หลังจากผ่านไปสักพักใหญ่ๆ เลยตั้งแต่ช่วงเปิดตัวโครงการเมื่อปีที่แล้ว เราถึงมีโอกาสได้เข้าไป Walk-in The Strand ทองหล่อ ความน่าสนใจแรกเลยที่เราอยากมาทำคือ ทำเลใกล้ต้นซอยทองหล่อ ใกล้ถนนสุขุมวิทและ BTS ทองหล่อ 30 ม. ซึ่งหาที่ดินแปลงที่จะทำคอนโดได้ยากมาก และสุดท้ายคือรูปแบบโครงการที่ทำมาเป็น Mixed Use (Residential + Commercial) เป็นอย่างไรมาอ่านรีวิวฉบับ Walk-in เดินดุ่มๆ เข้าไปรีวิวกันเลยค่ะ

 

ข้อมูลโครงการ

14 February 2020

  • The Strand Thonglor (เดอะ สแตรนด์ ทองหล่อ)
  • One.Six Development Corporation Limited joint venture with Magnolia Quality Development Corporation
  • SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ซอย สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา
  • ที่ดินประมาณ 1-2-46 ไร่
  • คอนโด High Rise 30 ชั้น 198 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 9 ยูนิต
  • ที่จอดรถ Auto Parking 204 คัน คิดเป็น 103%
  • เริ่มก่อสร้าง : Q4 2018
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q3 2021
  • 1 Bedroom 48 – 55 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 73 – 107 ตร.ม.
  • Penthouse 184 ตร.ม.
  • Duplex 110.4 ตร.ม.(Sold Out)
  • ฝ้าเพดานสูง 3 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 17.5 ล้านบาท (1 Bedroom 48.10 ตร.ม.) / หรือตร.ม.ละ 364,583 บาท
  • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 365,000 บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : Approved
  • ว็บไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1265

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มค่ะ

ทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.724017, 100.579706
หรือสามารถ : คลิกที่นี่

ที่ตั้งโครงการ The Strand ทองหล่อ อยู่บนซอยสุขุมวิท 55 หรือซอยทองหล่อ ช่วงต้นซอยเลยค่ะ โดยเข้ามาจากถนนสุขุมวิทเพียง 30 ม. และก็ห่างจาก BTS ทองหล่อ 30 ม. เช่นกัน เรียกได้เต็มปากว่าเป็นคอนโดที่อยู่ “ต้นซอย” มากที่สุดในปัจจุบันนะคะ และต้องบอกว่าการจะรวมที่ดินมาเป็นแปลงใหญ่พอที่จะทำคอนโดมิเนียมขึ้นมาในทำเลทองหล่อแบบนี้ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ เราเลยอยากขยายเหตุผลจุดนี้เพิ่มขึ้นอีกหน่อย เพราะมัน Value ในอนาคตเรื่องของราคาที่ดินต่างๆ ด้วย

พูดในแง่ของการเดินทางโครงการนี้มีข้อดีอีกอย่างคือสามารถเข้า-ออกได้ทั้งจากซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) และสุขุมวิท 57 (เฉพาะลูกบ้านเท่านั้น) ซึ่งแค่ออกสุขุมวิท 57 ได้ด้วยก็ทำให้ความสะดวกในการเข้า-ออกไปทางสุขุมวิทง่ายมากขึ้นได้นะคะ อย่างน้อยๆ คือไม่ต้องรอไฟแดงตรงแยกทองหล่อ-สุขุมวิท (แต่ถ้าจะไปทางพร้อมพงษ์ รอไฟแดงสะดวกกว่านะ^^)

และอีกอย่างคือถ้าทำเลโครงการที่อยู่ในซอยทองหล่อเลย ก็จะอิงความอุดมสมบูรณ์ในซอยนี้ไปเต็มๆ ซึ่งซอยนี้เรื่องอาหารการกินแหล่ง Shopping ต่างๆ ไม่ธรรมดาเลย มีครบทุกรูปแบบ ไม่ได้มีแค่ระดับ Hi-End เท่านั้นด้วยนะคะ ใครอยากกินข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยวทั่วไปก็ยังมีในซื้อกินได้เช่นกัน (บริเวณฝั่งตรงข้ามสน.ทองหล่อ) หรือแค่ Community Mall ในทองหล่อก็มีมากกว่า 3 แห่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็น The Commons, J Avenue, 72 Courtyard เป็นต้น

สิ่งที่เราอยากพูดถึงอีกจุดของที่ตั้ง The Strand ทองหล่อ ส่วนหนึ่งก็คงจะเป็นเพื่อนบ้านในละแวกของโครงการด้วยเช่นกัน เพราะด้วยความที่เป็นคอนโดใจกลางเมืองก็คงหนีไม่พ้น “เพื่อนบ้าน” ที่เป็นอาคารสูง ซึ่งส่งผลในเรื่องของวิวอาคารนะคะ อย่างโครงการนี้ปัจจุบันทิศที่ไม่โดน Block วิวโดยตรงก็จะมี ทิศตะวันตก-ทิศตะวันออก-ทิศใต้ เพราะมีอาคารสูงอยู่เยื้องๆ แทนไม่ได้หันโดยตรงเข้าอาคาร ส่วนทิศเหนือวันที่ไปเดินสำรวจโครงการเราเห็นว่ามีการเริ่มก่อสร้างอาคารสูงทำเป็นโรงแรมในอนาคตอยู่ ซึ่งอาจจะโดน Block วิวได้อยู่ แต่ทั้งนี้เรายังไม่เห็นแปลนกับความสูงชั้นของโรงแรมนะคะ เพราะอาจจะมีการออกแบบเพื่อไม่ให้บล็อกวิวกันและกันอยู่

เส้นทางการเดินทาง

Image 1/6
สำหรับเส้นทางไปโครงการของเราวันนี้ เริ่มต้นจาก BTS สถานีทองหล่อเลยนะคะ โดยทางออกไปซอยทองหล่อคือทางออกที่ 3

สำหรับเส้นทางไปโครงการของเราวันนี้ เริ่มต้นจาก BTS สถานีทองหล่อเลยนะคะ โดยทางออกไปซอยทองหล่อคือทางออกที่ 3

รายละเอียดโครงการ

โครงการ The STRAND ทองหล่อ รูปแบบโครงการนี้เป็นแบบ Mixed-Use ซึ่งเราต้องบอกเลยว่าส่วนตัวเราไม่ค่อยเห็นโครงการระดับ Super Luxury ที่ทำเป็น Mixed Use เท่าไรนักนะคะ ทำให้โครงการนี้เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เราสนใจรูปแบบพอสมควรเลย

โดยโซนชั้นล่างที่ 2-5 ที่จะทำเป็น Commercial นั้นทางโครงการเองก็มี Concept ครอบก่อนเพื่อเลือกร้านให้ตรงกับ Theme โครงการ ประกอบด้วย All-Day Dining, Speakeasy Bar, Business Lounge & Working Space ซึ่งดูจาก Theme แล้วก็น่าจะตั้งใจทำมาเพื่อตอบโจทย์ลูกบ้านเป็นหลักก่อน เพื่อความสะดวกสบายจะลงมากินข้าว สังสรรค์กับเพื่อน หรือพูดคุยธุรกิจก็ง่ายไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล

ซึ่งสิ่งที่ต้องแลกกันก็คงเป็นเรื่องความคึกคักในชั้นล่าง เพราะแขกหรือลูกค้าในร้านค้านั้นๆ ก็สามารถเข้ามาใช้งานได้เช่นกัน โดยทางโครงการมีการออกแบบจัดการ Planning ยังไงเดี๋ยวเราขอไปอธิบายใน Master Plan นะคะ

ส่วนชั้น 6 เป็นต้นไปจะเป็นชั้นของลูกบ้านทั้งหมด รวมไปถึงที่จอดรถ 204 คัน แบบ Auto parking ทั้งหมดคิดเป็น 103% แต่ไม่ Fix คันให้นะคะ

พูดถึงเรื่องรูปลักษณ์ของอาคารกันหน่อย สำหรับโครงการ Segment นี้ส่วนใหญ่จะมีการออกแบบที่ค่อนข้าง Unique และสร้างความแตกต่างของโครงการตัวเองกันอยู่แล้ว ซึ่ง The Strand ทองหล่อ มาใน Style ที่เรียกว่า Timeless หรือบางคนก็เรียกว่า Minimal Luxury ความสวยงามแบบนี้จะไม่หวือหวา ไม่ฉูดฉาด แต่เน้นเป็นความสวยแบบยาวนานแทนด้วยความเรียบง่าย แต่จุดเด่นก็คงจะไม่พ้นโครงสร้างกรอบอาคารที่เลือกเป็น Curtain Wall หรือกระจกทั้งอาคารและเป็นกระจกที่รับน้ำหนักของตัวเองอีกด้วย

ซึ่งกระจกชนิดนี้ราคาสูงมากจริงๆ แต่แลกมากับความสวยงาม รวมไปถึงยังสามารถกันแสง+กันแสงได้พอสมควรด้วย เพราะโครงการเลือกใช้เป็นกระจก Insulated แบบ Triple Layers มี Air Gap ตรงกลางด้วยค่ะ

ในชั้น 1 ที่เราติดข้างไว้เรื่องการจัดการความเป็นส่วนตัว กับรูปแบบโครงการที่มี Commercial อยู่ชั้นล่าง สิ่งที่โครงการออกแบบคือการแยกโซนลูกบ้านออกมาชัดเจนตั้งแต่การเข้า-ออกเลย ซึ่งลูกบ้านจะเข้า-ออกได้ 2 ทางคือจากซอยทองหล่อ และซอยสุขุมวิท 57 (โดยซอยนี้ Visitor เข้า-ออกไม่ได้) และมี Lobby แยกส่วนกับ Visitor โดยตรง มีการแยกโถงลิฟต์โดยสารที่ต้องสแกนบัตรผ่านก่อนเท่านั้น

ส่วนเรื่องการจอดรถ สำหรับโครงการนี้ที่เป็น Auto parking ทั้งหมดจะมีลิฟต์รถให้ 3 ตัว ส่วน Visitor มีที่จอดรถแยกออกไปโดยทางเซลล์บอกว่าสำรองไว้ให้ประมาณ 10 ช่องจอด ส่วนตัวคิดว่าน้อยอยู่นะคะ แต่พอเข้าใจได้ว่าที่ดินราคาสูงจะให้จัดที่จอดรถเยอะก็คงไม่ไหว

มาดู Perspective บริเวณด้านหน้าทางเข้าจะมี Set Back จากถนนถึงตัวอาคารพอสมควร ซึ่งในส่วนนี้ทางโครงการจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่น + สนามหญ้าแบบ Outdoor เรียกว่า The Strand Park

มุมมองด้านบนจะเป็นรูปแบบประมาณนี้ใน Perspective นะคะ การเปิดด้านหน้าโครงการแบบโล่ง ทำให้บรรยากาศโครงการดูโอ่โถงมากขึ้นได้นะ

อีกมุมหนึ่งในส่วน Commercial Area

บรรยากาศส่วน Residences Lobby

ขึ้นมาชั้น 6 ชั้นนี้เป็นชั้นเริ่มต้นห้องพักอาศัยนะคะ แต่ก็มีพื้นที่ส่วนกลางแทรกมาด้วยคือ ส่วน Play Area และ Tutor Room เรียกว่าเป็นพื้นที่สำหรับให้เด็กๆ ลงมาเล่นหรือมานั่งทำการบ้าน รวมสังคมเด็กๆ และผู้ปกครอง รวมไปถึงห้องพักอาศัยในชั้น 6 ก็มีวิวสวนของตัวเองด้วย แต่จะพูดว่าของตัวเองก็ไม่ใช่ทีเดียว เพราะจริงๆ สวนนี้เป็นสวนส่วนกลางที่ทางโครงการจะเป็นผู้ดูแล เพียงแต่เราเห็นว่าขนาดสวนประมาณนี้ลูกบ้านคนอื่นๆ คงไม่ลงไปเดินสวนนี้เท่าไรนัก ดังนั้นลูกบ้านชั้นนี้ก็น่าจะได้ Benefit เรื่องพื้นที่สีเขียวหน้าบ้านไปเต็มๆ อยู่ค่ะ

บรรยากาศภายใน Play Area ที่แบ่งโซนเป็นโซน Tutor Room และมุมเด็กเล่น

Image 1/3
130-copy1

130-copy1

ชั้น Typical Floor Plan มีจำนวนยูนิตสูงสุดเพียง 9 ยูนิตเท่านั้น และได้ Single Corridor ห้องที่หันหน้าเข้าหาลิฟต์โดยตรงจะมีประตูหลบให้เพื่อได้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น สำหรับส่วนผังสิ่งที่เรา Concern เล็กน้อยคือเรื่องของการระบายอากาศ ด้วยความที่ Core Lift อยู่ตรงกลาง ไม่ได้แยกโซนโถงลิฟต์ออกมา เลยไม่มีหน้าต่างบริเวณโถง

ส่วนความหนาแน่นของอัตราส่วนลิฟต์ถือว่าน้อยมาก ตามราคาที่จ่ายนะคะ อยู่ที่ 66 : 1

ชั้น 27 และชั้นลอย ทั้งหมดคือโซน Facilities ของโครงการ โดยหลักๆ แบ่งออกเป็น 2 โซนคือ Outdoor และ Indoor ส่วน Outdoor Highlight คือสระว่ายน้ำยาว 25 ม. (ความยาว Half Olympic) หันไปทางซอยทองหล่อ ก็จะเป็นวิวมุมสูงที่ได้วิวโซนพร้อมพงษ์ ตอนกลางคืนน่าจะสวยเลยค่ะ และนอกจากนี้โซน Outdoor ก็มีมุม Terrace ให้มานั่งเล่นรับวิวรับลมได้

ส่วน Indoor มี Lounge และชั้นบนเป็นโซนฟิตเนสทั้งหมด แบ่งเป็น Active กับ Studio ไว้รองรับการเล่นโยคะ หรือนั่งสมาธิต่างๆ ก็ได้เช่นกัน

มุม Perspective ด้านบนส่วน Facilities โครงการมีชั้น 27 และชั้นดาดฟ้า

บรรยากาศภายใน Lounge ชั้น 27 เน้นรับวิวฝั่งทิศตะวันตกหันไปทางเอกมัย-พระโขนง

บรรยากาศภายในห้อง Fitness ชั้น 27A เป็นวิวเดียวกับห้อง Lounge เลยค่ะ

ปิดท้ายด้วยโซน Business Lounge ไว้ให้ลูกบ้านมานั่งพูดคุยเรื่องธุรกิจ หรือนั่งทำงานพร้อมชมวิวมุมสูง

ชั้น 28-30 เป็นชั้น Penthouse ตกชั้นละ 2 ยูนิตนะคะ

ปิดท้ายด้วยชั้นดาดฟ้า ซึ่งหลักๆ ฟังก์ชันเป็นสนามหญ้าแต่มีการจัดให้เกิดการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น มีมุม Putting Green / มุมนั่งเล่นและเดินเล่นชมวิวมุมสูงกันได้เต็มที่

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1

  • Residential Lobby

  • ชั้น 6
    • Play Room
    • Tutor Room

  • ชั้น  27 + ชั้นดาดฟ้า
    • The Living Room
    • Swimming Pool ระบบ เกลือ ขนาด 25 x 5 ม.
    • Putting Green
    • Fitness
    • Meditation Studio
    • Changing Room
    • Sauna Room
    • Rooftop Terrace

  • ลิฟต์โดยสาร 3 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 66 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถ Auto Parking 204 คัน คิดเป็น 103%
  • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ  CCTV / Key Card / Finger Scan
  •  

    แบบห้อง

    แบบห้องที่นี่จะมีให้เลือกทั้งหมดตั้งแต่ขนาด 1 Bedroom 48.10 ตร.ม. ไปจนถึง Penthouse 184.20 ตร.ม. โดยรวมแล้วจะเป็นห้องขนาดใหญ่อยู่สบายนะคะ ก็เป็นไปตามระดับโครงการ Super Luxury ที่กลุ่มคนซื้อต้องการพื้นที่ที่ขนาดอยู่สบายๆ อยู่แล้วนะคะ แต่ที่เราสังเกตเรื่องแปลนของโครงการนี้คือห้องพักอาศัยที่นี่ทำเป็นครัวเปิดทั้งหมดเลย

    สังเกตจากรูปที่เราเรียงมาให้นะคะ (อันนี้เราแค่ยกตัวอย่างแปลนมาให้ดู ยังมีอีกหลายแบบแปลนเลยที่ไม่ได้รวมมาลงในรูปด้านบน) แต่ว่า ทุกแปลนจะได้เป็นครัวเปิดทั้งหมดเลย ซึ่งจุดเด่นที่เราคิดว่าน่าจะเป็น Concept การออกแบบของโครงการนี้คือ ต้องการให้พื้นที่โถงกลาง หรือ Common Area ดูกว้างและโปร่ง ซึ่งถ้าเห็นห้องตัวอย่างจะเข้าใจว่าสอดคล้องกับบรรยากาศในห้องอยู่นะ เพราะสิ่งที่ได้มาอย่างกระจกสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 3 ม. กับพื้นที่ Common ที่โปร่งโล่ง ส่งเสริมกันให้ได้บรรยากาศที่ไม่เหมือนอยู่คอนโดมากนักแต่เหมือนอยู่บ้านที่มีพื้นที่โล่งมากกว่า ถ้าไปดูห้องตัวอย่างขนาด 90 ตร.ม. จะเห็นได้ชัดเลยค่ะ

    แต่เราต้องบอกก่อนว่าครัวเปิด มีทั้งเหมาะ/ไม่เหมาะ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน คนที่ไม่เหมาะก็คงจะเป็นคนที่ชอบทำอาหารเอง แต่เป็นอาหารที่จริงจัง ทอด ผัด ซึ่งเทียบกันแล้วแบบนี้กลิ่นสามารถฟุ้งทั่วห้องได้ มากกว่า รูปแบบครัวปิด

    ในขณะที่ห้องรูปแบบครัวเปิด หลายคนชอบ เพราะบรรยากาศโปร่งโล่งนี่แหละค่ะ ทำให้พื้นที่ใช้สอยขนาดเท่าๆ กัน แต่ความรู้สึกจะโปร่งมากกว่า

    ห้องที่เราเข้าไปถ่ายมาให้ดูจะมี 2 ห้อง เริ่มจาก 1 Bedroom 55 ตร.ม. สังเกตว่าห้องจะแบ่งเป็น 50% พื้นที่โถงกลาง 50% เป็นห้องนอน ส่วนตัวแล้วเราชอบที่ได้ห้องนอนขนาดใหญ่ ซึ่งคนที่ใช้เวลาในห้องนอนเป็นส่วนใหญ่น่าจะชอบนะคะ และได้ห้องน้ำในห้องนอนเลย เวลาใช้งานก็สะดวกดี

    ส่วนโถงกลาง (Common Area) ส่วนนี้มีพื้นที่ครัว และพื้นที่นั่งเล่นเชื่อมกัน บริเวณพื้นที่นั่งเล่นจะติดกับชุดหน้าต่าง ที่สูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลย เปิดรับวิวเต็มๆ ค่ะ

    อีก Highlight หนึ่งของห้องพักโครงการนี้คือทุกห้องน้ำของ Master Bedroom จะเป็นรูปแบบ Sexy Bath คือมีกระจกมองเห็นภายในได้บริเวณอ่างอาบน้ำ ซึ่งข้อดีก็คือ แสงธรรมชาติจากส่วนห้องนอนเข้ามาถึงภายในห้องน้ำได้ บางวันอยากชมวิวและนอนแช่อ่างก็ได้บรรยากาศอีกแบบ แต่ถ้าหากต้องการความเป็นส่วนตัวในบางวัน แนะนำให้ติดมูลี่เพิ่มเติมนะคะ

    ภายในห้องตรงนี้ค่อนข้างโปร่งเลย ฝ้าเพดานสูงสุดอยู่ที่ 3 ม. แต่ตรงครัวมี Drop ฝ้าลงมาอีกหน่อย เพราะต้องเดินงานระบบ และแอร์เป็นแบบ Conceal

    ฟังก์ชันภายในก็จะเริ่มจากครัว เชื่อมไปส่วนพื้นที่นั่งเล่นริมหน้าต่างค่ะ

    ก่อนเข้าไปดูในห้อง บริเวณด้านหน้าก็จะมีระบบเรื่องความปลอดภัย ความสะดวก อย่างระบบ Home Automation เตรียมไว้ให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็น Digital Door Lock จาก Samsung / Home Automation ที่สามารถสั่งงานผ่าน Application Smart Phone เช่น แสงสว่างดวงโคม / เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ส่วนอื่นๆ เช่น เปิด/ปิดม่านไฟฟ้า สามารถขอติดตั้งเองเพิ่มเติมได้ (แต่จะไม่ได้อยู่ในรายการที่ทางโครงการติดตั้งให้เป็นมาตรฐาน)

    เคาน์เตอร์ครัวของที่นี่ออกแบบเป็นโทนสีขาวสะอาดตาทั้งชุดเลยนะคะ โดยเราจะได้แบบนี้ทั้งชุดเป็นมาตรฐานเลย สิ่งที่เราชอบคือส่วน Top เคาน์เตอร์ + Back Splash ที่ทางโครงการให้มาเป็น Ceasarstone คือเป็นหินที่มีผสมหิน Qaurtz อยู่ 93% ความแกร่งระดับ 7 (เทียบกับเพชรระดับ 10) ซึ่งพูดง่ายๆ ว่ามีความคงทนแข็งแรง ไม่เป็นรอยขีดข่วนจากการใช้มีดหรือของมีคมทำอาหาร รวมไปถึงเป็น Food Grade ด้วย

    ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ได้มาพร้อมกับชุดครัวเลยอย่าง Sink จาก Franke Hob & Hood จาก Gaggenau Microwave & Oven จาก Siemens และ ตู้เย็น Built-in

    ถัดมาก่อนจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นจะมีบริเวณให้วางโต๊ะรับประทานอาหาร สำหรับ 4 ที่นั่งกำลังดีนะคะ

    ส่วนนั่งเล่นบริเวณนี้จะได้ขนาดกว้างขวางเลย วาง Sofa Bed ได้ หรือโซฟาแบบ 3 ที่นั่ง ส่วนหน้าต่างของทั้งโครงการนี้จะเป็นกระจก 3 Layers โดยมี 2 Layers แรกประกบกัน คั่นกลางด้วย Air Gap และมีอีก Layer นึงทับ ข้อดีคือเรื่องของการกันเสียง กันแดดได้ดีเลย

    เข้ามาในห้องนอนขนาดพื้นที่ส่วนนี้รองรับเตียงใหญ่กว่า 6 ฟุตได้เลยนะคะ อย่างในห้องตัวอย่างเตียงก็เป็นขนาดที่ใหญ่กว่า 6 ฟุตทั่วไป เราลองถามเซลล์โครงการเค้าเรียกว่า American King Size ซึ่งพอวางไซส์นี้แล้วยังมีพื้นที่ด้านข้างให้เดินง่าย วางโต๊ะข้างหัวเตียงได้อีก 2 ฝั่งเหลือๆ เลย

    จุด Highlight อีกจุดของโครงการนี้คือทุกห้อง Master Bedroom จะติดตั้งระบบที่ชื่อว่า ERV (Energy Recovery Ventilator) ซึ่งถ้าจำไม่ผิดจำได้ว่าน่าจะเป็นระบบเดียวกับโครงการของ MQDC ก็ดึงเอามาใช้เหมือนกันนะคะ

    ส่วนหลักการการใช้งานของระบบนี้เราลองไป Search หาข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว คือ ERV นี้จะทำหน้าที่หลักๆ คือ

    แลกเปลี่ยนอากาศ (ความร้อน+ความชื้น) ภายในออกไปภายนอก ทำให้อากาศเกิดความสมดุลภายใน และเมื่อดึงอากาศจากภายนอกเข้ามาภายในก็จะมีการกรองอากาศก่อนด้วย ทำให้อากาศภายในสะอาดมากขึ้นด้วย

    ถัดมาเป็นส่วนระเบียงซึ่งตรงนี้จะได้ความยาวเต็มความกว้างของห้องนอนนะคะ เพราะส่วนที่เป็น CDU แอร์ ถูกยกขึ้นไปวางที่ฝ้าเพดานด้านบนแล้วนั่นเองค่ะ และก็จะมีประตูเล็กที่เชื่อมมาจากห้องนั่งเล่นค่ะ ดังนั้นการใช้งานของระเบียงหลักๆ คือเข้าจากห้องนอน และถ้าหากจะเข้าจากห้องนั่งเล่นก็ได้เช่นกัน

    ลักษณะของแอร์ที่นี่จะเป็นแบบ Conceal Type ทั้งหมดนะคะ เพื่อให้ดูเรียบร้อยสวยงาม และเดี๋ยวเราไปดูฝั่งในห้องน้ำกันต่อ

    ที่เราบอกไปช่วงแปลนห้องว่าทุก Master Bedroom ของทุกแปลนจะได้ Sexy Bath เป็นกระจกเข้ามุมแบบนี้เลยค่ะ

    ก่อนเข้าห้องน้ำจะมีทางเดินซึ่งด้านข้างจะได้เป็นชุดตู้เสื้อผ้า Built-in บานเลื่อน ซึ่งเป็นชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการสั่ง Custom Design เอง

    ภายในห้องน้ำจัดมาให้มี 3 ฟังก์ชันการใช้งานหลักๆ นะคะ คือโซนโถสุขภัณฑ์+อ่างล้างมือ โซน Shower และโซนอ่างอาบน้ำ ซึ่งส่วนเปียกและแห้งจะกั้นด้วยฉากกั้นกระจกที่สูงถึงฝ้าเพดานเลย

    สิ่งที่เราชอบคือการตกแต่งโทนสว่างดูสะอาดตาและมีการเล่นแสงไฟแบบ Indirect light บริเวณด้านบนกระจกเงาด้วย

    เรามาดูที่โซนแรกกันก่อนนะคะ สำหรับอ่างล้างมือและเคาน์เตอร์โครงการเลือกใช้เป็น Solid Surface ดูเป็นแผ่นผืนเดียวกัน มีพื้นที่ไว้สำหรับวางของได้ และสังเกตตรงด้านหลังของโถสุขภัณฑ์เค้าจะเก็บพวก Service ต่างๆ ของโถสุขภัณฑ์ไว้ให้ดูเรียบร้อย

    ส่วนยี่ห้อสุขภัณฑ์จาก TOTO รุ่น Neorest

    ส่วนเปียกแยกออกเป็น Shower และอ่างอาบน้ำ ซึ่งมุม Shower จะลดระดับพื้นลงอีกนิดหน่อยและแยกจุด Drain น้ำออกเป็นสัดส่วนเลย ซึ่งพื้นที่อาบน้ำจะค่อนข้างกะทัดรัดหน่อยนะคะ ตรงนี้เน้นไปที่พื้นที่อ่างอาบน้ำที่ได้ขนาดใหญ่มากขึ้นเป็น Size ที่คุณผู้หญิงนอนอาบได้สบายๆ เลย

    มุมจากส่วนอ่างอาบน้ำมองออกไปยังด้านนอก ก็จะพอได้วิวภายนอกบางส่วนจากระเบียงห้องนอน แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถติดตั้งมูลี่เพิ่มได้นะคะ หรือเดี๋ยวนี้กระจกก็มีนวัตกรรมใหม่ที่สามารถเปิด/ปิด แบบฝ้าได้ด้วย อันนี้สามารถเปลี่ยนเองได้ภายหลังนะคะ

    ถัดมาอีกห้องตัวอย่างคือ 2 Bedroom ขนาด 90 ตร.ม. สังเกตว่าห้องนี้ให้ความสำคัญกับพื้นที่โถงกลางค่อนข้างมากเลย ไม่ว่าจะเป็นความใหญ่ของพื้นที่และยังอยู่ในตำแหน่งมุมอาคารที่ได้วิวจากทั้ง 2 ฝั่งอีกด้วยนะคะ ส่วนห้องนอนเล็กจะอยู่ด้านข้างของโถงกลาง และได้ระเบียงส่วนตัวพร้อมกับทางเข้าห้องน้ำกลางด้วย ซึ่งถ้าดูแล้วจริงๆ ก็ไม่ต่างกับ Master Bedroom เลยนะคะ เพียงแต่ห้องน้ำจะไม่ได้เป็น Sexy Bath เท่านั้นเอง

    ส่วนห้องนอนใหญ่หรือ Master Bedroom นั้นอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ครัว เป็นลักษณะห้องจะเป็น Size ยาวตามความกว้างของห้อง มุมเตียงนอนมีพื้นที่ว่างจัดให้เป็นมุมนั่งเล่นได้อีกหน่อยด้วยค่ะ

    เข้ามาภายในห้องจะเห็นพื้นที่โล่งแบบนี้เลยนะคะ ซึ่งมุมนี้แหละที่เป็นมุมโถงกลาง

    ซึ่งบริเวณเคาน์เตอร์ครัวได้สเป็คเดียวกับห้อง 1 Bedroom แต่มี Option เสริมพิเศษขึ้นมาอย่าง Sink ได้เป็น 2 หลุม เตาไฟฟ้า 4 หัวเตา และ Island เพิ่มขึ้นมา ซึ่ง Island นี้นอกจากเป็นพื้นที่จัดเตรียมอาหารแล้วก็สามารถจัดเป็น Breakfast Counter ได้ด้วย

    สำหรับพื้นที่โถงกลางหลายๆ คนอาจจะคิดว่าความโปร่งและกว้างแบบนี้ไม่ Waste Space หรอ? ซึ่งถ้าพูดในเรื่องของพื้นที่กับการนำมาใช้งานแล้วก็คงตอบว่าใช่นะคะ แต่มองอีกมุมมองหนึ่งด้วย คือ ความหรูหราของโครงการระดับนี้บางทีแค่วัสดุ หรือหน้าตาอาคารที่ Represent เรื่องความหรูหรา แต่ขนาดพื้นที่ที่กว้างขวาง ดูโปร่ง ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่กลุ่มผู้ซื้อระดับ Hi-End มองหาเช่นกัน

    บรรยากาศส่วนนี้เราเข้าไปดูจริงเลยสามารถบอกความรู้สึกได้ว่าเป็น Feeling บ้าน มากกว่าความเป็นคอนโด และเราคิดว่าถ้าเป็นตึกเสร็จแล้ว ห้องนี้ที่ได้วิวจากทั้ง 2 ฝั่งแบบเต็มที่จะช่วยส่งเสริมให้บรรยากาศห้องนี้ดูโปร่งมากขึ้นไปอีกเยอะเลย

    มาเจาะรายโซนโถงกลางอีกหน่อย พื้นที่นี้สามารถจัดเป็นโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4-6 ที่นั่งได้กำลังดีเลย

    ส่วนมุมติดหน้าต่างเป็นพื้นที่นั่งเล่นขนาดใหญ่เลย อย่างในห้องตัวอย่างเลือกวางชุดเฟอร์นิเจอร์ Size ใหญ่แล้วยังได้พื้นที่ด้านข้างสบายๆ นะคะ

    ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นทางเข้าห้องน้ำและห้องนอนเล็กเรียงจากซ้ายมือมาขวามือตามลำดับค่ะ

    ในส่วนห้องนอนเล็ก จริงๆ แล้วสามารถวางเตียงขนาด King Size ได้เลยนะคะ และด้านข้างมี Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อนไว้ให้เป็นมาตรฐานด้วย

    ภายในห้องนอนมีประตูเชื่อมเข้าห้องน้ำตรงกลางให้เราสามารถเข้าจากห้องนอนเล็กได้เลย

    สำหรับห้องน้ำกลางนี้ Spec ต่างๆ ก็จะไม่ต่างกับในห้องน้ำของห้องนอนใหญ่เลย สิ่งที่ต่างคือไม่ได้เป็น Sexy Bath เท่านั้นเองค่ะ

    ประตูห้องน้ำนี้นอกจากจะเข้าได้จากห้องนอนเล็กแล้วก็สามารถเข้าจากตรงโถงกลางได้ด้วยนะคะ

    เข้ามาภายในห้องนอนใหญ่ เมื่อเปิดประตูมาเราจะเห็น Sexy Bath ก่อนเลย และค่อยเชื่อมไปยังส่วนเตียงนอน

    พื้นที่เตียงนอนนี้มีขนาดความยาวโอเคเลยนะคะ สามารถจัดเตียง 5-6 ฟุต และมีพื้นที่รอบเตียงที่สามารถวางโต๊ะข้างหัวเตียงได้สบายๆ แต่ถ้าพูดถึงความกว้างแล้วห้องนอนเล็กจะกว้างกว่าหน่อยนะคะ

    สำหรับห้องนอนใหญ่จะมีพื้นที่มุมหน้าต่างให้เราจัดเป็นฟังก์ชันเล็กๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโซฟา หรือโต๊ะทำงาน

    กลับมาที่ส่วนห้องน้ำในห้องนอนใหญ่กันต่อนะคะ ก่อนเข้าสู่ห้องน้ำจะเป็นมุมของ Walk-in Closet ที่ได้ตู้เสื้อผ้า Built-in เป็นรูปตัว L

    เข้ามาภายในแบ่งโซนเป็นโซนเปียกและแห้งเป็นสัดส่วน สำหรับ Size ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ของแปลนนี้จะกว้างกว่าแบบห้องที่แล้วตามขนาดของพื้นที่ใช้สอยรวม แต่ Spec ที่ได้จะเป็นแบบเดียวกันเลยค่ะ

    ระหว่างโซนเปียกและแห้งคั่นกลางด้วยฉากกั้นกระจก เข้าไปเป็นโซน Shower ก่อนและ Bath tub จะอยู่ด้านในสุดติดกับมุมกระจกของห้องน้ำ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคา

    14 February 2020

    • ราคาห้องเริ่มต้น 17.5 ล้านบาท (1 Bedroom 48.10 ตร.ม.) / หรือตร.ม.ละ 364,583 บาท
    • ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการประมาณ 365,000 บาท/ตร.ม.

    • รูปแบบการขาย Fully Fitted
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 3 เมตร
    • Kitchen & Sink ของยี่ห้อ Franke และ Siemens / ท็อปเคาน์เตอร์ Caesarstone (Quartz 93%)
    • Hob & Hood / ของยี่ห้อ Gaggenau
    • ERV Circulation System with CO2 Tracker
    • จอง 200,000  บาท
    • ทำสัญญา 10% บาท
    • ดาวน์ 20% ผ่อนดาวน์ 35 งวด
    • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง n/a บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ

    บทสรุป

    สำหรับบทสรุปของ Walk-in รีวิว (Product ที่ทางทีมเรา Walk-in เข้าไปดูกันเอง) จะขอเขียนเป็นภาพรวมและความคิดเห็นของเราที่เป็นนักเขียนโดยตรงเลยนะคะ Template อาจจะต่างจากรีวิวทั่วไปเล็กน้อย

    มุมมองเรากับโครงการ The Strand ทองหล่อ ซึ่งเป็นโครงการระดับ Super Luxury ราคาต่อตารางเมตรเฉลี่ย (ที่เราถามมา) อยู่ที่ 365,000 บาท/ตร.ม. ในละแวกทองหล่อที่อยู่ระดับเดียวกัน The Strand ทองหล่อเป็นโครงการที่อยู่ทำเลต้นซอยทองหล่อมากที่สุด การเข้า-ออกได้ทั้งจากซอยทองหล่อ-สุขุมวิท 57 และจะเข้าสุขุมวิทก็ไม่ยากด้วย และเอาจริงๆ แล้วหาแปลงที่ดินรวบมาเป็นที่ดินคอนโด High Rise แบบนี้ได้ยากมากๆ นะคะ ดังนั้นเรื่องทำเลที่ตั้งของโครงการนี้ถือเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ

    หลายคนอาจจะคิดว่าแล้วถ้าเทียบกับคอนโดที่อยู่ในโซนทองหล่อแต่อยู่ติดกับถนนสุขุมวิทไปเลยจะสะดวกในการเดินทางมากกว่าไหม? ในความจริงแล้วต้องลองถามตัวเองดูว่าเน้นขับรถไปสุขุมวิทเป็นหลัก หรือเน้นการกินอยู่ในซอยทองหล่อ ชอบไลฟ์สไตล์ในซอยทองหล่อมากกว่า เพราะทำเลโครงการนี้เราว่าเหมาะกับคนที่ไลฟ์สไตล์ใช้ชีวิตในซอยทองหล่อด้วยนะ ลองเทียบการเดินทางสำหรับคอนโดติดสุขุมวิทใกล้ทองหล่อก็จริงแต่กว่าจะกลับรถบวกกับรถติดอีกบางทีก็ไม่ได้สะดวกเท่ากับคอนโดในซอยเลย

    ส่วนรูปแบบโครงการนี้เป็นแบบ Mixed Use หมายถึงไม่ได้เป็นคอนโดส่วน Residential เท่านั้นแต่ชั้นล่างทำเป็นส่วน Commercial ด้วย ซึ่งก็จะเป็นพวกร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ และโซนทำงาน Co-Working ต่างๆ ทำให้รูปแบบโครงการแบบนี้มีจุดที่ต้องพิจารณาคือความเป็นส่วนตัว และความสะดวกสบาย ที่จะต้องมาคิดว่าจะให้น้ำหนักในแง่ไหนมากกว่ากัน เพราะถ้ามองแง่ความเป็นส่วนตัวถ้าเทียบกับโครงการทั่วไป ความเป็นส่วนตัวอาจจะน้อยกว่า เนื่องจากชั้นล่างคอนโดก็จะมีคนทั่วไปสามารถเข้ามาใช้งานส่วน Commercial ได้ ซึ่งทางโครงการก็ได้มีการออกแบบอาคารแยกโซน Residential ไว้ให้เป็นสัดส่วนเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวมากขึ้นแล้ว ถ้าใครที่ไม่ได้ซีเรียสในเรื่องความเป็นส่วนตัวสุดๆ นี้ เรามองว่ามัน Trade off กับความสะดวกสบายที่หลายโครงการไม่มี คือการมีร้านอาหาร บาร์ หรือพื้นที่คุยงานด้านล่างโครงการเราเองเลย ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่หลายๆ คนเหมือนกันนะ

    และหัวข้อสุดท้ายที่เราอยากพูดถึงคือแปลนห้องพักอาศัยของโครงการนี้ ที่เราสังเกตเห็นเลยคือ แปลนห้องที่นี่แทบจะไม่มีครัวปิดเลย ยกเว้นห้อง Penthouse ขนาด 184 กว่าตร.ม. ที่จะมีครัวไทย (ครัวปิด) เพิ่มมาด้วย ซึ่งการทำเป็น “ครัวเปิด” สิ่งที่แลกมาคือพื้นที่โถงกลางที่โปร่งโล่งเป็นพิเศษ ที่บอกว่าเป็นพิเศษเพราะแม้ห้องไซส์ใหญ่ 2 Bedroom 90 ตร.ม. ที่ซึ่งสามารถจัดพื้นที่เป็นครัวปิดได้ หรือแม้แต่ทำเป็น 3 Bedroom ได้ก็ยังจัดให้เป็นครัวเปิด และ 2 ห้องนอน เพื่อให้พื้นที่โถงกลางกว้างขวาง โปร่งโล่ง ซึ่งส่วนตัวเรารู้สึกได้บรรยากาศเหมือนบ้าน แต่ก็ต้องยอมรับว่าสิ่งที่ลดทอนลงไปก็คือจำนวนห้องและฟังก์ชันการใช้งานนะคะ

    Judgement

    ราคาของคอนโดนี้ถือเป็นระดับ SUPER LUXURY CLASS ซึ่งความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อ ความคุ้มค่าด้านอารมณ์คือปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะคะ เพราะมีตัวเปรียบเทียบน้อย เนื่องจากเป็นสินค้าประเภท Unique เสียส่วนใหญ่

    BOTTOM LINE

    The Strand ทองหล่อ เหมาะกับคนที่มองหาคอนโด “ในซอยทองหล่อ” ชอบสไตล์โครงการ และรูปแบบโครงการที่เป็น Mixed Use ด้านล่างคอนโดมีร้านค้า ร้านอาหาร ไม่ได้ซีเรียสความเป็นส่วนตัวจ๋า แต่ต้องการความสะดวกสบายในการกินอยู่ เลือกโครงการเพราะที่ตั้งที่มีความ Uniqe หายาก เรียกว่าต้นซอยทองหล่อแท้จริง ซึ่งส่งผลถึงราคาที่ดินในอนาคต หรือมองความสะดวกการเดินทางสำรองอย่าง BTS 


    ติดตามพวกเราได้ที่
    Website : www.thinkofliving.com
    Twitter : www.twitter.com/thinkofliving
    YouTube : www.youtube.com/ThinkofLiving
    Instagram : www.instagram.com/thinkofliving
    Facebook : ThinkofLiving