่มลูกเล่นเล็กน้อยบริเวณผนังส่วนอาบน้ำเป็นกระเบื้องลายไม้ แบบ Herringbone (ลายก้างปลา) ดูสวยงาม แบ่งส่วนเปียก-ส่วนแห้งชัดเจน มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อยเลยค่ะ

Image 1/3
กระจกเงาบานใหญ่พร้อมช่องเก็บของด้านล่าง

กระจกเงาบานใหญ่พร้อมช่องเก็บของด้านล่าง

ภายในห้องน้ำจะได้กระจกเงาพร้อมช่องเก็บของด้านล่างสำหรับวางยาสีฟัน แปรงสีฟัน โฟมล้างหน้าต่างๆ ให้หยิบใช้งานได้สะดวก ไม่ต้องติดช่องเก็บของเพิ่มเติม มีอ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม ติดตั้งมาให้แบบลอยตัว พร้อมโถสุขภัณฑ์ และสายชำระ จาก COTTO ค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นกระจกบานใหญ่สามารถเปิดได้กว้าง เป็นแบบไร้ขอบดูสวยงาม ติดตั้งมาให้แล้ว ช่วยกันไม่ให้น้ำกระเด็นออกมาเปียกส่วนแห้งเวลาอาบน้ำ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเองไปได้หลักพันปลายๆ ถึงหมื่นเลยค่ะ

มีพื้นที่ยืนอาบประมาณ 0.95 x 1.60 เมตร ถือว่าค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ ยืนอาบหมุนตัวได้สบายๆ ได้ฝักบัวสายอ่อน จาก COTTO  พร้อมชั้นวางของ และเดินงานระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อยแล้ว


ห้องตัวอย่างถัดมาเอาใจคนชอบพื้นที่ใช้สอยเยอะๆ กันบ้างกับห้อง 1 Bedroom Type 1 DM ขนาด 41 ตารางเมตรค่ะ แต่ว่าห้องตัวอย่างที่เราเก็บภาพมาให้ชมกันจะเป็นห้องที่อยู่ติดกับทางหนีไฟซึ่งจะมีขนาดลดลงมาอยู่ที่ 39 ตารางเมตรนะคะ ใครที่ชอบ Layout ห้องแบบนี้ ตำแหน่งอื่นมีให้เลือกถึง 41.25 ตารางเมตรค่ะ

ห้องนี้จะมีแปลนคล้ายกับห้อง 1 Bedroom 1C ที่เราพาไปชมกันตอนแรกเลยค่ะ แตกต่างกันตรงที่มี Bay Window มุมนั่งเล่นริมหน้าต่างเพิ่มขึ้นมา และมีตำแหน่งห้องน้ำสลับกับ Walk-in Closet ซึ่งภายในห้องสามารถจัดเป็นห้องนั่งเล่น โต๊ะรับประทานอาหาร และได้ครัวปิดเช่นกันค่ะ

  • ห้องนี้เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ อาจมีเพื่อนมาหาบ่อยๆ ทำอาหารกินเอง ชอบพื้นที่นั่งเล่นชิลๆ ริมหน้าต่าง ต้องการพื้นที่ระเบียงสามารถวางเครื่องซักผ้า และตากผ้าได้

ห้องนี้มีพื้นที่ใช้สอยภายในห้องมากขึ้นประมาณ 3 – 5 ตารางเมตรนะคะ ส่วน Common Area จะมีพื้นที่ 3.00 – 4.40 เมตรทำให้เมื่อยืนอยู่ภายในจะรู้สึกว่าโปร่งกว้างมากขึ้นกว่าห้องที่ผ่านมาค่ะ ซึ่งพื้นที่บริเวณ Common Area สามารถจัดเป็นห้องนั่งเล่น และพื้นที่รับประทานอาหารได้ถึง 4 ที่นั่ง เชื่อมต่อไปยังห้องนอนด้วยประตูบาน Full Height 3 ตอน รับแสงธรรมชาติเข้ามาทั่วถึงภายในห้องทั่วถึงเช่นกันค่ะ

ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.55 เมตร พื้นปูด้วยลามิเนตลายไม้หนา 8 มิลลิเมตรเหมือนกับห้องที่ผ่านมาเลย

บริเวณด้านหน้าห้องเหมาะกับการจัดเป็นห้องนั่งเล่นนะคะ สามารถวางโซฟา 2 – 3 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางได้สบายๆ ถ้า Built-in ชั้นเก็บรองเท้าเชื่อมต่อกับชั้นวาง TV ก็น่าจะเหมาะทีเดียวค่ะ ระยะดู TV ของห้องนี้ประมาณ 2.80 เมตร ดังนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องดู TV ใกล้ไปแล้วปวดตา เพราะว่าห้องนี้เหมาะกับ TV 55 – 60 นิ้วเลยค่ะ

ความจริงแล้วภายในห้องก็ไม่ได้จำกัดการใช้งานพื้นที่ข้างหน้าจะต้องเป็นห้องนั่งเล่นอย่างเดียวนะคะ ด้วยความที่มีพื้นที่เยอะ จึงสามารถเลือกวางเฟอร์ได้ตามความชอบของเจ้าของห้องเลย จะทำเป็นพื้นที่นั่งเล่นอยู่ด้านใน นั่งรับประทานอาหารติดกับทางเข้า หรือทำเป็นมุมทำงานก็ย่อมได้เช่นกันค่ะ

ในห้องตัวอย่างวางโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งมาให้ดู ซึ่งผู้เขียนคิดว่าห้องนี้ สามารถวางโต๊ะได้ถึง 4 ที่นั่งเลยค่ะ ซึ่งก็อาจจะเหมาะกับคนที่ชอบชวนเพื่อนๆ มากินข้าว ดูหนัง จัดปาร์ตี้กันได้เลย

ส่วนห้องครัวนั้นจะได้เป็นพื้นที่ครัวปิดเหมือนกับห้องที่แล้วเลยค่ะ โดยจะมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นมาให้ ช่วยกันไม่ให้กลิ่นจากการทำอาหารฟุ้งกระจายเข้ามาภายในพื้นที่พักผ่อนได้

ประตูห้องครัวเป็นประตูกระจกบานเลื่อน Powder Coating สีดำ มีช่องระบายอากาศด้านบน เช่นกันค่ะ

พื้นที่ในห้องครัวกว้างประมาณ 1.60 x 3.00 เมตร มีพื้นที่วางตู้เย็นด้านข้าง และสามารถยืนทำอาหารได้พร้อมๆ กัน 2 คนค่ะ ส่วนด้านขวามีผนังที่เว้าเข้าไปด้านในสามารถ Built-in ตู้เก็บของเพิ่มเติมได้นะคะ

เคาน์เตอร์ครัวเป็นแบบตัว I มี Top เคาน์เตอร์หินสังเคราะห์สีขาว และ Backsplash ด้านหลังมาให้ ทำความสะอาดง่าย พร้อมติดตั้งอ่างล้างจาน สเตนเลสทรงสี่เหลี่ยม, เตาไฟฟ้า 2 หัว และเครื่องดูดควันชนิดดูดอากาศออกมาให้ จากแบรนด์ MEX เรียบร้อยค่ะ

ตู้เก็บของชั้นล่างแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ด้านขวามือเป็นลิ้นชักเก็บ จาน ชาม ช้อน ส้อม และพื้นที่วางเครื่องไมโครเวฟนะคะ ส่วนตรงกลางเป็นลิ้นชักสำหรับใส่ขวดเครื่องปรุงต่างๆ และฝั่งซ้ายมือเป็นช่องเก็บของใต้อ่างล้างจานที่มีถังขยะติดตั้งมาให้ค่ะ

ส่วนชั้นบนจะเป็นชั้นเก็บของที่ไม่มีบานปิดมาให้ค่ะ เหมาะกับวางแก้วน้ำ เครื่องครัว ต่างๆ ให้สามารถหยิบใช้งานได้ง่าย

ประตูห้องนอนเป็นประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน Powder Coating สีดำเช่นกันนะคะ

ภายในห้องนอนมีพื้นที่ประมาณ 3.00 x 3.85 เมตร สามารถวางเตียง King Size ได้เลย ภายในห้องนอนจะได้ความโปร่งเป็นพิเศษจากประตูกระจกบริเวณระเบียง และกระจกเข้ามุมตรง Bay Window เพิ่มเติมเข้ามาด้วยค่ะ

ภายในห้องตัวอย่างวางเตียงขนาด 5 ฟุตให้ดูนะคะ มีพื้นที่ด้านข้างสามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ

Image 1/2
Bay Window

Bay Window

มาถึงมุมที่เป็น Highlight ของห้องนี้กันค่ะ บริเวณ Bay Window เรามักจะเห็นกันในบ้านแบบตะวันตก ไว้สำหรับนั่งพักผ่อนพร้อมกับชมวิวไปด้วยกันได้ค่ะ โดยคอนโดมิเนียมหลายแห่งก็มักออกแบบให้มีพื้นที่ตรงนี้เช่นกัน

สำหรับห้องนี้มีพื้นที่ Bay Window ประมาณ 0.95 x 1.40 เมตร สามารถวางโซฟาตัวเล็กๆ หรือทำเป็นมุมโต๊ะทำงานส่วนตัวก็เก๋ดีเหมือนกันนะคะ ได้กระจกเข้ามุมมองเห็นวิวได้กว้าง และมีแสงธรรมชาติเพียงพอ

Image 1/2
บริเวณระเบียง

บริเวณระเบียง

ระเบียงของห้องนี้ก็จะเหมือนกับในห้องที่แล้วเลยค่ะ แต่จะมีพื้นที่ประมาณ 0.95 x 3.50 เมตร ซึ่งเพียงพอสำหรับวางเครื่องซักผ้า ตากผ้าได้แล้ว ค่ะ

Image 1/2
Walk-in Closet

Walk-in Closet

ถัดมาเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ซึ่งสามารถกั้นปิดได้เป็นสัดส่วนเลยนะคะ ภายในมีพื้นที่ประมาณ 1.40 x 1.50 เมตร สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าติดผนังได้ ส่วนทางฝั่งขวามือจะเชื่อมต่อไปยังห้องน้ำ ทำให้เข้าใช้งานได้สะดวก ประตูห้องน้ำไม่รบกวนสายตาทั้งบริเวณห้องนอนและห้องนั่งเล่นค่ะ

ภายในห้องน้ำแบ่งส่วนเปียก-ส่วนแห้งชัดเจน ตกแต่งด้วยกระเบื้องโทนสีครีม เพิ่มลูกเล่นบริเวณผนังส่วนอาบน้ำเป็นกระเบื้องลายไม้  Herringbone มาให้เช่นกันค่ะ ซึ่งสุขภัณฑ์ภายในจะได้เหมือนกับห้อง 1 Bedroom อื่นๆ คือ กระจกเงาพร้อมช่องเก็บของด้านล่าง, อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม, โถสุขภัณฑ์ และสายชำระ จาก COTTO

พื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นกระจกบานใหญ่แบบไร้ขอบติดตั้งมาให้แล้ว

ส่วนพื้นที่อาบน้ำ มีขนาดประมาณ 0.95 x 1.50 เมตร ถือว่าค่อนข้างกว้างเช่นกันค่ะ ได้ฝักบัวสายอ่อน จาก COTTO พร้อมชั้นวางของด้านข้าง และเดินงานระบบรองรับการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นมาให้เรียบร้อย


ห้องสุดท้ายที่เราเก็บบรรยากาศมาให้ชมกันคือห้อง 1 Bedroom Type 1 BM ขนาด 32 ตารางเมตร ซึ่งเป็นห้องที่มี Layout แปลกใหม่ไม่ค่อยเจอในโครงการอื่นๆ นะคะ โดยจะมีห้องน้ำอยู่ด้านหน้าห้อง แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ทำให้สามารถใช้งานได้พร้อมกัน 2 คน พื้นที่ตรงกลางห้องเป็นส่วน Common Area จัดเป็นห้องนั่งเล่นและห้องนอนได้ คล้ายๆกับห้อง Studio ค่ะ

ส่วนที่เป็น Highlight เลยก็คือห้องครัวปิดขนาดใหญ่มากๆ ที่อยู่ติดกับหน้าต่างบาน Full Height สามารถแปลงเป็นระเบียง Semi-Outdoor ทำปิ้งย่าง ชาบูกินให้ห้องได้เลย โดยเปิดหน้าต่างระบายอากาศได้เต็มที่ มีพื้นที่ระเบียงเล็กๆ สำหรับวาง Condensing Units และเครื่องซักผ้า กั้นประตูปิดมาไว้ให้ค่ะ

  • ห้องนี้เหมาะกับคนที่ชอบความแปลกใหม่ ชอบห้องสไตล์ Studio ต้องการห้องครัวขนาดใหญ่สามารถทำอาหารได้จริงจัง หรือชอบชวนเพื่อนๆ มากินข้าวที่ห้องบ่อยๆได้เลย ชอบห้องน้ำที่สามารถเข้าพร้อมกันได้ 2 คน ไม่เน้นพื้นที่ระเบียง อาจจะอยู่กัน 1 – 2 คนค่ะ

Image 1/11
บรรยากาศภายในห้อง 1 Bedroom Type 1 BM ขนาด 32 ตารางเมตร

บรรยากาศภายในห้อง 1 Bedroom Type 1 BM ขนาด 32 ตารางเมตร

อ่านรีวิวห้อง 1 Bedroom ขนาด 32 ตารางเมตรแบบละเอียดได้ที่ >> รีวิว The Line พหลโยธิน พาร์ค (สำนักงานขาย)

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

แบบแปลน

แบบห้องในโครงการ THE LINE Phahonyothin Park (เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค) มีความหลากหลายแค่ไหน แบบไหนจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณผู้อ่าน เราไปดูกันเลยค่ะ

  • 1 Bedroom 32.00 – 41.00 ตารางเมตร 

Image 1/15
1A

1A

  • 2 Bedroom 58.75 – 82.25 ตารางเมตร 

Image 1/6
2A

2A

ราคา

THE LINE พหลโยธิน พาร์ค ราคา ณ วันที่ 25 มกราคม 2564

  • 1 Bedroom (S) พื้นที่ใช้สอยภายใน 32.00 – 33.00 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท
  • 1 Bedroom (M) พื้นที่ใช้สอยภายใน 36.00 – 37.00 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท
  • 1 Bedroom (L) พื้นที่ใช้สอยภายใน 39.00 – 41.00 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 4.49 ล้านบาท
  • 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอยภายใน 58.75 – 66.75 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 6.99 ล้านบาท
  • 2 Bedroom (Duplex) พื้นที่ใช้สอยภายใน 81.50 – 82.25 ตร.ม.
    ราคาเริ่มต้น 9.99 ล้านบาท

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.55 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินสังเคราะห์
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ MEX
  • มีรถกอล์ฟไปกลับ อาคารจอดรถ – โครงการ – วงเวียนด้านหน้าติดกับ Lotus’s
  • จอง 5,000 – 20,000 บาท
  • ทำสัญญา 20,000 – 40,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

บทสรุป

ทำเล :

THE LINE Phahonyothin Park (เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค) ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน ใกล้กับห้าแยกลาดพร้าว เป็นทำเลที่มีความอุดมสมบูรณ์ครบครันไม่ว่าจะเป็นแหล่งจับจ่ายใช้สอย มีศูนย์การค้า Hypermarket เช่น Lotus’s, เซ็นทรัล ลาดพร้าว ในระยะที่สามารถเดินไปได้ อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับอาคารสำนักงานบนถนนพหลโยธินและถนนวิภาวดีรังสิต สถานศึกษา และโรงพยาบาล นอกจากนั้นยังไม่ไกลจากสวนจตุจักร สวนรถไฟ ซึ่งถือว่าเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่บนทำเลที่เต็มไปด้วยสาธารณูปโภคครบเลย

การเดินทางโดยใช้รถ :

การเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวกทีเดียวค่ะเพราะอยู่ใกล้กับจุดตัดถนนหลายสาย สามารถใช้เข้า – ออกเมืองได้สะดวกไม่ว่าจะเป็นถนนวิภาวดีรังสิต ใช้เดินทางเข้าเมืองไปยังดินแดง ต่อเนื่องไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ หรือจะใช้เดินทางเพื่อออกไปยังรังสิตได้, ถนนพหลโยธิน เชื่อมต่อไปยังบางเขน ส่วนขาเข้าเมื่อผ่านห้าแยกนี้ไปก็จะเป็นโซนอารีย์ สะพานควาย และถนนลาดพร้าว เชื่อมไปยังบางกะปิ ลำสาลี และสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนรัชดาภิเษก ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราได้ แต่รถจะค่อนข้างติด ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางมากขึ้น

พูดถึงที่จอดรถของโครงการสามารถจอดได้ 55% บนอาคารจอดรถ สูง 16 ชั้น ด้านหลังโครงการ โดย THE LINE พหลโยธิน พาร์ค จอดรถได้ที่ชั้น  B1, 3A และ 3B  มีรถกอล์ฟรับ – ส่ง ภายในโครงการ – วงเวียน – อาคารจอดรถ ให้บริการตลอดทั้งวัน ถือว่าค่อนข้างสะดวกค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

การเดินทางด้วยรถสาธารณะ ก็ถือว่าสะดวกเช่นกัน เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้กับ รถไฟฟ้า BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว ระยะทางประมาณ 300 เมตร หรือจะเลือกเส้นรถไฟฟ้า MRT สถานีพหลโยธิน ก็ได้ มีระยะห่างจากโครงการประมาณ 650 เมตร นอกจากนั้นยังมี รถตู้ Taxi หรือวินมอเตอร์ไซค์ เรียกได้ง่ายไม่ต้องรอนาน

วัสดุ :

วัสดุพื้นที่ส่วนกลางของโครงการจะเน้นไปทาง Green design และ Sustainable โดยหลายๆ พื้นที่จะเลือกใช้วัสดุที่ทดแทนวัสดุจริงจากธรรมชาติ เช่นการนำเอาเศษหินมาทำเป็น Terrozzo ที่พื้นของส่วนกลางชั้น 22 เลือกใช้วัสดุทดแทนหินในห้อง Co-Kitchen Studio เป็นต้น

ภายในห้องพักอาศัยมีรูปแบบการขายเป็น Fully Fitted ได้ชุดครัว อ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้า 2 หัว, เครื่องดูดควันแบบดูดออก จาก MEX และสุขภัณฑ์ จาก COTTO พื้นลามิเนตหนา 8 มม. ผนังฉาบเรียบทาสีขาว สูง 2.55 เมตร ไฟดาวน์ไลท์ และกระจก Low-E

การออกแบบ :

การออกแบบโครงการนี้ถือว่าน่าสนใจทีเดียวค่ะ เพราะว่าถือว่า Concept ชัดเจนและสื่อออกมาได้ในทุกๆ พื้นที่ โดยแนวคิด “Magical tree” ถูกนำมาใช้การออกแบบอาคารให้มีลูกเล่นโค้งเป็นคลื่นคล้ายลวดลายตามธรรมชาติของไม้ ออกแบบให้ชั้น 1 เป็นบรรยากาศของรากต้นไม้ ถ้ำ และก้อนหิน ชั้น 22 ที่เป็นส่วนกลางแทนด้วยโพรงของต้นไม้ ที่มีสัตว์ต่างๆมาอยู่อาศัย และชั้น Rooftop เปรียบกับยอดของต้นไม้ที่จะมีแสงสว่างส่องถึง บรรยากาศโปร่ง โล่ง สบาย ซึ่งทำออกมาได้สวยงามน่าใช้งานเลยค่ะ

ส่วนห้องพักอาศัยนั้นถือว่าออกแบบ Layout มาได้เยอะมากๆ ทำให้ลูกค้าที่เลือกซื้อสามารถเลือกห้องที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้จริงๆ และตัวห้องเริ่มต้น 1 Bedroom ที่ทำออกมาค่อนข้างใหญ่ เริ่มที่ 32 ตารางเมตร จัดแบ่งพื้นที่ภายในได้เป็นสัดส่วน มีพื้นที่รับประทานอาหารแยก ได้ครัวปิด มีระเบียงให้เลือกหลากหลายรูปแบบ

สาธารณูปโภค :

สาธารณูปโภคภายในโครงการถือว่าให้มาครบครัน และหลากหลายเหมาะสมกับจำนวนยูนิต โดยจะแบ่งเป็น 3 ชั้น ชั้น 1 เป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักคอย Lobby Lounge และส่วน Service ไม่ว่าจะเป็น Mailbox, Laundry, Retail และสวน ชั้น 32 เป็นพื้นที่กิจกรรมร่วมกัน เช่น Co-living Lounge, Co-Playing Space, Co-Cooking Studio, Co-working space ประกอบด้วย Working Area, Photo Studio และ Meeting & Workshop Zone และพื้นที่สวนพักผ่อน Semi-Outdoor และที่ชั้นดาดฟ้า แบ่งเป็นโซนสวน และโซนออกกำลังกายที่มีทั้งสระว่ายน้ำและ Fitness เห็นวิวได้รอบด้าน


Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับช่วงราคาเฉลี่ยแบบทั้งโครงการ AVG 110,000 บาท/ตร.ม., 25 มกราคม 2564

  • ทำเล 8.75/10 – ทางเข้า-ออกติดถนนใหญ่ อุดมสมบูรณ์สูง สาธารณูปโภคครบครัน
  • เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – ใกล้ห้าแยกลาดพร้าว เดินทางสะดวกทั้งขาเข้า-ขาออกเมือง
  • ไม่ใช้รถ 8.5/10 – ใกล้รถไฟฟ้าสถานีห้าแยกลาดพร้าวในระยะ 300 เมตร
  • วัสดุ 7.25/10 – Fully Fitted ให้มาตามระดับราคา
  • แบบ 8.5/10 – ออกแบบได้น่าใช้งาน Concept ชัดเจน
  • สาธารณูปโภค 8/10 – ถือว่าครบครันหลากหลายเหมาะกับจำนวนยูนิต

  • UPPER CLASS
  • 8.35 / 10.00

THE LINE พหลโยธิน พาร์ค เหมาะกับใคร

โครงการ THE LINE พหลโยธิน พาร์ค เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใจกลางความอุดมสมบูรณ์ใกล้ห้าแยกลาดพร้าว เดินทางสะดวกทั้งรถยนต์ และรถไฟฟ้า ชอบคอนโดมิเนียมใกล้ห้างสรรพสินค้า อยู่กัน 1 – 2 คน หรือเป็นครอบครัวเล็ก ชอบแนวคิดการออกแบบที่เป็นธรรมชาติ ชอบใช้งานพื้นที่ส่วนกลางที่มีความหลากหลาย ต้องการตัวเลือกห้องพักอาศัยหลายรูปแบบ เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง ไม่ต้องการเฟอร์นิเจอร์ครบหรือต้องการออกแบบตกแต่งห้องได้เอง เป็นต้น มีงบประมาณระดับ 3.8 – 10 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 26,500 – 70,000 บาท/เดือน


ThinkofLiving มี LINE Official Account แล้วนะ
ไม่อยากพลาดข้อมูลข่าวสารก็ Add เลย > https://lin.ee/svACOxc