รีวิวฉบับที่ 1211 … สวัสดีค่ะ หลังจากที่ช่วงสะพานใหม่ได้มีระบบรางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายผ่านเข้ามา ตลาดคอนโดมิเนียมในย่านนี้ก็มีความคึกคักกันมากขึ้นนะคะ สำหรับใครที่ทำงานแถบย่านพหลโยธิน-สะพานใหม่นี้ เราจะขอพาไปดูอีกหนึ่งโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้ว และใกล้รถไฟฟ้าสถานีสายหยุดเพียง 250 ม. กับโครงการ Tempo Quad สะพานใหม่ คอนโด Low Rise บนถนนเทพรักษ์ (พหลโยธิน-รัตนโกสินทร์สมโภช) ใครพร้อมแล้วตามไปดูพร้อมกันเลยค่ะ 

 

Fact @ 2 November 2016

  • Tempo Quad Saphanmai (เทมโป ควอด สะพานใหม่)
  • บริษัท บิลท์ แลนด์ จำกัด (มหาชน)
  • MAIN CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : บางเขน
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 153 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 22 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 59 คันคิดเป็น 39% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 48%
  • ที่ดินประมาณ 1-0-13.2 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : มิถุนายน 2558
  • 1 Bedroom 25.2 – 34.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.2 – 2.9 ล้านบาท
  • 2 Bedroom 38.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.6 ล้านบาท (Sold out)
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด 81,000 – 87,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 1783#4

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.890029, 100.605958

โครงการ Tempo Quad สะพานใหม่ ตั้งอยู่บนย่านสะพานใหม่ ถือเป็นย่านค้าขายคึกคักในแถบนี้เพราะแต่เดิมก็เป็นแหล่งชุมชนอยู่อาศัยกันมานานรวมทั้งมี Node ใหญ่ๆ อย่างตลาดยิ่งเจริญที่จะคึกคักมากเป็นพิเศษเพราะเป็นตลาดขนาดใหญ่ขายทั้งของสด แห้ง เสื้อผ้าต่างๆ บรรยากาศในแถบนี้ก็จะมีคนเยอะคึกคัก รถราเยอะ ที่สำคัญคือมีความอุดมสมบูรณ์สูง หาของกินง่ายในราคาที่ไม่แพงมากนัก ซึ่งสามารถซื้อกินได้ในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่บรรยากาศที่มีแต่ร้านแพงเยอะ แต่กินไม่ได้จริงในทุกๆ วันนะคะ ส่วนบรรยากาศละแวกนี้ส่วนใหญ่เราก็ยังคงเห็นบ้านพักอาศัยแนวราบแบบอยู่กันเป็นชุมชนหรือหมู่บ้านจัดสรรกันอยู่ รวมถึงหอพักและอพาร์ทเม้นท์ แต่ด้วยปัจจุบันมีโครงการทำรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่เชื่อมจากหมอชิตมาสะพานใหม่และตรงไปสุดถึงคูคตก็ทำให้บรรยากาศในละแวกนี้มีการเปลี่ยนไปพอสมควร เราก็จะเห็นคอนโดมิเนียมกันมากขึ้นทั้ง High Rise ติดถนนและ Low Rise ในซอยย่อยเพื่อมาเกาะรถไฟฟ้ากันมากขึ้น

ซูมเข้ามาที่บรรยากาศของถนนเทพรักษ์ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ที่งานก่อสร้างทั้งหมดก็เสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ได้เปิดใช้เป็นทางการ ซึ่งปัจจุบันก็จะพอเห็นรถวิ่งกันบ้างแล้วนะคะ ส่วนใหญ่บนถนนนี้จะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โรงเรียน ส่วนที่คึกคักหน่อยก็จะเป็นช่วงต้นๆ ถนนที่เชื่อมกับถนนพหลโยธินจะมีคอนโดมิเนียมทั้ง High Rise และ Low Rise ขึ้นหลายโครงการเพื่อมาเกาะสายรถไฟฟ้าบนถนนพหลโยธิน ซึ่ง Tempo Quad สะพานใหม่ ก็เป็นหนึ่งในจำนวนคอนโดนั้นค่ะ ข้อดีของที่ตั้งอยู่ติดริมถนนเทพรักษ์ช่วงใกล้แยกที่ตัดกับถนนพหลโยธินนี้ก็จะมีตัวเลือกในการเดินทางค่อนข้างมากสะดวกทั้งถนนพหลโยธินหรือจะออกทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ก็สะดวก และสามารถไปทะลุออกถนนสุขาภิบาล 5 ได้เช่นกัน ส่วนเรื่องการหาของกินนั้นก็ไม่ยากค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะไปพึ่งพิงร้านค้าบนถนนพหลโยธินกันมากกว่า อย่างที่ใกล้ที่สุดเลยก็เดินข้ามฝั่งไปพึ่ง Big C เดินไปอีกหน่อยก็มีร้านอาหาร รถเข็นอาหารเยอะพอสมควรไปจนถึงตลาดยิ่งเจริญ

การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นถือว่าสะดวก ด้วยโครงการที่ตั้งอยู่บนถนนเทพรักษ์นั้นเชื่อมไปออกถนนใหญ่ๆ ได้หลายสาย ทำให้มีตัวเลือกในการเดินทางค่อนข้างมากทั้งถนนพหลโยธิน ถนนสุขาภิบาล 5 และทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากวงเวียนหลักสี่ ซึ่งก็สามารถออกไปยังถนนได้หลายสายมากขึ้น อย่างถนนวัฒนะ ถนนรามอินทรา และทางคู่ขนานวิภาวดีรังสิต

สำหรับเส้นทางของถนนเทพรักษ์ในปัจจุบันจะตัดจากถนนพหลโยธินไปถึงถนนสุขาภิบาล 5 แต่ในอนาคตทางสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ก็จะมีโครงการก่อสร้างถนนต่อเชื่อมกับถนนเทพรักษ์ไปบรรจบกับทางคู่ขนานวิภาวดีรังสิตโดยจะตัดตรงบริเวณเลียบคลองถนนและคลองวัดหลักสี่ค่ะ ซึ่งยังไม่มีกำหนดการที่แน่ชัด ก็ต้องรอกันต่อไป หากมีการก่อสร้างแล้วเสร็จบริเวณนี้ก็จะกลายเป็นสี่แยกใหญ่อยู่เหมือนกันและสามารถเดินทางไปวิภาวดีรังสิตได้สะดวกไม่ต้องไปอ้อมทางวงเวียนหลักสี่ รวมทั้งยังมีแผนก่อสร้างอีกจุดจากที่เชื่อมไปยังสุขาภิบาล 5 อยู่ในปัจจุบัน แต่ในอนาคตจะมีการก่อสร้างเพิ่มยาวไปถึงนิมิตใหม่เลยค่ะ

ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถนั้นก็ถือว่าสะดวกเช่นกันนะ ด้วยความที่ใกล้กับถนนพหลโยธินเลยจะเรียกรถก็ง่าย ทั้งแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก รถตู้ และรถเมล์ และนอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายนี้ก็จะเสร็จให้ได้ใช้กันแล้ว ก็จะเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางมากขึ้น และเป็นสายสีเขียวสายหลักที่เข้าเมืองได้โดยตรงอีกด้วยค่ะ โดยสถานีที่ใกล้กับโครงการที่สุดคือสถานีสายหยุด โดยมีระยะห่างจากโครงการไปประมาณ 200 – 250 ม. บวกลบนิดหน่อยเพราะยังไม่มีขาขึ้น-ลงให้เห็นชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม 200 – 250 ม.ก็ถือว่าเป็นระยะที่เดินได้ง่ายสบายๆ เช่นกัน โดยโครงการรถไฟฟ้าสายต่อขยายนี้มี กำหนดการคาดว่าจะแล้วเสร็จ พ.ศ. 2562 และเปิดให้บริการปี พ.ศ. 2563 ก็อดใจรอกันอีกไม่นาน

การเดินทางในวันนี้เริ่มต้นจากวงเวียนหลักสี่บนถนนพหลโยธินมุ่งหน้าไปทางสะพานใหม่ประมาณ 2 เมตร ก็จะเจอแยกเลี้ยวเข้าถนนเทพรักษ์ค่ะซึ่งจุดสังเกตเด่นๆ เลยคือ Big C ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของถนนเทพรักษ์เลยนี่แหละค่ะ จากนั้นตรงมาอีกไม่ไกลเราจะไปกลับรถกัน จากนั้นตรงมาอีกหน่อยก่อนจะถึงแยกที่ตัดกับพหลโยธินก็จะที่ตั้งโครงการฝั่งซ้ายมือค่ะ

เริ่มต้นกันจากถนนรามอินทราวิ่งเข้าวงเวียนหลักสี่ด้านหน้าเลยนะคะ เส้นทางนี้จะมุ่งหน้าไปทางสะพานใหม่

เลี้ยวเข้าวงเวียนหลักสี่ ด้านข้างมีพุทธวิชชาลัยในมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

เลี้ยวขวามาแล้วตรงไปทางสะพานใหม่ค่ะ ส่วนด้านข้างนั้นจะเห็นเป็นทางขึ้น-ลงอุโมงค์ข้ามวงเวียนหลักสี่มุ่งหน้าไปทางแยกเกษตร การทำอุโมงค์แบบนี้ก็ช่วยลดการจราจรที่ติดขัดได้ระดับนึงค่ะ ส่วนตรงไปอีกหน่อยก็จะเห็น Tesco Lotus สาขาหลักสี่ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง Hyper Market ที่ใกล้กับโครงการ

ตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นว่าบรรยากาศบนถนนนี้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนเพราะมีรางรถไฟฟ้าที่อยู่ในช่วงก่อสร้างแบบนี้ การจราจรก็จะติดขัดกว่าแต่ก่อนหน่อยด้วยเลนจราจรที่น้อยลง ซึ่งช่วงนี้ก็อาจจะต้องอดทนกันไปก่อนเมื่อรถไฟฟ้าสร้างเสร็จแล้วแถบนี้ก็จะเดินทางสะดวกมากขึ้นรวมทั้งมีความเจริญมากขึ้นตามลำดับอีกด้วย

เราตรงมาเรื่อยๆ เลย จนเห็นจุดสังเกตเป็นป้าย Big C ใหญ่ๆ นี่แหละ ให้เริ่มเบี่ยงเข้าเลนขวาเพื่อเตรียมเลี้ยวขวาได้เลย ที่ต้องให้ดูป้าย Big C เป็นจุดสังเกตเพราะว่าบริเวณเกาะกลางปัจจุบันมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าตลอดแนวทำให้มองทัศนวิสัยฝั่งตรงข้ามไม่เห็นเลย ไม่งั้นขับเพลินๆ ก็อาจเลยได้ ต้องไปกลับรถข้างหน้าเลย ซึ่งก็จะติดหนักไปอีกเพราะมีทั้งรถไฟฟ้าและตลาดยิ่งเจริญที่มีรถสาธารณะจอดกันหนาแน่นอยู่แล้วด้วย

เดี๋ยวนี้สะดวกขึ้นเยอะพอถึงแยกก็เลี้ยวเข้าถนนเทพรักษ์ได้เลยไม่ไปกลับรถตรงช่วงที่เลย Big C ไปอีกหน่อย ถึงแม้จะระยะไม่ได้ไกลมากแต่ก็อย่างที่รู้กันว่าแถบนี้รถก็ติดไม่เบาเลย การรอกลับรถก็อาจจะกินเวลาได้เหมือนกัน

เรามาอยู่ช่วงต้นของถนนกว้าง 4 เลนกว้างมากๆมีที่เหลือเลนทางซ้ายมือให้จอดรถชั่วคราวได้สบายๆ ปริมาณรถไม่มากเท่าไรนะคะ ส่วนที่ตั้งโครงการเราจะอยู่ฝั่งตรงข้ามนะ เดี๋ยวเราไปกลับรถกันค่ะ

จุดกลับรถจะอยู่ห่างจากต้นถนนไปประมาณ 150 ม. ไม่ไกลมากค่ะ

จากนั้นเราก็จะมุ่งหน้าไปทางถนนพหลโยธินเช่นเดิมนะคะ โดยโครงการจะอยู่ใกล้กับถนนพหลโยธินมากที่สุด

และแล้วเราก็ถึงโครงการแล้วค่ะ ทางเข้าโครงการจะสูงเสมอกับฟุตบาทนะคะ ก็จะมีทางลาดให้ขึ้นได้ง่ายๆ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

เรามาดูสภาพแวดล้อมโดยรอบๆ จาก Google Map กันหน่อย จะเห็นว่าที่ตั้งโครงการนั้นจับกลุ่มก้อนกับคอนโด และอพาร์ทเม้นท์ที่มีความสูงเท่าๆ กันเลย ดีที่โครงการไม่ได้อยู่บล็อกกลางนะคะ ดังนั้นก็จะมีแต่ห้องพักอาศัยในทิศตะวันออกที่โดนบล็อกวิวไปเต็มๆ ในทุกชั้น ส่วนห้องในทิศอื่นๆ นั้นรอดไม่มีอาคารมาประชิดในระยะใกล้ๆ ค่ะ ซึ่งทางโครงการเองก็มีการจัดวางแปลนที่สามารถช่วยลดปัญหาที่ตั้งโครงการที่อยู่ติดกับโครงการอื่นมากๆ และจะรู้สึกอึดอัดหรือไม่เป็นส่วนตัวได้ดีระดับนึงนะคะ เดี๋ยวเราจะค่อยๆ พาไปดู

  • ทิศเหนือ : ถนนเทพรักษ์, Big C
  • ทิศตะวันออก : Patio Apartment สูง 8 ชั้น
  • ทิศใต้ : ที่จอดรถของโรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล
  • ทิศตะวันตก : ที่ดินเปล่า, ถนนพหลโยธิน

ดูรอบๆ โครงการกันบ้างนะคะ ที่ตั้งโครงการนั้นจะอยู่ทางขวามือของรูป หันไปทางทิศตะวันออกนั้นจะติดกับพาทิโออพาร์ทเม้นท์สูง 8 ชั้น เลยไปอีกหน่อยก็จะเป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้นค่ะ สังเกตตรงอพาร์ทเม้นนะคะ เค้าออกแบบมาเป็นรูปตัว L แบบนี้ทำให้มีพื้นที่ว่างไว้เว้นระยะกับโครงการอยู่ไม่ได้ติดแนบสนิทซะทีเดียว ก็จะช่วยเรื่องความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น

อีกด้านติดกับพื้นที่ดินเปล่า ซึ่งเป็นแปลงหัวมุมเล็กๆ ตอนนี้ยังไม่มีการพัฒนาเป็นอะไรนะคะ แต่เดิมเห็นมีตึกที่ถูกรื้อทิ้งไว้แบบนี้จากภาพเลย

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Big C 120 เมตร
  • โรงพยาบาลเซ็นทรัล เยนเนอรัล 250 เมตร
  • ตลาดยิ่งเจริญ 1 กิโลเมตร
  • Tesco Lotus 1.4 กิโลเมตร
  • Central รามอินทรา 2.6 กิโลเมตร
  • วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร 3.4 กิโลเมตร
  • กรมทหารราบที่ 11 3.6 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยศรีปทุม 4.8 กิโลเมตร
  • โรงเรียนสารวิทยา 5 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน 7.4 กิโลเมตร
  • Major รัชโยธิน 8 กิโลเมตร
  • สนามบินดอนเมือง 8.5 กิโลเมตร
  • โรงพยาบาลวิภาวดี 9 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Tempo Quad สะพานใหม่เป็นคอนโด Low Rise บนถนนเทพรักษ์ ลักษณะการวางตัวตึกจะเป็นรูปตัว U ซึ่งมีการเว้นช่องให้มีแสงสว่างเข้าด้านในได้ดี รวมทั้งมีระยะห่างระหว่างปีกอาคารแต่ละข้างทำให้ภายในไม่ทึบตัน และช่องว่างนี้ก็ทำเป็นพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Court ปลูกต้นไม้ใหญ่ และสระว่ายน้ำเพื่อให้ช่องว่างนี้เป็นวิวภายในให้ลูกบ้านได้ เนื่องจากภายนอกอาคารด้านนึงถูกบล็อกวิว และอีก 3 ด้านก็ไม่มีวิวอะไรที่พิเศษมากนัก การออกแบบให้เกิดเป็น Court ด้านในก็ถือเป็นการแก้ปัญหาและตอบโจทย์ได้ดี

เริ่มไปดูตั้งแต่ทางเข้าโครงการกันเลยนะคะ ทางเข้าโครงการแบ่งออกเป็น 2 เส้นทางคือทางเข้า-ออกรถยนต์และทางเดินนะคะ ซึ่งถือว่าดีนะคะที่แยกทางเดินและทางเดินรถออกจากกันก็สามารถช่วยลดอุบัติเหตุและเพิ่มความสะดวกในการเข้า-ออกได้มากขึ้นด้วย

การเข้า-ออกรถใช้ไม้กระดกอัตโนมัติด้วยระบบ Easy Pass เหมือนทางด่วน ซึ่งไม่ต้องใช้บัตรมาทาบเหมือน Key Card Access ระยะใกล้นะคะ แค่มาจอดรถด้านหน้าไม้กระดกก็จะเปิดโดยอัตโนมัติเลย

เข้ามาด้านในของชั้น 1 นี้ส่วนใหญ่จะเป็นที่จอดรถนะคะ จะมีส่วนด้านในอาคารในชั้นนี้ก็จะเป็น Lobby ของโครงการเท่านั้น ซึ่งที่จอดรถนั้นนอกจากจะมีชั้นนี้แล้วก็ยังมีชั้นใต้ดินอีก 1 ชั้นนะ รวมทั้งหมดแล้วมีที่จอด 59 ช่องจอด คิดเป็นประมาณ 39% หรือรวมซ้อนคันก็ประมาณ 48% ค่ะ ถือว่าให้มาไม่มากไม่น้อย เมื่อหักลบการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในอนาคตที่ค่อนข้างสะดวก เพราะมีระยะห่างจากโครงการอยู่ในระยะที่เดินได้ง่าย ในส่วนของวัสดุปูพื้นด้านหน้าจะปูด้วย Concrete Stamped ดูสวยงาม ส่วนด้านในเข้าไปหน่อยจะเป็นคอนกรีตปกตินะคะ

ช่องจอดรถขนาดมาตรฐาน

เข้ามาดูรั้วรอบโครงการกันบ้างนะ รั้วนี้มีความสูง 3 ม. นะคะ และปลูกไม้พุ่มแบบนี้เพิ่มให้ด้วยนอกจากดูสวยงามแล้วก็ยังสามารถเพิ่มความสูงรั้วได้ด้วยนะคะ เพราะในอนาคตต้นไม้ก็จะโตขึ้นเรื่อยๆ หากต้องการความสูงรั้วมากขึ้นอีกหน่อยก็เลี้ยงความสูงของต้นไม้ได้

สุดทางนี้จะเป็นห้องเก็บขยะด้านล่างค่ะ เดี๋ยวเราจะพาเดินดูรอบๆ ชั้นนี้กันต่อนะคะ เลี้ยวขวาไปตามทางกันเลย

เดี๋ยวเราตรงไปดูส่วนทางขึ้น-ลงที่จอดรถชั้นใต้ดินกัน

ด้านหลังนี้จะเป็นทางลงที่จอดรถชั้นใต้ดินนะคะ ส่วนทางขึ้นนั้นจะอยู่ขนานกันแต่จะไปออกด้านหน้าโครงการเลย ในชั้นใต้ดินนี้นอกจากจะเป็นที่จอดรถแล้วก็ยังมีห้องน้ำแยกชาย-หญิงให้ และมีโถงลิฟต์สามารถขึ้นไปที่ห้องพักได้เลย ซึ่งลิฟต์นั้นจะใช้ระบบล็อกชั้นคือต้องสแกน Key Card เท่านั้นนะนะคะ ดังนั้นใครที่กังวลเรื่องความไม่ปลอดภัยก็หายห่วงได้ค่ะ ส่วนภาพบรรยากาศชั้นใต้ดินตอนนี้มีการเก็บงานกันอยู่ยังไม่ค่อยเรียบร้อยดีเท่าไหร่

มาที่หน้าทางเข้า Lobby กันต่อ

ภายใน Lobby มีขนาดพอสมควรนะคะ มีชุดโซฟาและที่นั่งให้ประมาณ 3-4 ชุด ด้านในสุดเป็นห้องนิติบุคคล

การออกแบบ Lobby นี้ก็มีคอนเซ็ปนะคะ เค้าตั้งชื่อว่า HANA Lobby และใช้สไตล์การตกแต่งแบบ Modern Japanese ที่เห็นเด่นๆ เลยคือลายไม้ของฝ้าเพดานทำออกมาได้สวยดีทีเดียวค่ะ

ด้านซ้ายมือจากรูปที่แล้ว ก็จะเป็นส่วนทางเข้าโถงลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นห้องพักอาศัยนะคะ โดยจะใช้การสแกนบัตรเข้า-ออกประตูนี้ด้วยนะคะ

เข้ามาส่วนโถงลิฟต์กันแล้ว สำหรับโครงการนี้นั้นมีลิฟต์โดยสารทั้งหมด 2 ตัวนะคะ คิดเป็นอัตราส่วนลิฟต์ได้ประมาณ 76.5 : 1 ถือว่ามีความหนาแน่นไม่มากค่ะ ข้อดีคือไม่ต้องรอลิฟต์นานๆ ยิ่งเวลาชั่วโมงเร่งด้วยที่ทุกคนออกไปทำงานพร้อมๆ กัน ส่วนสุดทางของโถงลิฟต์นั้นจะเป็นพื้นที่ Mail Box ค่ะ

พื้นที่ Mail Box และกล่องจดหมายจะจัดไว้ให้ประมาณนี้

ภายในโถงลิฟต์หน้าตาประมาณนี้ค่ะ

รองรับคนพิการ ผู้สูงอายุและเด็กๆ ในการใช้งานลิฟต์ด้วยนะ เพราะที่กดลิฟต์นี้จะวางไว้ด้านข้างไม่สูงมากทำให้กดลิฟต์ได้ง่ายไม่ต้องเอือมตัวสูงๆ

ส่วนอีกจุดก็ใช้สำหรับคนทั่วไปค่ะ ด้านบนจะมีตัวสแกนบัตรนะคะ เพราะลิฟต์นี้ใช้ระบบ Proxy Lift หรือลิฟต์ล็อกชั้น ดังนั้นลูกบ้านจะต้องสแกนบัตรก่อนถึงจะกดลิฟต์ได้ และจะขึ้น-ลงได้เฉพาะชั้นห้องพักตัวเอง ชั้น Facilities และชั้น Lobby

ชั้น 2 เป็นชั้นเริ่มต้นห้องพักอาศัยและเป็นชั้น Facilities หลักของโครงการ โดยการจัดวางแปลนนั้นจะวางอาคารโอบล้อม Facilities ตรงกลางเพื่อให้ส่วน Facilities เป็นวิวภายในโครงการ ทดแทนกับวิวภายนอกที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก เนื่องจากเป็นคอนโด Low Rise ไม่ใช่คอนโด High Rise ที่เน้นวิวมุมสูงนะคะ ในส่วนของ Facilities ตรงกลางนั้นประกอบด้วยสระว่ายน้ำ, สวน และ Court ที่ปลูกต้นไม้ใหญ่ไว้ค่ะ ส่วนการรักษาความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านในชั้นนี้นั้นก็มีการเพิ่ม Double Access ไว้ให้เฉพาะลูกบ้านในชั้นนี้เท่านั้นถึงจะสแกนเข้าไปยังส่วนพักอาศัยได้

ขึ้นมาที่ชั้น 2 นะคะ จากโถงลิฟต์จะแบ่งเป็น 2 ทางคือทางเข้าส่วนห้องพักอาศัยซึ่งสำหรับชั้นนี้ก็จะมีจุดสแกนบัตรอีกรอบนึง ถือเป็น Double Access ที่ทางโครงการทำมาให้เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ลูกบ้านในชั้นนี้มากขึ้น เนื่องจากเป็นชั้นที่มีกับ Facilities หลักอยู่ด้วยดังนั้นจึงเป็นชั้นที่ลูกบ้านชั้นอื่นๆ ก็สามารถลงมาใช้งานได้เช่นกัน จึงค่อนข้างพลุ่กพล่านกว่าชั้นอื่นๆ ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นทางออกไปยังส่วน Facilities ค่ะ เดี๋ยวเราตามไปดู Facilities ในชั้นนี้กันเลย

ออกมาจากโถงลิฟต์แล้วทางซ้ายจะเป็น Court และด้านขวาเป็นสระว่ายน้ำค่ะ ส่วนด้านหน้านั้นมีประตูกั้นอีกชั้นแต่ไม่ต้องแสกนบัตรแล้วนะ เพราะเป็นทางเข้าส่วน Fitness ค่ะ แต่ประตูที่ลึกเข้าไปอีกเลย Fitness ไปแล้วจะเป็นอีกประตู Double Access ของห้องพักอีกฝั่งนึงในชั้นนี้ซึ่งต้องใช้บัตรสแกนเช่นกันค่ะ

เรามาดูบริเวณ Court กันก่อนนะคะ บริเวณนี้ที่เด่นๆ เลยคือต้นไม้ตรงกลางเดี๋ยวภาพถัดไปจะอธิบายต้นไม้ต้นนี้ให้ฟังนะ ข้างใต้ของต้นไม้และบริเวณรอบๆ จัดให้เป็นที่นั่งพักผ่อนได้ในร่มไม้ใหญ่ รวมทั้งลักษณะที่เป็นช่องลมแบบนี้ก็ทำให้มีลมพัดมาเรื่อยๆ ค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ

สำหรับต้นไม้ที่ทางโครงการนำมาปลูกนั้นมีชื่อว่า “มั่งมี” ถือเป็นต้นไม้มงคล มีแล้วจะมั่งมี มีโชคลาภ ประมาณนี้ค่ะ รายละเอียดในเรื่องโชคลาภของต้นไม้นี้จริงๆ เราเองก็ยังไม่มีรายละเอียดอะไรขนาดนั้นนะ เท่าที่รู้ก็ตามชื่อเรียกนี่แหละค่ะ แต่ที่จะเอามาเสริมหน่อยคือเรื่องของการดูแลต้นไม้ต้นนี้นี่แหละ ที่ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของทางนิติบุคคลและลูกบ้านกันต่อว่าจะดูแลรักษาอย่างไร ซึ่งลักษณะของต้นไม่นี้จะเป็นไม้ผลัดใบ ดูแลไม่ยาก ชอบแดดแรงๆ อากาศร้อนๆ ของบ้านเราได้ดีค่ะ ส่วนข้อจำกัดของต้นมั่งมีนี้ก็มีนะ อย่างที่เห็นในรูปว่าไม่ใช่ต้นเล็กๆ เลย และด้วยพื้นที่ที่จำกัดการแผ่กิ่งก้านสาขาของต้นนี้ก็คงไม่เวิคมากนะ เพราะอาจจะแผ่ล้ำมาถึงอาคารได้ ดังนั้นก็จำเป็นต้องมีการตัดกิ่งก้านและหมั่นดูแลสม่ำเสมอนะคะ

อีกฝั่งเป็นส่วนสระว่ายน้ำ แต่ก่อนจะไปดูสระจะเห็นว่าด้านข้างๆ ก็มีจัดสวนและที่นั่งให้ได้นั่งเล่นกันด้วยนะ

บริเวณนี้มองขึ้นไปจะเห็นว่าด้านบนเปิดโล่งนะคะ เพื่อให้มีแสงสว่างส่วนเข้ามาในช่องว่างของอาคารได้ดี ทำให้อาคารดูโปร่งโล่งและไม่ทึบตัน มองไปด้านข้างของอาคารจะเห็นโถงทางเดินในทุกชั้น ซึ่งส่วนนี้จะออกแบบมาให้เป็น Single Corridor เพื่อที่จะสามารถมายืนชมวิวพื้นที่ส่วนกลางนี้ได้ด้วย และที่โดดเด่นอีกอย่างนึงและถือเป็นสัญลักษณ์ของโครงการก็คือ ปลาคาร์ฟที่ติดอยู่ตรงกำแพงนี่แหละค่ะ ด้วยความหมายของปลาคาร์ฟนี้หมายถึงสัญลักษณ์ของความโชคดีตามความเชื่อของคนตะวันออกค่ะ จะเห็นว่าโครงการนี้ค่อนข้างใช้ศาสตร์ของสัญลักษณ์ในเรื่องโชคลาภผ่านลูกเล่น (gimmick) อยู่พอสมควรเลยนะคะ

มาดูสระว่ายน้ำกันต่อนะ สระว่ายน้ำนี้จะมีทางขึ้นบันไดเล็กๆ ไปแบบนี้ ตัวสระจะยกสูงจากชั้น 2 พอสมควรค่ะ

ขนาดสระว่ายน้ำมีขนาด 4.5 x 8 ม. ลึก 1.20 ม. ระบบน้ำเกลือ ลักษณะของสระเป็นสระในที่ร่มนะคะ เพราะด้านบนบริเวณสระนี้มีการทำหลังคาเบาใช้แผ่น Polycarbonate ไว้ให้ด้วย สามารถกันฝนได้ระดับนึง ส่วนเรื่องแดดก็ไม่ต้องกังวลมากถ้าไม่ใช้ตอนเที่ยงตรงแล้วก็มีอาคารนี่แหละเป็นตัวบังให้รอบทิศเลยค่ะ มาที่ส่วนขนาดของสระนั้นถือว่าให้มามาตรฐานนะ สามารถว่ายออกกำลังกายได้ แต่ไม่ได้รองรับจำนวนคนเล่นได้มากนัก เสียดายที่น่าจะทำสระเด็กให้เพิ่มอีกหน่อย

มองมาจากด้านบนจะเห็นลายสระด้านล่างด้วยเป็นรูปปลาคาร์ฟต่อเนื่องกันขึ้นไปที่กำแพง

มาดูห้อง Fitness กันบ้างนะคะ

บรรยากาศภายในห้อง Fitness หรือชื่อว่า MINO Fitness นั้นพื้นจะปูด้วยลามิเนต รอบข้างทั้ง 2 ด้านติดกระจกเต็มเฟรมให้ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งดีค่ะ ส่วนอีกด้านตกแต่งเป็นลายหกเหลี่ยม โดยทางโครงการให้แนวคิดมาว่าหกเหลี่ยมนั้นหมายถึงสัญลักษณ์ของอายุวัฒนะค่ะ

ภายในห้อง Fitness นี้สามารถวางเครื่องออกกำลังกายได้ประมาณ 7 เครื่อง ถือว่าให้มาพอประมาณเมื่อเทียบกับจำนวนยูนิตห้อง

ชั้น 3-8 เป็นชั้น Typical Floor Plan โดยเป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด ในแต่ละชั้นมีจำนวนยูนิตอยู่ที่ 22 ยูนิต ถือว่ามีความหนาแน่นน้อยนะ ส่วนในเรื่องของตำแหน่งลิฟต์นั้นวางอยู่ช่วงตรงกลางของอาคารมีค่อนไปทางซ้ายเล็กน้อย ซึ่งก็ทำให้สะดวกในการเดินไปยังห้องพักอาศัยทั้ง 2 ฝั่งนะคะ เพราะได้ทำสะพานเชื่อมไว้ตรงกลางเพื่อเชื่อมไปยังห้องพักส่วนฝั่งขวาเรียบร้อย ถือเป็นทางลัดไม่ต้องเดินอ้อมไกลค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 3 เดี๋ยวจะพาไปเดินดูตามโถงทางเดินรอบๆ นะคะ

จากโถงลิฟต์แล้วเลี้ยวขวาจะเป็นสะพานเชื่อมไปยังส่วนห้องพักอีกฝั่งแบบนี้ ถ้าอย่างเป็นชั้น 2 นั้นตรงนี้ก็จะแยกไปเป็นส่วน Court ด้านซ้ายและสระว่ายน้ำด้านขวาค่ะ สะพานเชื่อมนี้เป็นเหมือนทางลัดให้กับห้องพักอีกฝั่งนะคะ เพราะจริงๆ โถงทางเดินในแต่ละชั้นจะเป็นทางเดินที่บรรจบกันหมดอยู่แล้ว

ทางเดินของโครงการนี้บางส่วนทำเป็น Single Corridor เพื่อใช้ประโยชน์จากช่องว่างตรงกลางของอาคารเป็นช่องลมและช่องแสงเข้าทางโถงทางเดินได้ รวมทั้งจะมองวิวสระว่ายน้ำตรงกลางก็ได้ด้วยค่ะ

แต่จะมีบางจุดของโถงทางเดิน อย่างฝั่งที่ติดกับอพาร์ทเม้นท์นั้นจะเป็น Double Corridor นะคะ ซึ่งจริงๆ แล้วน่าจะออกแบบให้ฝั่งที่ติดกับอพาร์ทเม้นท์นั้นได้ Single Corridor มากกว่า อย่างน้อยภายนอกห้องก็ยังได้วิวจากภายในโครงการ

ในแต่ชั้นตรงมุมก็จะมีห้องเก็บขยะให้ด้วยเรียบร้อย

สุดทางจะมีทางแยกไปโถงลิฟต์ อย่างที่กล่าวไว้ตอนแรกว่าทางเดินจะเป็นลูป (Loop) วนกลับมาที่โถงลิฟต์ได้นะคะ และตรงไปสุดทางของโถงทางเดินก็ทำช่องแสงให้ด้วย ก็สามารถช่องให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาภายในโถงได้ดีระดับนึง ไม่ต้องพึ่งไฟทางเดินมากนักซึ่งก็สามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในค่าส่วนกลางไปได้บ้างค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้นดาดฟ้ากันบ้างนะคะ โดยจะต้องขึ้นผ่านบันไดหนีไฟนะคะ

สำหรับชั้นดาดฟ้านั้นจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นด้านบน มีการจัดสวนปลูกต้นไม้ให้รอบๆ แบบนี้ค่ะ

พื้นที่ชั้นดาดฟ้าขนาดไม่ใหญ่มากนักนะคะ เน้นเป็นพื้นที่นั่งเล่นสูดอากาศมากกว่า และจากในภาพจะเห็นพื้นที่วางแบบนี้ ที่น่าจะเอาชุดเก้าอี้โซฟาแบบทนแดดทนฝนได้หน่อยมาวางให้ได้นั่งเล่นกันก็ดีนะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 4.5 x 8 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 7 เครื่อง
  • พื้นที่นั่งเล่นชั้นดาดฟ้า
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟท์ 76.5 :  1
  • ที่จอดรถประมาณ 59 คันคิดเป็น 39% รวมจอดซ้อนคัน 15 คัน คิดเป็น 48%
  • ระบบ CCTV / Access Card
  • Proxy Lift

 


Product Walkthrough

สำหรับโครงการ Tempo Quad สะพานใหม่นี้มีรูปแบบการขายแบบ Fully Furnished พร้อมแพ็กกระเป๋าเข้าอยู่ ตัวโครงการเน้นขายห้องแบบ 1 Bedroom ซึ่งมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 25.2 – 34.5 ตร.ม. ด้วยขนาดพื้นที่ประมาณนี้ก็จะตอบโจทย์คนที่อยู่คนเดียวหรืออยู่เป็นคู่นะคะ ซึ่งมีแบบให้เลือกอยู่ 3 Type ด้วยกัน ส่วนอีก Type นึงเป็นห้อง 2 Bedroom ค่ะ แต่ขายหมดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสำหรับใครที่อยากได้ห้อง 2 Bedroom นั้นก็สามารถดิลกับโครงการได้นะคะ อาจจะปรับเป็นห้องแบบ Combine ได้เนื่องจากผนังภายในใช้แบบก่ออิฐฉาบปูนปกติสามารถทุบแต่งเพิ่มเติมได้ ไม่เหมือน Precast

ห้องตัวอย่างห้องแรกที่จะพาไปดูคือห้อง 1 Bedroom Type U ขนาดตั้งแต่ 27.9 – 28.9 ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสจัดฟังก์ชันได้ง่ายและได้ฟังก์ชันพื้นฐานครบถ้วน รวมทั้งมีการจัดวางได้ลงตัวดี โดยเน้นพื้นที่นั่งเล่นค่อนข้างกว้างเพราะนอกจากจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นได้แล้ว ยังเหลือพื้นที่ด้านข้างพอจะวางโต๊ะทำงานขนาดเล็กๆ ได้อยู่ ลึกเข้าไปหน่อยเป็นส่วนห้องนอนซึ่งถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก ทำให้มีพื้นที่ห้องนอนเป็นสัดส่วนมากขึ้น ซึ่งสำหรับใครที่ต้องการพื้นที่ส่วนตัวในห้องนอนมากขึ้นหน่อยก็อาจจะติดฟิล์มฝ้าหรือม่านก็ได้นะคะ เผื่อใครที่มักจะมีแขกมาเยี่ยมอยู่บ่อยๆ ส่วนครัวและพื้นที่รับประทานอาหารจะอยู่บริเวณเดียวกันนะคะ ซึ่งครัวนี้จะได้เป็นครัวแบบเปิด คือไม่มีประตูกั้นเป็นสัดส่วนชัดเจนนะคะ ดังนั้นก็เหมาะจะทำอาหารเบาๆ หน่อย หรืออุ่นอาหารง่ายๆ

มาเริ่มจากหน้าห้องกันเลยค่ะ ประตูห้องเป็นประตู HDF บานใหญ่ สูงเท่าฝ้าเพดาน มือจับเป็นก้านโยกสแตนเลสปกติ

พื้นห้องถูกยกสูงขึ้นมาเล็กน้อยจากพื้นโถงทางเดิน โดยจบขอบด้วยกระเบื้อง ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีนะคะ เพราะถ้าได้พื้นห้องเท่ากับพื้นโถงทางเดินเวลาแม่บ้านมาทำความสะอาดก็อาจจะมีฝุ่นหลุดเข้าไปในห้องได้ง่ายกว่า รวมทั้งการปูธรณีด้วยกระเบื้องก็มีความคงทนในการดูแลรักษาและการใช้งานมากกว่าการจบขอบด้วยไม้สำเร็จรูป ส่วนพื้นภายในห้องเป็นพื้นลามิเนต 8 มม.ค่ะ

เข้ามาภายในเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นก่อน สุดทางเป็นส่วนห้องนอนซึ่งกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกเป็นสัดส่วน สำหรับตำแหน่งห้องที่ได้เป็นห้องมุมจะได้ Value เพิ่มคือได้กระจกด้านหลังชุดโซฟาด้วย ทำให้ตัวห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ ในเรื่องของความสูงฝ้านั้นมีความสูงอยู่ที่ 2.5 ม. ซึ่งก็ถือว่าให้เลยความสูงปกติ (2.4 ม.) มานิดหน่อย ก็ทำให้ได้ปริมาตรของห้องมาขึ้น ความรู้สึกภายในห้องก็จะโปร่งมากขึ้นมาอีกหน่อย

หันกลับมาดูพื้นที่นั่งเล่นกันชัดๆ นะคะ ขนาดบริเวณพื้นที่นั่งเล่นนี้มีขนาดประมาณ 2.6 x 3.2 ม. และมีระยะทีวีประมาณ 2.9 ม. ซึ่งเหมาะกับที่จะวางขนาดทีวีประมาณ 42″-50″ จะเป็นขนาดที่พอดีกับระยะสายตา

ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะได้ทั้งโซฟา 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางจาก Index ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ จะเห็นว่าห้องนี้จะพอเหลือพื้นที่ด้านข้างบ้างนะคะ ซื้อหากเราผลักโซฟาไปด้านขวาฝั่งประตูทางเข้าไปอีกหน่อย ก็จะเหลือพื้นที่ระหว่างโซฟาและประตูบานเลื่อนกระจกมากขึ้นมาอีกหน่อยพอที่จะวางโต๊ะทำงานได้ ซึ่งก็ถือว่าพื้นที่เหลือนี่ทำให้เกิดฟังก์ชั่นเพิ่มขึ้นมา ส่วนด้านหลังได้หน้าต่างบานเลื่อนเฟรมใหญ่ทีเดียวนะคะ ช่วยให้พื้นที่บริเวณนี้สว่างมากขึ้นเยอะเลย

ซูมมาให้เห็นหน้าตาโซฟาและโต๊ะกลางกันชัดขึ้นอีกหน่อย อ้อ ชุดโซฟานี่รวมหมอนสีน้ำตาล 2 ใบนี้ด้วยนะ

ฝั่งตรงข้ามโซฟาได้ชั้นวางทีวีและชั้นลอยด้านบนเช่นกัน 

ตู้จะเป็น particle เคลือบเมลามีน ได้บานเปิด soft close ด้วยค่ะ

มาที่ประตูบานเลื่อนกระจกจะเป็นประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ซึ่งก็จะทำให้เปิดได้กว้างมากกว่าเมื่อเทียบกับประตูบานเลื่อนแบบ2 ตอนนะคะ เมื่อเปิดประตูออกมาพื้นที่ในส่วนห้องนอนและพื้นที่นั่งเล่นก็จะเชื่อมต่อกันทำให้ดุกว้างมากขึ้นด้วย ส่วนใครที่ต้องการให้บริเวณภายในห้องนอนดูมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นก็สามารถติดฟิล์มฝ้าหรือม่าน ได้ค่ะ

พื้นระหว่างพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนจะถูกกันด้วยวงกบของประตูบานเลื่อนซึ่งเป็นวงกบที่ฝั่งเข้าแบบเสมอพื้น ทำให้เดินง่ายไม่สะดุด ส่วนภายในห้องนอนขนาดประมาณ x x x ม. วางเตียงขนาด 5 ฟุตส่วนด้านใต้เตียง Built-in ตู้เสื้อผ้าให้

มือจับใส่มาตรฐานวงกบเป็นวงกบอลูมิเนียมพ่นสีขาว มีตัวล็อคก้นหอยเพิ่มขึ้นมาให้ด้วยค่ะ ก็ ช่วยให้การล็อกประตูแน่นหนาขึ้นอีกชั้นหนึ่ง

บริเวณห้องนอนสามารถวางเตียงได้ 5 ฟุตอย่างที่บอกไปแล้วข้างต้น ส่วนบริเวณหัวเตียงด้านข้างมีติดเสาโครงสร้างอยู่ด้านนึง ซึ่งก็ เมื่อวางเตียงลงไปแล้วจะเกิดช่องว่างบริเวณหัวเตียงนะคะ ซึ่งแนะนำให้ Built- in เหมือนในห้องตัวอย่างก็จะสามารถทำเป็นชั้นวางของได้ ทำให้ สามารถใช้พื้นที่ทุกตารางเมตรได้คุ้มค่ามากขึ้น รวมทั้งผนังด้านหลังของชั้นวางของจะได้กระจกด้วยนะคะ แต่จะได้เฉพาะห้องมุมเท่านั้นนะ ส่วนอีกด้านได้กระจกเฟรมใหญ่ขนาดเท่ากันกับด้านนอกเลย

มาดูที่ปลายเตียงกันบ้าง ฝั่งปลายเตียงจะแบ่งเป็น 2 ส่วนนะคะ มีผนังด้านขวาซึ่งบริเวณนี้สามารถแขวนทีวีได้ หรือใครจะเอากรอบรูปมาตกแต่งบริเวณนี้ก็ได้นะ ด้านบนเป็นตำแหน่งแอร์ค่ะ ซึ่งในทุกห้องตำแหน่งแอร์จะอยู่ตรงนี้แหละเป็นมาตรฐาน ก็อาจจะเป่าลมเย็นมาตรงไปหน่อยนะ ปกติแล้วการวางตำแหน่งแอร์ด้านข้างจะเหมาะสมสุด ส่วนอีกด้านเป็นตู้เสื้อผ้าค่ะ โดยตู้จะซ่อนไปด้านในทำให้ไม่ไปกินเนื้อที่ทางเดินปลายเตียงดีค่ะ

ภายในตู้มีราวแขวนเสื้อทั้งด้านบนและด้านล่างไว้แขวนกางเกงมีชั้นให้พับผ้าและใส่เสื้อผ้าเพิ่มเล็กๆ น้อยๆ ด้านบนตู้เสื้อผ้าเหลือช่องว่างสูงไปถึงฝ้าเพดานซึ่งก็สามารถวางกระเป๋าเดินทางด้านบนได้ค่ะ

มาต่อกันที่ห้องครัวกันบ้างนะคะ บริเวณครัวนี้จะไม่ได้มีประตูบานเลื่อนกันปิดเป็นส่วนครัวปิด ที่เหมาะกับการทำอาหารมากขึ้นและมีฟังก์ชันเป็นสัดส่วนขึ้นนะคะ แต่ถ้าลูกบ้านสนใจอยากจะทำก็ทำได้นะ สามารถเดินรางด้านบนติดผนังด้านข้างซ้ายได้ แต่ก็จะไปกินพื้นที่ส่วนรับประทานอาหารไปเล็กน้อย

พื้นครัวใช้พื้นลามิเนตเช่นเดียวกันแต่ไม่ได้ต่อกันเป็นผืนยาวนะ แต่จะมีการจบขอบด้วยไม้สำเร็จรูปก่อนค่ะ จริงๆ แล้วทำเป็นพื้นลามิเนตยาวไปเลยจะสวยกว่านะ

บริเวณครัวมีขนาด 3 x 2.3 ม. ซึ่งมีทั้งส่วน Pantry และโต๊ะรับประทานอาหาร สำหรับพื้นที่ครัวกับห้องขนาดเท่านี้ถือว่าจัดออกมาได้กว้างพอสมควรนะคะ

Pantry พร้อมตู้ลอยนี้จาก Index เช่นกัน ท็อปเป็น Particle เคลือบเมลามีน บานเปิดปิดผิวด้วยลามิเนต ด้านหลังได้เป็นผนังฉาบเรียบปกติ ซึ่งแนะนำว่าลงทุนเพิ่มเติมกรุกระจกหรือกระเบื้องก็ได้นะคะ จะทำให้ผนังส่วนนี้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นเยอะและไม่เป็นคราบด้วยเวลาโดนน้ำหรือสิ่งสกปรกต่างๆ จากบริเวณครัว

ชั้นลอยด้านบนสามารถเก็บถ้วยจานชามได้ประมาณนึงนะ

Pantry ด้านล่างมีการก่อปูนเพิ่มมาแล้วปูด้วยโมเสกเล็กๆ ส่วนตรงนี้ก็ทำให้วางข้าวของไดมากขึ้น อย่างพวกขวดน้ำจิ้ม ซอสปรุงรสต่างๆ ได้ ส่วนบริเวณหน้าโต๊ะ Pantry จะมีให้คือ Sink นะคะ ส่วนเตานั้นจะไม่ได้มีให้มานะ และเราจะมาติดตั้งเองก็ดูจะมีพื้นที่น้อยไปหน่อย ง่ายๆ เลยซื้อเตาไฟฟ้ามาใช้แทน จะใช้ก็ยกมาเสียบปลั๊ก ทำอาหารเสร็จก็ยกไปเก็บได้ด้วย มาที่ด้านล่างกันบ้างจะเป็นชั้นเก็บไมโครเวฟ และเหลืออีก 2 ช่องไว้เก็บถ้วยจานค่ะ เสียดายน่าจะมีลิ้นชักเก็บช้อนส้อมหน่อย

อ่างล้างจานหลุมเดี่ยวจาก Hafele

ส่วนด้านข้างของ Pantry เป็นพื้นที่ว่างสำหรับวางตู้เย็น ซึ่งสามารถวางขนาดตู้ใหญ่ได้เลย จากห้องตัวอย่างก็ขนาดประมาณ 15.6 คิวบิกฟุตแล้วค่ะ

หันหลับหลังมาจาก Pantry จะเป็นส่วนรับประทานอาหารค่ะ มีพื้นที่ประมาณ x x x ม. โดยชุดโต๊ะเก้าอี้ที่ได้มาตรฐานนั้นจะไม่เหมือนในห้องตัวอย่างที่ Built-in ติดผนังให้แบบนี้นะคะ เฟอร์นิเจอร์มาตรฐานในส่วนโต๊ะจะเป็นโต๊ะสำหรับ 2 ที่นั่งพร้อมเก้าอี้ แบบลอยตัวค่ะ

มาที่ระเบียงซักล้างกันต่อค่ะ

ขนาดของระเบียงอยู่ที่ประมาณ 1.9 x 1.5  ม. วางเครื่องซักผ้าเข้าไปแล้วก็ทำให้เหลือที่น้อยอยู่เหมือนกันนะ สำหรับซักล้างหรือตากผ้า

ส่วนด้านบนเครื่องซักผ้านั้นแขวน  CDU แอร์ให้ เป่าลมร้อนเข้าด้านข้าง ซึ่งใครไม่อยากให้ลมร้อนหันเข้าทางห้องก็สามารถติดกริลเบี่ยงลมร้อนไปด้านนอกได้ค่ะ

กลับมาที่ห้องน้ำให้ห้องกันต่อ ซึ่งอยู่ติดกับ Pantry ครัว เริ่มจากทางเข้าห้องน้ำมีธรณียกสูงขึ้นเล็กน้อยปูด้วยแกรนิตสีดำ ด้านในปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาด 30 x 30 ซม.ค่ะ

ด้านในแบ่งเป็นส่วนเปียกและส่วนแห้งได้เป็นสัดส่วน สำหรับโซนแห้งนี้มีขนาดความกว้างระดับนึงนะคะ มีพื้นที่ของแต่ละสุขภัณฑ์พอสมควรไม่เบียดมากไป เริ่มจากส่วนอ่างล้างมือด้านบนติดกระจกเงาให้ตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ

อ่างล้างมือเป็นแบบลอยตัว จาก KARAT

โถสุขภัณฑ์จาก KARAT เช่นกันค่ะ มีความกว้างของพื้นที่รอบๆ โถประมาณ 90 ซม. ก็ถือว่ามีความกว้างพอสมควรนะคะ นั่งได้สบายๆ

ส่วนพื้นที่อาบน้ำนี้จะไม่ได้ให้ฉากกั้นกระจกมาให้นะคะ แต่ลูกบ้านสามารถติดตั้งเองได้นะ หรือจะประหยัดงบหน่อยก็ทำเป็นราวบาร์แขวนม่านพลาสติกแทนได้ค่ะ ซึ่งจะช่วยกันน้ำกระเด็นออกมานอกโซนแห้งได้ดี ส่วนขนาดพื้นที่อาบน้ำนี้มีขนาดประมาณ 1.1 x 0.9 ม. ก็ถือเป็นขนาดอาบน้ำไซส์มาตรฐานของห้องขนาดประมาณนี้

ฝักบัวนี้ได้ทั้งแบบสายอ่อนและ Rain Shower มาด้วยนะ ส่วนด้านข้างติดที่วางสบู่ให้เรียบร้อย

หัวฝักบัวสายอ่อนมีขนาดกลางๆ มือจับแข็งแรงจับได้ถนัดมือดีค่ะ

มาดูอีกห้องตัวอย่างนึงนะคะ คือห้อง 1 Bedroom Type A ขนาด 27.6 – 34.5 ตร.ม. ซึ่งมีขนาดเริ่มต้นพอๆ กับ Type U นะคะ คือเริ่มที่ 27 ตารางเมตร บวกลบทศนิยมอีกนิดหน่อย ไปยันห้องที่มีขนาดใหญ่กว่าคือ 34.5 ตร.ม. การจัดวางฟังก์ชันภายในจะใกล้เคียง Type U แต่ก็มีแตกต่างกันบ้างคือส่วนพื้นที่นั่งเล่นที่ได้ขนาดใหญ่ขึ้นพอสมควร เหมาะกับคนที่มักจะใช้พื้นที่นี้อยู่บ่อยๆ และด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นมานั้นก็เพราะว่าส่วนนึงนั้นมีฟังก์ชันเพิ่มขึ้นมาคือส่วนรับประทานอาหารจะเปลี่ยนจากครัวมาติดกับโซฟาแทน อันนี้แหละเป็นจุดที่แตกต่างกันระหว่างห้องนี้และห้อง Type U จากนั้นส่วนครัวก็ได้ขนาดกะทัดรัดขึ้น และไม่มีพื้นที่รับประทานอาหารแล้วค่ะ ส่วนเข้ามาภายในห้องนอนก็จะได้พื้นที่ทำงานเล็กๆ เพิ่มขึ้นมาด้วย

ภายในห้องส่วนพื้นที่นั่งเล่นนี้มีขนาด 3.5 x 3.25 ม. ถ้าเทียบจากห้องแรกก็ดูจะกว้างขึ้นพอสมควรนะคะ

ภายในส่วนนี้ประกอบไปด้วยพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารไว้ด้วยกัน การจัดตำแหน่งของเฟอร์นิเจอร์ก็แล้วแต่ใครจะชอบวางเฟอร์นิเจอร์ตำแหน่งไหนได้เลย เพราะได้เป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว หรือจะตามแบบห้องตัวอย่างเลยก็ได้ค่ะ หรือจะสลับตำแหน่งให้โซฟาไปชิดกับส่วนประตูห้องแทน และเอาโต๊ะเก้าอี้รับประทานอาหารมาวางริมประตูบานเลื่อนกระจกใกล้ห้องนอนแทน เพราะเวลาเราเตรียมอาหารมาจากครัวจะได้เดินได้สะดวกกว่าหน่อยไม่ต้องไปอ้อมผ่านส่วนโซฟา ส่วนระยะห่างระหว่างโซฟาและทีวีของห้องนี่มีระยะประมาณ 3.2 ม. เหมาะกับการวางทีวีขนาดประมาณ 50″-60″

ส่วนชุดโต๊ะและเก้าอี้นั้นจะได้สเป็คตามห้องตัวอย่างเลย รวมทั้งในห้องแรกก็จะเป็นชุดโต๊ะและเก้าอี้แบบนี้เช่นเดียวกัน ในส่วนของขนาดความกว้างบริเวณนี้อยู่ที่ประมาณ 2 ม. นะคะ เมื่อวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารไปแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ด้านข้างให้ได้เลื่อนเก้าอี้เข้า-ออกได้ระดับนึง ไม่ลำบาก

ชุดโซฟาพร้อมโต๊ะกลางก็เหมือนกับห้องแรกเลยค่ะ ส่วนพื้นที่ที่เหลือด้านข้างนั้นก็พอจะวางโต๊ะวางโคมไฟ หรือโคมไฟตั้งตกแต่งได้ แต่ไม่สามารถวางโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้เหมือนกับห้องตัวอย่างแรกนะคะ

ผนังฝั่งที่วางทีวีกว้างอยู่พอสมควร มีพื้นที่เหลือด้านข้างของชั้นวางทีวีนั้นมีพื้นที่เหลือพอสมควรสามารถวางชั้นวางรองเท้าเพิ่มเติมได้สบายเลยค่ะ

ในส่วนของห้องนอนก็กั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนเช่นเดิม

ขนาดภายในห้องประมาณ 2 x 3.4 ม. สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้พอดีๆ ส่วนทางเดินนั้นจะสามารถเดินได้บริเวณปลายเตียงกับด้านขวาของเตียงนะ ส่วนด้านซ้ายนั้นชิดกับกระจกไปหน่อย

ห้องนี้ได้ตู้เสื้อผ้าเหมือนห้องแรกเลยแต่มีแตกต่างกันตรงข้างตู้ที่ห้องแรกเป็นผนังทึบปกติแต่ห้องนี้ได้พื้นที่โล่งมาเล็กน้อยจะทำเป็นพื้นที่ทำงานเล็กๆ ก็ได้หรือจะใช้เป็นโต๊ะเครื่องสำอางค์ก็ได้เช่นกันค่ะ

ดวงโคมมาตรฐานของโครงการในทุกห้องจะเป็นดวงโคม Downlight สีดำ สีหลอดไฟแบบ Warm Light

เข้ามาที่ส่วนครัวกันต่อซึ่งก็หน้าตาทางเข้าก็จะเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ โดยทางเข้านี้จะไม่มีประตูกั้นเช่นกัน ในส่วนครัวจึงจะเป็นครัวแบบเปิดนะคะ

ภายในครัวขนาดจะเล็กกว่าห้องแรกเพราะเค้าได้ไปให้ความสำคัญในเรื่องพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนให้มีความกว้างมากขึ้นแทน ก็ทำให้ไปเบียดพื้นที่ส่วนครัว

ระยะของทางเดินมีความกว้างประมาณ 1 ม. ก็ถือเป็นความกว้างที่พอดีในการทำอาหารหรือเดินไปมานะคะ

พื้นที่ระเบียงจะมีขนาดกะทัดรัด เมื่อลองวางเครื่องซักผ้าไปแล้วก็จะเหลือพื้นที่ประมาณ 60-67 x 8 1 ม.

มาดูห้องน้ำกันบ้างท็อปธรณีก็เป็นเช่นเดิมคือท็อปเป็นหินแกรนิต ส่วนภายในปูด้วยกระเบื้องเซรามิกปกติ

การจัดวางตำแหน่งสุขภัณฑ์คล้ายคลึงเลยค่ะ ส่วนสเป็คสุขภัณฑ์นั้นเหมือนห้องแรกเลยค่ะ มี Detail เพิ่มมาเล็กน้อยคือช่องว่างของบริเวณด้านข้างของโถสุขภัณฑ์ ซึ่งถือว่าเป็น Detail ที่ดีนะคะ เพื่อใครอยากวางของตกแต่ง วางแชมพู ครีมอาบน้ำ รวมทั้งใครที่ชอบอ่านหนังสือการ์ตูน นิตยสารในห้องน้ำนี่หยิบถนัดเลย 555

ส่วนพื้นที่อาบน้ำมีขนาดใหญ่ขึ้นมาจากห้องแรกหน่อย โดยมีพื้นที่ประมาณ 1.2 x 0.9 ม. เป็นขนาดที่อาบน้ำได้สบายๆ และกว้างพอที่จะติดฉากกั้นกระจกแบบมีประตูเปิดเข้าไปได้นะคะ ส่วนฝักบัวนั้นใช้รุ่นและยี่ห้อเดียวกับห้องแรกเลยค่ะ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 2 November 2016

  • 1 Bedroom Type A ชั้น 2 ห้อง 202 เนื้อที่ 28.37 ตร.ม. ราคา 2.297 ล้านบาท หรือ 80,695 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type U ชั้น 5 ห้อง 508 เนื้อที่ 28.4 ตร.ม. ราคา 2.414 ล้านบาท หรือ 85,000 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Type A ชั้น 8 ห้อง 802 เนื้อที่ 28.37 ตร.ม. ราคา 2.468 ล้านบาท หรือ 87,000 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • จอง 30,000 บาท
  • ทำสัญญา 70,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Tempo Quad สะพานใหม่ อยู่ในทำเลย่านค้าขายของชุมชนแถวสะพานใหม่ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่มาเจาะถนนใหญ่เส้นใหม่คือถนนเทพรักษ์ (รัตนโกสินทร์สมโภช) ที่ปัจจุบันตัดระหว่างถนนพหลโยธินไปถึงถนนสุขาภิบาล 5 แต่ในอนาคตจะมีโครงการตัดถึงวิภาวดีรังสิตไปถึงนิมิตใหม่ สร้างเพื่อรองรับการขยายตัวของรอบขอบเมือง และเกาะรถไฟฟ้าสถานีสายหยุด ในระยะที่เดินได้สะดวกประมาณ 200-250 ม. เมื่อเทียบกับโครงการข้างเคียงบนถนนเทพรักษ์นั้นจะเป็นโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้ามากที่สุด

การเดินทางโดยใช้รถ โครงการตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เข้า-ออกได้จากถนนเทพรักษ์ ข้อดีคือติดถนนใหญ่ไม่ต้องเข้าซอยใดๆเพื่อจะเข้าสู่ตัวโครงการ ในอนาคตจะมีการวิ่งรถกันมากขึ้นแน่ๆทั้งจากถนนพหลโยธินและสุขาภิบาล 5 ทั้งสองเส้นยังเป็นถนนที่สามารถเชื่อมต่อได้จากถนนหลักหลายๆสาย ไม่ว่าจะเป็นทางที่ขนานกันมาอย่างถนนวิภาวดีรังสิตที่มีสะพานกลับรถและทางขึ้น-ลงทางด่วนโทลล์เวย์ และนอกจากนั้นยังมีเส้นรามอินทราจากทางทิศใต้ และเส้นสายไหมจากทางทิศเหนือ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถก็ถือเป็นจุดเด่นนึงของโครงการ เพราะอยู่ใกล้กับถนนพหลโยธินเลยจะเรียกรถสาธารณะได้ง่าย ทั้งแท็กซี่ ตุ๊กตุ๊ก รถตู้ และรถเมล์ และนอกจากนี้ในอนาคตอันใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายนี้ก็จะเสร็จให้ได้ใช้กันแล้ว ก็จะเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางมากขึ้น และเป็นสายสีเขียวสายหลักที่เข้าเมืองได้โดยตรงอีกด้วยค่ะ ซึ่งสถานีที่ใกล้กับโครงการที่สุดคือ สถานีสายหยุด โดยมีระยะห่างจากโครงการไปประมาณ 200 – 250 ม. โดยโครงการรถไฟฟ้าสายต่อขยายนี้มี กำหนดการคาดว่าจะแล้วเสร็จ พ.ศ. 2562 และเปิดให้บริการปี พ.ศ. 2563 ก็อดใจรอกันอีกไม่นาน เมื่อรถไฟฟ้าเสร็จเรียบร้อยการเดินทางแบบไม่ใช้รถก็จะสะดวกมากขึ้นเยอะเลย

การออกแบบโครงการบนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษ ถือว่าออกแบบมาตอบโจทย์อยู่นะคะ ด้วยสภาพโดยรอบโครงการนั้นอยู่ติดกับอาคารข้างเคียงค่อนข้างกระชั้นชิด และในทิศอื่นๆ ที่ไม่โดนบล็อกก็ไม่ได้มีวิวอะไรที่น่าสนใจมาก ดังนั้นรูปแบบแปลนตัวอาคารเลยออกมาเป็นตัว U เน้นการโอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางไว้ และเปิดช่องว่างตรงกลางแทนเพื่อลดความทึบตันของอาคาร รวมทั้งทำให้เกิดช่องลมและช่องแสงได้ดี และก็ไปเน้นวิวภายในแทนวิวภายนอกค่ะ ทางเดินด้านในก็ออกแบบมาเป็น Single Corridor ดูโปร่งโล่งมากขึ้นนะ ในส่วนความหนาแน่นนั้นโครงการนี้ถือว่ามีความหนาแน่นน้อย มีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 76.5 : 1

ส่วนการออกแบบภายในห้องก็ทำออกมาได้ลงตัว มีฟังก์ชันครบจัดวางได้โอเคค่ะ อย่างห้องตัวอย่างที่ได้ไปดูกันคือห้อง 1 Bedroom Type A และ U นั้นก็จัดมาได้ดี เน้นพื้นที่ส่วนรวมอย่างพื้นที่นั่งเล่น แต่ส่วนครัวนั้นไม่เหมาะกับการทำอาหารหนักมากเท่าไหร่เพราะได้เป็นครัวเปิด รวมทั้งไม่มีพื้นที่ให้ติดตั้ง Hob & Hood เพิ่มเติมได้ก็ต้องใช้เป็นเตาไฟฟ้าแบบพกพากันแทน

วัสดุของโครงการให้มาครบตกแต่งแบบ Fully Furnished พร้อมอยู่แต่คุณภาพเมื่อเทียบกับราคาดูแล้วน้อยไปหน่อย โดยใช้เฟอร์นิเจอร์จาก Index ทั้งหมด ส่วนพื้นเป็นพื้นลามิเนตหนา 8 มม. พื้นห้องน้ำและระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิก 30 x 30 ซม. Pantry ท็อป Particle เคลือบเมลามีน ส่วนสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจาก Kohler ส่วนอุปกรณ์ภายในห้องน้ำจาก Victor ส่วนฝ้าเพดานสูง 2.5 ม.

สาธารณูปโภคให้มาครบตามมาตรฐานของคอนโดขนาดเล็ก คือได้สระว่ายน้ำระบบเกลือ 4.5 x 8 ม., คอร์ทต้นไม้ใหญ่, ฟิตเนส และพื้นที่นั่งเล่นชั้นดาดฟ้า ด้วยจำนวนยูนิตที่ไม่มากก็ถือว่าเพียงพอนะคะ แต่ไม่สามารถเทียบกับคอนโด High Rise หรือคอนโดที่มียูนิตมากกว่าได้นะคะ เพราะการแชร์พื้นที่รวมต่างกันอยู่แล้ว รวมทั้งเมื่อเทียบกับคอนโดทำเลใกล้เคียงก็ถือว่าให้มาน้อยกว่านะ แต่หักลบกับจำนวนยูนิตที่น้อยกว่าและทำเลที่ใกล้รถไฟฟ้ามากกว่า ซึ่งก็จะเหมาะกับคนที่ชอบคอนโดมีจำนวนยูนิตไม่มาก ไม่เน้นใช้ Facilities ในทุกวันอาจจะมีใช้บ้างในวันหยุดพักผ่อนมากกว่า

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 81,000 – 87,000 บาท/ตร.ม., 2 November 2016

  • ทำเล 7.75/10 – ติดถนน ใกล้แหล่งความอุดมสมบูรณ์ในย่านสะพานใหม่
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – มีตัวเลือกในการเดินทางหลากหลาย ติดถนนใหญ่ ให้ที่จอดรถมา 48% รวมซ้อน
  • ไม่ใช้รถ

  • 8/10 – (เมื่อรถไฟฟ้าเสร็จ) ใกล้รถไฟฟ้าในอนาคต เรียกรถสาธารณะง่ายเพราะใกล้ถนนพหลโยธิน
  • 7.5/10 – (ปัจจุบัน) เรียกรถสาธารณะอื่นๆ ได้ง่ายเพราะใกล้ถนนพหลโยธิน

  • วัสดุ 7.5/10 – ให้แบบ Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์จาก Index
  • แบบ 7.75/10 – โครงการหนาแน่นน้อย มีการออกแบบแก้ปัญหาเรื่องวิวและบรรยากาศรอบข้างได้ดี
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – ให้มาครบถ้วนตามมาตรฐาน สระว่ายน้ำ Court ตรงกลาง สวน Fitness และพื้นที่นั่งเล่นชั้นดาดฟ้า
    • MAIN CLASS

    • 7.7 / 10.00 (เมื่อรถไฟฟ้าเสร็จ)
    • 7.6 / 10.00 (ปัจจุบันที่รถไฟฟ้ายังไม่เสร็จ)

    BOTTOM LINE

    Tempo Quad สะพานใหม่ เหมาะกับคนที่ทำงานหรือค้าขายอยู่ในย่านนี้ ชอบโครงการยูนิตไม่มาก มีความหนาแน่นน้อย คาดหวังจะใช้รถไฟฟ้าในอนาคต มองหาคอนโดพร้อมอยู่ ตกแต่งแบบ Fully Furnished พร้อมแพคกระเป๋าเข้าอยู่ ไม่เน้น Facilities มากนักแต่มีครบตามมาตรฐานของคอนโด มีงบประมาณ 2.2 – 2.9 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 15,000 – 23,000 บาท/เดือน 

    ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้เราหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )