รีวิวฉบับที่ 1336 … สวัสดีครับ วันนี้จะพาไปชมโปรเจ็คแบรนด์ของ The Line ตัวที่ 2 แต่ดันเสร็จก่อนจตุจักรตัวแรกนะครับ The Line สุขุมวิท 71 เป็นคอนโดในย่านพระโขนงที่อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าประมาณ 500 เมตร โครงการนี้เรียกได้ว่าเป็นโครงการ Ready to move in อย่างเต็มๆเลยเพราะว่าขายแบบ Fully Furnish แบบสุดๆ มากระทั่งจานชามช้อนส้อมผ้าขนหนู เอาตัวเข้ามาอยู่อย่างเดียวได้เลย ไปชมกันเลยครับ

Fact @ 18 April 2017

  • The Line Sukhumvit 71 (เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71)
  • บริษัท บีทีเอส แสนสิริ โฮลดิ้งวัน จำกัด
  • HIGH-LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ : ซอยสุขุมวิท 71  เขตวัฒนา
  • คอนโด High Rise 28 ชั้น 1 อาคาร 291 ยูนิต
  • อาคารจอดรถ 5 ชั้น
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 13 ยูนิตที่ชั้น 7-27
  • ที่จอดรถประมาณ 116 คันคิดเป็น 40% (รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 50%)
  • ที่ดินประมาณ 1-3-53 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q2 ปี 2015
  • ปัจจุบันแล้วเสร็จ : Q1 ปี 2017
  • 1 Bedroom 1 Bathroom 29.75 – 44.75 ตร.ม. ราคา 4.5 – 7 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 2 Bathroom 57.25 – 62.75 ตร.ม. ราคา 9 – 10 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร (ส่วนงานระบบ 2.50 เมตร)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร AVG ทั้งโครงการ n/a บาท/ตร.ม.
  • ข้อมูลทำเลรอบๆ BTS พระโขนง : มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: BTS พระโขนง
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1685

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.715152, 100.594763

แผนที่จากทางโครงการ The Line สุขุมวิท 71 ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 71 (ซอย ปรีดี พนมยงค์) ลึกเข้ามาจากถนนสุขุมวิทประมาณ 200 เมตร โดยอยู่ห่างจาก BTS สถานีพระโขนงประมาณ 500 เมตร  ซึ่งจากบริเวณที่ตั้งโครงการสามารถเชื่อมออกไปยังถนนสำคัญๆได้หลายสาย บริเวณฝั่งตรงข้ามปากซอยสุขุมวิท 71 เยื้องๆไปหน่อยจะเป็นถนน พระราม 4 และท้ายซอยจะไปบรรจบกับ ถนน เพชรบุรีตัดใหม่ ถนน พัฒนาการ และ ถนน รามคำแหง ส่วนภายในซอยนั้นมีซอยลัดอยู่หลายซอยให้ได้เลือกใช้กัน เช่น ปรีดี พนมยงค์ ซอย 2 ใช้ลัดไปขึ้นทางด่วน หรือ ปรีดี พนมยงค์ ซอย 31 เป็นทางลัดไปออก ซอยเอกมัย และ ซอยทองหล่อได้

** ส่วนพาร์ททำเลจะไม่อธิบายซ้ำนะครับ เพราะเคยทำรีวิวแบบเจาะลึกไว้แล้ว  “รีวิวทำเลแบบเจาะลึก คลิกที่นี่”

** หรืออยากดูเป็น VDO ชมรายการ

“คิด.เรื่อง.อยู่ The Line สุขุมวิท 71 คลิกที่นี่”

 


เจาะลึกตัวโครงการ

Master Plan ของโครงการ เริ่มจากทางเข้าออกด้านหน้าจะมีซุ้มรปภ. ที่อยู่ติดกับระบบ Easypass รั้วกั้นไม้กระดก และ CCTV พอเข้ามาแล้วจะเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมสำหรับ Drop Off จากนั้นจะวนรถไปทางขวามือ วิ่งไปจนถึงกลางอาคาร จะมีทางเข้าใต้อาคารเข้าสู่พื้นที่จอดรถ ซึ่งสามารถจอดได้ตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 5 ก่อนทางเข้า Lobby ติดกันจะมี Sculpture Garden ซึ่งพอเข้ามาใน Lobby แล้วจะมองวิวเจ้าสวนนี้แหละ และก็เป็นห้องจดหมาย ห้องนิติบุคคล ห้องน้ำส่วนกลางและโถงลิฟท์ มีลิฟท์โดยสาร 3 ตัว และ Service Lift 1 ตัว (อัตราส่วนลิฟท์จะอยู่ที่ 97 : 1) ถือว่าอยู่ระดับที่กำลังดีเลยไม่เกินร้อย

ส่วนของทางเข้าออกหลักที่อยู่ติดกับซอยสุขุมวิท 71 ด้านหน้า จะเห็นว่าผืนที่ดินมีการลโลปขึ้นเล็กน้อยสูงกว่าระดับถนน และพื้นจะปูด้วยสแตมป์คอนกรีตทั้งหมด โดยรอบๆสองฝั่งข้างทางจัดให้เห็นพื้นที่สีเขียว

ป้ายโครงการของ THE LINE Sukhumvit 71 ถูกเอามาติดไว้ทางขวามือใกล้กับป้อมรปภ. โดยจะเป็นสีขาวทำให้ดูตัดกับพื้นหลังของพุ่มไม้สีเขียวเด่นๆไปเลย

ส่วนของทางเข้าออกจะเป็นรั้วไม้กั้นกระดกที่ใช้ระบบ Easypass แบบทางด่วน ถ้าใครเป็น Visitor ก็จะมีรปภ.เดินมาสอบถามแลกบัตรเป็นมาตรฐาน

ซูมให้ดูเจ้าหน้าตา Easypass และมี CCTV ส่องป้ายทะเบียนทั้งจุดขาเข้าและขาออก

พ้นรั้วมาแล้วจะเป็น Drop Off Area เป็นพื้นที่สีเหลี่ยมขนาดกว้างพอสมควร ใครแค่แวะมาส่งก็มีระยะกลับรถออกได้เลยครับ

แต่ส่วนของใครจะไปจอดรถก็ตามลูกศรที่มีไว้ให้ที่พื้น จากมุมนี้จะเห็นรั้วกำแพงของโครงการที่เป็นคอนกรีตทึบทาสีน้ำตาล ต่อด้วยระแนงโปร่ง รวมๆแล้วสูงประมาณ 4 เมตร ช่วยบังสายตาจากที่อยู่อาศัยข้างๆได้ระดับนึง

พอเลี้ยวมาแล้วจะส่วนของที่จอดรถที่ยื่นออกมาเล็กน้อยแบบนี้ ไปจนถึงชั้น 5 และที่ชั้น 6 ข้างบนนั้นจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำ

ทางเข้าที่จอดรถในอาคารอยู่กลางๆเลยครับ เลี้ยวซ้ายจากตรงนี้ แต่ต้องระวังรถที่สวนทางกัน เพราะเข้าออกที่ตรงนี้ทั้งคู่(มีกระจกกลมมาช่วย) จำกัดความสูงที่ 2.10 เมตร

เข้ามาแล้วเราจะเจอกับพื้นที่จอดรถ EV Station เป็นจุดชาร์จไฟสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ตอนนี้เริ่มมีใช้ในบ้านเราแล้วระดับนึง ก็มีมาให้ทั้งหมด 4 จุด โดยการใช้งานก็ต้องใช้ Keycard ของลูกบ้านแตะก่อนถึงจะใช้งานได้

ติดกันกับพื้นที่จอดรถ EV Station จะมีบันไดลงสั้นๆเป็นส่วนของห้องน้ำส่วนกลาง(ห้องน้ำชาย) และถัดไปทางขวามือจะมีประตูทางเข้าสู่โถงล็อบบี้ แต่ต้องใช้ Keycard ลูกบ้านในการผ่านเข้าออกส่วนนี้

ส่วนของที่จอดรถภายในชั้น 1

แลมป์เนินทางขึ้นระยะความกว้างมาตรฐานแต่ก็มีส่วนต้องระวังอยู่ดีเพราะรถสวนทางกันได้ และมีทางโค้งหักศอกแบบนี้

แปลนที่จอดรถชั้น 2-5 จะคล้ายๆกันนะครับ แตกต่างกันเล็กน้อยตามรูปของอาคาร เป็นช่องจอดมาตรฐาน แต่เห็นเส้นประบางส่วนที่เอาไว้สำหรับเผื่อ ซ้อนคันให้จอดได้ ที่ทุกชั้นจะมีส่วนทางเข้าโถงลิฟท์โดยสารและลิฟท์เซอร์วิส โดยที่จอดรถมีช่องจอดประมาณ 116 คันคิดเป็น 40% (รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 50%)

ขึ้นมาที่ชั้น 2 แล้วจะมีลูกศรบอกทางเดินรถตลอด ที่ผนังมีการเจาะช่องให้แสงส่องผ่านได้ เพดานมีติดไฟส่องสว่างเอาไว้เพียงพอ

จุดบันไดหนีไฟระหว่างชั้นมี 2 จุด

ที่ชั้น 2 มีวางพวกรถเข็นเอาไว้ให้เผื่อลูกบ้านใช้ได้ ทางขวามือเป็นประตูส่วนทางเข้าโถงลิฟท์ต้องใช้ Keycard เช่นกัน

หน้าตาภายในโถงลิฟท์โดยสารที่ชั้น 2-5 เหมือนกัน

กลับออกมาที่ด้านนอกอาคารกันอีกครั้ง เดี๋ยวจะวนรอบแล้วค่อยเข้าไปในอาคารทาง Lobby

ทางซ้ายมือเป็นส่วนของที่จอดรถจักรยานยนต์และจักรยานตีช่องจอดเอาไว้ให้

อ้อมมาที่ด้านหลังอาคารแล้วจากตรงนี้จะเดินรถทางเดียวไปจนถึงทางออก ทำให้สามารถจอดรถซ้อนคันที่รอบๆอาคารได้ ตัวสีของอาคารและรั้วกำแพงจะเป็นสีเดียวกันคือน้ำตาลเข้ม ซึ่งโครงการเค้ามีการจัดพุ่มไม้สีเขียวเกือบๆทั้งหมดมาตัดให้ดูไม่ทึบจนเกินไป

วนมาฝั่งสุดท้าย ฝั่งนี้ทางขวามือจะติดกับแนวตึกแถว 4 ชั้นซึ่งคาดว่าโครงการคงทาสีใหม่ด้านหลังอาคารให้เพื่อให้ดูกลมกลืนให้เข้ากับสีอาคาร ส่วนของพื้นที่จอดรถจะเห็นว่ามีลงไม้เลื้อยเอาไว้ ถ้ารอระยะเวลาอีกหน่อยก็น่าจะดูดีกว่านี้

ให้ดูฝั่งขวามือรั้วกำแพงชัดๆส่วนของรั้วที่ทำออกมาดูดี บังสายตาได้ระดับนึงไปจนถึงชั้น 2

เงยหน้าขึ้นไปดูที่อาคารจะเริ่มส่วนของห้องพักอาศัยที่ชั้น 6 ซึ่งจะพ้นความสูงของแนวตึกแถวที่อยู่ที่ 4 ชั้นไปได้แล้ว

วนกลับมาที่ Drop Off Area อีกครั้ง

ส่วนของทางเข้าด้านหน้าต้องบอกว่าตกแต่งได้ดูดีทีเดียว มีการใช้หินอ่อนมาตกแต่งบางส่วน และใช้แผ่นอลูมิเนียมมาปิดผิวส่วนที่มีลูกเล่นสายตา(ซ้ายบน) และส่วนของ Lobby ผนังเป็นกระจกทั้งหมดและเป็น Double Volume ด้วย

ด้านข้างๆประตูทางเข้า Main Lobby มี Sculpture Garden ขนาดเล็กแต่พอให้ใช้งานมานั่งเล่นได้ 3-4 ที่นั่งครับ

ส่วนของประตูหลักที่ทางเข้าออกเนี่ย ด้านบนจะเป็น VDO Door Phone สามารถกริ่งเรียกเข้าไปยังห้องลูกบ้านได้ว่าเราเป็นใคร ฉันมาหานะ ทีนี้ลูกบ้านพอยืนยันได้จะสามารถกดเปิดจากในห้องเพื่อให้เพื่อนหรือแขกสามารถเข้ามารอในล็อบบี้ได้ / ส่วนจุดล่างเป็นที่แตะคีย์การ์ดสำหรับลูกบ้านปกติ อ้อ…แล้วเวลาขาออกเจ้าประตูนี้ไม่ต้องใช้การ์ดแล้วนะครับจะเป็น Motion Sensor เปิดอัตโนมัติ

เข้ามาด้านใน Lobby แล้วจะเห็นพื้นที่ 2ใน3 ทางขวามือเป็นแบบ Double Volume สูงโปร่งพิเศษ

ทางซ้ายมือเป็นพื้นที่นั่งรับรองโต๊ะและโซฟา 2 ชุด พื้นและผนังจะเป็นหินอ่อนโทนสีดำทั้งหมด

หันไปทางขวาที่ผนังรอบๆจะเป็นกระจกใสบานใหญ่พิเศษสูงไปจรดถึงเพดาน ทั้งยังเป็นกระจกเข้ามุมด้วย ทำให้ได้แสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาได้เต็มที่และดูโปร่งโล่ง

วิวจากผนังกระจกตรงนี้ก็เป็นเจ้า Sculpture Garden ที่อยู่ด้านนอกนี่แหละครับทำให้มองออกไปเห็นสีเขียวของไม้เต็มๆตา

การติดโคมไฟขนาดใหญ่แนวโมเดิร์น และผนังหินที่ด้านหลังขนาดใหญ่ที่เป็นลวดลายมาบรรจบกันเป็น Signature ของ แสนสิริเลยครับ

นี่เป็นรูป Perspective ภาพจำลอง Lobby จากทางโครงการตั้งแต่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง ต้องบอกว่าทำออกมาได้เหมือนทุกรายละเอียดจริงๆ

ไปต่อกันเลยครับทางซ้ายมือเป็นส่วนของ Mailbox Area ส่วนขวามือเป็นห้องสำนักงานนิติบุคคล

ภายในห้องจกหมายไม่ได้ใหญ่มากเพราะมีแค่ 291 ห้อง ติดไฟส่องสว่างไว้เยอะพอสมควร

ออกมาจากห้องจดหมายมองตรงไปจะเห็นหน้าต่างเล็กๆที่ด้านในเป็นสำนักงานนิติบุคคลติดต่อเรื่องทั่วไป

พอด้านเข้ามาอีกนิดหน่อยเราจะเจอกับบานประตูทั้ง 4 ซึ่งผมทำลูกศรประกอบให้ดูกันจะได้ไม่งงว่าเป็นห้องอะไร เริ่มจากซ้ายสุดเป็นประตูทางออกไปที่จอดรถ ถัดมาเป็นห้องน้ำส่วนกลาง ถัดมาเป็นห้องน้ำส่วนผู้ที่ใหช้รถเข็น และขวามือสุดเป็นประตูเข้าห้องนิติฯ

ภายในห้องน้ำส่วนกลาง

ภายในห้องน้ำส่วนของผู้ที่ใช้รถเข็น ซึ่งมีระยะที่ค่อนข้างกว้างและมีราวจับที่ผนังสองฝั่ง

ฝั่งตรงข้ามจะมีประตูกระจกใสเป็นทางเข้าไปสู่โถงลิฟท์โดยสาร

ภายในพื้นที่โถงลิฟท์โดยสารที่ผนังซ้ายมือเป็นโทนหินสีดำ ส่วนผนังขวามือเป็นไม้ ซึ่งมีช่องแสงส่องผ่านที่ตรงนี้ ลิฟท์โดยสารมีมาให้ 3 ตัว อัตราส่วนอยู่ที่ 97:1 ถือว่าหนาแน่นน้อยรอไม่นานครับ

หน้าตาภายในลิฟท์ครับ ใช้ของ HITACHI จุได้ประมาณ 15 คนรองรับน้ำหนัก 1 ตัน / ส่วนของปุ่มกดลิฟท์มีทั้งแบบปกติและสำหรับผู้ใช้รถเข็นสองฝั่ง

แปลนที่ชั้น 6 เป็นส่วนที่เริ่มมีห้องพักอาศัยแล้ว แต่ก็เป็นชั้นที่จัด Facility หลักๆเอาไว้ด้วย โดยออกจากโถงลิฟท์โดยสารมา ฝั่งซ้ายมือและขวามือจะมี Corridor ทางเดินเข้าห้องพักแต่ว่าจะกั้นด้วยประตู Access Card อีกชั้นนึงเพื่อความเป็นส่วนตัว ส่วนกลางที่เหลือจะเริ่มจากห้องน้ำแยกชายหญิง, ห้อง Laundry, ห้องอ่านหนังสือ ที่มีโต๊ะจุดปลั๊กไฟ ฟรี Wifi พร้อม หรือเป็นห้องอเนกประสงค์ก็ได้จะอยู่ติดได้วิวสวนหย่อมเล็กๆและวิวสระว่ายน้ำขนาด 6 x 25 เมตร ข้างๆสระจะเป็นพื้นที่ Shallow Pool สำหรับนอนอาบแดด และสุดท้ายห้อง Fitness อยู่ที่ปลายทางเดินได้วิวสระว่ายน้ำ

โถงลิฟท์โดยสารที่ชั้น 6 หน้าตาเหมือนกันกับชั้น 1

พออกมาแล้วทางขวามือ ผมทำลูกศรบอกเอาไว้ให้ จะมีส่วนของห้องพักที่ต้องใช้การ์ดในการผ่านเข้าไป ติดกันเป็นส่วนห้องน้ำแยกชายหญิง และห้องซักผ้า

ห้องน้ำแยกชายหญิงประตูทางเข้าอยู่ติดกัน

เข้ามาดูในส่วนของห้องผู้ชายกัน เข้ามาปุ๊ปซ้ายมือเจอกับพื้นที่เป็นตู้ล็อกเกอร์แบ่งไว้ 16 ช่องหน้าบานเป็นกระจกชาดำ

อ่างล้างมือและสุขภัณฑ์มีมาให้อย่างละ 2 ชุด ผนังโทนสีดำทั้งหมด

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นส่วนของห้องน้ำและห้องอาบน้ำ(มี Rain Shower) ซึ่งมีมาให้อย่างละ 1 ห้องเท่านั้น น้อยไปหน่อยนะผมว่า

ติดกันกับห้องน้ำจะเป็นห้อง Laundry ซึ่งภายในวางเครื่องกดน้ำหยอดเหรียญ, เครื่องซักผ้า อบผ้าไว้ให้ครบ

เครื่องซักผ้ามีมาให้ 3 ตัว และเครื่องอบผ้า 1 ตัว ภายในห้องติดแอร์เอาไว้ให้ด้วย

หน้าต่างกระจกช่องแสงขนาดใหญ่ที่อยู่ในห้อง Laundry

ออกมาด้านนอกแล้ว ซ้ายมือสุดจะเป็นส่วนของทางเดินเข้าไปห้องพักอาศัย ถัดมาทางขวาจะเป็นทางออกไปยังพื้นที่ส่วนกลางด้านนอก

ออกมาด้านนอกจะเป็นพื้นที่กึ่ง Outdoor Pool Deck ริมสระว่ายน้ำ

หันมาทางขวามือจะเป็นส่วนทางเข้าห้อง Library

ห้องอ่านหนังสือขนาดไม่ได้ใหญ่มาก แต่ว่าจัดออกมาได้น่าใช้งานเพราะเป็นผนังกระจกช่องแสงรอบด้าน 3 ฝั่ง มีโต๊ะไม้วางให้อยู่กลางห้อง ที่ผนังด้านหลังเป็นชั้นวางหนังสือ และห้องนี้มี Free Wifi ให้ใช้

มุมโต๊ะอ่านหนังสือทำงาน ที่มีจุดปลั๊กไฟซ่อนไว้ให้ใช้งานได้ด้วย มองออกไปด้านนอกจะเป็นพื้นที่สีเขียวสวนหย่อม

มุมจากหน้าต่างที่มองออกไปด้านนอกเป็นสีเขียวชุ่มจากสนามหญ้าเล็กๆ แต่มีเก้าอี้จัดวางไปนั่งเล่นได้

ออกจากห้องอ่านหนังสือจะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 6 x 25 เมตร ลึก 1.20 เมตร โดยในสระว่ายน้ำมีลูกเล่นติดลำโพงใต้น้ำเอาไว้เวลาว่ายอยู่จะได้ยินเสียงเพลงไปด้วย

ริมสระฝั่งทางลง จะแยกส่วนไปด้วยทางลงไปแช่ Jacuzzi ใต้ร่มเงาต้นไม้

Shallow Pool ที่วางเตียงนอนอาบแดดเอาไว้ให้ 6 ตัวอยู่ริมสระ พร้อมน้ำพุเล็กๆตกแต่ง

ฝั่งนี้จะเป็นมุมชุดเก้าอี้นั่งเล่นที่อยู่ในอาคาร ใครไม่ต้องการอาบแดดช่วงกลางวันก็มานั่งนอนเล่นชิลๆ ส่วนของด้านหลังผนังกระจกจะเป็น Single Corridor ส่วนห้องพักอาศัย

พื้นที่ล้างตัวก่อนลงสระมีมาให้ 1 จุดอยู่ติดกับประตูทางเข้าห้อง Fitness

ประตูทางเข้าส่วนห้อง Fitness ออกกำลังกายก็ต้องใช้ Keycard เหมือนกัน

ภายในห้องออกกำลังกายจะใช้โทนการตกแต่งของไม้เกือบทั้งหมดตั้งแต่ที่พื้น เพดาน และตกแต่งเสา ตัวหน้าต่างเป็นผนังกระจกแบบสูงถึงเพดานทำให้ดูโปร่งสบายตา ส่วนเครื่องเล่นแบบคาร์ดิโอจะอยู่ชิดช่องแสงและวิวสระว่ายน้ำ

เครื่องเล่นออกกำลังกายของที่นี่ใช้ของ LifeFitness ทั้งหมด

เครื่องเล่นชิ้นใหญ่แบบ 3 in 1 จะอยู่สุดปลายห้องตรงนี้ และมีติดทีวีไว้ให้ 1 จอ

มุมผนังที่ติดกับห้องพักจะติดกระจกเงาเอาไว้ช่วยเพิ่มมุมมองสายตาให้ดูกว้างขึ้น

ที่ปลายของสระจะมีติดแผ่นกระจกนิรภัยเอาไว้สำหรับเซฟตี้เวลาใช้งาน แต่น่าเสียดายนิดที่ตำแหน่งอยู่ชั้น 6 จะไม่ได้วิวสวยๆเท่าไรเวลามองจากตรงนี้

สองข้างฝั่งของสระว่ายน้ำ มุมนี้จะเห็นว่ามีสีเขียวของพุ่มไม้ล้อมเอาไว้ ทำให้ดูตัดกันกับสีฟ้าของสระน้ำ

Typical Plan ส่วนของห้องพักอาศัยแบบจริงจังจะอยู่ที่ชั้น 7 – 27 ซึ่งมีจำนวน 13 ยูนิต/ชั้น โดยช่องแสงที่ส่องมาโถงทางเดินจะมีอยู่สองจุดที่หน้าโถงลิฟท์และปลายอาคารฝั่งซ้าย(ตะวันตก) ห้องพักจะเป็น 1 Bedroom อยู่  10 ห้อง และเป็น 2 Bedroom 3 ห้องที่อยู่ทางฝั่งใกล้โถงลิฟท์โดยสาร

ที่ชั้น 28 จะมีการปรับเปลี่ยนนิดหน่อย โดยห้อง 1 Bed (ฝั่งทิศใต้) จะลดลงเปลี่ยนเป็น 2 Bedroom แทน ทำให้ชั้นนี้มีห้องพักอาศัย 11 ยูนิต/ชั้น

หน้าโถงลิฟท์โดยสารส่วนของชั้นพักอาศัย

ช่องแสงที่อยู่ติดกับโถงลิฟท์ตำแหน่งนี้จะเห็นไปทางถนนสุขุมวิท และเห็นคอนโด Wyne สีแดง

ส่วนของ Corridor โถงทางเดินฝั่งขวามือพอออกจากลิฟท์ จะเป็นโซนห้อง 2 Bedroom ซึ่งตรงนี้ไม่มีช่องแสง ทำให้ต้องเปิดไฟช่วยเวลากลางวัน

ภายในบันไดหนีไฟค่อนข้างกว้างและมีหน้าต่างช่องแสงทุกชั้น

ส่วนของฝั่งซ้ายมือมีช่องแสงอยู่ที่ปลายอาคาร โถงทางเดินกว้างประมาณ 1.50 เมตร และมี CCTV ติดอยู่ทุกชั้น

floor drain ที่อยู่ตามโถงทางเดินเอาไว้รองรับให้ส่วนของแม่บ้านเวลาทำความสะอาดพื้น ขัดถู จะได้ทำความสะอาดได้ง่าย

ขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้า เพื่อดูส่วนกลางกัน ชั้นดาดฟ้า จะมีจุดนั่งเล่นชมวิวปลายสองฝั่งอาคาร ที่แยกเป็น Sunrise Deck (ทิศตะวันออก) และ Sunset Deck (ทิศตะวันตก) ไว้ให้ใช้ได้สองฝั่ง และตรงกลางจะเป็นสวนสองฝั่ง

ออกมาจากโถงลิฟท์เจอกับป้ายนี้ก่อนเลย เดี๋ยวเราเลี้ยวขวาไปดูมุม Sunrise Deck กันก่อน

มุมนี้จะเป็นพื้นระแนงไม้กว้างๆ เดินเล่นไปมาได้ รอบๆจัดเป็นพุ่มไม้เสียวเขียวชิดกับปลายอาคาร

เก้าอี้นอนเล่นอาบแดดซึ่งมีมาให้หลายตัวกระจายตามจุดต่างๆ

มุมนี้เค้าใช้โครงเหล็กมาทำเป็น Sculpture ตกแต่งรอบๆและที่ผนังติดเป็นกระจกนิรภัยบานออกสีน้ำเงินตัดแสง

ให้ดูอีกมุมนึงก็ยังมีที่นอนเล่นกระจายมาให้หลายตัวนะ

เดี๋ยวเราไปดูอีกฝั่ง Sunset Deck กันบ้าง แต่จะเดินผ่านตรงสวนก่อน

Roof Garden ที่มีทางเดินตัดผ่านตรงกลาง

ฝั่งขวามือและซ้ายมือจัดเหมือนกันโดยวางต้นลีลาวดีเอาไว้แบบนี้ ข้างละ 3 ต้น ที่เหลือเป็นพุ่มไม้เตี้ยรอบๆ

ที่สุดปลายทางเดินจัดเป็นพื้นที่นั่งโซฟา แบบยาวๆรองรับได้หลายคนเพื่อมานั่งดูพระอาทิตย์ตก

มุมพื้นที่นั่งยังมีเชื่อมต่อไปอีก

มุมนี้จะแจ่มสุดสำหรับคนมาชม Sunset เพราะยิงตรงสายตาออกไปคือตะวันตกพอดี

ไหนๆก็ขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้ากันแล้ว จะอธิบายสภาพแวดล้อมโดยรอบที่ตั้งโครงการกันครับ บริเวณหน้าโครงการติดซอยสุขุมวิท 71 และตึกแถว สูงประมาณ 4 ชั้น ส่วนทางฝั่งขวาติดกับตึกแถวและอาคารพาณิชย์ สูงประมาณ 5-6 ชั้น ทางด้านหลังติดกับ สุขุมวิท แมนชั่น สูงประมาณ 5 ชั้น ระดับความสูงน่าจะอยู่บริเวณชั้นจอดรถของอาคารซึ่งไม่น่าจะมีผลต่อวิวของห้องพักซักเท่าไหร่ ส่วนทางด้านซ้ายของโครงการติดกับ W Market , คอนโด Le Luk สูง 27 ชั้น และ คอนโด Sky Walk สูง 50 ชั้น ซึ่งห้องพักที่อยู่ทางฝั่งนี้น่าจะโดนบล็อกวิวพอสมควร แต่ดีที่ยังมีระยะห่างของอาคารอยู่พอสมควร

(วิวจากชั้นดาดฟ้า ความสูงชั้น 29) เป็นวิวทิศใต้ซึ่งด้านล่างเป็นตึกแตวต่างความสูง 4-5 ชั้น เห็น W Market ที่อยู่ในพื้นที่ของ W District ซึ่งห้องพักที่อยู่ทางฝั่งนี้ด้านหลังหน่อยจะโดนบล็อควิวจาก Sky Walk คอนโด ในระยะห่างประมาณ 100 เมตร

ที่วิวเดียวกันกับรูปบนก่อนหน้าแต่เปลี่ยนเป็นมองตรงๆครับ เห็นคอนโดเพื่อนบ้านอยู่ประมาณ 4-5 อาคารในระยะใกล้และกลางๆ

วิวฝั่งทิศตะวันตกซึ่งถ้ามองตรงๆไม่มีอาคารสูงตรงแนวสายตานะครับ แต่เฉียงๆทางซ้ายจะเห็น ​LeLuk คอนโด 27 ชั้น และ The Room สุขุมวิท 69 ที่สูง 27 ชั้นเช่นเดียวกัน

วิวฝั่งทิศเหนือ(ไปทางด้านหลังๆของอาคารหน่อย) จะเป็นวิวชุมชนบ้านพักอาศัยทั่วไปไม่มีอาคารสูงบังเลย ถ้ามองไปไกลๆจะเห็นเหล่าอาคาสูงต่างๆที่อยู่ใจกลางตัวเมืองไปทางเอกมัย ทองหล่อ

วิวฝั่งทิศเหนือ(มาทางด้านหน้าของอาคารหน่อย) จะเป็นวิวชุมชนบ้านพักอาศัย บวกกับอาคารพาณิชย์ที่ล้อมสองฝั่งของซอยสุขุมวิท 71 ยาวไปจนถึงแยกคลองตันนู๊นเลยครับ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1 : Sculpture Garden, Lobby Double Volume, Mailbox, Jurictic
  • ชั้น 6 : Laundry, Library, Lawn, Pool Deck, Shallow Pool, Jacuzzi
  • ชั้น 6 : สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6 x 25 เมตร ลึก 1.20 เมตร
  • ชั้น 6 : ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องขนาดปานกลาง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 9 เครื่อง
  • ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว / Service Lift 1 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 97 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 116 คันคิดเป็น 40% (รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 50%)
  • ระบบ CCTV / Easypass / รปภ.24 ชม.
  • Key Card Access / VDO Door Phone


Product Walkthrough

 

ห้องตัวอย่างแรกที่พาไปดูเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 40 ตร.ม. ซึ่งห้องนี้จะอยู่มุมอาคาร เลยได้หน้าต่างช่องแสงแบบพิเศษมาหน่อย เริ่มจากเปิดเข้ามาจะเป็นโซนทานอาหารเชื่อมกับนั่งเล่น ได้ช่องแสงขนาดใหญ่ ด้านนอกมีระเบียงไว้วางเครื่องซักผ้าและคอมแอร์ ด้านในมีห้องครัวปิดแบบกั้นด้วยกระจกใสเป็นสัดส่วนพร้อม Pantry ตัว U ออกจากครัวจะมีประตูห้องน้ำและห้องนอนติดกัน ห้องน้ำระยะเหมาะสมแยกส่วนแห้งส่วนเปียก ส่วนของห้องนอนที่ได้พื้นที่กำลังดีมีมุมต่างๆวางเฟอร์นิเจอร์และยังเดินไปมาสะดวก

**โครงการนี้ขายแบบ Fully Furnish แบบของแท้ให้ทุกอย่างแบบในห้องตัวอย่าง เฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า จานชามช้อนส้อมผ้าขนหนูจัดมาให้หมด แอร์ทุกจุดทุกห้อง ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร เรียกว่า Ready to move in ได้ทันทีเลย

บานประตูมาตรฐานของโครงการที่ให้มาสูงเกือบถึงฝ้าเพดาน ที่ห้องจะมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าอยู่ 2.70 เมตร

Digital Door Lock ของ Samsung ได้มาตรฐาน เป็นแบบพลักออกเพื่อเปิดเข้าห้อง แบบนี้ดีนะเวลาเราถือของมาเยอะก็ใช้ตัวดันเข้าไปได้เลย ส่วนขวามือเป็นหน้าตาของป้ายเลขที่บ้านที่อยู่ติดกัน

เข้ามาแล้วติดกันกับประตูจะเป็นชั้นวางรองเท้า  ด้านบนเป็นเชล์ฟชั้นลอย หน้าบานเป็นลามิเนตลายไม้โทนสีเข้มหน่อยใกล้เคียงกับประตู

ลองเปิดให้ดูด้านล่างเก็บพวรองเท้า ด้านบนเอาไว้วางของใช้ส่วนตัวที่ต้องพกดวลาออกจากบ้านทุกวันบ่อยๆ เช่นพวกกุญแจ กระเป๋าเงิน ฯลฯ พวกนี้

ติดกันจะเป็นโซนโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่ง ที่อยู่ใกล้ “ช่องแสง” ขนาดใหญ่ในห้องนี้

ซึ่งมุมโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 2 ที่นั่งก็จะอยู่เชื่อมต่อกับโซนนั่งเล่นถัดไป จากมุมนี้จะเห็นตำแหน่งของแอร์ที่วางไว้เหนือโซฟา

มุมพื้นที่นั่งเล่นที่มีระยะดูทีวีประมาณ 2.6 เมตร ได้ระยะที่เหมาะสมกับทีวี 50 นิ้วพอดีที่ได้มาเลย ระยะกว้างขนาดนี้พอเอาโต๊ะกลางมาวางแล้วก็ยังเดินผ่านไปมาสะดวก

หน้าตาชุดโซฟาแบบ 2 ที่นั่งและโต๊ะกลางที่ได้มาเป็นเช่นนี้

ชั้นวางทีวีที่ความสูงเสมอกับผนังคอนกรีตที่ยกขึ้นมาหน่อย ระยะดูทีวีก็จะมองประมาณนี้นะ ด้านล่างก็เก็บของใช้ทั่วไปได้

ประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอนที่ออกไปยังระเบียงเป็นแบบสูงจรดพื้นเกือบถึงฝ้าเพดาน มีการดรอปฝ้าเอาไว้ให้สำหรับส่วนของงานที่ติดตั้งผ้าม่าน

พื้นที่ระเบียงขนาดประมาณ 0.90 x 1.60 เมตร ผิวเป็นกระเบื้องผิวด้าน

พื้นที่นี้เอาไว้วางเครื่องซักผ้าตำแหน่งจะอยู่ใต้คอมแอร์ ซึ่งมีระแนงปิดจากด้านนอกด้วย

ด้านบนเป็นตำแหน่งที่แขวนคอมแอร์ 2 ตัวเป็นสัดส่วนแบบนี้ โดยทั้งคู่จันหันลมร้อนออกด้านนอกอาคาร

กลับมาในห้องอีกครั้ง ติดกับประตูเข้าห้องทางขวามือ เป็นพื้นที่ครัว ที่แยกเอาไว้เป็นครัวปิดแบบนี้ แต่ว่าเจาะผนังช่วงครึ่งบนทั้งหมดเป็นกระจกใส ซึ่งยังสามารถเห็นคนจากในพื้นที่ห้องนั่งเล่นได้ และแสงส่องผ่านเข้าไปได้อีก

ทางเข้าห้องครัว เป็นประตูกระจกใสบานเลื่อน 2 ตอนแบบนี้ เปิดได้ทั้งสองฝั่ง แต่ว่าทางฝั่งซ้ายจะติดตำแหน่งของตู้เย็นคงต้องเปิดทางขวาอย่างเดียว

ทีนี้เมื่อมันเป็นครัวปิด เวลาเราเข้าไปทำอาหารก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอากาศหายใจนะครับ เพราะว่าโครงการมีการเจาะฝ้าเพดานให้ลมอากาศหมุนเวียนเข้าจากห้องนั่งเล่นไปยังในพื้นที่ห้องครัวได้ และมีติดพักลมดูดควันเวลาประกอบอาหารให้ออกไปด้านนอกได้แบบนี้

พื้นส่วนครัวจะเปลี่ยนเป็นกระเบื้องแบบ Homogeneous ซึ่งพื้นที่ความกว้างในการเดินเวลาทำครัวก็ไม่ได้มาก แต่ถ้าเข้ามาทำคนเดียวก็เหลือเฟือแล้วครับ กลับตัวไปมาโอเค

Top จะได้เป็นหินแกรนิตดำ และอ่างล้างจานของ Mex ทั้งหมด หน้าตาดูดี

ชุดพวกนี้ยังได้ทั้งหมด… โอ้  ฟูลลี่เฟอร์

ด้านบนเป็นพวกชั้นตู้เก็บของ ซึ่งหน้าบานจะเป็นไฮกลอสสีครีมครับ ฟิตติ้งการปิดเปิดทั้งหมดเป็น Softing Close ส่วนของ Back Splash เป็นกระจกสีดำขนาดใหญ่ทำให้ไม่เห็นรอยต่อดูสวยงาม ไม่ต้องกังวลกับคราบน้ำมัน หรือคราบสกปรกถ้าเราใช้เป็นกระเบื้อง

เตาไฟฟ้าแม่เหล็กไฟฟ้า 2 หัว, เครื่องดูดควัน(ดูดออกภายนอก) เป็นเซ็ตของ smeg

ชุดตู้ที่เชื่อมต่อมายังเหนือพื้นที่วางตู้เย็น ด้านในมีกล่องสวิทช์คัทเอาต์ไฟอยู่ในนี้ด้วย

ด้านล่างจะมีช่องวางไมโครเวฟ และอื่นๆเป็นพื้นที่เก็บของใช้ในโซนครัวอีก

ออกมาจากห้องครัวเราจะเห็นประตูขวามือเป็นส่วนของห้องน้ำ และซ้ายมือเป็นห้องนอนที่ต้องออกมาใช้ด้านนอกนี่

เข้ามาในห้องน้ำวัสดุทั้งหมดในห้องน้ำทั้งชุดอ่างล้างมือ สุขภัณฑ์ ก๊อกน้ำ จะเป็นเซ็ตของ COTTO ทั้งหมด ระยะการหยิบจับใช้งานต่างๆก็มาตรฐาน

ด้านบนเป็นชุดตู้เก็บของอยู่ด้านหลังกระจกเงา ซึ่งผมลองเปิดออกให้ดูก็ทำเป็นชั้นเก็บของได้เยอะพอสมควรเลย

ด้านล่างของตู้มีการติดไฟ LED (สีส้ม) ซ่อนเอาไว้ให้ส่องสว่างเพิ่มได้

หันไปทางขวามือจะเป็นส่วนอาบน้ำแยกพื้นที่ส่วนเปียกโดยได้กระจกฉากกั้นเป็นแบบสีดำจางๆใสๆ มองทะลุเข้าไปได้ ชุดฝักบัวทั้งหมดรวมไปถึง Rain Shower ก็ตามในรูปเลยเป็นของ COTTO เช่นกัน

พื้นที่ระยะอาบน้ำขนาดประมาณ 0.80 x 1.30 เมตร ส่วนของเดรนระบายน้ำจะมีการเก็บงานซ่อนเอาไว้ดูดีกว่าทั่วไป

มาดูในส่วนของห้องนอนที่ได้นำหนักพื้นที่ในห้องนี้ค่อนข้างเยอะ เลยจะมีระยะรอบๆที่ดูกว้างขวางดี เตียงที่ได้ในห้องนี้เป็นแบบ KingSize นอนสบาย

ทางขวามือของหัวเตียงเราจะได้เจ้าโต๊ะอเนกประสงค์มาตัวนึง ซึ่งเป็นทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง โต๊ะทำงาน ก็ได้

ที่ปลายเตียงติดกับประตูทางเข้าห้องนอนจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built-In 3 ตอนแบบนี้และเชื่อมต่อกับชั้นวางทีวีที่มีมาให้เช่นกันเอาไว้เผื่อนอนดูทีวี

ลองเปิดฟังก์ชั่นเก็บของภายในตู้เสื้อผ้าให้ดูครับ มีติดไฟส่องสว่างไว้ด้วย

ด้านข้างหัวเตียงฝั่งนี้ เหลือพอวางโต๊ะหัวเตียงเล็กๆได้ เดินมาเปิดปิดผ้าม่านก็พอได้อยู่ ประมาณ 40 ซม.

หน้าต่างช่องแสงสำหรับห้องนอนนี้ก็จัดมาให้ถือว่าใหญ่และกว้างทีเดียวเป็นบานฟิคตรงกลาง และกระทุ้งเปิดออกได้ทางซ้ายและขวา

ส่วนของผ้าม่านก็มีการดรอปฝ้า ทำราง ติดตั้งผ้าม่านมาให้แล้วเสร็จสรรพ

ห้องตัวอย่างที่จะพาไปดูอีกแบบจะเป็น 2 Bedroom 62 ตร.ม. Type 2A ซึ่งเป็นห้องแบบหน้ากว้าง การแบ่งโซนจะให้พื้นที่ส่วนรวมอยู่ตรงกลางดันห้องนอนไปไว้ทั้ง 2 ข้าง โดยห้องนอนเล็กจะเล็กกว่าพอสมควรและต้องออกมาใช้ห้องน้ำด้านนอกร่วมกับโซนนั่งเล่น แต่ของห้องนอนใหญ่จะใหญ่พิเศษและได้หน้าต่างเข้ามุม ช่องแสงขนาดใหญ่ส่องมาทั้งห้อง มีพื้นที่ walk in closet และห้องน้ำในตัว โต๊ะกินข้าวได้แบบ 4 ที่นั่งซึ่งมีระยะพอสามารถเพิ่มเป็นแบบ 6 ทั้นั่งยังได้ และมีพื้นที่ครัวปิดเป็นสัดส่วนอยู่ใกล้กับระเบียงช่วยถ่ายเทอากาศเพิ่มได้อีก แต่ห้องนี้ก็ต้องแลกกับน้ำหนักของระเบียงที่เล็กมากๆไม่เหมาะกับคนที่ซักผ้าตากผ้าเองอย่างประจำจริงจัง

เปิดประตูมาจะเจอกับโต๊ะรับประทานอาหาร มองตรงไปเป็นทางเข้าโซนห้องครัวที่จัดเอาไว้เป็นครัวปิดอยู่ติดกับระบียง

เข้ามาในห้องแล้วทางขวามือ ที่ผนังทั้งหมด Built-In  เป็นชุดตู้เก็บของแบบนี้ซึ่งมีทั้งหน้าบานกระจกชาดำและหน้าบานลายไม้

ผมลองเปิดบานออกให้ดูทั้งหมดต้องบอกว่าตรงนี้เก็บของได้เยอะมากๆๆ เก็บรองเท้า ร่ม ถุงกอล์ฟ ของชิ้นเล็กใหญ่ได้หมด เพราะมีการแบ่งช่องเอาไว้หลายขนาด และระบบปิดจะเป็น Soft Close

ที่ห้อง 2 Bedroom เนี่ยเราจะได้เป็นแอร์แบบฝังฝ้าเพดานแทนนะครับ ดูสวยงามเรียบร้อยกว่า ส่วนติดแอร์จะดรอปความสูงเหลือ 2.50 เมตร

ประตูกระจก 3 ตอนส่วนของทางเข้าห้องครัว ทำให้เปิดได้กว้างกว่าแบบ 2 ตอน ความสูงแบบชนเพดาน 2.50 เมตร

พื้นส่วนของครัวจะเปลี่ยนไปเป็นกระเบื้อง ซึ่งจะเหมาะสมกว่ากับการทำความสะอาดและทนน้ำได้ดี

ส่วนของพื้นครัวทางเดินจะไม่ได้กว้างมากประมาณ 80 ซม. กว่า ทางขวามือจะเป็น Pantry หลักสำหรับประกอบอาหาร และซ้ายมือเป็นพื้นที่จะเตรียมอาหารของว่าง

ชุดหน้าบานตู้ทางขวามือเก็บของได้เยอะเช่นเคย

ชุดอ่างล้างจานของ MEX เช่นกัน พร้อมติดตั้งราวแขวนจาน

Hob&Hood ของห้องนี้ (ของ smeg) จะได้เป็นขนาดที่ใหญ่ขึ้นเป็นแบบแม่เหล็กไฟฟ้า 4 หัว

พื้นที่เก็บของด้านล่างจัดมาให้เต็มทุกส่วนพร้อมวางไมโครเวฟที่ด้านล่างนี้

ฝั่งซ้ายมือก็มี Pantry และชุดตู้มาให้เช่นเดียวกัน วัสดุแบบเดียวกัน แต่จะมีส่วนวางเครื่องซักผ้าเอาไว้ตรงนี้ชิดกับประตูทางออกไประเบียง

ประตูทางออกไประเบียงจะเป็น 3 ตอนเช่นเดียวกัน

พื้นของระเบียงจะลดระดับลงเล็กน้อย ขนาดของระเบียงห้องนี้ไม่ได้ให้มาเยอะเท่าไร เรียกว่าพออกไปยืน หรือวางสวนกระถางได้นิดหน่อย

ส่วนของระเบียงห้องนี้จะอัพเกรดตัวกันตกมาเป็นกระจกนิรภัยแทน และทางขวามือจะเป็นส่วนพื้นที่เก็บคอมแอร์ที่มีมาให้ 3 ตัว จริงๆจะหันลมร้อนมาทางเรา แต่ด้วยส่วนของประตูเหล็กที่ทำเป็นระแนงองศาเฉียงๆแบบนี้ช่วยให้อันออกไปนอกอาคารได้ระดับนึง

พื้นที่โต๊ะรับประทานอาหารอยู่ด้านหน้าห้องครัวจัดวางมาแบบ 4 ที่นั่ง หน้าตาเช่นนี้

ด้านข้างประตูทางเข้าห้องหลัก จะอยู่ติดกับห้องน้ำ ที่ส่วนรับแขกและห้องนอนเล็กออกมาใช้ที่ตรงนี้ เป็นแบบ Full Function มีที่อาบน้ำ

ภายในห้องน้ำวัสดุก็เหมือนกับห้องก่อนที่พาไปดูนะ

ด้านบนเป็นชุดตู้หน้าบานกระจกเงา และยังมีไฟซ่อนใต้ตู้เหมือนกัน

ส่วนของพื้นที่อาบน้ำที่แยกส่วนเปียกกั้นด้วย Shower box เช่นกัน โดยพื้นที่อาบน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 0.90 x 1.30 เมตร

 

Rain Shower ที่มีมาให้ทุกห้อง จะเห็นว่ามีการดรอปฝ้าซ่อนไฟเอาไว้แบบนี้ ไม่ให้แสงสว่างของไฟยิงตรงศรีษะมากเกินไปเวลาใช้งาน

ส่วนของห้องนั่งเล่นรับแขกที่อยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ห้องนอน ได้ช่องแสง Full Height

ช่องแสงแบบเต็มพื้นที่นั่งเล่นทำให้ดูสูงโปร่งสบายตา อีกทั้งเราจะได้ชุดชั้นวางทีวี เฟอร์นิเจอร์แบบนี้ ยกเว้นที่ผนังของจริงไม่ได้ติดวอลเปเปอร์มาให้

ที่ตู้ชั้นลอยติดผนัง การเปิดปิดเป็นระบบโช๊คสูญญากาศ รองรับการปิดกระแทกแบบแรงๆได้ หน้าบานเป็นกระจกชาดำ

ชุดโซฟาจัดมาแบบ 2 ที่นั่ง มีที่วางแขนแบบนั่งสบายๆกว้างๆ เดี๋ยวไปดูห้องนอนเล็กที่อยู่ด้านหลังโซฟานี่กัน

ภายในห้องนอนเล็กที่โ๕รงการเอาเตียง 3 ฟุตครึ่งมาวาง แต่ดูด้วยตา จริงๆแล้วเอาเตียง 5-6 ฟุตมาวางยังได้เลย (เหลือไว้ทำไมฮะะะ)

ระยะทางเดินปลายเตียงจะค่อนข้างแคบหน่อย แต่ก็ยังสามารถเอาทีวีแขวนผนังนอนดูได้นะ

ข้างหัวเตียงฝั่งขวาที่อยู่ติดกับช่องแสง กว้างเดินไปมาสะดวก

หน้าต่างช่องแสงแบบสูงจรดฝ้าเพดานของห้องนอนเล็ก

ทางฝั่งซ้ายมือเป็นพื้นที่ของตู้เสื้อผ้า Built-In มาให้แบบนี้

มาดูส่วนห้องนอน Master Bedroom กันบ้าง ด้วยตำแหน่งที่อยู่มุมอาคาร อีกทั้งจัดเต็มช่องแสงให้ห้องนี้ เปิดมาว๊าวมากสำหรับคนชอบดูวิวในห้องนอนนะครับ

ระยะหัวเตียงทั้งสองฝั่งซ้ายขวาเหลือวางโต๊ะและเดินไปมาดูวิว + Bay Window หน้าต่างเข้ามุม ทำให้ได้มิติกว้างเวลามองออกไป

ส่วนหน้าต่างที่เปิดออกได้จะมีแค่ตรงนี้เท่านั้นเป็นบานกระทุ้ง 2 จุด

ที่ปลายเตียงติดตั้งชั้นวางทีวีมาให้แล้ว พร้อมเหลือทางเดินไปมาได้สะดวก

ถัดมาจะเป็นส่วนของ Walk in closet ที่ทำเป็นประตูกระจกดำใส บานเลื่อนเปิดปิดซ่อนผนัง

พื้นที่แต่งตัวทางเดินจะเล็กๆหน่อยอยู่ด้านหน้าทางเข้าห้องน้ำ ที่ปลายทางเดินวางโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้ให้

ตู้เสื้อผ้า Built-In 3 ตอนอยู่ตรงข้ามประตูห้องน้ำพอดี

ภายในห้องน้ำของห้องนอนใหญ่ ไม่ได้ให้ขนาดที่พิเศษอะไร จะเหมือนๆกับห้องทั่วไปนะครับ

เข้ามาทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของพวกอ่างล้างมือ ตู้ชั้นวางของ ส่วนขวามือ(ด้านหลังประตู) จะเป็นตำแหน่งที่วางของสุขภัณฑ์ซึ่งได้ระยะที่กว้างดีนะ

พื้นที่อาบน้ำพอกับห้องก่อน

ชุด Set ฝักบัว อุปกรณ์ต่างๆ Cotto เหมือนกันครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

อันนี้เป็นแปลนของแบบห้องอื่นๆที่ไม่ได้ไปดูห้องตัวอย่างนะครับลองดูกันว่าชอบแบบไหน แต่ส่วนใหญ่ห้องจะเป็นแบบหน้ากว้างเน้นช่องแสงเยอะให้ส่องผ่านเข้ามาได้ + กับความสูงห้อง 2.70 เมตร ทำให้ห้องดูโปร่ง

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 18 April 2017

  • 1 Bedroom 1 Bathroom 29.75 – 44.75 ตร.ม. ราคา 4.5 – 7 ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 2 Bathroom 57.25 – 62.75 ตร.ม. ราคา 9 – 10 ล้านบาท

  • Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชิ้น และแอร์ทุกห้อง
  • ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร
  • Digital Door Lock Samsung
  • Kitchen & Sink + Hob & Hood(ของ SMEG)
  • ทำสัญญา n/a บาท
  • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ที่ตั้งของโครงการ The Line สุขุมวิท 71 อยู่ในย่านพระโขนงถือเป็นทำเลที่อยู่ระหว่างในเมืองและนอกเมือง สภาพแวดล้อมโดยรอบมีลักษณะเป็นชุมชนเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่มีความเจริญ และ ความอุดมสมบูรณ์อยู่พอสมควร มีความหนาแน่นของประชากรสูง และเป็นทำเลที่เริ่มมีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัย เนื่องมาจากราคาค่าเช่าในย่านสุขุมวิทตอนต้นปรับสูงขึ้นมาก มีศูนย์การค้าขนาดใหญ่และอาคารสำนักงานอยู่ไม่มากนัก  Community Mall ที่อยู่ใกล้โครงการที่สุดคือ W District ตั้งอยู่บริเวณปากซอย สุขุมวิท 71 และมี Hyper market อย่าง Max Value อยู่บริเวณกลางๆซอย

การเดินทางโดยใช้รถยนต์ ถือว่าค่อนข้างสะดวกเลยทีเดียว เพราะโครงการอยู่ใกล้กับถนนใหญ่ ขับรถออกไปซักพักก็สามารถเข้าย่านธุรกิจ อย่าง อโศก หรือ เพลินจิตได้ไม่ยาก  สามารถใช้ถนน สุขุมวิทออกไปยัง ถนน พระราม 4 , ถนน เพชรบุรี , ถนน พัฒนาการ หรือ ถนน รามคำแหงได้ นอกจากนั้นในซอยยังสามารถใช้เส้นทางลัดได้หลายทาง และ จากที่ตั้งโครงการไม่ไกลจากทางด่วน รามอินทรา – อาจณรงค์ และด่วน เฉลิมมหานคร ทางขึ้นอยู่บริเวณใกล้ๆกับ ม.กรุงเทพฯ ติดนิดหน่อยอยู่ตรงที่ซอย สุขุมวิท 71 เป็นซอยใหญ่รถจึงเยอะตามไปด้วย อาจจะต้องทนรถติดบริเวณหน้าซอย และ ถนนสุขุมวิทในช่วงเวลาเร่งด่วนกันซักหน่อย

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากซอยสุขุมวิท 71 เป็นซอยใหญ่ มีรถเข้าออกอยู่ตลอดเวลา สามารถเรียกรถโดยสาร ทั้ง Taxi หรือ มอเตอร์ไซค์รับจ้างได้ง่าย มีพี่วินและรถสองแถวกระจายอยู่ทั่วทั้งซอย ถ้าอยากจะใช้รถไฟฟ้า จากที่ตั้งโครงการสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีพระโขนง ห่างจากโครงการประมาณ 500 เมตร ซึ่งยังอยู่ในระยะที่เดินไหว โดยสถานี Interchange ไปรถไฟฟ้าใต้ดินจะอยู่ที่สถานี อโศก และ ช่วงท้ายซอยสุขุมวิท 71  บนถนนกำแพงเพชร 7 ขนานกับถนนเพชรบุรีตัดใหม่ ก็มี Airport link สถานีรามคำแหง เป็นตัวเลือกเผื่อใครอยากจะใช้ไปสนามบินสุวรรณภูมิ

วัสดุ ที่นี่ให้มาค่อยสมกับราคาที่เป็น Fully Furnish แบบของแท้ให้ทุกอย่างแบบในห้องตัวอย่าง เฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ไฟฟ้า จานชามช้อนส้อมผ้าขนหนูจัดมาให้หมด แอร์ทุกจุดทุกห้อง ฝ้าเพดานสูง 2.70 เมตร เรียกว่า Ready to move in ได้ทันทีเลย พื้นได้ลามิเนต 8 มม. ยกเว้นส่วนครัวจะได้เป็นกระเบื้องแบบ Homogeneous กลอนประตูได้ Digital Door Lock ส่วนครัวมีฉากกั้นมาให้สำหรับแบบที่มีครัวปิด Top ได้หินแกรนิตดำ หน้าบานตู้ทุกบานติด Soft Close มาให้ ชุดครัวของ Starmark, อ่างล้างจาน MEX, Hob&Hood ได้ของ smeg / ภายในห้องน้ำทั้งหมดใช้เซ็ตของ COTTO ส่วนอาบน้ำได้ฉากกระจกกั้นพร้อม Rain Shower มาให้

การออกแบบ ด้วยตัวของอาคารเป็นโทนสีออกนน้ำตาลทอง รูปแบบเป็นแนวโมเดิร์นร่วมสมัย การออกแบบ Landscape และส่วนกลางทำได้ดี แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้เอาส่วนกลางหลักยกไปไว้ชั้นบนๆ ส่วนของห้องพักอาศัยที่นี่มีแค่ 1-2 Bedroom เท่านั้น ซึ่งแปลนห้อง “ส่วนใหญ่” จะเป็นแบบหน้ากว้างที่เน้นหน้าต่างช่องแสงส่องเข้ามาในห้องเยอะ + กับความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 2.70 เมตร ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งเป็นพิเศษ ฟังก์ชั่นโดยทั่วไปจะลงตัวอยู่แล้วเพราะที่นี่ขายแบบ Fully Furnish เราไม่ต้องจัดห้องเอง มีตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นที่จัดวางมาให้หมด

สาธารณูปโภค ที่นี่มีมาให้ไม่เยอะมากแต่ก็มีหลักๆมาให้ครบเพราะว่าจำนวนยูนิตรวม 291 ถือว่าไม่ได้สูงเท่าไรแต่เพราะยูนิตน้อยก็ต้องแลกมากับค่าส่วนกลางที่สูงพอสมควรเลยอย่าง 65บาท/ตร.ม. และแอบน่าเสียดายที่ไม่ได้เอาสระว่ายน้ำไว้ชั้นบนสุด หลักๆจะได้สวนหย่อม Sculpture Garden สวยๆ, MainLobby Double Volume, EV Car Station ที่ชั้น 1 และสระว่ายน้ำยาว 6 x 25 ม.มีลูกเล่นลำโพงใต้น้ำ, ห้อง Laundry, ห้องอ่านหนังสือ, Shallow Pool และ ห้องออกกำลังกาย ที่ชั้น 6 และสุดท้ายที่ชั้นดาดฟ้าจัดเป็น Roof Garden ที่มีชุดชมวิวทั้งสองฝั่ง Sunrise & Sunset Deck 

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 150,000 – 170,000 บาท/ตร.ม., 18 April 2017

  • ทำเล 7.25/10 – ใกล้ถนนหลักสุขุมวิท เข้าออกเมืองสะดวก มีทางลัดเลาะ อยู่ในแหล่งชุมชนมีความอุดมสมบูรณ์
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เดินทางได้สะดวกมีทางลัดและทางด่วนให้ใช้ ถ้ามาจากฝั่งเลขคู่เลี้ยวเข้ายาก
  • ไม่ใช้รถ 7.25/10 – ระยะเดินไป BTS 500 เมตร ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่ถนนหน้าโครงการเป็นซอยหลักมี Taxi และสองแถวผ่านตลอด
  • วัสดุ 8.25/10 – ถ้าเทียบกับราคาแล้วของที่ให้มาแบบ Fully Furnish เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า แอร์ ของใช้ ถือว่าคุ้ม
  • แบบ 8.0/10 – แบบห้องส่วนใหญ่เน้นหน้ากว้างช่องแสงเยอะ เพดานสูง ตัวอาคารเป็นโทนโมเดิร์น
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 –  จัดมาให้ในระดับมาตรฐาน แต่น่าเสียดายที่ไม่เอาสระว่ายน้ำไว้ชั้นบนสุด

  • HIGH-LUXURY CLASS
  • 7.53 / 10.00

 

BOTTOM LINE

The Line สุขุมวิท 71 เหมาะสำหรับคนที่ทำงานหรือชอบการอยู่อาศัยในย่านของพระโขนง ชอบโครงการที่ยูนิตไม่เยอะ ใช้รถยนต์เดินทางสะดวก หรือใช้รถไฟฟ้าบ้างเข้าออกเมืองได้ไม่ยาก เลือกสินค้าที่มีแบรนด์มีชื่ออยู่ตามท้องตลาดคนรู้จัก ที่สำคัญเป็นโครงการที่ขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่ต้องตกแต่งอะไรแล้วหิ้วตัวเข้ามาอยู่ได้เลย มีงบประมาณระดับ 4 – 11 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 28,000 – 77,000 บาท/เดือน