รีวิวโครงการ

รีวิวแบบห้อง Duplex โครงการ Laviq Sukhumvit 57 คอนโด High Rise ใกล้ BTS ทองหล่อ 100 เมตร จาก Real Asset

25 ตุลาคม 2021

อ่านรีวิวล่าสุด

LAVIQ สุขุมวิท 57

รีวิวฉบับที่ 1972 …  โครงการ Laviq สุขุมวิท 57 เป็นอีกคอนโดมิเนียมระดับหรูในทำเลทองหล่อที่มีความน่าสนใจในเรื่องของทำเล ที่อยู่ในซอยสุขุมวิท 57 ห่างจาก BTS ทองหล่อ 260 เมตร โดยมี Sky Walk จาก BTS มายังหน้าซอย และการออกแบบที่นำเอา Fashion Brand อย่าง Fendi Casa มาผสมผสาน รวมมูลค่าตกแต่งพื้นที่ส่วนกลางกว่า 70 ล้านบาท ส่วนภายในห้องพักอาศัยได้วัสดุและเครื่องใช้ไฟฟ้าจากแบรนด์ชั้นนำอย่าง Kuppersbusch, Villeroy & Boch , Gessi เป็นต้น ห้องเริ่มต้นของที่นี่จะเริ่มที่ 1 Bedroom 42.00 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 10.9 ล้านบาทค่ะ

Fact @ 24 OCTOBER 2019

  • LAVIQ Sukhumvit 57 (ลาวีค สุขุมวิท 57)
  • บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
  • SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนสุขุมวิท เขตวัฒนา
  • ที่ดินประมาณ 2-1-65 ไร่
  • คอนโด High Rise 33 ชั้น 1 อาคาร 235 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 11 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 235 คัน รวมจอดซ้อนคันและ Super Car 8 คัน
  • เริ่มก่อสร้าง : Q2 2560
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4 2562 ปัจจุบันโครงการสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ – Update 30/07/2021
  • 1 Bedroom 42 – 45 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10.9 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 79 – 91 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท
  • 3 Bedrooms 115 – 144 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท
  • Duplex 92 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท
  • Penthouse 244 – 357 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 3.00 เมตรมาพร้อม Sculptural อีกจุดที่เป็นจุดที่แสดงให้พื้นที่ภายนอกเห็นถึงเอกลักษณ์ของโครงการครับ
  • ราคาห้องเริ่มต้น 10.9 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 260,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1232

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.724425, 100.580316
หรือสามารถคลิกที่นี่

map

แผนที่จากทางโครงการค่ะ

โครงการ Laviq สุขุมวิท 57  ตั้งอยู่ในทำเลย่านทองหล่อ อยู่ในซอยสุขุมวิท 57 ซึ่งมีลักษณะเป็นซอยตัน ทำให้บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความพลุกพล่าน ไม่มีรถยนต์วิ่งเข้า-ออก ไป-มามากนัก และไม่มีเส้นทางลัดภายในซอย จากที่ตั้งโครงการสามารถเข้าถึงซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) และสุขุมวิท63 (ซอยเอกมัย) ได้ไม่ยาก ซึ่งสามารถเดินไปได้ในระยะ 200-800 เมตร  บรรยากาศภายในซอยเองส่วนมากก็จะเป็นบ้านพักอาศัย ประเภท อาคารตึกแถว มีเปิดเป็นร้านค้าบ้างบางส่วน มีอาคารสำนักงาน และโรงแรม 8 ชั้น ติดกับพื้นที่โครงการ ปากซอยมีโรงแรมขนาดใหญ่ ที่เหลือก็จะเป็นพื้นที่บ้านพักอาศัยส่วนบุคคล ตัวที่ตั้งโครงการอยู่ในตำแหน่งที่เข้าถึงไม่ยาก สามารถเข้าจากถนนสุขุมวิทได้โดยตรงเลยค่ะ

โดยถนนสุขุมวิทนี้เป็นถนนสายหลักที่สำคัญของกรุงเทพฯ ถ้าใช้เส้นทางมุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออกจะสามารถไปยังอ่อนนุช, บางนา ได้ หรือถ้าใช้เส้นทางไปยังฝั่งตะวันตกจะสามารถเชื่อมต่อไปยังย่าน CBD อย่างเพลินจิต หรือแหล่งช้อปปิ้งยอดฮิตของวัยรุ่นอย่างสยามได้เลย จากที่ตั้งโครงการถ้ากลับรถไปทางซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคู่จะมีซอยสุขุมวิท 42 , 40, 38 และสุขุมวิท 36 ที่เชื่อมต่อไปยังถนนพระราม 4 ได้ส่วนในซอยฝั่งเลขคี่อย่างซอยทองหล่อและซอยเอกมัย ท้ายซอยจะไปบรรจบกับถนนเพชรบุรีซึ่งเราสามารถใช้เส้นทาง ไปยังอโศก ประตูน้ำ ราชเทวี พญาไทได้ หรือออกเมืองไปยังถนนพัฒนาการได้ นอกจากนี้จากซอยทองหล่อ ซอยเอกมัยก็เป็นเส้นทางจากถนนพระราม 9 ไปออกยังถนนสุขุมวิท ที่เป็นถนนเส้นหลัก จึงมีการจราจรค่อนข้างติดทั้งในช่วงเช้าและช่วงเย็นจนถึงค่ำ อาจจะทำให้ต้องเผื่อเวลาในการเดินทางมากขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องรู้เส้นทางลัด ซอยต่างๆเพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง เช่นใช้ซอยทองหล่อ10 ไปเชื่อมกับซอยเอกมัย 12 ไปออกซอยสุขุมวิท71 หรือ ซอยปรีดี พนมยงค์ได้

สำหรับใครที่ต้องการใช้ทางด่วน ก็จะมีทางด่วนที่สามารถเดินทางไปขึ้นได้ง่ายอยู่ 2 เส้นทาง ดังนี้

  • ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ (ทางพิเศษฉลองรัช) ซึ่งทางขึ้นอยู่บริเวณใกล้กับคลองพระโขนง โดยจากโครงการออกมายังถนนสุขุมวิทและขับมุ่งหน้าไปยังอ่อนนุช ก็จะสามารถไปใช้ทางด่วนนี้เพื่อไปยังรามอินทราได้ ระยะทางประมาณ 2.6 กิโลเมตรเท่านั้นเอง
  • ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ให้ไปกลับรถเข้าซอยสุขุมวิท 40 เข้ามายังถนนพระราม 4 และเข้าถนนกล้วยน้ำไทไปยังถนนอาจณรงค์เพื่อขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานคร ระยะทางจากโครงการประมาณ 3.3 กิโลเมตรค่ะ

e6_update

สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ ถือว่าสะดวก เพราะโครงการอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าทองหล่อ สามารถเดินได้ในระยะประมาณ 260 เมตรค่ะ และในปัจจุบันได้มีทางเดิน Sky Walk ที่เดินจากสถานีทองหล่อมาลงยังหน้าซอยสุขุมวิท 59 ได้เลยซึ่งเปิดให้ใช้กันแล้วค่ะ สำหรับทางขึ้นลงรถไฟฟ้าเราลงทางออกที่ 3 จะใกล้ที่สุดโดยจะลงทางฝั่งปากซอยทองหล่อ เดินตรงมาจากสถานีมุ่งหน้าไปทางปากซอยทางหล่อ เดินข้ามปากซอยทองหล่อไปถึงปากซอยสุขุมวิท 57 ระยะทางประมาณ 140 m. แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 57 เดินตรงมาตามถนนซอยประมาณ 120 m.

นอกจากนั้นหน้าซอยสุขุมวิท 57 เองก็มีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ด้วยค่ะ ใครที่ทำงานแถวนี้ไม่ต้องนั่งรถไฟฟ้าก็นั่งวินไปได้เลย นอกจากนั้นยังมี รถประจำทาง ซึ่งจะมีป้ายอยู่ด้านหน้าติดถนนสุขุมวิทเป็นระยะๆอยู่แล้ว หรือใครชอบเรียกรถ Taxi หรือเรียกผ่าน Application ก็รอไม่นานค่ะ เนื่องจากเป็นถนนที่มีผู้คนใช้บริการกันมากอยู่แล้ว

แหล่งความอุดมสมบูรณ์ในทำเลนี้ ถือว่าเป็นทำเลยอดฮิตโดยเฉพาะซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) และสุขุมวิท 63 (ซอยเอกมัย) ที่จัดให้เป็นหนึ่งในทำเลที่มีค่าครองชีพและราคาที่ดินสูงที่สุดทำเลหนึ่งของกรุงเทพมหานคร ทำเลนี้มีครบทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย ธุรกิจการค้า แหล่งท่องเที่ยว ช้อปปิ้งและร้านอาหารระดับ Hi-end มากมาย มีความคึกคักทั้งในเวลากลางวันและมีสีสันมากขึ้นในเวลากลางคืน เป็นแหล่งรวมของร้านอาหาร Community Mall ที่เน้น Lifestyle อย่างเช่น Park Lane, The Taste, The Commons , J Avenue เป็นต้น

นอกจากร้านอาหารและแหล่งช้อปปิ้งแล้วยังมีสาธารณูปโภคพื้นฐานอย่างโรงเรียน, โรงพยาบาล และสวนสาธารณะอยู่ใกล้เคียง เช่น โรงเรียนนานาชาติ Ekkamai International School, St.Andrews International School, โรงพยาบาลคามิลเลียน, โรงพยาบาลไทยคริสเตียน และ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท เป็นต้น

สำหรับใครที่มองหาห้างสรรพสินค้าให้เดินเล่นในวันหยุด ก็ไม่ต้องไปไหนไกลเพราะมี 2 ห้างใหญ่ในย่านไว้รองรับเรียบร้อย ทั้ง Major Cineplex เอกมัย ห้างเก่าแก่ในย่านนี้ที่เน้นไปที่โรงภาพยนต์ในชั้นบน และมีร้านอาหารแบรนด์ต่างๆ ในชั้นล่างให้ได้เลือกกิน ซึ่งจะไม่ได้เน้นไปที่ของแพงมากนัก ส่วนใหญ่คนที่เดินภายในจะเป็นวัยนักเรียน นักศึกษาในย่านค่อนข้างเยอะ หากใครไม่ชอบความวุ่นวายก็ขยับมาที่ Gateway เอกมัย ห้างที่เน้นเอาใจชาวญี่ปุ่น ด้วยสไตล์และร้านค้า ร้านอาหารภายในที่มีกลิ่นอายญี่ปุ่นชัดเจน ที่เป็นแบบนี้เพราะย่านเอกมัย-ทองหล่อปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นอีกย่านดังของชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงาน หรืออาศัยอยู่ในประเทศไทย และหลักๆ ที่เห็นเยอะเลยคือชาวญี่ปุ่นนี่เองค่ะ

การเดินทาง

laviq-map-%e0%b9%80%e0%b8%aa%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b2%e0%b8%87

การเดินทางที่เราจะพาไปชมวันนี้เป็นเส้นทางเดินจากรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ เส้นทางเดิมนะคะ แต่เราจะพาไปดูบรรยากาศรอบๆว่ามีความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง โดยเราเลือกลงทางออกหมายเลข 3 ทางค่ะ เดินตรงมาจากสถานีมุ่งหน้าไปทางปากซอยทางหล่อ เดินข้ามปากซอยทองหล่อไปถึงปากซอยสุขุมวิท 57 ระยะทางประมาณ 140 m. แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 57 เดินตรงมาตามถนนซอยประมาณ 120 m. จะเห็นที่ตั้งโครงการทางขวามือค่ะ

ลงจากสถานีทองหล่อ ให้เรามองหาทางออกที่ 3 ค่ะ ซึ่งบริเวณทางออกก็จะมีร้านค้าขายน้ำ ขนม ต่างๆให้ได้เลือกช้อปกันก่อนกลับบ้านได้

เดินมาตรงทางแยกจะเจอกับร้านสะดวกซื้อ Lawson 108 ซึ่งจะสังเกตได้ว่าด้านข้างมีทางเชื่อม Sky Walk ซึ่งจะเป็นทางเดินไปลงหน้าซอยสุขุมวิท 57 ได้ค่ะ แต่วันที่เรามาเก็บบรรยากาศเขายังไม่ได้เปิดให้ลงฝั่งซอยสุขุมวิท 57 นะคะ เราจึงต้องพาไปเดินด้านล่างกันก่อน

สำหรับ Sky Walk นี้จะไปเชื่อมเข้ากับอาคารสำนักงาน T-One อาคารสำนักงานเกรด A จาก อิชิตัน กรุ๊ป ซึ่งจะมีทั้งพื้นที่ Retail, ร้านอาหาร Food court, ร้านกาแฟ, ธนาคารและ Co-working Space อยู่ด้านใน

บรรยากาศบริเวณ Sky Walk เมื่อมองไปยังซอยทองหล่อค่ะ

เดินลงมาจากสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ ก็จะเจอกับร้านขายของริมทางเยอะแยะมากมายเลย

ซึ่งทางที่เราจะไปต้องเดินไปทางฝั่งซอยทองหล่อค่ะ

ลงมาแล้วจะเจอกับร้านอาหารและคาเฟ่ ใครที่อยู่โครงการนี้แล้วกลับ BTS ละก็ไม่อยากเสียเวลาทานข้าวที่อื่นก็แวะทานก่อนกลับโครงการได้เลยค่ะ

มีร้านที่แวะทานง่ายๆอย่าง Subway ให้เลือกด้วย

เราจะข้ามถนนสุขุมวิท55 (ซอยทองหล่อ) เพื่อไปยังโครงการ ซึ่งด้านหน้าซอยก็มีทางม้าลายและสัญญาณไฟจราจรเพื่อความปลอดภัยในการข้ามถนน (แอบมองเห็น Sky Walk ด้านบนด้วย)

ข้ามมาแล้วจะเป็นทางเดินกว้างประมาณ 2 เมตรเดินได้สบายๆ ริมถนนสุขุมวิทฝั่งนี้ก็มีร้านค้าร้านอาหารตลอดเส้นทาง รวมถึงร้านสะดวกซื้ออย่าง 7-Eleven ก่อนถึงซอยสุขุมวิท 57 ด้วยค่ะ

เดินต่อมาจะเจอกับซอยสุขุมวิท 57 ซึ่งเป็นซอยที่ตั้งโครงการ ภายในซอยส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารและที่พักอาศัย และที่อยู่ด้านหน้าซอยเลยก็คือ โรงแรม Marriott Executive Apartments Bangkok

บริเวณด้านหน้าปากซอยสุขุมวิท 57 จะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการอยู่

ซึ่งด้านหลังวินก็จะเป็นจุดทางลงของ Sky Walk นั่นเองค่ะ ซึ่งตอนนี้คาดว่าเปิดให้ใช้บริการกันแล้ว เย้

บรรยากาศภายในซอยค่อนข้างเงียบสงบ มีรถผ่านไป-มาอยู่บ้างแต่ไม่หนาแน่นค่ะ และข้อดีของซอยนี้ก็คือมีทางเท้าให้เดินไปจนถึงโครงการเลยค่ะ

เดินตรงเข้ามาในซอยสุขุมวิท 57 ทางซ้ายมือจะเป็นอาคารพาณิชย์ ชั้นล่างจะเป็นร้านขายอาหารญี่ปุ่น ซึ่งจะเปิดช่วงเที่ยงๆไปจนถึงตอนค่ำ ส่วนตอนเช้าบริเวณตรงนี้จะเป็นตลาดสดเล็กๆ มีของสดมาตั้งขาย

เดินเข้ามาประมาณ 100 เมตรก็จะเห็นโครงการทางฝั่งขวามือแล้วค่ะ

ภายในซอยสุขุมวิท 57 ถนนซอยจะเป็นถนนสองเลนสวนทางกัน แต่ส่วนมากจะมีคนนำรถมาจอดไว้ด้านหนึ่ง แต่ก็ยังมีพื้นที่พอที่รถจะสวนกันได้อยู่ค่ะ

เดินเข้ามาอีกนิดก็จะเห็นทางเข้าโครงการอยู่ทางขวามือค่ะ

สภาพแวดล้อม

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

โครงการ Laviq สุขุมวิท 57 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 57 ซึ่งเป็นซอยตันทำให้บรรยากาศรอบๆค่อนข้างเงียบสงบ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ก็แลกกับการเดินทางสำหรับคนที่ใช้รถจะต้องออกทางเดียวคือถนนสุขุมวิทค่ะ โครงการมีทางเข้า-ออกอยู่ทางทิศตะวันตก สภาพแวดล้อมในระยะใกล้เคียงส่วนใหญ่เป็นอาคารพักอาศัย สูง 2-4 ชั้น และมีอาคารสูงที่มองเห็นในระยะประมาณ 100 เมตร คืออาคาร Le Premier 2, 59 Heritage Condominium , Shanti Sadan ทางทิศตะวันออก และ Marriott Executive Apartments Bangkok ทางทิศใต้ และในอนาคตจะมีอาคาร The Strand สูง 30 ชั้นขึ้นมาในระยะที่ค่อนข้างใกล้ ทางทิศตะวันตกค่ะ ส่วนทางทิศเหนือนั้นส่วนใหญ่จะเป็นวิวเมืองที่มีอาคารสูง คือ Fifty-Fifth Tower มีวิวเปิดโล่งให้เห็นค่ะ

จากภาพแสดงตำแหน่งของอาคารข้างเคียงที่ติดกับโครงการ ตามทิศได้ดังนี้

  • ทิศเหนือ ติดกับ Hotel boutique สูง 8 ชั้น และบ้านพักอาศัย สูง 2 ชั้น เห็นวิว Fifty-Fifth Tower, วิวเมืองเปิดโล่ง
  • ทิศตะวันออก ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 2-3 ชั้น เห็นวิว อาคารสูงอยู่ในระยะไกล
  • ทิศใต้ ติดกับ บ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น เห็นวิว Marriott Executive Apartments Bangkok
  • ทิศตะวันตก ติดกับ ถนนซอยสุขุมวิท 57 เลยถัดไปเป็นอาคารตึกแถว สูง 2-4 ชั้น เห็นวิว The Strand สูง 30 ชั้น(ในอนาคต)

วิวทางทิศตะวันออก ความสูงชั้น 30 มุมมองออกไปบริเวณสุขุมวิท ซอย 59 จะเห็นอาคารสูงอยู่พอสมควรแต่ก็ไม่ได้อยู่ในระยะประชิดกับโครงการ

วิวทางทิศตะวันตก ชั้น 29 มองไปทางฝั่งสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ มองเห็นอาคารสูงอยู่ไกลๆ

วิวทางทิศใต้ ชั้น 30 มองเห็น Marriott Executive Apartments Bangkok แต่ยังมีมุมที่เห็นวิวเปิดโล่งอยู่ค่ะ

วิวทางทิศเหนือ ชั้น 27 มองไปทางซอยทองหล่อ จะมีอาคารสูงเพียงอาคารเดียวคือ คอนโด Fifty Fifth Tower ที่อยู่ในระยะสายตา ที่เหลือจะเป็นวิวเปิดโล่งของย่านชุมชนในซอยทองหล่อ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit ∼ 120 m.
  • ท้องฟ้าจำลอง ∼ 450 m.
  • โรงเรียนรร.นานาชาติ Bangkok Prep ∼ 500 m.
  • โรงพยาบาลสุขุมวิท ∼ 1 km.
  • Rain Hill ∼ 1 km.
  • Parklane Ekkamai ∼ 1.1 km
  • J Avenue ∼ 1.6 km.
  • Emquartier ∼ 1.6 km.
  • Emporium ∼ 1.6 km.
  • The Commons ∼ 1.7 km.
  • โรงพยาบาลเทพธารินทร์ ∼ 1.7 km.
  • โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท ∼ 1.9 km.
  • มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ∼ 2 km.
  • โรงพยาบาลคามิลเลียน ∼ 2.1 km.
  • โรงเรียนนานาชาติเอกมัย ∼ 2.2 km.
  • มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ∼ 2.3 km.
  • K Village ∼ 2.9 km.
  • W District ∼ 3.6 km.


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ LAVIQ สุขุมวิท 57 ซึ่งคำว่า LAVIQ มาจาก Lavish ที่แปลว่าหรูหรา + Unique เป็นคอนโด High Rise สูง 33 ชั้น 235 ห้อง บนพื้นที่ 2-1-65 ไร่ ที่มีแนวคิดในการออกแบบสถาปัตยกรรมภายนอกจากแบรนด์แฟชั่น Fendi Casa โดยยอดของอาคารมาจากผ้าพันคอของผู้หญิงนั่นเองค่ะ โดยได้ Palmer and Turner มาเป็นผู้ออกแบบงานสถาปัตยกรรม ในส่วนงานตกแต่งภายใน ออกแบบโดย DWP และ งานภูมิสถาปัตยกรรม ออกแบบโดย Shma

พื้นที่ส่วนกลางของโครงการจะกระจายอยู่ตามชั้นต่างๆ เริ่มที่ชั้น 1 มีสวนต้อนรับด้านหน้า,  Lobby โถงสูง 5.80 เมตร เชื่อมต่อไปยัง Library & Meeting room และ Lobby Lounge และชั้น 6 เป็นพื้นที่สวนสำหรับนั่งเล่นชมวิวพร้อมบรรยากาศน้ำไหลผ่าน และที่ชั้น 29-30 เป็นชั้นที่รวม Sky Facility ไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำ, Kid Rock Climbing, Sky Deck, Pantry Terrace, Social Club, Executive Lounge & Meeting room, Fitness Etc.  ภายในโครงการยังได้มีการนำเอาเฟอร์นิเจอร์จาก Fendi Casa เข้ามาตกแต่ง รวมมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท ซึ่งบรรยากาศภายในจะเป็นอย่างไรวันนี้เราจะพาไปชมกันค่ะ

ภาพบรรยากาศยอดอาคารที่มีแนวคิดมาจากผ้าพันขอของผู้หญิงสไตล์ Fendi Casa

มาดูที่ผังชั้น 1 กันก่อน ตัวอาคารจะอยู่ค่อนไปทางด้านหลังของที่ดินทำให้ด้านหน้าสามารถทำเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ช่วยบังสายตาจากด้านนอกได้ การจัดเส้นทางเดินรถออกแบบเส้นทางเดินรถสองเลนสวนทางกันภายในโครงการแต่ไม่สามารถวนรอบอาคารได้นะคะ สำหรับคนที่ต้องการจอดรถจะต้องใช้ทางลาดขึ้นไปที่จอดรถทางด้านข้างโครงการ ซึ่งลานจอดรถจะอยู่ที่ชั้น 2-5 รวมจอดซ้อนคันแล้วจอดได้ประมาณ 235 คัน เลยค่ะ โดยแบ่งเป็นที่จอดรถ Super Car ชั้น1 อยู่ที่ 8 คัน และมีช่องจอดสำหรับ EV Charger ให้บริการสำหรับรถที่ใช้ไฟฟ้าอยู่ด้านข้าง

เมื่อเข้าอาคารมาแล้วจะเจอกับโถง Lobby ก่อนซึ่งจะเป็นพื้นที่ที่มีพนักงานต้อนรับอยู่และเป็นตัวแจกไปยังห้อง Library & Meeting room และ Lobby Lounge  เชื่อมไปยังโถงลิฟต์ค่ะ ซึ่งทางโครงการมีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว และลิฟต์ Service 1 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 78 : 1 ถือว่าไม่มากไม่น้อยเกินไปสำหรับโครงการระดับนี้ค่ะ

วันที่เราเข้าไปเก็บข้อมูลยังมีการปรับปรุงทัศนียภาพด้านหน้า และรอบๆโครงการที่ชั้น 1 อยู่เราจึงยังไม่ได้เก็บภาพพื้นที่สีเขียวด้านหน้าโครงการมาให้ดูนะคะ ซึ่งสวนด้านหน้าจะเป็นงานออกแบบโดย Shma ซึ่งเป็นบริษัทภูมิสถาปัตย์ที่มีชื่อเสียงทีเดียวค่ะ เน้นการออกแบบให้มีพื้นที่สูง-ต่ำ เล่นระดับเป็น Sanctuary Hills and garden ช่วยบังสายตาจากภายนอกให้คนที่อยู่ด้านในเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ถัดมาบริเวณ Drop Off จะมี Sculpture สีเงินอยู่ด้านหน้าเชื่อมต่อกับพื้นที่ Foyer ซึ่งบริเวณนี้จะมีหลังคาคลุมให้คนที่เข้าอาคารไม่เปียกฝนและโดนแดดค่ะ

ที่บริเวณ Foyer ก็จะมีพื้นที่สำหรับ Door Man Service ก่อนเข้าสู่  Lobby

เข้ามาภายใน Lobby เป็นห้องโถงสูง 5.80 เมตร ผนังด้านข้างเป็นกระจกทั้งหมดทำให้มีความโปร่ง ตรงนี้จะมี Concierge Service คอยบริการด้วยค่ะ ภายในห้อง Lobby ตกแต่งด้วยหินจริงทั้งหมดซึ่งแต่ละชนิดจะมีลวดลายที่แตกต่างกันไป ดังนี้

  • พื้น Lobby (ภาพซ้ายบน) เป็นหิน White Venato สลับกับ Copper Bronze
  • เสาหินจริง (ภาพขวาบน) เป็นหิน Black Marquina / กระจกผนังลาย Antique
  • โต๊ะห้อง Library (ภาพซ้ายล่าง) หิน Toronto Brown
  • ฐานเปียโน (ภาพขวาล่าง) หิน Black Marquina

ภายในโถง Lobby จะเป็นพื้นที่แจกไปยังห้อง Library & Meeting room และ Lobby Lounge

เรามาดูส่วนของ Library กันก่อนค่ะ บริเวณนี้จะเป็นพื้นที่นั่งเล่น อ่านหนังสือหรือพักคอย มีพื้นที่ให้เลือกนั่งได้หลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นโต๊ะรวมตรงกลาง หรือชุดโซฟา ที่เป็นส่วนตัว ซึ่งจะมีการตกแต่งด้วยหินจริง และลวดลายสีทองทั้งของเสา ประตูหน้าต่างและฝ้าเพดานที่ได้แสงธรรมชาติเข้ามาด้วยค่ะ

บริเวณนี้ยังเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่สามารถมองเห็นวิวสวนด้านหน้าโครงการได้ชัดเจนที่สุด เหมาะกับการพักผ่อน ซึ่งถ้าใครมีภาพบรรยากาศตอนที่สวนแล้วเสร็จก็มา Comment บอกกันข้างล่างได้นะคะ ^^

เชื่อมต่อกับส่วน Library จะเป็นห้อง Meeting Room ที่แยกออกมามีความเป็นส่วนตัว

ภายในห้องจะเป็นพื้นที่นั่งประชุมแบบจริงจังสามารถนัดเพื่อน หรือลูกค้ามาประชุมได้ค่ะ

ถัดมาจะเป็นพื้นที่นั่งอ่านหนังสือ Outdoor เชื่อมต่อกับสวนสำหรับคนที่ชอบอากาศธรรมชาติ จะมาอ่านหนังสือพิมพ์ตอนเช้าๆ หรือนั่งอ่านหนังสือเล่นก็ได้ค่ะ

ต่อมาเราจะไปดู Lobby Lounge กันค่ะ ซึ่งจะมีช่องทางเข้าที่สูงถึง 5.80 เมตร ให้ความรู้สึกเป็น Grand Lobby ที่มีหรูหราทีเดียว

เข้ามาภายในห้องนี้จะมีจุดเด่นเป็นเปียโนที่อยู่กลางห้อง และชุดโซฟาครึ่งวงกลมทั้ง 2 ชุดค่ะ ซึ่งภายในโครงการอย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าได้มีแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่าง Fendi Casa ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ในพื้นที่ส่วนกลางก็มาจากแบรนด์นี้ค่ะ

มาทำความรู้จักกับ Fendi Casa กันสักหน่อยสำหรับคนที่ไม่รู้จัก แบรนด์ Fendi Casa เป็นแบรนด์แฟชั่นระดับหรูจากอิตาลี ซึ่งเริ่มมาจากกระเป๋า และค่อยต่อยอดมาเป็นเฟอร์นิเจอร์ค่ะ   ซึ่งบริษัทมีแนวคิดว่าจะ แต่งตัวให้กับบ้าน เหมือนกับที่ได้ออกแบบเครื่องแต่งกายให้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย โดยจะโดดเด่นในการใช้วัสดุตัดเย็บอย่าง ผ้า, หนัง โดยจะเป็นงาน Hand made ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ทุกตัวของ Fendi Casa จะมีสัญลักษณ์ FF และ Horse Print อยู่ด้านข้างทุกตัวค่ะ

อย่างชุดโซฟาครึ่งวงกลมตัวนี้จาก Fendi Casa ทางโครงการแอบกระซิบมาว่ามูลค่าเกือบๆ 3 ล้านบาทเลยทีเดียวค่ะ

รวมถึงเปียโนที่อยู่ตรงกลางห้องก็เป็นเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ Fendi Casa ที่บุด้วยหนังรอบตัวเปียโนเลย

ถัดจาก Lobby Lounge มาจะเป็นโถงทางเดินไปยังโถงลิฟต์ซึ่งมีฝ้าเพดานเตี้ยลงมาให้ความรู้สึกเหมือนมีความเป็นส่วนตัวแยกออกมาจาก Lobby

มีทางแยกไปห้องน้ำสำหรับพื้นที่ส่วนกลางชั้น 1 ด้วยค่ะ

ภายในห้องน้ำมีอ่างล้างหน้า 2 จุด และห้องสุขภัณฑ์แยกอีก 1 จุด ซึ่งมีการออกแบบดีไซน์เข้ากับ Lobby Lounge

โถงลิฟต์จะมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 3 ตัว  ทำให้มีอัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการอยู่ที่ 78 : 1 ซึ่งไม่หนาแน่น ทำให้ไม่ต้องรอลิฟต์นานในช่วงเวลาเร่งด่วนค่ะ

ชั้น 6 เป็นชั้นเริ่มต้นของห้องพักอาศัยและมีพื้นที่ส่วนกลางให้ได้ใช้งานค่ะ  โดยในชั้นนี้จะจัดพื้นที่สวนจัดเป็นที่นั่งสำหรับพักผ่อนชมวิวไว้บริเวณทางด้านหน้าของตัวอาคาร ส่วนห้องพักอาศัยนั้นจะมีโถงทางเดิน Double Corridor เป็นรูปตัว L มีโถงลิฟต์อยู่ตรงกลางทำให้เวลาเดินไปยังห้องพักอาศัยทั้ง 2 ฝั่งค่อนข้างสะดวก ไม่ต้องเดินไกล มีช่องเปิดระบายอากาศที่โถงทางเดิน 2 จุดทำให้อากาศภายในไหลเวียนได้

ชั้นนี้มีห้องพักทั้งหมด 11 ยูนิต แม้จะเป็นชั้นที่มียูนิตมากที่สุดในโครงการแต่ก็ยังมีความเป็นส่วนตัวและไม่หนาแน่นมากค่ะ โดยชั้นนี้จะเน้นไปที่ห้อง 1 Bedroom 7 ยูนิต และมี 2 Bedroom 4 ยูนิตค่ะ โดยห้องที่มีวิวดีจะเป็นห้องที่มองเห็นสวนส่วนกลาง แต่อาจจะต้องแลกกับความเป็นส่วนตัวและมีเสียงรบกวนเล็กน้อยค่ะ

บรรยากาศโถงลิฟต์ชั้น 6 ซึ่งจะมีประตูกั้นระหว่างโถงลิฟต์และห้องพักอาศัยทำให้คนที่มาใช้ส่วนกลางไม่เข้าไปรบกวนลูกบ้านที่ชั้นนี้ได้ค่ะ

สำหรับคนที่มาใช้พื้นที่ส่วนกลางจะต้องออกที่ประตูฝั่งตรงข้ามค่ะ

ออกมายังสวนชั้น 6 จะเป็นพื้นที่ Sculptural garden เป็นสวนหย่อมเล่นระดับมีน้ำไหลผ่านให้บรรยากาศผ่อนคลาย ซึ่งในอนาคตเมื่อต้นไม้โตขึ้นคงจะเป็นพื้นที่พักผ่อนที่ร่มรื่นและน่ามานั่งเล่นช่วงเช้าๆ หรือตอนเย็นอากาศดีๆค่ะ

ภายในสวนมีที่นั่งมาให้แยกเป็นสัดส่วน มองเห็นวิวทางถนนสุขุมวิท และสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ

ชั้น 7 – 12 ของโครงการจัดเป็นพื้นที่พักอาศัยทั้งหมด แต่ละชั้นจะมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 11 ยูนิตต่อชั้น ซึ่งมีผังเป็นรูปตัว L ตามรูปทรงของอาคารเช่นกัน แต่ที่ชั้นนี้จะมีห้อง พักแบบ 2 Bedroom Duplex เพิ่มเข้ามา (บริเวณเส้นประสีม่วง) โดยห้อง Duplex จะใช้พื้นที่ 2 ชั้นในแต่ละห้อง สามารถเข้า-ออกได้ทั้ง 2 ชั้นเลยค่ะ  สำหรับคนที่อยากได้ห้องเล็กและมีความเป็นส่วนตัว มองเห็นวิวค่อนข้างดี แนะนำเป็นห้องที่ติดกับบันไดหนีไฟ ซึ่งจะมีผนังติดกับห้องอื่นเพียงฝั่งเดียวค่ะ และสามารถมองเห็นวิวสวนที่ชั้น 6 และวิวเมืองฝั่งถนนสุขุมวิทได้

ชั้น 12A – 24 ของโครงการจัดเป็นพื้นที่พักอาศัยทั้งหมดแต่ละชั้นจะมีห้องพักอาศัยทั้งหมด 11 ยูนิตต่อชั้น แตกต่างจากชั้น 7-12 ตรงที่ห้อง 2 Bedrooms มุมอาคารฝั่งทิศตะวันตก จะกลายเป็นห้อง 3 Bedrooms ค่ะ ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ต้องการห้องใหญ่ ไม่ซีเรียสเรื่องวิวมากนักเนื่องจากตำแหน่งนี้อาจจะมีโครงการฝั่งตรงข้ามขึ้นมาบังได้ในอนาคตค่ะ

ชั้น 25 – 26 ของโครงการจัดเป็นพื้นที่พักอาศัยทั้งหมด แต่จะมีจำนวนห้องพักอาศัยลดลงอยู่ที่ 7 ยูนิตต่อชั้น แบ่งเป็นห้องแบบ 1 Bedroom จำนวน 3 ยูนิต , 3 Bedrooms จำนวน 3 ยูนิต และห้องแบบ 2 Bedrooms Duplex จำนวน 1 ยูนิต ทำให้มีความหนาแน่นน้อยลง มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยห้องที่มีความเป็นส่วนตัวที่สุดคือห้อง 3 Bedrooms ทางทิศตะวันตก ที่ไม่ติดกับห้องอื่นๆเลย (ติดแค่บริเวณห้องน้ำ) แล้วยังสามารถมองเห็นวิวได้ทั้ง 3 ฝั่งเลยค่ะ

ชั้น 27 – 28 จะมีการวางผังเหมือนกับชั้น 25-26 เลยค่ะ แต่จะต่างกันเล็กน้อยที่ชั้น 28 จะมีแนวชายคายื่นออกมามากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนของพื้นที่ Facility ชั้น 29 นั่นเองค่ะ

ชั้น 29 – 30 เป็นชั้นที่รวม Facility ส่วนใหญ่ของโครงการ โดยจะแบ่งเป็น

  • ชั้น 29 ประกอบด้วย  Infinity-Edge swimming pool รูปตัว L ยาว 36.00 เมตร มีระยะที่สามารถว่ายออกกำลังกายได้ 24.00 เมตร แบ่งเป็น Kid’s Pool , Shallow Pool และ Jacuzzi Pool ด้านข้างสระมีที่นั่ง  Chilling area , Pool Deck และ Sky Deck สำหรับนั่งชมวิวเมือง นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ Kid Rock Climbing , Steam room , Pantry Terrace และ Social Club มีทางเดินเชื่อมถึงกันได้รอบค่ะ
  • ชั้น 30 สามารถเดินขึ้นมาด้วยบันไดวนบริเวณสระว่ายน้ำ ขึ้นมาแล้วจะเจอกับห้อง Fitness Studio & Bike Simulator ภายในมี Yoga Room ถัดมาเป็นพื้นที่ Golf Simulator และ Executive Lounge & Meeting room

มาดูชั้น 29 กันก่อนนะคะออกมาจากโถงลิฟต์แล้วจะเจอกับสระว่ายน้ำบริเวณนี้มีบริการผ้าขนหนูและน้ำดื่มไว้ให้ลูกบ้านที่มาใช้งานด้วยค่ะ

ถัดมาจะเจอกับ Infinity-Edge swimming pool สระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 5.00 x 36.00 เมตร (ทางตรง 24.00 เมตร) ลึก 1.20 เมตร ซึ่งสามารถว่ายออกกำลังกายไปด้วย ชมวิวเมืองย่านทองหล่อไปด้วยได้ค่ะ

ด้านข้างจะแบ่งเป็นสระเด็ก ขนาดประมาณ 5.00 x 2.00 เมตร ลึก 0.60 เมตร มีแนวน้ำพุกั้นสระหว่างสระเด็กและสระผู้ใหญ่ ให้ผู้ปกครองพาเด็กๆมาเล่นน้ำกันได้ค่ะ

ใกล้ๆกับสระเด็กจะมีพื้นที่ด้านข้างสำหรับเด็กเล่น ซึ่งทางโครงการกำลังจะมีของเล่นมาเพิ่มเติมให้ค่ะ พื้นที่เห็นเป็นสีดำเป็นพื้น Absorption รองรับแรงกระแทกกันบาดเจ็บเวลาเด็กๆลื่นล้มค่ะ จากตรงนี้เราสามารถเดินขึ้นบันไดวนไปยัง Facility ชั้น 30 ได้เลย

บรรยากาศบริเวณ Infinity-Edge pool มองเห็นวิวเมืองทางฝั่งทองหล่อค่ะ

ด้านข้างมีที่นั่งสำหรับพักผ่อน ชมวิวข้างสระว่ายน้ำ มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาทำให้ไม่ร้อนมากนัก ในเวลาเช้าๆ อากาศดีๆน่ามานั่งเล่นมากเลยค่ะ

จากสระว่ายน้ำสามารถเดินวนไปยังห้อง Social Club ได้โดยไม่ต้องเดินกลับทางเดิมค่ะ เพราะเป็นทางเดินรอบอาคารตรงกลาง ซึ่งสามารถชมวิวฝั่งถนนสุขุมวิทได้

เดินมาแล้วก็จะเจอกับ Sky Deck เป็นที่นั่งเล่น พาเพื่อนๆมานั่งดื่มพร้อมกับชมวิวบนชั้น 29 ได้เลยค่ะ

ด้านบนก็เป็นชุดโซฟาที่นั่งเล่นอยู่ด้านหน้าทางเข้า Social Club เหมาะสำหรับกลุ่มใหญ่ขึ้น เพราะจะเป็นม้านั่งยาวเป็นส่วนใหญ่ค่ะ พื้นที่ตรงนี้เปิดให้ลูกบ้านเข้ามาใช้งานได้เลยไม่ต้องจองเลย

ส่วนถัดมาจะเป็นพื้นที่ Pantry Terrace มีบริการเตาย่างบาร์บีคิวให้ด้วย สำหรับใครที่อยากใช้อาจจะต้องจองกับทางนิติฯก่อนนะคะ

ถัดมาที่ด้านใน Social Club จะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งชิล หรือ Hangout ภายในตกแต่งด้วยโทนสีสันสดใส และมีเฟอร์นิเจอร์จาก Fendi Casa มูลคาตัวละหลายแสนบาททีเดียวค่ะ

มีมุมนั่งเล่นชมวิวเมืองทางฝั่งตะวันออก (เอกมัย)ได้ด้วยผนังกระจกที่ใหญ่เต็มบานเลย

ถัดมาจะเป็นพื้นที่โต๊ะพูลให้พาเพื่อนๆขึ้นมาปาร์ตี้กันได้ ซึ่งภายในห้องนี้อาจจะต้องจองกับทางนิติฯ ก่อนนะคะ

ด้านข้างมีเคาน์เตอร์บาร์สำหรับทำเครื่องดื่มมาให้ใช้งาน มีแก้วและอ่างล้างจานมาให้ใช้งานได้สะดวกเลยค่ะ

ถัดมาเป็นพื้นที่ห้องน้ำ แยกชาย-หญิงชัดเจน และภายในมีห้อง Steam มาให้ด้วยค่ะ

เข้ามาในห้องน้ำจะเจอกับ Locker ซึ่งมามาให้ค่อนข้างเยอะทีเดียว สำหรับคนที่มาใช้งาน Facility ก็นำของมาเก็บไว้ใน Locker ก่อนได้ค่ะ

ถัดมาเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำ อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ที่โครงการเลือกใช้เป็นของแบรนด์ชั้นนำอย่าง Villeroy & Boch  ค่ะ

ถัดมาเป็นห้อง Steam ซึ่งให้มาค่อนข้างใหญ่ทีเดียว สามารถนั่งได้ 4-5 คน ชวนเพื่อนๆมาเป็นแก๊งค์ได้เลยค่ะ

ดูชั้น 29 กันไปเราขออนุญาตขึ้นมาที่ชั้น 30 ผ่านบันไดวนที่กล่าวไปกันบ้างค่ะ ขึ้นมาแล้วเรามองลงไปด้านล่างก็จะเห็นวิวสระว่ายน้ำและวิวเมืองทองหล่อไปพร้อมๆกัน ค่อนข้างโปร่งสบายทีเดียวค่ะ

เมื่อขึ้นมาจากบันไดวนก็จะเจอกับห้อง Fitness, Golf Simulator, Executive Lounge & Meeting room ตามลำดับ

ภายในห้อง Fitness ค่อนข้างใหญ่ มีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 10 เครื่อง ค่อนข้างหลากหลาย จากแบรนด์ Technogym ตรงกลางที่เห็นเป็นเบาะสีส้มจะมี Bike Simulator มาลงเพิ่มเติมค่ะ

ภายในห้อง Fitness มีผนังกระจกทั้ง 3 ฝั่งดูโปร่งสบายไม่อึดอัด สามารถออกกำลังไปพร้อมๆกับเห็นวิวเมืองฝั่งตะวันออก (เอกมัย)ได้เลย

มีห้องโยคะเชื่อมต่อกับ Fitness แต่แยกออกมาเป็นสัดส่วนทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น สามารถจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวมาสอนโยคะได้ที่นี่เลยค่ะเพราะทางโครงการเตรียมอุปกรณ์ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

ถัดจาก Fitness จะเป็นห้อง Golf Simulator ซึ่งจะเปิดให้ใช้งานตั้งแต่ 9.00-20.00 น.ค่ะ

ภายในเป็นหน้าจอ Golf Simulator เหมือนๆกับที่เราเคยเห็นในโครงการทั่วไปค่ะ

ต่อมาก่อนจะเข้าห้อง Executive Lounge & Meeting room จะมีที่นั่ง Semi-Outdoor สำหรับชมวิวเพิ่มเติมด้วยค่ะ

เข้ามาในห้อง Executive Lounge แล้วจะให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว เป็นมุมสำหรับคนที่ต้องการพาแขกมานั่งคุยงาน หรือหารือธุรกิจกันได้ โดยจะมีกลิ่นอโรม่า และผนังกระจกทำให้เห็นวิวได้กว้างทั้งทิศตะวันออกและทิศตะวันตกเลย

บริเวณฝั่งทางเข้าก็จะมีตู้เก็บ+โชว์ไวน์มาให้ด้วย ซึ่งภายใน Executive Lounge จะแบ่งพื้นที่เป็น Meeting room ด้านข้างสามารถกั้นปิดสำหรับการประชุมจริงจังได้ค่ะ ซึ่งใครอยากใช้งานอาจจะต้องจองกับทางนิติฯก่อนนะคะ

ภายในห้อง Meeting room มีที่นั่ง 6-8 ที่ และมีช่องแสงขนาดใหญ่เต็มผนังมองเห็นวิวเมืองฝั่งตะวันออกได้กว้างเลยค่ะ

วิวเมืองที่มองเห็นจากห้อง Meeting room เป็นวิวทิศตะวันออกเห็นซอยสุขุมวิท 59 และฝั่งเอกมัยค่ะ

ชั้น 31 – 33 เป็นชั้นบนสุดของอาคารโดยที่ชั้น 31 จะยังมีห้องพักขนาดเล็กอย่าง 1 Bedroom อยู่ด้วยสำหรับคนที่ชอบวิวเมืองมุมสูง โดยชั้นนี้จะมีห้องพักทั้งหมด 6 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัวสูง ส่วนชั้น 32 เป็นชั้น Penthouse ที่มีเพียง 2 ยูนิตเท่านั้นค่ะ และชั้น 33 เป็นชั้นสูงสุด มีห้อง Penthouse 1 ยูนิต มองเห็นวิวทางทิศตะวันออก ทางฝั่งเอกมัย เป็นวิวเมือง ไม่มีอาคารสูงมาบังค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Lobby
  • Playground
  • Library & Meeting room
  • Infinity-Edge swimming pool ระบบเกลือ ขนาด 5.00 x 36.00 เมตร (ทางตรง 24.00 เมตร) สระผู้ใหญ่ลึก 1.2 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 0.6 เมตร และ Jacuzzi
  • Kid Rock Climbing
  • Sky Deck
  • Pantry Terrace
  • Social Club
  • Executive Lounge & Meeting room
  • Golf Simulator
  • Bike Simulator
  • Fitness Studio
  • Steam room
  • Yoga Room
  • Concierge Service & Door Man Service
  • Super Car & Super Bike Parking space
  • Bicycle Garage
  • Concierge Service
  • Electric Vehicle Charging Station
  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 78.3 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 235 คัน รวมจอดซ้อนคันและ Super Car 8 คัน
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • มี Shutter service รับ-ส่ง เป็นรถ Hyundai H1 วิ่งระหว่างทองหล่อ-เอกมัย


Product Walkthrough

ห้องพักอาศัยภายในโครงการทั้งหมด 5 แบบ ดังนี้ค่ะ

  • 1 Bedroom ขนาด 42 – 45 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10.9 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms ขนาด 79 – 91 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท
  • 3 Bedrooms ขนาด 115 – 144 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท
  • Duplex ขนาด 92 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท
  • Penthouse ขนาด 244 – 357 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท

โดยภายในห้องเป็นการขายแบบ Fully Fitted พร้อมชุดครัว, ตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของ Built-in, เครื่องปรับอากาศแบบ Concealed Type  และชุดสุขภัณฑ์ค่ะ โดยถ้าใครสนใจตกแต่งห้องเหมือนกับห้องตัวอย่าง จะมีบริการออกแบบและตกแต่งเพิ่มเติมให้เหมือน หรือออกแบบตามความชอบของเจ้าของห้องได้เลยค่ะ ภายในห้องจะเป็นอย่างไรเราไปชมกัน

ห้องแรกเรามาเริ่มกันที่ 1 Bedroom ขนาด 42.00 ตารางเมตร ซึ่งเป็นห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ อยู่ในตำแหน่งทิศเหนือและทิศตะวันออก พื้นที่การใช้งานแบ่งเป็นสัดส่วน เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วนครัวก่อน ซึ่งจะได้เป็นครัวเปิดข้อดีคือมีพื้นที่เชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นทำให้ดูกว้าง และโปร่งสบาย แต่ก็มีข้อจำกัดอย่างเวลาที่เราทำอาหารมีกลิ่นจะฟุ้งกระจายไปยังห้องนั่งเล่นได้ค่ะ จึงเหมาะกับคนที่ไม่ได้เน้นการทำอาหารจริงจัง หรือทำกินเองมากนัก  ส่วนห้องนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับระเบียงได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาในห้องได้เต็มที่ค่ะ และพื้นที่ห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟา 2-3 ที่นั่งและโต๊ะกลางได้สบายๆ ไม่กีดขวางทางเดิน ส่วนระเบียงจะแบ่งเป็นพื้นที่วาง Condensing Unit ซึ่งกันมาให้เรียบร้อย และที่สำคัญคือทางโครงการไม่ได้คิดพื้นที่วาง Condensing Unit เป็นพื้นที่ขายด้วยค่ะ เหมือนได้พื้นที่ตารางเมตรกว่าๆฟรีไปเลย

ส่วนของห้องนอนจะแยกออกมาเป็นสัดส่วนขนาดค่อนข้างใหญ่พร้อมตู้เสื้อผ้า Built-in สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้ มีพื้นที่เดินได้รอบเตียง และสามารถ Built-in ชั้นวาง TV ได้สบายๆไม่อึดอัดค่ะ ภายในห้องนอนจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่เต็มผนัง รับแสงธรรมชาติเข้ามาได้เยอะและยังมองเห็นวิวได้กว้างเลย นอกจากนั้นห้องนอนยังมีห้องน้ำในตัวสามารถเข้าใช้งานได้สะดวก อาบน้ำออกมาก็แต่งตัวได้เลยค่ะ ภายในห้องน้ำแม้จะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาดเล็กก็มีอ่างอาบน้ำมาให้ค่ะ พร้อมกับกั้นส่วนเปียกด้วยประตูกระจกบานเปิดมาให้ แต่การวางผังห้องน้ำแบบนี้เวลามีแขกมาที่ห้องแล้วจะเข้าห้องน้ำอาจจะต้องเดินผ่านห้องนอนทำให้เสียความเป็นส่วนตัวไปหน่อยค่ะ

ประตูทางเข้าเป็นประตูลามิเนต HPL บานทึบลายไม้ สูง 2.60 เมตร ตกแต่งด้วยขอบสีทองดูสวยงามพร้อม Door Drop Seal และ Rubber Door Seal เพื่อกันเสียงรบกวนจากภายนอก ตัวบานประตูมีตาแมว และมือจับประตูพร้อมอุปกรณ์ Digital door lock ของ Samsung ด้านข้างเป็นผนังตกแต่งสีเดียวกันกับประตูและมีเลขห้องพร้อมกล่องจดหมาย ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่นำจดหมายมาส่งให้ถึงห้องเลยค่ะ

เข้ามาในห้องแล้วเราจะเจอกับพื้นที่ครัวเปิดเชื่อมต่อไปยังห้องนั่งเล่นและระเบียง ดูโปร่งกว้าง ภายในห้องมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 3.00 เมตร พร้อมโคมไฟ Downlight พื้นส่วนครัวทางโครงการได้ปู กระเบื้อง Marble Porcelain มาให้ซึ่งมีความสวยงามเหมือนจริง และทนทาน สามารถทำความสะอาดง่ายเหมาะกับห้องครัวค่ะ ส่วนในห้องนั่งเล่นและห้องนอน จะเป็นพื้น Engineering Wood กว้าง 8 นิ้ว หนา 14 มิลลิเมตร ซึ่งมีคุณสมบัติที่ดีกว่าลามิเนต วัสดุมีความแข็งแรงมากขึ้นและมีความเหมือนไม้จริง ในส่วนของผนังห้องจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสีขาวค่ะ

เมื่อมองกลับไปที่ห้องครัวจะเห็นว่าเป็นพื้นที่ใต้งานระบบเครื่องปรับอากาศทำให้มีความสูงฝ้าอยู่ที่ 2.70 เมตร ซึ่งก็ยังเป็นระยะที่สูง อยู่สบายไม่อึดอัด ภายในห้องจะได้ตู้เก็บของข้างประตู Built-in ตู้รองเท้าด้านข้า Built-in และชุดครัวมาให้แบบเดียวกับในห้องตัวอย่างเลยค่ะ

มาดูตู้ทางฝั่งขวามือกันก่อนค่ะ จะมีช่องเก็บของชิ้นเล็กๆที่ด้านบนและด้านล่างหน้าบาน High gloss มีช่องตรงกางเป็นตะขอแขวนสิ่งของ สำหรับเก็บของที่หยิบใช้งานบ่อยๆอย่างกุญแจ หมวก ร่ม เป็นต้น

ส่วนฝั่งซ้ายมือเป็นตู้เก็บของที่ Built-in หน้าบาน High gloss มาให้เต็มผนังหน้าตาเหมือนกับห้องตัวอย่างเลยค่ะ โดนจะแบ่งเป็น 2 ฝั่ง แยกกันชัดเจน และมีระบบหมุนเวียนอากาศ เพื่อไม่ให้ภายในตู้มีความชื้นด้วย

ทางฝั่งขวาด้านในสามารถเก็บของชิ้นใหญ่อย่างกระเป๋าเดินทาง, ถุงกอล์ฟ หรืออุปกรณ์ทำความสะอาดต่างๆได้ และมีชั้นวางรองเท้ามาให้ด้วยค่ะ ส่วนฝั่งซ้ายเป็นช่องสำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้า ซึ่งทางโครงการได้ให้เครื่องซัก/อบผ้าฝาหน้า จาก Teka มาให้แล้วค่ะ ด้านบนมีราวสำหรับแขวนผ้า ใช้งานสะดวก

ถัดมาเรามาดูส่วนครัวกันบ้างค่ะ ภายในครัวจะได้เคาน์เตอร์ Built-in รูปตัว L Top และ Backsplash ครัวเป็นหิน Quartz สีขาว มีความแข็งแรงทนทานต่อรอยขีดข่วนและทำความสะอาดง่าย มีช่องสำหรับวางตู้เย็นด้านข้าง ซึ่งทางโครงการก็ได้ให้ตู้เย็นจาก Samsung มาให้ด้วยนะคะ

โดยภายในครัวจะได้อ่างล้างจานสเตนเลส ขนาด 39 x 39 cm. จาก Teka , เตาไฟฟ้า 2 หัวและเครื่องดูดควันระบบดูดลมออกด้านนอก Kuppersbusch และไมโครเวฟจาก Teka มาให้พร้อมเลยค่ะ

ด้านล่างใต้อ่างล้างจานเป็นช่องเก็บของมีถังขยะเปิดออกอัตโนมัติเวลาเราเปิดตู้ติดมาให้ใช้งานได้สะดวก ไม่ต้องวางถังขยะด้านนอกให้เปลืองพื้นที่ค่ะ ส่วนด้านข้างมีลิ้นชักสำหรับเก็บอุปกรณ์ภายในครัวมาให้ เป็นแบบ Soft Close ช่วยลดแรงกระแทกและเสียงดังเวลาปิด

ชุดเคาน์เตอร์ครัวอีกฝั่งทำเป็นชั้นวางของแบ่ง 2 ระดับ 4 ช่อง ให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม สำหรับของที่หยิบใช้งานบ่อยๆ จะสะดวกมากขึ้นค่ะ

นอกจากด้านล่างแล้วยังมีช่องเก็บของเพิ่มเติมให้ที่ด้านบน เป็นบานเปิด หน้าบาน Hi Gloss เก็บของได้หลากหลายขนาด และมีชั้นวางโชว์ของที่ด้านข้างเป็นลูกเล่นดูสวยงามค่ะ

เชื่อมต่อกับเคาน์เตอร์ครัวเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ซึ่งสะดวกในการทำอาหาร ยกมาเสิร์ฟแล้วรับประทานได้เลย ตัวเคาน์เตอร์มีความกว้างประมาณ 35 cm. สามารถวางเก้าอี้ได้ 2 ที่นั่ง

ส่วนห้องนั่งเล่นมีขนาดประมาณ 3.90 x 3.00 เมตร ซึ่งค่อนข้างกว้าง สามารถวางโต๊ะกลางได้สบายๆ มีระยะดู TV อยู่ที่ 3.50 เมตร เหมาะกับ TV ขนาด 46-50 นิ้วค่ะ โดยภายในห้องนั่งเล่นทางโครงการจะไม่ได้ให้เฟอร์นิเจอร์มานะคะ สามารถเลือกตกแต่งเพิ่มเติมได้ตามความชอบของเจ้าของห้องได้เลยค่ะ

พื้นที่ห้องนั่งเล่นยังเชื่อมต่อกับระเบียง รับแสงธรรมชาติได้ดี เมื่องนั่งดู TV ก็ยังสามารถมองเห็นวิวภายนอกได้ด้วย ซึ่งบานประตูระเบียงเป็นกระจกลามิเนต Low-E กันความร้อนเข้าสู่ห้องได้มาก และได้เป็นบาน Full Height Glass กรอบบานอลูมิเนียมดูสวยงาม แข็งแรง และตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้

พื้นที่ระเบียงมีขนาด 2.50 x 1.20 เมตร ซึ่งค่อนข้างกว้างสามารถออกไปใช้งานได้จริง พื้นระเบียงปูกระเบื้องลายไม้มาให้ ทำความสะอาดได้ง่ายค่ะ ส่วนราวกันตกจะได้เป็นกระจกสูงประมาณ 1.20 เมตร ซึ่งจะมีมือจับที่ขนาดเล็กทำให้ดูสวยงาม ด้านข้างจะเป็นพื้นที่สำหรับวาง Condensing Units มีระแนงกั้นมาให้สามารถเปิดเข้าไปซ่อมแซมได้ ซึ่งพื้นที่ตรงนี้จะไม่คิดเป็นพื้นที่ขายทำให้เราไม่ต้องเสียเงินไปกับส่วนที่ไม่ได้ใช้งานค่ะ

ถัดมาด้านข้างพื้นที่วาง TV เป็นทางเข้าไปยังห้องนอน ที่แยกเป็นสัดส่วนกับห้องนั่งเล่นชัดเจน ซึ่งจะได้ความเป็นส่วนตัวค่ะ

ด้านข้างผนังมี Home Automation & Video Door Phone ของ Bticino มาให้ เวลามีคนมาติดต่อ เราสามารถดูได้ว่าเป็นใคร และกดอนุญาติให้ขึ้นมาบนห้องเราได้ค่ะ ส่วนปลั๊กไฟ และสวิตช์ไฟภายในห้องใช้ของ Bticino เช่นกัน

ภายในห้องนอนจะได้ช่องแสงกว้างเต็มผนังซึ่งมีกรอบเพียงแค่ช่องเปิดด้านข้างเท่านั้น ซึ่งหาได้ยากนะคะในโครงการที่มีระดับใกล้เคียงกัน ทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้ทั่วทั้งห้อง และสามารถมองวิวได้กว้าง โดยไม่ต้องห่วงเรื่องความร้อนที่จะเข้ามานัก เพราะได้เป็นกระจกลามิเนต Low-E ค่ะ

ภายในห้องนอนมีความกว้างประมาณ 3.50 x 3.20 เมตร ซึ่งสามารถวางเตียงขนาดใหญ่ 6 ฟุต ได้สบายๆมีพื้นที่เดินได้รอบเตียง และสามารถวางชั้นวาง TV หรือโต๊ะข้างเตียงเพิ่มเติมได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดค่ะ

เมื่อวางเตียง 6 ฟุต จะเหลือพื้นที่ด้านข้างฝั่งละประมาณ 0.75 เมตร แนะนำให้วางค่อนไปทางริมหน้าต่างเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับแต่งตัว และหยิบของจากตู้เสื้อผ้าด้านข้างได้สะดวกค่ะ

บริเวณปลายเตียงมีปลั๊กไฟสำหรับตั้งตั้ง TV มาให้ สามารถ Built-in โต๊ะเครื่องแป้ง, ชั้นวาง TV เพิ่มเติม หรือติด TV แบบแขวนผนังเพื่อให้ห้องดูกว้างมากขึ้นได้ค่ะ

ฝั่งตรงข้ามกับหน้าต่างจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งอยู่ภายในห้องนอนเลย ทำให้สามารถเข้าใช้งานได้สะดวก แต่อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวไปหน่อยถ้ามีแขกมาเข้าค่ะ โดยติดกับผนังฝั่งห้องน้ำจะได้ตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้เป็นบานเลื่อนเพื่อประหยัดพื้นที่หน้าตาแบบเดียวกับในห้องตัวอย่างเลยค่ะ

ตู้เสื้อผ้าสามารถเลื่อนเปิดได้ 2 ฝั่ง ด้านในเป็นตู้ลายไม้สีเข้มดูสวยงาม มีราวแขวนเสื้อผ้า ช่องเก็บของชิ้นใหญ่ด้านบน และชั้นเก็บของด้านล่างมาให้

ภายในตู้มีไฟติดมาให้ ช่วยให้หาของได้ง่ายขึ้นและดูสวยงาม ด้านล่างเป็นช่องเก็บของสามารถเก็บได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ หรืออุปกรณ์ต่างๆ แยกเป็นสัดส่วนได้เลยค่ะ

ด้านข้างตู้เสื้อผ้ามีชั้นวางของ 6 ระดับ สำหรับวางของตกแต่งหรือของที่หยิบใช้งานบ่อยๆ เพื่อความสะดวกค่ะ

ห้องน้ำมีการแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งมาให้ชัดเจน ภายในห้องตกแต่งด้วยผนังกระเบื้อง Porcelain ลาย Marble grey พื้นห้องน้ำปูด้วย Marble Porcelain ชื่อลาย Arabagasto ค่ะ ส่วนฝ้าเพดานเป็นยิปซั่มบอร์ดกันชื้นฉาบเรียบทาสีได้อุปกรณ์ประกอบต่างๆเหมือนกับในห้องตัวอย่างเลย

กระจกเงาที่ได้เป็นบานยาว มีช่องเปิดเก็บของมาให้ 1 จุด และซ่อนไฟด้านหลังมาให้ค่ะ ส่วนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า เป็นหินอ่อนแท้นำเข้า ลาย Black emperador มีชั้นเก็บของด้านล่าง และตัวอ่างจะได้ของแบรนด์ Villeroy & Boch และก๊อก จาก Gessi ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำค่ะ

โถสุขภัณฑ์เป็นโถชิ้นเดียว จาก Villeroy & Boch พร้อมอุปกรณ์อื่นๆ ได้แก่ สายชำระและที่ใส่กระดาษทิชชู ของ Cotto หรือเทียบเท่า

พื้นที่อาบน้ำกั้นส่วนเปียก-แห้งด้วยฉากกั้นกระจกบานเปิด ช่วยกันไม่ให้น้ำไหลออกมาด้านนอก และมีอ่างอาบน้ำมาให้ทุกยูนิตค่ะ

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.5 x 0.80 เมตร สามารถยืนอาบได้สบายๆ ได้ฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower จาก Gessi พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิของน้ำ สามารถตั้งอุณหภูมิให้คงที่ได้ ซึ่งติดตั้งเองก็ราคาหลายหมื่นเลยค่ะ

ด้านในพื้นที่อาบน้ำมีอ่างแบบ Fitted จาก i-spa มาให้ ยาวประมาณ 1.50 เมตร นอนแช่น้ำได้สบายๆค่ะ

ห้องต่อมาเราจะพาไปดูห้อง 2 Bedroom ขนาด 84.00 ตารางเมตร หันหน้าไปทางทิศเหนือ ห้องนี้เป็นห้องหน้ากว้างประมาณ 15.60 เมตรเลยค่ะ แบ่งเป็นพื้นที่พักผ่อนอยู่ด้านนอกสามารถมองเห็นวิวได้ทุกจุด และมีส่วน Service เช่นห้องน้ำ, Walk-in Closet และห้องครัวอยู่ด้านใน เมื่อเข้าห้องมาแล้วจะเจอกับส่วน Common Area กว้างๆ แบ่งเป็นพื้นที่นั่งเล่น มุมโต๊ะทำงาน และพื้นที่รับประทานอาหารได้แบบห้องตัวอย่างเลยค่ะ โดยจะได้ช่องแสงขนาดใหญ่รับแสงธรรมชาติเข้ามาทำให้ห้องสว่าง และสามารถออกไปใช้งานพื้นที่ระเบียงด้านนอกได้ ส่วนครัวจะได้เป็นครัวเปิดรูปตัว U พื้นที่ค่อนข้างเยอะ สามารถกั้นเป็นครัวปิดเพิ่มได้ค่ะ ส่วนห้องน้ำรวมจะใช้งานระหว่าง Common Area และห้องนอนรอง ซึ่งจะมีพื้นที่อาบน้ำมาให้ค่ะ ห้องนอนรองเป็นห้องเปล่าๆ ไม่มี Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้นะคะ สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงาน ห้องดูหนังหรืออื่นๆได้ตามไลฟ์สไตล์ของเจ้าของห้องเลย ส่วนห้อง Master Bedroom จะอยู่ด้านในสุดของห้องมีความเป็นส่วนตัว เข้ามาแล้วจะเจอกับพื้นที่ห้องนอนกว้าง สามารถวางเตียงขนาดใหญ่พิเศษได้ มีพื้นที่ Walk-in Closet Built-in เป็นรูปตัว L มีประตูบานเลื่อนกั้นห้องมาให้ทำให้เป็นสัดส่วน เชื่อมต่อกับห้องน้ำใช้งานได้สะดวก และภายในห้องน้ำ Master Bedroom ก็จะได้อ่างอาบน้ำมาให้เช่นกันค่ะ

สำหรับห้องนี้เมื่อเข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วน Common Area ก่อน ซึ่งสามารถจัดเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหารได้เลย พื้นห้องปูด้วย Engineering Wood ความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 3.00 เมตร พร้อมกับได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ทำให้ห้องดูโปร่งกว้าง

เมื่อมองกลับไปที่ประตูทางเข้าเป็นพื้นที่ใต้งานระบบเครื่องปรับอากาศทำให้มีความสูงฝ้าอยู่ที่ 2.70 เมตร มีตู้เก็บของข้างประตู Built-in มาให้ ส่วนพื้นที่ด้านข้างสามารถจัดเป็นมุมทำงาน หรือชั้นวางของสำหรับโชว์เหมือนในห้องตัวอย่างก็ได้ค่ะ

ตู้เก็บของ Built-in ฝั่งขวามือจะได้เหมือนกับห้อง 1 Bedroom เลยค่ะ คือสามารถเก็บของได้ทั้งด้านบนและด้านล่าง ตรงกลางเป็นที่แขวนของสำหรับหยิบใช้งานบ่อยๆ

ส่วนตู้ Built-in ด้านซ้ายเป็นตู้ขนาดใหญ่สูงเต็มผนัง ตัวบานด้านหน้าเป็น High gloss แบ่งเป็นชั้นเก็บรองเท้า 1 ฝั่ง และอีกฝั่งเป็นชั้นเก็บของต่างๆ ซึ่งจะแตกต่างจากห้อง 1 Bedroom ตรงที่มีพื้นที่เก็บของมากขึ้น เพราะแยกพื้นที่วางเครื่องซักผ้าไปที่อื่นค่ะ

ส่วนห้องนั่งเล่นมีขนาดประมาณ 4.80 x 3.00 เมตร ถือว่ากว้างทีเดียว สามารถแบ่งเป็นมุมนั่งทำงานด้านข้างได้ ภายในห้องนั่งเล่นวางโซฟาได้ 3-4 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง มีระยะดู TV อยู่ที่ 3.00 เมตร เหมาะกับ TV ขนาด 40-46 นิ้วค่ะ หรือใครที่อยากดู TV จากพื้นที่รับประทานอาหารด้วย ก็ติดตั้ง TV ขนาดใหญ่ขึ้นได้นะคะ

ส่วนพื้นที่รับประทานอาหาร มีขนาดประมาณ 3.00 x 3.50 เมตร สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ 6-8 ที่นั่ง ด้านข้างได้ช่องแสงเกือบเต็มผนังทำให้มองเห็นวิวได้กว้างทีเดียวค่ะ

ประตูระเบียงเป็นบาน Full Height Glass กระจกลามิเนต Low-E กรอบบานอลูมิเนียม แข็งแรง สามารถกันเสียงจากภายนอกได้ดี และการที่เป็นกระจกบานใหญ่ทำให้มุมมองในการมองวิวกว้างขึ้นค่ะ

พื้นที่ระเบียงมีขนาด 3.15 x 1.15 เมตร ซึ่งค่อนข้างกว้างสามารถออกไปใช้งานได้จริง พื้นระเบียงปูกระเบื้องลายไม้มาให้ ทำความสะอาดได้ง่าย มีการเก็บรายละเอียดรางระบายน้ำมาให้ดูสวยงามค่ะ

ด้านข้างจะเป็นพื้นที่สำหรับวาง Condensing Units มีระแนงกั้นมาให้สามารถเปิดเข้าไปซ่อมแซมได้ (ซึ่งพื้นที่ตรงนี้จะไม่คิดเป็นพื้นที่ขายเช่นกัน) ส่วนราวกันตกจะได้เป็นกระจกสูงประมาณ 1.20 เมตร ซึ่งจะมีมือจับที่ขนาดเล็กทำให้ดูสวยงาม

เข้ามาด้านในเชื่อมต่อกับพื้นที่รับประทานอาหาร จะได้เคาน์เตอร์เตรียมอาหาร Built-in แบบนี้มาให้ด้วยนะคะ มีลิ้นชักเก็บของพร้อมกับเครื่องไมโครเวฟ และตู้เก็บไวน์จาก Teka มาให้เรียบร้อย

ส่วนครัวของห้องนี้เป็นครัวเปิด เคาน์เตอร์รูปตัว U สำหรับใครที่อยากได้ครัวปิดเพื่อที่จะทำอาหารจริงจังโดยที่ไม่มีกลิ่นออกมารบกวนด้านนอกก็สามารถกั้นประตูบานเลื่อนได้ค่ะ

ภายในครัวจะมีพื้นที่ทำอาหารมากขึ้น และมีช่องสำหรับเก็บของได้หลากหลาย ด้านล่างใต้อ่างล้างจานเป็นช่องเก็บของมีถังขยะเปิดออกอัตโนมัติเวลาเราเปิดตู้ติดมาให้ใช้งานได้สะดวก และด้านบนมีช่องแบ่งเล็ก-ใหญ่ จัดพื้นที่เก็บของได้เป็นสัดส่วนค่ะ

ตัวเคาน์เตอร์ Top และ backsplash ครัวเป็นหิน Quartz สีขาว มีความแข็งแรงทนทานต่อรอยขีดข่วน และมีอุปกรณ์ประกอบติดตั้งมาให้ครบถ้วน

โดยภายในครัวจะได้อ่างล้างจานสเตนเลส ขนาด 39 x 39 cm. จาก Teka , เตาไฟฟ้า 4 หัว, เตาอบ และเครื่องดูดควันระบบดูดลมออกด้านนอก Kuppersbusch

ทางฝั่งขวาก็มีตู้เก็บของด้านบน และลิ้นชักเก็บช้อน ส้อม ฯลฯ มาให้ค่ะ

ส่วนทางฝั่งซ้ายมือ เป็นช่องสำหรับวางตู้เย็น ซึ่งทางโครงการได้ให้ตู้เย็นจาก Samsung แบบ 2 ประตูมาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ ส่วนด้านบนเป็นช่องตู้ควบคุมไฟ ซึ่งซ่อนไว้ให้ด้านในดูเป็นหนึ่งเดียวกับส่วนครัว

ถัดมาจะเป็นทางเดินไปยังห้องนอนรอง (ประตูฝั่งซ้ายมือ) ห้อง Master Bedroom (ประตูตรงกลาง) และห้องน้ำรวม (ประตูฝั่งขวามือ) กันค่ะ

ด้านข้างทางเดินก็จะมี Home Automation & Video Door Phone ของ Bticino มาให้ เวลามีคนมาติดต่อ เราสามารถดูได้ว่าเป็นใคร และกดอนุญาติให้ขึ้นมาบนห้องเราได้ค่ะ ส่วนปลั๊กไฟ และสวิทช์ไฟภายในห้องใช้ของ Bticino เช่นกัน

ฝั่งตรงข้ามเป็นตู้เก็บของที่มีเครื่องซัก/อบผ้า มาให้จาก Teka ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ใช้งานสะดวก ใกล้กับห้องน้ำค่ะ

ห้องน้ำห้องนี้เป็นห้องที่ใช้ร่วมกันระหว่าง Common Area และห้องนอนรองนะคะ ภายในมีการออกแบบและตกแต่งเหมือนกันกับห้องน้ำในห้อง 1 Bedroom เลย แตกต่างกันนิดเดียวตรงที่ไม่มีอ่างอาบน้ำ เนื่องจากอ่างอาบน้ำจะไปอยู่ในห้องน้ำที่ห้อง Master Bedroom แทนค่ะ

มาดูห้องนอนรองกันก่อนนะคะ ห้องนี้จะไม่ได้เฟอร์นิเจอร์ Built-in เป็นห้องเปล่าขนาดประมาณ 3.80 x 3.20 เมตร ได้ช่องแสงขนาดใหญ่เต็มผนังและเห็นวิวได้กว้าง สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องทำงาน, ห้องออกกำลังกาย หรือห้องนั่งเล่นที่เป็นส่วนตัวได้ค่ะ

สำหรับใครที่อยากทำเป็นห้องนอนก็สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ โดย Built-in ด้านข้างเป็นตู้เสื้อผ้าบานเลื่อน เพื่อประหยัดพื้นที่การใช้งานเหมือนในห้องตัวอย่างได้เลยค่ะ

ฝั่งปลายเตียงก็สามารถ Built-in ชั้นวาง TV หรือโต๊ะเครื่องแป้งได้

ต่อมาเรามาดูห้อง Master Bedroom กันค่ะ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอทางเดินก่อน ซึ่งทำให้ภายในห้องมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ฝั่งขวามือจะเป็นพื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำ

ภายในห้อง Master Bedroom ขนาดประมาณ 4.30 x 3.40 เมตร สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ 6 ฟุตขึ้นไปได้ มีพื้นที่เดินได้รอบเตียง และสามารถวางชั้นวาง TV หรือโต๊ะข้างเตียงเพิ่มเติมได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดค่ะ

ภายในห้องนอนจะได้ช่องแสงกว้างเต็มผนังทำให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้ทั่วทั้งห้อง และสามารถมองวิวได้กว้าง มีช่องเปิดระบายอากาศ 1 ช่อง กระจกเป็นบานลามิเนต Low-E ช่วยลดความร้อนเข้าสู่ภายในห้องได้ค่ะ

บริเวณปลายเตียงมีปลั๊กไฟสำหรับตั้งตั้ง TV มาให้ สามารถ Built-in โต๊ะเครื่องแป้ง, ชั้นวาง TV หรือชั้นวางของเพิ่มเติมได้เลย

ส่วนพื้นที่ Walk-in Closet จะมีประตูบานเลื่อนกั้นแยกมาให้เป็นสัดส่วนค่ะ

ภายในมี Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้เป็นรูปตัว L มีบานเลื่อนกระจกมาให้ 1 บาน พร้อมกับลิ้นชักเก็บของขนาดเล็กที่มีการแบ่งช่องมาให้เรียบร้อย สามารถหยิบใช้ได้สะดวก

ภายในห้องน้ำจะได้เหมือนกับห้องน้ำในห้อง 1 Bedroom มีการแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งมาให้ชัดเจน ภายในห้องตกแต่งด้วยผนังกระเบื้อง Porcelain ลายหินอ่อน พื้นห้องน้ำปูด้วย Marble Porcelain กระจกเงาที่ได้เป็นบานยาว มีช่องเปิดเก็บของมาให้ 1 จุด และซ่อนไฟด้านหลังมาให้ค่ะ ส่วนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า เป็นหินอ่อนแท้นำเข้า ลาย Black emperador มีชั้นเก็บของด้านล่าง และตัวอ่างจะได้ของแบรนด์ Villeroy & Boch และก๊อก จาก Gessi โถสุขภัณฑ์เป็นโถชิ้นเดียว จาก Villeroy & Boch พร้อมอุปกรณ์อื่นๆ ได้แก่ สายชำระและที่ใส่กระดาษทิชชู ของ Cotto หรือเทียบเท่า

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.5 x 0.80 เมตร สามารถยืนอาบได้สบายๆ ได้ฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower จาก Gessi พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิของน้ำ สามารถตั้งอุณหภูมิให้คงที่ได้

ซึ่งห้องน้ำให้ห้อง Master Bedroom จะได้อ่างอาบน้ำ แบบ Fitted จาก i-spa มาให้ ยาวประมาณ 1.50 เมตร นอนแช่น้ำได้ค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 24 OCTOBER 2019

  • 1 Bedroom เนื้อที่ 42 – 45 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 10.9 ล้านบาท หรือประมาณ 259,500 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedrooms เนื้อที่ 79 – 91 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาท หรือประมาณ 253,000 บาท/ตร.ม.
  • 3 Bedrooms เนื้อที่ 115 – 144 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท หรือประมาณ 261,000 บาท/ตร.ม.
  • Duplex เนื้อที่ 92 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 25 ล้านบาท หรือประมาณ 271,000 บาท/ตร.ม.

  • รูปแบบการขาย Fully Fitted
  • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 3.00 เมตร
  • Kitchen & Sink / ท็อปหินQuartz สีขาว
  • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Kuppersbusch
  • มีรถ Shuttle Bus  เป็นรถ Hyundai H1 วิ่งระหว่างทองหล่อ-เอกมัย
  • จอง n/a บาท
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
  • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 80 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล :

โครงการ Laviq สุขุมวิท 57 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 57 บนทำเลทองหล่อง ห่างจาก BTS ทองหล่อ 260 เมตร ภายในซอยเป็นซอยตันทำให้มีความสงบ ไม่พลุกพล่าน บรรยากาศภายในซอยเองส่วนมากก็จะเป็นบ้านพักอาศัย ประเภท อาคารตึกแถว มีเปิดเป็นร้านค้าบ้างบางส่วนเหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศเงียบสงบ แต่อาจจะต้องแลกกับการเดินทางที่สามารถเข้า-ออกได้ฝั่งเดียวคือถนนสุขุมวิทเท่านั้น ซึ่งด้านหน้าซอยสุขุมวิท 57 เป็นโรงแรม Bangkok Marriott สังเกตได้ง่ายจากถนนสุขุมวิทค่ะ

ความอุดมสมบูรณ์ในทำเลถือว่าสูงทีเดียวค่ะ เนื่องจากอยู่ใกล้กับซอยสุขุมวิท 55 หรือทองหล่อ มีครบทั้งแหล่งที่อยู่อาศัย ธุรกิจการค้า แหล่งท่องเที่ยว ช้อปปิ้งและร้านอาหารระดับ Hi-end มากมายอย่างเช่น Park Lane, The Taste, The Commons , J Avenue เป็นต้น ที่ริมถนนสุขุมวิทเองเดินออกมาหน้าซอยก็จะเจอกับร้านอาหารเรียงรายเกือบตลอดทั้งเส้นเลย

การเดินทางโดยใช้รถ :

การเดินทางด้วยรถก็ถือว่าสะดวกเนื่องจากอยู่ในทำเลที่เรียกได้ว่าใจกลางเมือง เชื่อมต่อกับถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าไปทางฝั่งตะวันออกจะสามารถไปยังอ่อนนุช, บางนา ได้ หรือถ้าใช้เส้นทางไปยังฝั่งตะวันตกจะสามารถเชื่อมต่อไปยังย่าน CBD อย่างเพลินจิต, ชิดลม หรือสยามได้ นอกจากนั้นยังเชื่อมต่อไปยังถนนพระราม 4 ได้ทางซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคู่ เช่น 42 , 40, 38 และสุขุมวิท 36 ส่วนในซอยฝั่งเลขคี่อย่างซอยทองหล่อและซอยเอกมัย ท้ายซอยจะไปบรรจบกับถนนเพชรบุรีซึ่งเราสามารถใช้เส้นทาง ไปยังอโศก ประตูน้ำ ราชเทวี พญาไทได้ สำหรับใครที่ต้องการใช้ทางด่วน ก็จะมีทางด่วนที่สามารถเดินทางไปขึ้นได้ง่ายอยู่ 2 เส้นทางคือ ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ (ทางพิเศษฉลองรัช) และ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร ค่ะ และที่ขาดไม่ได้ในการคำนึงถึงการเดินทางโดยใช้รถก็คือจำนวนที่จอดรถภายในโครงการ ซึ่งทางโครงการได้ให้มา 235 คัน (รวมซ้อนคัน)  จัดเป็น 100% เลยค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

การเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ ถือว่าสะดวก เพราะโครงการอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าทองหล่อ สามารถเดินได้ในระยะประมาณ 260 เมตรค่ะ และในปัจจุบันได้มีทางเดิน Sky Walk ที่เดินจากสถานีทองหล่อมาลงยังหน้าซอยสุขุมวิท 59 ได้เลย นอกจากนั้นยังมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ที่หน้าซอยด้วยค่ะ หรือใครชอบเรียกรถ Taxi หรือเรียกผ่าน Application ก็รอไม่นาน ถือว่ามีตัวเลือกให้ค่อนข้างหลากหลาย

วัสดุ :

วัสดุภายในโครงการถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับราคา ซึ่งทางโครงการได้เลือกใช้วัสดุระดับดีทั้งพื้นที่ส่วนกลาง อย่างหินจริง และเฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์หรูอย่าง Fendi Casa รวมมูลค่ากว่า 70 ล้านบาท

ภายในห้องได้ Fully Fitted พร้อมมี Home Automation & Video Door Phone ได้ชุดครัว Built-in Top หิน Quartz สีขาว พร้อมอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบครันไม่ว่าจะเป็น อ่างล้างจาน, เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควันระบบดูดออก, เตาไฟโครเวฟ, ตู้เย็น (Samsung) และเตาอบ (สำหรับห้อง 2 Bedrooms) จาก Teka และ Kuppersbusch และที่น่าประทับใจคือได้ประตูบานสูง และหน้าต่างบานใหญ่แบบ Full Height Glass พร้อมกระจกลามิเนต Low-E ช่วยสะท้อนความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร พื้นห้องได้ Engineering Wood หนา 14 มิลลิเมตร, กระเบื้อง Porcelain ลายหินอ่อนในส่วนครัว พร้อมเครื่องปรับอากาศ Concealed Type ในส่วนของห้องน้ำเน้น Design ที่เรียบหรู มีอ่างอาบน้ำมาให้ทุกยูนิต ได้อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ ของ Villeroy & Boch และก๊อกน้ำจาก Gessi บนเคาน์เตอร์หินอ่อนจริง พร้อมระบบควบคุมอุณหภูมิน้ำที่ Shower และ Rain Shower โดยรวมถือว่าคุ้มค่าทีเดียวเมื่อเทียบกับราคาของเพื่อนบ้านที่นี่ถือว่าได้วัสดุที่ระดับสูงกว่าเพื่อนๆค่ะ

การออกแบบ :

การออกแบบโครงการได้แรงบันดาลใจมาจากแบรนด์แฟชั่น ทำให้ด้านบนอาคารมีลักษณะแตกต่างจากอาคารอื่นๆโดยมีแนวคิดมาจากผ้าพันคอของผู้หญิง โดยได้ Palmer and Turner มาเป็นผู้ออกแบบงานสถาปัตยกรรม ในส่วนงานตกแต่งภายใน ออกแบบโดย DWP และ งานภูมิสถาปัตยกรรม ออกแบบโดย Shma ถือว่าเป็นผู้ออกแบบชื่อดังที่ได้รับการยอมรับสากลค่ะ ภายในอาคารมีการจัดพื้นที่ส่วนกลางกระจายตามชั้นต่างๆทำให้เข้าถึงได้ง่าย มีโถงทางเดินเป็นรูปตัว L มีลิฟต์อยู่ตรงกลางทำให้เดินเข้าห้องพักอาศัยทั้ง 2 ฝั่งได้สะดวก มียูนิตต่อชั้นไม่เกิน 11 ยูนิต ทำให้ไม่หนาแน่นจนเสียความเป็นส่วนตัวไปค่ะ

ห้องพักอาศัยมีให้เลือกหลากหลายขนาด ห้องเล็กสุดเริ่มที่ 42.00 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นห้อง 1 Bedroom ที่อยู่ได้สบายๆ มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ที่ 3.00 เมตร พร้อมกับหน้าต่างภายในห้องขนาดใหญ่ ทำให้ห้องดูโปร่งกว้าง ภายในห้องมีการแบ่งพื้นที่การใช้งานเป็นสัดส่วนดี สามารถออกไปใช้งานระเบียงได้จริง ส่วนห้องนอนจะมีห้องน้ำในตัวใช้งานได้ง่าย แต่สำหรับห้อง 1 Bedroom อาจจะเสียความเป็นส่วนตัวเวลามีแขกมาหาค่ะ โดยรวมจัดพื้นที่ได้ลงตัวแต่ก็ยังมีบางพื้นที่ที่ต้องระมัดระวังในการใช้งาน เช่น พื้นที่ห้องครัวที่เป็นครัวเปิดเหมาะกับการทำอาหารที่ไม่จริงจังมากนักค่ะ

สาธารณูปโภค :

ภายในโครงการมี Facility มาให้ใช้หลากหลาย เริ่มตั้งแต่ชั้นล่างของตัวอาคาร จะประกอบไปด้วย Lobby , Library , Outdoor Library , Meeting room และมีบริการจาก Concierge Service มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ทั้งในชั้น 1 ด้านหน้าอาคาร และที่ชั้น 6 ส่วนพื้นที่ส่วนกลางอื่นๆจะอยู่ที่ชั้น 29-30 สามารถมองเห็นวิวเมืองได้รอบด้าน ประกอบด้วย Infinity-Edge swimming pool ระบบเกลือ , Kid’s Pool , Shallow Pool , Jacuzzi Pool และ Steam room แยกชาย-หญิง นอกจากนั้นจะมีพื้นที่ Pantry Terrace , Social Club , Executive Lounge & Meeting สำหรับประชุม หรือ Hangout กับเพื่อนๆได้ ส่วนพื้นที่ออกกำลังกายจะมี Fitness Studio & Bike Simulator , Golf Simulator และ Yoga Room ให้ใช้งาน ภายในอาคารมีลิฟต์โดยสาร 3 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 78 : 1 ถือว่าไม่หนาแน่นจนเกินไปค่ะ


Judgement

ราคาของคอนโดนี้ถือเป็นระดับ SUPER LUXURY CLASS ซึ่งความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะคะ เพราะมีตัวเปรียบเทียบน้อย เนื่องจากเป็นสินค้าประเภท Unique เสียส่วนใหญ่

  • SUPER LUXURY CLASS

BOTTOM LINE

โครงการ Laviq สุขุมวิท 57 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดหรูในทำเลทองหล่อที่สามารถเดินไปใช้รถไฟฟ้า BTS ได้สะดวก ชอบคอนโดอยู่ในซอยที่มีความสงบไม่พลุกพล่าน ชอบแฟชั่นและเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ Fendi Casa มีห้องหน้ากว้างให้เลือก และได้ความคุ้มค่าจากวัสดุภายในห้อง ชอบครัวเปิดและมีอ่างอาบน้ำทุกยูนิต และสุดท้ายคือมีงบประมาณเริ่มต้น 10.9 – 30 ล้านบาท


ติดตามพวกเราได้ที่
Website : www.thinkofliving.com
Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
Facebook : ThinkofLiving