cover 3-4 review

รีวิวฉบับที่ 1054 สวัสดีค่ะ เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาเราได้มีโอกาสไปคอนโด The Lumpini 24 โครงการคอนโด Highrise ตัวบนสุดของ LPN ซึ่งนอกจากจะเดินเล่นผ่านส่วน Facility ของโครงการแล้ว ยังเป็นครั้งแรกที่ LPN เผยโฉมยูนิต Duplex บนชั้น 7-8 ของอาคารจอดรถด้านหลังที่มีเพียง 9 ยูนิต ขนาด 137-157 ตารางเมตร ในราคา 26-30 ล้านบาท

Facts @ 4 April 2016

  • The Lumpini 24 (เดอะ ลุมพินี 24)
  • L.P.N. Development Co.,Ltd
  • SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : แขวงคลองตัน เขตคลองเตย
  • คอนโด 2 อาคาร ประกอบไปด้วยอาคาร High Rise 46 ชั้น 1 อาคาร รวมประมาณ 402 ยูนิต และอาคารที่จอดรถแยกออกมาชั้น 1-6 ส่วนชั้น 7-8 เป็นยูนิต Duplex Villa 9 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 12 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 278 คันคิดเป็น 70% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 3 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : เมษายน 2557
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : เดือนเมษายน 2559
  • 1 Bedroom 26 – 99.5 ตารางเมตร
  • 2 Bedrooms 53.5 – 109 ตารางเมตร
  • 3 Bedrooms 124 – 164 ตารางเมตร
  • Duplex Villa 137-157 ตารางเมตร ยูนิตที่อยู่บนชั้น 7-8 ของอาคารจอดรถด้านหลัง ราคา 26-30 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.45 – 2.7 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้นในปัจจุบัน 28 ตารางเมตร ราคา 5.8 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการประมาณ 210,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • รีวิวห้องตัวอย่างโครงการ The Lumpini 24 ปี 2556 คลิกที่นี่
  • Call center : 02-689-6888

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างนะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.722780, 100.565978

map-small

แผนที่โครงการ คอนโด The Lumpini 24 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ซึ่งเป็นซอยขนาดใหญ่แบบ two-way เข้า-ออกได้ทั้งจากถนนสุขุมวิทและถนนพระรามสี่ โดยจากปากซอยฝั่งถนนสุขุมวิทจะต้องเข้าซอยมาลึกประมาณ 900 เมตร ถ้าเดินก็ค่อนข้างเหนื่อยเหมือนกัน แต่ถ้ามาจากปากซอยฝั่งพระรามสี่จะใกล้กว่าคือประมาณ 270 เมตร

รอบๆโครงการจะโดยเฉพาะในซอยสุขุมวิท 24 จะเด่นและดังเรื่องคอนโดรุ่นบุกเบิกที่มีดีไซน์คลาสสิกและราคาขึ้นสูงอยู่ตลอดเวลา อันเนื่องมาจากศูนย์การค้า Emporium ที่อยู่หน้าซอย 24 และปัจจุบันมี Emquartier มาเปิดที่ฝั่งตรงข้าม ส่วนในซอยก็จะมีคอนโด High rise และโรงแรมเยอะมากๆทั้งสองฝั่งตั้งแต่ต้นซอยเข้ามาเรื่อยๆ ส่วนที่ฝั่งพระรามสี่ที่คึกคักหน่อยก็จะเป็นซอยเพื่อนบ้านที่ซอย 26 ที่มีทั้ง K-village, A space, Big C และโลตัสฝั่งตรงข้าม ในซอยระยะเดินก็จะมีทั้ง 24 Avenue, The Davis hotel ร้านอาหารฝรั่งต่างๆและ Lawson

Main-Plan-copy

โครงการคอนโด The Lumpini 24 เป็นแปลงที่อยู่ริมซอยสุขุมวิท 24 ที่เป็นซอยใหญ่ก็จริง แต่นับเป็นแปลงหัวมุมที่อยู่ติดกับซอยถนนเรารักในหลวงที่เป็นซอยเล็กๆที่ต่อเนื่องกับซอยเศรษฐีทวีทรัพย์ ซึ่งทั้งความยาวเป็นซอย one-way ที่ลัดเลาะระหว่างซอยสุขุมวิทฝั่งเลขคู่ตั้งแต่ซอยอรรถกระวีย้อนไปที่ซอยสุขุมวิท 16 ทำให้การจราจรหน้าโครงการหนาแน่นมากตลอดทั้งวัน

รีวิวห้องตัวอย่างเมื่อปี 2556 มีการเดินทางจากหลายเส้นทาง ดังนั้นวันนี้เราจะพาเดินกันแค่ช่วงรอบๆโครงการในระยะใกล้ๆกันนะคะ เริ่มต้นการเดินทางจากหน้าโครงการ

ถ้าเข้ามาจากถนนพระรามสี่ตรงมาประมาณ 270 เมตรก็จะเจอกับสี่แยกเล็กๆที่ตัดระหว่างซอยสุขุมวิท 24 ที่วิ่งตัดถนนสุขุมวิทและพระรามสี่ และซอยเรารักในหลวงที่เป็นซอย one-way ตัดระหว่างซอยสุขุมวิท 16 ไปถึงซอยอรรถกระวีที่เห็นอยู่ทางซ้ายมือของรูป โดยโครงการจะเป็นแปลงหัวมุมพอดี ข้างๆที่เห็นพี่ๆกำลังเก็บงานกันอยู่คือส่วนของทางเข้าคนเดินที่เพิ่มเข้ามาอีกจุดนอกจากทางเข้า-ออกรถที่อยู่เลยไป

ข้ามฝั่งมาที่ด้านหน้าโครงการ มีทางเท้าเดินสวยงามแต่ไม่กว้างนักและมีต้นไม้ปลูกอยู่เป็นระยะๆ

เดินมาอีกนิดนึงก็จะเจอกับทางเข้า-ออกหลักของโครงการที่เป็นทางรถและทางคนเดิน ด้านหน้าจะมีพี่ยามคอยช่วยเหลือเวลาข้ามถนนตลอด เพราะซอยสุขุมวิท 24 รถหนาแน่นมากตลอดวัน

ตรงมาเรื่อยๆในซอย 24 มุ่งหน้าถนนสุขุมวิทก็จะเจอกับคอนโด High rise ทั้งสองฝั่งและโรงแรม โดยบางจุดก็จะไม่มีทางเดินเท้าแล้วก็จะต้องลัดเลาะตามทางไปเรื่อยๆ หรือว่าจะจ้างพี่วิน แท๊กซี่ รถกระป้อ สองแถวเอานะคะ เพราะจากโครงการถึง BTS พร้อมพงษ์จะเป็นระยะประมาณ 1 กิโลเมตร

หันมาทางขวาจากจุดที่ยืนอยู่นิดนึงก็จะเจอกับ โครงการ The Emporio Place ที่มีด้วยกัน 3 ตึก ด้านหน้าชั้น 1-3 จะมีพื้นที่ Retail ทั้ง Lawson และ True coffee โดยบนชั้นสองเดินบันไดขึ้นไปจะเป็นที่ตั้งของ Sales office โครงการ The Lumpini 24 และมีห้องตัวอย่างให้เยี่ยมชม

แหงนหน้ามองขึ้นไปจะเห็นได้ถึงความหนาแน่นของอาคารสูงในซอยสุขุมวิท 24 จะมีระยะห่างกันไม่เกิน 50 เมตรโดยประมาณ แต่ใครโชคดีอยู่ฝั่งที่ได้วิวกว้างๆก็จะสบายตาขึ้นหน่อย

กลับมาที่หน้าโครงการ ทางขวามือเป็นทางเข้า-ออกหลักของโครงการนะคะ เราจะเดินกลับไปที่สี่แยกเล็กๆที่ซอย 24 ตัดกับซอยเรารักในหลวงอีกครั้ง ฝั่งตรงข้ามถนนของโครงการคือ Mahogany tower คอนโดรุ่นเก่าที่มีพื้นที่ Commercial ด้านล่างชั้น 1 เช่นกันแต่ว่าตอนนี้ปล่อยว่างไม่มีผู้เช่า

เดินข้ามฝั่งมาอยู่ที่หัวมุมของอาคาร Mahogany tower มองเข้าหาสี่แยกที่ซอย 24 ตัดกับซอยเรารักในหลวงทางขวามือหรือไปทางซอย 16 ส่วนซอยที่มุ่งหน้าไปซอยอรรถกระวีจะเรียกว่าถนนพละพงศ์พานิช

หันมาทางซ้ายมือในดูถนนพละพงศ์พานิช ซึ่งเป็นซอย one-way เลนเดียววิ่งจากซอยอรรถกระวีย้อนไปทางซอยสุขุมวิท 16

เดินตรงมาอีกหน่อยที่ซอยสุขุมวิท 24 มุ่งหน้าพระรามสี่ ทางซ้ายมือจะเป็น neighborhood mall ชื่อ 24 avenue สูง 2 ชั้น โดยมีผู้เช่าหลักที่ชั้น 1 คือร้านอาหารต่างๆ จะมีทั้งแบบ indoor และ outdoor

ตรงมาอีกหน่อยคือ The davis hotel ที่มี 2 wings ด้านล่างจะมีร้าน au bon pain ขนาดใหญ่อยู่ด้านล่าง ฝั่งตรงข้ามกันมี Family mart เปิด 24 ชั่วโมง

ข้ามมาอยู่ทางเท้าฝั่งตรงข้าม หันหน้าเข้าโครงการก็จะเห็นพี่วินกลุ่มใหญ่รอรับลูกค้าอยู่

เดินผ่านพี่วินมาหน่อยแล้วเลี้ยวซ้ายก็จะเข้ามาในซอยเรารักในหลวง โดยขวามือคือพื้นที่โครงการ และซ้ายมือคือพื้นที่ commercial แบบชั้นเดียว มีพื้นที่จอดรถด้านหน้านิดหน่อย

โดยร้านที่มาเปิดส่วนใหญ่จะเป็นร้านให้บริการมากกว่าร้านอาหาร เพราะร้านอาหารจะไปเปิดตามพื้นที่ retail ชั้นล่างของคอนโดมากกว่า ร้านบริการ อาทิ ร้านซักรีด ร้านนวด และร้านเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง แต่เดินผ่านก็รู้สึกว่าค่อนข้างเงียบเหงามากทีเดียว

หันหน้าเข้าหาพื้นที่โครงการกันหน่อย ด้านหนัาจะเห็นว่าเป็นอาคารสูง 8 ชั้นอยู่ด้านหลังอาคารพักอาศัยหลัก 46 ชั้นของโครงการ โดยอาคารนี้ชั้น 1-6 เป็นพื้นที่จอดรถ ส่วนชั้น 7-8 เป็นพื้นที่พักอาศัยแบบ Duplex villa จำนวน 9 ยูนิตที่เราจะพาไปชมกันในส่วน Product walkthrough นะคะ ทางขวามือที่เห็นเป็นทางเดินและพื้นที่สีเขียวคือทางเดินยาวไปถึงหัวมุมสี่แยกด้านหน้าโครงการ

โดยพื้นที่ทางเดินจะทำเป็นเหมือนทางเท้า แต่กว้างกว่าและน่าเดินกว่ากันเยอะ มีการลงต้นไม้เป็นระยะๆและวางม้านั่ง ถ้าเดินไปเรื่อยตรงหัวมุมจะมีทางเข้าคนเดินเข้าสู่พื้นที่โครงการได้เลย

รูปสุดท้ายหันให้ดูพื้นที่ในซอยเรารักในหลวงที่จะไปสุดที่ซอยสุขุมวิท 16 นู้นเลย

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ The Lumpini 24 เป็นคอนโด High rise สูง 46 ชั้น 1 อาคารที่เราเห็นด้านหน้านี้ ภายในมียูนิตจำนวน 402 ยูนิต โดยมีชั้น Facility อยู่ที่ชั้น 1 และชั้น 2 อย่าง Lobby, reception และ business center ส่วนชั้น Facility ด้านบนที่ชั้น 41 และ 42 จะเป็น Sky Lounge, สระว่ายน้ำที่อยู่สูงมาก และห้องฟิตเนส รวมถึง Kid’s room จะสังเกตได้ว่าคอนโดนี้ค่อนข้างจะสูงกว่าอาคารรอบๆข้างและอยู่มุมที่ได้วิวกว้างกว่า

นอกจากอาคาร High rise ด้านหน้า จะมีอาคารด้านหลังเป็นอาคารสูง 8 ชั้น ซึ่งเป็นชั้นจอดรถที่ชั้น 1-6 และชั้น 7-8 เป็นส่วน Duplex villa จำนวน 9 ยูนิตอีกด้วย

ส่วน High floor ที่โดดเด่นคือสระว่ายน้ำบนชั้น 41 ซึ่งเป็นสระว่ายน้ำที่มีโครงสร้างยื่นออกมาจากตัวตึกหลักหน่อย เป็นสระว่ายน้ำที่ออกมาได้จากพื้นที่ Sky lounge ที่ภายใน Sky lounge จะมีบันไดขึ้นไปยังชั้น 42 ที่มี Facility อยู่อีกส่วนหนึ่ง ชั้นด้านบนขึ้นไปอีกที่ชั้น 43-46 จะเป็นห้องพักที่ขนานยูนิตใหญ่ขึ้นมาอีก

มาดูอาคารด้านหลังที่สูง 8 ชั้น โดยชั้น 1-6 จะเป็นอาคารจอดรถจุได้ประมาณ 278 คันคิดเป็น 70% ไม่รวมจอดซ้อนคัน โดยชั้น 7-8 จะเป็นชั้นพักอาศัยในส่วนของ Duplex Villa จำนวน 9 ยูนิตที่หันหน้าเข้าหากัน โดยมีส่วน Facility อยู่ตรงกลางที่ใช้ร่วมกันได้อาทิ สระว่ายน้ำ พื้นที่นั่งเล่น และสวน โดยการเข้าถึงของยูนิต Duplex villa จะใช้ลิฟท์ตัวเดียวกับการขึ้นที่จอดรถแต่ชั้น 7-8 จะเป็นแบบ Proxy lift หรือลิฟท์ล็อคชั้น โดยเราจะมีห้องตัวอย่างแบบมาตรฐานของ Duplex villa ให้ชมกันในช่วง Product walkthrough

Fl1

ต่อไปเราจะเริ่มเข้าไปชมพื้นที่ภายในอาคารกันหน่อยนะคะ โดยเริ่มจากชั้น 1

เริ่มจากทางเข้า-ออกหลักของโครงการบนซอยสุขุมวิท 24 ที่เป็นทั้งทางรถและทางคนเดิน ด้านหน้าริมถนนจะมีพี่ยามคอยช่วยเหลือโบกรถและพาข้ามถนนตลอด เพราะซอยสุขุมวิท 24 รถหนาแน่นมากตลอดวัน

เข้ามาภายในโครงการ ทางขวามือจะมีป้อมพี่ยาม และระบบรักษาความปลอดภัยแบบไม้กระดกเวลารถเข้า-ออก

หันมาทางฝั่งซ้ายกันบ้าง จะเป็นในส่วนของ Drop-off และทางเข้าคอนโดที่เป็นอาคาร High rise ทางขวามือ ส่วนพื้นที่สีเขียวทางซ้ายมีคือส่วนที่เป็นพื้นที่มุมของซอยสุขุมวิท 24 และซอยเรารักในหลวงตัดกัน นอกจากนั้นถ้าเราเดินเลยจุด drop-off เข้าไปอีกจะเจอทางเดินเข้าอาคารจอดรถด้านหลัง

เราเดินเลยจุด drop-off แล้วหันมาทางขวาก็จะเจอกับทางเดินยาวเข้าส่วนอาคารจอดรถสูง 8 ชั้น ซึ่งถ้าเป็นทางรถจะอ้อมเข้าไปทางขวาหลังไม้กระดกฝั่งเดียว โดยชั้น 1-6 ที่เห็น Facade เป็นสีทึบคือพื้นที่จอดรถ ส่วนด้านบนที่เป็น Facade สีเหลือง-ทองคือส่วนของยูนิต Duplex villa จำนวน 9 ยูนิต

เดินเข้ามาด้านหน้าอาคารจอดรถ มองไปทางขวาก็จะเจอกับส่วนของพื้นที่สีเขียวระหว่างอาคาร ซึ่งพื้นที่ตรงนี้ก็จะมีการลงหญ้าจริง และ Scuplture รูปทรงตร่งๆ และส่วนของน้ำตื้นๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่จะร่มเกือบตลอดทั้งวันยกเว้นช่วงเที่ยง เหมาะกับการพาเด็กเล็กๆมาเดินนอกห้องได้ระหว่างวัน

 

ทางเข้าอาคารจอดรถจะมีทั้งบันไดและทางลาด ซึ่งจะไปไปบรรจบทางกันที่ด้านใน ถือเป็นจุดที่น่าชื่นชมในเรื่องของความใส่ใจเล็กๆน้อยๆสำหรับผู้ใหญ่ที่เดินขึ้นบันไดได้ยาก คนที่ขนของหนักต้องการใช้รถเข็น หรือคนที่นั่ง Wheelchair

เดินเข้าอาคารจอดรถมาด้านในก็จะเห็นพื้นที่จอดรถที่แบ่งเป็นส่วนละครึ่งชั้นวนไปเรื่อยๆเป็นสี่เหลี่ยม โดยอาคารจอดรถที่จอดได้ 6 ชั้นจอดได้ประมาณ 278 คัน คิดเป็น 70% แบบไม่รวมจอดซ้อนคัน

หันมาทางซ้ายหน่อยก็จะเจอกับ Core ของอาคารที่จอดรถซึ่งประกอบไปด้วยลิฟท์โดยสาร 2 ตัวและบันไดหนีไฟ จะเป็นทั้งส่วนที่ขึ้นอาคารจอดรถและส่วนของชั้น 7-8 ยูนิต Duplex villa ที่ต้องใช้ Keycard แตะก่อนจะกดชั้นได้

ขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 7 ของอาคารจอดรถก็จะเจอกับส่วนพักอาศัยของยูนิต Duplex villa จำนวน 9 ยูนิต ด้วยพื้นที่อาคารจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ยูนิตทั้ง 9 ก็จะล้อมรอบเป็นรูปตัว U โดยมีพื้นที่ตรงกลางเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่ใช้ร่วมกัน ประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำ พื้นที่นั่งเล่นข้างสระ และพื้นที่สีเขียวพร้อมปลูกต้นไม้ให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นมาอีกหน่อย

หันมาทางขวาก็จะเจอกับสระว่ายน้ำขนาดไม่ใหญ่มากอยู่หน้าพื้นที่นั่งเล่น

Duplex villa จำนวน 9 ยูนิตจะมีหน้าตาประมาณนี้ทั้งหมดล้อมกันเป็นรูปตัว U โดยจะมีบันไดภายในยูนิตต่อกันเป็น Duplex โดยมี 1 ห้องนอนอยู่ชั้นล่าง และอีก 2 ห้องนอนอยู่ชั้นบน หน้าตา Facade อาจจะดูเปิดโล่งไปซักหน่อยทำให้ความเป็นส่วนตัวที่ได้อาจจะน้อยกว่ายูนิตในอาคาร High rise ข้างๆ

ซึ่งถ้าเรายืนอยู่ตรงกลางของชั้น 7 แล้วแหงนหน้าขึ้นไปมองที่อาคาร High rise ก็จะได้วิวประมาณนี้ เป็นแนวโค้งขึ้นไป

จากอาคารที่จอดรถ เรากลับมาที่อาคารคอนโดสูง 46 ชั้นที่อยู่ด้านหน้ากันนะคะ จะพาเดินเล่นในส่วนของ Facility ตั้งแต่ชั้น 1 ขึ้นไปถึงชั้นบนๆ โดยที่เห็นคือ Drop-off หน้า Lobby ของโครงการทำเป็นโค้งตามแนวของอาคารภายนอก

เปิดเข้ามาด้านในจะเจอกับ Lobby ที่มีเพดานสูงมาก โดยมีเคาท์เตอร์ reception ค่อยให้บริการอยู่ตรงกลาง ถ้าหันไปทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของพื้นที่นั่งรับรองที่กว้างกว่าและมีบันไดขึ้นชั้น 2 ส่วนหันทางขวาจะเป็นทางเข้าโถงลิฟท์

เราเดินมาทางซ้ายมาดูพื้นที่กว้างๆกันก่อนนะคะ แหงนหน้าขึ้นไปก็จะเป็นพื้นที่ชั้นสอง โดยเราจะเดินบันไดที่อยู่ระหว่างเสาสองต้นหนาๆด้านหน้า

*วันที่เราเข้าไปเก็บข้อมูล ทาง LPN ได้มีการแถลงข่าวเกี่ยวกับโครงการ The Lumpini 24 และบริษัท ทำให้อาจจะมีพี่ๆนักข่าวอยู่ในภาพบ้าง

Fl2

ผังของชั้น 2 จะมีแค่ส่วนเหนือที่เป็น Business center และ Rental space เพราะส่วนอื่นๆนั้นติดความสูงของ Double ceiling floor height ของชั้น 1

เราเดินบันไดมาบนชั้น 2 ก็จะได้วิวงานแถลงข่าวด้านล่างที่ Lobby

หันไปทางพื้นที่ด้านในจะเจอกับทางเดินตรงกลาง ซ้ายมือเป็นห้องกระจก

เดินมาตรงทางเดิน ประดูเข้า Business center ก็จะอยู่ทางซ้าย แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือส่วนที่เป็นพื้นที่ยืนคุยกันด้านหน้าและจะมีประตูอีกชั้นนึงเปิดเข้าไปเป็นห้องประชุมที่มีเก้าอี้และกระดาน white board พร้อม

กลับมาที่เมื่อเดินเข้า Lobby มาแล้วหันมาทางขวามือ ก็จะเจอกับบันไดและทางลาดเพื่อขึ้นไปยังประตูที่เปิดเข้าไปจะเจอโถงลิฟท์อีกที

ภายในโถงลิฟท์จะประกอบไปด้วยลิฟท์ 4 ตัว แต่จะกั้นฝั่งเหนือและใต้ออกเป็น 2-2 เป็นลิฟท์แบบล็อกชั้นและขึ้น-ลงค่อนข้างนิ่ง

Fl3-33

ผังพื้นชั้น 3-33 จะเป็น Typical floor ( ชั้น 7 เป็น Mechanical floor ) ลักษณะผังจะคล้ายๆกับตัว L สองตัวหันหน้าประกบกันและมี Core ของ Lift และบันไดอยู่แกนกลางอาคาร มีทางเดินล้อมรอบ Core เพื่อเข้าสู่ห้องพัก โดยห้องพักจะมีทั้งหมด 12 ห้องต่อชั้น ครึ่งซ้ายและขวาของอาคารจะเหมือนกันแค่กลับด้านนะคะ โดยมีทั้งแบบ 1 ห้องนอนและ 2 ห้องนอน

  • No.01-04 และ 09-12 ขนาด 1 ห้องนอน ตั้งแต่ 28.00-38.40 ตารางเมตร
  • No.05-08 ขนาด 2 ห้องนอน ตั้งแต่ 54.00-55.40 ตารางเมตร

Fl34-39

ผังพื้นชั้น 34-39 ห้องพักจะมีทั้งหมด 4 ห้องต่อชั้น ครึ่งซ้ายและขวาของอาคารจะเหมือนกันแค่กลับด้าน (ชั้น 40 เป็น Mechanical floor เช่นกัน)

  • No.02 และ 03 ขนาด 2 ห้องนอน 109 ตารางเมตร
  • No.01 และ 04 ขนาด 3 ห้องนอน 124 ตารางเมตร

Fl41

ชั้น 41 เป็นส่วนของ Facilities โดยเดินจากโถงลิฟท์มาทางตะวันตกจะเจอกับ Shy lounge ที่สามารถมองเห็นและเข้าถึงสระว่ายน้ำแนวโค้งได้ยาวตลอดตัวอาคาร ส่วน Facility อื่นๆจะอยู่ใกล้กับตัวลิฟท์เลยไม่ว่าจะเป็น Kid’d club และห้องน้ำ

บนชั้น 41 เราเดินจากโถงลิฟท์มาที่ส่วน Sky lounge โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ทางซ้ายมือเป็นส่วนที่มีโซฟาชุดๆจัดเป็นที่นั่ง จะเงียบกว่าส่วนด้านขวาที่เป็นพื้นที่เปิดโล่งขนาดใหญ่ไว้สำหรับจัด Party ได้หน่อย บันไดตรงกลางคือทางขึ้นชั้น 42 ที่เป็นส่วน Facility และถ้าเราเดินไปทางขวามือจากจุดที่ยืนอยู่จะออกไปทางสระว่ายน้ำทิศเหนือของโครงการ

เดินเข้ามาที่พื้นที่ทางซ้ายหลังกระจกทางทิศตะวันออกของโครงการ จะเห็นชุดโซฟาชุดใหญ่ๆวางกันประมาณ 3 ชุดให้ได้เลือกนั่งกัน ได้ความรู้สึกสบายๆหน่อย

โดยวิวที่ได้ทางทิศตะวันออกจะเป็นถนนพระรามสี่ เลยไปจะเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา และหลังแม่น้ำเจ้าพระยาไปอีกทีจะเป็นพื้นที่บางกระเจ้าที่เป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่มาก

กลับมาในส่วนของพื้นที่โล่งๆตรง Sky lounge เปิดโล่งมองเห็นพื้นที่ชั้น 42 ด้านบน ซ้ายมือมีประตูบานเลื่อนเปิดออกไปถึงสระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำจะมีรูปร่างตามแนวโค้งของอาคาร เท่าที่มองดูคือไม่มีการแบ่งความลึกสระที่ตื้นหน่อยเป็นสระเด็กนะคะ พื้นที่ข้างสระกว้างประมาณนึงวางโต๊ะ-เก้าอี้เล็กๆได้ แต่ในการใช้งานจริงน่าจะเป็น Daybed วางข้างสระมากกว่า

โดยสระว่ายน้ำชั้น 41 นี้ก็จะมองเห็นวิวทิศเหนือ-ตะวันตกเฉียงเหนือได้พอดี แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะได้เว้นพื้นที่รอบข้างไว้ประมาณ 1 เมตร ป้องกันความเสียวและเป็นทางเดินสำหรับการ maintenance ไว้อยู่แล้ว

 

โดยพื้นที่ maintenance จะเป็นทางเดินสำหรับช่างนะคะ สำหรับลูกบ้านไม่แนะนำโดยเฉพาะเด็กวัยซนที่ชอบปีนป่าย

วิวฝั่งเหนือจะได้ไปทางถนนรัชดาภิเษก ที่มีสวนเบญจกิตติอยู่ข้างๆพื้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ มีฉากหลังเป็นพื้นที่ตึก High rise แถวเพลินจิต-ชิดลม

ถ้าหันมาทางตะวันตกหน่อยก็จะได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาและบางกระเจ้าเหมือนกับภายใน Sky lounge อีกฝั่งหนึ่ง

มองลงให้หวาดเสียวกันเล่นๆ

Fl42

ชั้น 42 สามารถเข้าถึงได้ 2 วิธี คือการเดินบันไดจาก Sky lounge ชั้น 41 หรือขึ้นลิฟท์ไปก็ได้เช่นกัน โดยพื้นที่จะมีแค่ครึ่งชั้นส่วนทิศใต้ ประกอบไปด้วย Fitness, Multi-function room และ Laundry

ขึ้นบันไดจาก Sky lounge มาที่ชั้น 42 จะมีส่วนที่มองเห็นชั้น 41 เพราะเป็นแบบ Double ceiling height

บนชั้น 42 ก็จะมีทางเดินวนเป็นวงกลมรอบ Core ลิฟท์ได้เลย ทางขวามือจะเป็นห้องฟิตเนสที่ยังไม่มีการวางเครื่องเล่นภายในนะคะ

เดินเข้าไปหน่อยก็จะเจอกับ Multi-function room ที่ยังไม่มีการตกแต่งด้านในเช่นกัน

ปิดท้ายส่วน Facility ด้วยภาพ Sky swimming pool จากพื้นที่ชั้น 42 กันหน่อย

Fl43

ผังพื้นชั้น 43 ห้องพักจะมีทั้งหมด 1 ห้องต่อชั้น อยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้

  • No.01 ขนาด 3 ห้องนอน 164 ตารางเมตร

Fl44

ผังพื้นชั้น 44 ห้องพักจะมีทั้งหมด 2 ห้องต่อชั้น อยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ ผังจะเหมือนครึ่งหนึ่งของชั้น 34-39

  • No.01 ขนาด 3 ห้องนอน 124 ตารางเมตร
  • No.02 ขนาด 2 ห้องนอน 109 ตารางเมตร

Fl45

ผังพื้นชั้น 45 ห้องพักจะมีทั้งหมด 4 ห้องต่อชั้น โดยจะมี Duplex เพิ่มเติมเข้ามา

  • No.01 ขนาด 3 ห้องนอน 124 ตารางเมตร
  • No.02 ขนาด 2 ห้องนอน 95.50 ตารางเมตร
  • No.03 ขนาด Duplex 1 ห้องนอน 99.50 ตารางเมตร
  • No.04 ขนาด Duplex 1 ห้องนอน 60.50 ตารางเมตร

Fl46

ผังพื้นชั้น 44 ห้องพักจะมีทั้งหมด 4 ห้องต่อชั้น นับรวม Duplex เข้าไปด้วย

  • No.01 ขนาด 3 ห้องนอน 124 ตารางเมตร
  • No.02 ขนาด 2 ห้องนอน 95.50 ตารางเมตร

 

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1 – Lobby, reception and mailbox
  • ชั้น 2 – Business centre
  • ชั้น 41 – Sky swimming pool
  • ชั้น 41 – Sky lounge
  • ชั้น 41 – Kid’s club
  • ชั้น 42 – Fitness
  • ชั้น 42 – Laundry
  • ชั้น 42 – Multi-function room
  • สวนส่วนกลางรอบๆพื้นที่โครงการ
  • อาคารจอดรถด้านหลัง 6 ชั้น
  • ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 100 : 1
  • ที่จอดรถประมาณ 278 คันคิดเป็น 70% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.

 


Product Walkthrough

วันนี้เป็นวันดีที่เราจะพามาชมห้องตัวอย่างแบบ Duplex villa ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ LPN เปิดให้ได้ชมกันเลยนะคะ โดยยูนิต Duplex villa จะอยู่บนอาคารจอดรถชั้น 7-8 มีเพียง 9 ยูนิตวางล้อมกันเป็นตัว U โดยพื้นที่ระหว่างตัว U ก็จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางทั้งสระว่ายน้ำ, พื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่สีเขียว

แน่นอนว่า Type Duplex villa จะมีด้วยกัน 2 ชั้น มีบันไดภายในเชื่อมขึ้น-ลง 3 ห้องนอนแบ่งเป็นชั้นล่าง 1 ห้องนอน และชั้นบน 2 ห้องนอน รวมพื้นที่ทั้งหมด 137-157 ตารางเมตร

หน้าตาของ Duplex villa จะค่อนข้างโปร่งกว่ายูนิตภายในอาคารทั่วไป เหมือนจะเป็นทาวน์โฮม 2 ชั้นมากกว่า โดย Facade ด้านหน้าจะเป็นกระจกใสเปิดโล่งรับแสง โดยส่วนล่างจะเป็นประตูบานเลื่อนสามารถเปิดเพื่อรับลม ส่วนด้านบนจะเป็นแบบ Fixed ไปเลย  พื้นที่ภายในด้านหน้าจะเป็นส่วนห้องนั่งเล่นที่มีความสูงแบบ Double ceiling floor แนะนำว่าติดม่านไว้บนฝ้าชั้น 2 ไปเลยจะช่วยในเรื่องความเป็นส่วนตัวภายในยูนิตได้ดีขึ้น

แต่ละยูนิตจะมีพื้นที่ด้านหน้าเป็นพื้นที่สีเขียวปูด้วยหญ้า และทางเดินไม้เข้าประตูทางเข้ายูนิต ส่วนหน้าต่างบานเลื่อนจะมีด้วยกัน 2 บาน ลูกฟักคือกระจกและกรอบบานคืออลูมิเนียมพ่นสีเทาเข้ม

ประตูทางเข้าหลักเป็นประตูแบบดึงออก มีคันโยกและตัวล็อกแบบ 2 จังหวะให้เรียบร้อย

เข้ามาด้านในก็จะเจอกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นที่ติดกับส่วนเคาท์เตอร์ครัว โดยเคาท์เตอร์ครัวนี้จะเป็นเหมือนครัวฝรั่งไว้ทำอาหารเช้าง่ายๆมากกว่าจะทำต้มยำแบบไทยๆที่ต้องโขลกขิงข่า อันนั้นจะเป็นหน้าที่ของครัวไทยที่อยู่ด้านหลัง จะมีห้องปิดเป็นสัดส่วน ทางซ้ายมือจะเป็นส่วนที่วางโซฟา ดูทีวีพักผ่อน ส่วนถ้าเดินเข้าไปด้านในจะมีห้องน้ำของชั้นล่าง, ห้องนอนชั้นล่าง, ห้องครัวที่ต่อกับระเบียงด้านหลังยูนิต และบันไดทางขึ้น-ลง

รูปแบบการขายของ Duplex villa คือ Fully fitted คือได้ตามที่เห็นในภาพที่เป็นส่วนของงาน Built-in ทั้งส่วนครัวและห้องน้ำได้ทั้งหมด แต่ส่วนเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวและของตกแต่งจะไม่รวมเข้าไปด้วยนะคะ

จากพื้นที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่างมองขึ้นไปยังพื้นที่ชั้นสองก็จะเจอกับบ้านเปิดของห้องนอน โดยจะแบ่งเป็นห้องนอนฝั่งซ้ายที่มีมองเห็นได้เยอะหน่อย ตรงกลางเป็นห้องน้ำที่ต้องใช้ร่วมกัน และขวามือที่เป็นหน้าต่างบานกระทุ้งยาวๆคือห้องนอนอีกห้องหนึ่ง

แหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบนคือเพดาน จะเป็นแอร์แบบ Conceal type คือฝั่งเข้าไปในฝ้า จะเรียบร้อยกว่าแบบที่เห็นตัวเครื่องแต่จะมีการซ่อมแซมที่ยากกว่า และยิ่งมีความสูงแบบ Double ceiling height ด้วยแล้วจะทำให้การดูแลจะยากกว่าปกติและจะต้องเปิดแอร์แรงหน่อยเพื่อให้เพียงพอต่อปริมาตรของห้องนั่งเล่นนี้

ฝั่งขวาเป็นเคาท์เตอร์ครัวฝรั่ง เป็นจุดเดียวที่ให้ Built-in ภายในห้องนั่งเล่นนี้ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือเคาท์เตอร์ติดผนังที่มีลิ้นชักชั้นล่างและตู้ชั้นบน อีกชิ้นหนึ่งคือ Island ของครัวตรงกลางไว้สำหรับการเตรียมอาหารและการนั่งทานข้าวทานขนมแบบง่ายๆ

ซูมกันให้ดูใกล้ๆสำหรับส่วนเคาท์เตอร์ครัวด้านนอก สังเกตได้ว่าจะไม่มี Hob and hood หรือการเตรียมพื้นที่สำหรับการทำครัวหนักๆ เนื่องจากว่าด้านหลังจะมีครัวไทยที่เชื่อมกับระเบียงหลังยูนิตรองรับการทำอาหารแบบเชฟจริงจังไว้แล้ว

อีกฝั่งหนึ่งเป็นส่วนของการวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้ ทั้งรูปตัว L จะยาวแค่ไหนก็พอ หรือว่าจะเพิ่มส่วนของพื้นที่ทำงาน พื้นที่ชั้นวางหนังสือและตกแต่งฝาผนังใหญ่ๆที่ให้เต็ม

จากภายในยูนิตหันหน้าออกนอกบ้านก็จะรู้สึกได้ถึงความโล่งและโปร่งที่มากกว่ายูนิตคอนโดทั่วไปเยอะ

หันกลับหลังมาก็จะเจอกับห้องที่แบ่งย่อยเป็นห้องสำหรับการใช้งานประเภทต่างๆ อย่างห้องทางซ้ายมือคือห้องน้ำของชั้นล่าง ลึกเข้าไปหน่อยเป็นห้องนอนชั้นล่าง หลังประตูทางขวามือจะมีห้อง 2 ห้องคือห้องครัวไทยที่มีประตูเชื่อมออกไปยังระเบียงด้านหลังยูนิตได้ และแยกขวาไปจะเป็นประตูที่เปิดไปเจอบันไดขึ้น-ลง

การแบ่งพื้นที่ห้องน้ำจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเหมือนกับห้องตัวอย่างแบบ 28 ตารางเมตรเป๊ะๆ เริ่มจากอ่างล้างหน้าที่มีช่องเก็บของด้านล่าง ถัดไปเป็นโถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้น และด้านนเป็นพื้นที่อาบน้ำแบบยืน โดยฉากกั้นอาบน้ำจะเป็นประตูบานเปิดแบบขุ่น สุขภัณฑ์จาก American standard ได้ทั้งชุดแบบนี้ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ

อ่างล้างมือทรงสี่เหลี่ยม มีช่องเปิดเก็บของใช้ภายในห้องน้ำได้ด้านล่าง

โถสุขภัณฑ์แบบ 2 ชิ้นพร้อมสายฉีดชำระและที่ใส่ทิชชู

พื้นที่อาบน้ำลดระดับลงจากพื้นที่แห้งด้านนอกนิดหน่อย ฉากกั้นอาบน้ำเป็นบานเปิดแบบขุ่นๆ กระเบื้องที่ใช้ในการปูคือกระเบื้องแบบด้านขนาด 60 x 60 เซนติเมตร

อุปกรณ์ในการอาบน้ำก็จะมีทั้งแบบที่เป็นฝักบัวแบบมือจับทั่วไปและแบบ Shower จากด้านบน ติดที่วางสบู่แชมพูมาให้ที่มุมห้องน้ำ 1 จุดถ้วน

แหงนหน้าขึ้นไปมองที่เพดานจะเจอกับจุดระบายอากาศ เพราะว่าห้องน้ำห้องนี้ไม่มีหน้าต่าง ไม่สามารถระบายอากาศไปสู่ภายนอกได้เองเลย

ต่อมาเป็นทางเข้าห้องนอน โดยพื้นจะปูด้วยไม้ Engineering wood ต่อเนื่องเข้าไปจากทางเดินตรงกลาง โดยผนังจะเป็นแบบสีขาวฉาบเรียบธรรมดาไม่ติด Wallpaper และประตูเป็นแบบบานเปิด มีคันโยกและล็อกแบบไขกุญแจ

เข้ามาภายในห้องนอนชั้นล่างก็จะได้เฟอร์นิเจอร์ 1 ชิ้นคือตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อน 2 บานเป็นแบบ Built-in เท่าความสูงฝ้า

หันมาอีกฝั่งหนึ่งจะมีช่องเปิดขนาดใหญ่ที่เกือบจะเท่ากับประตู เป็นกรอบบานอลูมีเนียมสามารถเลื่อนเปิดออกไปเจอระเบียงด้านหลังยูนิตที่เชื่อมกับห้องครัวห้องข้างๆกัน

วิวที่ได้จากห้องนอนชั้นล่างจะเป็นพื้นที่ระหว่างซอยสุขุมวิท 22 และ 24

ต่อมาเป็นทางเข้าห้องครัวที่อยู่ทางขวามือของห้องนอนชั้นล่าง พื้นจะเปลี่ยนเป็นการปูกระเบื้องแทนเพื่อการทำความสะอาดที่ง่ายขึ้นและทนทาน

เปิดเข้ามาด้านในฝั่งซ้ายมือจะเป็นเคาท์เตอร์ยาวตลอดความยาวของห้อง ด้านล่างจะเป็นลิ้นชักเก็บของ และด้านบนจะเป็นตู้บานเปิดเก็บเครื่องครัวที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย ไม่มี hob and hood มาให้ ส่วนฝั่งขวามือหลังประตูจะเป็นอ่างล้างจานและที่วางตู้เย็น

ตรงกลางจะเป็นประตูบานเปิดออกไปยังระเบียงด้านหลังยูนิต โดยประตูจะเป็นสเปกเดียวกับบานเปิดหลักของยูนิตที่อยู่ด้านหน้า

เปิดออกมาก็จะเจอกับระเบียงรูปร่างหลายเหลี่ยม จุดประสงค์น่าจะไว้สำหรับการซักล้างและตากผ้า เนื่องจากถ้าไม่มีระเบียงจุดนี้ก็คงต้องหิ้วไปตากกันหน้าบ้าน ก็คงจะไม่สวยงามกับเพื่อนบ้านเท่าไรนัก

อีกฝั่งหนึ่งก็จะเห็นประตูบานเปิดจากห้องครัวและหน้าต่างบานเลื่อนจากห้องนอนชั้นล่าง

เหนือบานประตูและหน้าต่างก็จะเป็นช่องวาง Compressor แอร์ขนาดใหญ่มากที่ชั้นบน

วิวที่ได้ก็จะมองไปทางถนนสุขุมวิท เฉียงๆไปทางแยกอโศก โดยระยะใกล้จะเป็นตึกแถวในซอยสุขุมวิท 22 และ 24

ก้มลงมามองด้านล่างจะเจอกับพื้นที่สีเขียวด้านหลังอาคารจอดรถ

ต่อมาเป็นประตูทางเข้าห้องบันได

เดินเข้ามา ทางขวามือจะเจอกับพื้นที่ที่ปูด้วยกระเบื้อง แสดงว่าต้องเปียกน้ำได้ และเป็นบานพับแสดงถึงการใช้งานขนาดที่ต้องใช้พื้นที่คล่องตัวนิดนึง

เข้าไปด้านในก็จะเจอกับท่อน้ำฝั่งหนึ่งไว้สำหรับการวางเครื่องซักผ้าพร้อมปลั๊กเสียบ และอีกฝั่งคือผังควบคุมไฟและถังดับเพลิง

บันไดที่อยู่ภายในห้องบันไดนี้จะมีทั้งทางขึ้นไปยังชั้นบนที่เป็นพื้นที่าภายในยูนิต และบันไดเดินลงไปด้านล่างที่เป็นชั้นจอดรถ

เดินลงบันไดมาแอบมีชิ้นสามเหลี่ยมด้วยทำให้เดินยากหน่อย

ลงมาเจอประตูบานเปิดจากชั้นจอดรถชั้น 6

สิทธิ์การจอดรถของเจ้าของยูนิต Duplex villa จะเป็นแบบ Fixed ที่จอด 1 คัน ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นช่องที่ติดกับประตูทางเข้ายูนิตของตัวเองที่ชั้น 6 นี้ และอีกจุดนึงแบบไม่ fixed ที่คือจอดที่ไหนก้ได้ภายในอาคารจอดรถ โดยข้อดีคือสามารถเดินลงบันไดมาจากห้องนอนก็ถึงรถของตัวเองเลยโดยไม่ต้องผ่านลิฟท์เหมือนคนอื่นๆ แต่ข้อเสียก็คือการที่คนอื่นก็เห็นประตูบ้านเราได้จากที่จอดรถชั้น 6 เช่นกัน

จากชั้นจอดรถขึ้นมาที่ชั้นบนของยูนิตหรือชั้น 8 บันไดทางขึ้นภายในยูนิตไม่มีชิ้นสามเหลี่ยมแล้ว แต่จะมีหน้าต่างบานเลื่อนเป็นช่องแสงหน่อยที่ชานพักบันได

เดินบันไดขึ้นมาที่ชั้นบนของยูนิต หันไปทางขวาก็จะเจอกับประตูที่แจกเข้าไปยังห้องต่างๆ โดยทางซ้ายมือคือห้องนอนเล็ก ถัดไปหน่อยจะเป็นห้องน้ำที่ต้องใช้ร่วมกันระหว่างห้องนอนที่อยู่บนชั้นนี้ เพราะภายในห้องนอนไม่มีห้องน้ำเลยทั้งสองห้อง ส่วนตรงหน้าเป็นประตูทางเข้าห้องนอนที่ขนาดใหญ่กว่าหน่อย ขวามือเป็นหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ที่เป็นที่วาง Compressor แอร์ที่เราเห็นได้จากระเบียงด้านหลังยูนิตเมื่อสักครู่

เปิดหน้าต่างทางขวามือให้ดูพื้นที่วาง Compressor แอร์ของยูนิต ซึ่งเป็นพื้นที่น่าจะใหญ่ประมาณ 8 ตารางเมตร ซึ่งค่อนข้างเสียพื้นที่ไปเยอะพอสมควรเลย

ห้องนอนเล็กทางขวามือภ ภายในจะมีช่องเปิดไปทักทายสมาชิกที่นั่งอยู่ภายในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง โดยเป็นแบบบาน Fixed ตรงกลางและแบบบานกระทุ้งขนาดจิ๋วประกบสองฝั่ง

ตู้เสื้อผ้าให้มาเหมือนห้องนอนชั้นล่าง

จากบานกระทุ้งขนาดจิ๋วภายในห้องนอนเล็ก สามารถทักทายคุณพ่อคุณแม่ที่นอนดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นชั้นล่างได้

ถัดมาเป็นห้องน้ำที่อยู่ระหว่างห้องนอนทั้งสองห้อง ซึ่งก็แบ่งพื้นที่ออกเป็นสามส่วนเหมือนกับชั้นล่าง แต่โถสุขภัณฑ์จะเปลี่ยนจาก 2 ชิ้นอัพสเปกเป็นแบบ 1 ชิ้น

ต่อมาเป็นภายในห้องนอนใหญ่สุดทางเดิน ภายในก็ให้ Built-in ตู้เสื้อผ้ามา 1 ชิ้นถ้วนเหมือนเดิม

ส่วนช่องเปิดภายในห้องนอนใหญ่จะเกือบเต็มผนังฝั่งหนึ่ง โดยเป็นแบบบาน Fixed และแบบบานเปิดข้าง สามารถทักทายสมาชิกที่อยู่ห้องนั่งเล่นด้านล่างได้เช่นกัน

 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

สามารถอ่านสรุปและการให้คะแนนได้ที่ รีวิวตัวเต็ม คลิกที่นี่