รีวิวโครงการ

Sindhorn Village โครงการ Mixed Use ขนาดใหญ่บนพื้นที่ 56 ไร่ บนทำเลย่านหลังสวน จาก สยามสินธร [Walk-in Review]

17 กันยายน 2020

อ่านรีวิวล่าสุด

รีวิวฉบับที่ 1874 … The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok ถือเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ Sindhorn Village โปรเจคใหญ่ย่านหลังสวน ตัวโครงการเป็น คอนโด High Rise 33 ชั้น ที่ได้การรับรองจาก LEED Certification มาตรฐานประหยัดพลังงานและสิ่งแวดล้อม หรือ Green Building โครงการนี้ขายแบบ Leasehold สัญญาเช่า 30 + 30 ปี และมีพ่วงบริการ Hotel Service มาให้ด้วย โดยการบริหารจาก Kempinski แบรนด์โรงแรมชั้นนำระดับโลก โครงการจะเป็นยังไงเราไปชมกันค่ะ

Fact @ 28 May 2019

  • The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok ( เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท สินธร เคมปินสกี้  โฮเทล แบงค็อก)
  • Siam Sindhorn Co.,Ltd.
  • SUPER LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่: ถนนหลังสวน ลุมพินี
  • ที่ดินประมาณ  3 – 3 -57 ไร่
  • คอนโด High Rise 33 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 231 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 10 ยูนิต อยู่ที่ชั้น 3 – 12
  • ที่จอดรถประมาณ 495 คัน คิดเป็น 200% (ของจำนวนยูนิต)
  • เริ่มก่อสร้าง :  n/a
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ไตรมาส 1 ปี 2563
  • Studio 52.00 ตร.ม.
  • 1 Bedroom (+1 Room) 98.00 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 139.00 –  158.00 ตร.ม.
  • 3 Bedrooms 215.00 – 339.00 ตร.ม.
  • 4 Bedrooms 356.00 – 510.00 ตร.ม.
  • ราคาเริ่มต้นประมาณ 218,000 บาท/ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 3.00 – 3.85 เมตร
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่ 
  • โทร  : 02-650-9899

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด Google Maps : 13.735994, 100.543074
หรือสามารถ :  คลิกที่นี่

แผนที่จากทางโครงการค่ะ


ที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนหลังสวนช่วงท้ายซอย มีทางเข้า-ออกได้ 2 ทางจากทั้งถนนหลังสวน และซอยต้นสน ที่ตั้งอยู่ฝั่งที่ใกล้กับถนนสารสิน เข้าไปจากถนนเพลินจิตประมาณ 870 เมตร เมื่อมาจากทางถนนหลังสวนโครงการจะอยู่ทางด้านซ้ายมือ ซึ่งเป็นซอยที่เป็นถนน One Way มุ่งหน้าไปถนนสารสิน อาคารส่วนใหญ่เป็นที่พักอาศัย เช่น คอนโดมิเนียม โรงแรม และร้านอาหารประเภทอาหารอิตาลี คาเฟ่ อยู่หลายแห่ง บรรยากาศภายในซอยเงียบสงบไม่วุ่นวาย แต่ก็มีการจราจรผ่านไปมาอยู่ตลอดทั้งวัน

สำหรับซอยต้นสนเดิมทีเป็นถนนซอยเล็กๆ เดินรถแบบ 2 Way ทางต้นซอยเชื่อมกับถนนเพลินจิต ด้านหลังเป็นซอยตันไม่ทะลุผ่านซอยสารสินทางด้านหลังจึงไม่ใช่ถนนเส้นหลักที่มีรถผ่านเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับถนนวิทยุ หรือถนนหลังสวนถัดมาในปัจจุบันบรรยากาศก็ยังคงเงียบสงบเช่นเดิม ที่เพิ่มเติมคือซอยต้นสนจะไม่ได้เป็นซอยตันอีกต่อไป เพราะทางกทม.เปิดให้ซอยต้นสนสามารถเชื่อมเข้าถนนสารสินด้านหลังได้เช่นเดียวกับถนนหลังสวน เพิ่มศักยภาพในการเดินทางให้กับโครงการมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องไปออกซอยย่อยเพื่อเชื่อมเข้าถนนหลังสวน แล้วไปออกถนนสารสินอีกทีค่ะ ทำให้มีการเดินทางที่สะดวกมากขึ้น โดยสามารถใช้ซอยสารสินไปออกถนนวิทยุและไปยังถนนพระราม 4 ได้ สำหรับบรรยากาศภายในซอยนี้จะค่อนข้างเงียบสงบไม่พลุกพล่าน เหมาะกับการอยู่อาศัย มีต้นไม้ร่มรื่นตลอดทั้งซอย ภายในซอยส่วนใหญ่เป็นอาคารประเภทอพาร์ทเม้นท์ คอนโดมิเนียม สถานทูต โรงเรียน และมีร้านอาหารอยู่บ้างประปราย ถ้าใครที่อยากหาร้านอาหารทานใกล้ๆส่วนใหญ่จะอยู่ที่ถนนหลังสวนและถนนวิทยุค่ะ

สำหรับการเดินทางด้วยรถ ใกล้ๆกับโครงการจะมีทางด่วนคือทางพิเศษเฉลิมมหานครที่สามารถใช้เดินทางออกเมืองขึ้นเหนือไปทางดินแดง หรือลงไปทางบางนาได้ โดยเส้นทางที่จะขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานคร มีดังนี้

  • ทางขึ้นไปยังดินแดง 

  • ด่านพระรามที่สี่ (2) : โดยจากหน้าโครงการเลี้ยวขวาออกมายังซอยสารสิน และเลี้ยวเข้าถนนวิทยุเพื่อมาออกยังถนนพระราม 4 และเลี้ยวซ้ายขึ้นทางด่วนได้เลยค่ะ ระยะทางประมาณ 2.3 กิโลเมตร

  • ทางขึ้นไปยังบางนา
    • ด่านพระรามที่ 4 : เป็นเส้นทางเดียวกับทางขึ้นทางด่วนไปดินแดงด่านพระรามที่สี่ (2) โดยจากหน้าโครงการเลี้ยวขวาออกมายังซอยสารสิน และเลี้ยวเข้าถนนวิทยุเพื่อมาออกยังถนนพระราม 4 จะมีทางเลี้ยวขวาขึ้นทางด่วนได้ค่ะ ระยะทางประมาณ 2.4 กิโลเมตร

    ส่วนเส้นทาง ลงทางพิเศษเฉลิมมหานคร มายังโครงการจากทางดินแดง และบางนา มีดังนี้

    • ทางลงจากดินแดง

    • ทางออกเพลินจิตฝั่งใต้ (ต.1-02) : เมื่อลงทางด่วนออกมาแล้วให้เลี้ยวซ้ายเพื่อวิ่งขนานกับทางด่วนเข้าถนนเพลินจิต ทางนี้สามารถเลี้ยวซ้ายเข้าซอยต้นสนได้เลยค่ะ ระยะทางจากทางลงประมาณ 2.7 กิโลเมตร

  • ทางลงจากบางนา
    • ทางออก 7 ถนนพระราม 4 : เมื่อลงทางด่วนให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระราม 4 แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนวิทยุ เข้าซอยสารสินและเลี้ยวขวาเข้าซอยต้นสนได้เลยค่ะ หรือจะเข้าทางลัดข้างอาคารสินธร (Sindhorn Building) ได้เช่นกัน ระยะทางจากทางลงประมาณ 2.5 กิโลเมตร

    สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถ มีความสะดวกในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าทั้ง 3 เส้น ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ที่สถานีชิดลม อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตร , สายสีลม ที่สถานีราชดำริ สามารถเดินทะลุซอยมหาดเล็กหลวง ไปยังสถานีราชดำริได้ในระยะทางประมาณ 680 เมตร  และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน ที่สถานีสีลม ระยะทางจากโครงการประมาณ 1.15 กิโลเมตร จากโครงการถ้านั่งไปอีก 1 สถานี จะถึงสถานีสยามที่เป็นแหล่ง Shopping ของวัยรุ่นอีกแห่งนึงค่ะ

    ความอุดมสมบูรณ์ในย่านนี้ก็ถือว่าอุดมสมบูรณ์ครบครัน เนื่องจากเป็นย่านธุรกิจ ที่มีทั้งอาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา และสถานทูต ซึ่งความอุดมสมบูรณ์หลักๆของทำเลนี้จะมีตลอดทั้งเส้นตั้งแต่สถานี BTS สยาม ต่อเนื่องมาจนถึงชิดลม และเพลินจิต มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ เช่น Central Embassy ห้างหรูที่รวบรวมแบรนด์ชั้นนำต่างๆไว้มากมาย, Central ชิดลม, Amarin Plaza, Mercury Tower ,Gaysorn Village และ Central Word เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นทั้งโรงแรม หรือสำนักงานที่มีส่วน Shopping อยู่ในตัว

    นอกจากความอุดมสมบูรณ์ที่เป็นแหล่งของกินของใช้แล้ว ทำเลนี้ยังใกล้กับสถานทูตหลากหลายประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ที่ถนนวิทยุ ซึ่งเป็นถนนคู่ขนานกันกับซอยต้นสนนั่นเองค่ะ และที่ตั้งโครงการยังอยู่ใกล้กับสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ทำให้เป็นย่านที่มีความปลอดภัยสูง เงียบสงบ และมีความร่มรื่นอยู่พอสมควร การมีสถานทูตอยู่ในย่านก็เป็นอีกสาเหตุหลักๆที่เรามักจะพบเจอชาวต่างชาติอยู่เป็นประจำ

    ด้านการให้บริการด้านสุขภาพเองในทำเลนี้ก็มีโรงพยาบาล International อยู่ไม่ไกลคือโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ นั่นเอง นอกจากนั้นยังมีโรงพยาบาลตำรวจ และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ที่สามารถเดินทางไปได้สะดวกเช่นกันค่ะ

    ทำเลนี้ยังเป็นแหล่งรวมสถานศึกษาชื่อดังหลายแห่ง เช่น โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, สาธิต ปทุมวันฯ, สาธิต จุฬาฯ , มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร, สาธิต ประสานมิตรฯ และเนื่องจากที่นี่เป็นย่านที่มีชาวต่างชาติมาพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากทำให้มีโรงเรียนนานาชาติมาตั้งอยู่หลายแห่ง เช่น Mulberry House International Pre School , RC International School, Topsy Turvy International School,  Storytime Preschool Bangkok, NIST International School เป็นต้น

    จากโครงการเดินมายังท้ายซอยต้นสนก็จะถึงสวนลุมพินี ซึ่งเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทยตั้งแต่สมัยราชกาลที่ 7  มีพื้นที่ขนาดใหญ่ประมาณ 360 ไร่ เหมือนเป็นปอดใจกลางกรุงเทพฯเลยค่ะ มักจะมีคนมาวิ่ง เดิน ออกกำลังกายภายในสวนอยู่เสมอ

    การเดินทางที่เราจะพาไปวันนี้เริ่มจากสถานีรถไฟฟ้าชิดลม เข้าไปยังถนนหลังสวนประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะเจอกับโครงการทางซ้ายมือค่ะ (ส่วนสำนักงานขายจะตั้งอยู่ก่อนถึงโครงการประมาณ 500 เมตร)

    เริ่มกันที่ BTS สถานีชิดลมนะคะ สถานีชิดลมเป็นสถานีรถไฟฟ้ารหัส E1 บนรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนหรือสายสุขุมวิท ย่านใจกลางเมือง

    พอลงมาด้านล่างจะมีป้ายบอกทางไปยังอาคารสำนักงาน โรงแรม และห้างสรรพสินค้า ซึ่งเราจะออกไปทางออกที่ 4 กันค่ะ

    ทางออก 4 เป็นทางออกที่ใกล้กับซอยต้นสนมากที่สุด อยู่ทางด้านขวามือ มีทางเชื่อมเข้า Mercury Ville ได้เลย ฝั่งตรงข้ามที่ทางออก 5 จะเป็นทางเชื่อมเข้าห้างสรรพสินค้า Central ชิดลม ได้

    เป็นศูนย์การค้าเล็กๆที่ชั้นโพเดียมของอาคาร Mercury Tower ทางที่เราจะไปโครงการบนถนนหลังสวนจะต้องลงด้านล่างเพื่อเดินเลียบถนนไปเรื่อยๆค่ะ

    ถนนหลังสวนเป็นถนนที่เดินรถทางเดียวนะคะ มุ่งหน้าไปยังถนนสารสิน เมื่ออยู่บนสถานีรถไฟฟ้ามองเข้าไปที่ถนนหลังสวนจะเห็นโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยอยู่ตรงหัวมุมเลยค่ะ

    โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัยเป็นโรงเรียนเอกชนคาทอลิกขนาดใหญ่ ที่เป็นโรงเรียนหญิงล้วน แต่มีการเปิดรับเด็กผู้ชายในชั้นอนุบาลจนถึงชั้นประถมปีที่ 2 ค่ะ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีประวัติยาวนาน  พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเคยเข้าศึกษาในระดับอนุบาลด้วยค่ะ

    ต้นซอยหลังสวนจะมีจุดสังเกตที่โดดเด่นนั่นก็คือ Plaza ที่มี Facade สีแดงนั่นก็คือ The Mercury Ville เป็นศูนย์การค้าเล็กๆด้านล่าง Mercury Tower ด้านล่างมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ด้วยค่ะ

    ภายในมีร้านอาหารหลายร้าน มีบุฟเฟต์ชาบูและปิ้งย่าง รวมถึงร้านของหวานให้เลือกชิมค่ะ นอกจากนั้นด้านล่างยังมีร้านสะดวกซื้ออย่าง Lawson 108 ด้วย

    ถัดมาก็เป็นอาคาร Unico House ด้านในเป็นตึกสูงกว่าสิบชั้น และด้านหน้าเป็นตึกสูง 5 ชั้นมีการ Design กรอบอาคารด้านหน้าให้ดูสวยงาม ชั้นล่างมีร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven และร้านตัดเสื้อสูท สามารถจอดรถด้านในได้ค่ะ

    เดินเข้ามาอีกนดก็จะเจอ  Community Mall ที่มีชื่อว่า The Portico ความสูง 5 ชั้นภายในมีร้าน Lemon Farm ขายของ Organic และร้านนั่งชิล The Beer Bridge ช่วงค่ำมักจะเห็นชาวต่างชาติมานั่งทานอาหารดื่มเบียร์กันที่นี่ค่ะ

    ถัดมาอีกหน่อยจะเจอกับร้าน Starbucks สาขาหลังสวน ที่นี่เป็นสาขาที่หลายคนยกให้เป็นสาขาที่สวยที่สุดในประเทศไทยแห่งนึงเลยค่ะ โดยที่นี่ยังเป็น Community Coffee Store (ร้านกาแฟเพื่อชุมชน) แห่งแรกในเอเชียด้วย (โดยจะมอบรายได้ 10 บาทจากการจำหน่ายเครื่องดื่มสตาร์บัคส์ทุกแก้ว ให้แก่ชุมชนชาวไร่กาแฟทางภาคเหนือของประเทศไทย)

    และที่ติดกันเลยก็คือ  Cape House Hotel  ด้านล่างมีร้านอาหารอิตาเลียน ชื่อ No.43 อาหารอร่อยและบริการดีค่ะ หากสั่งเกตดูแล้ในซอยต้นสน ถนนวิทยุ หรือถนนหลังสวนมักจะมีอาหารอิตาเลียนเยอะเลยนะคะ สำหรับคนที่ชอบคงจะทานได้ไม่เบื่อเลย

    เดินเข้าซอยมาประมาณ 500-600 เมตร ก็จะเจอกับสำนักงานขายของโครงการ The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok ค่ะ แต่เดี๋ยวเราจะพาเดินไปดูที่ตั้งโครงการกันต่อนะคะ

    จากสำนักงานขายเราก็สามารถมองเห็นตึกโครงการอยู่ท้ายซอยได้

    ฝั่งตรงข้ามเป็น Mayfair Bangkok – Marriott Executive Apartments ด้านล่างเป็นร้านอาหาร Le Boeuf The Steak & Fries Bistro

    เดินเข้ามาประมาณ 800 เมตรก็จะเจอกับพื้นที่โครงการ Sindhorn Village ประกอบด้วยอาคารใหญ่ๆ 3 อาคาร คือ  Kimpton Hotel Bangkok  , Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok , The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok  คอนโดมิเนียมที่เราพามารีวิวกันนั่นเอง และ Retails ด้านหน้าโครงการที่มีชื่อว่า Velaa Sindhorn Village

    **รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

    สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการส่วนใหญ่เป็นอาคารพักอาศัย บนถนนหลังสวนช่วงต้นส่วนใหญ่จะเป็นโรงแรม High Rise ที่มีชื่อ มีชาวต่างชาติเดินเข้า-ออกค่อนข้างเยอะ ส่วนกลางๆซอยไปจนถึงปลายซอยจะมีความสงบมากขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ ตึกแถว อพาร์ตเมนท์ บนถนนราชดำริมีโรงแรมชื่อดังหลากหลาย เข้าซอยสารสินมาก็จะเป็นอาคารออฟฟิศที่มุมถนน และตึกออฟฟิศ Low Rise ในซอย ส่วนซอยต้นสนบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบและร่มรื่น ส่วนใหญ่เป็นอาคารพักอาศัย High Rise มีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ เช่นที่ดินของสถานทูตอเมริกา และเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น

    • ทิศเหนือ : โรงแรมระดับ 5 ดาวอย่าง Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok และโรงแรม Kimpton Hotel Bangkok ระดับ 5 ดาวเช่นกัน

    • ทิศตะวันออก : ซอยต้นสน กว้าง 2 เลนสวนกันได้ มีแนวต้นไม้ปลูกยาวเลียบคลอง ฝั่งตรงข้ามเป็น ด้านหลังของอาคารสินธร (Sindhorn Building) สูง 16 ชั้น ที่หันหน้าออกถนนวิทยุ ข้ามฝั่งไปเป็นสถานทูตอเมริกาที่เป็นพื้นที่สีเขียวโล่งๆ

    • ทิศใต้ :  ติดกับที่ดินรอการพัฒนาในอนาคต, ถนนสารสิน กว้าง 6 เลน มีเกาะกลางเป็นต้นไม้ใหญ่กั้น มีสวนลุมพินีผืนใหญ่เป็นวิวพื้นที่สีเขียวโล่งทางทิศใต้

    • ทิศตะวันตก : ถนนหลังสวน กว้าง 4 เลน มีต้นไม้ปลูกทั้งสองฝั่ง ช่วงกลางซอย-ปลายซอยเป็นบ้านพักอาศัยแนวราบ ตึกสูงไม่เกิน 8 ชั้นเปิดเป็นร้านอาหาร อพาร์ตเมนท์

    บรรยากาศถนนด้านหน้าโครงการมองไปยังฝั่งทิศเหนือ ทางฝั่งถนนเพลินจิต

    บรรยากาศถนนด้านหน้าโครงการมองไปยังฝั่งทิศใต้ บริเวณถนนสารสินและสวนลุมพินี

    สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

    • ห้างสรรพสินค้า

    • Central ชิดลม 1.0 กิโลเมตร
    • Mercury Tower 1.0  กิโลเมตร
    • Central Embassy 1.2  กิโลเมตร
    • Amarin Plaza 1.2  กิโลเมตร
    • Gaysorn Village 1.4  กิโลเมตร
    • Central Word 1.4  กิโลเมตร

  • โรงแรม
    •  Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok 50  เมตร
    • Kimpton Hotel Bangkok 260  เมตร
    • Mayfair, Bangkok – Marriott Executive Apartments 350  เมตร
    • Centre Point Hotel Chidlom 400  เมตร
    • Hotel Muse Bangkok Langsuan – MGallery 550  เมตร
    • All Seasons Place 1.2 กิโลเมตร

  • สถานศึกษา
    • Mulberry House International Pre School 1.0 กิโลเมตร
    • โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย 1.1 กิโลเมตร
    • RC International School 1.7 กิโลเมตร
    • จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2.8 กิโลเมตร
    • โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา 3.4 กิโลเมตร
    • NIST International School 4.4 กิโลเมตร
    • Topsy Turvy International School 4.5 กิโลเมตร
    • Storytime Preschool Bangkok 4.6 กิโลเมตร
    • มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร 7.0 กิโลเมตร

  • อาคารสำนักงาน
    • Sindhorn Building 50 เมตร
    • Phloen Chit Building 1.1 กิโลเมตร
    • Tonson Tower 1.8 กิโลเมตร
    • The Okura Prestige Bangkok 2.2 กิโลเมตร
    • Gaysorn Tower 2.5 กิโลเมตร


    เจาะลึกตัวโครงการ

    โครงการ  The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok เป็นหนึ่งในอาคารพักอาศัยของ Sindhorn Village โปรเจคใหญ่จากสยามสินธร ได้พัฒนาที่ดินย่านหลังสวน บนเนื้อที่กว่า 56 ไร่ ประกอบด้วยอาคาร Sindhorn Residence คอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว , โรงแรมระดับ 5 ดาว Kimpton Hotel Bangkok ที่แรกใน Southeast Asia และโรงแรมเชนหรูอย่าง Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok ซึ่งทั้ง 2 โรงแรมนี้ได้มีการออกแบบให้ไม่มีห้อง Ballroom สำหรับจัดงานเลี้ยง เนื่องจากคำนึงถึงปริมาณของผู้สัญจรเข้า-ออกโครงการ และอยากคงความสงบเหมาะกับการอยู่อาศัยของบรรยากาศในซอยหลังสวนและซอยต้นสนเอาไว้ค่ะ นอกจากนั้นด้านหน้าติดกับถนนหลังสวนจะมี Retails ที่มีชื่อว่า Velaa เป็นแหล่งรวมร้านค้าร้านอาหาร ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่อยู่อาศัยภายในโครงการ และเพิ่มความอุดมสมบูรณ์แหล่งใหม่ขึ้นภายในถนนหลังสวนด้วยค่ะ

    The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok เป็นโครงการที่ขายแบบ  Leasehold คือ การเช่าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในระยะยาว  สัญญาเช่า 30 ปีและสามารถต่อสัญญาได้อีก 30 ปี รวมเป็น 60 ปี โดยจะต่อสัญญาให้ทีละ 10 ปี ดังนั้นผู้เช่าจะมีระยะเวลาในการเช่าเต็ม 30 ปีตลอดค่ะ และเนื่องจากเป็นการปล่อยเช่าในระยะยาว เจ้าของโครงการจึงได้ออกแบบตัวอาคารให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานเป็น 100 ปี ทำให้มีโครงสร้างที่คงทน ออกแบบพื้นที่ใช้สอยและวัสดุด้วยคุณภาพที่ถือว่าเป็นระดับ Top ของแบรนด์ไฮแอนด์ ในราคาที่เป็น Leasehold เฉลี่ยภายในโครงการอยู่ที่ 250,000 บาท/ตารางเมตร ในขณะที่โครงการ Freehold ในละแวกนี้ราคาสูงถึง 300,000-600,000 บาท/ตารางเมตรไปแล้ว ทำให้โครงการนี้มีจุดเด่นด้านความคุ้มค่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยเองและได้รับวัสดุและโครงสร้างที่ดี มีการบริการระดับโรงแรมจาก Kempinski อีกด้วยค่ะ

    ความเป็นเชนโรงแรมระดับ 5 ดาวชั้นนำระดับโลกของ Kempinski ทำให้ The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok ได้มีการบริการระดับ World Class ที่มีคุณภาพไม่ว่าจะเป็น Concierge Service, การบริการสั่งอาหารจากโรงแรม, บริการสปา, บริการทำความสะอาด และซัก – รีด (เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมบางจุด) ซึ่งนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่าที่ทราบตอนนี้นะคะ ในอนาคตเมื่อโครงการเปิดทั้งหมดเรียบร้อยแล้วอาจจะมีการเพิ่มเติมบริการต่างๆมากขึ้นค่ะ

    โครงการ The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok ก็เป็นอีกหนึ่งคอนโดที่ได้ LEED Certification ซึ่งเป็นมาตรฐาน Green Building จากสหรัฐอเมริกา ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมตั้งแต่ขั้นตอนการก่อสร้างไปจนถึงการใช้งานค่ะ ซึ่งโครงการรุ่นพี่อย่าง  Sindhorn Residence  ได้ไปก่อนแล้ว ตัวอาคารมีความสูงทั้งหมด 33 ชั้น (ชั้น 1 ถึงชั้น 34 ไม่มีชั้นที่ 13 ค่ะ) มีที่จอดรถชั้นใต้ดินทั้งหมด 3 ชั้น จอดได้ 495 คัน (200% ของจำนวนยูนิต) มีที่จอดรถ Fixed ให้เท่ากับจำนวน Bedroom – 1 เช่น ลูกบ้านเป็นเจ้าของห้อง 2 Bedroom จะมีที่จอดรถ Fixed ให้ 1 คัน, เป็นเจ้าของห้อง 3 Bedroom จะมีที่จอด Fixed ให้ 2 คัน เป็นต้น ชั้น 1 จะเป็นพื้นที่ Lobby, Mail Room และพื้นที่สีเขียวด้านหน้าอาคาร ชั้นพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 ซึ่งเป็นชั้นที่มีห้อง Studio ค่ะ ส่วนชั้น 3 – 12 เป็นชั้น Typical Floor เน้นห้องพักแบบ 2 Bedroom มีจำนวน 10 ยูนิตต่อชั้น ชั้น 14 – 26 เป็นห้องขนาดใหญ่ คือ 2 Bedroom และ 3 Bedroom จำนวน 8 ยูนิตต่อชั้น  ชั้น 27 – 29 เป็นห้องแบบ 4 Bedroom ทั้งหมด มีจำนวนไม่เกิน 4 ยูนิตต่อชั้น ชั้น 30 เป็น Facility ส่วนกลาง มีสระว่าน้ำระบบเกลือ, ห้อง Fitness, Yoga, Steam & Sauna, Lounge และ Meeting Room  ชั้น 31 – 33 เป็นชั้นห้อง 3 Bedroom ที่มีจำนวนยูนิต 3 ยูนิตต่อชั้นและมีฝ้าเพดานสูงกว่าชั้นปกติอยู่ที่ประมาณ 3.50 เมตร (ชั้นปกติสูง 3.00 เมตร) ส่วนชั้น 34 เป็นชั้นของห้อง Penthouse ความสูง 3.85 เมตรค่ะ

    มาเริ่มดูกันที่ผังโครงการ ชั้น 1 กันก่อนนะคะ ด้านหน้าอาคารจะหันไปทางซอยต้นสน แต่จะมีทางเข้า-ออก 2 ทาง จากถนนหลังสวน และซอยต้นสน โดยจะมีถนนภายในโครงการเชื่อมทั้ง 2 ฝั่งเข้าด้วยกัน และมี Gate กั้นก่อนเข้าสู่ตัวอาคาร เป็นการรักษาความปลอดภัยให้กับลูกบ้าน เมื่อเข้าซุ้มประตูมาแล้ว จะสามารถวนไป Drop Off ส่งผู้โดยสารเข้าสู่ Lobby ได้เลย และสามารถวนลงไปจอดรถที่ชั้นใต้ดินได้ หรือใครที่ไม่อยากขับรถลงไปหาที่จอดเอง ทางโครงการก็มีบริการ Valet Parking นำรถไปจอดให้ด้วย เมื่อเข้ามาในอาคารแล้วจะเจอกับส่วน Foyer ก่อนแจกไปยัง Lobby ที่อยู่ด้านข้างของอาคารมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ภายใน Lobby มีฝ้าเพดานความสูงประมาณ 7.50 เมตร  เชื่อมต่อกับพื้นที่โถงลิฟต์ ซึ่งที่โครงการนี้จะมีลิฟต์โดยสารให้ทั้งหมด 4 ตัว แบบล็อคชั้น อัตราส่วนลิฟต์ อยู่ที่ 58 : 1 ถือว่าค่อนข้างน้อยทำให้มีความเป็นส่วนตัว และไม่ต้องรอลิฟต์นานค่ะ และนอกจากนั้นยังมีลิฟต์ Service แยกขนาดใหญ่สำหรับขนของมาให้ 1 ตัว และมี Fireman Lift 1 ตัวค่ะ

    ด้านหน้าอาคาร จะหันเข้าสู่ทิศตะวันออก ติดกับซอยต้นสน ซึ่งจะมีถนนแยกเข้ามาภายในโครงการ ช่วยลดการจราจรของผู้ที่ไม่เกี่ยวข้อง ทำให้โครงการมีความสงบและเป็นส่วนตัวมากขึ้น ด้านหน้าอาคารเมื่อเข้าซุ้มประตูมาแล้วจะเจอกับพื้นที่ Drop Off และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อน เดินเล่นได้ค่ะ

    บรรยากาศพื้นที่สวนด้านหน้าอาคารมองเข้าไปยังส่วน Drop Off ช่วยเพิ่มความมีชีวิตชีวาและบรรยากาศร่มรื่นให้กับทางเข้าของโครงการ และเป็นพื้นที่ที่ครอบครัวจะพาเด็กๆมาวิ่งเล่นได้ค่ะ

    ภายใน Lobby มีความสูง 7.50 เมตร และมีกระจกล้อมรอบให้ความรู้สึกโปร่งสบาย ตกแต่งด้วย วัสดุที่ให้ผิวสัมผัสเหมือนกับธรรมชาติ เช่น ไม้ และหินอ่อน เป็นต้น จากโถง Lobby สามารถเดินเชื่อมต่อไปยัง โถงลิฟต์ได้เลย ซึ่งจะเป็นลิฟต์แบบล็อคชั้นค่ะ

    ทางทิศใต้ของอาคาร จะมีถนนภายในโครงการเป็นตัวเชื่อมระหว่างถนนหลังสวน และซอยต้นสนได้ ซึ่งจะมีทางเข้า-ออกของอาคารทางทิศนี้ด้วยค่ะ โดยสำหรับรถโดยสารจะเข้า-ออกตามลูกศรสีน้ำเงิน เข้าไปวนที่ Drop Off หรือลงไปจอดรถที่ชั้นใต้ดินได้ สำหรับรถ Service ขนของจะแยกทางเข้า-ออกกับลูกบ้านชัดเจน โดยจะเข้า-ออก ทางลูกศรสีส้ม ด้านหลังอาคาร เข้าไปยังลิฟต์ Service โดยตรงค่ะ

    ด้านหลังอาคารทางทิศตะวันตก หันหน้าเข้าหาถนนหลังสวน เป็นส่วน Service สำหรับขนของ หรือเก็บขยะทั่วไป แยกทางเข้า-ออกกับลูกบ้านชัดเจน ทำให้ไม่รบกวนสายตา และไม่กีดขวางทางจราจรปกติค่ะ

    ทางทิศเหนือ โครงการติดกับ Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok โรงแรมระดับ 5 ดาว ภายใน Sindhorn Village ซึ่งลูกบ้านสามารถเรียกใช้บริการเสริมของทางโรงแรมได้ เช่น บริการซัก-รีด , สั่งอาหารจากห้องอาหาร, บริการนวดสปา, บริการทำความสะอาด เป็นต้น ซึ่งจะมีทางเดินเข้า-ออก บริเวณลูกศรสีเขียวได้ค่ะ

    มาดูพื้นที่ชั้นพักอาศัยกันบ้าง โดยจะเริ่มที่ชั้น 2 (ภาพซ้าย) ซึ่งเป็นชั้นที่มีห้องแบบ Studio ขนาดประมาณ 50 ตารางเมตร 4 ยูนิต หันไปทางสวนลุมพินี  มีห้อง 1 Bedroom อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มองเห็นวิวหันไปทางซอยต้นสน ซึ่งเป็นวิวบรรยากาศค่อนข้างร่มรื่น เงียบสงบ และห้อง 2 Bedroom ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มองเห็นบรรยากาศช่วงท้ายถนนหลังสวนค่ะ โดยชั้นนี้มีจำนวน 6 ยูนิตเท่านั้นค่ะ

    ชั้น 3 -12 เป็นชั้น Typical Floor Plan โถงทางเดินเป็นแบบ Single Corridor มีพื้นที่ส่วนกลางแยกอาคารออกเป็น 2 ส่วนชัดเจน ทำให้แต่ละฝั่งมีจำนวนยูนิตเพียง 5 ยูนิต มีความเป็นส่วนตัวสูง โถงทางเดินมีช่องเปิดรับแสงและระบายอากาศ 2 จุด ช่วยให้มีแสงธรรมชาติและมีอากาศถ่ายเทอยู่เสมอ ห้องพักมีห้อง 1+1 Bedroom ขนาด 98.00 ตารางเมตร 2 ยูนิต ทางทิศตะวันออกและตะวันตกมองเห็นวิวถนนหลังสวนและซอยต้นสน และรอบข้างเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 143 – 158 ตารางเมตรอยู่ล้อมรอบ มองเห็นวิวได้เกือบทั้ง 2 ฝั่งค่ะ

    ชั้น 14 – 26 เป็นชั้นช่วงกลางๆอาคาร มีแต่ห้องขนาดใหญ่ คือ ห้อง 2 Bedroom ขนาด 139 ตารางเมตร ฝั่งละ 2 ยูนิตทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตก และ 3 Bedroom ขนาด 215 ตารางเมตร ฝั่งละ 2 ยูนิต รวมเป็นฝั่งละ 4 ยูนิต และทำให้ห้อง 3 Bedroom มีความเป็นส่วนตัวเนื่องจากผนังห้องติดกับห้องอื่นๆเพียงแค่ฝั่งเดียวค่ะ

    ชั้น 27 -28 เป็นชั้นที่มีแต่ห้อง 4 Bedroom ขนาด 356 ตารางเมตรเท่านั้น แบ่งเป็นฝั่งละ 2 ยูนิต รวมทั้งชั้นเพียง 4 ยูนิต  แต่ละห้องจะมีด้านที่ติดกับห้องอื่นแค่ฝั่งเดียวเท่านั้นทำให้มีความเป็นส่วนตัวสูง ทุกๆห้องสามารถมองเห็นวิวได้ทั้ง 2 ฝั่ง

    ชั้น 29 เป็นชั้นด้านล่างชั้น Facility ทำให้มีห้อง 4 Bedroom ขนาด 356 ตารางเมตร แค่ 2 ยูนิต (เนื่องจากฝั่งทิศตะวันตกเป็นพื้นที่งานระบบของสระว่ายน้ำ) มีความ Private สูงสุดพอๆกับชั้น 34 ซึ่งเป็น Penthouse เลยค่ะ

    ชั้น 31 – 33 เป็น ชั้นที่มีห้องพักเพียงฝั่งเดียวและมีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานมากกว่าปกติอยู่ที่ 3.50 เมตร มีห้อง 3 Bedroom ขนาด 339 ตารางเมตร 2 ยูนิต และ 3 Bedroom ขนาด 243 ตารางเมตร 1 ยูนิต รวม 3 ยูนิตต่อชั้น และมีช่องว่างระหว่างห้องให้แต่ละห้องแทบจะไม่มีพื้นที่ติดกันเลยค่ะ ทำให้เป็นชั้นที่มีความเป็นส่วนตัวมากมากที่สุด และให้ความรู้สึกโปร่ง กว้างจากการที่ได้ฝ้าเพดานสูงขึ้นด้วย

    ชั้น 30 เป็นชั้นที่รวม Facility ของโครงการเอาไว้ทั้งหมด โดยจะมีสระว่ายน้ำระบบเกลืออยู่ทางทิศตะวันตก สามารถว่ายน้้ำพร้อมชมวิวเมืองที่มีพระอาทิตย์ตกได้ โดยแยกส่วนจาก Kids Pool ชัดเจนเพื่อความปลอดภัย และความสงบเหมาะกับการพักผ่อนนของส่วนผู้ใหญ่ ภายในอาคารมีห้อง Lounge สำหรับนั่งพักผ่อน หรือคุยงานพร้อมกับชมวิวเมืองและสวนลุมพินีได้ หรือถ้าใครอยากจัดประชุมก็จะมีห้อง Meeting Room แยกออกมาเพื่อความเป็นส่วนตัวได้ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นห้อง Fitness มีห้อง Yoga แยกออกมา พร้อมกับ Steam & Sauna แยกชาย-หญิงให้อย่างละ 1 ห้องค่ะ

    ชั้น 30 ของอาคารเป็นส่วนของ Facility และชั้น 31 – 34 เป็นห้องพักอาศัยเพียงฝั่งเดียวทำให้ห้องที่อยู่ด้านริมอาคารทางทิศเหนือและทิศใต้สามารถออกมายืนมองวิวบรรยากาศ Facility ของโครงการได้ค่ะ

    บรรยากาศสระว่ายน้ำ Infinity Edge Pool มองเห็นวิวเมืองได้ 270 องศาทั้งวิวสวนลุมพินี วิวเมืองฝั่งถนนราชดำริ และวิวเมืองภายในถนนหลังสวนได้ เป็นสระระบบเกลือขนาดประมาณ 25 x 8 เมตร มีการตกแต่งไฟในเวลากลางคืน ให้มีบรรยากาศเหมือนกับมาพักผ่อนในโรงแรม

    บรรยากาศภายในห้อง Fitness มีผนังกระจกทำให้มองเห็นวิวเมืองฝั่งซอยต้นสน และถนนวิทยุ มองเห็นพื้นที่สีเขียวจากสถานทูตสหรัฐอเมริกา, สถานทูตเนเธอร์แลนด์ เป็นต้น ภายใน แบ่งส่วนเป็นห้องออกกำลังกาย และห้องโยคะ

    บรรยากาศภายใน Lounge มีกระจกรอบด้าน สามารถมองออกไปเห็นวิวสระว่ายน้ำและวิวสวนลุมพินีได้ เหมาะกับการมานั่งพักผ่อนชมวิว มาอ่านหนังสือ หรือว่านัดเพื่อนมาคุยธุรกิจพร้อมชมบรรยากาศวิวเมืองรอบๆได้

    ชั้น 34 เป็นชั้นของ Penthouse ที่มีจำนวน 2 ยูนิตต่อชั้น ขนาด 510 ตารางเมตร และ 487 ตารางเมตร สามารถมองเห็นวิวได้ทั้ง 3 ด้าน โดยห้องใหญ่จะเป็นวิวทาง Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok , Kimpton Hotel Bangkok และวิวเมืองฝั่งหลังสวนมองไปยังถนนเพลินจิต ส่วนห้อง 487 ตารางเมตรจะมองเห็นวิวสวนลุมพินี พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ และเห็นวิวเมืองฝั่งถนนพระราม 4 ค่ะ

    สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

    • Double-volume Residence Lobby ความสูง 7.50 เมตร
    • Garden Space ที่ชั้น 1
    • สระว่ายน้ำระบบ เกลือ ขนาด 25 x 8 เมตร ลึก 1.20 เมตร ที่ชั้น 30
    • มีการแบ่งสระเด็ก ขนาดประมาณ n/a เมตร
    • Fully-equipped fitness room ที่ชั้น 30
    • Changing rooms and locker rooms with sauna and
      steam rooms
    • ลิฟต์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร จาก OTIS
    • อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 58 :  1
    • Service Lift 1 ตัว
    • Fireman Lift 1 ตัว
    • ที่จอดรถประมาณ 495 คันคิดเป็น 100% (ของห้อง Bedroom)
    • ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ 24 ชั่วโมง
    • CCTV / Key Card / Finger Scan
    • มีระบบไฟฟ้าสำรองในส่วนพื้นที่ Common Area, ตู้เย็น และสุขภัณฑ์อัตโนมัติ


    Product Walkthrough

    ภายในโครงการนี้มีห้องให้เลือกหลายขนาดเลยนะคะ เริ่มตั้งแต่

    • Studio 52.00 ตร.ม.
    • 1 Bedroom (+1 Room) 98.00 ตร.ม.
    • 2 Bedrooms 139.00 –  158.00 ตร.ม.
    • 3 Bedrooms 215.00 – 339.00 ตร.ม.
    • 4 Bedrooms 356.00 ตร.ม.
    • Penthouse 480 – 510 ตร.ม.

    ภายในโครงการขายแบบ Fully Fitted พร้อมชุดครัว ตู้เสื้อผ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วน มีการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์และวัสดุอปกรณ์ที่อยู่ในระดับ Top ของแบรนด์ ดังนี้ค่ะ

    • พื้น

    • Living, Dining and Kitchen : Marble
    • Bedrooms : Engineered wood
    •  Bathrooms : Marble
    • Balcony : Homogenous ceramic tiles

  • ผนัง
    • Unit Internal wall : Plastered wall with paint finish
    • Bathrooms : Marble
    • Glass window & Balcony door : Triple layered insulated glass panel with double Low-E coating and solid aluminum frame
    • Internal doors : Hard-wood door with high-quality laminated finish
      and HAFELE fittings

  • ครัว
    • POGGENPOHL, a luxury German kitchen set with laminated
      finish
    • HANSGROHE, kitchen faucet
    • BLANCO or equivalent, stainless steel sink
    • BOSCH, LIEBHERR or equivalent, ( built-in microwave, built-in oven,  built-in refrigerator, ceramic induction hob, Kitchen hood, Washing machine and drying machine for all units)

  • ตู้
    • POLIFORM, a luxury Italian wardrobe brand
    • Shoes and Utility cabinets are provided with the similar built-in
      quality fittings and finishing

  • ห้องน้ำ
    • AXOR-HANSGROHE, shower sets
    • HANSGROHE, washbasin faucet and bathtub set
    • TOTO Neorest auto washlet in master bathroom
    • DURAVIT Durastyle one piece toilet
    • High-quality sanitary fixtures and fittings
    • Frameless tempered glass shower partition
    • STIEBEL ELTRON, water heater or equivalent

  • แอร์
    • DAIKIN, energy efficient VRV System
    • Concealed installation throughout the internal private and
      common areas

    ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปชมห้องตัวอย่าง 2 Bedroom ของโครงการกันนะคะ

    ห้องนอน 2 Bedroom ห้องตัวอย่างขนาด 139 ตารางเมตร ราคาประมาณ 20 กว่าๆจนถึง 30 ล้านบาท จัดพื้นที่การใช้งานชัดเจน แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วน Common Area ทางด้านขวามือ และส่วนพื้นที่พักอาศัยที่มีความ Private ทางด้านซ้ายมือ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับพื้นที่ครัวเปิด เชื่อมต่อไปจนถึงห้องนั่งเล่น และระเบียง ทำให้ห้องดูกว้างโล่ง ให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่บ้าน ซึ่งสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ถึง 6 ที่นั่ง และวางโซฟายาวพร้อมเก้าอี้นั่งอีก 2 ข้างได้สบายๆ ซึ่งส่วน Common Area ทั้งหมดจะได้แสงธรรมชาติที่เข้ามาจากประตูระเบียงที่เป็นกระจกเต็มบานค่ะ พื้นที่ระเบียงของห้องนี้ถือว่าใหญ่เลยค่ะ สามารถวางโต๊ะเล็กๆออกไปนั่งกินลมชมวิวได้สบายๆ ส่วนห้องทางฝั่งซ้ายจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือด้านล่างเป็นส่วน Service ทั้งหมด คือห้องน้ำส่วนกลาง ที่เป็น Powder Room และห้องซักรีด และแบ่งพื้นที่ห้องติดช่องแสงเป็นห้องนอนทั้งหมด โดยห้องนอนเล็กจะอยู่ติดกับส่วน Common Area มีห้องน้ำในตัว และทำพื้นที่ด้านหน้าห้องน้ำเป็น Walk-in Closet ได้ค่ะ ส่วนห้อง Master Bedroom เข้ามาแล้วจะเจอกับ Walk-in Closet แยกเป็นสัดส่วน เชื่อมต่อกับห้องน้ำ ที่แบ่ง His & Her ใช้งานได้ 2 คนพร้อมกัน และติดตั้งอ่างอาบน้ำมาให้ด้วยค่ะ ห้องนี้เหมาะกับครอบครัว ตั้งแต่ 2 – 4 คน ชอบพื้นที่ส่วนกลางไว้นั่งเล่นพูดคุยกันค่อนข้างกว้าง ชอบระเบียง และเน้นความเป็นส่วนตัวของห้อง Master Bedroom เป็นต้น

    มาเริ่มกันตั้งแต่ด้านหน้าห้องกันนะคะ ประตูทางเข้าด้านหน้าเป็นประตูลามิเนตกันไฟ ( 2 ชั่วโมง )สามารถเปิดได้ 2 บานเพื่อขนย้ายสิ่งของชิ้นใหญ่ๆได้ (ประตูของพื้นที่ส่วนกลางเองก็ถูกออกแบบมาให้สามารถเคลื่อนย้ายเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ได้ค่ะ ตัวประตู HAFELE fittings ลายไม้และตกแต่งด้านหน้าห้องแบบเดียวกับในห้องตัวอย่างเลย และมี Digital Door Lock จาก KABA มีไฟติดมาให้ด้านบนและซ่อนไฟบริเวณเลขห้องทางฝั่งขวามือให้ค่ะ

    บริเวณเลขห้องด้านหน้าจะมี VDO Door Phone ติดมาให้สำหรับสื่อสารกับคนภายในห้องได้ และมีการเชื่อมต่อจาก VDO Door Phone ภายในห้องลงไปยังพื้นที่ต้อนรับด้านหน้า เพื่อยืนยันแขกที่มาพบด้วยค่ะ

    ตัว Digital Door Lock จาก KABA รองรับระบบรหัสผ่าน, Key Card, Key และระบบ 1 Time Password สำหรับให้แขกเข้ามาในห้องได้แม้ไม่มีใครอยู่ค่ะ

    เข้ามาภายในฝั่งซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ Common Area เป็นพื้นที่ครัวเปิด พื้นที่รับประทานอาหารและห้องนั่งเล่น มีความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานประมาณ 3.00 เมตร (ส่วนครัวประมาณ 2.60 เมตร) ฝ้าเพดานมีการซ่อนไฟหลุมและติดตั้ง Down Light มาให้แบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ เป็นฝ้า Gypsum Board ทาสีขาว ปูพื้นหินอ่อนจากประเทศตรุกี

    มองย้อนกลับมาที่ส่วนครัว จะแอร์แบบ Concealed Installation ตัวแอร์จะไม่ได้มีช่องอากาศเป่าออกมาตลอดทั้งแนว แต่จะมีการทำช่องระแนงมาให้ตลอดเพื่อความสวยงามค่ะ ซึ่งแอร์ของที่นี่จะเป็น VRV System นะคะ

    ด้านหน้าตรงบริเวณประตูมีสัญญาณแจ้งเตือนเพลิงใหม่ติดมาให้ทุกยูนิต

    เมื่อเข้ามาแล้วจะเจอกับตู้รองเท้าและตู้เก็บของทางฝั่งซ้ายมือ ซึ่งทางโครงการ Built-in มาให้เหมือนในห้องตัวอย่างเลยค่ะ เป็นตู้บานเปิด 2 ด้าน ตัวบานติดกระจก Laminate มาให้ นอกจากจะทำให้ห้องดูกว้างแล้ว ยังสะดวกในการแต่งตัวและเช็คตัวเองก่อนออกจากห้องด้วยค่ะ ^^

    ภายในมีชั้นวางของมาให้เลย สามารถวางรองเท้าได้มากกว่า 25 คู่ และเก็บของที่สะดวกในการหยิบใช้งานก่อนและหลังออกจากห้อง

    ส่วนครัวเป็นพื้นที่ครัวเปิด มี Island ตรงกลาง และเคาน์เตอร์รูปตัว L อยู่ด้านหลัง จะทำให้พื้นที่ดูโปร่ง เชื่อมต่อกันได้มากขึ้น พื้นที่ครัวเน้นการออกแบบให้เรียบง่ายแบบ Luxury Modern ไม่มีมือจับในทุกๆบาน มีการเว้นขอบบานเปิดด้านบนสำหรับมือ และย่อขอบด้านล่างป้องกันการเดินเตะมุมด้วยค่ะ

    ชุดครัวทั้งหมด จาก POGGENPOHL นะคะ ซึ่งเป็นแบรนด์ luxury จากประเทศเยอรมัน หน้าบานเป็นพื้นผิว Laminated และ Top หินควอซท์ ตัว Island มีช่องสำหรับเก็บของได้ทั้ง 2 ฝั่ง ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของมากขึ้นค่ะ

    บน Island มีช่องสำหรับต่อไฟฟ้ามาให้เมื่อไม่ใช้งานก็สามารถกดเก็บลงไปที่เดิมได้ ดูเป็นระเบียบเรียบร้อยค่ะ

    ตู้เย็น Built -in มาให้กลมกลืนกับตู้อื่นๆ เป็นตู้เย็นแบบ Multi Door จาก Liebherr แบรนด์ชั้นนำจากประเทศเยอรมัน

    มาดูส่วนเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง พื้นที่ใช้งานสำหรับเตรียมอาหารจะเป็นแนวยาวติดตั้งไฟมาให้ช่วยให้มองเห็นได้ดีขึ้นและไม่มีเงาของเราบังพื้นที่เตรียมอาหารค่ะ ช่องเก็บของ Built-in มาให้ทั้งด้านบนและด้านล่าง หน้าบาน Laminated และ Top หินควอซท์ จาก POGGENPOHL เหมือนกับ Island ค่ะ

    ตู้เก็บของชั้นบนจะเน้นไปที่เก็บของทั่วไป ทั้งวัตถุดิบในการทำอาหารรวมถึงเครื่องใช้ภายในครัวทั่วไปค่ะ

    บนเคาน์เตอร์ ติดตั้งอ่างล้างจานแบบ 2 หลุมมาให้จาก BLANCO และก๊อกน้ำดีไซน์จาก  HANSGROHE

    บริเวณ Backsplash ติดตั้งราง และที่แขวนอุปกรณ์มาให้ อำนวยความสะดวกในการใช้งาน พร้อมช่องปลั๊กสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น หม้อหุงข้าว เป็นต้น

    ถัดมาด้านขวามือเป็นเตาไฟฟ้า 4 หัวและเครื่องดูดควันระบบดูดอากาศออกภายนอก จาก BOSCH

    ช่องเก็บของใต้เคาน์เตอร์ ออกแบบมให้ใช้เฉพาะ พื้นที่ใต้อ่างล้างจาน เหมาะสำหรับเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด มีถังขยะแบบเปิดฝาอัตโนมัติติดมาให้ และช่องเก็บของด้านขวาสำหรับจาน ชาม และลิ้นชักช้อน-ส้อมค่ะ

    ริมสุดจะเป็นส่วนของเตาอบและ Microwave จาก BOSCH ซึ่งโครงการจะติดตั้งมาให้แบบนี้เลยนะคะ ด้านบนเป็นเครื่อง Microwave แยกส่วนกับเตาอบ สามารถใช้งานพร้อมกันได้  และมีช่องเก็บของด้านบนและล่างเพิ่มให้อีก

    ส่วนรับประทานอาหารเชื่อมต่อกับห้องรับแขก และประตูระเบียง ซึ่งเป็นกระจกเต็มผนังทำให้ห้องดูโปร่งสบาย และมีแสงธรรมชาติทั่วถึง

    พื้นที่รับประทานอาหารสามารถวางได้ประมาณ 4 – 6 ที่นั่ง ซึ่งเหมาะสมกับห้องขนาด 2 Bedroom ค่ะ

    ในส่วนห้องนั่งเล่นจะมีจอ VDO Door Phone เชื่อมกับกล้องด้านหน้าห้องและส่วนต้อนรับด้านล่าง สามารถมองเห็นหน้าแขกที่จะมาหาก่อนได้ มีตัวควบคุมอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศ และ สวิตซ์ไฟจาก bticino

    ผนังห้องเก็บรายละเอียดได้ดีในหลายๆจุด บัวขอบผนังที่พื้นมีการลดระดับให้เท่าๆกับผนังดูแล้วเป็นผืนเดียวกัน

    ห้องนั่งเล่นมีขนาดค่อนข้างกว้าง สามารถวางโซฟาได้ 4 – 6 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง ในส่วนห้องนั่งเล่นจะได้รับแสงธรรมชาติจากประตูระเบียงเข้ามาได้เต็มที่

    ภายในห้องมีระยะดู TV ประมาณ 4.3 เมตร เหมาะกับการตั้ง TV ขนาดใหญ่ 50 นิ้ว ขึ้นไปค่ะ

    ฝ้ามีการ Drop เพื่อซ่อนรางม่านทำให้ห้องดูเรียบร้อยสวยงามมากขึ้น

    ประตูระเบียงเป็นบานเลื่อนกระจกขนาดใหญ่เต็มผนัง ทำให้แสงจากด้านนอกเข้ามาได้มาก แต่ก็ไม่ส่องเข้าห้องโดยตรงเนื่องจากมีส่วนของกันสาดยื่นออกไปค่อนข้างกว้างค่ะ ตัวบานประตูเป็นกระจก Triple layered insulated glass และ double Low-E coating ค่อนข้างหนาทีเดียวค่ะ ช่วยลดความร้อนและเสียงรบกวนจากภายนอกที่เข้าสู่ห้องได้มากกว่ากระจกทั่วไป ตัวกรอบบานเป็นอลูมิเนียม Powder Coat  ค่อนข้างแข็งแรงค่ะ

    พื้นที่ระเบียงถือว่าให้มาขนาดใหญ่ทีเดียว มีขนาด 1.50 x 4.60 เมตร สามารถนำเก้าอี้นั่งเล่นออกมานอนดูวิวได้จริง พื้นระเบียงปูด้วย กระเบื่องเซรามิคขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ทำความสะอาดได้ง่าย มีความลาดเอียงและมีร่องระบายน้ำอยู่ฝั่งด้านนอกช่วยให้น้ำฝนไม่ไหลเข้ามาในห้องค่ะ

    ระเบียงมีขนาดค่อนข้างใหญ่และมีชายคาครอบคลุมทำให้ช่วยลดแสงแดดและน้ำฝนที่จะเข้าสู่ห้องได้โดยตรง ทำให้ออกมายืนด้านนอกตอนกลางวันแล้วไม่ร้อนมากนักค่ะ และเนื่องจากแอร์ เป็นระบบ VRV System ทำให้ไม่มี Condensing Units อยู่ภายในห้องพักทำให้ไม่มีเสียงรบกวน และกินพื้นที่ให้เสียเปล่าเลยค่ะ

    บริเวณระเบียงก็มีการทำช่องระบายควันจากเครื่องดูดอากาศแบบฝังฝ้าเพดานตลอดแนว ทำให้ดูเรียบร้อยสวยงาม มีปลั๊กไฟ ก๊อกน้ำ และ Floor Drain ติดตั้งมาให้

    มาดูส่วนที่เป็นพื้นที่ Private กันบ้างค่ะ โถงทางเดินตรงนี้จะเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายเป็นส่วน Service มีห้อง Laundry และห้องน้ำ ส่วนฝั่งขาจะเป็นห้องนอนทั้ง 2 ห้องค่ะ

    ประตูห้องภายในจะเป็นประตู Hard-wood high-quality laminated finish
    and HAFELE fittings ทุกบาน ให้ดูสวยงามเข้ากันค่ะ ส่วนของห้อง Laundry จะเป็นประตูทรงสูงไม่กว้างมากนักเนื่องจากเป็นส่วนของ Service ค่ะ

    ภายในจะมีชั้นวางของเก็บของและด้านล่างมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า ซึ่งทางโครงการได้ให้มาด้วย จาก BOSCH  ภายในห้องมีพัดลมดูดอากาศ และเป็นที่ตั้งของระบบไฟฟ้า ซึ่งที่นี่จะมีความแตกต่างจากที่อื่นคือ มีระบบไฟฟ้าสำรองฉุกเฉินกรณีไฟดับมาให้ ในปลั๊กไฟใน Common Area ตู้เย็น และระบบสุขภัณฑ์อัตโนมัติ เพื่อให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติค่ะ

    ห้องน้ำส่วนกลางจะเป็น Powder Room ปูด้วยพื้นหินอ่อนจากประเทศกรีซ ภายในห้องมีกระจกเงาบานใหญ่พร้อมกรอบให้มาแบบในห้องตัวอย่างเลยค่ะ อ่างล้างมือติดตั้งแบบฝังเคาน์เตอร์มีช่องเก็บของด้านล่าง บานกระจกเงามให้ สุขภัณฑ์จาก DURAVIT ซึ่งก็เป็นแบรนด์จากประเทศเยอรมันค่ะ

    ถักมาเรามาดูห้องนอนเล็กกันก่อนนะคะ เริ่มจากประตูห้อง เป็นบาน ประตู Hard-wood high-quality laminated finish & HAFELE fittings ที่มี Details ตรงขอบประตูมียางซีล เพื่อกันเสียงจากภายนอก และด้านล่างของประตูเป็นตัวซีลระบบ Mechanical เวลาเราปิดประตูจะไปดันเดือยที่ยื่นออกมาให้ยางด้านล่างลงไปชิดกับพื้น ช่วยกันแมลงเข้ามาในห้องและช่วยกันเสียงได้มากขึ้นค่ะ

    เข้ามาภายในห้องด้านซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ Built-in ตู้เสื้อผ้า เป็นบานเปิด 2 ข้าง 3 ตัว ด้านในมีช่องสำหรับแขวนผ้า วางกระเป๋า หรือเครื่องประดับได้ค่อนข้างหลากหลาย พร้อมไฟภายในตัว ถือว่าสามารถเก็บได้เยอะทีเดียวค่ะ

    ส่วนฝั่งขวามือจะเป็นห้องน้ำ มีห้องอาบน้ำมาให้ แบ่งส่วนเปียก-แห้งชัดเจนพร้อมฉากกั้นอาบน้ำ ซึ่งโดยรวมจะใช้วัสดุอุปกรณ์เหมือนกับห้องน้ำ Powder Room ค่ะ

    กระจกเงา สามารถเปิดเก็บของด้านหลังได้ 3 บาน ช่วยซ่อนพื้นที่วางของให้ดูเรียบร้อย และหยิบใช้งานได้สะดวกค่ะ

    อ่างล้างมือและสุขภัณฑ์เหมือนกับห้อง Powder Room จาก DURAVIT และมีปลั๊กไฟให้สำหรับ ไดร์เป่าผม เป็นต้น

    ฉากกั้นห้องน้ำเป็นบานเปิดกระจก Tempered แบบ Frameless สีชา ช่วยกันน้ำกระเด็นออกมายังส่วนแห้งและให้ความเป็นส่วนตัวในการอาบน้ำมากขึ้น

    ห้องอาบน้ำมีพื้นที่ประมาณ 1.40 x 1.0 เมตร สามารถยืนอาบได้สบาย ฝักบัวเป็นฝักบัวสายอ่อน พร้อม Rain Shower จาก AXOR-HANSGROHE ซึ่งถือเป็นรุ่น Top ของ HANSGROHE เลยค่ะ ด้านข้างผนังมีพื้นที่สำหรับวางของมาให้ ด้านบนมีการ Drop ฝ้าซ่อนไฟ และติดตั้งพัดลมดูดอากาศมาให้

    ส่วนห้องนอนจะได้เป็นห้องเปล่าผนังฉาบเรียบทาสี มีพื้นที่ขนาดประมาณ 4.00 x 4.00 เมตร สามารถวางเตียง King Size ได้ มีพื้นที่ปลายเตียงสามารถ Built-in เป็นชั้นวาง TV หรือ โต๊ะเครื่องแป้งก็ได้ค่ะ ห้องนอนจะได้รับแสงจากช่องแสงบานใหญ่เต็มผนัง และมีฝ้า Drop ซ่อนรางม่านมาให้เหมือนกับห้องนั่งเล่นค่ะ

    ห้องนอนเมื่อวางเตียงแล้วจะเหลือพื้นที่ด้านข้างสำหรับเดินได้รอบ และวางโต๊ะข้างเตียงตกแต่งเพิ่มเติมได้ค่ะ

    ช่องแสงของห้องนอนก็จะเป็นกรอบอลูมิเนียม กระจก Triple layered insulated glass with double Low-E coating เหมือนกับห้องนั่งเล่นค่ะ ช่วยกันความร้อนและเสียงไม่ให้เข้ามารบกวนภายในห้อง

    มีช่องเปิดมาให้ 1 จุดเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งสำหรับเปิดระบายอากาศภายในห้อง

    มาดูห้อง Master Bedroom กันบ้างนะคะ เข้ามาในห้องแล้ว จะเห็นส่วน Walk-in Closet อยู่ด้านซ้ายมือ ห้องนอนจะปูด้วยพื้น Engineered wood ผิวไม้ American Walnut ผิวสัมผัสเหมือนไม้จริงๆ

    พื้นที่ Walk in Closet มีขนาดค่อนข้างใหญ่ กว้างประมาณ 2.40 x 2.50 เมตร มีประตูบานเลื่อนกระจกสีชาสามารถเลื่อนปิดได้ แต่ไม่ได้เพิ่มความเป็นส่วนตัวเท่าไรนะคะเพราะมองเห็นภายในได้ทั้งหมด ตัวตู้เสื้อผ้ารูปตัว L พร้อมชั้นเก็บของต่างๆโครงการ Built-in มาให้เลย จาก POLIFORM ค่ะ

    ห้องน้ำของห้อง Master Bedroom จะอยู่ภายในห้องนอน มีประตูเป็นบานเลื่อนกระจกเงาทั้ง 2 ด้าน สำหรับการแต่งตัวภายใน Walk-in Closet ไปในตัวด้วย

    ภายในห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน แยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน แบ่งเป็นส่วนสุขภัณฑ์และส่วนอาบน้ำ พร้อมติดตั้งอ่างอาบน้ำมาให้ค่ะ

    อ่างล้างหน้าที่ได้จะเป็นแบบ His & Her จาก DURAVIT ใช้งานได้พร้อมกัน 2 คน มีลิ้นชักเก็บของด้านล่าง 4 ช่อง พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ แต่เนื่องจากกระจกเงาไม่มีพื้นที่เก็บของด้านหลัง ทางโครงการจึงออกแบบชั้นวางของทางด้านซ้ายมือให้มาด้วยค่ะ

    อ่างอาบน้ำเป็นอ่างแบบ Custom Made สั่งทำพิเศษสามารถลงไปนอนแช่ได้เลยค่ะ พร้อมติดตั้งชุดฝักบัวมาให้จาก HANSGROHE

    สุขภัณฑ์ภายในห้อง Master Bedroom เป็นสุขภัณฑ์อัตโนมัติจาก TOTO Neorest auto washlet ปรับระดับได้หลากหลาย กรณีไฟดับจะมีไฟฟ้าสำรองจ่ายมาให้สุขภัณฑ์ตัวนี้ด้วยค่ะ ทำให้ใช้งานได้ตามปกติในชีวิตประจำวัน

    ห้องอาบน้ำมีประตูกระจกบานเปิดติดตั้งมาให้ พื้นที่อาบน้ำกว้างประมาณ 1.40 x 1.0 เมตร สามารถยืนอาบได้สบายๆค่ะ ฝักบัวเป็นฝักบัวสายอ่อน พร้อม Rain Shower จาก AXOR-HANSGROHE ด้านข้างผนังมีพื้นที่สำหรับวางของมาให้ใช้งานง่าย ไม่ต้องติดตั้งเองให้เสียพื้นที่ค่ะ

    ส่วนพักผ่อนของห้อง Master Bedroom ค่อนข้างใหญ่ สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ มีพื้นที่เหลือโดยรอบ ปลายเตียงสามารถ Built-in ชั้นวาง TV หรือโต๊ะเครื่องแป้งแล้วยังมีที่เดินได้สบายๆค่ะ ห้องนี้ก็จะได้ช่องแสงขนาดใหญ่เต็มผนัง ซึ่งจะกว้างกว่าห้องนอนอีกห้องนึงค่ะ

    เมื่อวางเตียงแล้วก็จะเหลือพื้นที่ด้านข้างสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงเพิ่มเติมได้สบายๆค่ะ

    ช่องแสงของห้องนี้ จะได้ช่องแสงเหมือนกันกับส่วนอื่นคือ ตัวบานกรอบอลูมิเนียมกระจก Triple layered insulated glass และ double Low-E coating  ช่วยลดความร้อนและเสียงรบกวนจากภายนอกที่เข้าสู่ห้อง ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 28 May 2019

    • รูปแบบการขาย  Fully Fitted
    • ความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดาน 3.00 เมตร
    • Kitchen & Sink POGGENPOHL
    • Hob & Hood จาก BOSCH
    • จอง n/a บาท
    • ทำสัญญา n/a บาท
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน n/a บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 120 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    ทำเล :

    ที่ตั้งโครงการ The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok ตั้งอยู่บนถนนหลังสวนช่วงท้ายซอยใกล้กับถนนสารสิน สามารถออกจากโครงการได้ 2 ฝั่งทั้งถนนหลังสวน และซอยต้นสน บรรยากาศภายในซอยเงียบสงบ เหมาะกับการอยู่อาศัย มีต้นไม้ปลูกอยู่ตลอดสองฝั่งข้างทางโดยเฉพาะในซอยต้นสนจะมีความร่มรื่นตลอดทั้งซอย ด้านความอุดมสมบูรณ์ก็มีครบครัน เนื่องจากภายในถนนหลังสวนก็จะมีโรงแรม ร้านอาหารอยู่หลากหลาย สามารถหาของกินได้ง่าย สามารถเดินไปยัง  Mercury Ville , Central ชิดลม หรือใครชอบเดินหน่อยก็สามารถเดินไป Central Embassy, Central Word ไปถึงสยามได้เลยค่ะ และเมื่อภายใน Sindhorn Village ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยทั้งหมดแล้วก็จะมีความสะดวกเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมี Retails อย่าง Velaa อยู่ติดกับโครงการ รวมถึงสามารถใช้บริการจากโรงแรม  Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok ได้

    การเดินทางโดยใช้รถ :

    การเดินทางโดยใช้รถถือว่าสะดวกพอสมควรเนื่องจากโครงการสามารถออกได้ 2 ฝั่งที่ถนนหลังสวน (One Way) และซอยต้นสน ซึ่งเป็นถนน Two Way ไปเชื่อมต่อกับถนนสารสิน ซึ่งสามารถไปออกถนนวิทยุ และถนนพระราม 4 ได้ นอกจากนั้นยังใกล้กับ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร โดยสามารถใช้ไปออกดินแดง หรือไปทางบางนาได้ สามารถขึ้นได้จากทางพระราม 4 (ระยะทางจากทางด่วนไม่เกิน 3 กิโลเมตร) และทางถนนเพชรบุรีตัดใหม่ นอกจากนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเรื่องการเดินทางโดยใช้รถนั่นก็คือจำนวนที่จอดรถค่ะ ซึ่งโครงการนี้ให้มาแบบจัดเต็ม 200 % ของจำนวนยูนิต ทั้งหมดในโครงกา

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ :

    การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ใจกลางเมืองทำให้ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าทั้ง 3 สาย คือ รถไฟฟ้า BTS สายสุขุมวิท ที่สถานีชิดลม อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 1 กิโลเมตร , สายสีลม ที่สถานีราชดำริ สามารถเดินทะลุซอยมหาดเล็กหลวง ไปยังสถานีราชดำริได้ในระยะทางประมาณ 680 เมตร  และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน ที่สถานีสีลม ระยะทางจากโครงการประมาณ 1.15 กิโลเมตร หรือสามารถเรียกรถ Taxi ได้จากหน้าโครงการเนื่องจากมีรถสัญจรไปมาอยู่ตลอดทั้งวันค่ะ

    วัสดุ :

    วัสดุขอบอกเลยว่าโครงการให้มาแบบจัดเต็ม ทั้งส่วนของโครงการและภายในห้อง ซึ่งโครงการขายแบบ Fully Fitted และเครื่องใช้ไฟฟ้า พื้นห้องปูด้วยหินอ่อนจากประเทศตุรกี พื้นห้องนอนเป็น Engineered wood ผิว American Walnut ให้ผิวสัมผัสเหมือนไม้จริง ชุดครัวจาก POGGENPOHL ก๊อกน้ำ HANSGROHE พร้อมตู้เย็น, เครื่องดูดควัน, เตาไมโครเวฟ, เตาอบ, เครื่องซักผ้า, เครื่องอบผ้า จาก BOSCH ตู้ Built-in จาก POLIFORM ภายในห้องน้ำใช้สุขภัณฑ์จาก DURAVIT ห้อง Master Bedroom จะได้อ่างอาบน้ำ Custom Made  ได้เซ็ตฝักบัวจาก  AXOR-HANSGROHE ซึ่งเป็นดีไซน์ระดับ Top ของ HANSGROHE  บานประตูห้องเป็นบานไม้ทนไฟ 2 ชั่วโมง บานกระจกกรอบอลูมิเนียม กระจก Triple layered insulated glass และ double Low-E coating กันความร้อนและเสียงเข้าสู่อาคารได้มาก

    การออกแบบ :

    การออกแบบภายนอกสไตล์ Timeless เลือกใช้สถาปนิกของไทยในการออกแบบทุกตัวอาคารภายใน Sindhorn Village มีความกลมกลืนกันภายในโครงการ มีพื้นที่ Facility ที่ชั้น 30 ของอาคารทำให้เห็นวิวเมืองได้กว้าง ชั้นพักอาศัยมีมากที่สุด 10 ยูนิตต่อชั้น เป็น Single Corridor ทั้งหมด ซึ่งตัวอาคารจะมีช่องแบ่งครึ่งอาคารออกเป็นสองฝั่ง ทำให้เพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องพักอาศัยได้

    ห้องพักอาศัยภายในโครงการเน้นห้องพักขนาดใหญ่โดยห้อง Studio เริ่มต้นประมาณ 52 ตารางเมตร มีให้เลือก 1 – 4 Bedroom จัดแบ่งพื้นที่ใช้งานค่อนข้างลงตัว มีพื้นที่ระเบียงกว้างสามารถให้งานได้จริง มีห้องเก็บเครื่องซักผ้าแยกส่วนชัดเจน (ยกเว้นห้อง Studio) มีการออกแบบ Details เก็บเสียงภายในห้องได้ดี รวมถึงออกแบบ Furniture ภายในห้องให้มีความสะดวกในการใช้งานจริง

    สาธารณูปโภค :

    สาธารณูปโภคทางโครงการให้มาค่อนข้างครบครันไม่ว่าจะเป็น Lobby โถงสูง 7.5 เมตร และพื้นที่สีเขียวที่ชั้น 1 ส่วน Facility จะอยู่ที่ชั้น 30 ของอาคาร มีสระว่ายน้ำระบบเกลือแบ่งสระเด็กและผู้ใหญ่ มีห้อง Game Room , Fitness + Yoga และ Steam & Sauna รวมถึง Lounge สำหรับนั่งชมวิว และห้อง Meeting Room แยกมาให้ และมีลิฟต์โดยสารให้ 4 ตัว อัตราส่วนลิฟต์รวมทั้งโครงการ 58 :  1 ถือว่ามีความหนาแน่นน้อยทำให้รอไม่นาน มี Service Lift ขนาดใหญ่สำหรับขนของ 1 ตัวและ Fireman Lift 1 ตัว นอกจากนั้นที่ไม่เหมือนใครก็คือ ทางโครงการมีระบบไฟฟ้าสำรองให้ในกรณีไฟดับ 8 ชั่วโมงในส่วนพื้นที่ Common Area, ตู้เย็น และสุขภัณฑ์อัตโนมัติ เพื่อให้ใช้ชีวิตได้ตามปกติค่ะ

    Judgement

    ราคาของคอนโดนี้ถือเป็นระดับ ULTIMATE CLASS ซึ่งความคุ้มค่าด้านราคาไม่ใช่ปัจจัยหลักเพียงอย่างเดียวในการตัดสินใจซื้อแล้ว ยังมีเรื่องความคุ้มค่าด้านอารมณ์ Emotional ส่วนบุคคลที่มาเป็นปัจจัยหลักอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตราบเท่าที่ทางเรายังไม่สามารถวัดค่ามาตรฐานทางอารมณ์ได้ ทาง Think of Living ขอไม่ให้คะแนนฟันธงในรีวิวเจาะลึกนะคะ เพราะเป็นสินค้าประเภท Unique Item และเราก็เชื่อว่าลูกค้าที่พร้อมจะซื้อคอนโดระดับนี้ ไม่ตัดสินกันด้วยคะแนนค่ะ

    BOTTOM LINE

    โครงการ The Residences at Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok  เหมาะกับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัย ทำเลหลังสวน บรรยากาศสงบ ไม่จำเป็นต้องเป็น Freehold เน้นคุณภาพตัวอาคารและวัสดุ มีการบริการแบบโรงแรมระดับ 5 ดาว ชอบห้องขนาดใหญ่และวิวดี มีงบประมาณตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป