รีวิวโครงการ

BoomTharis I คอนโดใจกลางพร้อมพงษ์ Park Origin Phrom Phong

29 กรกฎาคม 2019

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1506 … สวัสดีค่ะ โครงการ Park 24 เฟส 1 ปัจจุบันก็สร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเปลี่ยนผู้ประกอบการใหม่เป็น Origin ด้วยเช่นกัน ตัวโครงการจัดว่าเป็นโครงการที่มีมูลค่าโครงการระดับหมื่นล้านเลยทีเดียว จุดเด่นของโครงการนี้ที่หาไม่ได้ในคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองคือการให้พื้นที่สีเขียวกว่า 10 ไร่ เสมือนได้สวนส่วนตัวใจกลางเมืองเลยทีเดียวค่ะ ปัจจุบันเฟสแรกของโครงการจะเป็นอย่างไร เราตามไปดูในรีวิวกันค่ะ

 

Fact @ 17 October 2017

  • เฟสที่ 1 คอนโด High Rise ชั้น 2 อาคาร และอาคารพาณิชย์ 1 อาคาร รวม 837 ยูนิต

  • อาคาร 1 (อาคารพาณิชย์) ร้านค้า 4 ยูนิต
  • อาคาร 2 533 ยูนิต
  • อาคาร 3 300 ยูนิต

  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 12 ยูนิตที่อาคาร 2
  • ที่จอดรถประมาณ  426 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 51% โดยประมาณ
  • ที่ดิน
    • เฟส 1 5-0-82 ไร่
    • เฟส 2 7-0-55 ไร่

  • แล้วเสร็จ : 2560
  • 1 Bedroom 27-38 ตร.ม.
  • 2 Bedroom 52-54 ตร.ม.
  • Duplex 80-106 ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.75 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 280,000 บาท/ตร.ม.
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 0-2258-3333
  • เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

    สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


    เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

    พิกัด : 13.725635, 100.566196

    โครงการ Park 24 ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองอย่างย่านพร้อมพงษ์ที่มีความอุดมสมบูรณ์คึกคัก แวดล้อมไปด้วยห้างขนาดใหญ่ติดถนนใหญ่อย่าง The EM District ที่ประกอบไปด้วย The Emporium และ Emquartier รวมไปถึงอาคารสำนักงานและคอนโดมิเนียมทั้ง High Rise และ Low Rise ตัวโครงการจัดเป็นหนึ่งในโครงการที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองนี้ ที่มีพื้นที่โครงการค่อนข้างใหญ่ทีเดียว ซึ่งหาพื้นที่ดินสำหรับสร้างโครงการขนาดใหญ่แบบนี้ได้ยากมากแล้วในปัจจุบัน

    ตัวโครงการตั้งอยู่ระหว่างซอยสุขุมวิท 22 และ 24 ช่วงกลางซอยลึกจากถนนสุขุมวิทเข้ามาประมาณ 600 ม. โดยทางเข้าหลักของโครงการจะอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 24 เป็นหลักค่ะ บรรยากาศของซอยทั้ง 2 ซอยนี้มีความแตกต่างกันพอสมควรนะคะ แม้จะเป็นซอยคู่ขนานกัน โดยซอยทางเข้าโครงการหลักอย่างซอยสุขุมวิท 24 นั้นจัดเป็นซอยขนาดใหญ่มีการขยายถนนออกมาให้กว้างขึ้น ภายในแวดล้อมไปด้วยโครงการคอนโดมิเนียม ร้านค้าต่างๆ ที่เปิดกันอย่างคึกคัก บรรยากาศค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ

    ส่วนซอยสุขุมวิท 22 บรรยากาศจะมีกลิ่นอายความเป็นชุมชนดั้งเดิมอยู่มากกว่าซอยสุขุมวิท 24 ชัดเจนเลย ยังคงได้บรรยากาศตึกแถว อาคารพาณิชย์ติดถนนใหญ่ มีร้านค้า และโรงแรมสลับกันไป ส่วนใหญ่ช่วงต้นซอยจะมีบาร์ ร้านอาหารที่เปิดคึกคักในช่วงกลางคืน

    สำหรับการเดินทางโดยใช้รถถือว่าค่อนข้างสะดวก เพราะซอยสุขุมวิท 24 เป็นซอยขนาดใหญ่แบบ two-way เข้า-ออกได้ทั้งจากถนนสุขุมวิทและถนนพระรามสี่ จากถนนสุขุมวิทขับไปนิดเดียวก็จะเป็นย่านอโศกแล้ว ใกล้ทองหล่อ-เอกมัยที่ลัดไปออกถนนเพชรบุรีได้ อีกทั้งสุขุมวิทฝั่งเลขคู่มันก็มีทางลัดเลาะของมัน คือ ซอยสุขุมวิท 22,24,26 ที่จะเชื่อมกันได้ค่ะ แถมซอยสุขุมวิท 26 สามารถใช้เชื่อมกันกับซอยสุขุมวิท 34 ลัดไปออกทองหล่อได้อีก ทางด่วนใกล้ๆกับโครงการและขับรถมาใช้ได้สะดวกหน่อยคือทางฝั่งพระราม4 โดยจากถนนพระราม4 มาเลี้ยวเข้าถนนเกษมราษฎร์จะมีทั้งทางขึ้น-ลงทางด่วนอยู่ค่ะ ข้อเสียของทำเลใจกลางเมืองแบบนี้ก็คือ รถติดเอามากๆโดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน หลายคนที่อยู่ย่านนี้จึงไปใช้ การเดินทางโดยไม่ใช้รถ นั่นก็คือเดินไปขึ้น BTS สถานีพร้อมพงษ์แทน สถานีนี้ไม่ไกลจาก BTS อโศกซึ่งเป็น Interchange กับ MRT สถานีสุขุมวิทค่ะ ส่วนพี่วินมอเตอร์ไซค์และแท็กซี่ก็มีวิ่งผ่านในซอยตลอดทั้งวัน รอเรียกได้ไม่ยากค่ะ

    รอบๆโครงการโดยเฉพาะในซอยสุขุมวิท 24 จะเด่นและดังเรื่องคอนโดรุ่นบุกเบิกที่มีดีไซน์คลาสสิกและราคาขึ้นสูงอยู่ตลอดเวลา อันเนื่องมาจากศูนย์การค้า Emporium และ Emquartier ที่อยู่หน้าซอย 24 ส่วนในซอยก็จะมีคอนโด High rise และโรงแรมเยอะมากๆทั้งสองฝั่งตั้งแต่ต้นซอยเข้ามาเรื่อยๆ ส่วนที่ฝั่งพระรามสี่ที่คึกคักหน่อยก็จะเป็นซอยเพื่อนบ้านคือซอยสุขุมวิท 26 ที่มีทั้ง K-village, A space, Big C และโลตัสฝั่งตรงข้าม ในซอยระยะเดินก็จะมีทั้ง  The Davis hotel ร้านอาหารฝรั่งต่างๆ นอกจากนั้นยังมีสวนเบญจสิริเอาไว้พักผ่อนออกกำลังกายอีกด้วย หรือตกดึกใครออกตระเวนราตรี แถวนี้ก็มีครบค่ะ

    การเดินทางในวันนี้เริ่มต้นจาก BTS พร้อมพงษ์ ทางออก 2 เดินเข้าซอยสุขุมวิท 24 ตรงเข้ามาประมาณ 600 ม. ก็จะเห็นทางเข้าโครงการฝั่งซอยสุขุมวิท 24 อยู่ทางขวามือแล้วค่ะ

    จาก BTS พร้อมพงษ์ เราจะเดินออกไปบริเวณทางออก 2 ค่ะ

    สถานีนี้ นอกจาก Emporium แล้วยังมี EmQuartier ศูนย์การค้าหรูแห่งใหม่ของ The Mall Group ทำให้ย่านนี้กลายเป็นแหล่ง Shopping แห่งใหม่ของประเทศไทยอีกที่หนึ่ง

    ฝั่งตรงข้ามมีทางเดินเชื่อมเข้าศูนย์การค้า Emporium ห้างหรูคู่ใจคนย่านนี้

    ปากซอยสุขุมวิท 24 นี่เป็นทางขึ้นของสถานีรถไฟฟ้าเลย มีร้าน NaRaYa กระเป๋าแบรนด์ดังตั้งอยู่ตรงหัวมุม ห้างร้านแถวนี้เน้นขายสินค้าให้ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวหรือพวกที่มาอยู่กินทำงานในประเทศไทยค่ะ

    ซอยสุขุมวิท 24 นี้เหมือนจะเป็นซอยใหญ่แต่จริงๆแล้วค่อนข้างแคบ มีถนนกว้างเพียง 3 เลน วิ่งไปสองเลน สวนได้เลนหนึ่ง โดยจะเป็นซอยที่สามารถเลี้ยวได้ทั้งซ้ายและขวา เพื่อเข้าถนนสุขุมวิทมุ่งหน้าอโศกหรือทองหล่อ ผู้คนใช้สัญจรเป็นทางลัดเพราะเชื่อมกับถนนพระราม 4 ด้วย

    ช่วงต้นซอยบรรยากาศค่อนข้างคึกคักมีอาคารพาณิชย์เรียงยาวไปตลอดทาง

    มีครบทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และมีร้านนวดไทย สปาแทรกอยู่ค่อนข้างเยอะ

    ปากซอยสุขุมวิท 24 จะมีทางเข้าด้านหลังของ Emporium ได้อีกทาง ดังนั้นถ้าใครอยากจะมา Shopping ก็ไม่ต้องไปวนรถติดๆบนถนนสุขุมวิท สามารถเข้าจอดรถทางนี้ได้นะคะ

    ในซอยสุขุมวิท 24 นี้เป็นแหล่งของ Service Apartment, Residence และ Hotel  พอเดินเข้ามาก็จะเจอกับ Compass Skyview Hotel

    ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆมาหน่อยเป็นโรงแรม Hilton

    เดินต่อไปในซอยจะเจอกับโรงแรม Oakwood โรงแรม Ariston และ Premier Condominium

    ถัดมาเราจะเจอ 7-11 อยู่ข้างๆ Hope Land ตึก Service Apartment ที่ให้เช่าระยะยาว

    เดินต่อมาจะเห็นคอนโดสูงๆ นั่นก็คือโครงการ บ้านสิริ TwentyFour

    บ้านสิริ TwentyFour คอนโดมิเนียมของแสนสิริ สูง 33 ชั้น

    เราเดินต่อมาจะเจอกับร้านอาหารอิตาลี ชื่อ La Piazza Italian

    ใกล้ๆกันเลยเป็นโปรเจคสุดหรูของซอยนี้ Le Raffine’

    Le Raffine’ (เลอ ราฟิเน่) คอนโดสูง 30 ชั้นที่มีเพียง 54 ยูนิต เป็นโครงการที่สร้างแบบ Penthouse 2 ชั้นพร้อมด้วยสระว่ายน้ำส่วนตัว

    เดินถัดมาจะเจอกับ 7-11 และโครงการ Park24 ที่อยู่ฝั่งขวามือแล้วค่ะ

    สภาพแวดล้อมโครงการฝั่งซอยสุขุมวิท 24 หรือทิศตะวันออกนั้นส่วนใหญ่แวดล้อมด้วยคอนโด High Rise เกือบทั้งหมด ซึ่งหากใครที่อยู่อาคาร 5 (เฟส 2) น่าจะโดนบล็อกวิวระยะไกลในด้านข้างนะคะ แต่หากใครเลือกห้องอาคารนี้ฝั่งทิศตะวันออกช่วงกลางๆ ที่เป็นช่องว่างระหว่างอาคารเพื่อนบ้านทั้ง 2 อาคาร ก็จะได้วิวที่โล่งได้ค่ะ ส่วนอาคาร 6 ฝั่งที่หันไปทางทิศใต้ก็จะได้วิวเป็นเพื่อนบ้านอย่าง Bright Sukhumvit 24 เช่นกัน

    สำหรับอาคาร 5 และ 6 หากเลือกวิวภายในอาคารก็จะได้วิวที่โปร่งโล่งมากขึ้นหน่อย และได้วิวเป็นพื้นที่สีเขียวจากพื้นที่ส่วนกลางภายในอาคารด้วย

    มาที่วิวฝั่งซอยสุขุมวิท 22 หรือทิศตะวันตกจะได้วิวที่โล่งขึ้นมาพอสมควรนะคะ เนื่องจากภายในซอยสุขุมวิท 22 ส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวและอาคารที่มีความสูงไม่มากนัก จะมีอาคารสูงที่อยู่ใกล้โครงการหน่อยก็จะเป็นคอนโด Aguston สูง 24 ชั้นค่ะแต่ก็มีระยะห่างพอสมควรไม่ถึงกับถูกบล็อกวิวเสียทีเดียว และสุดท้ายฝั่งทิศเหนือปัจจุบันยังไม่มีโครงการขึ้นมาตั้งในระยะประชิดนะคะ ใครที่เลือกฝั่งทิศนี้ก็จะได้วิวระยะไกลพอสมควรเลยค่ะ

     

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • Hilton Sukhumvit Bangkok – 550 เมตร
    • Emporium – 600 เมตร
    • K Village – 850 เมตร
    • EmQuartier – 900 เมตร
    • Villa Market – 1 กิโลเมตร
    • Big C พระราม4 – 1.1 กิโลเมตร
    • Tesco Lotus พระราม4 – 1.3 กิโลเมตร
    • อาคารมโนรม – 1.7 กิโลเมตร
    • อาคารสิรินรัตน์ – 2.3 กิโลเมตร

     


    เจาะลึกตัวโครงการ

    โครงการ Park 24 เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ทั้งหมด 5 อาคาร และอาคารพาณิชย์อีก 1 อาคาร บนเนื้อที่ดินทั้งหมดร่วม 13 ไร่ โดยแบ่งเป็นทั้งหมด 2 เฟสด้วยกัน สำหรับเฟสแรกจะมีทั้งหมด 3 อาคาร คืออาคารพาณิชย์ 1 อาคาร และคอนโดมิเนียม High Rise อีก 2 อาคาร มีจำนวนยูนิตเฉพาะห้องพักอาศัยทั้งหมด 833 ยูนิต และร้านค้าอีก 4 ยูนิตด้วยกัน ตัวโครงการออกแบบมาภายใต้แนวคิดสวนในเมือง จึงเป็นที่มาของชื่อโครงการ โลโก้ด้วยที่ทำออกมาเป็นรูปต้นไม้ รวมไปถึงการจัดพื้นที่สีเขียวกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ ในโครงการร่วม 10 ไร่ ด้วยกันเลยทีเดียว

    มาดูที่ผังรวมของโครงการทั้งหมดนะคะ เริ่มต้นจากจุดเด่นของโครงการที่ให้พื้นที่สีเขียวถึง 10 ไร่ด้วยกันหากดูจากผังเราจะเห็นภาพชัดเจนเลยค่ะ ว่ามีพื้นที่สีเขียวเป็นสวนหย่อมกระจายอยู่ทั่วโครงการ ในทุกๆ อาคารจะได้วิวพื้นที่สีเขียวทั้งหมด ช่วยสร้างบรรยากาศภายในให้กับโครงการได้ดีทีเดียวค่ะ

    ตัวโครงการมีการบริหารจัดการที่หลากหลายนะคะ ปัจจุบันการบริหารโครงการทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็นของ Origin เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่จะมีเฉพาะอาคาร 4 ที่ไม่ได้ขายในรูปแบบคอนโดมิเนียมเหมือนอาคารอื่นๆ แต่จะเป็นรูปแบบ Serviced Apartment โดยให้ทางบริษัท The Asscott Limited เป็นผู้บริหารค่ะ

    สำหรับเฟส 1 โครงการคืออาคาร 1-3 ซึ่งอาคาร 1 เป็นอาคารชุดเพื่อพาณิชย์ สูง 2 ชั้น 4  ยูนิต อาคาร 2 เป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 51 ชั้น 533 ยูนิต ค่ะ จะวางขนานกับรูปชิ้นที่ดิน และตึก 3 เป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 29 ชั้นจำนวน 300 ยูนิต และมีส่วนจอดรถกับ Lobby ที่ใช้ร่วมอยู่ที่ Podium ตึกนี้ด้วย

    เจาะลึกมาที่อาคารพักอาศัยของเฟส 1 กันว่ามีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ประกอบการพิจารณาเลือกอาคารในโครงการนี้ค่ะ

    • อาคาร 2 เป็นอาคารที่มีความสูงถึง 51 ชั้นสูงกว่าอาคาร 3 พอสมควร สำหรับใครที่อยากได้วิวจากห้องพักในชั้นสูงๆ หรือชอบ Facilities ที่ได้วิวมุมสูง ก็เลือกอาคารนี้เลยค่ะ รวมไปถึงทิศทางของอาคารที่หันไปทางทิศเหนือ-ใต้ ซึ่งเป็นทิศที่เหมาะกับการอยู่อาศัย อย่างทิศเหนือจะเด่นในเรื่องของทิศทางแดด เพราะทิศเหนือนี้จะได้แดดอ่อนๆ ในช่วงเช้า และไม่โดนแดดร้อนช่วงบ่ายแก่ๆ ด้วย ส่วนทิศใต้ก็จะได้เปรียบในเรื่องของทิศทางลม ที่มีลมพัดผ่านได้ดี ส่วนเรื่องของแดดนั้นแม้จะเป็นทิศที่โดนแดดบ่าย แต่เพราะอยู่ด้านในโครงการเลยได้อานิสงค์ของอาคาร 4 ช่วยบังแดดให้
    • อาคาร 3 เป็นอาคารที่มีจำนวนยูนิตน้อยกว่าอาคาร 2 ใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวหน่อยก็จะเหมาะกับอาคารนี้ รวมไปถึงเป็นอาคารต่อกับชั้นจอดรถด้านล่างได้เลย ทำให้สะดวกมากขึ้น ไม่ต้องต่อลิฟต์ หรือรอลิฟต์หลายต่อ

    เริ่มต้นกันที่หน้าทางเข้าโครงการฝั่งซอยสุขุมวิท 24 กันเลยค่ะ จากซุ้มโครงการมีตกแต่งป้ายโครงการสวยงามทั้งป้ายชื่อ หน้าจอทีวี และที่ชอบมากๆ คือการตกแต่ง Verticle Garden พร้อมสวนหย่อยด้านล่างดูสดชื่นและเข้ากับบรรยากาศโครงการที่ชูโรงในเรื่องของพื้นที่สีเขียวด้วยค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามโครงการตอนนี้มีการล้อมรั้วแล้ว ในอนาคตทาง Origin จะทำ Lifestyle Complex ซึ่งมีทั้งโรงแรม Serviced Apartment พื้นที่สำนักงาน และร้านค้าต่างๆ ด้วย ทำให้บริเวณหน้าอาคารมีความคึกคักมากขึ้น ลูกบ้านโครงการก็ได้อานิสงค์ในเรื่องความอุดมสมบูรณ์ที่มากขึ้นตามไปด้วยนะคะ

    ถัดเข้ามาด้านในโครงการจะเจออาคาร 1 ก่อนเลยค่ะ โดยในอนาคตจะเป็นพื้นที่พาณิชย์ให้เช่า ทำให้บริเวณนี้เป็นพื้นที่กึ่งเปิดนะคะ ลูกค้าจากร้านค้าสามารถเข้ามาบริเวณส่วนด้านหน้าโครงการได้ และจะมีการกั้นพื้นที่ด้วยซุ้มทางเข้าด้านในโครงการที่เป็นส่วนพักอาศัยอีกทีนึงค่ะ

    ถัดมาตัวถนนจะแบ่งเลนเป็น 2 ทางเข้า-ออก คั่นกลางด้วยไม้ยืนต้นเพิ่มความร่มรื่นได้ดีมากทีเดียวค่ะ ถนนของโครงการเน้นใช้ Concrete Stamp เป็นหลัก

    ก่อนจะถึงโซนอาคารพักอาศัยด้านในจะมีซุ้มพี่รปภ.และทางเข้า-ออกแบบไม้กั้นกระดกอัตโนมัติโดยใช้ระบบ RFID ในการเข้า-ออก สะดวกสบายในการใช้งาน

    ถัดมาด้านในจะเจอกับสวนหย่อมเป็น First Impression (ความประทับใจแรก) ก่อนเลย ลักษณะเป็นเหมือนสวนที่จัดให้มีการใช้งานเสมือนวงเวียนขนาดใหญ่แบ่งฝั่งเส้นทางชัดเจน สำหรับเฟสแรกจะอยู่ทางขวามือของสวน และเฟส 2 (ยังสร้างไม่เสร็จ) จะอยู่ฝั่งซ้ายมือค่ะ

    ภายในสวนนี้เรียกว่าเป็นสวนที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงปูหญ้าและมีจัดต้นไม้เล็กๆ นะคะ แต่ปลูกเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่เลยทีเดียว ทำให้ได้บรรยากาศที่ร่มรื่นดีทีเดียวค่ะ

    บรรยากาศจากสวนและบ่อน้ำพุ หันไปยังส่วน Drop-Off ของอาคาร 2 และ 3 สวยงามทีเดียวค่ะ

    ถัดมาเราจะไปดูรอบโครงการกันก่อนที่จะเข้าไปภายในตัวอาคารกันนะคะ โดยฝั่งซ้ายที่เราเห็นล้อมรั้วกันอยู่จะเป็นส่วนเฟส 2 ของโครงการ เดี๋ยวเราตรงไปจุดสุดทางแล้วเลี้ยวขวากันค่ะ

    บริเวณหลังโครงการที่ติดกับสุขุมวิท 22 จะมีทางเข้า-ออกอีกทางเพื่อความสะดวกในการเข้า-ออกมาขึ้นของลูกบ้านนะคะ แต่ปัจจุบันที่เข้าไปรีวิวโครงการทางเข้าจากสุขุมวิท 22 ยังไม่ได้เปิดให้ใช้ เพราะมีการก่อสร้างและตกแต่งเพิ่มเติมอยู่

    ภายในสวนด้านหลังโครงการก็จัดมาให้สวยงามเช่นกันค่ะ มีทั้งต้นไม้ใหญ่ ไม้พุ่ม และบ่อน้ำ ไว้ให้ลูกบ้านได้มาเดินเล่นสูดบรรยากาศกันได้สบายเลยค่ะ

    บรรยากาศบริเวณบ่อน้ำค่ะ รอบๆ รายล้อมไปด้วยต้นไม้ และยังปลูกไม้ล้อมรอบกำแพงบังสายตาจากภายนอกได้ดีเลยค่ะ

    ติดกับสวนเป็นทางเข้า-ออกที่จอดรถ ซึ่งอยู่ชั้นใต้ดินทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน ถนนมีความกว้างสำหรับสวนกัน 2 นะคะ จะมีบริเวณมุมที่หักซอกนิดหน่อยน่าจะเพิ่มบานกระจกสะท้อนมาให้สักหน่อยนะคะ เพื่อลดอุบัติเหตุชนกันบริเวณหัวมุมได้

    ภายในชั้นที่จอดรถสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อยดีเลยค่ะ โดยที่จอดรถของเฟส 1 จะอยู่ที่ประมาณ  426 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 51% โดยประมาณค่ะ

    ตัวอาคารมีการตกแต่ง Facade อลูมิเนียมสีทองน้ำตาล-ขาวสลับขวาง-ยาวไปเรื่อยๆ ตามจังหวะ เพิ่มความโดดเด่นให้อาคาร และเป็นเอกลักษณ์มากขึ้นซึ่งค่อนข้างน่าสนใจนะคะ ซึ่งต่อไปในการที่จะทำให้ตัว Facade ยังคงสวยเสมอก็ต้องมาจากการดูแล และการหมั่นทำความสะอาดอยู่พอสมควรเช่นกันนะคะ

    เข้ามาที่ส่วน Drop-Off โครงการ ลักษณะคือจะเป็นทางเชื่อมยาวที่เชื่อมระหว่างอาคาร 2 และ 3 รวมไปถึงมีจุดขึ้น-ลงลิฟต์ไปยังที่จอดรถด้วยค่ะ

    ภายในจัดมาในรูปแบบ Semi-Outdoor เปิดโล่งเพื่อรับลมและวิวสวนภายนอกได้อย่างเต็มที่ มีการจัดพื้นที่นั่งเล่นเป็นชุดโซฟาแบบ Outdoor ให้ประมาณ 3-4 ชุดเพื่อให้ลูกบ้านมานั่งเล่นชิลๆ ได้

    วิวจากพื้นที่นั่งเล่นจะเห็นสวนภายนอกแบบนี้เลยค่ะ

    เราจะพาเข้ามาภายในชั้นล่างของอาคาร 3 กันก่อนนะคะ ซึ่งในชั้นล่างนี้จะประกอบไปด้วยส่วน Lobby และพื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor ในส่วนของ Facilities อื่นๆ จะอยู่ในชั้นบน โดยแต่ละอาคารก็จะมีแยกของแต่ละอาคารไปเลยชัดเจน เป็นส่วนตัวมากขึ้นและเพียงพอสำหรับลูกบ้านทุกคนค่ะ โดยรีวิวครั้งนี้เรามีโอกาสพาไปชมส่วนภายในตึกอาคาร 3 เฉพาะด้านล่างเท่านั้นนะคะ แต่อาคาร 2 จะได้พาเข้าไปดูทั้งหมดค่ะ

    บริเวณภายใน Lobby ได้ความสูงฝ้าเพดานแบบ Double Volume ทำให้ตัวโถงดูโอ่โถง หรูหรา รอบข้างตกแต่งด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีดำสวยงาม พร้อมกับได้ผนังกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานช่วยให้แสงสว่างภายนอกเข้ามาด้านในได้ดี

    บริเวณภายนอกของ Lobby มีประตูทางออกไปยังพื้นที่นั่งเล่น Semi-Outdoor

    พื้นที่นั่งเล่นแบบ Semi-Outdoor นี้มีให้ตลอดช่วงเสาอาคารเลยค่ะ เพื่อให้เพียงพอในการใช้งานมากที่สุด และวิวจากพื้นที่นั่งเล่นนี้จะมองไปยังส่วนสวนด้านหลังโครงการที่เราพาไปดูกันมาก่อนหน้านี้นะคะ

    ส่วนภายใน Lobby เองก็จัดชุดโซฟาขนาดใหญ่พร้อมเก้าอี้นั่งเล่นอีก 2-3 ชุดให้ด้วยค่ะ ไว้สำหรับลูกบ้านมานั่งเล่นได้ รวมไปถึงไว้รองรับผู้เข้ามาติดต่อลูกบ้านในโครงการด้วย

    กลับมาที่อาคาร 2 กันต่อนะคะ บริเวณส่วน Lobby ของอาคารนี้ก็มีการตกแต่งที่คล้ายคลึงกับอาคาร 3 เลยค่ะ ได้ฝ้าเพดานแบบ Double Volume และมีการจัดชุดโซฟาไว้รองรับลูกบ้าน ส่วนด้านข้างได้กระจกทรงสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลยทีเดียวค่ะ ช่วยให้บรรยากาศภายในดูโปร่งโล่งและโอ่โถง

    บรรยากาศบริเวณส่วนพื้นที่นั่งเล่นใน Lobby จัดให้เป็นชุดโซฟาทั้งหมด 3 ชุดแล้วโต๊ะเก้าอี้แบบนั่งเล่นอีก 2 ชุดค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์ต้อนรับ และเก้าอี้โซฟาสำหรับรองรับลูกบ้านและแขกลูกบ้านเช่นเดียวกันค่ะ

    ถัดมาด้านในอีกหน่อยมีห้อง Mail Box ให้เป็นสัดส่วนเรียบร้อย ภายในห้อง Mail Box ตกแต่งได้สวยงามทีเดียวนะคะ ด้านล่างตู้จดหมายมีการซ่อนไฟไว้ให้ด้วยนะคะ

    ถัดมาเป็นส่วนโถงลิฟต์โดยสารซึ่งอาคารนี้จะมีให้ทั้งหมด 4 ตัวด้วยกัน บวกกับลิฟต์บริการอีก 1 ตัว หากคิดอัตราส่วนลิฟต์จะอยู่ที่ประมาณ 133.25 : 1 ถือว่ามีความหนาแน่นสูงกว่ามาตรฐานเล็กน้อยนะคะ ในส่วนของบรรยากาศโถงจัดมาได้โปร่งโล่งดีทีเดียวค่ะ ด้วนฝ้าเพดานสูงและกระจกที่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเช่นเดียวกับส่วน Lobby

    ชั้นพักอาศัยของอาคาร 2 จะเริ่มที่ชั้น 2 เป็นต้นไปเลยนะคะ โดยชั้น 2 และ 3 มีจำนวนยูนิตหน่อยกว่าชั้น Typical Floor Plan อยู่หน่อย ตกชั้นละ 10 ยูนิตเท่านั้นค่ะ การจัดวางแปลนจะเป็นแบบ Double Corridor วางห้อง 2 Bedroom ไว้ที่มุมอาคาร ได้วิวจากทั้ง 2 ฝั่ง ส่วนฝั่งที่อยู่ทิศเหนือหันออกไปด้านนอกโครงการเน้นเป็นห้องขนาดเล็ก 1 Bedroom ประมาณ 27-28 ตร.ม. ส่วนฝั่งทิศใต้ที่หันเข้าหาภายในโครงการได้วิวสวนมีเพียง 2 ห้องค่ะ ห้องเบอร์ 01 นี้ได้เปรียบในเรื่องความเป็นส่วนตัวดีมากทีเดียว เพราเป็นห้องที่ไม่มีผนังด้านในติดกับห้องเพื่อนบ้านเลยค่ะ ส่วนความแตกต่างระหว่างชั้น 2 กับชั้น 3 มีแค่ขนาดของห้อง 01 ที่ต่างกันเล็กน้อยเท่านั้นค่ะ

    ชั้น 4-40 เป็นชั้น Typical Floor Plan มีจำนวนห้องทั้งหมด 12 ยูนิต/ชั้น การจัดผังจะไม่ต่างจากชั้น 2-3 นอกจากมีจำนวนห้องเพิ่มขึ้นมาทางฝั่งทิศตะวัน ที่เพิ่มเป็นห้อง 2 Bedroom 2 ห้องมุมขึ้นมา

    ชั้น 41-42 ชั้นนี้มีความคล้ายคลึงกับ Typical Floor Plan เลยค่ะ เพียงแต่แตกต่างกันเล็กน้อยตรงพื้นที่ใช้สอยของห้อง 1 Bedroom บางห้อง

    สำหรับชั้น 43-48 บริเวณห้องฝั่งทิศเหนือมีการเปลี่ยน Type ห้องไปเป็นห้องแบบ Duplex โดยจะมีทั้งหมดชั้นละ 3 ยูนิตค่ะ

    มาดูที่ตัวตึกข้างในกันต่อนะคะ บริเวณโถงลิฟต์ก็ยังคงตกแต่งได้สวยงามเช่นเดิม เพียงแต่ใช้สีโทนสว่างมากขึ้น รวมไปถึงได้กระจกบานใหญ่ช่วยให้แสงสว่างเข้ามาภายในโถงได้ดี จึงให้ความรู้สึกโปร่งโล่งพอสมควรเลยค่ะ

    บริเวณโถงทางเดินมีความกว้างมาตรฐาน ตลอดโถงเปิดไฟส่องสว่างตลอดทางเดิน รวมไปถึงมีช่องแสงที่มาจากโถงลิฟต์ด้วยจึงช่วยให้บริเวณโถงทางเดินสว่างพอสมควร

    ชั้น 49 เป็นชั้น Facilities เต็มชั้นเลยค่ะ โดยหลักๆ ประกอบไปด้วยห้องฟิตเนสที่อยู่ตรงกลางหันไปทางทิศเหนือได้วิวภายนอกเต็มที่ ส่วนด้านข้างเป็นห้อง Studio และห้องมวยไทย ส่วนอีกฝั่งเป็นห้องสมุดที่เชื่อมกับห้องนั่งเล่น โดยห้องนี้จะได้วิวค่อนข้างสวยเลยเพราะเป็นห้องมุมได้วิวมุมกว้างจากทั้ง 2 ฝั่ง

    ขึ้นมาที่ชั้น 49 บริเวณโถงลิฟต์จะเป็นแบบเปิดโล่งเชื่อมกับพื้นที่ห้องฟิตเนสเลยค่ะ การตกแต่งก็เป็นในรูปแบบเดียวกันเลยดูกลมเกลือน โดยใช้พื้น ผนัง รวมไปถึงฝ้าเพดานที่ปิดผิวด้วยไม้ลามิเนต

    เข้ามาภายในส่วนฟิตเนสของอาคารนี้มีขนาดใหญ่มากทีเดียวนะคะ โดยลักษณะการจัดวางเครื่องออกกำลังจะวางเรียงไปตามแนวกระจกเพื่อให้เวลาออกกำลังกายสามารถมองวิวไปด้วยได้ค่ะ และด้านข้างของเสาอาคารมีการกรุกระจกเงาให้ไว้เช็คท่าทางและรูปร่างตัวเอง

    ที่พิเศษแตกต่างจากโครงการทั่วไปนั้นคือที่นี่เลือกใช้เครื่องออกกำลังกายยี่ห้อ Life Fitness รุ่นที่สามารถ Sync ข้ามเครื่องกันเพื่อสามารถวิ่งแข่งกับเพื่อนเครื่องข้างๆ ได้ หรือจะดู Netflix จากเครื่องเลยก็ได้เช่นกัน ทำให้การออกกำลังบนลู่วิ่งไม่น่าเบื่อ

    อีกช่วงเสานึงเป็นพื้นที่ของเครื่องออกกำลังกายแบบสร้างกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ โดยมีทั้งหมดประมาณ 6-7 เครื่อง

    ถัดมาอีกฝั่งเป็นโซนเวทเทรนนิ่งและตรงไปในสุดคือห้อง Studio ด้านในค่ะ

    ฝั่งเวทเทรนนิ่งจัดพื้นที่ให้เป็นสักส่วนมีทำพื้นขึ้นมาอีกชั้นเป็นพื้นสำหรับการรองรับการกระแทกโดยเฉพาะด้วยนะคะ

    ส่วนภายในห้อง Studio นี้แบ่งเป็น 2 โซนใหญ่ๆ ด้วยกัน เริ่มจากโซนเวทีมวยก่อน ให้มาเป็นขนาดมาตรฐาน รอบข้าง 2 ฝั่งเป็นประตูกระจกเพื่อให้สามารถชมวิวมุมสูงได้ และยังมีระเบียงให้สามารถออกไปสูดอากาศภายนอกได้ ส่วนฝั่งผนังด้านในกรุกระจกเงาให้เรียบร้อยค่ะ

    ถัดมาเป็นห้อง Studio แบบเปิดโล่ง ไว้สำหรับให้ลูกบ้านมาฝึกซ้อมต่างๆ ได้ เช่นซ้อมเต้น บัลเล่ต์ก็ยังได้ดูจากมีราวจับต่างๆ รวมไปถึงจะจัดเป็นห้องโยคะ ได้หมดเลยค่ะ

    ส่วนอีกฝั่งของอาคารจัดให้เป็นห้องนั่งเล่นที่เชื่อมกับห้องสมุดค่ะ สำหรับพื้นที่นี้จัดเป็นห้องที่ได้วิวมุมสูงแบบกว้างมากทีเดียว สามารถมองวิวได้จาก 2 ทิศพร้อมๆ กัน ภายในจัดจุดโซฟาขนาดใหญ่ ไว้รองรับลูกบ้านมานั่งเล่นพักผ่อน เสพวิวมุมสูงไปพร้อมๆ กัน

    อีกฝั่งจัดเป็นโซนห้องสมุด (Library)

    มุมห้องสมุดนี้ภายในจัดเป็นโซนทำงานขนาดย่อมๆ มีวางโต๊ะยาวไว้ให้รองรับการประชุมงานต่างๆ ได้ และด้านข้างเป็นชุดเก้าอี้โซฟา 2 ชุด สำหรับมานั่งอ่านหนังสือชิลๆ ได้เช่นกันค่ะ

    ขึ้นมาชั้น Rooftop ของอาคาร โดยสูงสุดที่ชั้น 50 เป็นชั้นสระว่ายน้ำทั้งชั้นเลยค่ะ ตัวสระกินความยาวตลอดความยาวอาคาร โดยความยาวอยู่ที่ 40 ม.เลยทีเดียว จุดเด่นของสระนี้เรียกได้ว่าเป็นสระที่มีความสูงถึง 200 ม. เลยทีเดียวค่ะ

    เริ่มจากโถงลิฟต์ชั้นที่ 50 กันเลยค่ะ ภายในโถงตกแต่งสวยงามด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนสีดำทั้งตัวพื้นและผนังรอบข้าง พร้อมกับฝ้าเพดานยกสูง

    ภาพแรกที่เดินออกจากโถงลิฟต์มาคือสระว่ายน้ำยาวที่ขนานไปกับตึกสูงภายนอกเลยค่ะ

    ลักษณะชั้น Rooftop  ของที่นี่จะไม่ได้เป็นแบบ Outdoor ทั้งหมดนะคะ โดยจะมีหลังคายื่นออกมาให้บริเวณทางเดิน และพื้นที่นั่งเล่นอยู่ในร่มด้วยไม่โดนแดดโดยตรง จะเป็นแบบ Semi-Outdoor ซึ่งในการใช้งานจริงแบบนี้จะดีกว่า สามารถมาใช้พื้นที่นี้ในเวลาไหนก็ได้ ไม่ต้องกลัวแดดเลย

    ส่วนบริเวณสระว่ายน้ำเป็นสระแบบ Outdoor นะคะ ไม่มีหลังคามา Cover บริเวณสระ ตัวสระมีขนาด 6 x 40 ม. ระบบเกลือ จัดเป็นขนาดสระที่สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้สบายๆ เลยค่ะ พร้อมรับวิวมุมสูงชิลๆ อีกด้วย

    สระนี้แบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกันมีสระผู้ใหญ่มาตรฐาน สระเด็ก และโซน Jacuzzi โดยสระเด็กนี้มีทำระแนงและน้ำพุกั้นไว้เรียบร้อยสวยงาม ไม่ให้เด็กๆ ว่ายเลยมายังสระผู้ใหญ่ซึ่งอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้

    ถัดมาด้านในร่มที่นี่จัดพื้นที่ Deck ให้ขนาดใหญ่ทีเดียวนะคะ พร้อมวางชุดเก้าอี้โซฟาแบบ Outdoor หลายชุดพอสมควรเลย สำหรับชั้นนี้ไม่จำเป็นต้องมาว่ายน้ำอย่างเดียวก็ได้นะคะ ใครอยากขึ้นมานั่งรับลมชมวิวก็ขึ้นมานั่งบริเวณนี้ได้เลย

    คั่นด้วยโถงลิฟต์มาอีกฝั่งก็เป็นพื้นที่ Deck นั่งเล่นเช่นเดียวกันค่ะ บริเวณนี้จะใหญ่กว่าอีกฝั่งหน่อย ตรงที่มีทำ Pantry ขนาดใหญ่ไว้รองรับลูกบ้านมาจัดปาร์ตี้ต่างๆ ได้ จะมาชงเครื่องดื่มหรือวางอาหารต่างๆ ได้ ซึ่ง Pantry ก็ไม่ธรรมดาเลยใช้เป็นหินอ่อนสีเขียวมรกตนำเข้าจากต่างประเทศเลยทีเดียว ส่วนเฟอร์นิเจอร์ฝั่งนี้จะเป็นชุดโซฟา Bed ขนาดใหญ่และมี Day Bed ไว้นอนเล่นชมวิวสระกับวิวมุมสูงชิลๆ

    เสาที่นี้อย่าเห็ยว่าไม่สำคัญนะคะ ตัววัสดุที่กรุก็ใช้เป็นหินอ่อนนำเข้าจากต่างประเทศเลยเช่นกันมีการกรุตกแต่งกระเบื้องให้เกิดเป็นลวดลายเพิ่มเติมอีกด้วย ที่เห็นเป็นเหมือนโมเสกเล็กๆ นี่คือการนำหินอ่อนมาย่อยเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วค่อยกรุตกแต่งเสาทีละชิ้นเลยทีเดียวนะคะ

    เดี๋ยวเราไปดูภายในห้องน้ำชั้นนี้กันต่อ

    ภายในห้องน้ำสวย เรียบง่ายและโปร่งโล่ง หาได้ยากมากที่จะเห็นโครงการที่ออกแบบให้ห้องน้ำมีกระจกขนาดใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้าขนาดนี้เลย จึงช่วยให้แสงสว่างเข้ามาภายในห้องน้ำได้ดีมากค่ะ แต่เรื่องความเป็นส่วนตัวก็สำคัญเช่นกัน ทางโครงการเลยตกแต่งม่านโปร่งแสงมาบังสายตาจากภายนอกไว้ให้

    ภายในห้องน้ำและห้องอาบน้ำตกแต่งสวยงามเรียบร้อย ห้องอาบน้ำนี้ได้ฝักบัวทั้งแบบ Rain Shower และฝักบัวสายอ่อนเลยนะคะ

    เรามาดูวิวมุมสูงกันบ้างค่ะ สำหรับอาคาร 2 นี้วิวจากห้องพักอาศัยหลักๆ เลยจะมี 2 ทิศด้วยกัน เริ่มจากทิศเหนือวิวจะหันไปทางถนนสุขุมวิทเป็นหลัก เราจะได้ City View ที่หันไปเยื้องไปทางทองหล่อนะคะ

    ส่วนทิศใต้เป็นอีกทิศหลักของอาคาร 2 เช่นกัน ฝั่งนี้จะหันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ แต่อาจจะไม่ได้เห็นวิวเต็มๆ ขนาดนั้นนะคะ เพราะติดอาคารในเฟส 2 บ้างบางส่วน

    สำหรับอาคารที่ 3 ทิศจากห้องพักอาศัยหลักๆ จะเป็นทิศตะวันออก-ตะวันตก เริ่มจากทิศตะวันตกก่อนซึ่งหันไปทางซอยสุขุมวิท 22 หากอยู่ชั้นสูงๆ สามารถมองเลยไปถึงสวยเบญจกิติได้ง่ายๆ เลย มุมของสวนจะได้วิวเป็นพื้นที่สีเขียวและบ่อน้ำขนาดใหญ่สวยทีเดียว

    และทิศสุดท้ายคือทิศตะวันออกฝั่งนี้หันไปทางซอยสุขุมวิท 24 วิวสวนใหญ่จะหันไปทางถนนพระราม 4 เป็นหลักค่ะ ได้วิวค่อนข้างโปร่งโล่งนะคะ เพราะบางส่วนของพื้นที่ยังมีอาคารแนวราบ หรือ Low Rise ให้เห็นอยู่พอสมควร จึงยังไม่มีอะไรมาบดยังทัศนียภาพมุมสูงเท่าไหร่นักค่ะ

     

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • Lobby ฝ้าเพดานสูง 9 เมตร เนื้อที่ประมาณ 180 ตารางเมตร พร้อมบริการสัญญาณ Wi-Fi
    • Mail room
    • Swimming pool 40×6 เมตร ลึก 1.35 เมตร
    • Jacuzzi
    • Children pool
    • Fitness
    • Yoga studio
    • Sauna
    • Library , Living room , Outdoor deck รวมเนื้อที่ประมาณ 250 ตารางเมตร
    • Library
    • พื้นที่สีเขียวในโครงการประมาณ 10 ไร่
    • ลิฟท์โดยสารอาคาร 2 จำนวน 4 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ อาคาร 2  133.25 : 1
    • ลิฟท์โดยสารอาคาร 3 จำนวน 3 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ อาคาร 3  100 : 1
    • Service Lift แต่ละอาคาร 1 ตัว
    • ลิฟท์ที่จอดรถ 2 ตัว
    • ที่จอดรถ 426 คัน คิดเป็น 51 % ไม่รวมจอดซ้อนคัน
    • ระบบ CCTV / Access Card

     


    Product Walkthrough

    ห้องแรกที่เราจะพาไปดูคือห้อง 2 Bedroom corner ขนาดพื้นที่ใช้สอยอยู่ที่ 51.57 ตร.ม. โดยตำแหน่งห้องนี้จะอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้ หันหน้าไปทางซอยสุขุมวิท 24 และเฟส 2 ของโครงการ ภายในห้องจัดโซนเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยจากหน้าทางเข้าห้องจะเป็นส่วน Common Area ขนาดยาวเชื่อมพื้นที่ส่วนครัว รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดกับระเบียงภายนอก อีกส่วนเป็นโซนห้องนอนแบ่งออกเป็นห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ คั่นกลางด้วยห้องน้ำที่มีประตู 2 ทาง เพิ่มความสะดวกในการใช้งานห้องน้ำจากห้องนอนทั้ง 2 ห้อง

    แปลนห้องนี้มีข้อดีตรงที่โซนครัวเปิด แม้จะได้มาเป็นครัวเปิดก็จริงแต่ใครที่ชอบทำอาหารทานเองในห้องบ่อยๆ อยากได้เป็นครัวปิดก็สามารถกั้นพื้นที่เองได้ แม้จะเล็กหน่อยแต่ยังพอสามารถทำได้ค่ะ รวมไปถึงคนชอบนั่งทานข้าวไปดูทีวีไปด้วยเพลินๆ ก็น่าจะตอบโจทย์ เพราะที่วางทีวีอยู่บริเวณตำแหน่งโต๊ะรับประทานอาหารด้วย ส่วนข้อจำกัดก็จะเป็นเรื่องของระเบียงที่ได้ขนาดเล็กเน้นไว้ยืนชมวิวภายนอกชิลๆ มากกว่า และขนาดของตู้เสื้อผ้าของห้อง Master Bedroom ที่มีขนาดกะทัดรัด เหมาะกับคนไม่ได้เน้นตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่มากนัก เพื่อให้ได้พื้นที่ทางเดินหรือตัวห้องที่มีความโปร่งโล่งมากขึ้น

    เริ่มกันที่ทางเข้าห้องประตูเป็นแบบมาตรฐาน HDF ปิดผิวด้วยลามิเนตสีอ่อน ความสูงมาตรฐานแต่มีการออกแบบให้มีลูกเล่นเพิ่มขึ้นโดยการตกแต่งด้านบนด้วยวัสดุเดียวกับประตู ทำให้ด้านหน้าห้องดูประตูมีขนาดใหญ่ สวยงามมากขึ้น

    สำหรับ Digital Door Lock ที่นี่จะให้มาเป็นมาตรฐา จาก Yale

    บริเวณภายในพื้นห้องปิดขอบด้วยไม้สำเร็จรูป ภายในปูด้วยลามิเนตแต่มีขนาดความกว้างมากกว่ามาตรฐานและมีผิวสัมผัสที่เหมือนไม้มากกว่าลามิเนตทั่วไปด้วยนะคะ

    เข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วน Common Area ก่อนเลยนะคะ โดยมีความยาวตั้งแต่หน้าห้องไปจนถึงสุดระเบียงภายนอก เป็นพื้นที่ที่เชื่อมกับระหว่างครัว พื้นที่รับประทานอาหาร และด้านในสุดเป็นพื้นที่นั่งเล่นค่ะ บริเวณนี้แม้จะไม่ได้มีความกว้างมากนักแต่ถือว่ามีความโปร่งโล่งพอสมควรอยู่ทีเดียว ด้วยความกว้างของฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.7 ม. และการที่ได้ประตูบานเลื่อนที่มีความสูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้าเพดานเลยนั่นเองค่ะ

    Pantry ครัวในห้องมาตรฐานจะได้เป็นชุดเดียวกับห้องตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งไม่รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด สำหรับชุดครัวนี้ออกแบบมาให้ส่วนหน้าบานเป็นวัสดุเดียวกับหน้าบานประตูทางเข้าเลย ตีม โทนสีต่างๆ เหมือนกัน ดูสวยงาม ทั้งหมดให้เป็น Soft Close เปิด-ปิดกันกระแทกได้ดีค่ะ ติดกับ Pantry ครัวมีที่ว่างไว้สำหรับวางตู้เย็น ซึ่งขนาดที่เหมาะสมกับพื้นที่จะเป็นขนาด 7.9 คิวบิกฟุต

    ชั้นด้านบนมีช่องสำหรับวางไมโครเวฟให้เรียบร้อยค่ะ การใช้งานจริงจะค่อนข้างสะดวกกว่าการทำช่องวางไมโครเวฟไว้ข้างล่างเคาน์เตอร์นะคะ

    บริเวณเคาน์เตอร์ครัวใช้ท็อปเป็นหินสังเคราะห์สีดำ มี Back Splash ด้านหลังเป็นวัสดุเดียวกันกับท็อปครัวเลยค่ะ ดูสวยงาม ทำความสะอาดง่าย รวมไปดูมองไม่ค่อยเห็นคราบสกปรกด้วย ด้วยความที่เป็นสีดำจึงพรางสายตาได้ดีเลยค่ะ มาที่บริเวณท็อปครัวแบ่งเป็น 3 โซนด้วยกัน ซ้ายสุดเป็น Sink ล้างจาน ตรงกลางเป็นเตาพร้อม Hood ด้านบน ส่วนฝั่งขวาสุดเหลือพื้นที่ไว้สำหรับวางของ หรือเตรียมอาหารต่างๆ ได้ โดยรวมแล้วขนาดค่อนข้างกะทัดรัด จะเน้นเป็นการอุ่นกับข้าว หรือทำอาหารง่ายๆ ทานมากกว่า

    Sink ล้างจานเป็นแบบฝังในเคาน์เตอร์ ขนาดหลุมเดี่ยวกะทัดรัด จาก Teka ส่วนหัวเตาเป็นเซรามิก 2 หัวจาก Teka เช่นกันค่ะ สำหรับระยะห่างระหว่าง Sink และเตาจะค่อนข้างใกล้กันพอสมควรนะคะ ด้วยความที่ขนาดของ Pantry ที่ได้มาแบบกะทัดรัดตามไซส์ห้อง ดังนั้นอาจจะต้องระมัดระวังเวลาใช้งานทำทั้ง 2 อย่างพร้อมๆ กันหน่อยนะคะ

    ด้านล่างของเคาน์เตอร์ครัว มีพื้นที่สำหรับเก็บของต่างๆ ครึ่งนึง และอีกครึ่งออกแบบให้เป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้าแบบเป็นฝาหน้าเท่านั้น สามารถวางเครื่องขนาดประมาณ 7 กิโลกรัมได้กำลังดีค่ะ

    ภายในตู้เก็บของด้านล่างฝั่งซ้ายเป็นชั้นเก็บของใต้อ่างล้างจานทั่วไป ส่วนฝั่งขวาด้านบนเป็นลิ้นชักสำหรับวางอุปกรณ์ต่างๆ เช่นช้อมส้อม ส่วนด้านล่างเป็นที่วางจาน ถ้วยต่างๆ ได้ระดับนึงค่ะ

    ถัดมาเป็นพื้นที่รับประทานอาหาร ห้องนี้ออกแบบให้มีส่วนพื้นที่รับประทานอาหารพอสมควร สามารถนั่งได้ 4 ที่นั่งแบบสบายๆ โดยชุดโต๊ะเก้าอี้รับประทานอาหารนี้จะไม่ได้ให้เป็นมาตรฐานนะคะ ที่นี่จะให้เฉพาะ Fully Fitted เท่านั้น ซึ่งลูกบ้านสามารถเลือกเฟอร์นิเจอร์ทางความชอบของตัวเองมาวางได้เลยค่ะ

    ถัดมาอีกด้านเป็นตำแหน่งของทีวี โดยจะอยู่ระหว่างพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ข้อดีคือไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ไหนก็สามารถดูทีวีได้ แต่ก็จะลำบากในการดูทีวีหน่อย เพราะไม่มีพื้นที่ส่วนไหนที่ดูตรงๆ ได้ นอกจากเก้าอี้ด้านนึงของพื้นที่รับประทานอาหารนะคะ แนะนำว่าซื้อตัวหมุนทีวีด้านล่างเพิ่มเติมหรือแขวนทีวีก็จะมีสามารถปรับทิศทางทีวีได้ เวลาเราอยู่โซนไหนไม่ว่าจะพื้นที่นั่งเล่น หรือพื้นที่รับประทานอาหารก็สามารถปรับหมุนทีวีให้ตรงกับตำแหน่งเราได้ ดูได้ง่ายเลยค่ะ

    ถัดมาที่พื้นที่นั่งเล่นจะอยู่ติดกับระเบียงภายนอก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สามารถมองวิวภายนอกได้ดี และมีความโปร่งโล่งดีทีเดียวค่ะ ดูจากประตูบานเลื่อนที่ได้เต็มบานและสามารถเปิดออกด้านข้างได้ ทำให้ได้พื้นที่เปิดกว้างขวางมากขึ้น สำหรับพื้นที่นั่งเล่นมีขนาดพอสมควร สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ถึง 3 ที่นั่งได้สบาย พร้อมโต๊ะกลาง

    บริเวณฝั่งชุดโซฟาจะเห็นว่าได้พื้นที่ค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ หากอยากจะจัดสรร เพิ่มฟังก์ชันการใช้งานก็ยังทำได้นะคะ เช่นใครอยากได้โต๊ะทำงานขนาดกะทัดรัดเพิ่มเติมระหว่างพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ก็สามารถวางได้แล้วลดขนาดโซฟาลงหน่อยเป็นแบบ 2 ที่นั่ง (Love Seat) แทน

    ก่อนจะออกไปดูที่ระเบียงจะบอกว่าขนาดของเฟรมประตูบานเลื่อนมีขนาดใหญ่มากทีเดียวค่ะ แข็งแรงและ Fitting ดีมาก ซึ่งนอกจากเรื่องการใช้งานแล้ว ก็มีการตกแต่งบานเฟรมเพื่อให้ดูจากภายนอกอาคารดูสวยงามด้วยค่ะ

    มาต่อกันที่ระเบียงภายนอก สำหรับห้องนี้ได้ระเบียงภายนอกขนาดเล็กทีเดียวค่ะ ไม่สามารถใช้งานได้ ลักษณะจะเป็นการออกแบบเพื่อความสวยงามภายนอก และเพื่อให้พื้นที่ Common Area ภายในสามารถได้ช่องเปิดขนาดใหญ่ จากที่จะเป็นหน้าต่างก็ได้เป็นประตูกระจกบานเลื่อนแทน ซึ่งมองในแง่การใช้งานแล้ว การอยู่คอนโดมิเนียมแต่ไม่มีพื้นที่ระเบียงเพียงพอสำหรับการใช้งานจริงก็ค่อนข้างจะยากในการตากผ้า หรือซักล้างต่างๆ นะคะ ดังนั้นอาจจะต้องพึ่งร้านซักรีดเป็นหลักแทนค่ะ

    วิวที่ได้จากภายนอก สำหรับห้องฝั่งนี้ ส่วนใหญ่จะถูกบล็อกด้วยอาคารสูงข้างเคียง รวมไปถึงตึกอื่นๆ ของโครงการเราเองเช่นกันค่ะ แม้จะไม่ได้บล็อกวิวโดยตรงแต่ก็จะมองเห็นด้านข้างๆ บ้าง และส่วนที่เราเห็นเลยจากราวกันตกไปนั้นจะเป็น Facade ของอาคารที่เราเห็นภายนอกว่ามีทั้งแบบแนวตั้ง-แนวนอนสีทองๆ หากมองจากห้องพักอาศัยแล้วจะเห็นเป็นประมาณนี้ค่ะ เหมือนวิวภายนอกเป็นหนึ่งในกรอบรูปประมาณนี้เลย ซึ่งข้อดีก็คือเรื่องความสวยงามภายนอกไปแล้ว ข้อด้อยก็มี สำหรับใครที่เจอช่วง Facade ถี่หน่อยก็อาจจะรู้สึกว่าโดนแนวตั้งของ Facade ที่มาคั่นกลางวิวได้เหมือนกันค่ะ ซึ่งถ้าใครพอจะคุ้นชินหรือเคยอยู่โครงการที่มีการออกแบบฟังก์ชันระเบียงที่สามารถทำเป็น Indoor ได้โดยมีหน้าต่างบานเลื่อนปิดพื้นที่ได้อยู่แล้วก็จะได้ความรู้สึกใกล้เคียงกันค่ะ

    ถัดมาเป็นโซน Private แล้ว แบ่งเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้อง โดยห้องฝั่งขวามือเป็นห้องนอนเล็กค่ะ และห้องฝั่งซ้ายมือที่ติดกับระเบียงภายนอกเป็นห้อง Master Bedroom

    ภายในห้องนอนเล็กมีขนาดกะทัดรัดนะคะ วางเตียงแบบ Single Bed ได้พอดีๆ พร้อมกับตู้เสื้อผ้า ด้วยพื้นที่แล้วอาจจะไม่ได้ใหญ่มากแต่การที่ได้ประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลยจึงทำให้ภายในห้องดูโปร่งโล่งได้ดีมากขึ้นค่ะ

    สำหรับพื้นที่รอบข้างของเตียงมีขนาดความกว้างพอสมควรสามารถเดินรอบนะคะ หรือฝั่งซ้ายมือจะวางโต๊ะข้างเตียงเหมือนห้องตัวอย่างก็ทำได้เช่นกัน

    สำหรับปลายเตียงจะมีทางเดินแคบหน่อย ต้องเอียงตัวเดินเล็กน้อย ไม่เหมาะกับการแขวนทีวีที่ผนังนะคะ

    อีกฝั่งเป็นพื้นที่ตู้เสื้อผ้าซึ่งจะได้เป็นมาตรฐาน ขนาดของตู้เป็นแบบ 2 บานเปิด กรุด้วยกระจกบานใหญ่ทั้งบาน เป็นพื้นที่แต่งตัวไปได้ในตัวเลย จัดเป็น Multi-Function ได้ ภายในตู้เสื้อผ้ากรุผิวด้วยลามิเนต ด้านล่างเป็นลิ้นชักเก็บของ ตรงกลางจัดให้เป็นราวแขวนเสื้อและติดตั้งหลอดไฟให้เรียบร้อย ส่วนด้านบนเป็นช่องสำหรับเก็บของต่างๆ ค่ะ

    และสำหรับห้องนอนเล็กนี้ก็จะได้ระเบียงส่วนตัวของตัวเองด้วยนะคะ โดยกั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 2 ตอน มีบาน Fix 1 บาน โดยช่องที่เปิดจะเป็นบานตรงกลางเป็นหลักค่ะ

    ขนาดของระเบียงมีขนาดกะทัดรัดเช่นเดิมนะคะ ไว้สำหรับออกมายืนสูดอากาศชิลๆ ภายนอกได้อยู่ สำหรับพื้นระเบียงนั้นจะถูกลดระดับพื้นลงจากพื้นห้องระดับนึงเพื่อกันน้ำไหลย้อนเข้ามาภายในห้อง ส่วนพื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิกขนาดเล็กสีขาวดูสะอาดตา แต่อาจจะต้องอาศัยการดูแลทำความสะอาดที่มากกว่ากระเบื้องเซรามิกขนาดมาตรฐานทั่วไปอยู่สักหน่อย

    ด้านข้างเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ โดยกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนด้วยระแนงเหล็กที่สามารถเปิด-ปิดเข้าไป Maintainance ได้ และก็สามารถระบายอากาศได้ดี ส่วนข้อดีที่สำคัญเลยคือเป็นสัดส่วนและไม่เป่าลมร้อนเข้าสู่ระเบียง ทำให้สามารถใช้ระเบียงได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    วิวฝั่งนี้จะได้วิวอาคารข้างเคียง และตึกโครงการในเฟส 2 ชัดเจนนะคะ เป็นลักษณะของวิวระยะใกล้มากกว่า ซึ่งทำให้ไม่เห็นวิวระยะไกลมากนักนะคะ แต่ก็ไม่ถึงกับอยู่ในระยะที่ประชิดมากจนเสียความเป็นส่วนตัวไป

    ถัดมาบริเวณปลายเตียงมีทางเข้าห้องน้ำอยู่ โดยเป็นประตูบานเลื่อนหลบเข้าผนังด้านในห้องน้ำนะคะ เพื่อไม่ให้กินพื้นที่ทั้งภายในห้องนอนและภายในห้องน้ำด้วยเช่นกัน ทำให้ห้องนอนนี้จัดเป็นห้องนอนเล็กที่มีการจัดฟังก์ชันให้เสมือนเป็นห้อง Master Bedroom เลยทีเดียว ใช้งานห้องน้ำได้สะดวก

    พื้นห้องน้ำลดระดับลงจากพื้นห้องนอนเล็กน้อย มีธรณีประตูกั้น ส่วนภายในปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้เล่นลาย

    ภายในห้องน้ำแบ่งส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน เริ่มจากส่วนแห้งกันก่อนนะคะ เข้ามาเราจะเห็นอ่างล้างมือพร้อมตู้กระจก Built-in ให้

    สำหรับอ่างล้างมือนี้มีขนาดของอ่างมาตรฐานแต่ที่เด่นคือมีพื้นที่ด้านข้างอ่างเยอะพอสมควรเลยค่ะ สามารถวางข้าวของ ครีมสบู่ต่างๆ ได้เต็มที่ ที่ชอบคือด้านล่างมี Built-in ชั้นวางของให้ด้วย โดยให้เป็นลิ้นชักเลื่อนออกมาใช้งานได้ง่ายและมีขนาดใหญ่ใส่ของต่างๆ ได้จริง

    ส่วนตู้กระจกด้านบนไม่ได้เป็นเพียงกระจกธรรมดานะคะ เพราะมีพื้นที่ด้านในไว้สำหรับเก็บของด้วย สามารถเก็บอุปกรณ์ ครีม แปรงสีฟันต่างๆ ได้พอสมควรเลยค่ะ เพราะมีช่องเปิดให้ถึง 3 บานด้วยกัน

    ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่สำหรับวางโถสุขภัณฑ์จาก Kohler ส่วนขนาดความกว้างของพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 0.9 ม. จัดเป็นความกว้างพอสมควรนะคะ ไม่อึดอัดค่ะ

    ด้านข้างของพื้นที่โถสุขภัณฑ์เป็นพื้นที่อาบน้ำโดยกั้นด้วยประตูกระจกเป็นสัดส่วนเรียบร้อย

    บริเวณพื้นที่อาบน้ำมีการลดระดับพื้นลงเล็กน้อย พร้อมทั้งกระเบื้องที่มีขนาดเล็กลง สำหรับขนาดของพื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 0.9 x 0.9 ม. จัดเป็นขนาดกำลังพอดีๆ ในการใช้งาน

    สำหรับฝักบัวจะได้ทั้ง 2 แบบคือฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower เป็นมาตรฐาน

    ส่วนห้องนอนใหญ่จะอยู่ติดกับห้องน้ำเช่นกันนะคะ คนละฝั่งกับห้องนอนเล็ก ภายในห้องนอนใหญ่มีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนเล็กประมาณนึง สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังดีค่ะ แต่สำหรับใครที่ชอบขนาดเตียงใหญ่ๆ ก็สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้นะคะ แต่พื้นที่ทางเดินด้านข้างก็จะน้อยลงไปด้วยเช่นกัน

    ด้านข้างของเตียงเป็นพื้นที่ระเบียง กั้นด้วยประตูบานเลื่อนคู่กระจกขนาดใหญ่เช่นเดิม ช่วยให้ภายในตัวห้องมีความโปร่งโล่งได้ดี

    ขนาดพื้นที่ระเบียงมีขนาดกะทัดรัดเช่นเดิมนะคะ เน้นเป็นพื้นที่ไว้สำหรับยืนชมวิวสูดอากาศเบาๆ ไม่ได้เน้นใช้งานเป็นหลัก

    ส่วนปลายเตียงสามารถวางชั้นวางทีวีเพิ่มเติมได้นะคะ เพราะมีพื้นที่ทางเดินปลายเตียงพอสมควรเลยค่ะ ส่วนใครที่อยากให้พื้นที่ทางเดินกว้างมากขึ้นก็สามารถแขวนทีวีแทนได้ค่ะ ส่วนประตูฝั่งขวานั้นเป็นประตูทางเข้าจากส่วนพื้นที่นั่งเล่น และประตูฝั่งซ้ายเป็นประตูบานเลื่อนที่เข้าจากทางห้องน้ำค่ะ

    ส่วนพื้นที่ของตู้เสื้อผ้าจะค่อนข้างเล็กหน่อย สำหรับห้องนอนใหญ่นะคะ มีขนาดความกว้างประมาณ 0.96 ม. เป็นแบบ 2 บานเปิด กระจกเช่นเดียวกับห้องนอนเล็ก

    สำหรับห้องนอนใหญ่ที่วางเตียงขนาด 5 ฟุตจะเห็นพื้นที่ทางเดินด้านข้างพอสมควรแบบนี้เลยค่ะ เดินได้สบายมาก

    อีกห้องนึงที่จะพาไปดูคือห้อง 2 Bedroom corner เช่นเดียวกันและมีขนาดพื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงกันเลยค่ะ อยู่ที่ 52.61 ตร.ม. แต่มีตำแหน่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับห้องที่แล้ว โดยจะเป็นห้องมุมของทิศตะวันตกเฉียงใต้ค่ะ วิวจะหันไปทางซอยสุขุมวิท 22 และทางเฟส 2 ของโครงการเอง สำหรับการจัดแปลนห้องนี้จะคล้ายคลึงกับห้องตัวอย่างแรกนะคะ แต่มีความแตกต่างกันหลายจุดเหมือนกันค่ะ จะเริ่มเป็นที่ละจุดไปนะคะ

    เริ่มจากตำแหน่งครัวนี้จะอยู่ติดกับพื้นที่รับประทานอาหาร ฝั่งตรงข้ามกัน ส่วนนี้จะเป็นครัวเปิดชัดเจน ไม่สามารถกั้นเป็นครัวปิดได้ ส่วนพื้นที่นั่งเล่นนี้เป็นพื้นที่สัดส่วนชัดเจนมากขึ้น เพราะที่วางทีวีอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโซฟาเลย ไม่ต้องเบี่ยงตัวหรือสายตาไปฝั่งตรงข้ามแบบเยื้องๆ เหมือนห้องแรก รวมไปถึงได้ขนาดห้องนอนใหญ่ขึ้นทั้งห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ อย่างกรณีห้องนอนใหญ่จะมีส่วน Walk in Closet ขนาดกะทัดรัดที่เพิ่มขึ้นมาด้วย

    เข้ามาภายในห้องเจอส่วน Common Area กันก่อน ซึ่งเชื่อมพื้นที่ตั้งแต่หน้าทางเข้าห้องไปจนสุดระเบียงภายนอก โดยเริ่มจากพื้นที่รับประทานอาหารและส่วนครัวกันก่อนนะคะ สำหรับพื้นที่รับประทานอาหารนี้มีขนาดสำหรับ 4 ที่นั่งกำลังดีค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะรับประทานอาหารเป็นชุด Pantry ครัว ที่มีขนาดและสเป็คเดียวกับห้องแรกเลยนะคะ

    ถัดมาพื้นที่นั่งเล่นมีขนาดใหญ่เช่นเดิมค่ะ ความกว้างของพื้นที่ส่วนนี้อยู่ที่ประมาณ 3 ม. โดยจัดว่ามีระยะห่างของทีวีอยู่ที่ประมาณ 2.7 ม. เหมาะกับการวางทีวีขนาด 55″ จะกำลังดีกับสายตา ส่วนขนาดของชุดโซฟาสามารถวางขนาด 3 ที่นั่งใหญ่ได้สบายมาก สุดทางเป็นประตูบานเลื่อนกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเช่นเดียวกับห้องแรกเลยค่ะ ทำให้ภายในห้องมีความโปร่งโล่งมากขึ้นเพราะมีพื้นที่รับแสงขนาดใหญ่ ช่วยให้แสงเข้ามาภายในห้องได้ดี

    สำหรับระเบียงภายนอกยังมีลักษณะการใช้งานเช่นเดียวกับห้องแรกนะคะ คือไม่ได้เน้นการใช้งานเป็นสำคัญ แต่ตั้งใจออกแบบมาให้ไว้สำหรับยืนชมวิว และเพื่อให้สามารถทำช่องเปิดขนาดใหญ่เป็นประตูแทนที่จะเป็นเพียงหน้าต่างขนาดใหญ่ การที่มีขนาดระเบียงไม่ใหญ่แม้จะไม่สามารถซักล้างหรือตากผ้าได้นั้น เราก็สามารถส่งซักได้อยู่ ซึ่งข้อดีก็มีคือการที่ได้พื้นที่ใช้สอยภายในมากขึ้นด้วย หากเทียบกับห้องที่มีพื้นที่ใช้สอยเท่ากันแต่มีขนาดระเบียงใหญ่กว่าแล้วก็แสดงว่าห้องนี้มีพื้นที่ใช้สอยภายในมากกว่านะคะ

    เข้ามาที่ภายในห้องนอนใหญ่กันต่อ ห้องนอนใหญ่นี้สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบายเลยค่ะ โดยในห้องตัวอย่างนี้จะวางเตียงขนาด 5 ฟุตให้ดูเป็นตัวอย่างนะคะ จะเห็นว่ามีพื้นที่ด้านข้างเตียงพอสมควรเลย สามารถวางโต๊ะข้างเตียงได้สบาย ซึ่งหากใครที่ชอบเตียงขนาดใหญ่เลยก็สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้เช่นกันนะคะ

    อีกฝั่งของห้องนอนฝั่งซ้ายเป็นส่วนตู้เสื้อผ้า ซึ่งมีการทำเป็นพื้นที่เข้าไปด้านในเพื่อให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น ส่วนฝั่งขวานั้นเป็นประตูบานเลื่อนเข้าสู่ห้องน้ำได้เลย สะดวกในการใช้งานมากขึ้น โดยลักษณะแปลนนี้จะเหมือนกับห้องแบบแรกที่เราไปดูกันมาก่อนหน้าค่ะ

    จากห้องที่แล้วพื้นที่ส่วนตู้เสื้อผ้ามีขนาดค่อนข้างกะทัดรัดพอสมควร แต่สำหรับห้องนี้จะมีพื้นที่ส่วนตู้เสื้อผ้าเพิ่มขึ้นมาและเป็นสัดส่วนมากขึ้น ส่วนขนาดของตู้เสื้อผ้าเลยนั้นจะมีขนาดไม่ต่างกันมากนักค่ะ แต่ถูกเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นเหมือน Walk in Closet รวมไปถึงไม่ใช่ตู้บานเปิดแล้ว แต่เป็นชั้น Built-in แทน

    เข้ามาภายในห้องน้ำกันต่อนะคะ ภายในห้องน้ำแยกโซนเปียกและแห้งเช่นเดียวกันกับห้องแรกเลยค่ะ ฝั่งขวาเป็นอ่างล้างมือ ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็นห้องอาบน้ำและส่วนโถสุขภัณฑ์

    อ่างล้างมือขนาดใหญ่พร้อมทั้ง Built-in ชั้นวางของด้านล่างให้เรียบร้อย ส่วนด้านบนติดตั้งตู้กระจกที่ด้านในสามารถเก็บของได้ สเป็คต่างๆ ทั้งหมดจะเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามอ่างล้างมือแบ่งเป็น 2  ส่วน แยกพื้นที่ชัดเจน และมีตำแหน่งพัดลมดูดอากาศทั้ง 2 ตำแหน่งเลยเช่นกันค่ะ ช่วยระบายอากาศและความชื้นได้ดี สำหรับพื้นที่อาบน้ำมีฉากกั้นกระจกกั้นเป็นสัดส่วนกันน้ำกระเด็นออกมายังโซนแห้งได้ดี ในส่วนของอุปกรณ์ห้องน้ำและสุขภัณฑ์ทั้งหมดจะเหมือนกับห้องแรกทั้งหมดเลยค่ะ

    เข้ามาที่ห้องนอนเล็กกันต่อนะคะ ภายในห้องนอนเล็กนี้จัดว่ามีขนาดใหญ่ขึ้นมาจากห้องนอนเล็กของแปลนห้องแรกเล็กน้อย สามารถวางเตียงขนาด Single Bed ได้กำลังดีเลยค่ะ เพราะยังเหลือพื้นที่ด้านข้างในเดินได้ง่าย หรือจะวางเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ เช่นโต๊ะเครื่องแป้งขนาดกะทัดรัด โต๊ะข้างเตียง

    ส่วนด้านข้างเตียงเป็นประตูบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่เช่นเดิม ด้านนอกเป็นระเบียงที่มีขนาดพอสมควรนะคะ อันนี้ถือว่าให้ความกว้างของระเบียงมาระดับนึงมากกว่าระเบียงของห้องที่แล้ว สามารถใช้งานได้จริงอยู่นะคะ

    และอีกฝั่งเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้ากระจกและประตูทางเข้าห้องจากส่วน Comon Area ค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 17 October 2017

    • 1 Bedroom อาคาร 2 ชั้น 03 ห้อง 04 เนื้อที่ 29.21 ตร.ม. ราคา 6.697 ล้านบาท หรือ 229,270.8 บาท/ตร.ม.
    • 1 Bedroom อาคาร 2 ชั้น 36 ห้อง 04 เนื้อที่ 29.62 ตร.ม. ราคา 8.8383 ล้านบาท หรือ 298,389.6 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedroom อาคาร 2 ชั้น 13 ห้อง 03 เนื้อที่ 53.53 ตร.ม. ราคา 13.9792 ล้านบาท หรือ 261,147.02 บาท/ตร.ม.

    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 2.7 เมตร
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง 100,000 บาท
    • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ Park 24 เฟส 1 เป็นหนึ่งในโครงการที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านพร้อมพงษ์ ฝั่งสุขุมวิท 22 และ 24 สามารถเข้า-ออกได้จากทั้ง 2 ทาง ตัวโครงการมีจุดเด่นที่ชัดเจนคือ การจัดพื้นที่สีเขียวให้มากถึง 10 ไร่รวมกัน เป็นโครงการในเมืองที่หาได้ค่อนข้างยากที่จะได้พื้นที่สีเขียวมากเท่านี้แล้วในปัจจุบัน ทำเลโครงการเรียกได้ว่าตั้งอยู่ในย่านระดับ Top ที่แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ หน้าปากซอยมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง The Em District ซึ่งปัจจุบันเป็น The Emporium และ EmQuartier รวมไปถึงร้านค้าร้านอาหารมีระดับมากมายในซอยสุขุมวิท 24 ซอยระดับท็อปๆ ของสุขุมวิทเลขคู่เลยทีเดียว ทำให้เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกและความอุดมสมบูรณ์มีค่อนข้างครบครันทีเดียว

    การเดินทางโดยใช้รถยนต์เป็นหลักตอบโจทย์ลูกบ้านในโครงการนี้ จะอาศัยรถไฟฟ้าก็ไม่ได้เรียกว่าอยู่ในระยะเดินได้ง่ายนะคะ แต่หากใช้รถยนต์ส่วนตัวจะค่อนข้างสะดวกมากและมีตัวเลือกในการเดินทางค่อนข้างเยอะ ได้เปรียบกว่าโครงการอื่นตรงที่ตัวโครงการมีทางเข้า-ออกได้ทั้งซอยสุขุมวิท 22 และ 24 จึงสามารถลัดเลาะไปซอยย่อยอื่นๆ ได้มากกว่า ส่วนตัวซอยสุขุมวิท 24 เองก็เป็นซอยที่เชื่อมไปออกถนนใหญ่ทั้ง 2 สายได้ทั้งสุขุมวิทและพระราม 4 จะขึ้นทางด่วนก็ไม่ยาก แต่ก็ยังต้องเผื่อระยะเวลาในการเดินทางเช่นเดียวกันเพราะในซอยนี้รถติดมากทีเดียว ปริมาณรถหนาแน่นซึ่งเกิดจากคนที่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม โรงแรมต่างๆ ในซอยนี้อยู่แล้ว ประกอบกับเป็นซอยใหญ่ที่ใช้ลัดเลาะไปออกถนนอื่นๆ ได้ จึงทำให้มีปริมาณรถเยอะเป็นธรรมดาเช่นกัน

    การเดินทางโดยไม่ใช่รถ อยู่ในระดับที่เรียกรถได้ง่ายมาก ออกมาหน้าโครงการก็เรียกแท็กซี่ หรือเดินไปหน่อยขึ้นวินมอเตอร์ไซค์ได้ สำหรับรถไฟฟ้าอยู่ในระยะห่างประมาณ 600 ม. เลยจากระยะเดินมาสักหน่อย ซึ่งหากใครฟิตหน่อยจะเดินก็ไม่ได้ยากเช่นเดียวกันค่ะ เพียงแต่ไม่ใช่จุดเด่นของโครงการเสียทีเดียว เพราะถ้าเทียบกับเพื่อนบ้านก็ยังมีโครงการที่ใกล้รถไฟฟ้ามากกว่าให้เลือก

    การออกแบบโครงการ ตัวโครงการจัดเป็นโครงการขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ เพราะมีอาคาร High Rise เป็นอาคารพักอาศัยอยู่ถึง 5 อาคารด้วยกัน รวมยูนิตก็เป็นหลักพันขึ้นไป รวมไปถึงมี 1 อาคารที่จัดเป็น Serviced Apartment ทั้งอาคารอีกด้วย จึงค่อนข้างมีบรรยากาศที่คึกคักพอสมควรทีเดียว เจาะลึกเข้ามาที่เฟส 1 ประกอบไปด้วยอาคารพักอาศัย 2 อาคาร ลักษณะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป อย่างอาคาร 2 จะเหมาะกับคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของทิศทางของห้องพักอาศัยเป็นสำคัญ และใครที่ต้องการจะเอาห้องชั้นสูงๆ เพื่อให้ได้วิวมุมสูง อาคารนี้ก็จะตอบโจทย์เพราะมีความสูงมากกว่าอาคาร 3 พอสมควร ในส่วนอาคาร 3 จุดเด่นคือเรื่องความหนาแน่นที่น้อยกว่า มีจำนวนยูนิตน้อยกว่าเกือบครึ่ง และเด่นเรื่องความสะดวกในการเข้าถึงที่จอดรถเช่นเดียวกัน

    ส่วนการออกแบบห้อง จากห้องตัวอย่างที่พาไปชมกันจะมีความคล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่และแตกต่างกันในบางจุด เริ่มจากจุดที่เหมือนกันคือการวางโซนนิ่งทำออกมาได้ดีเป็นสัดส่วนชัดเจน ห้องนอนและห้องนอนใหญ่ใช้งานห้องน้ำได้ง่าย เหมือนมีห้องน้ำส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกันหากต้องต้อนรับแขก แขกก็ต้องเดินผ่านห้องน้ำด้วยเช่นกันค่ะ และอีกจุดคือขนาดระเบียงที่ให้มากะทัดรัดมาก ไม่สามารถใช้งานจริงได้นอกจากยืนสูดอากาศภายนอกห้อง ซึ่งมองในแง่เปรียบเทียบกับโครงการอื่นที่มีพื้นที่ใช้สอยใกล้เคียงกัน ห้องโครงการนี้จะได้เปรียบในแง่ของได้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่ารูปแบบการอยู่อาศัยอาจจะต้องมีพึ่งร้านซักรีดอยู่ เพราะไม่มีพื้นที่ตากผ้าที่เพียงพอในการใช้งานจริง ส่วนจุดที่แตกต่าง ห้องขนาด 51 ตร.ม. จะเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหาร สามารถต่อเติมเป็นครัวปิดได้เช่นกัน พื้นที่รับประทานอาหารบางส่วนสามารถดูทีวีไปกินข้าวไปด้วยได้ ส่วนห้องขนาด 52 ตร.ม. จะมีพื้นที่ภายในห้องนอนที่มากขึ้น อยู่สบายมากขึ้น รวมไปถึงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ลงตัวดี

    วัสดุ ให้มามาตรฐานนะคะ เมื่อเทียบกับราคาแล้วก็จัดว่าไม่ได้ให้มาเยอะมากนัก โดยรูปแบบการขายของโครงการเป็นแบบ Fully Fitted พื้นเป็นลามิเนตแต่เป็นแบบที่หน้ากว้างกว่าทั่วไปและมี Texture ไม้สวยงาม Pantry ครัวท็อปหินสังเคราะห์ พร้อม Hob&Hood สุขภัณฑ์จาก Kohler รวมถึงฝ้าเพดานให้ความสูงมา 2.7 ม.

    สาธารณูปโภค จัดมาให้สวยงามแยกคนละอาคารชัดเจนทำให้เพียงพอในการใช้งานจริงของลูกบ้าน และเป็นส่วนตัว ภายใน Facilities จัดมาได้ดีน่าใช้งาน มีทั้งสระว่ายน้ำชั้น Roof top, Fitness, Studio, Library, Living Area, Suana รวมไปถึงพื้นที่สีเขียวร่วม 10 ไร่อีกด้วย ขอเสริมอีกหน่อยว่าสระว่ายน้ำชั้น Roof Top ของอาคาร 2 นี้จัดเป็นสระว่ายน้ำที่สูงถึง 200 ม.เลยทีเดียว

    Judgement

    ราคาของคอนโดนี้ถือเป็นระดับ ULTIMATE CLASS ซึ่งความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะคะ เพราะมีตัวเปรียบเทียบน้อย เป็นสินค้าประเภท Unique เสียส่วนใหญ่ และเราก็เชื่อว่าลูกค้าที่พร้อมจะซื้อคอนโดระดับนี้ ไม่ตัดสินง่ายๆด้วยคะแนนแน่นอน

    BOTTOM LINE

    Park 24 เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดใจกลางเมืองที่ได้พื้นที่สีเขียวเยอะ ร่วมรื่น บรรยากาศดี ชอบใช้ Facilities ไม่ซีเรียสเรื่องความหนาแน่นภายในโครงการ เดินทางได้ทั้งรถไฟฟ้าและรถส่วนตัว และนิยมชมชอบ หลงเสน่ห์ย่านสุขุมวิท ในราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท